ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #50 : ถึงจุดหมายแต่ไม่ใช่ปลายทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 99
      5
      11 ก.ค. 62

    " ชัดเจนเลย ความคิดมันเฉียบเเหลมมาก เราไม่คิดว่าเจ้าหนอนตัวแค่นี้จะคิดเรื่องแบบนี้ได้ พวก

    เรานี้งงไปเลย อย่างนี้ที่ผ่านมา เราก็ไม่ได้สั่งพวกมันได้อย่างเดียวนะสิ พวกมันก็คงคิดกันเองได้

    ด้วย ที่ทำตามเพราะว่าพวกมันคิดดีแล้ว  อยากรู้จังใครนะส่งพวกมันมา "


    อรัญกล่าว 


    " ก็ถามมันได้นี่ พี่อรัญ มันก็มีวิธีตอบคำถามพวกเราได้แล้วนี่ "


    ดุจปรายกล่าว เธอคิดว่าคงจะได้ความกระจ่างจากหนอนพวกนี้ได้ในเรื่องที่สงสัยกันมานาน


    " ปิเยข้าขอเป็นคนถามมันได้ใหม มีสิ่งที่ปิเยข้าสงสัยอยู่ เหมือนกันเรื่องเรคารียะ กับหนอนน้อย

    พวกนี้ ดูคล้ายกันมาก "


    ปิเยพิษทารี กล่าว  


    " เอาเลยท่านปิเยพิษทารี " 


    อรัญตอบ พร้อมผายมือเชิญให้ปิเยพิษทารีได้เคลื่อนเข้ามาใกล้ใกล้ 


    " ปิเยข้าขอถามพวกเจ้าหน่อยเถอะ พวกเจ้ามีร่างกายที่เหมือนเรคารียะ ของมัจเจ แต่มีสีที่ต่างกัน 

    และพวกเจ้าไม่เคยคิดที่จะทำร้ายพวกข้าเหมือนเรคารียะ ของมัจเจ ข้ากำลังสังสัยว่า พวกเจ้าเป็น

    เรคิน ของท่านติอากอ ที่ส่งมาช่วยพวกข้าใช่ใหม "


    " โอ ..พวกมันผงกหัวพร้อมกันเลย ท่านพิษทารี นี่แสดงว่าสิ่งที่ท่านสงสัยมันเป็นเรื่องจริง ท่าน

    ติอากอส่งพวกนี้มาช่วยพวกเรา " 


    อรัญอุทาน 


    " ท่านติอากอคงมีหนทางหรือมีฤทธิ์เดชได้เกือบเท่าเทียมมัจเจแล้ว จึงได้สร้างเรคินลักษณะแบบ

    นี้มาได้  นี่แสดงว่าเรคินพวกนี้คงส่งข่าวคราวความเคลื่อนใหวของพวกเราไปให้ท่านติอากอ รู้

    ตลอด เหมือนกัน ก็เป็นการดี ที่เรามีตัวช่วยบ้าง ข้ารู้สึกว่าไม่มั่นใจเอาเสียเลยสำรับการเดินทางมา

    ในครั้งนี้ ถึงแม้อีกไม่นาน จะถึงถ้ำที่เป็นจุดหมายของพวกเราแล้ว แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาและที่เรา

    กำลังได้พบเจออยู่อย่างนี้  ข้ารับรองไม่ได้เลยว่าพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป "


    ปิเจพิษทารีกล่าว ทุกคนรู้สึกถึงคำพูดของปิเยพิษทารี พวกมนุษย์ รู้ว่าปิเยพิษทารีเริ่มท้อ เพราะ

    เหตุการณ์ ต่างๆที่เจอกันมา มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนอยากให้เป็นเลยแม้สักครั้งเดียว อันตราย

    ต่างต่าง ดาหน้าเข้ามาได้ตลอดเวลาโดยแต่ละครั้งไม่มีเวลาได้ตั้งตัวรับกับเหตุการณ์นั้นนั้นเลย 

    แล้วจะให้ปิเยพิษทารีมั่นใจได้อย่างไร 


    " พวกเราเข้าใจนะท่านปิเยพิษทารี แต่พวกเราก็มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ อย่างน้อยก็เพื่อคนของเราที่

    อยู่ที่โลก จริงอยู่พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีพวกเรากำลังทำอะไรเพื่อเขา แต่พวกเราก็ไม่ท้อ เหมือน

    พวกเราคงถูกกำหนดให้ทำ โดยไม่มีใครจะได้รับรู้ ว่าจะมีการทำอะไรแบบนี้   พวกเราคิดว่า ท่าน

    เองก็คงมี ความปราถนาดีต่อเผ่าพงษ์ของท่าน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกเรา "


    คำพูดของอัครชัย ทำให้ปิเยพิษทารีมีกำลังใจขึ้น  จริงอย่างยิ่ง พวกมนุษย์ พวกนี้ กำลังทำอะไรที่

    ไม่มีใครได้รู้เห็น ไม่มีเผ่าพงษ์ของเขาได้รับรู้ว่ามีกลุ่มคนกำลังทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ให้กับเผ่าพันธ์ของ

    ตัวเอง  แต่สำหรับปิเยพิษทารีเขาเองกลับมีผู้ที่กำลังเฝ้ามองและรอความหวังสำหรับการอยู่รอด

    จากการฝากความหวังไว้กับการเดินทางมาในครั้งนี้ของเขาถ้าเขาทำสำเร็จ


    " น่าชื่นชมน้ำใจพวกเจ้าจริง หรือปิเยเราจะมีความอดทนในเรื่องนี้น้อยกว่าพวกโลกมนุษย์ก็ไม่รู้ นี่

    คือสิ่งที่พวกมนุษย์ มีมากกว่าเผ่าพันธ์ปิเยแน่  พวกเจ้ามีร่างกายที่บอบบางกว่าปิเยเรา คงได้ส่วนนี้

    มาชดเชย ถึงร่างกายจะอ่อนแอแต่ใจสู้เสียอย่าง ก็คงจะดีกว่าร่างกายที่เเข็งเเรง แต่ใจไม่สู้ ขอบใจ

    พวกเจ้ามาก ที่เตือนสติ ต่อไปนี้ข้าก็ไม่ท้อแล้วเหมือนกัน เราจะไปกันต่อ อีกไม่นานเราจะนำสิ่งที่

    เราต้องการ กลับไปช่วยปิเยเรา "


    ปิเยพิษทารี สรุป

    และแล้วแผนการเดินทาง ตามคำแนะนำของหนอนเรคิน ก็เริ่มถูกกำหนดวางให้เป็นไปตามแผน

    ปิเยพิษทารี ได้วางแผนให้ โดยการเตรียมตัวที่จะออกเดินทางขึ้นเหนือ โดยเบื้องต้นให้ทำพื้นที่ให้

    เกิดการสั่นสะเทือนก่อนและแน่ใจว่าตัวประหลาดนั้นเขามาอยู่ใกล้แล้วจึงจะให้ช้างได้เคลื่อนใหว 

    โดยให้หนอนเรคินได้เข้าไปควบคุมให้ช้างเคลื่อนใหวออก ไปก่อนและเมื่อช้างได้กลิ้งลงไปไต้

    หุบเขาให้หนอนเรคินแยกตัวออกมาหาพวกเขา และเมื่อนั้นพวกเขาจะพาหนอนเรคินเดินทางขึ้น

    เหนือทันที 


    "  จำไว้นะ หลังจากที่หนอนเรคินกลับมาถึงพวกเราแล้ว ให้พวกเราฉวยไปคนละตัว จะไปไว้ที่คน

    ใดคนหนึ่งคงเสียเวลามาก จำไว้  และออกเดินทางทันที"


    อัครชัย ซักซ้อมแผนที่วางกันไว้อีกครั้งเพื่อทุกคนเข้าใจและพร้อมเพรียงกัน สำภาระทั้งหมดถูกจัด

    เตรียมกระชับเข้ากับร่างกาย พร้อมสำหรับการเดินทางในทันที หนอนเรคินเข้าประจำที่ในร่างช้าง

    ยักษ์เป็นที่เรียบร้อย


    " ตื่นเต้นเหมือนกันนะพี่อรัญ ไม่รู้ผลจะเป็นยังไง ช้างกลิ้งหล่นลงไปไต้เนินนั่นก็ไกลพอดูนะกว่า

    มันจะมุดดินตามช้างไปก็เป็นครึ่งชั่วโมงละมั้ง แต่ถ้ามันรู้ว่าเป็นแผนพวกเราไม่ตามช้างไปล่ะ "


    ดุจปรายอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกตุ กลัวจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ถ้าตัวยาวยักษ์ไม่ตามไป


    " มันคงไม่ฉลาดถึงขนาดมาล่วงรู้ความคิดของพวกเราได้หรอกปราย และมันก็อยู่ไต้ดิน คงเป็นไป

    ตามแผนแหระ คงจะตามสิ่งที่เคลื่อนไหวจนทำให้ดินสั่นสะเทือนไปแน่ ส่วนการย่ำเท้าของพวกเรา

    คงสะเทือนเล็กน้อยถ้าเทียบกับช้างนั่น  อย่าวิตกไปเลย เราต้องไปต่อได้ "


    รัญกล่าวพร้อมกับเอามือไปลูบหัวแฟนสาวอย่างให้กำลังใจ  


    ทั้งหมดได้ชวนกันออกมาออกแรงกระโดนลงบนพื้นดินที่คาดว่าตรงนั้นน่าจะเป็นพื้นดินที่ไม่มีหิน 

    อยู่เบื้องล่าง และไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็ได้รับรู้ถึงการสั่นสะเทือน


    " ขึ้นมาตรงนี้ ส่งสัยมันจะมาแล้ว "


     ปิเยพิษทารีเรียกทุกคนให้เข้ามาในปากอุโมงค์ที่เขาได้สำรวจแล้วว่ามีชั้นหินที่หนาอยู่เบื้องล่าง


    " มันอยู่ไต้ล่างตรงพวกเรายืนอยู่นี่แหระข้ารับรู้แรงสั่นสะเทือนตรงนี้ได้ดีนะที่ตรงนี้มีชั้น หิราที่หนา

    พอกันมันไม่ให้พุ่งขึ้นมาได้  "


    ปิเยพิษทารีอธิบาย พร้อมทั้งชี้มือลงไปไต้พื้นเบื้องหน้าเขา 


    " ให้ช้างออกไปเลยใหม ท่านพิษทารี "


    อรัญถาม หลังจากที่เห็นว่าสัตว์ตัวยาวเป้าหมายได้เข้ามาใกล้ใกล้วแล้วตามแผน


    " ยังก่อนเราต้องยั่วให้มันโกรธ โดยทำแบบนี้ สักสามสี่ครั้ง เดี๋ยวพอมันไปเราก็ยั่วให้มันกลับมา

    อีก" 


    ปิเยพิษทารีตอบ

    เจ้าสัตว์ร้ายตัวยาวไต้พื้นดิน ต้องอารมณ์เสีย เมื่อถูกยั่วยวนหลายครั้งมันพยายามมาต้นเหตุของ

    เสียงสะเทือน และเมื่อมาถึงทุกอย่างก็สงบลงและเมื่อมันจากไปจากตรงนี้ไม่นาน มันก็ได้รับแรงสะ

    เทือนเคลื่อนใหวนั้นอีก มันย้อนไปย้อนมาหลายครั้ง


    " เอาละเมื่อเรากระโดดครั้งนี้ และรู้ว่ามันมาแน่ ให้ออกคำสั่งให้หนอนเรคินควบคุมช้างออกไปเลย

    นะ " 


    และปิเยพิษทารีก็ออกคำสั่งสุดท้าย


    เป็นไปตามแผนหลังจากกระโดดกันได้อีกคราวนี้ได้ไม่นาน พื้นดินคราวนี้รู้สึกสะเทือนเลื่อนลั่นเป็น

    พิเศษ พวกเขารู้ว่าตัวยาวยักษ์ที่อยู่ข้างล่าง คงงุ่นง่านด้วยความหัวเสีย 

    ช้างร่างยักษ์ ที่มีหนอนเรคินที่ควบคุมได้วิ่งออกไปทางทิศไต้ทันทีตามคำสั่งและแผนที่วางไว้ ทุก

    คนสังเกตุเห็น มีรอยดินแตกนูนเล็กน้อยเป็นรอย ตามช้างที่วิ่งไป พวกเขารู้ได้ทันทีว่า เจ้าสัตว์ร้าย

    ยาวใหญ่ต้องตามช้างไปทางไต้ตามแผนที่วางไว้ไม่ผิดเพี้ยน และเมื่อถึงที่ที่ลาดเอนและสูงชัน 

    ช้างได้เอนตัวล้มลงและไถลไถถากไปกับพื้นและล่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว 


    "  พวกหนอนจะออกจากช้างนั่นทันไม๊นะ ดูมันรวดเร็วเหลือเกิน ช้างหล่นไปนู่นแล้ว "


    แสงดาวกล่าว เธอดูเหตุการณ์ซึ่งเป็นไปตามแผน แต่ก็อดห่วงไม่ได้เวลาดูมันกระชั้นเหลือเกิน


    " คงทันแหระ แสงดาว อย่าลืมว่าหนอนพวกนั้นมันเก่งออก เรื่องแค่นี้ พวกเราคอยดูเถอะเดี๋ยวพวก

    มันมาจะได้ไปกัน  "


    อัครชัยกล่าวตอบแฟนสาว เขาเองมั่นใจเป็นที่สุดว่าเจ้าหนอนเรคินจะทำได้ตามแผน


    " ช้างก็ไปนู่นแล้วทำไมเจ้าหนอนพวกนั้นยังไม่มาเราเสียเวลาตรงนี้นานเหมือนกันนะ หรือว่าหนอน

    จะติดไปกับช้างอย่างที่แสงดาว สงสัยจริงจริง "


    จามิกรกล่าวอย่างกังวลใจ เธอรู้สึกว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผน 


    "  เห็นแล้ว พวกมันกำลังมา แต่หิมะทำให้พวกมันเดินทางมาได้ช้ามากดูสิกระดื๊บกระดื๊บแบบนั้น

    เมื่อไรจะมาถึงนี่  หรือว่าพวกเราจะออกไปรับมันดี " 


    กานต์กล่าวอย่างลิงโลดหลังจากที่เขาได้มองเห็นเจ้าหนอนเรคิน กลับมาตามแผน


    " ไม่ได้นะ เราจะออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ ให้หนอนเรคินมันเข้ามาใกล้ใกล้ก่อน พวกเราค่อย

    ออกไปรับ ไอ้ตัวนั้นอาจจะจับความเคลื่อนไหวของเราได้บรรพบุรุษข้าบอกว่ามันเป็นสัตว์ที่รับรู้

    ความเคลื่อนไหวได้ระเอียดมาก ให้มันตามช้างไปไกลอีกหน่อย "


    ปิเยพิษทารี ร้องปราม


    " โอย เร็ว เร็ว เข้าสิเจ้าหนอนน้อย  พวกเรารอแกอยู่นะ จะสิบนาทีแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปไม่ทัน "


    เสียงอรัญลุ้นให้เจ้าหนอนรีบเข้ามาถึงโดยเร็ว ที่จริงใจจดจ่อของทุกคนก็คิดเช่นเขา ช้างกลิ้งห่าง

    ไปไกลเรื่อยเรื่อย จนทุกคนมองไม่รู้ว่าเจ้าตัวยาวยักษ์ นั่นคงจะยังตามไปหรือไม่ แต่พวกเขายังไม่

    ได้ออกเดินทางเลย 


    "  ยังดีนะที่ช้างนั่นหล่นไปตามแผนเลย ยังไม่หยุดกลิ้งด้วย แต่เจ้าหนอนน้อยนั่นสิ ช้ามากเลย ไม่

    งั้นป่านนี้พวกเราไปถึงใหนแล้วก็ไม่รู้ "  


    จามิกรกล่าวอย่างร้อนรน 


    " อีกหน่อยเดียว ท่านพิษทารี พวกเราออกไปรับเถอะ  "


    อัครชัยเร่งเร้าเขารู้สึกกดดัน 


    " ได้พวกเราพาหนอนเรคิน ไปเลย และตามข้ามา "


    สิ้นสุดเสียงปิเยพิษทารี ทุกคนเดินออกไป ไม่ไกลนักก็ถึงตัวเจ้าหนอนเรคิน

    พวกเขาฉวยคว้ามันขึ้นมาในมือ และหันหลังกลับทันที 

    หนอนเรคิน ถูกจับขึ้นมา ทุกคนพกพามันไปคนละตัว แม้แต่ปิเยพิษทารี ก่อนหน้านี้ พวกเขามี

    จำนวนไม่เท่ากับมันตอนที่ ปู่อินทร์ยังอยู่ด้วย แต่ตอนนี้มันมีพอดีกับทั้งหมด 

    ปิเยพิษทารี พาทั้งหมดมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ เขารู้สึกโชคดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ร่างช้างยักษ์ได้ลื่น

    ถลลงไปที่ต่ำทางไต้ไม้หยุด มันกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และพวกเขาก็ภาวนาว่าสัตว์ร้ายตัว

    นั้นคงยังตามซากร่างช้างแมมมอสไปอย่างไม่ลดละ 


    " โอ ช้างหล่นไปไกลมากแล้วแทบมองจะไม่เห็นตัวมันแล้ว "


    กานต์ได้กล่าวขึ้นหลังจากหันไปมอง และเห็นร่างช้างได้อย่างลิบลิบสุดลูกหูลูกตา แต่หลายคน

    กลับมองไม่เห็นแล้ว เพราะมันอยู่ไกลเกินจากสายตาจะมองได้เห็น เพราะมีปัญหาทางสายตาใน

    การมองเห็นไม่เท่ากัน กานต์จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้สังเกตและบอกทุกคน


    " ข้ามองไม่เห็นแล้ว เป็นไงมั่งซากมามีร่ายังไหลลงเขาไปใหม นี่แสดงว่าเราห่างมามากจน

    สบายใจได้ว่าถ้าแองโกล่านั้นตาม ซากมามีร่าไปจริง เราอาจจะปลอดภัยแล้วก็ได้ " 


    ปิเยพิษทารี ถาม และเขากำลังประเมินสถานการณ์


    " ยังสังเกตุได้ว่าช้างยังใหลอยู่  มันใหลลงไปถึงตีนภูเขาดูจากสายตาห่างไปอีกมากเหมือนกัน " 

    แต่เอ๊ผมเห็นไอ้ตัวนั้นแล้ว " 


    กานต์กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทุกคนต่างหันไปมองแต่ก็ไม่พบอะไร มันคงไกลเสียจนตาทุกคน

    ไม่สามารถมองเห็นได้ ยกเว้นคนตาดีอย่างกานต์


    " พี่กานต์เห็นมันด้วยเหรอ เป็นไปได้ไง ก็เมื่อตอนมันออกมาใกล้เราเมื่อตอนนั้นเรายังไม่เห็นมัน

    เลยแล้วไกลขนาดนี้ หรือว่ามันทันช้างแล้ว " 


    จามิกรถามแฟนหนุ่มและเธอเองพยายามเพ่งมองให้เห็นเหตุการตามที่แฟนหนุ่มของเธอเล่า เธอ

    เชื่อว่ากานต์เห็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เธอมองไม่เห็น


    " ยังไม่ทันแต่มันโผล่ขึ้นมาไม่ได้อยู่ในดินแล้ว ตัวใหญ่และยาวมาก มองดูแล้วมันตัวเท่ากับ ช้าง

    นั่นเลย แต่ว่าตัวยาวกว่ามาก อยู่ข้างบนมันก็เคลื่อนไปได้รวดเร็วเหมือนกัน มันทันร่างช้างแล้ว "


    กานต์บรรยายเหตุการที่เห็นอย่างละเอียด เขารู้ว่าทุกคนมองไม่เห็นแล้วจึงได้ทำเช่นนั้น


    " เป็นไงมั่งพี่กานต์ มันทันช้างแล้วเป็นไง บอกหน่อยอยากรู้ผล "


    ดุจปราย ระร่ำระลักถามด้วยความอยากรู้


     " โอ...ไม่น่าเชื่อ ร่างช้างกระจุย กระจาย หายไปในพริบตาเลย  "


    กานต์ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและสีหน้าที่ไม่กระพริบตา


    " ไปเหอะ เร่งเข้าอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีแล้ว  มองเห็นไม่ไกลลิบลิบข้างหน้า จะถึงถ้ำแล้ว  เราคงทัน 

    กว่าตัวนั่นม้นจะรับรู้ความเคลื่อนใหว และย้อนกลับมา  มันก็คงกินเวลานานพอดู ถ้าขืนช้าเราอาจ

    จะมีสภาพเเบบ มามีร่า ที่เจ้าหนุ่มคนนี้บอกก็ได้ " 


    ปิเยพิษทารีเร่งเตือน ไม่รอช้าทุกคนรู้ว่าถ้ามัวช้าอยู่อันตรายอะไรจะเกิดขึ้น แต่ยังอุ่นใจที่ว่าระยะ

    ห่างจากพวกเขา กับสัตว์ร้ายประหลาดตัวนั้นห่างกันมาก 

    ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครไว้วางใจ ที่นี่อะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สิ่งไม่คาดฝันต่างๆเกิดขึ้น แต่ละครั้ง ไม่ได้มี

    ความแน่นอนอะไรให้วางใจได้เลย

     
    " อีกหน่อยเดียวเองท่านปิเยพิษทารี ข้างหน้าใช่ใหม เห็นปากถ้านั่น ในนั้นใหญ่คงไม่มีอะไรอยู่นะ"


    อรัญเอ่ยถาม เพราะเขาเห็นปากถ้ำที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าไม่ไกลนัก


      " ใช่ ใช่ ข้างหน้านั่นแหละ ในถ้ำนี่คงไม่มีสัตว์อะไรอยู่หรอก ถ้ามีไอ้ตัวนี้คงฟาบเรียบไปหมด

    แล้ว ที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของพวกเรา และมัจเจตอนที่อยู่ที่นี่ อยู่กับเหล่าปิเยทั้งหลายตรงนี้แหละ 

    ตอนนี้อะไรมันโล่งโจ้งราบเรียบไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมัจเจมันกวาดล้างก่อนไป หรือเพราะไอ้

    ตัวนี้ก็ไม่รู้  ข้าอดสูใจจริงจริงได้กลับมาที่นึกว่าจะได้มาเห็นอะไรที่ดีกว่านี้ ไม่น่าเชื่อเลยข้าเคยอยู่

    ที่นี่มาหลายปีเหมือนกัน ไม่คิดว่าที่นี่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ ตอนนั้นข้าชอบมาเล่นเกล็ด

    น้ำเเข็งขาวแถวนี้มาก ข้าชอบกำมันไว้อย่างนี้ "


    ปิเยพิษทารีรำพึงรำพัน ถึงไม่บอกและมีอาการที่แสดงออกให้สังเกตุได้ ทุกคนก็รู้ถึงความรู้สึกของ

    ปิเยพิษทารีว่ารู้สึกเช่นไร  ปิเยพิษทารีหยุดนิดหนึ่ง ทุกคนก็ถือโอกาสหยุดด้วย เป็นการพักขา

    เพราะคิดว่าข้างหน้าอีกไม่ไกล ปิเยพิษทารีก้มลงกำเกล็ดหิมะขึ้นมาไว้ในกำมือ และหว่านออกไป

    เขาเคยทำเช่นนี้ประจำตอนอยู่ที่นี่และเมื่อได้กลับมาที่นี่เขาก็นึกถึงความหลัง เขาหว่านไปมาสอง

    สามครั้ง และครั้งสุดท้ายที่เขาหว่านออกไปเขาเพ่งมองหิมะที่กระจายออกไปนานเป็นพิเศษและ

    เมื่อมันลงสู่พื้นหิมะนั่นก็ยังเคลื่อนไหวอยู่อีก  


     "  ไปกันได้ยังนะท่านปิเยพิษทารี เรามีเวลาไม่มากนะ "


    เสียงอรัญกล่าวเร่งเตือน เพราะรู้สึกว่าปิเยพิษทารีใช้เวลาที่นี่นานไปแล้ว เขาคิดว่าเมื่อไปถึงจุด

    ปลอยภัยแล้ว ยังมีเวลาทำเรื่องแบบนี้อีกเยอะ


    " ยังไปไม่ได้ "


    เสียงปิเยพิษทารีตอบ อัครชัยและทุกคนเริ่มไม่สบายใจเมื่อได้ยินคำตอบที่ดูเหมือนปิเยพิษทารีน่า

    จะรู้มากกว่านี้ว่าสถานการน่าจะไม่รีบร้อนใหม


    " ดูหิมะสิ ยังไม่หยุดเลยยังเคลื่อนไหวอยู่เลย " 


    ปิเยพิษทารีกล่าวต่อ ได้ฟังเหตุผลยิ่งทำให้อัครชัยเริ่มไม่สบายใจหนักขึ้น เขาเข้าใจว่าปิเยพิษทารี

    แค่อยากดูหิมะให้นาน เขาคิดว่าน่าจะพาทุกคนไปเสียล่วงหน้าก็ได้ปิเยพิษทารีจะเสียเวลาตรงนี้ก็

    ให้เสียไป เขาขยับขาจะเดินแต่ทันใด ก็ถูกปิเยพิษทารีร้องห้ามไว้ 


    " ทุกคนอย่าขยับขาอย่าเคลื่อนไหว " 


    คำสั่งเฉียบขาด ทำให้ทุกคนสะดุด และเริ่มฉุกคิดและแปลกใจระคนกัน พวกเขาทั้งหมดมองมาที่

    ปิเยพิษทารี เพราะสงสัยในคำสั่งว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่ปิเยพิษทารีอยากจะอยู่เพื่อนึกถึงอดีต

    ตรงนี้ อย่างที่พวกเขาเข้าใจแต่แรกแล้ว  


    " มีอะไรเหรอท่านปิเยพิษทารี ทำไมเราจะขยับเดินไปไม่ได้ล่ะเราจะถึงแล้ว มัวชักช้าอยู่ท่านก็น่า

    จะรู้ว่าจะมีอะไร เกิดขึ้น" 


    กานต์ถามด้วยความแปลกใจในท่าทีปิเยพิษทารี


     " เจ้า พวก.เจ้าทั้งหมดดูนั่นสิ  เกร็ดน้ำที่ข้าเขวี้ยงไปเมื่อกี้ มันยังกลิ้งไปกลิ้งมา อยู่เลย"


    ปิเยพิษทารีชี้ไปที่จุดที่เขาโปรยหิมะไปครั้งสุดท้าย ทุกคนมองตาม


    " อ๋อท่านจะบอกว่าเกล็ดหิมาแถวนี้มันพิเศษกว่าที่อื่นเหรอ มันเคลื่อนใหวได้นานเวลาเราคว้างมัน

    ออกไปยังงั้นเหรอ "  


    อรัญถามอย่างสงสัย 


    " โอ๊ะ ให้พวกเจ้าสังเกตุเองคงไม่รู้เรื่องแน่ ดีแต่โทษว่าข้าถ่วงเวลาอยู่อย่างนี้  บอกเลยก็ได้ที่ปิเย

    ข้าสงสัยว่าทำไมเกล็ดน้ำ มันไม่ หยุดนิ่งสักที ที่เพราะข้าสงสัยว่ามีอะไรมาทำให้มันเคลื่อนไหวนะ

    สิ ไม่ใช่เพราะที่ข้าเขวี้ยงมันไปตอนนั้น  ข้าสัยว่าตอนนี้ไอ้ตัวยาวใหญ่ที่เรากำลังหนีมัน มันมาอยู่

    ไต้ดินแถวนี้แล้ว เกล็ดน้ำตรงนั้นมันถึงได้สะเทือนไม่หยุด " 


    "  ห๊า " 


    เสียงทั้งหมดอุทานข้นพร้อมกัน  










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×