ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ปรสิตสีเขียว
กานต์นั่งฟังสิ่งที่บิดาเล่า นึกตะลึงกับสิ่งที่เหลือเชื่อที่พ่อเขาเล่ามา ถ้าไม่ใช่พ่อเขาเขาจะ
ไม่เชื่อเรื่องที่ได้ฟังมานี้เด็ดขาด แต่นี่เป็นพ่อของเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีไครเชื่อเรื่อง
ทั้งหมดนี้ ทำให้เขาเปรยกับบิดาว่า
" เหลือเชื่อมากครับไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น "
อดีตจ่าโสรส ซึ่งปัจจุบันเป็น นายคงเดช เขมิกานนฒิ ผู้ที่ใช้ซึ่งนามสกุลที่ไปขอตั้งใหม่ตอนที่
ได้สัญชาติไทยตอนนั้น กล่าวตอบลูกชายขึ้น
" พ่อถึงไม่เคยอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังไง และคิดว่าทุกคนทั้งหมดที่ไปหลงป่ากันก็คงไม่มี
ไครพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะพ่อไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย มีแต่หมอลูกผู้กองโยชินี่
แหละคงเล่าให้ลูกชายฟัง เขาถึงรู้เรื่องได้ละเอียดขนาดนี้ ไว้ตอนเย็นเราถามเขาก็จะรู้ คิดว่าสิ่ง
ที่พ่อเล่ามาทั้งหมลูกคงพอเข้าใจแล้วนะ เดี๋ยวพ่อหลับซักงึบ ตอนค่ำจะได้มาคุยกัน "
คงเดช ตัดบทพร้อมเลื่อนผ้าห่มมาคลุมหน้าอกพร้อมหลับตา
กานต์เห็นว่าพ่อคงเหนื่อยจากสิ่งที่เล่ามายาวเหยียดนั้น เขาจึงไม่คิดว่าจะรบกวนอีก เขาคิดว่า
ไว้รอหมอมาก่อนดีกว่าเพื่อจะได้เเลกเปลี่ยนกัน น่าจะมีอีกหลายเรื่องในมุมของหมอคนนั้น
เนื่องจากพ่อของหมอเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากจะรู้ว่าชีวิตเขาเป็นยังไง
หลังที่แยกจากพ่อเขาไปวันนั้น คิดอย่างนั้นเขาก็ลุกขึ้นเพื่อไปหาอาหารรับประทานนอกโรง
พยาบาล
20.00 น. หมอ อัครชัย ได้ออกเวรและมาหาสองพ่อลูกตามที่นัดหมายกันไว้
" เรียกผมว่าหมออัครตามที่พยาบาลที่นี้ก็แล้วกันครับ ส่วนผมขอเรียกชื่อเล่นทั้งสองคนนะครับ
ลุงเดชกับคุณกานต์ จะได้จำกันง่ายดีและเป็นกันเองดีด้วย ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เจอ
คุณลุงกับคุณกานต์ เหมือนได้เจอญาติที่ไม่ได้เจอกันหลายสิบปีนะครับ"
หมอหนุ่มพูดขึ้น หลังที่ต่างฝ่ายได้แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
" ดีครับง่ายดี "
กานต์เสริมขึ้น
คมเดชเล่าเรื่องทั้งหมดให้ หมออัครชัยฟังอีกครั้ง เมื่อหมอหนุ่มอยากทราบว่าจะตรงกับที่เขารู้
มาหรือไม่ หลังจากที่เล่าจบเข้าจึงพูดขึ้น
" ตรงกันแทบทุกอย่างละครับ ที่จริงพ่อผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แต่ผมอ่านเรื่องทั้งหมดที่สมุดบันทึก
ที่ค้นเจอหลังจากที่ท่านเสียขีวิตเเล้ว เเต่ไม่ทราบว่าท่านกลับไปที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ท่านไม่ได้
บันทึกไว้ เคยถามเรื่องอดีตท่านเหมือนกันแต่ ท่านก็ไม่เคยเล่าอะไรเรื่องนี้ให้รู้เรื่องเลย "
หมออัครชัยกล่าว
" ผมมีรูปตอนที่ท่านเสียให้ดูครับ"
หมอหนุ่มพูดพลางหยิบรูปที่เตรียมมาส่งให้คงเดช ในภาพเป็นร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลาง
ซากปรักหักพังของหมู่บ้านที่คลื่นสึนามิพัดถล่ม ไม่สามารถจำเค้าลางของใบหน้าได้ เพราะได้
เปื้อนคราบโคลนตม แต่แปลกที่ร่างนั้นยืนอยู่โดนมีลักษณะระโยงระยางของสายอะไรชนิดหนึ่ง
ยึดไว้ไม่ให้ล้ม
" จับท่านยืนไว้ถ่ายรูปหรือครับ ตอนที่ท่านเสีย "
คงเดชถามขึ้น พร้อมส่งรูปดังกล่าวให้ผู้เป็นลูกชายดูต่อ
" ไม่ใช่ครับ ตอนเราไปพบภาพก็เป็นแบบนี้แล้วครับ แล้วสายที่ยึดอยู่นั้นคือต้นตอที่เป็นปัญหา
ทั้งหมดของพวกเราด้วย ลุงคงจะไม่เข้าใจ ผมจะอธิบายให้ฟังครับ สิ่งที่ระโยงระยางนั้นแท้จริง
แล้วเป็นรากไม้ครับ "
หมอหนุ่มตอบพร้อมอธิบาย เพราะรู้ว่าคงเดชต้องสงสัยสิ่งที่เห็นในภาพแน่นอน
" รากไม้หรือครับ ทำไมมาเกาะร่างคนไวจัง หรือนานกว่าจะไปพบร่างผู้กองโยชิตอนที่เสียนี่ครับ
แล้วทำไมต้องมามีปัญหาอะไรกับพวกเราด้วย"
กานต์ถามขึ้นเมื่อพิจารณาจากภาพที่พ่อของเขาส่งมาให้ดู
" เอางี้ผมจะเล่าให้ฟังอย่างระเอียด ครับจะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีก "
หมอหนุ่มกล่าว
" เรื่องมันมีอยู่ว่า วันที่เกิดแผ่นดินใหวใหญ่ที่ญี่ปุ่นทางการประกาศเตือนให้พวกเราระวังจะเกิด สึนามิ
บันทึกไว้ เคยถามเรื่องอดีตท่านเหมือนกันแต่ ท่านก็ไม่เคยเล่าอะไรเรื่องนี้ให้รู้เรื่องเลย "
หมออัครชัยกล่าว
" ผมมีรูปตอนที่ท่านเสียให้ดูครับ"
หมอหนุ่มพูดพลางหยิบรูปที่เตรียมมาส่งให้คงเดช ในภาพเป็นร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลาง
ซากปรักหักพังของหมู่บ้านที่คลื่นสึนามิพัดถล่ม ไม่สามารถจำเค้าลางของใบหน้าได้ เพราะได้
เปื้อนคราบโคลนตม แต่แปลกที่ร่างนั้นยืนอยู่โดนมีลักษณะระโยงระยางของสายอะไรชนิดหนึ่ง
ยึดไว้ไม่ให้ล้ม
" จับท่านยืนไว้ถ่ายรูปหรือครับ ตอนที่ท่านเสีย "
คงเดชถามขึ้น พร้อมส่งรูปดังกล่าวให้ผู้เป็นลูกชายดูต่อ
" ไม่ใช่ครับ ตอนเราไปพบภาพก็เป็นแบบนี้แล้วครับ แล้วสายที่ยึดอยู่นั้นคือต้นตอที่เป็นปัญหา
ทั้งหมดของพวกเราด้วย ลุงคงจะไม่เข้าใจ ผมจะอธิบายให้ฟังครับ สิ่งที่ระโยงระยางนั้นแท้จริง
แล้วเป็นรากไม้ครับ "
หมอหนุ่มตอบพร้อมอธิบาย เพราะรู้ว่าคงเดชต้องสงสัยสิ่งที่เห็นในภาพแน่นอน
" รากไม้หรือครับ ทำไมมาเกาะร่างคนไวจัง หรือนานกว่าจะไปพบร่างผู้กองโยชิตอนที่เสียนี่ครับ
แล้วทำไมต้องมามีปัญหาอะไรกับพวกเราด้วย"
กานต์ถามขึ้นเมื่อพิจารณาจากภาพที่พ่อของเขาส่งมาให้ดู
" เอางี้ผมจะเล่าให้ฟังอย่างระเอียด ครับจะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีก "
หมอหนุ่มกล่าว
" เรื่องมันมีอยู่ว่า วันที่เกิดแผ่นดินใหวใหญ่ที่ญี่ปุ่นทางการประกาศเตือนให้พวกเราระวังจะเกิด สึนามิ
โดยหมู่บ้านที่เราอยู่ ก็ได้ประกาศให้ละทิ้งหมู่บ้าน เพราะสึนามิจะพัดถล่มในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
ผมรึบพาคุณแม่ซึ่งตอนนั้นท่านได้ผอมแห้งและเเข็งเเรงน้อยกว่าคุณพ่อ โดยบอกว่าให้คุณพ่อ
ตามไปทีหลัง โดยคุณพ่อขอเก็บบางอย่างก่อน โดยไม่ได้สงสัยว่าท่านจะออกมาไม่ทัน คิดว่า
ท่านได้ออกมาแล้วและไปอยู่ที่หลบภัยหน่วยอื่น ที่ทางการญี่ปุ่นจัดเตรียม ให้เมื่อสึนามิได้พัด
ถล่มผ่านไป อีกหนึ่งวันถัดมาหน่วยกู้ภัยกลับไปพบร่างของพ่อผมอยู่ในซากปรักหักพัง
อย่างที่เห็น ภาพนี้ถ่ายก่อนที่จะนำร่างพ่อผมกลับออกมา ทางหน่วยกู้ภัยสงสัยว่าทำไมมีรากไม้
จับตามตัวพ่อผมได้ และผมก็เป็นแพทย์เชี่ยวชาญที่ได้รับหน้าที่ผ่าพิสูจน์ศพพ่อผมตอนนั้น สิ่งที่
ผมพิสูจน์ได้ตอนนั้นผมแจ้งกับทางการเป็นเท็จ คือแจ้งว่าท่านตายแบบธรรมดา แต่เรื่องที่ผม
สงสัยและคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง และทำให้ผมต้องกลับมาเมืองไทย เมื่อผมได้ไปพบสมุด
บันทึกของพ่อผม ที่ท่านเก็บไว้อย่างดี และในนั้นมีเรื่องการผจญภัยของท่านที่ไปกับลุง ทำให้
ผมสะดุดใจ มีตอนหนึ่งท่านบอกว่าได้กินผลไม้ชนิดหนึ่งไปทำให้หายจากอาการบาดเจ็บอย่าง
ปาฎิหาร และจากการผ่าพิสูจญ์ศพพ่อผม รากไม้ไม่ได้เกาะตัวท่าน แต่มันงอกออกจากร่างกาย
ท่าน ผมไม่ได้แจ้งเรื่องนี้จากทางการเพราะจากบันทึกของพ่อ ถ้าเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับเรื่องราก
ไม้ มันพิลึกพิลั่นเกินไป อาจจะอธิบายไม่ได้ ผมจึงต้องกลับมาประเทศไทยเพื่อพิสูจญ์เรื่องนี้
ด้วยตัวเอง แล้วจากได้เห็นอาการของลุงพ่อผมก็มีอาการแบบนี้มาตลอด และก็ไม่สามารถตรวจ
พบอะไรที่น่าเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยเช่นกัน แต่พ่อไม่เป็นหนักเหมือนลุง จะต่างกันก็คิด
ว่าน่าจะเป็นที่อากาศญึ่ปุ่นหนาวกว่า ผมก็เป็นด้วยแต่พยายามใส่เสื้อผ้าปกปิดเมื่อเกิดอาการ
เกรงคนจะรังเกียจ กานต์ก็เป็นด้วยใช่ใหม "
ระหว่างเล่าหมออัครชัยก็ได้หันมาถามกานต์
คำถามนั้นแทงใจกานต์ที่สุด และเป็นเรื่องจริงด้วย จริงอย่างที่หมออัครเดชว่า อาการของพ่อ
เขาก็เป็นเช่นกัน แต่น้อยกว่า อาการที่ร่างกายตกสะเก็ด จนทำให้ตัวร้อนเป็นไข้ แต่เขาได้ดื่ม
ผมรึบพาคุณแม่ซึ่งตอนนั้นท่านได้ผอมแห้งและเเข็งเเรงน้อยกว่าคุณพ่อ โดยบอกว่าให้คุณพ่อ
ตามไปทีหลัง โดยคุณพ่อขอเก็บบางอย่างก่อน โดยไม่ได้สงสัยว่าท่านจะออกมาไม่ทัน คิดว่า
ท่านได้ออกมาแล้วและไปอยู่ที่หลบภัยหน่วยอื่น ที่ทางการญี่ปุ่นจัดเตรียม ให้เมื่อสึนามิได้พัด
ถล่มผ่านไป อีกหนึ่งวันถัดมาหน่วยกู้ภัยกลับไปพบร่างของพ่อผมอยู่ในซากปรักหักพัง
อย่างที่เห็น ภาพนี้ถ่ายก่อนที่จะนำร่างพ่อผมกลับออกมา ทางหน่วยกู้ภัยสงสัยว่าทำไมมีรากไม้
จับตามตัวพ่อผมได้ และผมก็เป็นแพทย์เชี่ยวชาญที่ได้รับหน้าที่ผ่าพิสูจน์ศพพ่อผมตอนนั้น สิ่งที่
ผมพิสูจน์ได้ตอนนั้นผมแจ้งกับทางการเป็นเท็จ คือแจ้งว่าท่านตายแบบธรรมดา แต่เรื่องที่ผม
สงสัยและคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง และทำให้ผมต้องกลับมาเมืองไทย เมื่อผมได้ไปพบสมุด
บันทึกของพ่อผม ที่ท่านเก็บไว้อย่างดี และในนั้นมีเรื่องการผจญภัยของท่านที่ไปกับลุง ทำให้
ผมสะดุดใจ มีตอนหนึ่งท่านบอกว่าได้กินผลไม้ชนิดหนึ่งไปทำให้หายจากอาการบาดเจ็บอย่าง
ปาฎิหาร และจากการผ่าพิสูจญ์ศพพ่อผม รากไม้ไม่ได้เกาะตัวท่าน แต่มันงอกออกจากร่างกาย
ท่าน ผมไม่ได้แจ้งเรื่องนี้จากทางการเพราะจากบันทึกของพ่อ ถ้าเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับเรื่องราก
ไม้ มันพิลึกพิลั่นเกินไป อาจจะอธิบายไม่ได้ ผมจึงต้องกลับมาประเทศไทยเพื่อพิสูจญ์เรื่องนี้
ด้วยตัวเอง แล้วจากได้เห็นอาการของลุงพ่อผมก็มีอาการแบบนี้มาตลอด และก็ไม่สามารถตรวจ
พบอะไรที่น่าเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยเช่นกัน แต่พ่อไม่เป็นหนักเหมือนลุง จะต่างกันก็คิด
ว่าน่าจะเป็นที่อากาศญึ่ปุ่นหนาวกว่า ผมก็เป็นด้วยแต่พยายามใส่เสื้อผ้าปกปิดเมื่อเกิดอาการ
เกรงคนจะรังเกียจ กานต์ก็เป็นด้วยใช่ใหม "
ระหว่างเล่าหมออัครชัยก็ได้หันมาถามกานต์
คำถามนั้นแทงใจกานต์ที่สุด และเป็นเรื่องจริงด้วย จริงอย่างที่หมออัครเดชว่า อาการของพ่อ
เขาก็เป็นเช่นกัน แต่น้อยกว่า อาการที่ร่างกายตกสะเก็ด จนทำให้ตัวร้อนเป็นไข้ แต่เขาได้ดื่ม
น้ำมากๆเมื่อเกิดอาการจะทุเลาและหายไปในที่สุด และจะกลับมาเป็นอีกอีกเมื่อประมาณ หนึ่งปี
และเป็นอย่างนี้ทุกปี
" จริงครับ พวกเราเกิดอาการแบบนี้ได้อย่างไรครับ"
กานต์ ตอบ
หมออัครเดชจึงพูดตอบว่า
" จากที่ผมจดบันทึกไว้ ที่ร่างกายผมต้องป่วยและร่างกายตกสะเก็ดกันทุกปี ช่วงเวลานั้นตรงกับช่วงฤดู
ใบไม้ผลิ ซึ่งคือตอน ณ.เวลาช่วงนี้ ผมจะบอกลุงเดชกับกานต์ว่าจากการที่ผมได้พิสูจน์เรื่องทุกอย่างที่
และเป็นอย่างนี้ทุกปี
" จริงครับ พวกเราเกิดอาการแบบนี้ได้อย่างไรครับ"
กานต์ ตอบ
หมออัครเดชจึงพูดตอบว่า
" จากที่ผมจดบันทึกไว้ ที่ร่างกายผมต้องป่วยและร่างกายตกสะเก็ดกันทุกปี ช่วงเวลานั้นตรงกับช่วงฤดู
ใบไม้ผลิ ซึ่งคือตอน ณ.เวลาช่วงนี้ ผมจะบอกลุงเดชกับกานต์ว่าจากการที่ผมได้พิสูจน์เรื่องทุกอย่างที่
เกิดขึ้นกับผมและ คิดว่าคงจะทุกคน ผม คิดว่าร่างกายพวกเรามีความเป็นไปได้ว่า ในร่างกายของพวก
เรามีส่วนของต้นไม้อยู่ จากการที่คุณพ่อคุณและพ่อผม และคนทั้งหมดที่ไปที่ป่าประหลาดนั้นและได้กิน
มันเข้าไป และไม้นั่นมันคงยังอยู่ฝังร่างหรือเซลอะไรบางอย่างอยู่ในร่างของพวกเขา ส่วนเรารุ่นลูกอย่าง
ผมกับกานต์นี้ที่เราต้องมีอาการเหมือนกับคุณพ่อของพวกเราคาดว่าน่าจะได้รับถ่ายทอดกันมาทาง
พันธุกรรม มาด้วย ครับ และที่แย่ไปกว่านั้น คุณแม่ของพวกเรา น่าสงสัยว่าจะเป็นฐานที่พวกมันให้เป็น
อาหาร เพราะแม่ของผมผอมมากอย่างหาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และอยู่กับ
คุณพ่อ แต่ไม่มีอาการแตกระเเหงของร่างกายเหมือนเปลือกไม่เหมือนกับผมที่เป็นรุ่นลูก จึงคิดว่ามัน
คงใช้ประโยชน์ จากร่างกายจากคุณพ่อ พวกเรา และคุณแม่ของพวกเราต่างกัน ฉะนั้นนี้จึงป็นสาเหตุที่
ผมยัง จะไม่ยอมมีครอบครัวเป็นอันขาด ถ้ายังไม่ได้แก้ปัญหาหรือได้รับความกระจ่างแจ้งจากเรื่องที่่เกิด
ขึ้นเรื่องนี้"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น