คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The Confession #3
THE CONFESSION
PART III
แล้ววันนั้น ปาร์คชานยอลก็นั่งรอดูการซ้อมบาสเกตบอลต่อจนได้
ให้ตายเหอะ เอาจริงเขาก็ไม่ได้อยากดูนักหรอก แต่มันก็ไม่รู้จะไปรอที่ไหนแล้ว สุดท้ายเดินไปซื้อน้ำเสร็จแล้วก็กลับมานั่งที่แสตนด์เหมือนเดิม แต่หมายเหตุไว้ว่าเว้นระยะห่างจากสาวๆ กลุ่มนั้นเอาไว้พอควรเพราะเบื่อจะได้ยินเสียงอวยปนเสียงกรี๊ดแหลมๆ ของพวกเธอ
เขามองท่วงท่าของนักบาสประจำมหาลัยรับส่งลูกกันแล้วก็หลุดร้องโหออกมาในหลายครา ไอ้หล่อภัยพิบัติดูจะเป็นเซ็นเตอร์ที่มีบทบาทอย่างมากในเกมการแข่งขัน แถมท่าทางการเล่นก็เท่อย่างกะหลุดออกมาจากการ์ตูนเรื่องสลัมดั๊งค์
ติดที่ว่าหล่อกว่าเท่านั้น
ให้ตาย... ทำไมต้องชมมันด้วย
แต่อันที่จริง... ต้องบอกว่า สายตาของเขาแทบไม่ได้มองคนอื่นเลยด้วยซ้ำ จริงๆ เขาก็ไม่ได้อยากมองไอ้หล่อนั่นหรอก แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใดไอ้พี่คริสก็ดึงดูดสายตาเป็นที่สุดแล้ว เสียงนกหวีดเป่าปี๊ดอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดการซ้อม ตอนนั้นที่ไอ้หล่อเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางไว้ข้างสนาม ก่อนจะจัดการเทรดบนหัวซะดื้อๆ
ชานยอลนิ่งชะงักไปในตอนนั้น ยกมือขึ้นปิดปากทำไมไม่รู้เมื่อเห็นเส้นผมของอีกฝ่ายที่เปียกลู่ เสื้อบาสเกตบอลสีส้มสดเปียกลงมาเป็นทาง
เซ็กซี่...ผู้ชายแมนๆ อย่างชานยอลต้องขอยอมรับตรงนี้ว่ามันเซ็กซี่มาก
อยู่ๆ ก็นึกเยาะเย้ยสาวๆ กลุ่มนั้นที่เพิ่งกลับบ้านไปครู่นี้ ถ้ารู้จักกันชานยอลคงได้ถ่ายรูปไปอวดเช้ากลางวันเย็นค่ำเอาให้ทุกคนต้องอิจฉา
นึกไป ใบหน้ามนก็ระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะนิ่งค้างไปเมื่ออีกฝ่ายหันมามองพอดิบพอดี เขาแสร้งเบือนหน้าหนีทั้งที่ถูกจับได้อย่างจัง ตอนนั้นที่คริสเดินตรงเข้ามา
“ปะ เดี๋ยวพี่พาไปเอา”
“ห๊ะ!” ร่างโปร่งถึงกับสะดุ้งพรวด ขมวดคิ้วทำหน้าย่นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ
หูฝาดรึเปล่า ‘พาไปเอา’ เนี่ยนะ!!!
“ตกใจอะไร ปะ เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยพอดี รีบไปเอากันเถอะ เดี๋ยวค่ำซะก่อน”
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“จะบ้าหรอ!” ถ้าจะเอาก็ต้องเอาตอนค่ำๆ สิ... เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้นนนนนนนนน
“หืม...ทำไมล่ะ น้องชานยอลจะไม่เอาเสื้อคืนหรอ?” อีกฝ่ายว่าด้วยใบหน้างุนงง เท่านั้นเองเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกออกขึ้นมาตอนนั้นว่าได้ยินสาวๆ คุยกันว่าไอ้พี่คริสมันเป็นลูกครึ่งจีนเกาหลี อีกฝ่ายคงยังไม่เข้าใจเรื่องคำกำกวมแบบนี้
ซึ่งดีแล้ว เออ...ให้มันจบลงตรงนี้เหอะ อย่าให้ใครรู้เลยว่าปาร์คชานยอลแอบคิดอะไรออกไป
ชานยอลเดินโหยงเหยงตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องชมรมบาสเกตบอลซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน อีกฝ่ายเปิดตู้ล็อคเกอร์เหมือนครั้งนั้น ก่อนจะหยิบถุงแบรนด์เนมสีขาวในตู้ยื่นมาให้ เขารับมาก็เพียงเปิดดูคร่าวๆ เห็นเสื้อสีขาวของต้นในนั้นก็พยักหน้ารับก่อนจะปิดถุงลงไปเหมือนเก่า
“ว่าแต่น้องชานยอลกินข้าวรึยัง?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นตอนนั้น ไม่ทันได้รอคำตอบก็หันหลังถอดเสื้อบาสเกตบอลตัวโตตรงหน้าล็อคเกอร์ไม่อายฟ้าอายดิน อันที่จริงเขาไม่ได้อยู่กับไอ้หล่อนี่แค่สองคนด้วยซ้ำ ห้องชมรมบาสมีนักกีฬาคนอื่นเดินขวักไขว่ไปทั่ว และดูเหมือนการถอดเสื้อเปลี่ยนชุดแบบนี้จะเป็นเรื่องปกติ
แต่มันใช่หรอ? อยู่ดีๆ ก็มาถอดเสื้อโชว์แผ่นหลังขาวๆ กันต่อหน้าเนี่ยนะ!
เขาได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบ หันมาอีกทีอีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่อนบนเป็นเสื้อยืดเสร็จเรียบร้อย
“ว่าไง?”
“ห๊ะ อืม” เขาตอบรับส่งๆ ในลำคอ ก่อนจะสะดุ้งนิดๆ เมื่อเห็นอีกคนส่งยิ้มแฉ่งมาให้
“ปะ กินข้าวกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยง โทษฐานที่ให้เรารอ”
“ห๊ะ... เออๆ” เขาตอบรับอีกฝ่ายง่ายๆ คงเพราะปกติรุ่นพี่ที่คณะก็เลี้ยงข้าวเขาอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะพี่ซูโฮพี่รหัส เพราะฉะนั้นให้ไอ้หล่อเลี้ยงอีกคนคงไม่เห็นจะเป็นไรนัก
ไม่รู้สิ... แต่ลึกๆ มันรู้สึกเท่ที่อีกคนขอเลี้ยงข้าว ทั้งที่ก่อนหน้าเดินสวนกันมาร่วมอาทิตย์แต่อีกฝ่ายทำเมินไม่ยอมทัก
ปาร์คชานยอลรู้สึกชนะ! ... ที่สำคัญก็ไม่เห็นน่าแปลกอะไรกับการเลี้ยงข้าวตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องกัน
คริสยื่นมือยาวๆ คว้าดอกไม้ไปถือให้ ส่วนชานยอลสะพายเป้กับถือถุงเสื้อเดินเลียบเคียงอยู่ข้างๆ ... ชั่ววูบเดียวเองที่ไหล่ทั้งสองลู่กระทบกัน ชานยอลที่เริ่มรู้สึกไม่ชินนักจึงแอบเว้นระยะห่างไว้หนึ่งช่วงตัว
“อยากกินอะไรครับน้องชานยอล?” อีกฝ่ายว่าด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ก็...อะไรดี เอาอะไรก็ได้ กินได้หมดแหละ หิว” เขายังพูดเร็วๆ เหมือนกับจะแย่งอีกคนพูด มันรู้สึกลนลานแปลกๆ เหมือนแพ้คำพูดอีกฝ่ายทุกที คงเพราะพี่ซูโฮหรือใครหน้าไหนก็ไม่ได้พูดจาเพราะๆ จนน่าขนลุกด้วยแบบนี้ “รู้ละๆ เอาไก่ทอดละกัน ตอนนี้อยากกินไก่ทอดกรอบๆ ชิ้นโตๆ ราดซอสอร่อยๆ นี่เดี๋ยวเดินไปอีกร้อยเมตรเองก็ถึงแล้ว ร้านนี้ดังเหมือนกันนะ รสชาติดีเลย”
ชานยอลว่ารวบรัดตัดความอย่างนั้น ไอ้พี่คริสก็ตามใจเขาไม่หือไม่อืออะไร
เราเดินตรงมาถึงร้านไก่ ปกติเขาไม่ได้มาทางนี้บ่อยหรอกเพราะถึงจะใกล้มหาวิทยาลัยแต่ก็คนละทางกับทางขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้าน ส่วนใหญ่เขาจึงมาเพราะเพื่อนชวนไม่ก็อยากกินไก่ทอดจริงๆ ซึ่งไม่ได้บ่อยนัก
ภายในร้านมีคนอยู่พอประมาณ ฝ่ายไอ้หล่ออาสาออกไปซื้อให้โดยให้เขานั่งรอ ชานยอลหยิบดอกไม้มาดมเล่น ก่อนจะวางลงบนเก้าอี้ข้างๆ ใบหน้ามนหันซ้ายแลขวาหลุกหลิกตามประสา ตอนนั้นที่หางตาแว้บไปเห็นคนหน้าคุ้นๆ ภายในร้านจนได้
ไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็นไอ้พี่ดำคิมจงอิน เจ้าของดอกไม้กับขนมที่เอามาฝากเขาทุกวัน!
รุ่นพี่ผิวสีนั่งอยู่มุมร้านตรงนั้นกับซากไก่ทอดกองโต... เขาหันไปมองปริบๆ ก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ไม่คิดจะทักทายหรอก แต่หูกางๆ ของชานยอลก็พยายามผึ่งฟังเสียงเต็มที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คยองซูอา... ฉันลุกไม่ไหวแล้ว”
“แล้วใครใช้ให้นายกินเยอะขนาดนี้ล่ะจงอิน?”
“ก็มันอร่อยนี่ คยองซู...อุ้มฉันหน่อยสิ”
“ตัวโตยังกะยักษ์ใครจะอุ้มไหว”
“นายตัวเล็กเองต่างหาก”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้พี่ดำเบาๆ ชานยอลพยายามเงี่ยหูฟังเต็มที่ ซุกซ่อนใบหน้ามนไว้ภายใต้หนังสือเล่มโตที่หยิบยกขึ้นมาบังหน้า ชั่วครู่หลังจากนั้นที่ทั้งคู่เดินออกไป เขาจึงค่อยๆ ลดหนังสือลงเหล่ตามองตามทั้งสองที่เดินออกไปด้วยกัน
“จงอิน มือเลอะยังจะมาจับแขนฉันอีก!”
“ก็ฉันอยากจับนี่”
ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินกอดคออกจากร้าน ชานยอลแอบคิดว่าถ้าทั้งคู่ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกันมากจริงๆ ก็ต้องมีซัมติงวรองต่อกันบ้างเพราะบรรยากาศมันดูแปลกๆ พิกล เขากับไอ้เซฮุนรู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมก็ไม่เห็นเคยมาง้องแง้งใส่กันแบบนี้เลย
ไม่ได้นึกหึงหวงอะไรเลยสักนิด หากใบหน้ามนกลับอมยิ้มกริ่ม ประกายตาเริ่มแวววาวไปด้วยความสนุกปนสงสัย
พอดีกับที่ไอ้หล่อภัยพิบัติเดินกลับมา อีกฝ่ายถือไก่ทอดส่งกลิ่นหอมโชยมาวางไว้ตรงหน้า ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน
“กินสิ พี่สั่งมาให้”
“ขอบคุณ” เขาว่ากลับพลางค้อมศีรษะเล็กน้อย นึกเกร็งๆ พิกลเมื่ออยู่กับไอ้หล่อตรงหน้าสองคนตรงนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนบรรยากาศมันแปลกๆ ไม่เห็นเหมือนตอนมากับพี่ซูโฮเลยสักนิด
เห็นอีกฝ่ายเลื่อนจานมาซ้ำยังเทน้ำใส่แก้วให้เขาก็ค้อมศีรษะรับ ชานยอลมองมันอย่างครุ่นคิด วูบหนึ่งที่นึกถึงสมัยเรียนม.ปลายที่เขาไปออกเดทกับแฟนสาว
“ทานสิครับน้องชานยอล”
อีกคนทักดังนั้นเขาจึงเริ่มลงมือกิน รู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อปลายลิ้นได้ลิ้มรสชาติอร่อยๆ ของไก่ทอด ดูเหมือนมันจะช่วยเบนความสนใจจากเขาไปได้มากเลยทีเดียว
“ชอบกินไก่หรอ?” คริสถามขึ้น
“ชอบกินเนื้อมากกว่า แต่ไก่ทอดก็ชอบกินนะ” ชานยอลว่า ปากก็อ้าเคี้ยวไก่ทอดตรงหน้าหงั่บๆ อย่างไร้มาด “แล้วนายไม่กินหรอ?”
“พี่แก่กว่านะ เรียกพี่สิ”
“อา...พี่ก็พี่ แล้วพี่ไม่กินไก่หรอ?” ตากลมมองอีกฝ่ายแป๋วๆ อย่างไม่เข้าใจ ไก่ทอดก็ชามตั้งใหญ่ แต่อีกฝ่ายดันกินแต่เครื่องเคียง
“พี่ไม่ชอบอาหารแบบนี้น่ะ มันไม่ใช่สไตล์” เสียงทุ้มว่าแล้วก็ซดน้ำในแก้วอีกอึกใหญ่ เล่นเอาชานยอลถึงกับนั่งมองหน้าฉงน
มีคนบนโลกที่ไม่กินไก่ทอดด้วยหรอ อา...นี่ปาร์คชานยอลไม่เข้าใจจริงๆ!
“ไม่กินจริงอะ” เขาว่า มือก็หยิบน่องชิ้นโตขึ้นมากัดอีกคำ ไม่สนหรอกว่ามือจะเลอะ กินแบบนี้ยังไงซะก็อร่อยกว่า “พี่ซื้อมาเองแท้ๆ นะ”
“อืม” อีกคนตอบรับเรียบๆ หากชานยอลยังคงไม่เข้าใจนัก
“อร่อยจะตาย”
“ไม่ชอบของทอดๆ น่ะ น้ำมันมันเยอะ”
“หรอ?” เขาว่า ปากก็ยังคงเคี้ยวไก่ทอดต่อไป หากแอบคิดแทนในใจว่าไอ้หล่อคงกำลังหิวมาก ซ้อมบาสตั้งเป็นชั่วโมงก็คงเหนื่อยไม่น้อย แล้วยังเอาแต่นั่งมองเขากินเนี่ยนะ
คิดดังนั้น ชานยอลเลยทำสิ่งที่ควรจะทำ มือเรียวยื่นไก่ทอดไปให้อีกฝ่าย “ลองดูสิ อร่อยออก เกิดมาไม่กินไก่ทอดน่ะมันเสียชาติเกิดรู้ไหม?”
เขาว่า ชั่วครู่ที่อีกฝ่ายสบตามองเขานิ่งๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
หากแววตาคู่นั้นที่มองมามันยังทำให้หัวใจแกว่งๆ ได้ทุกที
“กินสิ...จะกินไม่กิน ไม่กินผมกินเองก็ได้”
พูดเร็วๆ แก้เก้ออีกแล้ว ตอนนั้นลิ้นแทบพันกันไม่รู้อีกฝ่ายฟังทันรึเปล่า หากในวินาทีที่จะชักมือกลับ มือหนาของอีกฝ่ายก็จับข้อมือของเขาไว้ให้ค้างไว้ตรงนั้น
คริสอ้าปาก ก่อนจะงับน่องไก่ในมือของเขาเข้าเต็มเปา เคี้ยวหงับๆ หลายคำก่อนจะปล่อยมือที่จับข้อมือเขาไว้ออก
ชานยอลรีบชักมือกลับ พูดเร็วๆ ต่อแทบไม่ได้หายใจ “อร่อยไหมล่ะอร่อยไหม ไก่ทอดเจ้านี่อร่อยมากเลยนะ ผมมากินกันเพื่อนบ่อยๆ”
“อืม...อร่อยกว่าที่คิดไว้”
“แหงล่ะ ผมชอบมากเลยนะร้านนี้”
“อื้ม พี่ก็ชอบ...”
คริสว่า ส่งสายตาลึกซึ้งคู่นั้นมาราวกับมีความนัย เราสบตากันอีกครู่หนึ่ง วูบนั้นที่เขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ทำเอารู้สึกร้อนรน จนในที่สุด ชานยอลก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อนจะงับน่องไก่อันเดิมในมือแก้เก้อ เขาเคี้ยวหงับๆ อย่างอร่อยเสียเต็มประดา ในขณะที่อีกคนก็เริ่มลงมือทานไก่ทอดเช่นกัน
ทานจนหมดน่อง ตอนนั้นที่เพิ่งนึกได้ว่าที่กินหมดไปครู่นี้มันชิ้นเดียวกับที่อีกคนกัดไปคำโต...
ไม่ได้อยากล้วงคอออกมาหรอก ไม่ได้อะไรทั้งนั้น แต่มันรู้สึกวูบๆ ในท้องด้วยความรู้สึกจิ๊กกะเดียมชอบกล ยิ่งมานึกได้ว่าตัวเองเป็นฝ่าย ‘ป้อน’ อีกคนเองด้วยซ้ำ มันยิ่งทำให้รู้สึกแปลกๆ
ตอนนั้นที่เขาลนลานดูดน้ำในแก้วยกใหญ่
“เป็นอะไรครับน้องชานยอล?”
“เปล่าๆๆ” เขาตอบเร็วๆ อีกครั้ง “ไม่ได้เป็นอะไร” ตอนนั้นที่เขาเริ่มไม่อยากกินไก่ต่อ ยังไม่อิ่มหรอกแต่มันเหมือนไม่อยากอยู่ในบรรยากาศนี้มากกว่า
“อิ่มแล้วหรอครับน้องชานยอล?”
“อื้อๆ อิ่มแล้ว กินไปตั้งหลายชิ้น” เขาว่า อีกคนพยักหน้ารับเบาๆ กำลังจะบอกขอกลับก่อน หากตอนนั้นที่มือยาวๆ ของอีกฝ่ายหยิบทิชชู่มาซับให้ที่ริมฝีปาก
กระดาษบางเกินไปหรือเปล่า เขานึกเมื่อพาลรู้สึกได้ถึงเรียวนิ้วที่เหมือนกำลังละเลียดแตะอยู่ที่กลีบปาก วินาทีนั้นเหมือนตัวมันชาๆ ยิ่งเห็นหน้าอีกคนกำลังตั้งใจเช็ดออกให้มันยิ่งไปไม่เป็น
ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ อันที่จริงมันก็หลายครั้งแล้วนะ กับพี่ซูโฮก็ไม่เห็นจะเคยทำด้วยแบบนี้
จนกระทั่งอีกฝ่ายละมือลง เขาจึงค่อยๆ ขยับริมฝีปากบอกอีกคนเบาๆ
“ผม...ผมกลับก่อนดีกว่านะ ที่บ้านหวง ไม่อยากให้กลับดึก” โกหกทั้งเพ เขามักพูดเล่นกับเซฮุนแบบนี้ตอนจะกลับบ้าน “มืดแล้ว ผมกลับก่อนนะ ขอบคุณมากเลยที่เลี้ยง”
ว่าไปก็หยิบกระดาษมาเช็ดมือ ก่อนจะคว้าข้าวของลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณที่เลี้ยงนะ ไก่อร่อยมากๆ เลย” เขาเอ่ยย้ำอีกรอบ
“อืม...ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็ชอบ”
ชานยอลโค้งศีรษะให้อีกครั้ง ก้าวขายาวๆ ออกจากร้าน หากในหัวยังคงมีแต่เสียงทุ้มกับรอยยิ้มหวานที่รุ่นพี่รูปหล่อส่งมาให้
ก้าวขาซ้ายก็ยังนึกถึง ก้าวขาขวาก็ยังนึกถึง
หายใจเข้าก็นึกอยู่ หายใจออกก็ยังสลัดไม่ได้
ร่างโปร่งเดินพูดมุบมิบกับตัวเองไปตลอดทาง นึกก่นด่าไอ้หล่อภัยพิบัติว่ามาทำร้ายเขาทำไม!
พี่ก็ชอบ
พี่ก็ชอบ
พี่ก็ชอบ
ออกไปนะออกไป จ้างก็ได้ แต่เขาขอสั่งให้ออกไปจากความคิดเขาเดี๋ยวนี้เลย!!!!!
นึกไปใจก็พลอยโล่งอกเมื่อคิดได้ว่าต่อไปคงไม่มีเรื่องให้เจอไอ้พี่คริสนั่นอีก อย่างน้อยเขาก็เอาเสื้อคืนมาแล้วเรียบร้อย ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีธุระต่อกัน วันหลังเขาจะเลี่ยงการอยู่กับหมอนั่นก็แล้วกัน
ว่าแล้วก็ก้มสำรวจข้าวของในตัว... ที่หลังของชานยอลยังสะพายเป้ใบเก่ง ในมือก็ถือดอกกุหลาบขาวช่อโตไว้เหมือนอย่างตอนเย็น
ทุกอย่างในตัวยังอยู่ครบ...
จะขาดอย่างเดียวก็แค่ถุงเสื้อ!!
ฟ...ฟัคคคคคคคคคคค! อย่าบอกนะว่าลืมไว้ที่ร้านไก่!!!
สติไปไหน... เอาสติไปไว้ไหนวะปาร์คชานยอล!!!
TBC
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นให้นะคะ อิอิ ไม่รู้ชานยอลเรื่องนี้เวิ่นเว้อไปป่าว 5555
แต่ยังไงก็หวังว่าอ่านแล้วจะอารมณ์ดีกันถ้วนหน้า กรั๊กๆๆๆ
ยังไงก็ฝากแท็กฟิค #KYconfession ด้วยนะคะ ^_^
ความคิดเห็น