ลำดับตอนที่ #50
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : ถึงจุดหมายแต่ไม่ใช่ปลายทาง
" ชัดเจนเลย ความคิดมันเฉียบเเหลมมาก เราไม่คิดว่าเจ้าหนอนตัวแค่นี้จะคิดเรื่องแบบนี้ได้ พวก
เรานี้งงไปเลย อย่างนี้ที่ผ่านมา เราก็ไม่ได้สั่งพวกมันได้อย่างเดียวนะสิ พวกมันก็คงคิดกันเองได้
ด้วย ที่ทำตามเพราะว่าพวกมันคิดดีแล้ว อยากรู้จังใครนะส่งพวกมันมา "
อรัญกล่าว
" ก็ถามมันได้นี่ พี่อรัญ มันก็มีวิธีตอบคำถามพวกเราได้แล้วนี่ "
ดุจปรายกล่าว เธอคิดว่าคงจะได้ความกระจ่างจากหนอนพวกนี้ได้ในเรื่องที่สงสัยกันมานาน
" ปิเยข้าขอเป็นคนถามมันได้ใหม มีสิ่งที่ปิเยข้าสงสัยอยู่ เหมือนกันเรื่องเรคารียะ กับหนอนน้อย
พวกนี้ ดูคล้ายกันมาก "
ปิเยพิษทารี กล่าว
" เอาเลยท่านปิเยพิษทารี "
อรัญตอบ พร้อมผายมือเชิญให้ปิเยพิษทารีได้เคลื่อนเข้ามาใกล้ใกล้
" ปิเยข้าขอถามพวกเจ้าหน่อยเถอะ พวกเจ้ามีร่างกายที่เหมือนเรคารียะ ของมัจเจ แต่มีสีที่ต่างกัน
และพวกเจ้าไม่เคยคิดที่จะทำร้ายพวกข้าเหมือนเรคารียะ ของมัจเจ ข้ากำลังสังสัยว่า พวกเจ้าเป็น
เรคิน ของท่านติอากอ ที่ส่งมาช่วยพวกข้าใช่ใหม "
" โอ ..พวกมันผงกหัวพร้อมกันเลย ท่านพิษทารี นี่แสดงว่าสิ่งที่ท่านสงสัยมันเป็นเรื่องจริง ท่าน
ติอากอส่งพวกนี้มาช่วยพวกเรา "
อรัญอุทาน
" ท่านติอากอคงมีหนทางหรือมีฤทธิ์เดชได้เกือบเท่าเทียมมัจเจแล้ว จึงได้สร้างเรคินลักษณะแบบ
นี้มาได้ นี่แสดงว่าเรคินพวกนี้คงส่งข่าวคราวความเคลื่อนใหวของพวกเราไปให้ท่านติอากอ รู้
ตลอด เหมือนกัน ก็เป็นการดี ที่เรามีตัวช่วยบ้าง ข้ารู้สึกว่าไม่มั่นใจเอาเสียเลยสำรับการเดินทางมา
ในครั้งนี้ ถึงแม้อีกไม่นาน จะถึงถ้ำที่เป็นจุดหมายของพวกเราแล้ว แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาและที่เรา
กำลังได้พบเจออยู่อย่างนี้ ข้ารับรองไม่ได้เลยว่าพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป "
ปิเจพิษทารีกล่าว ทุกคนรู้สึกถึงคำพูดของปิเยพิษทารี พวกมนุษย์ รู้ว่าปิเยพิษทารีเริ่มท้อ เพราะ
เหตุการณ์ ต่างๆที่เจอกันมา มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนอยากให้เป็นเลยแม้สักครั้งเดียว อันตราย
ต่างต่าง ดาหน้าเข้ามาได้ตลอดเวลาโดยแต่ละครั้งไม่มีเวลาได้ตั้งตัวรับกับเหตุการณ์นั้นนั้นเลย
แล้วจะให้ปิเยพิษทารีมั่นใจได้อย่างไร
" พวกเราเข้าใจนะท่านปิเยพิษทารี แต่พวกเราก็มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ อย่างน้อยก็เพื่อคนของเราที่
อยู่ที่โลก จริงอยู่พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีพวกเรากำลังทำอะไรเพื่อเขา แต่พวกเราก็ไม่ท้อ เหมือน
พวกเราคงถูกกำหนดให้ทำ โดยไม่มีใครจะได้รับรู้ ว่าจะมีการทำอะไรแบบนี้ พวกเราคิดว่า ท่าน
เองก็คงมี ความปราถนาดีต่อเผ่าพงษ์ของท่าน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกเรา "
คำพูดของอัครชัย ทำให้ปิเยพิษทารีมีกำลังใจขึ้น จริงอย่างยิ่ง พวกมนุษย์ พวกนี้ กำลังทำอะไรที่
ไม่มีใครได้รู้เห็น ไม่มีเผ่าพงษ์ของเขาได้รับรู้ว่ามีกลุ่มคนกำลังทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ให้กับเผ่าพันธ์ของ
ตัวเอง แต่สำหรับปิเยพิษทารีเขาเองกลับมีผู้ที่กำลังเฝ้ามองและรอความหวังสำหรับการอยู่รอด
จากการฝากความหวังไว้กับการเดินทางมาในครั้งนี้ของเขาถ้าเขาทำสำเร็จ
" น่าชื่นชมน้ำใจพวกเจ้าจริง หรือปิเยเราจะมีความอดทนในเรื่องนี้น้อยกว่าพวกโลกมนุษย์ก็ไม่รู้ นี่
คือสิ่งที่พวกมนุษย์ มีมากกว่าเผ่าพันธ์ปิเยแน่ พวกเจ้ามีร่างกายที่บอบบางกว่าปิเยเรา คงได้ส่วนนี้
มาชดเชย ถึงร่างกายจะอ่อนแอแต่ใจสู้เสียอย่าง ก็คงจะดีกว่าร่างกายที่เเข็งเเรง แต่ใจไม่สู้ ขอบใจ
พวกเจ้ามาก ที่เตือนสติ ต่อไปนี้ข้าก็ไม่ท้อแล้วเหมือนกัน เราจะไปกันต่อ อีกไม่นานเราจะนำสิ่งที่
เราต้องการ กลับไปช่วยปิเยเรา "
ปิเยพิษทารี สรุป
และแล้วแผนการเดินทาง ตามคำแนะนำของหนอนเรคิน ก็เริ่มถูกกำหนดวางให้เป็นไปตามแผน
ปิเยพิษทารี ได้วางแผนให้ โดยการเตรียมตัวที่จะออกเดินทางขึ้นเหนือ โดยเบื้องต้นให้ทำพื้นที่ให้
เกิดการสั่นสะเทือนก่อนและแน่ใจว่าตัวประหลาดนั้นเขามาอยู่ใกล้แล้วจึงจะให้ช้างได้เคลื่อนใหว
โดยให้หนอนเรคินได้เข้าไปควบคุมให้ช้างเคลื่อนใหวออก ไปก่อนและเมื่อช้างได้กลิ้งลงไปไต้
หุบเขาให้หนอนเรคินแยกตัวออกมาหาพวกเขา และเมื่อนั้นพวกเขาจะพาหนอนเรคินเดินทางขึ้น
เหนือทันที
" จำไว้นะ หลังจากที่หนอนเรคินกลับมาถึงพวกเราแล้ว ให้พวกเราฉวยไปคนละตัว จะไปไว้ที่คน
ใดคนหนึ่งคงเสียเวลามาก จำไว้ และออกเดินทางทันที"
อัครชัย ซักซ้อมแผนที่วางกันไว้อีกครั้งเพื่อทุกคนเข้าใจและพร้อมเพรียงกัน สำภาระทั้งหมดถูกจัด
เตรียมกระชับเข้ากับร่างกาย พร้อมสำหรับการเดินทางในทันที หนอนเรคินเข้าประจำที่ในร่างช้าง
ยักษ์เป็นที่เรียบร้อย
" ตื่นเต้นเหมือนกันนะพี่อรัญ ไม่รู้ผลจะเป็นยังไง ช้างกลิ้งหล่นลงไปไต้เนินนั่นก็ไกลพอดูนะกว่า
มันจะมุดดินตามช้างไปก็เป็นครึ่งชั่วโมงละมั้ง แต่ถ้ามันรู้ว่าเป็นแผนพวกเราไม่ตามช้างไปล่ะ "
ดุจปรายอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกตุ กลัวจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ถ้าตัวยาวยักษ์ไม่ตามไป
" มันคงไม่ฉลาดถึงขนาดมาล่วงรู้ความคิดของพวกเราได้หรอกปราย และมันก็อยู่ไต้ดิน คงเป็นไป
ตามแผนแหระ คงจะตามสิ่งที่เคลื่อนไหวจนทำให้ดินสั่นสะเทือนไปแน่ ส่วนการย่ำเท้าของพวกเรา
คงสะเทือนเล็กน้อยถ้าเทียบกับช้างนั่น อย่าวิตกไปเลย เราต้องไปต่อได้ "
อรัญกล่าวพร้อมกับเอามือไปลูบหัวแฟนสาวอย่างให้กำลังใจ
ทั้งหมดได้ชวนกันออกมาออกแรงกระโดนลงบนพื้นดินที่คาดว่าตรงนั้นน่าจะเป็นพื้นดินที่ไม่มีหิน
อยู่เบื้องล่าง และไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็ได้รับรู้ถึงการสั่นสะเทือน
" ขึ้นมาตรงนี้ ส่งสัยมันจะมาแล้ว "
ปิเยพิษทารีเรียกทุกคนให้เข้ามาในปากอุโมงค์ที่เขาได้สำรวจแล้วว่ามีชั้นหินที่หนาอยู่เบื้องล่าง
" มันอยู่ไต้ล่างตรงพวกเรายืนอยู่นี่แหระข้ารับรู้แรงสั่นสะเทือนตรงนี้ได้ดีนะที่ตรงนี้มีชั้น หิราที่หนา
พอกันมันไม่ให้พุ่งขึ้นมาได้ "
ปิเยพิษทารีอธิบาย พร้อมทั้งชี้มือลงไปไต้พื้นเบื้องหน้าเขา
" ให้ช้างออกไปเลยใหม ท่านพิษทารี "
อรัญถาม หลังจากที่เห็นว่าสัตว์ตัวยาวเป้าหมายได้เข้ามาใกล้ใกล้วแล้วตามแผน
" ยังก่อนเราต้องยั่วให้มันโกรธ โดยทำแบบนี้ สักสามสี่ครั้ง เดี๋ยวพอมันไปเราก็ยั่วให้มันกลับมา
อีก"
ปิเยพิษทารีตอบ
เจ้าสัตว์ร้ายตัวยาวไต้พื้นดิน ต้องอารมณ์เสีย เมื่อถูกยั่วยวนหลายครั้งมันพยายามมาต้นเหตุของ
เสียงสะเทือน และเมื่อมาถึงทุกอย่างก็สงบลงและเมื่อมันจากไปจากตรงนี้ไม่นาน มันก็ได้รับแรงสะ
เทือนเคลื่อนใหวนั้นอีก มันย้อนไปย้อนมาหลายครั้ง
" เอาละเมื่อเรากระโดดครั้งนี้ และรู้ว่ามันมาแน่ ให้ออกคำสั่งให้หนอนเรคินควบคุมช้างออกไปเลย
นะ "
และปิเยพิษทารีก็ออกคำสั่งสุดท้าย
เป็นไปตามแผนหลังจากกระโดดกันได้อีกคราวนี้ได้ไม่นาน พื้นดินคราวนี้รู้สึกสะเทือนเลื่อนลั่นเป็น
พิเศษ พวกเขารู้ว่าตัวยาวยักษ์ที่อยู่ข้างล่าง คงงุ่นง่านด้วยความหัวเสีย
ช้างร่างยักษ์ ที่มีหนอนเรคินที่ควบคุมได้วิ่งออกไปทางทิศไต้ทันทีตามคำสั่งและแผนที่วางไว้ ทุก
คนสังเกตุเห็น มีรอยดินแตกนูนเล็กน้อยเป็นรอย ตามช้างที่วิ่งไป พวกเขารู้ได้ทันทีว่า เจ้าสัตว์ร้าย
ยาวใหญ่ต้องตามช้างไปทางไต้ตามแผนที่วางไว้ไม่ผิดเพี้ยน และเมื่อถึงที่ที่ลาดเอนและสูงชัน
ช้างได้เอนตัวล้มลงและไถลไถถากไปกับพื้นและล่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
" พวกหนอนจะออกจากช้างนั่นทันไม๊นะ ดูมันรวดเร็วเหลือเกิน ช้างหล่นไปนู่นแล้ว "
แสงดาวกล่าว เธอดูเหตุการณ์ซึ่งเป็นไปตามแผน แต่ก็อดห่วงไม่ได้เวลาดูมันกระชั้นเหลือเกิน
" คงทันแหระ แสงดาว อย่าลืมว่าหนอนพวกนั้นมันเก่งออก เรื่องแค่นี้ พวกเราคอยดูเถอะเดี๋ยวพวก
มันมาจะได้ไปกัน "
อัครชัยกล่าวตอบแฟนสาว เขาเองมั่นใจเป็นที่สุดว่าเจ้าหนอนเรคินจะทำได้ตามแผน
" ช้างก็ไปนู่นแล้วทำไมเจ้าหนอนพวกนั้นยังไม่มาเราเสียเวลาตรงนี้นานเหมือนกันนะ หรือว่าหนอน
จะติดไปกับช้างอย่างที่แสงดาว สงสัยจริงจริง "
จามิกรกล่าวอย่างกังวลใจ เธอรู้สึกว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผน
" เห็นแล้ว พวกมันกำลังมา แต่หิมะทำให้พวกมันเดินทางมาได้ช้ามากดูสิกระดื๊บกระดื๊บแบบนั้น
เมื่อไรจะมาถึงนี่ หรือว่าพวกเราจะออกไปรับมันดี "
กานต์กล่าวอย่างลิงโลดหลังจากที่เขาได้มองเห็นเจ้าหนอนเรคิน กลับมาตามแผน
" ไม่ได้นะ เราจะออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ ให้หนอนเรคินมันเข้ามาใกล้ใกล้ก่อน พวกเราค่อย
ออกไปรับ ไอ้ตัวนั้นอาจจะจับความเคลื่อนไหวของเราได้บรรพบุรุษข้าบอกว่ามันเป็นสัตว์ที่รับรู้
ความเคลื่อนไหวได้ระเอียดมาก ให้มันตามช้างไปไกลอีกหน่อย "
ปิเยพิษทารี ร้องปราม
" โอย เร็ว เร็ว เข้าสิเจ้าหนอนน้อย พวกเรารอแกอยู่นะ จะสิบนาทีแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปไม่ทัน "
เสียงอรัญลุ้นให้เจ้าหนอนรีบเข้ามาถึงโดยเร็ว ที่จริงใจจดจ่อของทุกคนก็คิดเช่นเขา ช้างกลิ้งห่าง
ไปไกลเรื่อยเรื่อย จนทุกคนมองไม่รู้ว่าเจ้าตัวยาวยักษ์ นั่นคงจะยังตามไปหรือไม่ แต่พวกเขายังไม่
ได้ออกเดินทางเลย
" ยังดีนะที่ช้างนั่นหล่นไปตามแผนเลย ยังไม่หยุดกลิ้งด้วย แต่เจ้าหนอนน้อยนั่นสิ ช้ามากเลย ไม่
งั้นป่านนี้พวกเราไปถึงใหนแล้วก็ไม่รู้ "
จามิกรกล่าวอย่างร้อนรน
" อีกหน่อยเดียว ท่านพิษทารี พวกเราออกไปรับเถอะ "
อัครชัยเร่งเร้าเขารู้สึกกดดัน
" ได้พวกเราพาหนอนเรคิน ไปเลย และตามข้ามา "
สิ้นสุดเสียงปิเยพิษทารี ทุกคนเดินออกไป ไม่ไกลนักก็ถึงตัวเจ้าหนอนเรคิน
พวกเขาฉวยคว้ามันขึ้นมาในมือ และหันหลังกลับทันที
หนอนเรคิน ถูกจับขึ้นมา ทุกคนพกพามันไปคนละตัว แม้แต่ปิเยพิษทารี ก่อนหน้านี้ พวกเขามี
จำนวนไม่เท่ากับมันตอนที่ ปู่อินทร์ยังอยู่ด้วย แต่ตอนนี้มันมีพอดีกับทั้งหมด
ปิเยพิษทารี พาทั้งหมดมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ เขารู้สึกโชคดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ร่างช้างยักษ์ได้ลื่น
ไถลลงไปที่ต่ำทางไต้ไม้หยุด มันกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และพวกเขาก็ภาวนาว่าสัตว์ร้ายตัว
นั้นคงยังตามซากร่างช้างแมมมอสไปอย่างไม่ลดละ
" โอ ช้างหล่นไปไกลมากแล้วแทบมองจะไม่เห็นตัวมันแล้ว "
กานต์ได้กล่าวขึ้นหลังจากหันไปมอง และเห็นร่างช้างได้อย่างลิบลิบสุดลูกหูลูกตา แต่หลายคน
กลับมองไม่เห็นแล้ว เพราะมันอยู่ไกลเกินจากสายตาจะมองได้เห็น เพราะมีปัญหาทางสายตาใน
การมองเห็นไม่เท่ากัน กานต์จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้สังเกตและบอกทุกคน
" ข้ามองไม่เห็นแล้ว เป็นไงมั่งซากมามีร่ายังไหลลงเขาไปใหม นี่แสดงว่าเราห่างมามากจน
สบายใจได้ว่าถ้าแองโกล่านั้นตาม ซากมามีร่าไปจริง เราอาจจะปลอดภัยแล้วก็ได้ "
ปิเยพิษทารี ถาม และเขากำลังประเมินสถานการณ์
" ยังสังเกตุได้ว่าช้างยังใหลอยู่ มันใหลลงไปถึงตีนภูเขาดูจากสายตาห่างไปอีกมากเหมือนกัน "
แต่เอ๊ผมเห็นไอ้ตัวนั้นแล้ว "
กานต์กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทุกคนต่างหันไปมองแต่ก็ไม่พบอะไร มันคงไกลเสียจนตาทุกคน
ไม่สามารถมองเห็นได้ ยกเว้นคนตาดีอย่างกานต์
" พี่กานต์เห็นมันด้วยเหรอ เป็นไปได้ไง ก็เมื่อตอนมันออกมาใกล้เราเมื่อตอนนั้นเรายังไม่เห็นมัน
เลยแล้วไกลขนาดนี้ หรือว่ามันทันช้างแล้ว "
จามิกรถามแฟนหนุ่มและเธอเองพยายามเพ่งมองให้เห็นเหตุการตามที่แฟนหนุ่มของเธอเล่า เธอ
เชื่อว่ากานต์เห็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เธอมองไม่เห็น
" ยังไม่ทันแต่มันโผล่ขึ้นมาไม่ได้อยู่ในดินแล้ว ตัวใหญ่และยาวมาก มองดูแล้วมันตัวเท่ากับ ช้าง
นั่นเลย แต่ว่าตัวยาวกว่ามาก อยู่ข้างบนมันก็เคลื่อนไปได้รวดเร็วเหมือนกัน มันทันร่างช้างแล้ว "
กานต์บรรยายเหตุการที่เห็นอย่างละเอียด เขารู้ว่าทุกคนมองไม่เห็นแล้วจึงได้ทำเช่นนั้น
" เป็นไงมั่งพี่กานต์ มันทันช้างแล้วเป็นไง บอกหน่อยอยากรู้ผล "
ดุจปราย ระร่ำระลักถามด้วยความอยากรู้
" โอ...ไม่น่าเชื่อ ร่างช้างกระจุย กระจาย หายไปในพริบตาเลย "
กานต์ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและสีหน้าที่ไม่กระพริบตา
" ไปเหอะ เร่งเข้าอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีแล้ว มองเห็นไม่ไกลลิบลิบข้างหน้า จะถึงถ้ำแล้ว เราคงทัน
กว่าตัวนั่นม้นจะรับรู้ความเคลื่อนใหว และย้อนกลับมา มันก็คงกินเวลานานพอดู ถ้าขืนช้าเราอาจ
จะมีสภาพเเบบ มามีร่า ที่เจ้าหนุ่มคนนี้บอกก็ได้ "
ปิเยพิษทารีเร่งเตือน ไม่รอช้าทุกคนรู้ว่าถ้ามัวช้าอยู่อันตรายอะไรจะเกิดขึ้น แต่ยังอุ่นใจที่ว่าระยะ
ห่างจากพวกเขา กับสัตว์ร้ายประหลาดตัวนั้นห่างกันมาก
ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครไว้วางใจ ที่นี่อะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สิ่งไม่คาดฝันต่างๆเกิดขึ้น แต่ละครั้ง ไม่ได้มี
ความแน่นอนอะไรให้วางใจได้เลย
" อีกหน่อยเดียวเองท่านปิเยพิษทารี ข้างหน้าใช่ใหม เห็นปากถ้านั่น ในนั้นใหญ่คงไม่มีอะไรอยู่นะ"
อรัญเอ่ยถาม เพราะเขาเห็นปากถ้ำที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าไม่ไกลนัก
" ใช่ ใช่ ข้างหน้านั่นแหละ ในถ้ำนี่คงไม่มีสัตว์อะไรอยู่หรอก ถ้ามีไอ้ตัวนี้คงฟาบเรียบไปหมด
แล้ว ที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของพวกเรา และมัจเจตอนที่อยู่ที่นี่ อยู่กับเหล่าปิเยทั้งหลายตรงนี้แหละ
ตอนนี้อะไรมันโล่งโจ้งราบเรียบไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมัจเจมันกวาดล้างก่อนไป หรือเพราะไอ้
ตัวนี้ก็ไม่รู้ ข้าอดสูใจจริงจริงได้กลับมาที่นึกว่าจะได้มาเห็นอะไรที่ดีกว่านี้ ไม่น่าเชื่อเลยข้าเคยอยู่
ที่นี่มาหลายปีเหมือนกัน ไม่คิดว่าที่นี่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ ตอนนั้นข้าชอบมาเล่นเกล็ด
น้ำเเข็งขาวแถวนี้มาก ข้าชอบกำมันไว้อย่างนี้ "
ปิเยพิษทารีรำพึงรำพัน ถึงไม่บอกและมีอาการที่แสดงออกให้สังเกตุได้ ทุกคนก็รู้ถึงความรู้สึกของ
ปิเยพิษทารีว่ารู้สึกเช่นไร ปิเยพิษทารีหยุดนิดหนึ่ง ทุกคนก็ถือโอกาสหยุดด้วย เป็นการพักขา
เพราะคิดว่าข้างหน้าอีกไม่ไกล ปิเยพิษทารีก้มลงกำเกล็ดหิมะขึ้นมาไว้ในกำมือ และหว่านออกไป
เขาเคยทำเช่นนี้ประจำตอนอยู่ที่นี่และเมื่อได้กลับมาที่นี่เขาก็นึกถึงความหลัง เขาหว่านไปมาสอง
สามครั้ง และครั้งสุดท้ายที่เขาหว่านออกไปเขาเพ่งมองหิมะที่กระจายออกไปนานเป็นพิเศษและ
เมื่อมันลงสู่พื้นหิมะนั่นก็ยังเคลื่อนไหวอยู่อีก
" ไปกันได้ยังนะท่านปิเยพิษทารี เรามีเวลาไม่มากนะ "
เสียงอรัญกล่าวเร่งเตือน เพราะรู้สึกว่าปิเยพิษทารีใช้เวลาที่นี่นานไปแล้ว เขาคิดว่าเมื่อไปถึงจุด
ปลอยภัยแล้ว ยังมีเวลาทำเรื่องแบบนี้อีกเยอะ
" ยังไปไม่ได้ "
เสียงปิเยพิษทารีตอบ อัครชัยและทุกคนเริ่มไม่สบายใจเมื่อได้ยินคำตอบที่ดูเหมือนปิเยพิษทารีน่า
จะรู้มากกว่านี้ว่าสถานการน่าจะไม่รีบร้อนใหม
" ดูหิมะสิ ยังไม่หยุดเลยยังเคลื่อนไหวอยู่เลย "
ปิเยพิษทารีกล่าวต่อ ได้ฟังเหตุผลยิ่งทำให้อัครชัยเริ่มไม่สบายใจหนักขึ้น เขาเข้าใจว่าปิเยพิษทารี
แค่อยากดูหิมะให้นาน เขาคิดว่าน่าจะพาทุกคนไปเสียล่วงหน้าก็ได้ปิเยพิษทารีจะเสียเวลาตรงนี้ก็
ให้เสียไป เขาขยับขาจะเดินแต่ทันใด ก็ถูกปิเยพิษทารีร้องห้ามไว้
" ทุกคนอย่าขยับขาอย่าเคลื่อนไหว "
คำสั่งเฉียบขาด ทำให้ทุกคนสะดุด และเริ่มฉุกคิดและแปลกใจระคนกัน พวกเขาทั้งหมดมองมาที่
ปิเยพิษทารี เพราะสงสัยในคำสั่งว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่ปิเยพิษทารีอยากจะอยู่เพื่อนึกถึงอดีต
ตรงนี้ อย่างที่พวกเขาเข้าใจแต่แรกแล้ว
" มีอะไรเหรอท่านปิเยพิษทารี ทำไมเราจะขยับเดินไปไม่ได้ล่ะเราจะถึงแล้ว มัวชักช้าอยู่ท่านก็น่า
จะรู้ว่าจะมีอะไร เกิดขึ้น"
กานต์ถามด้วยความแปลกใจในท่าทีปิเยพิษทารี
" เจ้า พวก.เจ้าทั้งหมดดูนั่นสิ เกร็ดน้ำที่ข้าเขวี้ยงไปเมื่อกี้ มันยังกลิ้งไปกลิ้งมา อยู่เลย"
ปิเยพิษทารีชี้ไปที่จุดที่เขาโปรยหิมะไปครั้งสุดท้าย ทุกคนมองตาม
" อ๋อท่านจะบอกว่าเกล็ดหิมาแถวนี้มันพิเศษกว่าที่อื่นเหรอ มันเคลื่อนใหวได้นานเวลาเราคว้างมัน
ออกไปยังงั้นเหรอ "
อรัญถามอย่างสงสัย
" โอ๊ะ ให้พวกเจ้าสังเกตุเองคงไม่รู้เรื่องแน่ ดีแต่โทษว่าข้าถ่วงเวลาอยู่อย่างนี้ บอกเลยก็ได้ที่ปิเย
ข้าสงสัยว่าทำไมเกล็ดน้ำ มันไม่ หยุดนิ่งสักที ที่เพราะข้าสงสัยว่ามีอะไรมาทำให้มันเคลื่อนไหวนะ
สิ ไม่ใช่เพราะที่ข้าเขวี้ยงมันไปตอนนั้น ข้าสัยว่าตอนนี้ไอ้ตัวยาวใหญ่ที่เรากำลังหนีมัน มันมาอยู่
ไต้ดินแถวนี้แล้ว เกล็ดน้ำตรงนั้นมันถึงได้สะเทือนไม่หยุด "
" ห๊า "
เสียงทั้งหมดอุทานข้นพร้อมกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น