ลำดับตอนที่ #79
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #79 : เงาอหังการ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้ สำเร็จ ตามคำของท่านติอากอ พวกเราอาจได้หาทางกลับไปโลก เฮ้อคิดถึงบ้านจังคิดถึงพ่อถึงแม่ด้วย "
ดุจปรายกล่าวอย่างมีความหวัง ไม่เจาะจงว่ากล่าวกับใครในขณะที่มนุษย์ทั้งเจ็ดนอนอยู่รวมกันและ
นอนหงายแหงนหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งขณะนี้มีดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าเต็มไปหมดดูสวยงามยิ่งนัก
ซึ่งเป็นคืนที่ ปิเยติอากอตั้งความหวังไว้ว่ารุ่งเช้าจะยกขบวนเข้าไปปราบปิเยมัจเจให้จงได้
" แต่ว่า พี่ก็อดคิดไม่ได้ ว่าพวกเราจะไปปราบพวกมัจเจได้ง่ายดายอย่างนี้จริงหรือ ไม่รู้นะพวกเราได้รับรู้ทุก
ครั้งเกี่ยวกับความร้ายกาจ ของต้นไม้ปิเยมัจเจ ที่กระทำคนอื่นเสียมากกว่า ไม่อยากบอกนะว่าพวกเราก็ต้อง
เผื่อใจไว้มั้ง "
อรัญ กล่าวกับแฟนสาวน้ำเสียงเขาดูจริงจัง และมีความกังวลอย่างที่เขาพูดจริงจริง
" แต่ข้าว่า ครั้งนี้มันคงมีโอกาสมากจริงจริง จำนวนพวกเราและพวกต้นไม้ รวมทั้งพวกมนุษย์ต่างดาวนั่นมันมี
จำนวนเยอะมากจริงจริง ในขณะที่พวกเราก็รู้พวกปิเยมัจเจนั้นมันกลับถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ถึงพวก
มันคงรวมรวมเอาต้นไม้ต้นเล็กเดิมเดิมนั่นมานำพิษอีก พวกเราก็คงรู้และหาทางรับมือกับพวกมันได้ และตอน
นี้ปิเยมัจเจมันคงรวบรวมต้นไม้พิษเป็นจำนวนมากเหมือนเดิมคงไม่ได้ ได้ข่าวว่าต้นไม้นั้นก็หนีขึ้นไปทางเหนือ
เป็นจำนวนมาก ไม่อยู่เป็นเครื่องมือให้พวกปิเยมัจเจอีกแล้ว "
ปู่อินทร์ที่ นอนถัดออกไปไม่ห่างแสดงความคิดเห็น
" ก็ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีนะปู่ บางทีผมอาจคิดมากไปเองก็ได้ถ้าอย่างนั้นไม่คิดอะไรแระ นอนกอดแฟนดีกว่า
พรุ่งนี้หวังว่าจะได้ไปกอดอีกทีที่บนโลกนะ "
อรัญ สรุป แต่ไม่วายกล่าวอย่างขี้เล่นให้ดุจปรายหมั่นไส้ ทำไมต้องประกาศให้คนอื่นรู้ด้วยว่าจะทำ
อะไร
เมื่ออรัญกระชับวงแขน ดุจปรายก็แสร้งงอนและนอนหันหลังขวับ
" ทำไมไม่หันขึ้นไปบนท้องฟ้าล่ะที่รัก ข้างบนมีดาวเต็มไปหมดสวยมากด้วย มามะถ้าไม่รู้ดาวชื่ออะไร แฟน
หนุ่มคนนี้จะบอกให้ "
อรัญยังคงกล่าวสัพหยอก และใช้มือรุกรานไปทั่วร่างดุจปราย ดุจปรายรู้สึกได้ว่าพลาดที่หันหลังให้
เขา เพราะตอนนี้มือของอรัญอ้อมมาซุกซนที่ร่างกายส่วนหน้าของเธอ เธอจึงแกล้งศอกเขาเบาเบา
" หันมาทางนี้ก็มีดาว ดาวบนฟ้านั่นมีเยอะแยะ จะอยากรู้ชื่อไปทำไม เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับโลกแล้ว"
ดุจปราย กล่าวด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกนิดหน่อยพองาม
" ดาวที่กำลังจะตกดินนั้นไม่สวยหรอก และดวงมันก็คงไม่ใหญ่ด้วย ไม่เหมือนดาวที่อยู่บนท้องฟ้าตั้งฉากกับ
เรา ดูสิ มีหลายดวงและบางดวงต่อกันเป็นสายด้วย "
อรัญยังคงกล่าวแหย่ เพื่ออยากเอาชนะแบบไม่เเข็งขันนัก
" ไม่ดูจะดูทางนี้ ดาวเป็นสายทางนี้ก็มี "
ดุจปรายยังคงรั้น ที่จะยอมตามแฟนหนุ่ม และไม่ใช่แค่กล่าวเพียงอย่างเดียวคราวเธอกลับผุดลุกขึ้น
นั่งหันหลังให้อรัญ
อรัญแปลกใจ และสงสัยอาการของแฟนสาวของเขาสงสัยว่าเธอหัวเสียเรื่องอะไร การหยอกกันเช่น
นี้สำหรับคนที่รักกันและสนิทกันมาก ดูน่าจะเป็นเรื่่องที่เล็กน้อย มีหลายครั้งที่อรัญระลาบละล้วงกับ
ร่างกายดุจปรายมากกว่านี้แต่เธอก็กลับไม่เคยมีอาการเช่นนี้ ถึงเขาจะเห็นว่าไม่ปรกติ แต่อรัญก็
รู้สึกผิด เขาลุกขึ้นนั่งและรั้งร่างของเธอเข้ามาหาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับกล่าวเสียงแผ่ว
" ขอโ่ทษนะ ตามใจแล้วกันจะดูดาวทางทิศใหนก็ ไม่โกรธกันนะ นอนต่อเถอะ "
แต่ดุจปรายขึนร่างไว้พร้อมพยายามแกะมือเขาออก
" เดี๋ยวก่อน โกรธเกิดที่ใหนล่ะ ปรายลุกขึ้นมาสังเกตุว่าปรายเห็นดาวเป็นสายตรงขอบฟ้านั่น เหมือนมัน
เคลื่อนไหวได้นะ และถ้ามองไม่ผิดมันจะกำลังเคลื่อนมาทางนี้ด้วย "
อาการและคำกล่าวของดุจปราย ทำให้ทุกคนสะดุดพวกเขาลุกขึ้นนั่งและมองไปยังทิศตะวันตก ตาม
ที่ดุจปรายกำลังมองสิ่งนั้นอยู่ ไม่ช้าสิ่งที่ดุจปรายเห็นก็ได้รับการรับรอง จากสายตาอันเฉียบคมของ
กานต์
" จริงด้วยมีดาว เอ๊ะไม่ใช่สิมันเลียบมากับพื้นเหมือนดวงไฟหลายหลายด้วยมากกว่า ดูมันเหมือนอะไรที่เป็นสี
เขียวอ่อน หรือเป้นสีเรืองแสง ไม่เคยเห็นมาก่อน ท่าไม่ค่อยดีแล้ว มันมาทางทิศที่พวกมัจเจมันอยู่ด้วย "
กานต์ที่สายตาดีที่สุดร้องบอกทุกคน เสียงอื้ออึงของมนุษย์ทำให้พวกดาวโดร์นเริ่มสงสัย และผู้เป็น
หัวหน้า ได้เข้ามาสมทบ และทันทีที่หัวหน้าเดฟโดร์นสังเกตุเห็นสิ่งปรกติ
" อะไรน่ะ "
หัวหน้าเดฟโดร์นถามขึ้นด้วยความสงสัย มันเองก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่หัวหน้าเดฟ
โดร์นก็ไม่ได้รับคำตอบจากพวกของอัครชัย เพราะพวกเขาก็ไม่รู้จักสิ่งนี้เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อ
เป็นการไม่ประมาท สิ่งที่มาต้องได้รับการแจ้งให้ทั้งหมดระวังตัว
แสงไฟสีเขียวประหลาดเริ่มเข้ามาใกล้เข้ามาเรื่อยเรื่อย มันดูฉวัดเฉวียนไปมาอยู่ตลอดไม่คงที่ และ
เมื่อเข้ามาใกล้จนทั้งหมดเห็นได้ชัด
" มันเหมือนปลาหมึกและแมงมุม ผสมกัน แต่ไม่มีหัวหรือตัวมีแต่ขา "
กานต์กล่าวจากสิ่งที่เริ่มเห็นชัด ทุกคนเห็นอย่างที่กานต์บอกเช่นกัน แสงไฟประหลาด สว่างวาบ
เรืองแสงอยู่บน สิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นขา หรือหนวดของสิ่งนั้นแต่ละอัน ทุกคนยังคงมองไม่ออก แต่
ติอากอ ไม่รอที่จะทนสงสัยสิ่งนั้นอยู่ได้ เขาเร่งให้ปิเยเข้าไปสำรวจสิ่งที่มาใหม่ทันที
เมื่อได้รับคำสั่งลูกน้องต้นไม้ ได้แทรกร่างออกไปเป็นแนวหน้าของการสำรวจไปเผชิญหน้ากับสิ่ง
ที่มาตามคำสั่งของติอากอทันที สิ่งนั้นหยุดเดินเข้า ในขณะที่มีปิเยสวนออกไป มันหยุดเคลื่อนมา
ข้างหน้า แต่สิ่งที่คล้ายหนวดของมันยังเคลื่อนใหวอยู่ขยับอยู่กับที่
ปิเยแนวหน้าไม่กลัว มันพร้อมที่จะทำตามคำสั่งที่ติอากอสั่งมา สิ่งตรงหน้าต้องได้รับการพิสูจน์ว่าน่า
จะเป็นอะไรกันแน่ แต่ปิเยมันหารู้ ว่ามันจะได้ทำตามคำสั่งครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย
ไม่รู้ว่าผู้ที่มา ขยับตัวกระโดดเข้าหา หรือ ปิเยของติอากอจะถลันเข้าไป เมื่อร่างทั้งสองเข้าประทะ
กันที่มีขายาวหลายขาได้ใช้ขอของมันห่อหุ่มร่างของปิเยแนวหน้าของติอากอ ไว้ และทุกคนก็ต้อง
ตะลึง ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนต้องถอยกรูด เพราะร่างสองร่างเมื่อกี้นี้ ในความมืดที่พอเห็นได้จาก
แสงเรืองสีเขียวของตัวประหลาด บัดนี้ร่างปิเยแนวหน้าของติอากอ นั้นหายไป เห็นได้ชัดว่าทันที่ร่าง
เข้าประทะ ร่างปิเยแหลกเป็นจุลอย่างเห็นได้ชัด ร่างนั้นขณะนี้เป็นเพียงกองขี้เถ้าหรือกองดินซัก
อย่างหนึ่งกองอยู่ไต้ร่างของตัวประหลาดนั้น
" มันคืออะไรทำไมร้ายกาจอย่างนี้ "
ปิเยตะเคียน่ากล่าว พร้อมทั้งถอยห่างสิ่งนั้นออกมาอีก
" ปิเยข้านึกออกแล้วว่าเคยเห็นที่ใหน ท่านพี่ ไอ้ตัวนี้แหละที่ปิเยข้าเคยบอกว่าอย่าไปอยู่ริมน้ำเพราะพวกมัน
ลากพวกปิเยข้าลงไปกินในน้ำทางไต้หลายร่างแล้ว แล้วนี้มันขึ้นมาอยู่บนบกนี้ได้ยังไง "
ปิเยทรานส์ กล่าวกับปิเยทาร์ ผู้เป็นปิเยพี่ ปิเยทาร์สังเกตุคลับคล้ายคลับคลาตั้งแต่แรกอยู่เหมือนกัน
ว่าสิ่งนี้ต้องเคยเห็น แต่เนื่องจากความมืดทำให้เขาเห็นไม่ชัด พอเห็นมันขยับร่างกายตอนที่เข้าทำ
ร้ายปิเยแนวหน้าของติอากอ จึงจำได้ แต่ปิเยทรานส์ ก็ยังเคยได้เห็นตัวประหลาดนี้อย่างผิวเผิน
ตอนนี้ในกลุ่ม มีผู้ที่รู้จักตัวประหลาดนี้ได้เป็นอย่างดี
" มันคือปิเยน้ำ ซารี ที่ปิเยมัจเจนั้นประกาศว่าให้การสนับสนุนพวกปิเยมัจเจนั้นไง และเป็นปิเย ที่ปิเย
ประการียะให้พวกปิเยเรามาคอยสังเกตุการณ์ไง แต่ทำไมพวกปิเยซารีขึ้นมาบนบกได้ไกลจากน้ำทะเลขนาด
นี้ได้ และนี่ถ้าปิเยข้าจำไม่ผิด นี่มันปิเยซารียะ หัวหน้าของพวกปิเยซารี ทั้งหมดด้วย ปิเยซารียะผู้นำปิเยซารี
นับแสน ที่แม้แต่ปิเยประการียะ ก็ยังไม่กล้าที่จะปราบพวกปิเยมันโดยตรง แม้มีไพร่พลที่มากกว่าหลายเท่า
ก็ตาม "
ปิเยโกการียะ กล่าวบอกกับทุกคน ถึงจะรู้จักสิ่งนี้ดี แต่โกการียะมันก็รู้สึกตื่นเต้น ที่เห็นอะไรแปลก
ประหลาดเช่นนี้ โดยเฉพาะ เเสงสว่างที่เกิดขึ้นในร่างปิเยซารียะพร้อมทั้งนึกไม่ถึงว่าปิเยน้ำลึก ที่ไม่
เคยอาศัยอยู่บนบกเลย จะเดินทางขึ้นมาบนแผ่นดินได้ลึกขนาดนี้ และปิเยซารียะนี่ทำได้ไง โดย
สรีระแล้วปิเยโกการียะคิดว่า ถ้าต้องขึ้นมาบนบกปิเยซารียะไม่น่าจะรอดมาได้ถึงเพียงนี้
" นะ นะ นั่นมันหลังกลับแล้ว "
ปู่อินทร์กล่าวลั่น นั่นยิ่งทำให้ทั้งหมดแปลกใจเข้าไปใหญ่ ดูจากเมื่อกี้แล้วทั้งหมดคิดว่า ต้นไม้น้ำ
ประหลาด นามซารียะ น่าจะแผลงฤทธิ์อะไรได้อีกมากกว่านี้ แต่มันกลับหันหลังเดินกลับไปทางเดิม
แต่นั้นก็ยังไม่มีใครกล้าตาม เพราะยังตะลึงกับพิษสงที่ปรากฎตรงหน้าเมื่่อสักครู่อยู่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
" หัวหน้ากลับมาแล้ว พวกปิเยเราเป็นห่วงแทบแย่ จู่จู่ท่านก็อยากออกไป และไม่ให้พวกปิเยเราตามไปด้วย
นึกยังไง ตอนเย็นยังบอกให้พวกปิเยเราห้อมล้อมป้องกันปิเยท่านที่ระแวงปิเยบกสองร่างนั้นอยู่เลย แต่ทำไม
ถึงอยากออกไป ปิเยท่านไม่ระแวงปิเยนั่นแล้วเหรอ ถึงออกไปปิเยเดียวได้ "
ปิเยซารี ผู้ซึ่งเป็นลูกน้องของปิเยซารียะกล่าว ในขณะที่เห็นผู้นำสูงสุดของมันกลับเข้ามา ปิเยมัน
ไม่รู้ว่าผู้นำของมันไปใหน เพราะก่อนไป ถูกห้ามไม่ให้ตามไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ กำชับอย่างดีว่าต้อง
ป้องกันตัวมัน อย่าให้ใครเข้ามาใกล้ได้ แต่เมื่อเป็นคำสั่งผู้นำสั่งที่เปลี่ยนแปลงไปพวกมันจึงต้องทำ
ตามอย่างเคร่งครัด ได้แต่นึกสงสัยอาการของผู้นำและเมื่อปิเยซารียะกลับมา ลูกน้องจึงได้ถามด้วย
ความอยากรู้
" ปิเยข้าไม่จำเป็นต้องตอบปิเยเจ้าก็ได้มั้ง ปิเยข้ามีเหตผลของปิเยข้าที่ไม่จำเป็นต้องบอกใคร "
ปิเยซารียะ กล่าว ปิเยซารีผู้เป็นลูกน้องถึงกับต้องหยุดเมื่อได้ยินคำตอบ รู้ดีว่าหัวหน้าของมันมักจะ
พูดคำใหนเป็นคำนั้น ได้แต่แปลกใจกับอาการของหัวหน้า แต่ไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก
" เอาล่ะ พวกปิเยเจ้าจะไปใหนก็ไป ไม่ต้องมาดูแลปิเยข้าแล้ว พรุ่งนี้ปิเยข้ามีงานใหญ่ต้องทำ และก็พวกปิเย
เจ้าด้วย "
ปิเยซารียะ กล่าว ปิเยซารี ปฎิบัติตามทันที แต่ในใจยังคลางแคลงกับอาการของผู้เป็นหัวหน้าอยู่
ตลอด
จวบจนกระทั่งรุ่งเช้า
" เอาล่ะตื่นมาทำหน้าที่กันได้แล้ว "
เหล่าปิเยซารีถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงปลุก และเมื่อพวกมันหันไปทางเจ้าของเสียงที่อยู่ริมน้ำ
พวกมันก็แปลกใจ
" ปิเยเจ้ามีอำนาจอะไรมาสั่งพวกปิเยข้า "
ปิเยซารีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นรองหัวหน้าอันดับหนึ่งของปิเยซารีกล่าวอย่างหัวเสีย รู้สึกเสียศักดิ์ศรีที่
ปิเยมัจเจ มาปลุกเรียกและออกคำสั่งกับพวกมัน เพราะแต่เดิมปิเยมัจเจและปิเยตะเคียน่ารู้สึก
ต่ำต้อยกว่าในสายตาพวกมัน ด้วยอารมณ์โกรธมันจึงคิดว่าน่าจะมีอำนาจในการลงโทษปิเยมัจเจ
มันถลาเข้าไปเกือบจะถึงตัวมัจเจ แต่ทว่ามันก็ต้องหยุด รู้สึกได้ว่าส่วนท้ายร่างของมันถูกจับดึงไว้
เมื่อถูกดึงมันก็หันหลังกลับมามอง ฉับพลันมันก็ต้องสลด เพราะสิ่งที่มันมองเห็น หัวหน้าปิเยซารียะ
ของมันนั่นเอง ยังไม่ทันที่มันจะพูดอะไร มันรู้สึกได้ว่าร่างของมันถูกกระชากจับดึงและเหวี่ยงขึ้นไป
ในอากาศอย่างแรง ร่างนั้นปลิวหวือและหล่นลงไปในน้ำน้ำทะเลและจมมิดหายไป
" ปิเยท่านเอิบ ทำไม ปิเยท่านต้องลงโทษปิเยเขาหนักเช่นนี้ ปิเยเขาก็แค่ เออ"
ผู้เป็นรองหัวหน้าซารีในลำดับถัดไปกล่าวถามขึ้นอย่างรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นอาการของผู้เป็นหัวหน้า
กระทำกลับลูกน้องแบบนั้น จริงอยู่ เขาถือวิสาสะที่จะเข้าทำร้าย ปิเยมัจเจอยู่โดยไม่มีการขอ
อนุญาติก่อนก็จริง แต่มันก็สมควรแก่เหตุ การที่ปิเยมัจเจมาออกคำสั่งแบบนั้น โดยวิสัยแล้วถ้าเป็น
ปิเยซารียะผู้เป็นหัวหน้าเห็น อาจจะเดือดดาลจนปิเยมัจเจได้รับผลกระทบมากกว่านี้ แต่ทำไมคราว
นี้หัวหน้าซารียะ กับแสดงอาการปกปัองอย่างเห็นได้ชัด
" พวกปิเยเจ้าไม่ต้องมาถาม ปิเยข้าบอกไว้เลย ต่อไปนี้พวกปิเยเจ้านอกจากจะก้าวล่วงกับท่านมัจเจไม่ได้
แล้ว พวกปิเยเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งท่านมัจเจ อีกด้วย ไม่ต้องมาถามเหตุผล "
เสียงปิเยซารียะกร้าว เหล่าปิเยซารีรู้สึกตกใจ กับคำกล่าวของผู้เป็นหัวหน้าซารียะ รู้สึกได้ว่าคำพูด
ของผู้เป็นหัวหน้าดูจะยอมต่อปิเยมัจเจอย่างเห็นได้ชัด ทั้งคำกล่าวเรียกก็ดูอ่อนน้อมถ่อมตนผิด
ปรกติวิสัยก้าวร้าว และข่มปิเยมัจเจมาตลอด
" ฮ่า ฮ่าฮ่า พวกปิเยเจ้าได้ยินแล้วใช่ใหม ว่าหัวหน้าของปิเยเจ้าต้องการให้พวกปิเยเจ้าปฎิบัติตัวกับปิเยข้า
อย่างไร ทีนี้จะมีปิเยใหนขัดคำสั่งหรือมีปฏิกริยาอะไรกับปิเยข้าอีกใหม ใหนลองบอกมาซิ "
ปิเยมัจเจกล่าวโอหัง แต่คราวนี้เหล่าปิเยซารีเงียบกริบและสงบนิ่ง มีเพียงบางปิเยแอบลอบมองผู้
เป็นหัวหน้าอย่างรู้สึกแปลกใจ และเมื่อทุกอย่างดูสงบแล้ว ปิเยมัจเจก็กล่าวต่อ
" ดีมาก ทีนี้ก็ไปทำตามคำที่ปิข้าจะสั่งได้แล้ว ตอนนี้ปิเยข้าต้องการ มะกะพู สักแสนร่าง พวกปิเยเจ้าไป
นำมาให้ปิเยข้าได้แล้ว "
คำกล่าวของปิเจมัจเยยิ่งทำให้เหล่าปิเยซารีตกใจ คราวที่แล้วพวกมันได้ไปนำ มะกะพูพิษ มา แค่
สองร่างพวกมันต้องสังเวยชีวิตไปมากกว่าห้าร่าง แต่คราวนี้มัจเจจะให้เอามาเป็นแสน ลูกน้องเฝ้าดู
อาการผู้เป็นหัวหน้า แต่มันกับพบว่าปิเยซารียะผู้เป็นหัวหน้ากลับนิ่งเฉย ความอดรนทนไม่ใหวของ
ซารียะผู้เป็นรองหัวหน้าอันดับสอง ทนไม่ใหวอีกครั้ง มันจึงกล่าวกับผู้เป็นหัวหน้าของมัน
" ท่านซารีะยะ มะกะพูพิษนับแสน จะนำมาได้ยังไง พวกปิเยเราต้องเสียชิวิตมากเท่าไร และยิ่งไปกว่านั้นถ้า
พวกปิเยเราต้องนำมาจริงจริง มันจะทำให้เวหนเปิด และนั่นพวกปิเยน้ำทั้งหลายก็อาจจะต้องตายทั้งหมด "
คำกล่าวของรองหัวหน้าปิเยซารีถูกต้อง เหล่ามะกะพู ที่มีจำนวนอยู่นับหลักแสน ได้ปิดทางเวหนซึ่ง
เป็นรูของรอยต่อน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นอุโมงน้ำอยู่ไต้ดินเชื่อมระหว่างฝั่งทะเลต่างๆ ด้วยความที่มะกะ
พูมีพิษร้ายแรงและมีจำนวนมากทำให้ไม่มีสิ่งที่อยู่คนละฝั่งน้ำไต้ดินไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายหรือเหล่า
ปิเยน้ำลอบผ่านเข้ามาหากันได้ พร้อมทั้งพวกมะกะพู ก็ได้ช่วยกันปรับสภาพน้ำที่จะปนเปื้อนกันและ
กันทำให้เป็นพิษ จะทำให้พวกปิเยน้ำทั้งหลายไม่มีอากาศไต้น้ำอยู่ได้ เพราะตอนนี้มะกะพูได้ดูดซับ
พิษของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดไว้ที่ตัวของมัน แต่ถ้าพวกมะกะพูหายออกมาจากปากเวหนเป็น
จำนวนนับแสนแล้วนั้น น้ำจะเข้าผสมกันและเกิดเป็นพิษทันที
" ได้โปรดเถอท่านซารียะ โปรดพิจารณาด้วย "
รองหัวหน้าอันดับสองของเหล่าซารียะกล่าวอ้อนวอนอีกครั้ง แต่ก็ต้องสะอึกเมื่อได้ยินคำสั่งผู้เป็น
หัวหน้า
" ใครให้ปิเยเจ้าแสดงความคิดเห็น ปิเยข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ พวกปิเยเจ้าเหล่าซารีทั้งหมดต้องฟังคำสั่ง
ท่านมัจเจ "
ครานี้เหล่าปิเยซารียะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก และก็ได้แยกย้ายกันออกมาโดยไม่มีใครกล้าปริปากอีก
รองหัวหน้าปิเยซารียะอันดับสองก็ออกมาเช่นกัน มันรู้สึกสับสนว่าจะต้องทำเช่นไร และทำให้มัน
นึกถึงรองหัวหน้าอันดับหนึ่งซึ่งถูกขว้างร่างออกมาจากผู้เป็นหัวหน้า มันมุ่งตรงไปยังจุดที่คาดว่า
ร่างผู้เป็นรองหน้าหน้าอันดับหนึ่งของซารีจมอยู่ ด้วยความอยากหาผู้ปรึกษา และความห่วงระคน
กัน มันก็รู้สึกผิดสังเกตุที่รองหัวหน้าอันดับหนึ่งได้ตกลงไปและหายไปไม่โผล่มาอีก และเมื่อมันมา
ถึงจุดมันกับพบว่าไม่มีร่างปิเยที่ถูกขว้างมาตรงนั้น มันหัวเสียเล็กน้อยเพราะคิดว่ารองหัวหน้า
อันดับหนึ่งคงหนีไปแล้วด้วยความกลัว แต่หารู้ไม่ว่าไต้ร่างของมันที่เหยียบย่ำอยุ่ตอนนี้ มีฝุ่นผงร่าง
ที่แหลกละเอียดของผู้ที่มันกำลังจะมาหากระจายอยู่จนทั่วไต้น้ำ เพราะทันที่ที่ร่างนี้ถูกจับและเหวี่ยง
มาร่างนั้นได้ถูกพิษที่อยู่ในตัวหัวหน้าซารียะ ทำให้แตกเป็นฝุ่นผงในขณะที่ร่างกำลังจมลงในน้ำ
ทันที โดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น
" ปิเยเจ้านี่แน่จริงๆ ครานี้ปิเยข้าขอนับถือ "
ปิเยโอ๊คคาระกล่าวกับปิเยมัจเจ หลังจากเหล่าปิเยซารียะล่องน้ำจากไป คำกล่าวของปิเยโอ๊คคาระ
หมายความถึงการที่ปิเยมัจเจพลิกสถานการณ์ กลับมาเป็นผู้ควบคุมเหล่าปิเยซารียะได้ การที่มัจเจ
วางแผนสกัดพิษที่ร้ายแรงของ มะกะพูผนวกเข้ากับพิษที่ปิเยพิษเซลล่าเคยสอนการสกัดให้ และ
แอบใส่เข้าไปในใจกลางร่างของหัวหน้าปิเยซารียะเพื่อควบคุมมันให้อยู่ไต้อำนาจและเป็นเครื่อง
มือ สังหารศัตรูของปิเยมัจเจ โดยที่มันไม่ได้รู้เลยว่ามัจเจมีเรคารียะที่ล่องหนหายตัวได้
แม้มันจะตั้งปราการการระมัดระวังตัวขั้นสูงสุดเพราะไม่ไว้ใจมัจเจ แต่เรคารียะก็แอบหายตัว
เข้าไปสลักพิษเข้าร่างของปิเยซารียะได้ นั่นจึงทำให้ปิเยซารียะ ต้องตกอยู่ในอำนาจบังคับบัญชา
ของมัจเจ และยังได้ลูกน้องที่พร้อมปฏิบัตตามคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้านับแสนเพิ่มมาอีกด้วย มัจเจ
ทดลองส่ง ปิเยซารียะขึ้นบกไปและทดลองใช้พิษกับร่างปิเยของติอากอ มันได้ผล ทั้งการทดลอง
เดินทางบนบกซึ่งไม่ใช่สิ่งถนัดของปิเยซารียะ แต่เมื่อถูกบังคับมันก็จำต้องฝืนทำแม้ร่างกายมันจะ
ต้องบุบสลายแค่ใหนก็ตาม พร้อมทั้งทดลองใช้พิษอันร้ายกาจกับร่างปิเยฝ่ายติอากอ แต่มัจเจเห็น
ว่าถ้าปิเยพิษเพียงหัวหน้าซารียะเพียงร่างเดียวมันอาจน้อยไป มันจึงต้องการ มะกะพูพิษอีกมาก
เพื่อมาสกัดและสลักเข้ากับร่างเหล่าซารี เพื่อทำเป็นกองทัพพิษนับแสน ที่จะไปกวาดล้างติอากอ
และพรรคพวกให้สิ้นซากเสียคราวเดียว และมัจเจก็ไม่สนว่าถ้าสารพิษในน้ำมาปนเปื้อนกันจะทำให้
อะไรเสียหาย ถ้าจะต้องนำมะกะพูมา ตามจำนวนมากอย่างที่มันสั่ง มันสนแต่ว่าคราวนี้มันต้องได้
ชัยชนะ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ปิเยโอ๊คคาระกล่าวชื่นชมปิเยมัจเจในครั้งนี้อย่างเต็มใจ
" ฮ่าฮ่า ฮ่า ปิเยท่านก็ชมปิเยข้าเกินไป นี่มันเป็นแค่การพิสูจน์ให้ปิเยท่านเห็น ว่าอยู่ได้สบประมาทปิเยอย่าง
ปิเยข้า ครั้งนี้จะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย ปิเยท่านเตรียมรับตำแหน่งประมุขที่ใหนซักแห่งที่บนโลกได้เลย
เพราะเราจะต้องก้าวเหยียบซากของพวกติอากอไปยังโลกและ ที่นี่เมื่อปิเยเราไม่อยากอยู่แล้วมันจะต้อง
ย่อยยับไป ทั้งบนบกและในน้ำ "
ปิเยมัจเจกล่าวอย่างภูมิใจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เหล่าปิเยซารีนับแสนว่ายน้ำลงสู่ไต้ท้องทะเลลึก โดยไต้การนำของหัวหน้าซารียะพวกมันรู้ว่ากำลัง
จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและต้องสูญเสียไพร่พลเข้าสังเวยการกระทำครั้งนี้อีกเป็นจำนวนมาก แต่นั่น
พวกปิเยซารียังประเมินความเสียหายได้ไม่หมด สิ่งที่พวกซารียังไม่รู้คือ มะกะพูพิษที่พวกมันจะ
ต้องเสี่ยงไปน้ำมา จะใช้มาเป็นสิ่งที่จะสลักเข้ากับร่างพวกมันทุกร่าง และเอาไปเป็นเครื่องสังหารพิษ
ที่บนบก นั่นคือการฆ่าตัวตายอย่างชัด เพราะเมื่อร่างประกอบไปด้วยพิษใด้ในช่วงเวลาหนึ่ง ร่าง
พวกมันจะไม่สามารถทนต่อพิษที่รุนแรงของมักกะพูได้ และนั่นคงเป็นตอนที่พวกซารีทำงานถวาย
ให้กับมัจเจเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นเอง พวกมันจะตายหรือไม่ตาย ปิเจมัจเจก็คงไม่สนใจ
แต่มีปิเยหนึ่งรู้สึกสัมสนต่อการปฏิบัติตามในครั้งนี้ รองหัวหน้าอันดับสองของปิเยซารี มันคิดกลับ
หน้าหลังหลายตลบขณะว่าน้ำรวมมากับเหล่าปิเยซารีอื่นอื่น มันรู้สึกว่าครั้งนี้หัวหน้าซารียะ ใช้คำสั่ง
ที่ไร้เหตุผลเกินไป และดูเหมือนหัวหน้าจะไม่เป็นตัวของตัวเองต้องกระทำตามใจของปิเยมัจเจอีกที
และการกระทำครั้งนี้ความเสียหายต้องเกิดวิบัติอย่างใหญ่หลวงแน่นอน คิดเช่นนั้นมันจึงไม่อยากมี
ส่วนร่วมด้วยแล้ว เห็นทีมันต้องทำอะไรซักอย่างหนึ่ง คิดได้เช่นนั้นมันเริ่มว่ายกรรเชียงออกห่างจาก
หัวหน้าซารียะอย่างเรื่อยเรื่อยห่างออกไปแบบไม่ให้ผิดสังเกต
แต่ผู้เป็นหัวหน้าซารียะมีหรือว่ามันจะไม่ทันสังเกตุ ยิ่งกระทบกระทั่งกันมาตอนเริ่มออกเดินทางมันก็
แอบมองพฤติกรรมของลูกน้องรองของมันอยู่เหมือนกัน เมื่อเห็นว่าการเดินทางมีการเปลี่ยนแปลง
ผิดสังเกตุ มันจึงเรียกเหล่าซารีใกล้ๆออกติดตาม รองหัวหน้าอันดับสองของมันทันที
" พวกปิเยเจ้าซักยี่สิบร่างตรงนี้ ถ้าพวกปิเยเจ้าร่างใดสังหารผู้ที่กำลังพยายามหลบหนีศึกและขัดคำสั่งปิเยข้า
ในครั้งนี้ได้ ปิเจเจ้าจะได้ตำเเหน่งของที่ปิเยข้าเคยให้กับปิเยมัน ร่างนั้น"
ปิเยซารียะ กล่าวอย่างเฉียบขาด สิ้นคำสั่งปิเยนับยี่สิบร่างก็กรูกันว่าน้ำพุ่งทะยานตามรองหัวหน้าอัน
ดับสองปิเยทันที
และเมื่อรองหัวหน้าอันดับสองสังเกตุได้ว่าผู้เป็นหัวหน้าซารีได้สังเกตุเห็นการหลบหนีของเขาแล้ว
ถึงไม่ได้ยินว่าผู้เป็นหัวหน้าซารียะกล่าวกับปิเยซารีที่กรูกันตาม เขามานับยี่สิบร่าง แต่รองหัวหน้า
อันดับสองซารี ก็รู้ว่าพวกที่ตามมาไม่ประสงค์ดีแน่ และเมื่อครั้นจะหยุดเพื่อต่อสู้ จำนวนหนึ่งต่อนับ
ยี่สิบ ถึงจะพอมีฝี่มืออยู่บ้างขั้นระดับเกือบเป็นหัวหน้า แต่จำนวนที่มีเพียงหนึ่งคงไม่สามารถสู้ผู้ที่มี
จำนวนนับยี่สิบได้แน่ คิดเช่นนั้นการทะยานหนีจึงเลือกเป็นสิ่งที่มันต้องกระทำ ถึงจะล่วงหน้ามาบ้าง
แต่การว่ายน้ำลึกทำให้มันไม่ได้เปรียบในการหนีเท่าไร ปิเยซารีบางร่างที่ตามมาว่ายน้ำได้ไวกว่า
เขา และระยะติดตามก็กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยเรื่อย และเมื่อเห็นจวนตัว คิดว่าถ้าอยู่ไต้น้ำแบบนี้คง
โดนรวบได้แน่ ไวเท่าความคิด มันทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำทันที คราวนี้ดูเหมือนได้ผล ระยะห่างการ
ติดตามดูห่างออกไปทันที กอปรกับความระล้าระลังชั่งใจที่เห็นรองหน้าหน้าอันดับสองเปลี่ยนเส้น
ทางว่ายน้ำไปในทิศทางที่ผิดแปลกไป พวกซารีที่ติดตามทั้งยี่สิบร่างจึงต้องหยุดปรึกษากัน และเมื่อ
มารวมกันครับ พวกปิเยซารีที่ติดตามก็ลงความเห็นว่าถึงรองหัวหน้าอันดับสองของซารีจะเดินทาง
ไปทางใหนก็ตามคำสั่งหัวหน้าซารียะก็ต้องให้ตามไปสังหารให้ได้อยู่ดี และนั่นการติดตามก็เกิดขึ้น
อีกครั้ง
เหนื่อยแทบใจจะขาด รองหัวหน้าอันดับสองของปิเยซารีพยุงร่างขึ้นเหนือผิวน้ำ มันรู้ดีว่าตอนนี้
ระยะห่างน่าจะพอสมควร แตมันรู้ไม่นานพวกซารีหนุ่มหนุ่มที่ว่ายน้ำเก่งคงจะตามมันทันในไม่ช้า
เขาไม่เคยที่จะต้องเร่งว่ายน้ำไวขนาดนี้มาก่อนเลยรุ้สึกอ่อนแรงเหมือนกัน การที่จะว่ายน้ำหนีอยู่นี้
ไม่ว่าจะบนผิวหน้ำหรือไต้น้ำ ไม่นานเขาต้องถูกจับได้แน่ คิดเช่นนี้เขาพยายามมองหาทางหนี่อื่น
ไม่นานเขามองเห็นยอดภูเขาที่อยู่ลิบลิบเขารู้ว่าที่นั่นต้องเป็นพื้นที่ที่มีแผ่นดินแน่ ยังคิดไม่ออกว่าถ้า
เขาอยู่ชายแผ่นดินแล้วจะช่วยให้การติดตามล่าดีขึ้นอย่างไร แต่คิดว่ามันน่าจะมีทางออกดีกว่าหนี
ว่ายน้ำวนเวียนอยู่ในน้ำแบบนี้แน่ คิดเช่นนั้นเขาออกว่ายไปในทางทิศที่มองเห็นยอดภูเขาสูงทันที
ยอดภูเขาที่เขาเห็นไกลมันใหญ่มาก นั่นคือทำให้ระยะทางที่ว่ายน้ำเข้าไปหามันไกลมากด้วย กิน
ระยะทางหลายกิโลเมตร แต่มันก็เป็นผลดีสำหรับตัวรองหัวหน้าอันดับสองซารี เมื่อใกล้เข้าสู่แผ่น
ดิน เกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง กระแทกกระทั้น ปิเยน้ำผู้ผ่านประสบการณ์มากทำให้มันล่องฝ่า
แนวเกลียวคลื่นไปได้อย่างรวดเร็วกว่ากลุ่มผู้ติดตาม ทำให้การหนีไม่ค่อยกดันมากนัก จนรอง
หัวหน้าอันดับสองซารียะขึ้นมาถึงชายหาด มันพักเหนี่อยและมองไปยังกลุ่มซาลีผู้ที่ติดตามมา พวก
มันดูทุลักทุเลกับการฝ่าเกลียวคลื่น ดูแล้วทำให้มันเริ่มสงสารผู้ติดตามเหมือนกัน และเมื่อเมื่อผู้
ติดตามเข้ามาใกล้จนสือสารกันได้รองหัวหน้าอันดับสองของซารีจึงกล่าวออกไป
" ใยกลุ่มปิเยเจ้าจึงติดตามปิเยข้าไม่ลดละ นี่หัวหน้าซารียะต้องการให้พวกปิเยเจ้ามาจับตัวปิเยเรากลับ
ไปใ่หม "
ปิเยซารีผู้ติดตามพยายามทรงกายฝืนกระแสคลื่นและเมื่อทรงกายอยู่ได้ ปิเยซารีร่างหนึ่งจึงกล่าว
ตอบ
" มิได้รองปิเยท่าน หัวหน้าซารียะไม่คิดที่จะนำปิเยท่านกลับไป หัวหน้าให้พวกปิเยเรามาฝังท่านไว้ที่ใหนซัก
ที่หนึ่งต่างหาก ปิเยท่านก็รู้ดีนี่ว่าหัวหน้าซารียะปิเยเรา ไม่เคยให้โอกาสปิเยใด โดยเฉพาะผู้ที่ขัดคำสั่งปิเย
ท่าน"
" แล้วพวกปิเยเจ้าคิดยังไง อยากจะบอกพวกปิเยเจ้าว่าปิเยข้ารู้สึกว่าหัวหน้าซารียะเปลี่ยนไปจึงได้หลบหนี
มาเช่นนี้ ใหนใหนหัวหน้าซารีก็คงไม่รู้ว่าพวกปิเยเจ้ามาทำการได้ผลเป็นอย่างไรเกี่ยวกับปิเยข้า พวกปิเยเจ้า
ปล่อยปิเยข้าได้ใหม อย่างน้อยก็เห็นแก่ตำแหน่งรองหัวหน้าที่ปิเยข้าเคยมีมาเถิด"
รองหัวหน้าอันดับสองซารี อ้อนวอนที่จริงเขาไม่ได้กลัวที่จะต่อสู้ เพียงแค่ไม่อยากให้มีการต่อสู้จน
เสียเลือดเนื้อพวกเดียวกันไปเท่านั้น
" ไม่ได้หรอกตอนนี้ปิเยท่านไม่ใช่รองหัวหน้าซารีอีกแล้ว ตอนนี้รองหัวหน้าอยู่ในกลุ่มพวกปิเยเราที่นี่แล้ว ไม่
นานผู้ที่สังหารปิเยท่านได้ก็จะได้ขึ้นตำแหน่งสูงเกียรตินั้น จะมีซารีร่างใดละโอกาสเช่นนี้ไปได้ยังไง ขอปิเย
ท่านอย่าได้ถือโทษโกรธพวกปิเยเราเลยนะ ปิเยท่านก็รู้พวกปิเยเราไม่เคยมีใครฝืนคำสั่งหัวหน้าซารียะมา
หลายพันปีแล้ว ถึงพวกปิเยเราอยากจะปล่อยปิเยท่านไป ผลร้ายก็จะมาตกกับตัวพวกปิเยเราเอง พวกปิเยเรา
เลือกที่จะไม่เดือดร้อนและมีตำแหน่งสูงส่งด้วยดีกว่า"
ปิเยซารีหนึ่งในผู้ติดตามกล่าว
ผู้ซึ่งกำลังจะเป็นอดีตรองหัวหน้าอันดับสองซารีเงียบ อยากจะอธิบายอีกว่าตอนนี้สิ่งที่หัวหน้า
ซารียะสั่งให้ทำนั้นในครั้งนี้จะทำให้เผ่าปิเยน้ำซารีเดือดร้อนและพบกับหายนะกันหมด แต่คงป่วย
การที่จะโน้วน้าวเหล่าปิเยที่ติดตามกลุ่มนี้ มันเป็นปิเยซารีรุ่นใหม่ที่ไม่มีความคุ้นเคยกับเขา และ
ไฟแรงกระเหี้ยนกระหือรืออย่างขึ้นสู่ตำแหน่งโดยไม่ลืมหูลืมตาตามประสาผู้ด้อยประสบการณ์ และ
เมื่อไม่มีทางเลือกหลังจากการเจรจาแล้ว มันจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกทางหนีอีกครั้ง เพราะคิดว่า
ต่อสู้ย่างไรคงสู้ได้ยาก จึงเลือกทางหนี คงจะปล่อยให้มาถูกฆ่าแกงกันแบบนี้ง่ายคงไม่ได้
การออกเคลื่อนไหวไล่เลียบไปขอบชายทะเลที่มีคลื่นซัดสาดอยู่ตลอดจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะ
ที่ผ่านมามันเป็นต่อในการเดินทางในลักษณะนี้ แต่คราวนี้มันคิดผิด มันลืมไปว่าพวกติดตาม
สามารถขึ้นไปเคลื่อนไหวอยู่บนบกได้ ถึงมันจะไม่คล่องแคล่ว แต่ก็ยังไวกว่าไปขลุกขลักอยู่กับ
เกลียวคลื่นริมน้ำ เมื่อเห็นสถานการณ์พลิกผัน มันตกใจเล็กน้อย และก็เปลี่ยนใจขึ้นไปบนบกบ้าง
การติดตามเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ ปิเยซารีผู้ติดตามแบ่งกำลังกันเป็นสองกลุ่ม อีกกลุ่มหนึ่งเคลื่อนที่
อยู่ในน้ำเหมือนเดิม และอีกกลุ่มหนึ่งติดตามผู้ถูกไล่ล่าอยู่บนบก และติดตามมาได้อย่างกระชั้นชิด
คราวนี้จวนตัวจริงจริงแล้ว
ผู้กำลังที่จะเป็นอดีตรองหัวหน้าอันดับสองของซารีที่เดิมพันด้วยร่างไร้วิญญาณกับตำแหน่ง
หนีการล่าติดตามกันอยู่บนบก และผู้ที่มีอายุน้อยกว่าก็เริ่มได้เปรียบในการเดินทางบนบกอีก
ครั้ง พวกมันใกล้จะถึงตัวอดีตรองหัวหน้ามันอีกไม่ช้า ความเหนื่อยด้วยอายุที่มากทำให้ผู้ที่กำลังหนี
เริ่มจิตตก ผู้ไล่ล่าก็จะคว้าตัวได้ไม่ช้า จะหนีลงน้ำก็มีอีกกลุ่มหนึ่งดักรออยู่ และทันใดเบื้องหน้าก็มี
สิ่งที่ขวางอยู่ และนั่นจึงทำให้ผู้ติดตามคิดว่าการติดตามน่าจะสิ้นสุดลงในครานี้แล้ว
คลองแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ใหลออกมาจากแผ่นดินไหลเข้าสู่ทะเล ขวางอยู่เบื้องหน้า ทำให้การวิ่ง
ทยานจาการหนีไปข้างหน้าต้องสะดุด อดีตรองหัวหน้ามองหาทางหนีตายอีกครั้งคราวนี้จนตรอกแม้
กระทั้งคิดหนีไปเข้าป่า ไปทางแผ่นดิน แต่ต้นไม้หนาที่สะกันอยู่อย่างระเกะระกะ ก็คงจะเกี่ยวพันร่าง
ของมันอยู่ตรงนั้น มันจึงไม่ใช่แพร่งที่น่าจะเลือก คราวนี้มันจึงตัดสินใจเฮือกสุดท้ายที่ทำให้พวก
ติดตามคิดว่า มันพร้อมยอมจำนนไม่หนีแล้ว
ผู้ถูกไล่ล่าหนีลงน้ำทะเลอีกครั้งอย่างโซเซและล้มฝังร่างจมไปกับเกลียวคลื่น
เหล่าผู้ล่าซารี รู้สึกสะกิดใจเพียงเล็กน้อยที่เห็นอาการยอมจำนนของผู้ถูกล่า แต่ด้วยหน้าที่ที่มัน
กล่าวมาตลอดมันจะใจอ่อนและสลดกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ ปิเยผู้ติดตามทั้งสองกลุ่มทั้งบนบกและในน้ำ
จึงล้อมรุมเข้ามายังร่างที่จมอยู่อย่างยอมจำนน แต่ก่อนที่ซารีทั้งกลุ่มจะถึงร่างผู้ที่นอนอยู่ เกลียว
คลื่นลูกใหญ่ก็กระแทกเข้ากับกลุ่มทั้งหมด จนทั้งหมดเสียอาการเซไป และเมื่อคลื่นผ่านไปทั้งหมด
ก็รวมตัวกันเข้ามาอีกครั้ง
แต่ทว่าคราวนี้กับพบว่าตรงนั้นไม่มีร่างที่จมอยู่ครึ่งตัวของปิเยซารีผู้เคยเป็นรองหัวหน้า ที่เมื่อก่อนนี้
จมแช่อยู่ พวกมันพยายามเร่งค้นหาอีกครั้ง พวกมันคิดว่าเกลียวคลื่นใหญ่ต้องพัดร่างหายไปจาก
ตรงนี้ และนั่นหมายความว่า ร่างนั้นจะต้องไปเกยตื้นอยู่บนชายหาด แต่พวกมันก็มองตามไป ไร้
วี่แววของร่างนั้น พวกมันมองหน้ากัน และปิเยซารีร่างหนึ่งก็แสดงความคิดเห็นขึ้น
" เกลียวคลื่นต้องม้วนกลับมาและดึงเขาลงทะเลไปแน่เลย ถ้าไม่มีบนบกนั่น "
ทุกปิเยซารีผู้ล่าเห็นด้วย พวกมันไล่ลงควานหาในเกลียวคลื่นที่กำลังม้วนลงทะเลอีกครั้งทันที แต่
ด้วยความที่น้ำหมุนของเกลียวคลื่นทำให้น้ำค่อนข้างขุ่น ทำให้การมุดน้ำหาของพวกมันยังไม่เจอ
ร่างของอดีตผู้นำอันดับสองผู้ถูกตามล่าอยู่ดี พวกมันกระจายกันออกตามหาเป็นวงกว้างและลึกลง
ไปในทะเลอย่างเรื่อยเรื่อยแต่ไม่มีวี่แววจะเจอร่างผู้ถูกล่า
ปิเยซารีผู้ล่าเข้าใจถูกว่าเกลียวคลื่นได้พัดพาเป้าหมายไป แต่พวกมันเข้าใจถูกเพียงครึ่งเดียว จึง
ทำให้ได้ไปหาในทิศทางที่ผิดและตรงกันข้าม
ไต้แม่น้ำจึด รองหัวหน้าอันตับสองของซารีว่ายทวนน้ำในแม่น้ำห่างทะเลออกไป มันรู้สึกโล่งใจ
เพราะไม่มีผู้ติดตามมา
การที่มันหลบหนีมาได้ครั้งนี้ เกิดจากแรงกระแทกของคลื่่นน้ำทะเล ทำให้ร่างของมันที่อยู่ตอนนั้น
และเข้าหาชายฝั่ง และเมื่อร่างของมันสัมผัสเข้ากับน้ำจืดบางส่วน ทำให้มันคิดบางอย่างออกได้ มัน
รีบว่ายเข้าสู่ปากแม่น้ำจึดและมุดลงไต้น้ำจึดทันที และเป็นโชคดีที่เหล่าซารีผู้ล่ากำลังเสียหลักล้มลง
ในเกลียวคลื่นเหมือนกันจึงไม่มีใครสังเกตุเห็น
เหล่าซารีผู้ล่างงเป็นไก่ตาแตก ที่ในรัศมีแค่นี่ทำไมไม่สามารถเห็นตัวผู้ที่กำลังล่าได้ ทั้งที่จะได้ตัว
อยู่รอมร่อแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ราวกับผู้ถูกล่าหายตัวไปได้อย่างนั้น
ยิ่งเวลาค้นหานานเท่าไร เป้าหมายที่หนีไปได้ตอนนี้ ก็ห่างออกมามากจนรู้สึกได้ว่าปลอดภัยแล้ว
ตอนนี้ ปิเยซารีผู้ถูกล่าจากพวกเดียวกัน หยุดว่ายน้ำและขึ้นมาพักผ่อน เพราะตอนนี้ห่างจากทะเล
ออกมาไกลจนมองไม่เห็นแล้ว และแม้แต่ลมทะเลก็พัดมาไม่ถึงตรงนี้แล้วนั่นหมายถึงกลิ่นของมันก็
คงไม่ลอยไปถึงพวกไล่ล่าแน่ มันรู้สึกแสบร้อนร่างกายที่ต้องว่ายอยู่ในน้ำจึดที่ไม่เคยอยู่ แต่มันก็
ยังถือว่าโชคดี แม้ร่างกายบาดเจ็บยังดีกว่าเสียชีวิตไปจากภัยการไลล่า เมื่อมันอยู่บนฝั่งมันสังเกตุ
เห็นปิเยบกบางร่างที่เคลี่อนไหวได้ เคลื่อนห่างที่ที่มันอยู่ออกไป มันรู้ทันทีว่าพวกปิเยบกที่มันไม่รู้จัก
นี้คงจะกลัวมัน เพราะมันรู้ว่าเหล่าปิเยน้ำซารีอย่างพวกมัน เคยล่าเหล่าปิเยบกลงไปกินอยู่เรื่อย
เรื่อย จึงทำให้ปิเยบกคงแสดงอาการเกรงกลัวมัน แต่นอนนี้มันอยู่แค่ร่างเดียวในแหล่งที่เป็นถิ่นของ
ปิเยบก ความคิดของมันกลับหวาดกลัวขึ้นมาเช่นกัน มันคิดว่าถ้าปิเยยกพวกนี้เห้นมันอยู่ร่างเดียว
เกิดอยากแก้แค้นขึ้นมา
คิดอย่างนั้นมันจึงต้องลงน้ำไปอีกครั้งและคิดว่าคงต้องล่องทวนน้ำขึ้นไปเรื่อยเรื่อยดีกว่า หาที่ว่างๆ
เหมาะเหมาะริมน้ำที่มีที่ว่างห่างไกลปิเยบก และค่อยพักผ่อนใหม่
ฟากปิเยซารีผู้ล่าพวกมันสาละวนกันหาเป้าหมายจนเหนื่อยอ่อนและรู้สึกหัวเสีย ครั้งจะเลิกหาเป่า
หมายและเดินทางกลับไปมือเปล่าคงไม่ดีแน่ ถ้าหัวหน้าซารียะรู้ว่าทำงานไม่สำเร็จ พวกมันจึงไม่
ลดละที่จะหาเป้าไม้ในรัศมีที่น่าสังสัยต่อ
" เหนื่อยกับคลื่นที่พัดมาไม่เท่าไร แต่น้ำจึดที่ใหลมาโดนตัวนี่สิเจ็บเป็นบ้าเลย"
ปิเยซารีร่างหนึ่งบ่นกับปิเยซารีพวกกันอย่างหัวเสีย ขณะมันทั้งสองร่วมกันค้นหาเป้าหมายอยู่ริม
รอยต่อปากแม่น้ำ
" ทำได้ไงล่ะปิเยเราต้องทน น้ำจืดนั่นมันแสลงกับพวกปิเยเราถ้าเป็นไปได้ ปิเยเราก็ไม่อยากมาอยู่ใกล้หรอก
แต่ทำไงได้ ถ้าหารอง เอิบปิเยเขาไม่เจอ พวกปิเยเราต้องลำบากแน่ "
เพื่อนปิเยซารีกล่าวตอบ และเริ่มรับรู้ในชะตากรรมตัวเอง
" แต่มันก็เเปลก คราบกลิ่นของปิเยเขาก็ปนอยู่กับน้ำแถวนี้ไปหมด แต่กลับความหาไม่เจอ นี่ความกดดันมัน
มาตกกับพวกปิเยเราแล้วตอนนี้ถ้าหาซากเขาไม่เจอ แล้วจะทำไง "
ปิเยร่างเดิมกล่าว
" จะทำไง ปิเยเราทั้งหมดที่มาล่าสังหารครั้งนี้ ก็ต้องตกไปเป็นเป้าหมายแทนนะสิ โทษฐานทำงานไม่สำเร็จ
และเป็นงานที่หัวหน้าซารียะเห็นว่าง่ายง่ายด้วย ให้ปิเยถึงยี่สิบร่างมาล่าสังหารปิเยเพียงร่างเดียว นี่ถ้าปิเยเขา
สงสัยว่าพวกปิเยเราทำงานพลาด จะมีปิเยนับร้อยส่งมาล่าสังหารพวกปิเยเราอีกทีแน่ "
ปิเยเพื่อนกันตอบ
" โอ๊ย ไม่อยากคิด ที่จริงปิเยเจ้าไม่บอกปิเยข้าก็รู้ชะตากรรมแล้วหล่ะ ที่บ่นไปไม่ใช่ไม่อยากหา แต่มัน
หงุดหงิดน้ำเนี่ย ไม่ใหวเจ็บเจ็บแสบแสบแบบนี้ลองเข้าไปอยู่ในน้ำจืดเลยละกัน ดูซิว่ามันจะเป็นยังไง "
ว่าแล้วปิเยซารีร่างเดิมที่บ่นก็เดินลุยน้ำที่ปนกันอยู่สวนเข้าไปใหนปากแม่น้ำทันทีด้วยความ
หงุดหงิด เพื่อนซารีคู่สนทนารู้สึกขัน แต่ไม่คิดที่จะตามเพื่อนซารีที่บ่นอยู่ไป เพราะรู้ดีว่าในน้ำจึดนั้น
มีปฎิกริยากับพวกมันมากแค่ใหน
เป็นอย่างที่ปิเยซารีเพื่อนกันคิด เพียงครู่เดียวที่ซารีขี่บ่นเข้าไปในน้ำจึดและดำมุดดำว่าย
มันก็ต้องรึบเผ่นกลับมา
" เจ็บแสบสะใจจริงจริง แต่ก็ดีนะมันล้างคราบเหม็นของตัวปิเยเราไปได้เนี่ยไม่ค่อยมีกลิ่นอะไรดูตัวเบา
ไปเลย "
ซารีขี้บ่นกลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้ดูมันอารมณ์ดีขึ้นเหมือนได้ผ่อนคลาย และเข้ามาช่วยปิเยซารี
เพื่อนกันค้นหาเป้าหมายอีกครั้ง และเมื่อมันเข้ามาอยู่ใกล้ปิเยซารียะผู้เป็นเพื่อนกับเริ่มสงสัยคำพูด
ของปิเยซารีขี้บ่น
" ปิเยเจ้าคิดว่าน้ำจึดมันล้างอะไรบนตัวปิเยเจ้าไปได้ทั้งหมดหรือ นี่ปิเยข้ายังได้กลิ่นของรองหัวหน้าที่อยู่บน
ตัวของปิเยเจ้าอยู่เลย แต่กลิ่นพวกปิเยเราที่ติดตัวของปิเยเจ้าไม่มีแล้ว มันก็น่าแปลกที่กลิ่นของปิเยเขายัง
ติดตัวปิเยเจ้าได้ไม่หลุดไปใหน เหมือนให้รู้ว่าปิเยเขายังอยู่แถวนี้ให้พวกปิเยเราค้นหา "
ปิเยซารีเพื่อนซารีขี้บ่นกล่าวอย่างตั้งข้อสังเกต
แต่คำพูดของเขากลับทำให้ปิเยซารีขี้บ่นคิด
" ใช่สิปิเยข้าก็ได้กลิ่นปิเยรองหัวหน้าเหมือนกันตอนที่พยายามใช้น้ำจึดล้างร่างอยู่ แม้แต่ตอนล้างเสร็จก็ยัง
คงได้กลิ่นปิเยเขาอยู่ หมายความว่า ในน้ำจึดนั้นมีกลิ่นของปิเยเขาอยู่ปิเยเดียวไม่มีของพวกปิเยเรา กลิ่นของ
ปิเยเขาอยุ่ในน้ำจึด ใช่กลิ่นของรองหัวหน้าอยู่ในน้ำจึดเพียงกลิ่นเดียว ใช่ ปิเยเขาที่ปิเยเรากำลังค้นหา ปิเย
เขาอยู่ในน้ำจึดนั่น "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น