ลำดับตอนที่ #65
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : นักฆ่าล่าหัว
" ไม่บังเอิญ ท่านหมายความว่ายังไง"
ปูอินทร์ถาม เขาเริ่มแปลกใจกับคำพูดพวกเดรฟโดร์นอีกครั้ง
" ไม่บังเอิญที่คือมีผู้ต้้งใจทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้นะสิ ท่านรู้ใหมว่าพวกเดรฟโดร์นเราก็ใช้วิธีนี่
ผ่านบรรยากาศโลกที่นี่เข้ามาแบบนี้เหมือนกัน พวกเราใช้การผลักดันดาวเคราะห์น้อยเพื่อเปิดช่อง
ทางผ่านชั้นบรรยากาศเพื่อให้ยานของเราไม่เกิดการกระทบกับชั้นบรรยากาศแห่งนี้จนเกิดการ
ระเบิดเสียหายของยานเรา และคิดว่ายานขนส่งของไอซ์โดร์นก็เช่นกันไม่เช่นนั้นยานของพวกเรา
คงไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาถึงที่นี่ได้ "
มนุษย์เดฟ โดร์นอธิบาย
" โอ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ แต่ท่านก็บอกนี่ว่าท่านมองเห็นอุกาบาตสองก้อนมันตามกันมา งั้น
แสดงว่ามันคงเป็นความบังเอิญมากกว่าอุกาบาตมันอาจจะเป็นก้อนเดียวกันและแตกออกสองก้อน
ก่อนที่จะเข้าสู่บรรยากาศโลกที่นี่ "
ปู่อินทร์สรุป และอยากมองไปในเเง่ที่ดี
" ก็ใช่อยู่ แต่ถ้ามันมีผู้ที่ส่งอุกาบาตทั้งสองก้อนมา และมียานที่ตามมา มันอาจจะไม่ได้มีขนาด
ใหญ่ จนข้าสังเกตุเห็นได้ และการทำเช่นนั้นได้มันจะต้องเป็นพวกที่มีวิวัฒนาการที่สูงกว่าพวกข้า
แน่ ไม่อยากคิดเหมือนกันว่ามันมีโอกาสจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะถ้ามีพวกเราต้องเจอกับสิ่งที่ร้าย
แรงแน่ "
มนุษย์เดฟโดร์น ตั้งข้อสังเกต
" โอนี่คือสิ่งที่ท่านกลัวหรือ แล้วถ้ามันมีจริงท่านคิดว่ามันน่าจะมีพวกใหนล่ะ จากดาวของท่านหรือ
จากดาวดวงอื่นอีก"
ปู่อินทร์ ถามขึ้นอีก
" เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง พวกข้ามาที่นี่หลายปีแล้วเหมือนกัน บางทีวิวัฒนาการจากพวกของข้าที่
อยู่เดฟโดร์นอาจก้าวหน้าไปกว่านี้มาก หรือไม่ผู้ที่สงสัยว่าจะมาก็อาจจะเป็นจากดาวดวงอื่น แต่ที่
เหมือนกันคือ ทั้งพวกของข้าและมาจากดาวดวงอื่นคงไม่ประสงค์ดีแน่ ข้าก็ถือว่าทำผิดที่หาพวก
ไอซ์โดร์นไม่เจอทั้งที่มาอยู่ตั้งหลายปี พวกของข้าที่เดรฟโดร์นคงไม่ชอบใจอยู่แน่ ที่หลายปี
ทำการไล่ล่าพวกไอซ์โดร์นไม่สำเร็จ "
มนุษย์ดาวเดฟโดร์นกล่าว
และยังไม่ทันที่ปู่อินทร์และเดฟโดร์นคู่สนทนา จะยังได้ทันกล่าวอะไรกันต่อ เดฟโดร์น
อีกร่างหนึ่งก็เข้ามา
" ท่านหัวหน้า เครื่องรับสัญญาณเรารับสัญญาณได้ว่ามีพวกไอซ์โดร์นอยู่หลายร้อยร่างแล้ว แปลก
ทำไมเมื่อก่อนเราไม่เคยหาพวกเขาเจอ นี่ไงพวกเขาอยู่ไต้ดินในถ้ำ "
มนุษย์ดาวเดฟโดร์นอีกร่างเข้ามารายงานพร้อมทั้งส่งเครื่องตรวจหาที่ส่งสัญญาณว่ามี
การพบใหม่ให้เดฟโดร์นที่เป็นหัวหน้าดู ผู้เป็นหัวหน้ารับเครื่องมาและมองดูอย่างพินิจ
พิเคราะห์
" โอ๊ะตายแล้ว "
เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้าอุทานอย่างตกใจเมื่อสังเกตุเห็นสิ่งผิดปรกติ
" มีอะไรหรือ "
ทุกปู่อินทร์และเดฟโดร์นผู้เป็นลูกน้องอุทานขึ้นเกือบพร้อมกัน
" ระบบการตรวจหาลักษณะนี้ในเครื่องนี้ไม่เคยมีมาก่อน มันถูกส่งระบบการตรวจหาแบบเอ๊กซเรย์
สามมิติขั้นสูงนี้เข้ามาในเครื่องการตรวจของเราจากระบบออนไลที่ใดที่หนึ่ง ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้ต้องรู้
ระบบเครื่องนี้พอสมควร มันจึงเชื่อมต่อเข้ามาได้โดยที่เรายังไม่ทันได้เปิดระบบรับ สิ่งที่ข้ากลัวเป็น
จริงแล้ว มีผู้ใช้ระบบขั้นสูงนี้ส่งเข้ามาอยู่ใกล้ใกล้แน่ มีผู้ส่งอุกาบาตนำทางยานเข้ามาอย่างที่
สงสัยแน่เเล้ว และมันเป็นยานที่มีวิทยาการขั้นสูง และตอนนี้มันได้ตรวจจับว่ามีพวกไอซ์โดร์นและ
พวกเราที่อยู่ตรงนี้ได้แล้ว อีกด้วย "
เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้ากล่าวอย่างตื่นตระหนก
และฉับพลันยานรบของเดฟโดร์นที่ได้มีอาการขัดข้องอยู่นั้น จู่จู่ไฟในตัวเครื่องก็สว่างวาบ
ขึ้น พร้อมทั้งมีการสตาร์ทของเครื่องยนต์ในยานดังกระหึ่ม
" มีใครใช้ระบบส่งสัญญาณสตาร์ทเครื่องยนต์ของยานเรา มันเข้าควบคุมยานของเราได้แล้ว "
เดฟโดร์น ผู้เป็นหัวหน้ากล่าว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้าพอจะเดาได้โดยดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น
ส่วนประกอบ และสิ่งที่พวกเขาสงสัยและหวาดหวั่นอยู่ ก็เริ่มปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุก
คน
ยานอวกาศขนาดค่อนข้างไม่ใหญ่นักได้ปรากฏขึ้น โดยที่ทุกคนก็ไม่รู้ว่ามันมาจากทางทิศ
ใหน ไม่มีแม้เสียง เห็นอีกทีมันก็โผล่มาปรากฏแก่สายตาพวกเดฟโดร์นและปู่อินทร์ที่บน
เหนือศีรษะของทั้งหมดแล้ว
" สวัสดี พวกเจ้าคิดถูกแล้ว สมแล้วที่เคยอยู่อนาคารเดบิวมา ฮ่าฮ่า ฮ่า"
เสียงดังเหมือนเครื่องขยายจากลำโพงดังก้องมาจากยานอวกาศลำนั้น
" มันส่งภาษามนุษย์ได้ด้วย มันไปเรียนมาจากใหนกัน พวกนี้เป็นพวกใหน "
ปู่อินทร์ แสดงความคิดเห็น
" พวกข้าไม่จำเป็นต้องเรียนให้เสียเวลาเหมือนพวกเจ้าหรอก ยานลำนี้มันมีวิวัฒนาการในการแปล
ภาษา ทั้งจักรวาลถ้ายานของข้าได้สัมผัสข้าก็จะสื่อสารได้ทุกภาษา "
เสียงลั่นบนยานตอบลงมา ปู่อินทร์แปลกใจเสียงพูดของเขาแทบจะกระซิบแต่ยานที่ลอย
อยู่เหนือศีรษะขึ้นไปค่อนข้างสูงกลับได้ยินและโต้ตอบลงมาได้
" พวกเจ้ามาจากที่ใดกันทำไมถึงรู้วิธีควบคุมยานของเรา และพวกเจ้าต้องการอะไรกัน "
ผู้เป็นหัวหน้าเดฟโดร์นถามกลับขึ้นไปบ้าง
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถามว่าพวกข้ามาจากที่ใดและต้องการอะไรน่ะเหรอ พวกเจ้าคงไม่จำเห็นต้องรู้แล้ว
มั้งดาวที่ข้ามา ที่จริงไม่ต้องบอกพวกเจ้าก็ได้ เพราะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จะตายแล้วจะต้องรู้
บางเรื่องไปทำไม "
คำตอบ ทำให้ทุกคนรู้วัตถุประสงของยานประหลาดที่มา มันเป็นอย่างที่หัวหน้าเดฟโดร์น
สงสัยไว้ไม่มีผิด
" ข้ารู้ ว่าพวกเจ้าเก่ง ที่จะทำลายพวกเรานั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทำไมไม่ให้พวกเรารู้เหตุผลก่อนล่ะ
ว่าใครจะทำให้พวกเราต้องตาย และด้วยเหตุผลอะไร หรือว่าไม่มีเหตุผล พวกท่านดั้นด้นมาแสน
ไกลมาทำลายอะไรโดยไม่มีเหตุผลเนี่ยนะ "
ปูอินทร์ กล่าว
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า มนุษย์โลกตัวเล็กคนนี้มันเข้าท่าดีวะ ถึงจะรู้ว่ามันหลอกถาม มันก็ใช้คำที่แยบยลอยู่
เอาล่ะข้าบอกก็ได้ เหตุผลที่ข้ามาเพื่อมาเด็ดหัวผู้ที่ไร้ความสามารถที่มาอยู่ที่นี่ไปวันวันโดยลืมจุด
หมายว่ามีหน้าที่ทำอะไร"
เสียงกังวาลบนยาน ตอบ
" ใช่แล้ว พวกท่านหมายถึงพวกเดฟโดร์นอย่างพวกข้าใช้ใหม สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าพวกเจ้าจะต้อง
เป็นนักรบและยานรุ่นใหม่ที่ประมุขคิวเดฟโดร์นส่งมา "
เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้ากล่าว
" ฮ่า ฮ่า พวกเจ้าเข้าใจถูกเพียงครึ่งเดียว ตอนนี้คิวเดฟโดร์นของเจ้าไม่มีอีกแล้ว เเละมันก็ตายไป
พร้อมกับเดฟโดร์นแล้ว "
เสียงกังวาลบนยานกล่าว
" หมายความว่ายังไงนี่ดาวเดฟโดร์นสิ้นสลายไปแล้วหรือพร้อมทั้งคิวเดฟโดร์นด้วย พวกเจ้าเป็นผู้
ทำลายใช้ใหม แล้วทำไมต้องตามเรามาที่นี่ด้วยพวกเจ้ารู้ได้ยังไงว่ายังมีพวกข้าอยู่ที่นี่
วิวัฒนาการ ของพวกเจ้าขนาดนี้มีหรือพวกข้าไม่กี่ร่างและยานเก่าแบบนี้ จะตามไปล้างแค้นพวก
เจ้าได้ "
มนุษย์เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้า ถาม
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่ว่าไม่มีเดฟโดร์น เพราะพวกของข้าได้เปลี่ยนชื่อมันใหม่แล้วน่ะสิ เมื่อพวกข้ายึด
อำนาจ จากคิวเดฟโดร์นสำเร็จ ข้าก็ทำให้ชื่อเดฟโดร์นมันตายไปกับหัวหน้าของมัน ตอนนี้ข้าได้
สถาปนา ชื่อดาวเสียใหม่ ตอนนี้พวกเจ้าไม่ใช่เผ่าพันธ์เดฟโดร์นอีกแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าเป็น
ประชากร ของอนาคารเดบิว แล้ว แต่คงไม่นานหรอกนะ พวกไร้ความสามารถเช่นพวกเจ้า คงได้รับ
เกียรติให้ดำรงสถานะประชากรของอนาคารเดบิวนานไม่ได้ มันจะทำให้เสื่อม ข้าจะเอาหัวของพวก
เจ้ากลับไปเป็นประชากรเดฟโดร์นในสุสานเสียดีกว่า "
เสียงคำรามจากยานลั่น
" แล้วพวกไอซ์โดร์นล่ะ ขอถามหน่อย ถ้าเจ้าฆ่าเดฟโดร์นที่นี่แล้วเจ้าจะทำยังไงกับพวกเขา "
ปู่อินทร์ถามขึ้นเพราะความอยากรู้
" พวกนั้นน่ะหรือ พวกชั้นต่ำเช่นนั้น ข้อคงไม่ใจดีเลี้ยงพวกมันไว้ดูเล่นอย่างพวกเจ้าทำหรอก ตอน
นี้ข้าครอบพวกมันด้วยมัลติทอร์แล้ว อย่างที่ออนไลท์ให้พวกเจ้าเห็นไง ตอนนี้พวกนั้นมันออกนอก
วงครอบไม่ได้ และอีกไม่นานมัลติทอร์จะระเบิดแล้ว เมื่อข้าได้หัวพวกเจ้าไปคงยังไม่ถึงใหนพวก
ชั้นต่ำมันก็จะสูญอยู่ที่นี่แน่ "
เสียงจากยานอธิบายมาอีก
" ก็แล้วทำไมล่ะ ในเมื่อท่านก็กำจัดพวกไอซ์โดร์นแล้ว ทำไมต้องฆ่าพวกเดียวกันด้วยล่ะ"
ปู่อินทร์ถามขึ้นอีก
" ในกฏเหล็กของเรา ผู้ที่ได้รับหน้าที่แต่ทำไม่สำเร็จไม่ควรมีชีวิตอยู่ คิวเดฟโดร์นของเจ้าก็เป็นคน
ออกกฏนี้ด้วย คิวเดฟโดร์นรอคอยการทำการล้างพวกไอซ์โดร์นของพวกเจ้าอยู่เหมือนกัน และเมื่อ
พวกเจ้าทำไม่สำเร็จซักที พวกข้าจึงเห็นได้ว่าคิวเดฟโดร์นก็คงต้องรับผิดชอบด้วย และเพื่อความ
ไม่ให้เกิดความอัปยศแก่ชื่อเสียงดาวเรา พวกข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อดาวที่อยู่ไปตลอดกาล อย่าง
นี้จะคิดว่า ไม่มีเหตุผลพอสมควรที่ข้าจะต้องมาที่นี่เพื่อลบประวัติศาตร์อันอัปยศนี่อีกหรือ "
เสียงกร้าวจากบนยานเห็นได้ชัดว่ามีน้ำเสียงที่เกรี๊ยวกราดและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
" เรื่องแค่นี้เอง ถ้าเป็นที่โลกมนุษย์เขาคงให้อภัยกันได้ เพื่อความสงบสุข "
ปู่อินทร์ แสดงความคิดเห็น
" อย่างที่ข้าบอกท่านไง ดาวที่เรามามีแต่ความเครียดแค้นและสงคราม ความผิดที่นี่ใช้บรรทัดฐาน
กับที่นั่นไม่ได้หรอก "
หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าวกับปู่อินทร์
" หมดเวลาแล้ว ข้าเสียเวลามามากแล้ว พวกเจ้าโชคดีแล้วที่ประมุขแห่ง อนาคารเดบิว ลดเกียรติ
ลงมาล้างสิ่งคราบหมองมัวของประวัติศาสตร์ด้วยตัวเอง ประมุขเช่นข้าจะนำหัวพวกเจ้ากลับไปเพื่อ
ความสง่างามของข้าให้ประชากร อนาคารเดบิวได้ตระหนักและจะไม่มีใครกล้าทำผิดพลาดอย่าง
เช่นพวกเจ้าอีก "
เสียงบนยานกล่าวจบ ฉับพลันยานของพวกเดฟโดร์นที่ถูกควบคุมและทำให้สตาร์ทอยู่ก็
ยกตัวขึ้น และมันลอยนิ่งจนเข้าไปสัมผัสประกอบกับตัวยานลำที่มาใหม่นี้ โดยมีสายตา
ของพวกเดฟโดร์นที่อยู่ข้างล่างพร้อมทั้งปู่อินทร์มองอย่างถอดใจ
" ข้าเสียใจที่ท่านจะต้องมาตายกับพวกข้าด้วย "
หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าวอย่างรู้ชะตากรรม
เมื่อกล่าวกับปู่อินทร์เสร็จ เดฟโดร์นผู้เป็นหัวหน้าก็แหงนมองขึ้นฟ้า พร้อมกับกล่าวขึ้น
" ข้าแต่ท่านประมุข อนาคารเดบิว ความผิดครั้งนี้มิใช่ว่าข้าจะไม่ได้พยายาม แต่คงเป็นเพราะพวก
ข้ามันไม่มีความสามารถ ตามกฏเมื่อมันจะต้องทำตาม พวกข้าคงไม่ว่าอะไร แต่ขอซักอย่างได้
ใหมก่อนตาย ลูกน้องของข้า ข้าขอเป็นผู้ลงมือได้ใหม ข้าจะเตรียมหัวของพวกเขาไว้ให้ท่านและ
ท่านก็ค่อยมาเอาหัวของข้า และลูกน้องของข้าไปจะได้ใหม "
" ฮ่า ฮ่าฮ่า ก็เข้าทีเจ้าคงคิดจะสางแค้นสินะที่ลูกน้องของเจ้ามิได้ช่วยอะไรเจ้าได้มากจนงาน
สำเร็จข้าตกลง และข้าฝากเด็ดหัวไอ้มนุษย์ปากกล้านั่นดัวยล่ะ จะเอามันไปเป็นของแถมที่มัน
บังอาจแสดงความเห็นลบหลู่ข้า เอาเลย เจ้าจัดการเลย "
คำพูดของหัวหน้าเดฟโดร์นทำให้ปู่อินทร์แปลกใจ ทำไมจึงรู้สึกเหมือนมีความหมาย
แอบแฝงชอบกล หนำซ้ำยังหันมาสบตาปู่อินทร์ เหมือนส่งสัญญาณอะไรซักอย่าง แต่คำ
ตอบที่ส่งมาจากบนยานดูจะหมดความหวังรอด เพราะตอนนี้อาวุธที่จะพอต่อกรได้มันอยู่
ในยานที่ถูกดูดขึ้นไปรวมกับยานลำนั้นแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นทางหนีหรือสู้ได้
" ได้สิ แต่ข้าขออีกเรื่องหนึ่ง ลูกน้องข้าและมนุษย์นี้ ข้าไม่อยากตัดหัวพวกเขาต่อหน้าท่านประมุข
พวกเราพลาดกันเองก็ต้องลงโทษกันเอง การลงโทษ ให้เป็นเรื่องของพวกข้าได้ใหม ไม่ใช่ว่าข้า
มาฟอร์มหรือหาช่องทางที่จะหนี ท่านประมุขก็รู้ว่าพวกข้าหนีไม่ได้ยานของข้าท่านก็เอาไปแล้ว
และการเคลื่อนใหวของพวกเราท่านก็รู้ได้ตลอด ท่านหลบไปสักพักกลับมาข้าจะเตรียมหัวลูกน้อง
ข้าและหัวมนุษย์นี้ไว้ให้"
หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าว บนยานเงียบไปสักครู่เหมือนใช้ความคิด
" เอ๊าตกลง ถึงเห็นว่าเจ้าจะขอมากไปก็เถอะ ข้าให้เวลาสิบนาที ข้าจะหลบไปก่อน ทุกอย่างต้อง
เรียบร้อย "
เสียงข้างบนตกลงและยานที่อยู่บนฟ้าก็เริ่มเคลื่อนออกไป
" นี่ท่านจะฆ่าเราจริงจริงเหรอ "
ปู่อินทร์ถาม
หัวหน้ามนุษย์เดฟโดร์นส่ายหน้า พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้ปู่อินทร์หยุดใช้คำพูด ปู่อินทร์รู้
ได้ทันที ว่าการส่งเสียงคงทำให้เจ้าของยานที่พึ่งไปได้รับรู้ เขาได้แต่มองว่าหัวหน้าเดฟ
โดร์นจะทำอะไร ผู้เป็นหัวหน้าเดฟโดร์นเริ่มชี้โบ้ชี้เบ้ส่งสัญญาณต่อกันแบบไร้คำพูด และ
พวกเขาก็เริ่มใช้มือขุดและควานหาอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ปู่อินทร์คาดว่ามันน่าจะ อยู่ไต้ผิว
ดินเพราะพวกเขาทุกร่างพยายามช่วยกันค้นหา อย่างร้อนรนและเดฟโดร์นร่างหนึ่ง ก็ส่ง
สัญญาณว่าได้พบแล้ว และเดฟโดร์นร่างนั้นก็หยิบของสิ่งนั้นจากไต้ดินขึ้นมา โดยที่มีเดฟ
โดร์นทุกร่างเข้ามาร่วมสบทบ
หัวหน้าเดฟโดร์นรับสิ่งที่อยู่ในมือของลูกน้องส่งมา พร้อมทั้งทุกคนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้น
ซึ่งนั้นก็ทำให้ปู่อินทร์ แปลกใจ ในสถาการณ์เช่นนี้ พวกเดฟโดร์นรู้สึกดีได้อย่างไร ปู่
อินทร์จึงพยายามมองสิ่งที่อยู่ในมือของหัวหน้าเดฟโดร์นและเขาก็ได้เห็นสิ่งนั้นเต็มตา
ปู่อินทร์พยายามจะอุทานเพราะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร แต่ถูกปิดปากเสียก่อน เขาได้แต่สบตา
ของหัวหน้าเดฟโดร์นที่มองมาสื่อความหมายว่ายังไม่สมควรจะถามอะไรตอนนี้
และทั้งหมดก็รอเวลา และสิบนาทีผ่านไป ถึงกำหนดที่ให้ขอเวลาไว้
ยานลำเขื่องเลื่อนมาอีกครั้ง และทันทีที่เหตุการณ์ยังปรกติอยู่ สิ่งที่รับปากไว้ยังไม่มีอะไร
เปลี่ยนแปลงไปเห็นได้ชัดว่าพวกเดฟโดร์นและปู่อินทร์ก็ยังมีชีวิตอยู่
" นี่มันเกิดอะไรขึ้นใหนเจ้ารับปากไว้ทำไมไม่ทำ หรือเจ้าจะลองดีกับข้า "
เสียงบนยานตวาดลั่นอีกคร้้ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ปู่อินทร์มองสบตา
ไปยังหัวหน้าเดฟโดร์น เพื่อเดาใจ ว่าสิ่งที่อยู่ในมือจะได้ปฏิการเมื่อไร และทันใดมือที่ถือ
ของสำคัญอยู่นั้นก็เริ่มขยับ หัวหน้าเดฟโดร์นบรรจงกดสิ่งที่อยู่ในมือ
" บึ้ม ม "
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นปู่อินทร์ แหงนดูบนท้องฟ้า ยานสองลำที่ติดกันอยู่แต่แรก เกิด
ระเบิดขึ้น และคงประกอบกับในตัวยานทั้งสองลำคงมีอาวุธที่เป็นวัตถุระเบิดอยู่ด้วยทำให้
ยานทั้งสองลำแตกกระจายในท้องฟ้าและล่วงหล่นลงสู่พื้นดินเบื้องล่างที่พวกปู่อินทร์
ต้องหาทางหลบเพื่อไม่ให้มันหล่นใส่หัวเอา และเมื่อทุกชิ้นที่กระจายล่วงหล่นลงจนหมด
แล้วเดฟโดร์นทั้งหมดและก็ออกไปสำรวจรวมทั้งปู่อินทร์ก็ได้เดินตามไปดูด้วย และหัวหน้า
เดฟโดร์นก็ได้ไปพบกับชิ้นส่วนหนึ่งของยานเข้า เขาเรียกพวกเดฟโดร์นและปู่อินทร์
เข้าไปดู และเมื่อเข้ามาใกล้ปู่อินทร์ก็ได้เห็นว่า มีร่างหนึ่งที่มองภายนอกแล้วคล้ายร่างกาย
ของพวกเดฟโดร์นอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามีเครื่องแต่งกายที่ต่างกัน แต่แรงระเบิดทำให้
ร่างนั้นค่อนข้างบาดเจ็บสาหัส ถึงจะขยับร่างกายได้แต่แขนขาดูแตกหักมองแทบไม่เป็น
รูปร่าง
" ทะ ทะ ทำไม ข้าไม่รู้ว่ามีอาวุธอยู่ที่ยานของเจ้า เครื่องมือข้าทันสมัยขนาดนี้ทำไมตรวจอาวุธของ
ยานเก่าเก่าอย่างของเจ้าไม่ได้ เจ้าติดเอาอาวุธชนิดใหนมา โอย "
เสียงนั่นสั่นเครือจากอาการบาดเจ็บอย่างหนัก
" ท่านประธานจะรู้ได้ยังไง ก็เพราะมันไม่ใช่อาวุธที่ติดมากับยานของข้านะสิ สิ่งที่ติดมา
จากดาวเดฟโดร์นถูกเจ้าควบคุมได้จนหมด เลยทำให้เจ้าชะล่าใจยังไงล่ะ จะบอกให้เจ้าได้รู้ก่อน
ตาย อาวุธที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ มันมาจากพวกมนุษย์นี่ไง มนุษย์ตัวเล็กเล็กที่เจ้าจะให้ข้าฆ่าไป
ด้วยไง "
หัวหน้าเดฟโดร์นตอบ อย่างสะใจ
" อั๊ก ทำไมพวกมนุษย์เขาใช้อะไรทำอาวุธกัน ทำไมข้าถึงตรวจจับมันไม่ได้ ทำไมข้าพลาดได้ถึง
เพียงนี้ "
เสียงสั่นเครือ ตัดพ้อ
" พวกเขาใช้สิ่งที่มาจากธรรมชาติที่มีอยู่ไง เครื่องตรวจจึงไม่สามารถจับรังษีมันได้ ตอนที่ข้าพบ
มันคร้้งแรกที่เครื่องบินที่ข้ามมิติมาตกที่นี่ ข้าก็งงอยู่เหมือนกัน เลยทดลองเอามาติดไว้ที่ยานและ
พยายามค้นคว้าการใช้มัน ไม่นึกเลยการกระทำครั้งนั้นมันจะช่วยชีวิตข้าในครั้งนี้ "
หัวหน้าเดฟโดร์นอธิบาย
" อุ๊ฟ โอยทำไมข้าต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ยานข้าระเบิดไป อย่างนี้เครื่องควบคุมมัลติทอร์ก็
ไม่ทำงานนะสิ ฆ่าพวกเจ้าไม่ได้ แถมยังทำอะไรพวกไอซ์โดร์นไม่ได้อีกด้วย ถ้างั้นฝากพวกเจ้า
แล้วกันตอนนี้พวกเจ้าก็ได้รู้แล้วว่าพวกไอซ์โดร์นอยู่ที่ใหน ช่วยหาทางฆ่าพวกไอซ์โดร์นให้ที ข้า
จะได้ตายตาหลับ "
ร่างบาดเจ็บกล่าว พร้อมเริ่มกระตุกเบาๆ
" เสียใจกับเจ้าด้วย ตอนนี้พวกข้าเปลี่ยนไปแล้ว เราเป็นเดฟโดร์นที่เหลืออยู่แค่นี้ จะไม่รับคำสั่ง
จาก อนาคารเดบิล ตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ตาย ไม่สมควรจะมาเรียกร้องอะไรอีก และมันยังเป็นความ
ตั้งใจแต่ก่อนที่เจ้าจะมาเหมือนกัน พวกเดฟโดร์นอย่างพวกเราจะไม่ทำสงครามกับพวกไอซ์
โดร์นอีกแล้ว เราตั้งใจว่าถ้ากลับไปเดฟโดร์นได้ เราจะพาพวกไอซ์โดร์นกลับไปด้วย และสองเผ่า
พันธ์จะฟื้นดาวของพวกเราขึ้นมาใหม่ ไม่คิดทำลายและล้างเผ่าพันธ์กันอีกแล้ว "
หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าว
" โอ๊ะ เจ้า พรู่ด"
ร่างบาดเจ็บ ส่งเสียงได้เพียงเท่านั้น น้ำสีเขียวพุ่งออกจากปากของมันและกระจายจน
เปียกร่างปู่อินทร์และพวกเดฟโดร์น และร่างบาดเจ็บนั้นก็กระตุกและแน่นิ่งไปไม่ใหวติงอีก
เลย
" เขาตายแล้ว อุตส่าเดินทางมาแสนไกล สุดท้ายก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ "
หัวหน้าเดฟโดร์นกล่าว
" มันก็สมควรแล้วล่ะถ้ามันไม่ตายต้องเป็นพวกท่านแน่ ว่าแต่พวกท่านรู้จักมันมาก่อนไม๊ดู
เหมือนมันจะรู้จักพวกท่านนะ "
ปู่อินทร์ ถาม
" รู้สิ ได้เห็นหน้าเขาชัดถึงแม้จะมีบาดแผลเหวอะหวะก็ตาม ข้ายังพอจำเค้าลางเขาได้ เมื่อก่อนเขา
ยังเล็กมากเป็นเด็กล้างยานของคิวเดฟโดร์น ไม่คิดว่ามันจะคิดใหญ่ใฝ่สูงได้ถึงเพียงนี้ นี่คงเป็น
ความไว้ใจ ของคิวเดฟโดร์นแน่เขาถึงได้พลาดถูกยึดอำนาจไป "
หัวหน้าเดฟโดร์น กล่าว
" แล้วที่นี่พวกท่านจะทำยังไงดีล่ะ ยานก็ไม่มีแล้ว แล้วทีนี้จะไปใหนมาใหนอย่างไร "
ปู่อินทร์ถามขึ้น
"พวกเราคงต้องไปช่วยพวกไอซ์โดร์นก่อน อาจจะต้องเดินเท้ากันไป ถึงมัลติทอร์จะไม่ระเบิดแล้ว
เพราะตัวสัญญาณแม่มันพังไปพร้อมกับยานที่ระเบิด แต่มันก็ยังกักขังพวกไอซ์โดร์นไม่ให้ออกมา
ข้างนอกได้ มัลติทอร์ถูกล๊อกจากข้างนอก พวกเราต้องไปถอดรหัส เพื่อช่วยพวกเขาก่อน แล้วค่อย
หาทางว่าจะทำยังไงกันต่อ "
หัวหน้าเดฟ โดร์นกล่าว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
" เสียงระเบิดดังอีกแล้วแต่เสียงมันไม่ได้มาจากทางไต้นะ แสงก็ไม่มีด้วยแล้วมันเป็นเสียงระเบิด
ของอะไรอีก "
อรัญกล่าวขึ้น เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งถึงจะไม่แหวกอากาศแบบครั้งแรก แต่ก็ ทำให้
อรัญแปลกใจ และไม่มั่นใจว่ามันดังมาจากทิศทางใหน
" นั่นสิ หรือว่าจะเป็นเสียงสะท้อน ดูดังไม่แรงเท่าไร เหมือนเสียงก้อง ที่นี่อาจเป็นแบบนี้ "
จามิกร ต้้งข้อสังเกตุ
" อืม อาจเป็นได้ ว่าแต่พวกเราคงต้องออกเดินทางกันเถอะ อาทิตย์เกือบตรงหัวแล้ว "
อัครชัยเปลี่ยนเรื่อง เขากลับมาดูจริงจังอีกครั้ง
" เราลากแพกันไปอีกหน่อยนะ น้ำแถวนี้ยังดูเชี่ยวกรากอยู่ให้มันพ้นแนวน้ำตกไปแล้วเรา
ค่อยเอาแพลง "
กานต์ สรุป ทั้งหมดยกสัมภาระขึ้นบ่าและช่วยกันลากแพเดินลงสู่ที่ต่ำ ทั้งหมดสังเกตุเห็น
ว่ามีรอย ของเจ้าหนอนยักษ์ ดูจางจางไปตามทางที่ทุกคนไปอีกด้วย และไม่นานทุกคน
ก็ได้ลงมาจุดที่น่าจะเป็นที่เสมอ สายน้ำด้านข้างดูสม่ำเสมอและไม่เชี่ยวกรากแล้ว มันจึง
เป็นจุดที่น่าจะใช่แพล่องต่อไป
" ตรงนี้แหระ "
อรัญปล่อยแพที่อยู่ในมือ พร้อมทั้งกานต์ก็ปล่อยมือไปพร้อมกันด้วย
" เราจะเอาแพลงตรงนี้หรือ แต่ดูสิรอยหนอนยักษ์มันยังใช้พื้นที่ไปทางบกอยู่เลย ทำไมมันไม่ใช้
ล่องไปทางน้ำ หรือว่ามันอาจจะมีอะไรในน้ำแถวนี้ที่มันกล้วไม๊ "
จามิกร ตั้งข้อสังเกตุ
" มันก็สรุปไม่ได้หรอกเพราะเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ แต่ถ้าเรายังคงตามรอยมันไปคงไม่น่าจะเสีย
หายอะไร ถ้ายังมีอะไรที่มันกลัวในน้ำจริง ไปต่ออีกซักหน่อยดูรอยมันไป น่าจะเสี่ยงน้อยกว่า "
อัครชัย แสดงความคิดเห็น เมื่อทุกคนเห็นด้วยแพกูถูกยกขึ้นอีกครั้ง เพื่อไปต่อ และไม่
นานพวกเขาก็ได้เห็นรอยของหนอนยักษ์มาหยุดที่ หนองน้ำไม่ใหญ่นักที่อยู่ข้างแม่น้ำ ที่
ใหลอยู่ มันเป็นเหมือนแอ่งน้ำที่มีน้ำสงบนิ่ง ทุกคนสังเกตุได้ว่าจากรอยของหนอนยักษ์ว่า
มันน่าจะมุดหายลงไปที่หนองน้ำแห่งนี้
" มันคงมากินหรือทำอะไรที่หนองน้ำตรงนี้ แปลกนะ น้ำที่นี่ทำไมมันใสมากเลย ตั้งแต่ข้ามมาที่นี่
ไม่เคยเห็นน้ำที่ใหนใสมาก เท่าน้ำในแอ่งนี้เลย "
แสงดาวกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจ จากสิ่งที่เธอสังเกตุเห็น
" นั่นสิน้ำก็ลึกอยู่แนะ แต่มองได้ทะลุหมดเลยแต่ว่ามันใสมากจริงจริง เรามองถึงก้นแอ่งได้เลย
เห็นไต้น้ำ ได้ แต่เอ๊ะ "
ในขณะทีกานต์กำลังกล่าว อยู่เขาก็ต้องแปลกใจ เขาสังเกตุเห็นสิ่งที่สะดุดตา ในไต้น้ำ น้ำ
เสียงที่แสดงถึงความสงสัยของกานต์ทำให้ทุกคนเริ่มสังเกตุ และทุกคนก็ได้เห็น
" อะไรน่ะ สะท้อนแสงวาววับเลย หรือว่ามันจะเป็นเพชรหรือเปล่าไม่เคยเห็นอะไรสะดุดตาอย่างนี้
มาก่อนเลย "
อรัญกล่าว จากสิ่งที่เขาก็สังเกตุเห็น
" จะใช่เพชรหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันสะท้อนแสงและสะดุดตามาก พวกเราไปเอามันขึ้นมาดูกันไม๊เผื่อ
เป็นเพชร พวกเราจะได้ติดมันกลับบ้านคงขายได้หลายล้าน "
ดุจปลายกล่าวอย่างติดตลก รับมุกของแฟนหนุ่ม
" น่าน แฟนฉันพอกลับมามีคุณสมบัติมนุษย์ครบเข้าหน่อย ความโลภมาแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"
อรัญหยอกกลับ พลางก้มมือลงไปพยายามจะหยิบสิ่งที่มีแสงแวววาวขึ้นมาดูแต่ เขาก็
เอื้อมไม่ถึงเพราะน้ำลึกเกินไป เขาจึงต้องลงน้ำไปทั้งตัว และระหว่างเดินลงไปอรัญก็ร้อง
ลั่น
" โอ๊ย อะไรทิ่มขา "
ทุกคนตกใจ พวกเขารู้อรัญไม่ได้ล้อเล่น เพราะเมื่อเขายกขาขึ้นมาดูในน้ำที่ใสหยดสีแดงก็
ปรากฏเห็นได้ชัด มันคือเลือดที่เกิดจากบาดแผลไต้ฝ่าเท้าของอรัญ
" คงมีเศษหินหรืออะไรแหลมบาดเข้าสิพี่อรัญ มาพวกเราลงไปช่วยเขาขึ้นมาก่อน "
เเสงดาวกล่าว ทั้งหมดพยายามลงไปช่วยกันพยุงอรัญขึ้นมา มันทุลักทุเลพอสมควร
เพราะน้ำค่อนข้างลึกมิดหัวของทุกคน แต่เพราะความใสจึงทำให้ทุกคนไม่เกิดความกลัว
พร้อมทั้งว่ายน้ำกันเก่งทุกคน และระหว่างที่ลงกันไป ดุจปราย และจามิกร ก็ฉวยโอกาส
หยิบเอาวัตถุที่ทุกคนเห็นว่าสะท้อนแสงสะดุดตานั้นขึ้นมาด้วย
" เอ๊ะ นี่มันเศษแก้วนี้ หรือว่าเศษขวดอะไรสักอย่างหนึ่ง เอ๊ะมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง งั้นที่บาดเท้าพี่
อรัญ ก็คงเป็นเศษแบบนี้ที่อยู่ไต้ดินแน่ "
ดุจปราย กล่าวขณะที่เห็นสิ่งที่เก็บขึ้นมาเต็มตา
" ตายล่ะอดรวยกันเลย มันคงสะท้อนน้ำที่ใสมากนี่ เลยแวววาวมาก พวกเราถึงได้มองว่าน่าจะเป็น
เพชร "
อรัญ กล่าว
" แต่มันก็แปลกมากนะ แก้วหรือขวดแตกพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันต้องมีมนุษย์คนใหนที่หลงเข้า
มาในนี้ นำมันติดตัวมาจากโลกมนุษย์ของพวกเราแน่ แสดงว่าแถวนี้ต้องเคยมีมนุษย์มา "
อัครชัย ตั้งข้อสังเกต
" แต่จากำลังสงสัยนะ ว่านี่ไม่น่าจะเป็นมนุษย์นำมาที่นี่ รอยหนอนยักษ์มาหายไปตรงนี้แสดงว่ามัน
น่าจะลงไปในน้ำตรงนี้ด้วย หรือว่ามันเป็นผู้นำขวดนี้มา จริงสิไอ้หนอนยักษ์มันเอาขวดรางพิษมา
หรือว่าขวดรางพิษ นั้น จะเป็นขวดที่แตกนี้ "
จามิกร อุทานอย่างตระหนกและตื่นเต้น
" จริงด้วย ดูแล้วขวดที่แตกนี้มันก็น่าจะมีลักษณะ เหมือนขวดรางพิษเหมือนกัน ถ้ามันมีครบชิ้น
ส่วน แสดงว่ามีความเป็นไปได้ว่าขวดรางพิษคงแตกแล้วตอนนี้ นั่นหมายความว่าพวกเราหมดหวัง
ที่จะเอารางพิษไปให้พวกท่านติอากอแล้ว หรือ "
อัครชัย กล่าวอย่างผิดหวัง พร้อมทั้งทุกคนก็ทิ้งตัวลงอย่างหมดแรงอีกด้วย
" โอ๊ยนี่มันจะมีแต่ปัญหาไปถึงใหนนี่ กะว่าจะต้องบุกเข้าไปในรังของปลวกยักษ์เพราะไปตามขวด
รางพิษนี้ กลับมาเจอมันแตกไปเสียแล้ว แล้วที่นี่จะทำยังไงล่ะ อุตส่าเดินทางบุกป่าฝ่าอัตรายกันมา
แทบตาย "
กานต์ บ่น
" ทำไงได้ล่ะ เราก็คาดหวังและกะเกณอะไรไม่ได้นี่ พวกเรายังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ถึงไม่ได้รางพิษ
แล้วเราก็ต้องหาทางกลับไป ถึงจะไปมือเปล่าก็เถอะ เราก็ทำกันเต็มที่แล้ว"
จามิกร ปลอบให้ทุกคนปลง
" ใช่จาพูดถูก พวกเราก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เป็นแบบนี้ มันสุดวิสัย และพวกเราก็ยังคิด
กันมาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอเหตุการณ์ที่เราอาจจะไม่ได้ขวดรางพิษนี้ ตั้งแต่หนอนยักษ์นั่นมันคาบ
ของเรามา "
อัครชัย กล่าว เขาเริ่มทำใจได้
" ที่บ่นก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกนะ แต่อดเสียดายไม่ได้ ที่รู้ว่าทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ เพราะพวกเรา
ลงทุนเสี่ยงกันมาเยอะแล้วเหมือนกัน และมีพวกที่ฝากความหวังรอความสำเร็จของเราและเอาราง
พิษไปช่วยเหลือพวกเขา "
กานต์กล่าว พร้อมทั้งส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความเสียดาย จามิกรตบบ่าแฟนหนุ่มเบาเบา
อย่างเข้าใจความรู้สึก เธอเองก็นึกใจหายเหมือนกัน แต่คงต้องทำใจ และเธอก็มองเหม่อ
ไปข้างหน้า มองไปตามทางที่คิดว่าจะไป แต่จุดหมายที่อยู่ในระยะใกล้พลาดไปแล้ว
" เอ๊ะ "
ระหว่างที่จามิกรกำลังมองอยู่นั้นเธอก็ได้รับรู้ถึงความผิดปรกติ เสียงของเธอทำให้ทุกคน
แปลกใจ เมื่อมองมายังจามิกร เห็นเธอเพ่งมองไปข้างหน้า พวกเราก็มองตาม
" มีอะไรหรือจา จาเห็นอะไรหรือ "
กานต์ถามแฟนสาวด้วยความแปลกใจ เพราะเขาดูแล้วไม่เห็นมีสิ่งผิดปรกติในขณะที่มอง
ตามสายตาที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดที่จามิกรมองไป
" เมื่อกี้นี่ จามองไม่เห็นนะพุ่มไม้ตรงนั้น แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าจามองได้ไกลขึ้น ตรงพุ่มไม้นั่นเมื่อ
กี้มองมันแทบไม่เห็นเลย แต่ทำไมตอนนี้กลับเห็นมันได้ชัดมากเหมือนอยู่ใกล้ขึ้น หรือว่าพุ่มไม้นั่น
มันขยับเข้ามาได้ "
จามิกร ตอบ พุ่มไม้พุ่มที่จามิกรสงสัย จึงเป็นจุดที่ทุกคนเริ่มเพ่งมอง
" อืมจริงด้วย ตอนนี้เราก็รู้สึกได้เหมือนกันจา ว่าข้างหน้าของเราดูมันชัดเจนมาก แต่ไม่ได้รู้สึก ว่า
ทุกอย่างที่เห็นมันเข้ามาใกล้หรอกนะ แต่รู้สึกว่าว่าการมองและจุดโฟกัส ของภูมิประเทศข้างหน้า
มันชัดเจนขึ้น หรือจะเป็นเพราะเราได้ลงไปล้างตาที่หนองน้ำนี่ไม้ทำให้สายตาเราชัดเจนขึ้น "
แสงดาว กล่าว
ดุจปรายพยายามเพ่งมองไป แต่เธอกลับรู้สึกแสบตาจึ๊ดขึ้นมาทันที เธอรู้สึกได้ว่าสายตา
เธอดูมองเห็นอะไรที่ชัดเจนกว่าเดิมเหมือนกัน อยากที่แสงดาวและจามิกรบอก เพียงแต่
เธอรู้สึกว่า มันคงเป็นเพราะการที่จะปรับสายตาที่สั้นของเธอมาเห็นชัดอย่างประหลาดนี้
เธอไม่สามารถทำได้ในทันที และดุจปรายก็กระพริบตาถึ่ถี่หลายครั้ง อาการแสบตาก็เริ่ม
ทุเลาลง แต่ตาของเธอยังมีน้ำตาซึมและหยดลงจากลูกตา และหยดหนึ่งได้ล่วงลงมาในกำ
มือของดุจปรายพอดิบพอดี
" เอ๊ะดูน้ำตาปรายสิ "
ดุจปราย บอกอย่างตื่นเต้นและก็ยื่นมือให้ทุกคนดู ในอุ้งมือของเธอมีก้อนใสใสก้อนหนึ่ง
อยู่ในน้้น เธอบอกทุกคนว่านี่คือน้ำตาของเธอ ที่ปรกติแล้วมันจะไม่อยู่ในมือของเธอใน
สภาพที่มีรูปทรงเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนเช่นนี้
" ใช่หรือ ปรายมั่นใจหรือว่ามันคือน้ำตา "
อรัญถามอย่างแปลกใจ ที่เห็นสิ่งนั้นถนัด
" ใช่สิพี่อรัญน้ำตามันหยดลงมาพอดี แต่ทำไมมันจึงมีรูปร่างแบบนี้หล่ะ หรือว่าที่เรามองกันเห็นชัด
ขึ้นและน้ำตาก็มีหยดแปลกแปลกเช่นนี้ เพราะเราลงไปในน้ำในแอ่งนี้ "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น