ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #65 : นักฆ่าล่าหัว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 151
      17
      21 มี.ค. 62

    "  ไม่บังเอิญ ท่านหมายความว่ายังไง"


    ปูอินทร์ถาม เขาเริ่มแปลกใจกับคำพูดพวกเดรฟโดร์นอีกครั้ง 


    " ไม่บังเอิญที่คือมีผู้ต้้งใจทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้นะสิ  ท่านรู้ใหมว่าพวกเดรฟโดร์นเราก็ใช้วิธีนี่

    ผ่านบรรยากาศโลกที่นี่เข้ามาแบบนี้เหมือนกัน พวกเราใช้การผลักดันดาวเคราะห์น้อยเพื่อเปิดช่อง

    ทางผ่านชั้นบรรยากาศเพื่อให้ยานของเราไม่เกิดการกระทบกับชั้นบรรยากาศแห่งนี้จนเกิดการ

    ระเบิดเสียหายของยานเรา และคิดว่ายานขนส่งของไอซ์โดร์นก็เช่นกันไม่เช่นนั้นยานของพวกเรา

    คงไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาถึงที่นี่ได้ "


    มนุษย์เดฟ โดร์นอธิบาย


    " โอ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ แต่ท่านก็บอกนี่ว่าท่านมองเห็นอุกาบาตสองก้อนมันตามกันมา งั้น

    แสดงว่ามันคงเป็นความบังเอิญมากกว่าอุกาบาตมันอาจจะเป็นก้อนเดียวกันและแตกออกสองก้อน

    ก่อนที่จะเข้าสู่บรรยากาศโลกที่นี่ "


    ปู่อินทร์สรุป และอยากมองไปในเเง่ที่ดี


    " ก็ใช่อยู่ แต่ถ้ามันมีผู้ที่ส่งอุกาบาตทั้งสองก้อนมา และมียานที่ตามมา มันอาจจะไม่ได้มีขนาด

    ใหญ่  จนข้าสังเกตุเห็นได้ และการทำเช่นนั้นได้มันจะต้องเป็นพวกที่มีวิวัฒนาการที่สูงกว่าพวกข้า

    แน่ ไม่อยากคิดเหมือนกันว่ามันมีโอกาสจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะถ้ามีพวกเราต้องเจอกับสิ่งที่ร้าย

    แรงแน่ "


    มนุษย์เดฟโดร์น ตั้งข้อสังเกต


    " โอนี่คือสิ่งที่ท่านกลัวหรือ แล้วถ้ามันมีจริงท่านคิดว่ามันน่าจะมีพวกใหนล่ะ จากดาวของท่านหรือ

    จากดาวดวงอื่นอีก"


    ปู่อินทร์ ถามขึ้นอีก


    " เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง พวกข้ามาที่นี่หลายปีแล้วเหมือนกัน บางทีวิวัฒนาการจากพวกของข้าที่

    อยู่เดฟโดร์นอาจก้าวหน้าไปกว่านี้มาก หรือไม่ผู้ที่สงสัยว่าจะมาก็อาจจะเป็นจากดาวดวงอื่น  แต่ที่

    เหมือนกันคือ ทั้งพวกของข้าและมาจากดาวดวงอื่นคงไม่ประสงค์ดีแน่ ข้าก็ถือว่าทำผิดที่หาพวก

    ไอซ์โดร์นไม่เจอทั้งที่มาอยู่ตั้งหลายปี พวกของข้าที่เดรฟโดร์นคงไม่ชอบใจอยู่แน่ ที่หลายปี

    ทำการไล่ล่าพวกไอซ์โดร์นไม่สำเร็จ " 


    มนุษย์ดาวเดฟโดร์นกล่าว

    และยังไม่ทันที่ปู่อินทร์และเดฟโดร์นคู่สนทนา จะยังได้ทันกล่าวอะไรกันต่อ เดฟโดร์น

    อีกร่างหนึ่งก็เข้ามา


    " ท่านหัวหน้า เครื่องรับสัญญาณเรารับสัญญาณได้ว่ามีพวกไอซ์โดร์นอยู่หลายร้อยร่างแล้ว แปลก

    ทำไมเมื่อก่อนเราไม่เคยหาพวกเขาเจอ  นี่ไงพวกเขาอยู่ไต้ดินในถ้ำ " 


    มนุษย์ดาวเดฟโดร์นอีกร่างเข้ามารายงานพร้อมทั้งส่งเครื่องตรวจหาที่ส่งสัญญาณว่ามี

    การพบใหม่ให้เดฟโดร์นที่เป็นหัวหน้าดู  ผู้เป็นหัวหน้ารับเครื่องมาและมองดูอย่างพินิจ

    พิเคราะห์


    " โอ๊ะตายแล้ว "


    เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้าอุทานอย่างตกใจเมื่อสังเกตุเห็นสิ่งผิดปรกติ


    " มีอะไรหรือ "


    ทุกปู่อินทร์และเดฟโดร์นผู้เป็นลูกน้องอุทานขึ้นเกือบพร้อมกัน


    " ระบบการตรวจหาลักษณะนี้ในเครื่องนี้ไม่เคยมีมาก่อน มันถูกส่งระบบการตรวจหาแบบเอ๊กซเรย์

    สามมิติขั้นสูงนี้เข้ามาในเครื่องการตรวจของเราจากระบบออนไลที่ใดที่หนึ่ง  ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้ต้องรู้

    ระบบเครื่องนี้พอสมควร มันจึงเชื่อมต่อเข้ามาได้โดยที่เรายังไม่ทันได้เปิดระบบรับ สิ่งที่ข้ากลัวเป็น

    จริงแล้ว มีผู้ใช้ระบบขั้นสูงนี้ส่งเข้ามาอยู่ใกล้ใกล้แน่  มีผู้ส่งอุกาบาตนำทางยานเข้ามาอย่างที่

    สงสัยแน่เเล้ว และมันเป็นยานที่มีวิทยาการขั้นสูง และตอนนี้มันได้ตรวจจับว่ามีพวกไอซ์โดร์นและ

    พวกเราที่อยู่ตรงนี้ได้แล้ว อีกด้วย "


    เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้ากล่าวอย่างตื่นตระหนก 

    และฉับพลันยานรบของเดฟโดร์นที่ได้มีอาการขัดข้องอยู่นั้น จู่จู่ไฟในตัวเครื่องก็สว่างวาบ

    ขึ้น พร้อมทั้งมีการสตาร์ทของเครื่องยนต์ในยานดังกระหึ่ม 


    " มีใครใช้ระบบส่งสัญญาณสตาร์ทเครื่องยนต์ของยานเรา มันเข้าควบคุมยานของเราได้แล้ว "


    เดฟโดร์น ผู้เป็นหัวหน้ากล่าว

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้าพอจะเดาได้โดยดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น

    ส่วนประกอบ และสิ่งที่พวกเขาสงสัยและหวาดหวั่นอยู่ ก็เริ่มปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุก

    คน 

    ยานอวกาศขนาดค่อนข้างไม่ใหญ่นักได้ปรากฏขึ้น โดยที่ทุกคนก็ไม่รู้ว่ามันมาจากทางทิศ

    ใหน ไม่มีแม้เสียง  เห็นอีกทีมันก็โผล่มาปรากฏแก่สายตาพวกเดฟโดร์นและปู่อินทร์ที่บน

    เหนือศีรษะของทั้งหมดแล้ว 


    " สวัสดี พวกเจ้าคิดถูกแล้ว สมแล้วที่เคยอยู่อนาคารเดบิวมา ฮ่าฮ่า ฮ่า"


    เสียงดังเหมือนเครื่องขยายจากลำโพงดังก้องมาจากยานอวกาศลำนั้น 


    " มันส่งภาษามนุษย์ได้ด้วย มันไปเรียนมาจากใหนกัน พวกนี้เป็นพวกใหน "


    ปู่อินทร์ แสดงความคิดเห็น


    " พวกข้าไม่จำเป็นต้องเรียนให้เสียเวลาเหมือนพวกเจ้าหรอก ยานลำนี้มันมีวิวัฒนาการในการแปล

    ภาษา ทั้งจักรวาลถ้ายานของข้าได้สัมผัสข้าก็จะสื่อสารได้ทุกภาษา "


    เสียงลั่นบนยานตอบลงมา ปู่อินทร์แปลกใจเสียงพูดของเขาแทบจะกระซิบแต่ยานที่ลอย

    อยู่เหนือศีรษะขึ้นไปค่อนข้างสูงกลับได้ยินและโต้ตอบลงมาได้


    " พวกเจ้ามาจากที่ใดกันทำไมถึงรู้วิธีควบคุมยานของเรา และพวกเจ้าต้องการอะไรกัน "


    ผู้เป็นหัวหน้าเดฟโดร์นถามกลับขึ้นไปบ้าง


    " ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถามว่าพวกข้ามาจากที่ใดและต้องการอะไรน่ะเหรอ พวกเจ้าคงไม่จำเห็นต้องรู้แล้ว

    มั้งดาวที่ข้ามา ที่จริงไม่ต้องบอกพวกเจ้าก็ได้ เพราะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จะตายแล้วจะต้องรู้

    บางเรื่องไปทำไม "


    คำตอบ ทำให้ทุกคนรู้วัตถุประสงของยานประหลาดที่มา มันเป็นอย่างที่หัวหน้าเดฟโดร์น

    สงสัยไว้ไม่มีผิด


    " ข้ารู้ ว่าพวกเจ้าเก่ง ที่จะทำลายพวกเรานั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทำไมไม่ให้พวกเรารู้เหตุผลก่อนล่ะ 

    ว่าใครจะทำให้พวกเราต้องตาย และด้วยเหตุผลอะไร  หรือว่าไม่มีเหตุผล พวกท่านดั้นด้นมาแสน

    ไกลมาทำลายอะไรโดยไม่มีเหตุผลเนี่ยนะ "


    ปูอินทร์ กล่าว


    " ฮ่า ฮ่า ฮ่า มนุษย์โลกตัวเล็กคนนี้มันเข้าท่าดีวะ ถึงจะรู้ว่ามันหลอกถาม มันก็ใช้คำที่แยบยลอยู่ 

    เอาล่ะข้าบอกก็ได้ เหตุผลที่ข้ามาเพื่อมาเด็ดหัวผู้ที่ไร้ความสามารถที่มาอยู่ที่นี่ไปวันวันโดยลืมจุด

    หมายว่ามีหน้าที่ทำอะไร"


    เสียงกังวาลบนยาน ตอบ


    " ใช่แล้ว พวกท่านหมายถึงพวกเดฟโดร์นอย่างพวกข้าใช้ใหม สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าพวกเจ้าจะต้อง

    เป็นนักรบและยานรุ่นใหม่ที่ประมุขคิวเดฟโดร์นส่งมา "


    เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้ากล่าว


    " ฮ่า ฮ่า พวกเจ้าเข้าใจถูกเพียงครึ่งเดียว  ตอนนี้คิวเดฟโดร์นของเจ้าไม่มีอีกแล้ว เเละมันก็ตายไป

    พร้อมกับเดฟโดร์นแล้ว "


    เสียงกังวาลบนยานกล่าว 


    " หมายความว่ายังไงนี่ดาวเดฟโดร์นสิ้นสลายไปแล้วหรือพร้อมทั้งคิวเดฟโดร์นด้วย พวกเจ้าเป็นผู้

    ทำลายใช้ใหม แล้วทำไมต้องตามเรามาที่นี่ด้วยพวกเจ้ารู้ได้ยังไงว่ายังมีพวกข้าอยู่ที่นี่  

    วิวัฒนาการ  ของพวกเจ้าขนาดนี้มีหรือพวกข้าไม่กี่ร่างและยานเก่าแบบนี้ จะตามไปล้างแค้นพวก

    เจ้าได้ "


    มนุษย์เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้า ถาม


    " ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่ว่าไม่มีเดฟโดร์น เพราะพวกของข้าได้เปลี่ยนชื่อมันใหม่แล้วน่ะสิ เมื่อพวกข้ายึด

    อำนาจ จากคิวเดฟโดร์นสำเร็จ ข้าก็ทำให้ชื่อเดฟโดร์นมันตายไปกับหัวหน้าของมัน  ตอนนี้ข้าได้

    สถาปนา ชื่อดาวเสียใหม่ ตอนนี้พวกเจ้าไม่ใช่เผ่าพันธ์เดฟโดร์นอีกแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าเป็น

    ประชากร ของอนาคารเดบิว แล้ว แต่คงไม่นานหรอกนะ พวกไร้ความสามารถเช่นพวกเจ้า คงได้รับ

    เกียรติให้ดำรงสถานะประชากรของอนาคารเดบิวนานไม่ได้ มันจะทำให้เสื่อม ข้าจะเอาหัวของพวก

    เจ้ากลับไปเป็นประชากรเดฟโดร์นในสุสานเสียดีกว่า "


    เสียงคำรามจากยานลั่น


    " แล้วพวกไอซ์โดร์นล่ะ ขอถามหน่อย ถ้าเจ้าฆ่าเดฟโดร์นที่นี่แล้วเจ้าจะทำยังไงกับพวกเขา "


    ปู่อินทร์ถามขึ้นเพราะความอยากรู้


    " พวกนั้นน่ะหรือ พวกชั้นต่ำเช่นนั้น ข้อคงไม่ใจดีเลี้ยงพวกมันไว้ดูเล่นอย่างพวกเจ้าทำหรอก ตอน

    นี้ข้าครอบพวกมันด้วยมัลติทอร์แล้ว อย่างที่ออนไลท์ให้พวกเจ้าเห็นไง ตอนนี้พวกนั้นมันออกนอก

    วงครอบไม่ได้ และอีกไม่นานมัลติทอร์จะระเบิดแล้ว เมื่อข้าได้หัวพวกเจ้าไปคงยังไม่ถึงใหนพวก

    ชั้นต่ำมันก็จะสูญอยู่ที่นี่แน่ "


    เสียงจากยานอธิบายมาอีก


    " ก็แล้วทำไมล่ะ ในเมื่อท่านก็กำจัดพวกไอซ์โดร์นแล้ว ทำไมต้องฆ่าพวกเดียวกันด้วยล่ะ"


    ปู่อินทร์ถามขึ้นอีก


    " ในกฏเหล็กของเรา ผู้ที่ได้รับหน้าที่แต่ทำไม่สำเร็จไม่ควรมีชีวิตอยู่ คิวเดฟโดร์นของเจ้าก็เป็นคน

    ออกกฏนี้ด้วย คิวเดฟโดร์นรอคอยการทำการล้างพวกไอซ์โดร์นของพวกเจ้าอยู่เหมือนกัน และเมื่อ

    พวกเจ้าทำไม่สำเร็จซักที พวกข้าจึงเห็นได้ว่าคิวเดฟโดร์นก็คงต้องรับผิดชอบด้วย และเพื่อความ

    ไม่ให้เกิดความอัปยศแก่ชื่อเสียงดาวเรา พวกข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อดาวที่อยู่ไปตลอดกาล อย่าง

    นี้จะคิดว่า ไม่มีเหตุผลพอสมควรที่ข้าจะต้องมาที่นี่เพื่อลบประวัติศาตร์อันอัปยศนี่อีกหรือ "


    เสียงกร้าวจากบนยานเห็นได้ชัดว่ามีน้ำเสียงที่เกรี๊ยวกราดและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น


    " เรื่องแค่นี้เอง ถ้าเป็นที่โลกมนุษย์เขาคงให้อภัยกันได้ เพื่อความสงบสุข "


    ปู่อินทร์ แสดงความคิดเห็น


    " อย่างที่ข้าบอกท่านไง ดาวที่เรามามีแต่ความเครียดแค้นและสงคราม ความผิดที่นี่ใช้บรรทัดฐาน

    กับที่นั่นไม่ได้หรอก "


    หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าวกับปู่อินทร์


    " หมดเวลาแล้ว ข้าเสียเวลามามากแล้ว พวกเจ้าโชคดีแล้วที่ประมุขแห่ง อนาคารเดบิว ลดเกียรติ 

    ลงมาล้างสิ่งคราบหมองมัวของประวัติศาสตร์ด้วยตัวเอง ประมุขเช่นข้าจะนำหัวพวกเจ้ากลับไปเพื่อ

    ความสง่างามของข้าให้ประชากร อนาคารเดบิวได้ตระหนักและจะไม่มีใครกล้าทำผิดพลาดอย่าง

    เช่นพวกเจ้าอีก "


    เสียงบนยานกล่าวจบ ฉับพลันยานของพวกเดฟโดร์นที่ถูกควบคุมและทำให้สตาร์ทอยู่ก็

    ยกตัวขึ้น และมันลอยนิ่งจนเข้าไปสัมผัสประกอบกับตัวยานลำที่มาใหม่นี้ โดยมีสายตา

    ของพวกเดฟโดร์นที่อยู่ข้างล่างพร้อมทั้งปู่อินทร์มองอย่างถอดใจ


    " ข้าเสียใจที่ท่านจะต้องมาตายกับพวกข้าด้วย "


    หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าวอย่างรู้ชะตากรรม

    เมื่อกล่าวกับปู่อินทร์เสร็จ เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้าก็แหงนมองขึ้นฟ้า พร้อมกับกล่าวขึ้น


    " ข้าแต่ท่านประมุข อนาคารเดบิว ความผิดครั้งนี้มิใช่ว่าข้าจะไม่ได้พยายาม แต่คงเป็นเพราะพวก

    ข้ามันไม่มีความสามารถ ตามกฏเมื่อมันจะต้องทำตาม พวกข้าคงไม่ว่าอะไร แต่ขอซักอย่างได้

    หมก่อนตาย  ลูกน้องของข้า ข้าขอเป็นผู้ลงมือได้ใหม ข้าจะเตรียมหัวของพวกเขาไว้ให้ท่านและ

    ท่านก็ค่อยมาเอาหัวของข้า และลูกน้องของข้าไปจะได้ใหม "


    " ฮ่า ฮ่าฮ่า ก็เข้าทีเจ้าคงคิดจะสางแค้นสินะที่ลูกน้องของเจ้ามิได้ช่วยอะไรเจ้าได้มากจนงาน

    สำเร็จข้าตกลง และข้าฝากเด็ดหัวไอ้มนุษย์ปากกล้านั่นดัวยล่ะ จะเอามันไปเป็นของแถมที่มัน

    บังอาจแสดงความเห็นลบหลู่ข้า เอาเลย เจ้าจัดการเลย "


    คำพูดของหัวหน้าเดฟโดร์นทำให้ปู่อินทร์แปลกใจ ทำไมจึงรู้สึกเหมือนมีความหมาย

    แอบแฝงชอบกล หนำซ้ำยังหันมาสบตาปู่อินทร์ เหมือนส่งสัญญาณอะไรซักอย่าง แต่คำ

    ตอบที่ส่งมาจากบนยานดูจะหมดความหวังรอด เพราะตอนนี้อาวุธที่จะพอต่อกรได้มันอยู่

    ในยานที่ถูกดูดขึ้นไปรวมกับยานลำนั้นแล้ว  ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นทางหนีหรือสู้ได้


    " ได้สิ แต่ข้าขออีกเรื่องหนึ่ง ลูกน้องข้าและมนุษย์นี้ ข้าไม่อยากตัดหัวพวกเขาต่อหน้าท่านประมุข 

    พวกเราพลาดกันเองก็ต้องลงโทษกันเอง การลงโทษ ให้เป็นเรื่องของพวกข้าได้ใหม ไม่ใช่ว่าข้า

    มาฟอร์มหรือหาช่องทางที่จะหนี ท่านประมุขก็รู้ว่าพวกข้าหนีไม่ได้ยานของข้าท่านก็เอาไปแล้ว 

    และการเคลื่อนใหวของพวกเราท่านก็รู้ได้ตลอด ท่านหลบไปสักพักกลับมาข้าจะเตรียมหัวลูกน้อง

    ข้าและหัวมนุษย์นี้ไว้ให้"


    หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าว บนยานเงียบไปสักครู่เหมือนใช้ความคิด


    " เอ๊าตกลง ถึงเห็นว่าเจ้าจะขอมากไปก็เถอะ ข้าให้เวลาสิบนาที ข้าจะหลบไปก่อน ทุกอย่างต้อง

    เรียบร้อย "


    เสียงข้างบนตกลงและยานที่อยู่บนฟ้าก็เริ่มเคลื่อนออกไป 


    " นี่ท่านจะฆ่าเราจริงจริงเหรอ "


    ปู่อินทร์ถาม

    หัวหน้ามนุษย์เดฟโดร์นส่ายหน้า พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้ปู่อินทร์หยุดใช้คำพูด ปู่อินทร์รู้

    ได้ทันที ว่าการส่งเสียงคงทำให้เจ้าของยานที่พึ่งไปได้รับรู้ เขาได้แต่มองว่าหัวหน้าเดฟ

    โดร์นจะทำอะไร ผู้เป็นหัวหน้าเดฟโดร์นเริ่มชี้โบ้ชี้เบ้ส่งสัญญาณต่อกันแบบไร้คำพูด และ

    พวกเขาก็เริ่มใช้มือขุดและควานหาอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ปู่อินทร์คาดว่ามันน่าจะ อยู่ไต้ผิว

    ดินเพราะพวกเขาทุกร่างพยายามช่วยกันค้นหา อย่างร้อนรนและเดฟโดร์นร่างหนึ่ง ก็ส่ง

    สัญญาณว่าได้พบแล้ว และเดฟโดร์นร่างนั้นก็หยิบของสิ่งนั้นจากไต้ดินขึ้นมา โดยที่มีเดฟ

    โดร์นทุกร่างเข้ามาร่วมสบทบ

    หัวหน้าเดฟโดร์นรับสิ่งที่อยู่ในมือของลูกน้องส่งมา พร้อมทั้งทุกคนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้น

    ซึ่งนั้นก็ทำให้ปู่อินทร์ แปลกใจ ในสถาการณ์เช่นนี้ พวกเดฟโดร์นรู้สึกดีได้อย่างไร ปู่

    อินทร์จึงพยายามมองสิ่งที่อยู่ในมือของหัวหน้าเดฟโดร์นและเขาก็ได้เห็นสิ่งนั้นเต็มตา

    ปู่อินทร์พยายามจะอุทานเพราะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร แต่ถูกปิดปากเสียก่อน เขาได้แต่สบตา

    ของหัวหน้าเดฟโดร์นที่มองมาสื่อความหมายว่ายังไม่สมควรจะถามอะไรตอนนี้

    และทั้งหมดก็รอเวลา และสิบนาทีผ่านไป ถึงกำหนดที่ให้ขอเวลาไว้

    ยานลำเขื่องเลื่อนมาอีกครั้ง และทันทีที่เหตุการณ์ยังปรกติอยู่ สิ่งที่รับปากไว้ยังไม่มีอะไร

    เปลี่ยนแปลงไปเห็นได้ชัดว่าพวกเดฟโดร์นและปู่อินทร์ก็ยังมีชีวิตอยู่


    " นี่มันเกิดอะไรขึ้นใหนเจ้ารับปากไว้ทำไมไม่ทำ หรือเจ้าจะลองดีกับข้า "


    เสียงบนยานตวาดลั่นอีกคร้้ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ปู่อินทร์มองสบตา

    ไปยังหัวหน้าเดฟโดร์น เพื่อเดาใจ ว่าสิ่งที่อยู่ในมือจะได้ปฏิการเมื่อไร และทันใดมือที่ถือ

    ของสำคัญอยู่นั้นก็เริ่มขยับ หัวหน้าเดฟโดร์นบรรจงกดสิ่งที่อยู่ในมือ


    " บึ้ม ม "


    เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นปู่อินทร์ แหงนดูบนท้องฟ้า ยานสองลำที่ติดกันอยู่แต่แรก เกิด

    ระเบิดขึ้น และคงประกอบกับในตัวยานทั้งสองลำคงมีอาวุธที่เป็นวัตถุระเบิดอยู่ด้วยทำให้

    ยานทั้งสองลำแตกกระจายในท้องฟ้าและล่วงหล่นลงสู่พื้นดินเบื้องล่างที่พวกปู่อินทร์

    ต้องหาทางหลบเพื่อไม่ให้มันหล่นใส่หัวเอา และเมื่อทุกชิ้นที่กระจายล่วงหล่นลงจนหมด

    แล้วเดฟโดร์นทั้งหมดและก็ออกไปสำรวจรวมทั้งปู่อินทร์ก็ได้เดินตามไปดูด้วย และหัวหน้า

    เดฟโดร์นก็ได้ไปพบกับชิ้นส่วนหนึ่งของยานเข้า เขาเรียกพวกเดฟโดร์นและปู่อินทร์

    เข้าไปดู และเมื่อเข้ามาใกล้ปู่อินทร์ก็ได้เห็นว่า มีร่างหนึ่งที่มองภายนอกแล้วคล้ายร่างกาย

    ของพวกเดฟโดร์นอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามีเครื่องแต่งกายที่ต่างกัน แต่แรงระเบิดทำให้

    ร่างนั้นค่อนข้างบาดเจ็บสาหัส ถึงจะขยับร่างกายได้แต่แขนขาดูแตกหักมองแทบไม่เป็น

    รูปร่าง


    " ทะ ทะ ทำไม ข้าไม่รู้ว่ามีอาวุธอยู่ที่ยานของเจ้า เครื่องมือข้าทันสมัยขนาดนี้ทำไมตรวจอาวุธของ

    ยานเก่าเก่าอย่างของเจ้าไม่ได้ เจ้าติดเอาอาวุธชนิดใหนมา โอย "


    เสียงนั่นสั่นเครือจากอาการบาดเจ็บอย่างหนัก


    " ท่านประธานจะรู้ได้ยังไง ก็เพราะมันไม่ใช่อาวุธที่ติดมากับยานของข้านะสิ สิ่งที่ติดมา

    จากดาวเดฟโดร์นถูกเจ้าควบคุมได้จนหมด เลยทำให้เจ้าชะล่าใจยังไงล่ะ  จะบอกให้เจ้าได้รู้ก่อน

    ตาย อาวุธที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ มันมาจากพวกมนุษย์นี่ไง  มนุษย์ตัวเล็กเล็กที่เจ้าจะให้ข้าฆ่าไป

    ด้วยไง "


    หัวหน้าเดฟโดร์นตอบ อย่างสะใจ


    " อั๊ก ทำไมพวกมนุษย์เขาใช้อะไรทำอาวุธกัน ทำไมข้าถึงตรวจจับมันไม่ได้ ทำไมข้าพลาดได้ถึง

    เพียงนี้  "


    เสียงสั่นเครือ ตัดพ้อ


    " พวกเขาใช้สิ่งที่มาจากธรรมชาติที่มีอยู่ไง เครื่องตรวจจึงไม่สามารถจับรังษีมันได้ ตอนที่ข้าพบ

    มันคร้้งแรกที่เครื่องบินที่ข้ามมิติมาตกที่นี่ ข้าก็งงอยู่เหมือนกัน เลยทดลองเอามาติดไว้ที่ยานและ

    พยายามค้นคว้าการใช้มัน ไม่นึกเลยการกระทำครั้งนั้นมันจะช่วยชีวิตข้าในครั้งนี้ "


    หัวหน้าเดฟโดร์นอธิบาย


    " อุ๊ฟ โอยทำไมข้าต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ยานข้าระเบิดไป อย่างนี้เครื่องควบคุมมัลติทอร์ก็

    ไม่ทำงานนะสิ ฆ่าพวกเจ้าไม่ได้ แถมยังทำอะไรพวกไอซ์โดร์นไม่ได้อีกด้วย ถ้างั้นฝากพวกเจ้า

    แล้วกันตอนนี้พวกเจ้าก็ได้รู้แล้วว่าพวกไอซ์โดร์นอยู่ที่ใหน ช่วยหาทางฆ่าพวกไอซ์โดร์นให้ที ข้า

    จะได้ตายตาหลับ "


    ร่างบาดเจ็บกล่าว พร้อมเริ่มกระตุกเบาๆ


    " เสียใจกับเจ้าด้วย ตอนนี้พวกข้าเปลี่ยนไปแล้ว เราเป็นเดฟโดร์นที่เหลืออยู่แค่นี้ จะไม่รับคำสั่ง

    จาก อนาคารเดบิล ตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ตาย ไม่สมควรจะมาเรียกร้องอะไรอีก และมันยังเป็นความ

    ตั้งใจแต่ก่อนที่เจ้าจะมาเหมือนกัน พวกเดฟโดร์นอย่างพวกเราจะไม่ทำสงครามกับพวกไอซ์

    โดร์นอีกแล้ว เราตั้งใจว่าถ้ากลับไปเดฟโดร์นได้ เราจะพาพวกไอซ์โดร์นกลับไปด้วย และสองเผ่า

    พันธ์จะฟื้นดาวของพวกเราขึ้นมาใหม่ ไม่คิดทำลายและล้างเผ่าพันธ์กันอีกแล้ว  " 


    หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าว


    " โอ๊ะ  เจ้า พรู่ด"


    ร่างบาดเจ็บ ส่งเสียงได้เพียงเท่านั้น น้ำสีเขียวพุ่งออกจากปากของมันและกระจายจน

    เปียกร่างปู่อินทร์และพวกเดฟโดร์น และร่างบาดเจ็บนั้นก็กระตุกและแน่นิ่งไปไม่ใหวติงอีก

    เลย


    " เขาตายแล้ว อุตส่าเดินทางมาแสนไกล สุดท้ายก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ "


    หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าว 


    " มันก็สมควรแล้วล่ะถ้ามันไม่ตายต้องเป็นพวกท่านแน่ ว่าแต่พวกท่านรู้จักมันมาก่อนไม๊ดู

    เหมือนมันจะรู้จักพวกท่านนะ "


    ปู่อินทร์ ถาม


    " รู้สิ ได้เห็นหน้าเขาชัดถึงแม้จะมีบาดแผลเหวอะหวะก็ตาม ข้ายังพอจำเค้าลางเขาได้ เมื่อก่อนเขา

    ยังเล็กมากเป็นเด็กล้างยานของคิวเดฟโดร์น ไม่คิดว่ามันจะคิดใหญ่ใฝ่สูงได้ถึงเพียงนี้ นี่คงเป็น

    ความไว้ใจ ของคิวเดฟโดร์นแน่เขาถึงได้พลาดถูกยึดอำนาจไป " 


    หัวหน้าเดฟโดร์น กล่าว 


    " แล้วที่นี่พวกท่านจะทำยังไงดีล่ะ ยานก็ไม่มีแล้ว แล้วทีนี้จะไปใหนมาใหนอย่างไร "


    ปู่อินทร์ถามขึ้น


    "พวกเราคงต้องไปช่วยพวกไอซ์โดร์นก่อน อาจจะต้องเดินเท้ากันไป  ถึงมัลติทอร์จะไม่ระเบิดแล้ว

    เพราะตัวสัญญาณแม่มันพังไปพร้อมกับยานที่ระเบิด แต่มันก็ยังกักขังพวกไอซ์โดร์นไม่ให้ออกมา

    ข้างนอกได้ มัลติทอร์ถูกล๊อกจากข้างนอก พวกเราต้องไปถอดรหัส เพื่อช่วยพวกเขาก่อน แล้วค่อย

    หาทางว่าจะทำยังไงกันต่อ "


    หัวหน้าเดฟ โดร์นกล่าว


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    " เสียงระเบิดดังอีกแล้วแต่เสียงมันไม่ได้มาจากทางไต้นะ แสงก็ไม่มีด้วยแล้วมันเป็นเสียงระเบิด

    ของอะไรอีก "


    อรัญกล่าวขึ้น  เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งถึงจะไม่แหวกอากาศแบบครั้งแรก แต่ก็ ทำให้

    อรัญแปลกใจ และไม่มั่นใจว่ามันดังมาจากทิศทางใหน


    " นั่นสิ หรือว่าจะเป็นเสียงสะท้อน ดูดังไม่แรงเท่าไร เหมือนเสียงก้อง ที่นี่อาจเป็นแบบนี้ "


    จามิกร ต้้งข้อสังเกตุ


    " อืม อาจเป็นได้ ว่าแต่พวกเราคงต้องออกเดินทางกันเถอะ อาทิตย์เกือบตรงหัวแล้ว " 


    อัครชัยเปลี่ยนเรื่อง เขากลับมาดูจริงจังอีกครั้ง 


    " เราลากแพกันไปอีกหน่อยนะ น้ำแถวนี้ยังดูเชี่ยวกรากอยู่ให้มันพ้นแนวน้ำตกไปแล้วเรา

    ค่อยเอาแพลง "


    กานต์ สรุป ทั้งหมดยกสัมภาระขึ้นบ่าและช่วยกันลากแพเดินลงสู่ที่ต่ำ ทั้งหมดสังเกตุเห็น

    ว่ามีรอย ของเจ้าหนอนยักษ์ ดูจางจางไปตามทางที่ทุกคนไปอีกด้วย และไม่นานทุกคน

    ก็ได้ลงมาจุดที่น่าจะเป็นที่เสมอ สายน้ำด้านข้างดูสม่ำเสมอและไม่เชี่ยวกรากแล้ว มันจึง

    เป็นจุดที่น่าจะใช่แพล่องต่อไป 


    " ตรงนี้แหระ "


    อรัญปล่อยแพที่อยู่ในมือ พร้อมทั้งกานต์ก็ปล่อยมือไปพร้อมกันด้วย 


    " เราจะเอาแพลงตรงนี้หรือ  แต่ดูสิรอยหนอนยักษ์มันยังใช้พื้นที่ไปทางบกอยู่เลย ทำไมมันไม่ใช้

    ล่องไปทางน้ำ หรือว่ามันอาจจะมีอะไรในน้ำแถวนี้ที่มันกล้วไม๊ "


    จามิกร ตั้งข้อสังเกตุ


    " มันก็สรุปไม่ได้หรอกเพราะเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่  แต่ถ้าเรายังคงตามรอยมันไปคงไม่น่าจะเสีย

    หายอะไร ถ้ายังมีอะไรที่มันกลัวในน้ำจริง ไปต่ออีกซักหน่อยดูรอยมันไป น่าจะเสี่ยงน้อยกว่า "


    อัครชัย แสดงความคิดเห็น  เมื่อทุกคนเห็นด้วยแพกูถูกยกขึ้นอีกครั้ง เพื่อไปต่อ และไม่

    นานพวกเขาก็ได้เห็นรอยของหนอนยักษ์มาหยุดที่ หนองน้ำไม่ใหญ่นักที่อยู่ข้างแม่น้ำ ที่

    ใหลอยู่ มันเป็นเหมือนแอ่งน้ำที่มีน้ำสงบนิ่ง ทุกคนสังเกตุได้ว่าจากรอยของหนอนยักษ์ว่า

    มันน่าจะมุดหายลงไปที่หนองน้ำแห่งนี้


    " มันคงมากินหรือทำอะไรที่หนองน้ำตรงนี้  แปลกนะ น้ำที่นี่ทำไมมันใสมากเลย ตั้งแต่ข้ามมาที่นี่

    ไม่เคยเห็นน้ำที่ใหนใสมาก เท่าน้ำในแอ่งนี้เลย "


    แสงดาวกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจ  จากสิ่งที่เธอสังเกตุเห็น


    " นั่นสิน้ำก็ลึกอยู่แนะ แต่มองได้ทะลุหมดเลยแต่ว่ามันใสมากจริงจริง เรามองถึงก้นแอ่งได้เลย 

    เห็นไต้น้ำ ได้ แต่เอ๊ะ "


    ในขณะทีกานต์กำลังกล่าว อยู่เขาก็ต้องแปลกใจ เขาสังเกตุเห็นสิ่งที่สะดุดตา ในไต้น้ำ น้ำ

    เสียงที่แสดงถึงความสงสัยของกานต์ทำให้ทุกคนเริ่มสังเกตุ และทุกคนก็ได้เห็น


    " อะไรน่ะ สะท้อนแสงวาววับเลย หรือว่ามันจะเป็นเพชรหรือเปล่าไม่เคยเห็นอะไรสะดุดตาอย่างนี้

    มาก่อนเลย "


    อรัญกล่าว จากสิ่งที่เขาก็สังเกตุเห็น


    " จะใช่เพชรหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันสะท้อนแสงและสะดุดตามาก พวกเราไปเอามันขึ้นมาดูกันไม๊เผื่อ

    เป็นเพชร พวกเราจะได้ติดมันกลับบ้านคงขายได้หลายล้าน "


    ดุจปลายกล่าวอย่างติดตลก รับมุกของแฟนหนุ่ม


    " น่าน แฟนฉันพอกลับมามีคุณสมบัติมนุษย์ครบเข้าหน่อย ความโลภมาแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"


    อรัญหยอกกลับ พลางก้มมือลงไปพยายามจะหยิบสิ่งที่มีแสงแวววาวขึ้นมาดูแต่ เขาก็

    เอื้อมไม่ถึงเพราะน้ำลึกเกินไป เขาจึงต้องลงน้ำไปทั้งตัว และระหว่างเดินลงไปอรัญก็ร้อง

    ลั่น


    " โอ๊ย อะไรทิ่มขา "


    ทุกคนตกใจ พวกเขารู้อรัญไม่ได้ล้อเล่น เพราะเมื่อเขายกขาขึ้นมาดูในน้ำที่ใสหยดสีแดงก็

    ปรากฏเห็นได้ชัด มันคือเลือดที่เกิดจากบาดแผลไต้ฝ่าเท้าของอรัญ


    " คงมีเศษหินหรืออะไรแหลมบาดเข้าสิพี่อรัญ มาพวกเราลงไปช่วยเขาขึ้นมาก่อน "


    เเสงดาวกล่าว ทั้งหมดพยายามลงไปช่วยกันพยุงอรัญขึ้นมา มันทุลักทุเลพอสมควร 

    เพราะน้ำค่อนข้างลึกมิดหัวของทุกคน แต่เพราะความใสจึงทำให้ทุกคนไม่เกิดความกลัว 

    พร้อมทั้งว่ายน้ำกันเก่งทุกคน และระหว่างที่ลงกันไป ดุจปราย และจามิกร ก็ฉวยโอกาส 

    หยิบเอาวัตถุที่ทุกคนเห็นว่าสะท้อนแสงสะดุดตานั้นขึ้นมาด้วย 


    " เอ๊ะ นี่มันเศษแก้วนี้ หรือว่าเศษขวดอะไรสักอย่างหนึ่ง เอ๊ะมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง งั้นที่บาดเท้าพี่

    อรัญ ก็คงเป็นเศษแบบนี้ที่อยู่ไต้ดินแน่ "


    ดุจปราย กล่าวขณะที่เห็นสิ่งที่เก็บขึ้นมาเต็มตา


    " ตายล่ะอดรวยกันเลย มันคงสะท้อนน้ำที่ใสมากนี่ เลยแวววาวมาก พวกเราถึงได้มองว่าน่าจะเป็น

    เพชร "


    อรัญ กล่าว


    " แต่มันก็แปลกมากนะ แก้วหรือขวดแตกพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันต้องมีมนุษย์คนใหนที่หลงเข้า

    มาในนี้ นำมันติดตัวมาจากโลกมนุษย์ของพวกเราแน่  แสดงว่าแถวนี้ต้องเคยมีมนุษย์มา "


    อัครชัย ตั้งข้อสังเกต


    " แต่จากำลังสงสัยนะ ว่านี่ไม่น่าจะเป็นมนุษย์นำมาที่นี่  รอยหนอนยักษ์มาหายไปตรงนี้แสดงว่ามัน

    น่าจะลงไปในน้ำตรงนี้ด้วย หรือว่ามันเป็นผู้นำขวดนี้มา จริงสิไอ้หนอนยักษ์มันเอาขวดรางพิษมา 

    หรือว่าขวดรางพิษ นั้น  จะเป็นขวดที่แตกนี้  "


    จามิกร อุทานอย่างตระหนกและตื่นเต้น


    " จริงด้วย ดูแล้วขวดที่แตกนี้มันก็น่าจะมีลักษณะ เหมือนขวดรางพิษเหมือนกัน ถ้ามันมีครบชิ้น

    ส่วน แสดงว่ามีความเป็นไปได้ว่าขวดรางพิษคงแตกแล้วตอนนี้ นั่นหมายความว่าพวกเราหมดหวัง

    ที่จะเอารางพิษไปให้พวกท่านติอากอแล้ว หรือ "


    อัครชัย กล่าวอย่างผิดหวัง พร้อมทั้งทุกคนก็ทิ้งตัวลงอย่างหมดแรงอีกด้วย


    " โอ๊ยนี่มันจะมีแต่ปัญหาไปถึงใหนนี่ กะว่าจะต้องบุกเข้าไปในรังของปลวกยักษ์เพราะไปตามขวด

    รางพิษนี้ กลับมาเจอมันแตกไปเสียแล้ว แล้วที่นี่จะทำยังไงล่ะ อุตส่าเดินทางบุกป่าฝ่าอัตรายกันมา

    แทบตาย "


    กานต์ บ่น


    " ทำไงได้ล่ะ เราก็คาดหวังและกะเกณอะไรไม่ได้นี่ พวกเรายังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ถึงไม่ได้รางพิษ

    แล้วเราก็ต้องหาทางกลับไป ถึงจะไปมือเปล่าก็เถอะ เราก็ทำกันเต็มที่แล้ว"


    จามิกร ปลอบให้ทุกคนปลง


    " ใช่จาพูดถูก พวกเราก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เป็นแบบนี้ มันสุดวิสัย  และพวกเราก็ยังคิด

    กันมาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอเหตุการณ์ที่เราอาจจะไม่ได้ขวดรางพิษนี้ ตั้งแต่หนอนยักษ์นั่นมันคาบ

    ของเรามา "


    อัครชัย กล่าว เขาเริ่มทำใจได้


    " ที่บ่นก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกนะ แต่อดเสียดายไม่ได้ ที่รู้ว่าทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ เพราะพวกเรา

    ลงทุนเสี่ยงกันมาเยอะแล้วเหมือนกัน และมีพวกที่ฝากความหวังรอความสำเร็จของเราและเอาราง

    พิษไปช่วยเหลือพวกเขา "


    กานต์กล่าว พร้อมทั้งส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความเสียดาย จามิกรตบบ่าแฟนหนุ่มเบาเบา 

    อย่างเข้าใจความรู้สึก เธอเองก็นึกใจหายเหมือนกัน แต่คงต้องทำใจ และเธอก็มองเหม่อ

    ไปข้างหน้า มองไปตามทางที่คิดว่าจะไป แต่จุดหมายที่อยู่ในระยะใกล้พลาดไปแล้ว 


    " เอ๊ะ "


    ระหว่างที่จามิกรกำลังมองอยู่นั้นเธอก็ได้รับรู้ถึงความผิดปรกติ เสียงของเธอทำให้ทุกคน

    แปลกใจ เมื่อมองมายังจามิกร เห็นเธอเพ่งมองไปข้างหน้า พวกเราก็มองตาม


    " มีอะไรหรือจา จาเห็นอะไรหรือ  "


    กานต์ถามแฟนสาวด้วยความแปลกใจ เพราะเขาดูแล้วไม่เห็นมีสิ่งผิดปรกติในขณะที่มอง

    ตามสายตาที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดที่จามิกรมองไป


    " เมื่อกี้นี่ จามองไม่เห็นนะพุ่มไม้ตรงนั้น แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าจามองได้ไกลขึ้น ตรงพุ่มไม้นั่นเมื่อ

    กี้มองมันแทบไม่เห็นเลย แต่ทำไมตอนนี้กลับเห็นมันได้ชัดมากเหมือนอยู่ใกล้ขึ้น หรือว่าพุ่มไม้นั่น

    มันขยับเข้ามาได้ "


    จามิกร ตอบ พุ่มไม้พุ่มที่จามิกรสงสัย จึงเป็นจุดที่ทุกคนเริ่มเพ่งมอง


    " อืมจริงด้วย ตอนนี้เราก็รู้สึกได้เหมือนกันจา ว่าข้างหน้าของเราดูมันชัดเจนมาก แต่ไม่ได้รู้สึก ว่า

    ทุกอย่างที่เห็นมันเข้ามาใกล้หรอกนะ แต่รู้สึกว่าว่าการมองและจุดโฟกัส ของภูมิประเทศข้างหน้า

    มันชัดเจนขึ้น หรือจะเป็นเพราะเราได้ลงไปล้างตาที่หนองน้ำนี่ไม้ทำให้สายตาเราชัดเจนขึ้น "


    แสงดาว กล่าว 

    ดุจปรายพยายามเพ่งมองไป แต่เธอกลับรู้สึกแสบตาจึ๊ดขึ้นมาทันที เธอรู้สึกได้ว่าสายตา

    เธอดูมองเห็นอะไรที่ชัดเจนกว่าเดิมเหมือนกัน อยากที่แสงดาวและจามิกรบอก เพียงแต่

    เธอรู้สึกว่า มันคงเป็นเพราะการที่จะปรับสายตาที่สั้นของเธอมาเห็นชัดอย่างประหลาดนี้

    เธอไม่สามารถทำได้ในทันที และดุจปรายก็กระพริบตาถึ่ถี่หลายครั้ง อาการแสบตาก็เริ่ม

    ทุเลาลง แต่ตาของเธอยังมีน้ำตาซึมและหยดลงจากลูกตา และหยดหนึ่งได้ล่วงลงมาในกำ

    มือของดุจปรายพอดิบพอดี


    " เอ๊ะดูน้ำตาปรายสิ "


    ดุจปราย บอกอย่างตื่นเต้นและก็ยื่นมือให้ทุกคนดู ในอุ้งมือของเธอมีก้อนใสใสก้อนหนึ่ง

    อยู่ในน้้น เธอบอกทุกคนว่านี่คือน้ำตาของเธอ ที่ปรกติแล้วมันจะไม่อยู่ในมือของเธอใน

    สภาพที่มีรูปทรงเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนเช่นนี้ 


    " ใช่หรือ ปรายมั่นใจหรือว่ามันคือน้ำตา "


    อรัญถามอย่างแปลกใจ ที่เห็นสิ่งนั้นถนัด


    " ใช่สิพี่อรัญน้ำตามันหยดลงมาพอดี แต่ทำไมมันจึงมีรูปร่างแบบนี้หล่ะ หรือว่าที่เรามองกันเห็นชัด

    ขึ้นและน้ำตาก็มีหยดแปลกแปลกเช่นนี้ เพราะเราลงไปในน้ำในแอ่งนี้ "
















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×