ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #5 : ปรสิตสีเขียว 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 832
      37
      11 ก.พ. 62

       


      คำพูดของหมออัครชัยที่บอกทำให้สองพ่อลูกถึงกับตะลึงงันจนพูดไม่ออก  กานต์คิดอยากจะ

    แย้งว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ มันเกินความจริงมากไป แต่เรื่องที่ผ่านมามันก็พิลึกพิลั่นเกินที่จะมี

    ความเป็นไปได้ทั้งนั้น ประกอบกับสิ่งที่หมออัครชัยพูดมาก็มีเหตุมีผลและมีหลักฐานประกอบ

    แทบจะทุกอย่าง คงเดช เองก็อื้ง เขาเคยคิดว่าเรื่องแปลกประหลาดทั้งหมดที่ดินแดนนั้นได้ยุติ

    มานานแล้ว ไม่คิดว่าจะตามมาหลอกหลอนและมีผลพวงต่อพวกเขา อย่างที่หมออัครชัยสงสัย

    และหมออัครชัยก็กล่าวต่อ




    " ผมคิดว่า มันเป็น ปรสิตที่ฝังอยู่ในตัวเรา ไม่รู้ว่าตอนนี้มันได้อะไรจากร่างกายของเราบ้าง รู้แต่ว่าเราได้

    แสดงอาการของมันผ่านทางร่างกายคือเกิดแผลสะเก็ดเมื่อฤดูที่มันจะผลิใบ เราต้องดื่มน้ำกัน

    มากๆเพื่อเป็นอาหารให้มัน และพ่อผมที่หนีออกมาจากคลื่นยักษ์ไม่ทัน เพราะมันได้ยึดร่างเขา

    กับพื้นดินไว้ ผมคิดว่าพ่อผมอาจจะเสียชีวิตเพราะพวกมันก็เป็นได้  และพวกเราทุุกคนอาจจะไม่

    ปลอดภัยถ้ามันยังฝังอยู่ในตัวเราแบบนี้ "





    สองพ่อลูกยังคงอึ้งคำพูดของหมออัครชัย แม้ย้งพิสูจน์ไม่ได้ แต่ เหตุผลและเหตุการณ์ที่

    สอดคล้องต่างๆมีส่วนเป็นไปได้อย่างสูงทีี่จะเป็นเช่นนั้น อย่างที่เขาสรุป





    " แต่มันก็เคยช่วยชีวิตพวกเรานะหมอ จะว่ามันมีแต่โทษอย่างเดียวคงไม่ได้ "



    คงเดชกล่าวแย้งขี้นหลังจากที่เห็นว่า สิ่งที่หมออัครชัยสรุป เกี่ยวกับปรสิตต้นไม้ นั้นเกี่ยวกับ

    พฤติกรรมของมันบางอย่างเร็วเกินไป



    "
      ผมว่ามันเป็นความบังเอิญที่พวกเราไปกินมันเข้ามากกว่าครับ  สัญชาติญาณของมันคงต้องการ

    ฝังปรสิตของมันโดยการให้เรากินมันเข้าไปในร่างกายโดยเชิญชวนเราจากรูปร่างและรสชาติ

    อย่างทีลุงและพ่อผมสัมผัสได้ว่ารสชาติ ของมันอร่อยมากและเมื่อมันเข้าไปในร่างกายเราได้แล้ว เมื่อ

    ร่างกายเราบาดเจ็บแบบนั้นมันคงต้องการได้ร่างกายพวกเราสมบูรณ์ที่สุด เพื่อจะได้แพร่ขยายในร่างกาย

    เราเพื่ออาศัยร่างเราทำอะไรสักอย่าง แม้ว่ามันจะไม่กินเราเหมือนปรสิตที่เป็นสัตว์ต่างๆ แต่สักวันหนึ่ง

    เมื่อมันเห็นว่าร่างเรากายหมดความหมายกับมันเมื่อใด มันอาจทำลายร่างกายเราเหมือนที่ผมสงสัยว่า

    เกิดกับคุณพ่อผมตอนที่ท่านเสียนะครับ  หรือเรื่องที่สงสัยว่ามันทำกับแม่ผม เอาเป็นว่ายังไงถ้าเป็นไป

    ได้พวกเราต้องหาทางเอาพวกมันออกจากร่างกายของพวกเราก่อน และคิดว่าถ้ากำจัดมันออกไปได้จะ

    ปลอดภัยที่สุด "



    ถึงตอนนี้คงเดชเริ่มเห็นด้วย เมื่อร่างกายมีอะไรแปลกประหลาดเข้ามาอาศัยอยู่การที่เอามันออก

    ไปคือหนทางที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องคอยมาระแวง  




    "แล้วเราจะทำยังไงที่จะให้มันออกไปได้ล่ะครับ แล้วตอนเอ็กซเรย์ไม่เห็นมันเหรอครับหมอ ถ้า

    เราไม่เห็นมันเราจะเอามันออกไปได้ยังไง "



    กานต์ถามความเห็นขึ้นด้วยความสงสัย


    " จะว่าไม่เห็นก็ไม่เชิงนะครับ จากฟิล์มเอ็กเซร์ของลุงเดชกับพ่อผม มีผิดปรกติจากคนทั่วไป คือ

    มีสิ่งที่เราเห็นแต่สงสัยว่ามันเป็นเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา สีขุ่นๆมากกว่าคนทั่วๆไป 

    เส้นเลือดเหล่านั้นที่เพิ่มมาอาจเป็นพวกมันที่แฝงตัวอยู่ ถ้าจะให้แน่เราสองคนจะต้องเอ็กซเรย์ด้วย และ

    ทั้งหมดที่ไปกับพ่อผมและลุงเดชพวกเราต้องติดตามพวกเขามาตรวจด้วยถึงจะแน่ใจ  ใหนๆเขาก็คงเป็น

    อย่างพวกเราแน่ จะได้มาช่วยกันหาวิธีแก้ไขกัน "



    คงเดชและกานต์เห็นด้วยกับอัครเดช แต่จะไปตามทุกคนทั้งหมดได้อย่างไร ทั้งหมดไปอยู่ที่

     ใหนมีครอบครัวและทายาทเหมือนเขาหรือไม่หรือไม่อย่างไร หรือบางคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

    ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   





    " เอาเป็นว่าตามนี้นะครับ พรุ่งนี้เราจะหาวิธีตามหาพวกเขาที่แยกกับลุงเดชและพ่อผมไปเพื่อมา

    ตรวจ ถ้าโชคดีเราคงได้รู้เรื่องกัน คืนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ผมไม่มีเวรตรวจ จะมาคุยด้วยแต่เช้า

    และหาวิธีกันตอนนั้น คิดว่าคืนนี้คงจะหลับไม่เป็นสุขหรอกครับ คงเก็บเอาเรื่องนี้ไปคิดทั้งคืนละ

    ผม แต่ก็จะพยายามข่มตาให้หลับล่ะครับ " 




    คงเดชพยักหน้ารับ รู้สึกหนักสมองกับเรื่องที่คุยกันนี้เช่นกันเขาคิดว่าลูกชายก็คงไม่ต่างจาก

    เขาทุกคนถ้าตกอยู่ในสถานะการเช่นนี้ จะเป็นอย่างพวกเขาทุกคนแน่ 

    ทั้งสองเห็นด้วยกับอัครเดช เมื่อได้ข้อสรุปว่าจะต้องตามหาคนทั้งหมดมาตรวจเพื่อหาสาเหตุ

    ความผิดปรกติ และช่วงเวลาก็ดึกพอสมควรแล้ว เกรงใจคนไข้ เตียงข้างๆ เพราะเป็นช่วงที่เขา

    จะต้องพักผ่อนแล้ว สมควรจะต้องยุติการคุยเรื่องนี้ไปก่อนและเเยกกันไปพักผ่อน ไว้ตอนเช้า

    ค่อยมาปรึกษากันต่อไป 


          รุ่งเช้า ทั้งสามมาปรึกษากันอีกครั้งเกึ่ยวกับเรื่องที่ว่าจะสืบหาคนทั้งหมดที่เป็นเป้าหมาย

    ของพวกเขา แต่เมื่อดำเนินงานตามวิธีการต่างๆ โดยสุ่มเอาตามรายชื่อที่เป็นชื่อเดิมของทุก

    คนจนกินเวลามาสามสี่วันก็ยังไม่สามารถหาคนทั้งหมดเจอได้ แม้แต่คนเดียว  อีกทั้งไม่มีชื่อ

    หรือรู้ว่าทั้งหมดใช้ชื่ออะไร  และอีกหลายวิธีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอ จนคงเดชอาการเริ่มทุเลา

    ลง และเเข็งเเรงพร้อมจะกลับบ้านได้แล้ว ระหว่างที่คงเดชจะได้กลับบ้านทั้งสามจึงมาปรึกษา

    กันอีกครั้ง




    " ทำไงล่ะครับไม่สามารถสืบหาได้เจอกับไครสักคนเลย เหมือนงมเข็มในทะเลยังไงยังงั้น "




    หมออัครชัยกล่าว น้ำเสียงเขาแสดงอาการท้อแท้ และเหนื่อย  เหมือนอาการสิ้นหวังจะเริ่มกลับ

    มาอีกครั้ง


    " มันก็ไม่ใช่เรื่อง ง่ายๆเหมือนกันนะที่จะหาพวกเขา  หลายปีมาแล้ว พวกเขาอาจจะไปเปลี่ยนชื่อแล้ว

    ก็ได้ หรือไม่จะมีใครได้ตายไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ "



    คงเดชเสริม




    " ถ้าเราไม่สามารถหาคนทั้งหมดได้เจอและนำพวกเขามาตรวจได้เ   ราจะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นเลือด

    นั้นมีเฉพาะพวกเราหรือว่าเราติดต่อตามโรงพยาบาล และถามเรื่องฟิล์มเอ็กซเรย์ลักษณะแบบนี้

    มีที่ใหนบ้างได้ใหมครับ "





    กานต์ได้ถามหมออัครชัยขึ้น




    " ไม่ได้หรอกครับงานใหญ่เกินไป  อีกทั้งเรื่องฟิล์มเอ็กซเรย์โรงพยาบาลทั่วประเทศ  มีไม่รู้กี่ร้อย กี่พัน

    แห่งบางโรงพยาบาลเขาก็ถือว่าเป็นความลับไม่ให้กันง่ายหรอก ถึงทำได้ ถ้าคนที่เราตามหาทั้งหมดไม่

    เคยตรวจด้วยฟิล์มล่ะก็ไม่เจออยู่ดี "




    อัครชัยตอบพร้อมด้วยยกตัวอย่างข้อจำกัดที่กานต์แนะให้กระทำ




    " มีอยู่อย่างหนึ่ง เราต้องหาจุดที่เรามีเหมือนกันกับพวกเขาเพราะเราเป็นโรคเดียวกัน อย่างเรื่องสะเก็ด

    แผลลายเหมือนต้นไม้ น่าจะมีให้เห็นอยู่


    กานต์ เสนอความเห็น  หมออัครครุ่นคิดตาม


    "  อันนี้ผมเคยลองแล้วมีคนที่มีอาการเหมือนพวกเราเยอะอยู่เหมือนกัน โรคผิวหนังบางอย่างอาการ

    เหมือนพวกเรามาก คนทั่วไปถึงไม่ได้เป็นโรคนี้ ก็มีสะเก็ดได้ จึงจะถือว่าเป็นจุดเด่นไม่ได้ต้องลองช่วย

    กันคิดสิว่าเราน่าจะมีอะไร ที่เราสามารถมีแล้วคนอื่นไม่มี โดยที่พวกเรารู้ได้เองไม่ต้องไปถามใคร "




    หมออัครชัยอธิบายเสนอ พร้อมกล่าวต่อ




    " คุณพ่อก็ไม่อยู่ซะแล้วด้วยนะสิครับจะได้เอามาเปรียบเทียบกับลุง ว่ามีอะไรแตกต่างจากคนอื่นทั่วไป

    นอกจากภาพของเส้นเลือดในฟิล์ม " 



    " จะมีก็เราสองคนนี่แหละหมอที่จะเปรียบเทียบกันได้ เพราะเป็นรุ่นทายาท เราดูสิว่ามีอะไร

    เหมือนกันบ้างโดยที่ไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป "





    กานต์แสดงความเห็นขึ้นหลังจากที่ได้พิเคราะห์แล้วถึงเรื่องที่ว่าจะมีการเปรียบเทียบและ

    หาความแตกต่างจากคนอื่น





    " ผมเกิดมาสามสิบห้าปีแล้วยังไม่พบเลยว่าตัวเองมีอะไรแปลกนอกจากโรคที่มีสะเก็ดนั้นนอก

    นั้นผมเหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง จะมีก็เรื่องกินน้ำมาก แต่ถ้าเราจะไปหาไครที่กินน้ำมากก็จะเห็น

    เป็นเรื่องตลกซะมากกว่า เพราะคนบางคนหิวมากก็กินน้ำมากได้ "





    หมออัครเดชกล่าวพร้อมติดตลก แต่ได้สะดุดความคิดหนึ่งของกานต์เข้า




    " สามสิบห้าปี อย่างน้อยเราก็มีอายุที่เหมือนกัน เท่ากัน แต่คนที่มีอายุ สามสิบห้าปีมีไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

    พ่อผมบอกว่าพ่ออยากมีลูกมานานแต่ไม่ได้สักที  แต่กลับมามีตอนเราอายุมาเท่ากันได้ ไม่บังเอิญไป

    หน่อยเหรอ หรือ ว่า  ใหนหมออัคร ลองบอกเดือน และ วัน ขอเวลาเกิด




    กานต์ต้องข้อสังเกต




    "ผมเกิดวันที่ สิบสอง เมษายน เวลาเก้าโมงเช้า สี่สิบเอ็ดนาทีครับ ห้าวินาทีตามใบเกิดครับ "



    หมออัครชัยตอบ

    คำตอบของอัครชัยทำให้กานต์รู้สึกตกใจและเเปลกใจมาก



    " เราสองคนเกิด ปี วันและเวลารวมทั้งนาทีตรงกันไม่มีผิดเพี้ยนเลยครับ เป็นไปได้ใหมว่าทุกคน

    ที่เราตามหา  มีลูกจะเกิดตรงกับเราสองคน  คุณหมอพอจะสืบได้ใหมครับว่าจะมีไครเกิดวัน

    และเวลาตรงกับเราสองคนเเบบนี้บ้าง เผื่อจะเป็นลูกของคนที่เราตามหา "



    กานต์เสนอแนะน้ำเสียงของเขาตระหนก

    หมออัครชัยก็แปลกใจเช่นกัน รวมทั้งคงเดช เขาเองอยากมีลูกมานานแต่ไม่มีสักทีจำได้ปีนั้น

    น้ำท่วมใหญ่ฝนตกตั้งแต่ต้นปี  และปีนั้นภรรยาเขาตั้งท้อง 



    "จะลองดูครับผมมีเพื่อนอยู่สำนักทะเบียนราษฎ์คนนึง นี่ก็คอยอาศัยเขาอยู่เหมือนกันคาดว่าน่าจะไม่ยาก

    อะไรเรื่องสืบหาคนเกิดพร้อมกันเราสองคน แต่ไม่รู้ว่าคนเกิดพร้อมพวกเราจะมีกี่ร้อยคนในประเทศถ้าไง

    เราค่อยไปแยกแยะคนที่น่าจะใช่กันอีกที งั้นผมขอตัวไปสืบก่อนละกันชักใจร้อนและไว้ถ้าไม่ใช่ยังไง 

    ค่อยมาหาวีธีอื่นกันอีกทีนะ "




















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×