ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #7 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 06

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 55


    ♀ TOM (or) BOY ♂
    0
    6






    เสียงการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญดังสนั่นจากโทรทัศน์จอแบนขนาด
    48 นิ้วตรงหน้า  หนุ่มร่างสูงที่นั่งยืดขาบนโซฟาสีน้ำตาลเข้มนั่งนิ่งมองมันอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากผลัดกันรับผลัดกันรุกอย่างคู่คี่สูสี แมนยูทีมรักก็โดนเข้าไปลูกนึงแล้ว

    ยิ่งภาพเบื้องหน้ากำลังรีเพลย์ช็อตนั้นให้ดูจากกล้องอีกมุม เต๋าก็ต้องขมวดคิ้วมองเซ็งๆ  ไอ้เสื้อน้ำเงินเบอร์ 23 มันเตะชิ่งไปโดนอีแวนส์ทีมเขาจนเข้าประตู!!!!!

    ดวงดีนักนะเชลซี!!!  แค่คิดถึงทีมสิงห์น้ำเงินก็พาลให้อารมณ์หงุดหงิด  หากไม่เพียงเท่านั้น  แต่สมองยังคงคิดไปถึงแฟนบอลทีมที่ควรจะมานั่งดูอยู่ด้วยกันตรงนี้แต่แรก

    น่าหงุดหงิดมันทั้งนักเตะทั้งแฟนบอล!
    จะไม่มาจริงๆ ใช่ไหม!?

    iPhone4S เชียวนะ!!!!

     

     


    โทรศัพท์สีขาวรูปทรงทันสมัยถูกวางลงไว้ข้างเตียง... ใบหน้าหวานเพียงมองมันพลางนอนฟังการแข่งขันฟุตบอลไปด้วยอย่างพอใจ

    นำก่อนแล้วว้อยไอ้เต๋า!!!!

    ว่าแต่... ไอ้มือถือเครื่องขาวนี่ตั้งใจลืมให้เอาไปคืนรึไง? เล่นวางไว้ทนโท่แบบนี้เลย?  ราคามันไม่ใช่ถูกๆ นะ!

    ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จากทิ้งผ้าเช็ดหน้าไว้เลยเปลี่ยนเป็นไอโฟน???


    เสียงพากย์จากวิทยุในโทรศัพท์บอกหมดเวลาครึ่งแรก
      คชายิ้มเยาะใส่โทรศัพท์สีขาวราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของเจ้าของ... ใครวะที่คุยว่าทีมตัวเองจะขยี้เชลซี

    ตีไข่ให้แตกก่อนเถอะน้องผี!

     

     


    พักครึ่งสิบห้านาที  คชาถอดหูฟังโทรศัพท์ออกวางไว้บนเตียงนอน  ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างในห้องเพราะแอร์ที่ถูกปิดไปพักนึงทำให้อากาศเริ่มจะร้อนเสียแล้ว

    แหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน... ฟ้าดำมืดมนยังคงไม่เห็นดวงดาวหรือดวงจันทร์เหมือนเคย เขาลดสายตาลงมาอีกหน่อย... ห้องชั้นสี่บนตึกแถวฝั่งตรงกันข้ามถูกปิดไฟจนมืด


    หรือรับไม่ได้ที่จะแพ้จนต้องปิดไฟนอน
    ?


    ยืนรับลมอมยิ้มสะใจอยู่ไม่นาน เสียงเคาะที่หน้าประตูก็เรียกร้องความสนใจไปหมดสิ้น  ใบหน้าหวานขมวดคิ้วหันไปก่อนจะถาม  “ใคร?”  เดินไปหาตรงหน้าประตู


    “เต๋า”  พอได้ยินเสียงก็ถึงกับร้องอ๋อ...  กลับมาเอามือถือล่ะสิ
    ! แล้วตกลงแกล้งลืมไว้อ่อยเขารึเปล่า? หรือที่จริงไอ้เต๋ามันเป็นตุ๊ด!?

    บ้า... ตุ๊ดที่ไหนเขาจะชอบทอมกัน

    “ล็อคทำไม เปิดสิ”  เสียงทุ้มดังขึ้นต่อเนื่อง  “เร็ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”


    เจ้าของห้องได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเบะปากอย่างหมั่นไส้... ใครวะที่ก่อนไปบอกให้ล็อคประตู... แล้วใครที่ควรจะรู้ว่าที่นี่เป็นหอหญิงซึ่งไม่ควรเข้าออกตามใจแบบนี้...


    มือเรียวคว้าโทรศัพท์เครื่องสีขาวบนเตียงนอน  มืออีกข้างปลดล็อคกลอนออก กำลูกบิดหมุนเปิดออกไปเพียงแค่ให้เห็นหน้าค่าตา


    “หนึ่งศูนย์”  เสียงใสทักทายด้วยโค้ดสั้นๆ ที่เข้าใจกันดี

    “เพิ่งครึ่งแรก แถมลูกเมื่อกี๊ก็แค่ฟลุค ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 45 นาที”  เต๋าตอบกลับเรียบๆ แต่ในใจโคตรเซ็ง   “หึ.. ใส่เสื้อทีมซะด้วย กลัวคนไม่รู้หรือไงว่าเชียร์ทีมอะไร”  สายตาไล่มองลายเสื้อยืดสีน้ำเงินสกรีนลายสิงห์ที่อีกฝ่ายสวมอยู่

    คชาได้ยินก็ยกยิ้มภูมิใจพลางยื่นโทรศัพท์ในมือคืนเจ้าของ  “อ้ะ เอาคืนแล้วก็กลับไปนอนร้องไห้ได้แล้ว”  คนตัวเล็กพูดเยาะเย้ย  หากแต่ไม่ทันที่มือขาวซีดนั้นจะมารับเอาโทรศัพท์ตัวเองคืนไป  สมองก็นึกบางอย่างขึ้นได้พอดี


    มือเรียวรีบดึงประตูปิด  เอาแผ่นหลังดันไว้ หัวใจเต้นแรง


    บ้าเอ๊ย
    !!!
    ลืมไปเลยว่าตอนนี้ใส่แค่เสื้อเปล่าตัวเดียว
    !


    “เป็นอะไร เปิดประตูสิ
    !

    ได้ยินเสียงทุ้มที่เรียกดังนั้น... คชาก็เริ่มตั้งสติ  แง้มประตูเปิดแค่พอมีช่อง  ยื่นมือที่ถือโทรศัพท์เครื่องเดิมออกไป

    และเมื่อวัตถุชิ้นนั้นถูกอีกฝ่ายดึงเอาไป หัวใจจึงค่อยๆ คลายการสูบฉีด


    โล่ง ไป ที


    ซะที่ไหนกัน
    !
    เอาโทรศัพท์เสร็จก็กลับบ้านไปเด้... จะจับมือเขาไว้เพื่อ
    !!!?


    มือเรียวสะบัดออกรัวๆ เพื่อให้อีกคนปล่อย  แต่หารู้ไม่ ยิ่งทำแบบนั้น อีกคนยิ่งกำแน่นเข้าไปอีก


    แมนยูโดนไปลูกนึงแล้ว ขอแกล้งแฟนเชลซีคืนให้สะใจหน่อยก็แล้วกัน


    “เฮ้ย
    ! ปล่อยดิ... แต๊ะอั๋งหรอ?”  เมื่อใช้แรงไม่ได้ผลจึงต้องใช้เสียงเอ่ยห้าม  มืออีกข้างรั้งประตูเอาไว้ให้เป็นเกราะกำบังแผ่นอกแบนราบของตัวเอง


    แต่มันกลับเป็นจุดอ่อน...
    เพราะต้องแบ่งแรงออกเป็นสอง... จึงไม่เท่าแรงของอีกคน


    การยื้อยุดดำเนินไปเพียงไม่นาน  ในที่สุดเศรษฐพงศ์ก็ย่างก้าวมาในห้องเบอร์
    23 สำเร็จ  ไม่ต่างจากการแข่งนัดนี้ที่แมนยูไปเยือนถิ่นเชลซีเจ้าบ้านเลย


    ประตูบานสีขาวถูกลงกลอนอีกครั้ง... เต๋าหันไปยิ้มเยาะใส่อีกฝ่าย หากแต่ก็ต้องคลายมันลงเมื่อเห็นร่างเล็กที่ยืนหันข้างให้กำลังเอามือสองข้างกอดหน้าอกเอาไว้เสียแน่น


    ตาคู่คมกวาดไปมองแผ่นหลังบาง...เสื้อยืดสีน้ำเงินตัวนั้นลู่ไปกับผิวกายจนแทบสนิท


    “ชา... อย่าบอกนะว่าโนบราอยู่
    !?”


    ได้ยินคำถามแบบนั้นคนฟังก็หน้าขึ้นสี  “เออเด้ะ
    !  แต่ยังตอบเสียงกวนกลบเกลื่อน  “รีบเอามือปิดตาเดี๋ยวนี้เลย!  พูดขู่ทั้งๆ ที่มือยังปิดหน้าอกไว้ท่าเดิม


    เต๋าเผลอกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ  แต่ก็ยกมือปิดตาตามคำบอกโดยดี


    “ปิดแน่นๆ ห้ามแอบดูนะ
    !”  หันมาขู่ใส่อีกรอบ  “เอามือออกขอให้เป็นกุ้งยิง”  พูดจบก็เดินถอยไปหาตู้เสื้อผ้าทั้งๆ ที่ยังจับตาดูอีกฝ่ายไม่ให้คลาดสายตา  จนเริ่มแน่ใจแล้วจึงหันหลังไปควานหาผ้าผืนเดิมไปใส่ในห้องน้ำ


    เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำดัง 
    ปัง!’  สองมือที่ปิดตาไว้จึงถูกลดออก  เต๋าเบนความสนใจตัวเองไปยังหน้าต่างบานเล็กที่ถูกเปิดอ้าไว้  ปล่อยลมให้พัดเข้ามาปะทะร่างกาย ฟังเสียงภายนอกแทนที่จะเป็นเสียงสวบสาบจากในห้องน้ำ  ก่อนจะใช้โทรศัพท์ตัวเองมาเปิดดูฟุตบอลนัดสำคัญเพื่อทำลายความฟุ้งซ่านไม่ทราบสาเหตุในจิตใจ

    แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เต๋าปั่นป่วนเข้าไปใหญ่


    “เฮ้ย
    ! สามศูนย์ได้ไงวะ!!!!!!!!” 


    และเพียงแค่นั้น... บรรยากาศภายในห้องก็แปรเปลี่ยนไปในพริบตา

     

     


    “มันต้องอย่างนี้สิเชลซี
    !!!!”  คชาที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเรียบร้อยมิดชิดพอดีรีบย่างเท้ามาหาอีกคน  มองตัวเลข 3-0 ที่มุมจอโทรศัพท์เครื่องนั้นตาเป็นประกาย  “บอกแล้ว... กลับบ้านไปนอนร้องไห้เหอะเต๋า”  กลายเป็นคนละคนกับสาวน้อยที่กอดหน้าอกตัวเองไว้ตะกี๊ลิบลับ


    “ยังเหลือเวลาอีกตั้งนาน... คิดว่าผีจะแพ้ง่ายๆ หรือไง?”
      เต๋าพูดเถียงแทนแม้จะไม่มั่นใจสถานการณ์ทีมตัวเองในตอนนี้สักนิดเดียว... สามลูกเชียว ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ไม่เคยได้ยินหรอ?”


    “เหรออออออออออ... จะรอดูนะต๋าวววววววว”  คชาลากเสียงยาวจงใจจะเยาะเย้ย หากแต่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจหรือคิดเป็นเดือดเป็นร้อนเลย

    แค่เซ็งกับการแข่งนัดนี้เบาๆ เท่านั้นเอง

    ให้ถึงคราวแมนยูก่อนเหอะ!

     

     

     

    “โอ๊ย! ไอ้กรรมการบ้าเอ๊ย สองลูกเลยหรอวะ? ฟาล์วตรงไหนเนี่ย แมนยูสำออยว่ะ”  แต่ในอีกเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา สถานการณ์ที่เริ่มพลิกผันก็ทำให้คนตัวเล็กนั่งบ่นเสียงห้าว ขมวดคิ้วทำหน้านิ่วอย่างจริงจัง


    “โดนยิงเข้าแล้วอย่าพาลสิชาค่ะ... พูดจาก็ให้เพราะๆ หน่อย”  เต๋าหันมาพูดจาเรียบๆ ตอบกลับไป แต่รอยยิ้มที่มุมปากนั่นพอเห็นแล้วมันอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

    จงใจกวนประสาทชัดๆ!
    เฮอะ... ได้แค่สองลูกมาทำเป็นดีใจ  ตอนนี้เชลซีต่างหากที่นำอยู่
    !



    จนกระทั่งเกมการแข่งขันดำเนินมาจนถึงช่วงสิบห้านาทีสุดท้าย... ทั้งสองคนยังคงนั่งลงกับพื้นที่เดิม มองโทรศัพท์เครื่องขาวที่ตั้งไว้บนเตียงตาแทบไม่กะพริบ

    นี่มันช่วงเวลาได้เสีย(?)เลยเถอะ!!! สิบห้านาทีสุดท้าย ชี้เป็นชี้ตายของเกมเลย  สองร่างบนพื้นห้องจากที่นั่งห่างกันเล็กน้อยก็เบียดกันแทบจะเกยตัก  จุดโฟกัสมีเพียงลูกกลมๆ เล็กๆ ในสนามที่กำลังถูกส่งไปทางนู้นทีทางนี้ที


    ก่อนที่นักเตะอดีตดาวรุ่งอย่างเวนรูนีย์ ส่งบอลผ่านไปยังเพื่อนนักเตะร่วมทีมสีแดงจนมันถูกโหม่งเข้าเป็นประตูชัย


    ปีศาจแดงเลยได้ทีตีเสมอสิงห์น้ำเงินเจ้าถิ่นเป็น
    3 ประตูต่อ 3



    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ได้ไงวะ จะมาเสมอไม่ได้นะว้อย
    !!! ร่างเล็กพูดพลางยกมือขึ้นขยี้เส้นผมบางจนกระจุยยุ่งเหยิง  สติแตกกระเจิงเมื่อถูกตีเสมอได้ทัน


    “บอกแล้วไง แมนยูไม่ตายง่ายๆ หรอก หึ”

    “ไอ้กรรมการบ้า ถ้าจะขนาดนี้ก็เอาเสื้อสีแดงมาใส่เลยเถอะ!

    “รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง”

    “หุบปากไปเลยเต๋า!

    “เสมอแล้วพาล”

    “โอ๊ย ไอ้เผือกบ้า ไอ้กวนประสาท กลับบ้านไปเลยไป!

    “กลับก็ได้... อีกสิบนาทีที่เหลือก็ฟังวิทยุไปละกัน”  เสียงทุ้มเอ่ยจบก็หยิบไอโฟน ขยับตัวทำทีจะลุก แต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงเอาไว้

    “เฮ้ย! อย่าเพิ่งไปดิ ดูให้จบก่อน”  พลิกลิ้นกลับคำง่ายๆ ซะอย่างนั้น  มือเรียวรั้งกระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ  เต๋าเหล่ตามองอีกฝ่าย ซ่อนรอยยิ้มไว้ในดวงตาคู่คม

    ได้แกล้งคนแล้วสนุกดีแฮะ...

     

     


    สิบนาทีกว่าๆ ที่เหลือ ทั้งสองคนยังคงนั่งจ้องจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ เบื้องหน้าตาเป็นมัน  การแข่งขันพอจะมีลุ้นให้ได้เสีย(ประตู)อยู่เป็นระยะ
      แต่กลับไม่มีทีมใดที่ทำสำเร็จเลย

    เสียงเป่านกหวีดหมดเวลาดังขึ้น  เกมจบลงที่สกอร์ 3 ประตูต่อ 3  ปิดการแข่งขันแบบเสมอกันฟังดูน่ายินดีทั้งสองฝ่าย ทว่ากลับมีคนเจ็บใจไม่หาย


    สามนาทีสุดท้ายมักทดเวลาบาดเจ็บนักบอล แต่ไม่เคยทดเวลาบาดเจ็บให้กองเชียร์


    ใบหน้าหวานมู่ทู่ยับยู่ยี่  เหล่ตามองแขกไม่ได้รับเชิญแฟนบอลอีกทีมที่กำลังผิวปากอยู่อย่างหมั่นไส้

    ขึ้นนำตั้งสามลูกก่อนแต่มาจบเสมอกันแบบนี้ใครจะไปรับได้ แถมแต้มตอนนี้เชลซียังตามหลังแมนยูอยู่อีก

    อยากฆ่าคนว้อยยยยย !

     

                                    

    เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะตีหนึ่ง  เต๋าหาววอดก่อนจะลุกขึ้นยืน บอกลาอีกคนที่ยังหงุดหงิดจากการแข่งขันไม่หาย  แล้วเดินลงไปเพื่อจะกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง

    ขายาวเดินลงบันไดมาด้านล่างในความมืด ไขกุญแจประตูหอพักในมือเสร็จก็ผลักมันเปิดออก  ทว่ามันแทบไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เพราะประตูถูกล็อคเพิ่มเติมด้วยแม่กุญแจทองเหลืองตัวใหญ่


    และมันเป็นอันที่เขาไม่มีลูกกุญแจ
    !!!!!

     

     


    นั่นจึงทำให้เต๋าได้กลับมาอยู่ในห้องเบอร์
    23 อีกครั้ง...


    หนุ่มเจ้าของห้องยังคงทำหน้าบึ้งตึงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ เพราะความรำคาญที่ถูกเคาะเรียกก็เลยเปิดให้มันเข้ามาอีกจนได้  คชาก้าวขาไปยืนตรงหน้าต่างบานเล็ก  ผลักเปิดออกไปก่อนจะหันไปบอกอีกคน


    “ออกประตูไม่ได้ก็โดดลงไป”
     ใบหน้านิ่งพูดจาเอาจริงแต่อีกคนกลับนึกขำ


    เต๋าก้าวไปหาเพื่อนทอมจำเป็น ก่อนจะไปยืนเบียดไหล่มองออกไปนอกหน้าต่างข้างๆ กัน

    “อยากให้โดดจริงหรอชาค่ะ?”  หันไปพูดถามขำๆ แต่อีกคนพยักหน้าขึงขังอย่างเซ็งแซ่เต็มประดา  “ถ้าฉันตายไปเป็นผีจะมาหลอกเธอคนแรกเลย ไม่กลัวหรอ?”  เต๋าแสร้งเอ่ยทีเล่นทีจริง


    “ไอ้บ้า พูดทำไม”  ไม่พูดตอบตรงๆ แต่พอเห็นอีกคนทำหน้าตาตื่นตกใจตอนดึกขนาดนี้ก็ชัดเลย

    กลัวผีแน่ๆ


    “แล้วถ้าเราบอกว่าความจริงเราเป็นผีล่ะ...จะเชื่อไหม?”  เต๋าถามอีกฝ่ายต่อด้วยท่าทางแน่นิ่ง  ประสานมองอีกฝ่ายตาแข็ง  ไม่ได้ทำให้ดูน่ากลัวแต่มันนิ่งเกินกว่าปกติจนอีกฝ่ายเริ่มนึกจินตนาการไปไกลเสียเอง

    ประกอบกับลมที่พัดแรงและเสียงสุนัขในซอยเห่าหอนที่ดังเข้ามาพอดี...


    ไม่นะ... ไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่ตายไปตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว


    “ชา... เราเป็นผี”


    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    ผีแดงแมนยูไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ นี่เชื่อจริงหรอ? ผีที่ไหนเขาจะบอกว่าตัวเองเป็นผีกัน”
      เต๋าหัวเราะเสียงดังพลางเอามือกุมท้อง  ตอนนั้นเองที่หมัดเล็กรัวต่อยมาที่แผ่นหลัง


    “บ้าเอ๊ยยยยยยย คนยิ่งกลัวๆ อยู่” 
    ทำร้ายร่างกายอีกคนเสร็จก็ยื่นมือไปปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว  ก็ความมืดกับลมหนาวและเสียงหมาหอนมันน่ากลัวเกินไป!


    “นายมันไอ้ตัวซวยชัดๆ” 

    ตั้งแต่วันแรกที่เจอจนวันนี้ยังไม่มีอะไรดีสักอย่างเดียว!!!!!

     

     



    สุดท้าย... คชาก็มานอนแหมะลงบนเตียงเล็กของตัวเอง ปล่อยให้คุณลูกเจ้าของหอนอนบนพื้นแข็งๆ ข้างล่างที่เขาเหยียบย่ำไม่เคยได้ทำความสะอาดกวาดถูเลยสักครั้งเดียว


    แต่นั่นคงไม่เท่ากับ


    “หนาว”  เพราะไม่มีหมอน ผ้าห่ม หรืออะไรสักอย่างก็เลยเป็นแบบนี้  เต๋านอนหนุนแขนตัวเอง มืออีกข้างกอดตัวเองไว้  จนกระทั่งคนด้านบนโยนหมอนใบเล็กลงมาให้ด้วยความปรานี
    !

    “เอาไปกอดไปหนุนไปทำอะไรก็ตามสบาย... อย่าหนาวตายก็พอ”

    “กลัวผีล่ะสิ... กุ๊กกุ๊กกุ๊กกู๋...”  แม้จะหนาวแต่ก็ยังมีอารมณ์ทำเสียงซาวน์ประกอบหนังผีแกล้งใส่อีกฝ่าย

    “บอกว่าอย่าพูดถึงไง!”  เสียงใสว่าพลางจับเอาหมอนข้างใบเล็กมาฟาดตัวคนบนพื้น  และนั่นทำให้หมอนข้างนั่นถูกเต๋าดึงไปกอดแน่น

    ก็คนมันหนาวนี่หว่า... ผ้าห่มก็ไม่มีสักผืนเดียว


    แต่ฝ่ายคชามีหรือจะยอม ร่างเล็กพยายามยื้อยุดเอาหมอนข้างใบนั้นคืนจากอีกฝ่าย มือทั้งสองคนยุดฉุดกระชากวัตถุนั้นไปมาในความมืด  ที่จริงปกติคชาเป็นคนนอนง่าย หลับไว แต่พอเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ไปแล้วไม่ได้นอนก็เลยตาค้างเอาแบบนี้

    และเขาก็ติดหมอนข้างมากเสียด้วยสิ

    เพราะงั้น... ถ้าคืนนี้เขาไม่ได้หมอนข้างคืนก็อย่างหวังจะได้หลับเลยไอ้เต๋าตัวซวย!!!

     

    เสียงลมกับเสียงผ้าห่มสวบสาบของคนที่แย่งหมอนข้างกันดังขึ้น  “ขอหมอนหน่อยไม่ได้รึไง หนาว”  เสียงลูกเจ้าของหอที่กลายมาเป็นคนขออาศัยชั่วคราวพูดต่อ

    “ทำไมต้องให้ด้วย”  แค่ให้ซุกหัวนอนไม่ไล่ออกจากห้องก็บุญแล้วเหอะ!

    “ใจร้ายว่ะชา”

    “ก็หมอนเราอะ”  จังหวะที่ตอบนั้น ร่างเล็กบนเตียงก็เผลอผ่อนแรงจากหมอนข้างสีฟ้าเข้าพอดี  ฝ่ายเต๋าจึงดึงฉวยเอาหมอนข้างใบนั้นไปได้


    ทว่าไม่ได้มีเพียงแค่หมอนข้าง... แต่เจ้าของของมันที่พยายามยืดมันไว้ก็ดันกลิ้งลงมาตามแรงจนทับร่างอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง


    เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกะทันหัน  เพียงไม่กี่วินาที...คนตัวเล็กที่นอนทับอีกฝ่ายอยู่พอเรียกสติได้ก็รีบกระเด้งตัวกลับขึ้นไปบนเตียง มือเรียวฉวยดึงเอาผ้าห่มที่ลงมาจากเตียงพร้อมตัวเองคืนไป หากแต่ยังทิ้งหมอนข้างไว้ข้างล่างเหมือนเดิม


    “ยกหมอนข้างให้ก็ได้”
      เสียงใสเอ่ยอย่างปัดรำคาญ


    และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เต๋าได้จากเพื่อนทอมในคืนนี้...


    ถัดจากหมอนใบเล็ก และอุบัติเหตุที่นำพามาซึ่งรอยจูบบนแก้มของเขา
    !



    ใช่แล้ว... ตอนที่กลิ้งมาทับกันเมื่อครู่นี้ ข้างแก้มของนายเต๋าถูกสัมผัสนุ่มหยุ่นประทับเข้าอย่างจัง
      คงไม่ต้องถามว่ามันคืออะไร เพราะสัมผัสชื้นๆ ที่ยังคงอยู่มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดี




    ในความมืดที่ปกคลุมห้องเบอร์
    23 อยู่นี้

    คชาคงไม่เห็น... ว่าอีกฝ่ายกำลังเอามือจับแก้มตัวเองเอาไว้อย่างเหลือจะเชื่อ

    ส่วนเต๋าก็ไม่รู้... ว่าอีกคนยังคงเอามือปิดริมฝีปากตัวเองไว้อยู่อย่างตกใจ




    เราต่างไม่รู้ เราต่างไม่เห็น
    และจะทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


    เพราะมันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง








    TBC

    มาต่อไวจังเนอะ อย่างน้อยก็มาก่อนมาฆบูชาตามที่บอกไว้ล่ะ ฮ่าๆๆ
    ตอนนี้ทุบสถิติที่ผ่านมาด้วยฉากเดียว แน่นอนว่าเนื้อเรื่องยังไม่ได้ไปไหนไกล ทุกคนโปรดจงใจเย็น และอย่าคาดหวังอะไร (กลัวจะผิดหวัง)
    ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่รออ่านน้า ใครเพิ่งผ่านเข้ามาก็ฝากด้วยจ้า (ซะงั้น ๕๕)

    แนะนำตัวนิดหน่อย แต่งมาหลายตอนแล้ว คนแต่งชื่อ โบ เกิดปี91
    อยากติชมแนะนำอะไร คอมเม้นไว้ หรือจะเมนชั่นมาหาก็ได้ที่ @rainbobow จ้า
    ป.ล. ขายของ-- รวมเล่มฟิคเรื่อง MySassyBoy ยังสั่งได้เรื่อยๆ นะ

    ตอนต่อไป... ไม่เกินมาฆบูชาอีกละกัน อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×