ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #72 : เกาะกระชากชีพ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 162
      24
      16 ส.ค. 62

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    "  ท่าน โอ๊คคาระ ปิเยน้ำพวกของปิเยท่านมาอีกแล้ว ทำไมมามืดมืดอย่างนี้ล่ะใหนเห็นว่าตอนแรกทำเหมือนไม่อยาก

    จะมาอีก "


    มัจเจกล่าว กับปิเยโอ๊คคาระ เขารู้สึกแปลกใจที่จู่จู่ในยามค่ำมืดฝูงปิเยน้ำโผล่กันขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่ทั้งสอง

    ยังไม่ได้ให้สมุนปิเยซารีไปแจ้งข่าวอะไรเลย  ปิเยซารียะหัวหน้าปิเยซารีมาครานี้ดูเร่งรีบและพาร่างของตัว

    เอง ขึ้นมาเกือบจะอยู่บนฝั่ง


    " มีอะไรหรือท่านซารียะ  พวกปิเยเรายังไม่ได้มีเหตุการอะไรที่น่ากลัว เลยทำไมปิเยท่านจึงเร่งรุดมายามค่ำมืดเช่นนี้ "


    ปิเยโอ๊คคาระ กล่าวถามอย่างสงสัย


    " ปิเยข้ามีเรื่องร้อนรนน่ะสิ  ปิเยกาฟีระพวกของปิเยข้า แจ้งข่าวมา พวกปิเยมันพบพวกมนุษย์จำนวนหนึ่ง และสัตว์อ่อน

    นุ่มจำนวนสองเผ่าพันธ์ มีอีกจำนวนมากมาย ปิเยข้าตื่นเต้น อยากได้พวกมนุษย์และพวกสัตว์นั้นมาเป็นอาหารของปิเย

    ข้าและพวกของปิเยข้า ก็เลยมาปรึกษาพวกปิเยเจ้า ที่เจ้าบอกว่ามีมนุษย์หลงเข้ามานั้นเป็นเรื่องจริงแต่พวกสัตว์อ่อนนุ่ม

    เป็นจำนวนมากนั่นนะสิ มันคืออะไร ทำไมพวกปิเยเจ้าไม่บอกพวกปิเยข้าว่ามีสัตว์แบบนี้อยู่กับพวกมนุษย์นั้นด้วย "


    ปิเยซากีระ กล่าว โอ๊คคาระและปิเยมัจเจมองหน้ากันด้วยความสงสัยในคำพูดของปิเยซากีระ


    " ดูอาการปิเยเจ้าทั้งปิเยเจ้าจะบอกว่าไม่รู้ใช่ใหม ว่ามีสัตว์พวกนั้นด้วย เป็นไปได้ไง ที่มนุษย์เพียงไม่กี่คนพวกปิเยเจ้า

    ยังรู้ได้เลย แต่กลุ่มสัตว์จำนวนมาก ปิเยเจ้าทั้งสองจะไม่รู้ได้ยังไง นอกเสียจากพวกปิเยเจ้ากำลังปิดบังปิเยข้าอยู่"


    ปิเยซารียะ ถามซ้ำขึ้นอีก


    " พวกปิเยเราไม่รู้จริงจริง ว่าจะมีสัตว์อะไรหลงเข้ามาอีกและอยู่กับพวกมนุษย์เป็นจำนวนมาก ที่นี่จะมีสัตว์ที่มีจำนวน

    มากได้ ก็มีแต่พวกปัวล่า และเคียวด้าเท่านั้น และพวกนี้ถ้าเจอมนุษย์คงไม่ปล่อยให้พวกมนุษย์จำนวนหยิบมือแค่นั้นมี

    ชีวิตอยู่แน่ "


    ปิเยตะเคียน่าตอบ พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ


    " งั้นก็ช่างเถอะ ถ้าพวกปิเยเจ้าไม่รู้จริงจริงก็ไม่เป็นไรแต่อย่าให้ปิเยข้ารู้แล้วกันว่าพวกปิเยเจ้ามีอะไรปิดบังปิเยข้าอยู่ 

    ตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทำยังจะล่อพวกมันมาที่นี่ทั้งหมดได้ พวกปิเยเจ้าเป็นปิเยบกช่วยหาทางทีซิ "  


    ปิเยซารียะ กล่าว


    " ไว้ให้พวกปิเยข้าคิดก่อนนะ แล้วพวกปิเยของท่านล่ะที่คอยส่งข่าวนั้นช่วยทำสิ่งนี้ไม่ได้หรือ พวกปิเยเราตอนนี้มีกำลัง

    เพียงน้อยนิด เกรงว่าจะไปไม่ถึงที่พวกมนุษย์อยู่อาจเจอกับพวกปิเยที่จ้องจะล้างแค้นกับพวกเราเสียก่อน "


    ปิเจมัจเจ กล่าว 


    " กาฟีระมันร้ายได้แต่กับพวกปิเยบกที่เคลื่อนไหวไม่ได้เท่านั้น  มันได้อาศัยและเกาะกัดกินปิเยเหล่านั้นประทังชีตะไป

    วันวัน ถึงมันจะมีจำนวนมากมายบนบกแล้วตอนนี้ แต่นอกจากส่งข่าวแล้วปิเยข้ายังมองไม่ออกว่าจะใช้พวกปิเยมันทำ

    อะไรกับพวกมนุษย์และสัตว์พวกนั้นได้ ถึงมันจะเคลื่อนไหวได้ แต่ขนาดที่เล็ก คงจะทำอะไรกับพวกมนุษย์และสัตว์

    พวกนั้นไม่ได้แน่ "


    ปิเยซารียะ อธิบาย


    " การที่ปิเยเราที่ปิยากิอากอนี้ จะร้ายได้หรือไม่ร้ายมันไม่เกี่ยวกับขนาดหรอกท่านซารียะ ทำไมปิเยท่านไม่ติดเขี้ยวเล็บ

    ให้กับพวกปิเยเหล่านั้นล่ะ ดูเหล่าเรคา และเรคารียะของปิเยข้าสิ นี่ถ้าไม่บังเอิญถูกธรรมชาติทำร้ายเสียจนแทบไม่

    เหลือ  ปิเยท่านต้องได้เห็นแน่ ว่าสิ่งเล็กเล็กมันมีพิษสงแค่ใหน "


    ปิเยมัจเจ กล่าว


    " เหรอ มีทางที่จะสร้างให้พวกกาฟีระเเข็งแกร่งและร้ายกาจกว่านี้ด้วยเหรอ ใหนปิเยเจ้าลองบอกมาซิ  "


    ปิเยซารียะ ถามรู้สึกสะดุดคำของปิเยมัจเจ ถ้าหากสามารถทำได้อย่างปิเยมัจเจบอก ปิเยซารียะก็จะมีเขี้ยว

    เล็บของตัวมันเองที่อยู่บนบก และนั่นมันคงกวาดต้อนพวกมนุษย์และพวกสัตว์ที่เป็นเป้าหมายพวกนั้น มาเพื่อ

    เป็นเหยื่อมันได้แน่


    " ก็พิษยังไงล่ะปิเยท่าน ซากีระ ที่ปิเยข้ามีความพิเศษได้ก็ได้อาศัยสิ่งที่ผสมและค้นคิดขึ้นมาเป็นอาวุธที่ร้ายกาจ พวก

    ปิเยท่านก็คงเหมือนกัน ไต้ท้องทะเลมีปิเยที่มีพิษที่รุนแรงกว่าบนบกนี่เป็นใหนใหน ปิเยท่านลองหาวิธีผสมผสานและ

    ทดลองเข้าด้วยกันสิ ว่าสิ่งใหนมันน่าจะเหมาะกับพวกปิเยกาฟีระบ้าง และนำมาประดับเป็นเขี้ยวเล็บติดให้กับพวกปิเย

    กาฟีระ ถึงพวกมันจะมีร่างที่เล็ก ก็อาจมีพิษสงรุนแรงก็ได้นะ "


    ปิเยมัจเจ แสดงความคิดเห็น


    " อืม เห็นทีปิเยเจ้าแนะนำก็เข้าท่าดี ไต้ทะเลมีปิเยดอกที่มีพิษอยู่มากมันร้ายกาจขนาดที่ทำร้ายพวกสัตว์น้ำอ่อนนุ่มตัว

    ใหญ่ในน้ำจนแทบจะสูญพันธ์แล้วตอนนี้ จนพวกประการียะต้องเข้าคุ้มครองสัตว์พวกนั้น ทำให้ปิเยข้าเลยก็อดของ

    อร่อยแบบนั้นมานานเช่นกัน ปิเยข้าจะให้พวกปิเยซารีลองไปรับพวกปิเยมันมา และให้พวกปิเยเจ้าที่น่าจะมี

    ประสบการณ์ในการหาทางสกัดเอาพิษของมันออกมาและป้อนให้กับพวกกาฟีระ ถ้าทำได้ สิ่งที่ปิเยจะสมหวัง และพวก

    ปิเยเจ้าด้วย "


    ปิเยซารียะ กล่าว


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    " อรัญ ปราย มีอะไรหรือจึงย้อนกลับมา " 


    อัครชัยถามอย่างแปลกใจ ที่เห็นอรัญ และดุจปรายกลับเข้ามาอย่างเร่งรีบ กานต์และจามิกรก็สังเกตุเห็น

    ความผิดปรกตินี่เช่นกัน และด้วยความสงสัยสงสัย ทั้งสองจึงเร่งกลับเขามาสมทบอีกทีม


    " พี่หมอ พวกเราเห็นพวกมดมันอยู่ตรงนั้น ทางที่ปรายกับพี่อรัญไป  ตาที่สะท้อนแสงจันทร์มันใหญ่มา แสดงว่ามันอยู่

    ในระยะที่ใกล้มาก และคิดว่ามดกลุ่มนี้แหระมันคงลอบสังเกตุพวกเรา และส่งสัญญาณให้พวกมดข้างล่างรู้ทุกอย่างที่

    พวกเรากำลังทำ "


    ดุจปรายกล่าว


    " ทิศนั้นนะเหรอที่เจ้าสองคนไป ด้านนั้นเป็นด้านเดียวที่มีปิเยใหญ่สูงจากพื้นข้างล่างขึ้นมาเกือบถึงบนยอดเขานี้  ถ้า

    พวกมดมันไต่ปิเยขึ้นมาจริงไม่ใช่เรื่องง่าย และทำไมพวกปลวกของเราถึงไม่เห็น เวลาพวกมดมันขึ้นมาล่ะ จะใช่หรือ 

    พวกเจ้าทั้งสองอาจจะตาฝาดไปหรือเปล่า " 


    ปลวกทหาร กล่าว


    " ใช่แล้วล่ะ ผมคิดว่า อรัญและ ปรายไม่ได้ตาฝาดแล้วล่ะ ต้นไม้ พวกเราเคยเจอมาแล้ว พวกมดยักษ์ที่มันไต่ขึ้นมาบน

    ต้นไม้ได้ มันชำนาญและใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้ ไม่ยากเลยที่มันจะสามารถแอบไต่ด้านหลังต้นไม้ขึ้นมาแอบดูเราอยู่ตรง

    นั้น มันอาจจะมาช่วงตอนเริ่มมืดแล้วที่เรามัวจรดจ่อกับการเตรียมจะถล่มพวกมัน เลยลืมสังเกตุส่วนนี้ไป และมันมาทันที่

    จะส่งข่าวบอกพวกมันข้างล่างว่าพวกเรากำลังจะทำอะไรกับพวกมัน พวกมดยักษ์ข้างล่างจึงหลบไปทั้งหมดได้ "


    อัครชัยอธิบายเป็นฉากฉาก เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ


    " แต่มดยักษ์บนต้นไม้กับมดยักษ์ที่อยู่ตามพื้นดินที่เรานั่นมันไม่ถูกกันนี่พี่หมอ อย่างที่เราเห็นมันสู้กันอย่างเอาเป็นเอา

    ตาย จนทิ้งเหยื่ออย่างพวกเราด้วยซ้ำแล้วมันจะช่วยเหลือกันเพื่ออะไร "


    จามิกร กล่าวอย่างสงสัย


     " มันก็อาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปก็ได้แล้วนี่จา เวลานี้พวกมดยักษ์มันก็คงเห็นว่ามีอาหารที่เพียงพอถ้ามันลุยเข้ามาหา

    พวกเราและพวกปลวกได้ มันอาจจะยุติศึกในเผ่าพันธ์กันเองชั่วคราว เพื่อการนี้ก็เป็นได้ "


    แฟนหนุ่มของจามิกร กล่าวกับเธอ จามิกรพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเริ่มเห็นด้วยกับความเป็นไปได้ของความ

    คิดแฟนหนุ่มของเธอ


    " ถ้ามันมีพวกมดที่มันปีนต้นไม้ได้จริง เห็นทีพวกข้าก็ต้องเชื่อพวกเจ้า  แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไงจะให้พวกมดมันคอย

    ส่องอยู่อย่างนี้ คงไม่ดีแน่ ดีไม่ดี ต้นไม้พวกนั้นอาจเป็นสะพานส่งพวกมดมันขึ้นมาอีกและมันอาจใช้ช่องทางนี้บุกถึงตัว

    ปลวกอย่างพวกเราก็ได้ " 


    แมงเม่ายักษ์แสดงความคิดเห็น


     " ก็พวกเราก็อยู่ให้มันอยู่ตรงนั้นสิ สอยพวกมันลงไปเลย เมื่อไม่มีตัวที่คอยบอก   พวกข้างล่างก็คงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ

    พวกเราการที่พวกมดยักษ์จะบุกก็น้อยลง "


    อรัญกล่าว พร้อมข้อเสนอ


    " ใช่ใช่ ข้าเห็นด้วย ลูกธนูของพวกเราก็ยังมีอยู่ ต้นไม้นั้นคงมีพวกมันแอบอยู่ไม่กี่ตัว เพราะไม่อย่างนั้นเราก็ต้องสังเกตุ

    เห็นพวกมันแล้ว " 


    แมงเม่ายักษ์กล่าวสนับสนุนความคิดอรัญ 


    " ดูจากแสงดวงตาที่สะท้อน ไม่น่าจะมีเกินสิบตัวตรงนั้น และพวกเราเองก็เกรงว่าพวกมดมันจะเห็นว่าปราย และพี่

    อรัญจะเห็นมัน เราเลยแสร้งทำไม่ให้ผิดสังเกตุไม่รู้ไม่ชี้ และเลี่ยงกันมาที่นี่ "


    ดุจปราย กล่าว


    " งั้นไปกันเถอะ รีบไปจัดการซะก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว หรือพวกมันทำอะไรได้สักอย่างหนึ่งที่เราคาดไม่ถึง "


    ปลวกทหารกล่าว พร้อมเร่งนำหน้าทุกคนไป ปลวกยักษ์ทั้งหมดได้ถูกกระจายส่งข่าวให้สังเกตุบริเวรนั้นโดย

    ไม่ให้มีพิรุธแสดงให้พวกมดยักษ์รู้ว่าทั้งหมดรู้แล้วว่ามีมดยักษ์ซ่อนอยู่ตรงนั้น และเมื่อปลวกทหารและพวก

    ของอรัญไปถึงบริเวรนั้น จึงได้รับรายงานจากพวกปลวกยักษ์ที่แอบสังเกตุอยู่ตรงนั้น


    " จากเงาตะคุ่มตะคุ่มตอนนี้นะสงสัยว่าพวกมดยักษ์มันไม่ได้มีแค่สิบยี่สิบตัวอย่างที่ท่านแจ้งมาหรอกนะ ตอนนี้มีพวกมัน

    ต็มไปหมดทั้งต้นไม้และอีกหลายต้นด้วย "


    " นั่นไงข้าว่าแล้ว พวกมันจะใช้ทางนี้เข้าถึงพวกเราจริงจริงด้วย รีบทำอะไรก็รีบทำเถอะ "


    แมงเม่ายักษ์กล่าวเร่งเร้า


    " ดูจากความมืดแล้วพวกเราก็ไม่แน่ใจว่าจะยิงถูกพวกมันทุกตัวหรือเปล่า มันมืดเกินไป แต่ถ้าพวกเราจะยิงสุ่มไปที่

    ต้นไม้ก็น่าจะได้ หรือพวกมนุษย์มีความคิดเห็นยังไง ตอนนี้พวกท่านเห็นพวกมันได้มากกว่าพวกเราลองแสดงความคิด

    เห็นมาซิว่าน่าจะทำยังไง "


    ปลวกทหารยักษ์ขอความเห็น จริงอย่างปลวกทหารกล่าว ตอนนี้ในสายตาทุกคน แสงสะท้อนจากดวงตามด

    ยักษ์มีเต็มไปหมด ในที่ที่คาดว่าจะเป็นต้นไม้มันไม่ได้มีน้อยเหมือนแต่แรก อัครชัยมองออกไปและพลันก็

    สังเกตเห็น เขาจึงรีบกล่าวกับปลวกทหารยักษ์


    "  แผนของท่านพวกเราเห็นด้วย  พวกเราสุ่มยิงไปแถวตรงนั้นให้เป็นจำนวนมากมาก   โอกาสถูกก็น่าจะมีและถ้าพลาด

    ยิงพวกมันยังได้ไม่หมด พวกเราก็จะบอกได้เองว่ายังมีพวกมันเหลือแค่ใหน แต่ตอนนี้เห็นทีท่านต้องเร่งแล้วนะ ตรงที่

    สูงที่สุดของที่น่าจะเป็นยอดของต้นไม้ พวกมันขึ้นไปอยู่ตรงนั้นหลายตัวแล้ว และมันคงจะหาทางกระโดดมา   ระยะแค่

    นี้พวกมันมีพละกำลังเยอะขนาดนั้นมันกระโดดมาถึงแน่แน่ "



    จากการวางแผนของมดยักษ์ พวกมันไต่ขึ้นมาและหาทางเข้าโจมตีจุดนี้ในเวลาค่ำมืดโดยที่คิดว่าพวกปลวก

    น่าจะไม่รู้ตัวในเวลาค่ำมืดแบบนี้  พวกมดไม่คิดว่าจะถูกสังเกตุเห็นแล้วตอนนี้ มันจึงยังคงพยายามทำตาม

    แผนการโจมตีที่ได้วางไว้ เมื่อจำนวนมดตามมาสบทบกันจำนวนมากขึ้น ชุดแรกที่ไต่อยู่สูงสุดของยอดไม้ 

    พวกมันจึงพร้อมใจกันกระโดดไปที่จุดหมายที่ต้้งเป้าไว้ทันทีและเพื่อเปิดโอกาสให้มดยักษ์ชุดต่อไปทำตาม

    กันมาแบบนั้น และทันทีที่ขาที่ทรงพละกำลังของมันดึดตัวลอยจากยอดไม้ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ


    "  ฟู๊บ ฉึ๊ก "


    พวกมดยักษ์ ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศแว่วเข้าในโสตประสาทของมัน และก็มมีความรู้สึกอาการเจ็บแปล๊บ

    เข้าที่ร่างกายหลายส่วน พร้อมร่างกายมันก็ถูกแรงกระแทกที่มีปลายแหลมคมพุ่งทะลุเข้าหาร่างพวกมัน บวก

    ประสานกันด้วยความเเรง ตอนนี้พวกมดยักษ์รู้ตัวแล้วว่าการบุกของมันถูกตอบโต้ แต่ก็สายเกินไปลูกธนูที่พุ่ง

    เข้ามาราวกับหาฝน ทำให้ไม่มีแม้มดยักษ์ แต่ซักตัวเดียวเลย ที่ฝ่าไปจนถึงจุดหมายที่ตั้งใจจะไปแต่แรกได้ 

    หนำซ้ำแรงพุุงทะลุได้กระซากเอาวิญญาณพวกมันไป  และเเม้แต่ตัวที่อาจยังไม่ได้กระโดดขึ้นมายังเกาะอยู่

    ที่ลำต้นไม้ใหญ่ทำให้โดนลูกธนูไม่ค่อยถนัด แต่มันก็ทำให้ ร่างของมันหลุดจากการยึดเกาะอยู่กับต้นไม้หล่น

    ลงจากความสูงลงสู่เบื้องล่าง ด้วยความสูงเมื่อตกกระทบพื้นร่างกายของมดยักษ์จึงถูกแรงกระแทกแบ่งร่าง

    ของมันออกเป็นชิ้นชิ้นทันที


    " ผลเป็นไงไหมพวกท่าน พวกมันหมดไม๊ แสงในตาที่สะท้อนของพวกมันยังพอมองเห็นมีอยู่บ้างใหม "


    ปลวกทหารยักษ์ อยากทราบผลงานจากการที่ได้ระดมยิงเข้าไปยังตำแหน่งที่คาดว่าจะมีพวกมดยักษ์อยู่


    " ยังมีอยู่ แต่เอ๊ะ "


    อัครชัยทำท่าจะรายงานผลจากสิ่งที่เห็น แต่ก็ต้องหยุดกล่าวเพราะว่าสิ่งที่เขาเห็นมันกลับเปลี่ยนไป จุดแสง

    สว่างในดวงตาสะท้อนแสงของพวกมดยักษ์ ที่ยังพอมองเห็นหลงเหลืออยู่เมื่อสักครู่นี้ค่อยค่อยดับลงไปทีละ

    ดวงสองดวงจนตอนนี้มันหมดไป และหายไปจนไม่เหลือแล้ว


    " ไม่มีแสงสว่างจากดวงตาของพวกมันให้เห็นแล้ว พวกมดยักษ์มันน่าจะตายกันหมดแล้ว "


    และอัครชัยก็กล่าวอีกครั้งคราวนี้น้ำเสียงเขาแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อได้ยินชัดถ้อยชัดคำ

    ฝูงปลวกทั้งหลายก็ส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างอื้ออึงด้วยความโล่งใจและดีใจ


    " พวกเราซัดพวกมันได้อีกแล้ว ถึงยังไม่รู้ว่ามีจำนวนสักเท่าไหร่ แต่ขอเดาว่าพวกมดมันคงมากมายหลายตัวอยู่เหมือน

    กันที่มาดับอยอยู่ตรงนี้ สะใจจริงจริง คืนนี้พวกมดมันคงไม่กล้าบุกมาอีกแน่ "


    ปลวกทหาร กล่าวอย่างดีใจ


    " ข้าก็ดีใจเหมือนกัน พวกมดมันคงขวัญหนีดีฝ่อกันไปบ้างเหมือนกันที่เจอแบบนี้ ถ้าไม่มีพวกมนุษย์ที่คอยเป็นตาให้

    พวกเรา พวกเราคงทำอะไรไม่ได้ขนาดนี้ แม่ย่านางคิดไม่ผิดจริงจริง "


    แมงเม่ายักษ์ กล่าวชื่นชม


    " ไม่ต้องชมพวกเรากันมากหรอก พวกท่านเองก็เก่งกันเหมือนกัน ถึงแม้ว่าคืนนี้พวกมดยักษ์มันอาจจะไม่กล้ามา แต่

    พวกเราก็อย่าประมาท ถ้าเป็นพวกมนุษย์แล้วที่ใหนที่คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ที่นั่นต้องควรระวังอย่างที่สุด  การเฝ้าระวังไว้

    แน่นอนที่สุด การซ้อนแผนในการต่อสู้กันแบบนี้ได้ผลมาเยอะแล้ว "


    อัครชัย กล่าว


    " แน่นอนเดี๋ยวข้าจะสั่งให้ระแวดระวังกันอย่างที่สุดไม่ให้เกิดเหตุการอย่างเมื่อกี้นี้ได้ พวกท่านพักผ่อนเถอะ เดี๋ยว

    พรุ่งนี้ต้องช่วยหาทางรับมือกับพวกมดที่อยู่ข้างล่างนั่นอีก 


    ปลวกทหาร กล่าว พวกของอัครชัยไม่รีรอ รู้สึกว่าคำว่าพักผ่อนเป็นคำที่น่าฟังที่สุดตอนนี้หลังจากที่ไม่ได้พัก

    ผ่อนนอนเต็มอิ่มสักคืนเลยตั้งแต่ออกเดินทางกับพวกปลวกมา


    จวบจนกระทั่ง รุ่งเช้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แสงแดดส่องเข้ามาแยงตาทุกคน จึงทำให้ทุกคนเริ่มกัน

    ทยอยตื่นขึ้นมา ความอ่อนเพลียรู้สึกได้ว่าลดน้อยลงมาก ทั้งหมดพยายามมองหาปลวกทหารและแมงเม่า

    ยักษ์ เพราะมองไม่เห็นว่าอยู่ตรงนี้ และพลันสายตาของทั้งหมดก็ได้เห็น แมงเม่ายักษ์กระพือปีกอยู่บน

    ท้องฟ้า เป็นบริเวรเดียวกับที่มีพวกมดพยายามลอบไต่ต้นไม้ขึ้นมาเมื่อคืนนี้ และด้านล่างกลุ่มปลวกจำนวน

    หนึ่งได้จับกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น และทุกคนก็คาดว่าปลวกทหารก็น่าจะอยู่ตรงนั้นด้วย พวกเขาจึงลูกขึ้นและเดิน

    ตามเหลี่ยมเขาไปร่วมสมทบ และเมื่อทั้งหมดไปถึง


    " อ้าว พวกท่านตื่นแล้วเหรอ เข้ามานี่สิมาดูอะไรที่มันสวยงามสำหรับพวกเรา "


    ปลวกทหารกล่าวทักและเชื้อเชิญทั้งหมดเข้าไป และฝูงปลวกก็แหวกช่องเป็นทางให้ทั้งหกผ่านเข้าไปได้

    สะดวก และเมื่อทุกคนเข้าไปถึง  สิ่งที่เห็นคือต้นไม้ที่เมื่อคืนนี้พวกมดยักษ์ใช้เป็นสะพานจะขึ้นมาบุกพวก

    ปลวกยักษ์ ตอนนี้มีซากที่ตายของพวกมดยักษ์อยู่หลายร่าง ถูกลูกธนูที่พวกปลวกระดมยิงไปเมื่อคืน 

    ร้อยร่างของมันติดกับลำต้นไม้ไว้ สิ่งที่เห็นนี่คือสิ่งที่สวยงามตามที่ปลวกทหารบอก  พวกปลวกยักษ์ถูกมด

    ยักษ์กระทำโดยที่ผ่านมานับเวลาหลายปี เมื่อมีโอกาสได้แก้แค้นพวกมดยักษ์บ้างแบบนี้ ดูจะเป็นที่พอใจของ

    ฝูงปลวกยักษ์เป็นที่สุด หนำซ้ำคราวนี้พวกมดยักษ์ที่ตายไม่ต้องแลกด้วยการเสียเลือดเนื้อของพวกปลวก

    ยักษ์แม้แต่ตัวเดียว 


    " ทีนี้จะดูซิพวกมดมันจะมาไม้ใหนอีก "


    ปลวกทหาร กล่าวกับทุกคน เมื่อพอใจกับภาพที่เห็นนั้นได้นานพอสมควรแล้วพวกของอัครชัยก็แยกย้ายกัน

    ไปทำหน้าที่เฝ้าระวังพวกมดต่อไป พวกเขาและฝูงปลวกยักษ์ต่างพากันเฝ้ามองปฏิกริยาของพวกมดยักษ์ 

    ต่อไป

    เหล่ามดยักษ์เมื่อต้องสูญเสียถึงสองครั้งสองครา และเป็นฝ่ายเสียเปรียบในจำนวนสมาชิกที่ตายในการต่อสู้

    ฝูงมดจึงไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำอะไรอีก ทั้งวัน จึงยังคงกำลังอยู่ข้างล่างตามเดิม รอเวลาที่คิดแผนดีดีกว่านี้

    ได้พวกมดยักษ์จึงคิดว่า จะค่อยหาทางบุกอีกครั้ง จนจวบจนถึงเวลาค่ำอีกวันพวกมดยักษ์ก็ยังไม่บุกขึ้นมา 

    พวกปลวกยักษ์จึงใช้แผนเฝ้าระวังตามเดิม แถมด้วยมีการเพิ่มการสร้างจำนวนลูกธนูเพิ่มขึ้นมาอีกแทน

    จำนวนที่เคยยิงไป  จวบจนกระทั่งรุ่งขึ้นของอีกหนึ่งวันถัดไป


    " พวกมนุษย์ พวกเจ้ามาดูอะไรนี่สิ พวกมดยักษ์มันเป็นอะไรไม่รู้ "


    พวกอัครชัย สะดุ้งตื่นเพราะถูกปลุก ตอนนี้แมงเม่ายักษ์เห็นถึงบางอย่างที่ผิดสังเกตุ  ที่เกิดขึ้นกับพวกมด

    ยักษ์ แมงเม่าไม่กล้าบินเข้าไปใกล้เพื่อให้เห็นเหตุการผิดสังเกตนั้นได้ถนัด เกรงเรื่องความปลอดภัย จึงเร่ง

    มาปลุกพวกมนุษย์ทั้งหกเพื่อใช้สายตาของมนุษย์ที่มองได้ไกลและชัดเจนกว่ามาช่วยดูว่าสิ่งที่ผิดปรกตินี้

    เกิดมาจากอะไรกันแน่ เมื่อพวกอัครชัยมาถึงพวกเขาพยายามเพ่งมองว่าน่าจะมีอะไรเกิด ที่ตีนเขา ที่มดยักษ์

    อยู่ ตอนนี้มีฝุ่นตลบอบอวลไปหมดและมองเห็นกองทัพมดยักษ์จำนวนมาเคลื่อนไหววิ่งไปวิ่งมาสาละวนกัน

    อยู่


    " หรือพวกมันเตรียมพร้อมจะบุกขึ้นมาบนนี้ พวกท่านเห็นถนัดใหม พวกเรามองไม่ค่อยออกฝุ่นมันเต็มไปหมด "


    ปลวกทหาร กล่าว


    " ไม่ใช่นะ เหมือนพวกมันแตกตื่นหรือหนีอะไรกันสักอย่างหนึ่ง และมีบางตัวบาดเจ็บด้วย ขาพวกมดยักษ์บางตัว

    หลุดลุ่ย คงเกิดจากการแตกตื่นแล้วชนกัน นี่ไม่ใช่แผนแน่ "


    อัครชัยอธิบายสิ่งที่เห็น ถ้าฝุ่นไม่ฟุ้งแบบนี้พวกเขาต้องเห็นชัดแน่ว่าพวกมดยักษ์มันกำลังหนีอะไร


    " ใช่แล้วพวกมดยักษ์มันกำลังหนีอะไรสักอย่างหนึ่งที่วิ่งไล่พวกมัน มีอะไรดำดำจำนวนมากแต่มันขนาดไม่ใหญ่

    เคลื่อนไหวได้ วิ่งรายล้อมพวกมันแทบทุกตัวอยู่ แต่มองไม่ออกว่ามันเป็นอะไรและเหมือนถ้าสิ่งนั้นมันถึงตัวพวกมดได้ 

    มดมันจะหยุดนิ่งเหมือนถูกซ้อต ถ้าฝุ่นมันไม่ฟุ้งแบบนี้จะพยายามสังเกตุเหมือนกันสิ่งที่ดำดำ แต่จางจางนั้นมันคือ

    อะไร "


    กานต์กล่าวเสริมอัครชัย ข้อสังเกตุของกานต์ทำให้ทุกคนเริ่มเพ่งดูกันดีดีอีกครั้งและทุกคนก็ได้เห็นอย่างที่

    กานต์บอก ยกเว้นพวกปลวกที่สายตาไม่ไกลจนมองเห็นสิ่งเล็กเล็กนั้นได้


    " นั่น นั่นพวกมดยักษ์มันนิ่งหมดไม่เคลื่อนไหวแล้ว เดี๋ยวฝุ่นก็คงหายไป ที่นี้เราจะรู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้พวกมดยักษ์มัน

    เป็นเช่นนี้ "


    จามิกรกล่าว อย่างตื่นเต้นทุกคนเฝ้ามองอย่างใจจรดจ่อพอฝุ่นเริ่มจางทำให้พวกปลวกเองก็เริ่มมองเห็นภาพ

    ข้างล่าง สายตาทุกคู่เพ่งมองไปที่ฝูงมดยักษ์ที่นิ่งสงบ ทำไมพวกมดที่ร้ายกาจถึงอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้


    " สีดำนั่นดูดีดีแล้วเหมือนพุ่มไม้หรือต้นไม้ขนาดเล็กนะ มีเหมือนส่วนใบและมีส่วนลำต้นด้วย ต่างกันตรงมันเป็นสีดำ

    สนิทและเคลื่อนไหวได้ถึงมันไม่เร็วเท่าไร แต่ก็มีจำนวนมากเหมือนกัน ดูสิพวกมดยักษ์มันนิ่งกันหมดแล้ว แต่พวกวัตถุ

    สีดำนั่นมันยังเคลื่อนไหวได้อยู่ "


    อรัญ ตั้งข้อสังเกตุ


    " ใช่ข้าก็มองเห็นแล้ว มันเหมือนต้นไม้จริงจริง และมันใจว่าข้าก็เคยเห็นมันมาแล้วด้วย แต่สีที่ดำแบบนี้ไม่เคยเห็น เคย

    เห็นแต่ที่มันเป็นสีเขียว "


    แมงเม่ายักษ์แสดงความคิดเห็น


    " ต้นไม้หรือ เป็นไปได้ใหมว่าอาจจะเป็นพวกต้นไม้สมุนที่มัจเจมันส่งมาเพราะนี่เราก็เข้ามาใกล้พวกมันมาระดับหนึ่ง

    แล้ว พวกมัจเจมันอาจจะรู้แล้วก็ได้จึงได้ส่งพวกนี้มา"


    แสงดาว ตั้งข้อสังเกต


    " อาจเป็นไปได้พวกมัจเจมันมีพวกสมุนเป็นจำนวนมาก อาจมีสมุนของมันเผ่าพันธ์หนึ่งที่มีลักษณะแบบนี้ นับว่ามัน

    ร้ายกาจมากจริงจริง ขนาดมดยักษ์จำนวนเป็นล้านล้านยังถูกพวกมันกรุ้มรุมเสียแน่นิ่งไม่เป็นท่า แล้วคิดว่าเป้าหมายต่อ

    ไปของพวกมัน น่าจะเป็นพวกเรา กับพวกท่านนะปลวกทหาร "


    อัครชัย กล่าว


    " ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็สู้ตายล่ะ เราอยู่ที่สูงพวกมันต้องขึ้นมา ถ้าเราป้องกันได้ดีอาจจะทำให้พวกมันตกลงไปได้โดย

    ก่อนที่จะถึงตัว   พวกเราไม่ได้อยู่ในชัยภูมิที่ราบแบบกับพวกมด ที่พวกมันเขามาได้ทุกทิศทุกทางจึงทำให้พลาด ถึง

    ลูกธนูเราไม่สามารถยิงพวกมันได้เพราะว่าร่างมันเล็กเล็กอยู่ แต่มันคงใช้กวาดพวกมันให้ตกลงไปได้ "


    ปลวกทหารกล่าว พร้อมทั้งเริ่มวางแผนในกลการศึกรับ


    " นั่นนั่นดูนั่นสิ  มันช่วยกันลำเลียงร่างพวกมดออกไป แสดงว่าพวกมันต้องเอาร่างมดยักษ์ไปใหนซักแห่ง พวกมดอาจ

    ยังไม่ตายก็ได้ แต่อาจจะแค่สลบหรือชาไปเท่านั้น ถ้าเป็นพวกมัจเจจริงมันพวกมดยักษ์มันต้องถูกเอาไปเป็นอาหารแน่

    เลย "


    จามิกร ชี้โบ้ชี้เบ๊ให้ทุกคนดู จริงอย่างที่จามิกรบอก ข้างล่างมดยักษ์ถูกสีดำประหลาดค่อยค่อยยกและเคลื่อน

    ออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงไต้ ซึ่งยิ่งทำให้ทุกคนเริ่มแน่ใจขึนมาอีก เพราะคิดว่าตอนนี้ทัพของมันเจน่าจะ

    อยู่ทางทิศนั้น


    " ถ้ามันจับพวกเราได้ มันก็คงจะทำอย่างนี้กับพวกเราเหมือนกัน มันขนย้ายกันได้รวดเร็ว ขนาดนี้คาดว่าวันนี้มันคง

    ลำเลียงร่างมดยักษ์ไปได้เกือบหมด ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คงเป็นคิวของพวกเราแน่ "


    อัครชัย กล่าว


    " ใช่รุ่งนี้คงได้สู้ตายกับพวกมันแน่ ถึงข้าบินได้ก็จะไม่หนีไปใหนแน่ " 


    แมงเม่ายักษ์กล่าว


    " ขอบใจท่านมากที่ท่านยังห่วงพวกเรา ถึงแม้ว่าตัวท่านเองมีทางที่จะหนีเอาตัวรอดไปได้ ถ้าพวกเรามีชัยในศึกครั้งนี้ 

    ต่อไป ข้ามั่นใจว่าท่านต้องเป็นผู้สืบทอดแม่ย่านางที่ดีแน่ ที่รักพวกพ้องมากว่าชีวิตตัวเอง รุ่งนี้แหระจะได้รู้กัน  ว่าแต่

    ก่อนแม่ย่านางเคยกล่าวไว้ว่าวันรุ่งนี้ จะมีอะไรสักอย่างหนึ่งทำไมข้าจำไม่ได้นะ ช่างเถอะเรื่องนี้สำคัญกว่า ไปเถอะพวก

    เราเตรียมการไว้เผื่อตัวประหลาดนั้นมันเปลี่ยนใจไม่ยอมขนพวกมดให้หมดก่อน มันจะถือโอกาสบุกเลยพวกเราได้

    เตรียมตัวทัน "


    ปลวกทหาร กล่าว  

    ทุกทิศทางโดยรอบปราการภูเขาที่พวกปลวกยักษ์ตั้งอยู่ พวกมดยักษ์ที่อยู่โดยรอบตอนนี้ถูกลำเลียงร่าง

    ของมันออกไปตัวเเล้วตัวเล่าเส้นทางที่ไปยาวจนสุดลูกหูลูกตา แสดงว่าสิ่งประหลาดสีดำก็ต้องมีจำนวนที่มาก

    เหมือนกัน จึงอดทำให้เกิดความประหวั่นพรั่นพรึงไปเสียไม่ได้ อัครชัยพร้อมทั้งทุกคนและบรรดาปลวกยักษ์

    ในใจก็รู้อยู่ว่าศึกครั้งนี้มันใหญ่หลวงมากนัก ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ทำให้พวกมดยักษ์มันสิ้นฤทธิ์ง่ายดายแบบนั้นจะ

    พิสูจน์ได้ก็ต่อเมื่อได้เผชิญหน้ากับตัวประหลาดสีดำแล้วเท่านั้น ทุกคนและบรรดาปลวกยักษ์เฝ้ามอง

    เหตุการณ์ข้างล่างนั่นอยู่กันจนค่ำ สิ่งที่ทุกคนกลัวกำลังจะเกิดขึ้น การประเมินว่าการลำเลียงร่างมดยักษ์ไป

    เป็นไปตามคาดพอท้องฟ้าจะเริ่มมือ ร่างมดยักษ์ตัวสุดท้ายก็เคลื่อนออกไปทันที พื้นข้างล่างที่ดูคับคั่งและ

    วุ่นวายด้วยฝูงมดยักษ์ก่อนหน้านี้  จึงดูว่างเปล่าโล่งไปในทันที


    "  มันเอาไปพวกมดยักษ์จนหมดเลยแสดงว่าพรุ่งนี้พวกเราเป็นคิวต่อไปแน่ "


    ปลวกทหารยักษ์ กล่าวกับทุกคนและเหล่าปลวกยักษ์ด้วยกัน


    " แล้วถ้ามันไม่รอเวลาล่ะ ถ้ามันบุกมาคืนนี้พวกเราจะทำไง ตัวมันดูกลืนกับความมืดด้วยถ้ามันแอบบุกมาพวกเราอาจ

    มองไม่เห็นมันก็ได้ "


    ามิการแสดงความเห็น


    " ถ้าพวกมันเป็นต้นไม้จริงมันคงไม่บุกเข้ามาเวลากลางคืนแน่ เหมือนที่มันมาบุกพวกมดเมื่อเช้า ต้นไม้มันก็ต้องการ

    ความสว่างเหมือนกัน ถ้าไม่มีแสงพวกมันก็อาจไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไร แล้วอีกอย่างมันไม่จำเป็นต้องเร่งปิดเกม แม้แต่

    พวกมดร้ายร้ายขนาดนั้น ยังทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย มันไม่กลัวพวกเราแน่ จึงไม่จำเป็นต้องลอบเข้ามาตอนเราเผลอ 

    ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ไงพวกเราก็ต้องระวังกันไว้ เผื่อข้าประเมินพวกมันผิด อย่างที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าบอกไง ว่าข้า

    อย่าประมาท


    ปลวกทหาร กล่าว 

    และการเฝ้าระวังในค่ำคืนนี้ก็เพิ่มความเข้มงวดขึ้น ทุกคนไม่แน่ใจว่าลำพังลูกธนูที่แหลมคมจะทำอะไรพวก

    ตัวประหลาดสีดำนั้นได้หรือไม่ พวกมดเองมันก็มีลูกธนูที่พวกปลวกยิงลงไปเช่นกันแต่ดูเหมือนการใช้อาวุธ

    ลูกดอกไม้ในการปัดป้องไม่ได้ผลสักเท่าไร สิ่งที่พวกข้างบนเห็นมดยักษ์หลายตัวระหว่างการปัดป้องอาวุธใน

    มือหลุดจากมืออย่างง่ายดายจนผิดสังเกต เหมือนระหว่างสู้กันกับพวกประหลาด พวกมดยักษ์หมดสิ้น

    เรี่ยวแรงเอาดื้อดื้อซะงั้น นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนจะหายสงสัยถ้าได้เผชิญหน้าแบบใกล้ชิดกับพวกตัวประหลาด

    ว่าที่พวกมดเป็นเช่นนั้นเพราะอะไร

    รุ่งเช้าและเวลาที่ทุกคนด้วยใจจรดจ่อก็มาถึง เป็นไปตามคาด ทุกคนสังเกตุเห็นวัตถุสีดำเคลื่อนเข้ามาจาก

    ทุกทิศทางอย่างช้าช้า และเมื่อมีแสงอาทิตย์ที่แรงกล้าขึ้นรู้สึกได้ว่าพวกตัวประหลาดเคลื่อนไหวได้

    คล่องแคล่ว  และรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนเข้ามาสมทบอย่างมืดฟ้ามัวดินจนขอบภูเขาข้างล่างเต็มไป

    ด้วยสีดำและคิดว่าถ้ามันมีจำนวนมากพอ มันก็ต้องเดินหน้าแห่กันขึ้นมาแน่แน่ และเมื่อสีดำมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น

    นั่นหมายถึงจำนวนตัวประหลาดที่มีมากมาย พวกมนุษย์และพวกปลวกก็ได้เห็นสัญญาณของการเดินหน้า สี

    ดำประหลาดได้เคลื่อนขึ้นมาอย่างช้าช้า ใกล้สายตาขึ้นมาเรื่อยเรื่อย ยิ่งเข้ามาใกล้ทำให้พวกของอัครชัย

    และปลวกยักษ์เห็นกลุ่มของมันได้ชัดขึ้น ดูไม่ผิดรูปร่างที่เห็นใกล้ใกล้ของมันบอกได้เลยว่ามันเป็นต้นไม้ชัด

    ชัด ถึงมองดูพวกมันไม่ชำนาญในการไต่ที่สูงแต่ด้วยจำนวนที่มาก มีการผลักดันกันมาจากจำนวนที่อยุ่ข้าง

    ล่างเรื่อยเรื่อย ทำให้มันมั่นคงเวลาไต่ขึ้นมา และเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้จะถึงที่ปลวกยักษ์และพวกมนุษย์อยู่

    ไม่ถึงห้าสิบเมตร การผลักดันกันของพวกมันและแรงเสียดสีร่างของมันกับพวกเดียวกัน ทำให้จามิกรที่

    พยายามมองอยู่เริ่มสังเกตเห็นถึงสิ่งที่น่าสงสัย เธอจึงกล่าวกับทุกคน


    " รู้สึกว่าพวกมันมีประกายไฟที่ตัวเวลาขยับ  มันอาจจะมีประจุไฟฟ้าที่ตัวของมันเหมือนพวกปลาใหลไฟฟ้า มิน่าล่ะพวก

    มดยักษ์มันถึงสู้พวกมันไม่ได้ คงโดนมันช๊อดจนเดี้ยงไปหมด พวกเราจะทำไงถ้ามันมีไฟแรงสูงมาก ลูกธนูของเราที่

    พวกเราคิดว่ามันน่าจะเอามาปัดป้องได้ ถึงเนื้อไม้มันจะแห้งมันก็คงจะเป็นสื่อล่อไฟฟ้ามาช๊อตพวกเราได้ อยู่ดี "


    " มันมีไฟมาซ็อดเลยหรือ แปลกนะต้นไม้พวกนี้มาจากใหนกัน ถึงข้าจะเคยเห็นพวกมันมาก่อนแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็น

    ที่ใหน แล้วพวกมนุษย์มีวิธีแก้ใขแบบใหนบ้างล่ะในเมื่อลูกธนูก็ดูจะใช้ไม่ได้ อย่างนี้ถ้าพวกมันถึงตัวพวกเราได้มันช๊อต

    พวกเราเเย่แน่ "


    ปลวกทหาร ตั้งคำถาม


    " มันมาจ่อไม่กี่เมตรแล้ว ไม่มีเวลาให้คิดนานด้วยซี รู้แต่นี่คงเป็นเหตุผลที่พวกมันต้องบุกเวลากลางวันแน่เลย ยิ่งแดด

    ร้อนเท่าไร ร่างของพวกมันก็คงมีกระแสไฟแรงขึ้นแน่เลย เนี่ยยิ่งดูมันมีเรี่ยวแรงมากกว่าตอนเริ่มปีนขึ้นมา ถ้าคิดว่านะจะ

    ให้พวกมันหมดเรี่ยวแรงต้องทำให้ดวงอาทิตย์ หมดแสงหรือไม่ก็มีเมฆมาบัง พวกมันก็คงอ่อนแรงไปบ้าง "


    จามิกร อธิบาย


    " มันเกินความเป็นไปได้นะจาถ้าจะมีเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ท้องฟ้าก็ใสซะป่านนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายง่าย มีน่าวิธีอื่นอีกไม๊ "


    กานต์ กล่าวกับแฟนสาว


    " ไม่มี จะมีก็มันคงเป็นไปไม่ได้อีกคือฝนตก  นอกจากนั้นวิธีอื่นนึกไม่ออก "


    จามิกร กล่าว ยังไม่ทันที่ทุกคนจะพูดอะไรกันต่อ เสียงดังแหวกอากาศก็ดังแผดขึ้น 


    " เปรี๊ย เพี๊ย  ฟู่ "


    พวกมนุษย์และปลวกยักษ์ทั้งหลายหันไปมองตามเสียง และสิ่งที่เห็น สิ่งที่ทุกคนสงสัยว่าพวกมันมีไฟฟ้าพิสูจ

    ได้แล้วคราวนี้

     ปลวกยักษ์ชราร่างหนึ่ง ตั้งใจพุ่งลงไปกระแทกต้นไม้ประหลาดผู้บุกรุก ปลวกชราคิดว่าแรงกระแทกจะทำให้

    มันล่วงหล่นลงไปอย่างที่เคยใช้ได้ผลกับมดยักษ์มาแล้ว แต่ทว่าปลวกชราคิดผิด ทันทีที่ร่างที่ล่วงหล่นไป

    ของมันแตะไปที่ร่างต้นไม้ประหลาด ร่างของปลวกชราก็ถูกกระแสไฟแรงสูงที่อยู่ในตัวต้นไม้ประหลาดช๊อต

    เข้าทันที ร่างกายปลวกที่เป็นส่วนของน้ำในร่างกายถูกช๊อตจนร่างกายมันแตกเป็นเสี่ยง และกระจายชิ้นส่วน

    ออกไป แม้แต่ชิ้นส่วนที่แตกออกไปแล้วนั้นชิ้นส่วนใหนกระเด็นไปหล่นตรงที่มีร่างต้นไม้ประหลาดอยู่ชิ้นส่วน

    นั้นก็ถูกช๊อตอีกครั้งจนที่สุดทุกชิ้นส่วนก็ถูกช็อตจนกลาวเป็นผุยผงปลิวล่วงลงไปเบื้องล่าง ทุกคนถึงกับอ้า

    ปากค้าง รวมทั้งปลวกยักษ์ก็พูดไม่ออกไม่มีตัวใหนที่จะกล้าเสี่ยงทำแบบปลวกชราโชคร้ายตัวนั้นอีก


    "  ให้ตายเถอะ พวกมันมีไฟฟ้าที่แรงขนาดนี้เลยหรือ แสดงว่าที่พวกมดยักษ์ไม่ถูกช๊อตขนาดนี้ เพราะว่ามันแค่ต้องการ

    จับไปโดยที่ยังมีร่างสมบูรณ์อยู่ มันต้องกำหนดได้ ว่าจะใช้ไฟฟ้าในการช๊อตแค่ไหน นั่นคือถ้าพวกเราพยายามต่อสู้หรือ

    ขัดขืนพวกมัน  เราก็เลือกได้เลย ว่าจะเป็นแบบปลวกยักษ์ตัวนั้น หรือเป็นแบบมดยักษ์ข้างล่างกันแน่ "


    อัครชัย กล่าว ตอนนี้ทุกคนไม่มีความเห็นอะไรต่อคำพูดของอัครชัย คำพูดของเขาดูจะสรุปได้ถูกต้องที่สุด 

    นั่นจีงทำให้ทุกคนประหวั่นพรั่นพรึงกันเป็นอย่างมากอีกไม่กี่เมตรเหตุการที่พวกมนุษย์และเหล่าปลวกยักษ์

    กลัวกำลังจะมาถึงแล้ว แต่ทันใดพวกต้นไม้ประหลาดก็กลับทยอยกันหยุดเคลื่อนไหวโดยที่พวกมันอยู่ห่าง

    จากที่มนุษย์และปลวกยักษ์อยู่แค่ไม่กี่เมตร


    "  พวกมันหยุดกันหมด หรือว่าพวกมันดูเชิงอยู่ มันกำลังจะทำอะไร  "


    จามิกร กล่าวอย่างแปลกใจ


    " ที่จริงพวกมันน่ากลัวขนาดนี้ไม่น่าต้องหยุด เพื่อรอเวลาอะไรนะ หรือมันรอให้ตัวมันได้แสงอาทิตย์ชาร์ตไฟในตัวมัน

    อีก  เพื่อกะจะเล่นงานพวกเราได้ถนัด "


    ดุจปราย แสดงความคิดเห็นบ้าง


    " คงใช่ มันอาจจะรอให้ตัวมันมีไฟฟ้ามากกว่านี้ เพราะตอนนี้แดดยังไม่แรงเท่าไหร่  เอ๊ะแดด ทำไมแดดรู้สึก 

    เหมือนว่าอ่อนลงนะ หรือว่าตอนนี้มีเมฆบัง "


    อรัญ พึ่งรู้สึกได้และคำพูดของเขาก็ทำให้ทุกคนแหงนมองขึ้นฟ้าไปยังดวงอาทิตย์


    " ไม่มีนี่ ไม่มีอะไรบังดวงอาทิตย์หรอก เจ้าคิดไปเอง "


    ปลวกทหารกล่าว หลังจากที่ได้มองประจักษ์แก่สายตาของมันแล้ว ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับปลวกทหารยักษ์

    เพราะตอนนี้ดวงอาทิตย์กลมไม่มีอะไรบดบังอยู่


    " แต่ จาก็รู้สึกนะว่า แสงอาทิตย์มันอ่อนลงเหมือนกันจริงจริงนะ เมื่อกี้นี้เรายังแสบผิวเพราะความร้อนอยู่เลยแต่ตอนนี้

    รู้สึกมันไม่ร้อนแล้วที่ผิวก็รู้สึกเย็นขึ้น หรือว่าคำภาวนาพวกเราจะได้ผลดวงอาทิตย์จะเห็นใจพวกเรามันอาจจะอ่อนแสง

    ลงเพื่อให้พวกต้นไม้ประหลาดนี้หมดแรง ก็ได้"


    จามิกร กล่าวคำพูดของเธอเหมือนดูตลก เพราะความเป็นไปได้แทบไม่มี แต่จามิกรไม่รู้ว่ารู้สึกแบบนี้ได้

    อย่างไร


    " ดวงอาทิตย์อ่อนแสงหรือ ใช่แล้ว ข้านึกคำแม่ย่านางเคยบอกไว้ออกแล้ว แต่ข้าลืมไปเสียสนิท เรื่องของวันนี้ ว่ามี

    อะไร นึกขึ้นได้เรื่องนี้เอง ดวงอาทิตย์ดับ จะเกิดการที่ดวงจันทร์บังแสงอาทิตย์ในวันนี้แบบเต็มดวงด้วย มันเริ่มเกิด

    ขึ้นแล้วตอนนี้ ที่เจ้าพูดนี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรอกเป็นเรื่องจริง " 


    ปลวกทหาร กล่าวขึ้นด้วยความดีใจเพราะนั่นจะทำให้ต้นไม้ประหลาดที่ต้องใช้แสงอาทิตย์ในการเคลื่อนไหว

    ต้องหยุดชะงักไป


    " มันนานแค่ใหนถ้ามันเริ่มบังแบบนี้ และมันเคลื่อนออกไปจนมีแสงแดดจ้าอีกครั้ง พวกเราจะมีเวลานานแค่ใหน "


    แสงดาวถาม ด้วยความอยากรู้


    " ที่ผ่านมา ตามประวัติศาสตร์ต้้งแต่มันเริ่มบังและคายออกจนสุด  มันอยู่ประมาณสามสี่ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย จาเคย

    ศึกษามาแสงดาว "


    จามิกรตอบเพื่อนสาว


    " เวลา สามสี่ชั่วโมงพวกเราจะทำยังไง ถ้าพวกเราจัดการกับพวกต้นไม้ที่อยู่ข้างรอบพวกเรานี่ให้หมดจะได้ใหม ลองคิด

    กันซิ"


    แสงดาว ถามความเห็น


    " ข้าว่าได้น่ะได้อยู่นะ แต่ ข้าคิดว่าพวกมันไม่น่าจะมีแค่นี้นะสิ เมื่อแสงอาทิตกลับมาสว่างเหมือนเดิม จะต้องมีพวกมัน

    ยกโขยงกันมาอีก ดูข้างล่างสิ ตอนที่พวกมันยังไม่หยุดเคลื่อนใหวยังมีพวกมันเสริมเข้ามาอีกเรื่อยเรื่อย มีวิธีอื่นภาย

    ในสามชัวโมงนี้ ที่ดีกว่านี้ใหม "


    ปลวกทหารกล่าว พร้อมตั้งคำถาม


    " นั่นสิปลวกทหารพูดถูก พวกมันคงมีมากเสียจนเหลือเกินที่เราจะใช้เวลาแค่สามชั่วโมงกำจัดพวกมันไปทั้งหมด

    ได้ เว้นเสียแต่ดวงอาทิตย์ต้องหยุดส่องแสงตลอดไป ซี่งนั้นก็เป็นไปไหม่ได้อีก ใครลองเสนอความคิดมาซิเนี่ยฟ้าเริ่ม

    มืดลงเรื่อยเรื่อยแล้ว "


    แมงเม่ายักษ์แสดงความคิดเห็น และยังไม่ทันที่ทุกคนจะเสนออะไร ทุกคนก็ได้ยินเสียงอื้ออึงของพวกปลวก

    ยักษ์มาจากอีกด้านหนึ่ง ทั้งหมดพยายามสื่อสารว่ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานข่าวสารก็ถูกส่งต่อมาถึง


    " พวกเราด่านเหนือแจ้งว่ามีต้นไม้ประหลาด ที่ไม่ได้หยุดนิ่งเหมือนที่อื่นอื่นนะท่าน มันบุกเข้ามาและพวกเราจับตัวพวก

    มันได้ อยู่ทางโน้น "


    ปลวกยักษ์ ที่ได้รับข่าวเป็นตัวสุดท้ายรายงาน


    " ตายล่ะพวกเราก็คิดว่าพอแสงอาทิตย์น้อยแล้วพวกมันจะหมดฤทธิทั้งหมด ยังมีแบบนี้อีกหรือ แล้วพวกเรายังจับตัว

    มันได้แสดงว่าไฟฟ้าในตัวมันก็คงน้อยลงหรือไม่มีเลย พวกเราไปดูกันไม้เผื่อได้ความรู้อะไรจากพวกมันบ้าง "


    ปลวกทหาร กล่าว ทั้งหมดไม่รอช้าพวกเขาเร่งเดินทางไปทางทิศเหนือของแนวด่านกำแพงปลวกยักษ์ซึ่ง

    ทางทิศนั้นเป็นที่เดียวกับที่พวกเขาได้สังหารพวกมดยักษ์ที่ไต่ขึ้นมาเมื่อวาน และเมื่อทุกคนไปถึง พวกเขา

    เห็นต้นไม้ประหลาดสามสี่ร่าง อยู่ในการจับกุมของพวกปลวกยักษ์ มันดิ้นเล็กน้อยแต่ไม่สามารถหลุดจาก

    การรัดกุมของปลวกยักษ์ร่างใหญ่ที่จับมันไว้ได้


    " พวกเราเห็นมันกระโดดมาจากต้นไม้ พวกเราเลยจับมันไว้ "


    ปลวกยักษ์ ที่จับกุมต้นไม้ประหลาดไว้รายงาน 


    " ข้าไม่ได้คิดมาทำร้ายพวกท่านนะข้ามาดี "


    ทุกคนตะลึงเสียงที่มาจากต้นไม้ประหลาดนั้นมันสื่อสารภาษากับทุกคนได้เป็นภาษาของมนุษย์ด้วย


    " หา เจ้าก็พูดภาษาพวกเราได้แล้วทำไมพวกเจ้าถึงไม่คุยกับพวกเราก่อน บุกมาทำราวกับอยากจะมาถึงก็ฆ่าหรือจับ

    พวกเราไปแบบมดยักษ์นั่นเลย ทำไมพวกเจ้าถึงทำเช่นนี้ แล้วทำไมเจ้าถึงได้เคลื่อนไหวได้ไม่เหมือนพวกของเจ้า "


    อัครชัย ถามเร็วปรื๋อเมื่อรู้ว่าสื่อสารกันได้


    " เอา พอรู้ว่าคุยกับข้าได้ก็ถามซะหลายคำถามเลย งั้นข้าขอตอบทีละคำถามล่ะนะ ที่ถามว่าทำไมพวกเราที่บุกมาไม่คุย

    กับพวกท่านก่อนนะหรือ ก็เพราะตอนนี้พวกเราที่บุกมาทั้งหมดยกเว้นพวกข้าที่อยู่ตรงนี้ ต้องทำตามคำสั่งของผู้ที่บังคับ

    มาน่ะสิ และที่บอกทำไมพวกข้าถึงได้เคลื่อนใหวได้แม้แต่ตอนที่ไม่มีแสงแล้วแบบนี้ ซึ่งต่างกับพวกนั้น เพราะตอนนี้มี

    ข้าและพวกที่อยู่ตรงนี้ ยังไม่ติดเชื้อเหมือนกันพวกกาฟีระ สีดำนั่นนะสิ " 


    เสียงต้นไม้ประหลาดตอบ


    " ติดเชื้อหรือ ต้นไม้พวกนั้นมันติดเชื้ออะไร "


    ปลวกทหาร ถามขึ้นอย่างสงสัยในคำพูดต้นไม้ประหลาด


    " เอาล่ะ ข้าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พวกเจ้ารู้แล้วกันจะได้หายสงสัยกันเสียที พวกเราทั้งหมดที่พวกเจ้าเห็นนี้ แต่เดิม

    เราเป็นต้นไม้ที่อยู่ในทะเล วิวัฒนาการและการแพร่กระจายของเมล็ดพันธ์ของพวกเราหลายครั้งทำให้ปลิวไปกับลม

    และไปติดอยู่ตามกิ่งไม้ของต้นไม้ที่อยู่บนบก พวกเราจำนวนมากหลงใหลที่จะอยู่แบบฝังรากเกาะอาศัยกินอยู่กับพวก

    ต้นไม้บนบก และให้มันช่วยหาอาหารให้พวกเรา มากกว่าที่เราต้องหาอาหารเองในน้ำทะเลที่มีคลื่นและลมแรง พวกเรา

    ทั้งหมดทุกวันนี้จึงอพยบขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่เคลื่อนหนีพวกเราไม่ได้ พวกเราจึงได้อาศัยมาแบบนี้จนถึงทุกวันนี้ "


    ต้นไม้ประหลาด กล่าว





















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×