ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #39 : ปีกสยาย กระหายเลือด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      4
      9 ก.ค. 62






    ด้าน ปิเยพิษทารี  


    " เสียงอะไร พวกท่านได้ยินใหม "


    ปิเยพิษทารีหันมาถามพวกของปู่อินทร์ ที่เดินมาข้าง


    " รู้สึกว่าพวกท่านจะไม่พูดอะไรบ้างเลยนะ  ได้ยินใหมเหมือนสัตว์อะไรร้อง แว่วมาแต่ไกลๆ "


    พิษทารี บอกกับทุกคนอีกครั้ง  


    " เงียบ มันเงียบเกินไป ไม่พูดอะไรกันบ้างเลย ผิดสังเกต ""


    ปิเยพิษทารีคิดในใจ เขาเริ่มสงสัยความผิดปรกติแล้วเขานำหน้าทุกคนมาแต่ทุกคนกลับเงียบไม่มีเสียง

    พูดเลยซึ่งผิดปรกติวิสัย 

    และตอนนี้ผู้ที่มากับเขาก็จะรับรู้ว่าร่าง ที่พวกมันแปลงมาเป็นคนตอนนี้ จะถูกจับได้แล้ว 

    ปิเยพิษทารี มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรเปลี่ยนไปจากร่างที่เดินอยู่ข้างๆเขา พิษทารีหันมามองทันที


    "โฮ่งๆ ๆแฮ่ๆ "


    ร่างที่เห็นเป็นพวกของปู่อินทร์และคนทั้งหมดเมื่อสักครู่นี้ได้หายไป แต่บัดนี้กลับมีร่างหมาป่าหก ตัว

    ขนาดมหีมาแทน ในจำนวนที่เท่ากัน เขาเดาได้ทันที ปิเยพิษทารีถอยกรูด แต่ด้วยความลนลานทำให้

    สะดุดรากไม้รากหนึ่งจนหงายท้อง หมาป่ายักษ์ ได้โอกาสมันทุกตัวกระโดดเข้าขย้ำเหยื่อที่

    เสียหลักหงายท้องของมันโดยทันที  

    ด้านปู่อินทร์


    " เจอแล้ว รอยเท้านี่ไงของท่านพิษทารี และมีรอยเท้าเหมือนมนุษย์พวกเราหลายรอยด้วย

    แสดงว่าท่านพิษทารี คงโดนพวกมันหลอกด้วย  จะเป็นไงบ้างไม่รู้ "


    ปู่อินทร์ชี้ให้ดูรอยเท้า ที่พึ่งหาพบหลังจากที่ตะเวนหาอยู่พักหนึ่ง  เขานำทั้งหมดตามรอยนั้นไป

     อย่างรวดเร็ว


    " พวกเราต้องพูดกันบ่อยบ่อยนะ ตอนนี้พวกเราเองก็ไว้ใจกันเองไม่ได้ สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่

    เป็นก็ได้ การพูดนี่เเหละจะทำให้พวกเรารู้ว่ายังเป็นพวกเดียวอยู่ "


    ปู่อินทร์กล่าวอีก  


    " โอ๊ โอ๋มเอ้อ แอ้ อะอิ "


    สียงอ้อแอ้มาจากอรัญ เขาเป็นคนที่บาดเจ็บจากการต้องปล้ำกับเจ้าหมาป่ายักษ์เมื่อสักครู่ ปาก

    ของเขาบวมเป่งเพราะไปกระแทกกับหัวของเจ้าหมาป่ายักษ์อย่างจังตอนที่โดดเข้าไปตะครุบมัน

     ดุจปรายเองก็ไม่ได้สังเกตุแฟนหนุ่มตั้งแต่ตอนแรก เมื่อได้ยินเสียงอ้อแอ้และเห็นปากที่บวมเป่ง

    เธอก็อดขำไม่ได้เธอจึงหัวเราะร่วน  รวมถึงทุกๆคนด้วย  อรัญค้อนขวับที่จริงปากบวมของเขาก็

    ไม่ค่อยได้เจ็บเท่าไร เพียงแต่ทำให้เสียงที่เปล่งออกมาไม่ชัดเท่านั้นเอง เขารู้ว่าเดี๊ยวมันก็คงหายเพราะ

    อะไรที่มีในตัวเขาจะประสานแผลให้ได้


    " อ๋อ เมื่อกี้พี่อรัญว่า ผม ก็แย่ใช่ใหม  เพราะปากพูดไม่ได้ นึกว่าพูดว่าอะไร อ้ออ้อ แอ้แอ้ ฮิฮิ "


    ดุจปรายยังหยอกไม่เลิก  อรัญรู้ว่าดุจปราย แกล้งแหย่เขาเเต่คำพูดของเธอก็ถูกต้องอย่างที่เขาพูดเลยที

    เดียวเขาจึงพยักหน้าและเปล่งเสียงที่ไม่ค่อยจะมี รับว่าเป็นอย่างที่ดุจปรายแปลให้


    " อื้อ "  


    " เป็นไปได้ใหมปู่ ว่าท่านพิษทารี อาจเสียทีพวกมัน ดูรอยเท้านี้สิเหมือนคนหลายคน ถ้าเป็นหมาป่าที่

    แปลงมาพวกมันน่าจะมี มากหลายตัวด้วยนะ "

     
    อัครชัยถามปู่อินทร์ขึ้น


    " ข้าก็เป็นห่วงเหมือนกัน การที่มีพวกมันสามารถปลอมเป็นพวกเราได้มันต้องมีจำนวนเท่ากับ

    พวกเราทั้งหมด ท่านพิษทารีจึงจะไม่สงสัย    มันแปลงไดถึงหกคน ก็เท่ากับท่านพิษทารี ต้อง

    เจอกับร่างแฝงของพวกมันถึงหกตัว เขี้ยวของมันสามารถทำลายร่างของท่านพิษทารีได้ไม่ยาก

    เพราะจำนวน และขนาดที่เหนือกว่าเขาเยอะ  แต่รอยเท้าตอนนี้ยังมีการเดินที่ราบเรียบ และยัง

    เป็นรอยเท้าที่เป็นมนุษย์ อยู่ ยังไม่รอยการต่อสู้ใดๆ ภาวนาว่าพวกเราจะเจอ เขาก่อนที่มันจะ

    แสดงตัว เอ๊ะ "



    ปู่อินทร์ได้หยุดพูดลงอย่างกระทันหันเขาทำจมูกฟุดฟุด ฟิดฟิด คล้ายดมกลิ่นอะไร


    " มีอะไรหรือปู่อินทร์ "


    อรัญเห็นอาการของปู่อินทร์เช่นนั้นจึงถามขึ้น


    " ข้าได้กลิ่นสาบสางของพวกมัน  อยู่ข้างหน้าไม่ไกลไปนี้กลิ่นแรงมากด้วยข้าจำกลิ่นมันได้ ตอนที่ไอ้

    ตัวนั้นมันเปลี่ยนร่างไปเป็นหมาตัวข้าก็ได้กลิ่นแบบนี้ หรือเรามาช้าไป "  


    ปู่อินทร์กล่าว  


    " ปู่อินทร์หมายถึงว่าพวกมันปรากฏตัวแล้วเหรอ "


    อัครชัยย้อนถามอีกครั้ง


    " ใช่พวกมันทั้งหมดปรากฏตัวแล้วแน่ๆ หลายตัวด้วย เพราะกลิ่นมันแรงมาก ข้าสัมผัสมันได้ "


    ปู่ อินทร์ตอบ และตอนนี้ ทุกคนก็เริ่มได้กลิ่นนั้นกันทุกคนแล้ว


    "  ระวังตัวกันให้ดีทุกๆคน ข้างหน้าไม่ไกลนี่แหละ เราจะได้เจอกับพวกมันแล้ว "


    ปู่อินทร์ร้องสั่ง ทั้งหมดกระชับมีดในมือมั่น  เมื่อสักครู่ หมาป่าที่เขาเจอเพียงตัวเดียว เขาถึงล้ม

    มันได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้มันคงมีจำนวนอย่างใกล้เคียงตัวต่อตัวกับพวกเขาแล้วตอนนี้ ผลจะเป็น

    อย่างไร ปู่อินทร์ย่องไปข้างหน้าอย่างเงียบกริบ พวกเขาแปลกใจ ว่าเขาทำไปได้อย่างไร สม

    แล้วที่เป็นพรานป่าชั้น หนึ่ง พวกเขาเองถึงจะพยาย่องเพียงไรก็มีเสียงอยู่ดี


    " ท่านพิษทารี "


    สียงดุจปรายอุทานเบา น้ำเสียงหดหู่ สิ่งที่ทุกคนเห็น หมาป่ายักษ์ขนาดใหญ่หกตัว มันใช้

    อุ้งเท้าที่ใหญ่โตของมัน กดร่างของปิเยพิษทารีไว้นิ่ง มันบังจนแทบไม่เห็นร่างของเขา  

    ปู่อินทร์ ก็เห็นภาพนั้นเช่นกัน ความโกรธแค้นที่ได้เห็นภาพนั้น เห็นภาพของผู้ที่เดินทางร่วมมา

    กับเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทำให้เขาโมโหจนลืมตัวกลัวตาย เขากระโจนเขาใส่ เจ้าหมาป่าจาก

    ด้านหลังทันที  



    " ปึ๊ก "


    เสียงคมมีดปู่อินทร์ ที่ปักลงที่บั้นท้ายของหมาป่าตัวหนึ่ง เขาคิดว่าถ้ามันสะดุ้งขึ้นมา เป้าหมาย

    ต่อไปของมันคือลำคอของมันแน่ เขาลืมคำพูดที่จะทำไม่ให้มันตายไปแล้วด้วยความโมโหสุด

    ขึด  ทุกคนเหมือนแบ่งงานกันทำเป้าหมายคือทุกตัวถูกแบ่งกันจับจองจนหมดด้วยปรายคมมีด

    ของแต่ละคน


    " โอ๊ย "


    ปู่อินทร์ชะงัก เขาได้ยินเสียงถนัดชัดเจน


    " พวกมันพูดได้ร้องได้เหมือนคนด้วย เป็นไปได้ไง "


    ปู่อินทร์เริ่มสับสน และยิ่งสับสนยิ่งขึ้น ที่ร่างหมาป่านั้นไม่ได้สะดุ้งขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดอย่าง

    ที่เขาคิด ซึ่งทุกคนก็เช่นกัน ร่างหมาป่าทุกตัวคงอยู่ในอาการสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านต่อคมมีดที่

    พวกเขาแทงเข้าไป



    " ช่วยข้าด้วย "


    เสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ ปู่อินทร์จำเสียงได้


    " ท่านพิษทารี ท่านไม่เป็นอะไรใช่ใหม "


    ปู่อินทร์ รอ้งถาม น้ำเสียงของเขาแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด  


    " ไม่เป็นไร แต่ลุกไม่ขึ้น ไอ้หมาป่าพวกนี้มันทับร่างของข้าไว้ลุกไม่ได้ พวกเจ้าช่วยผลักมันออก

    ไปที "


    เสียงปิเยพิษทารี ตอบ  


    " แต่หมาป่าพวกนี้มัน เออ "


    สียงปู่อินทร์ขาด ปิเยพิษทารี รู้ ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เขาคงเกรงร่างหมาป่านั้นจะลุกขึ้น

    มาต่อสู้  



    " ตอนที่พวกมันโดดขย้ำข้า ข้าได้สลักพิษทัน พวกนี้ทุกตัวมันสลบหมดแล้วและความตกใจของข้าตอน

    นั้นทำให้สลักพิษเกินไป ไม่นานพวกมันก็จะตายหมด "


    ปู่อินทร์พึ่งจะถึงบางอ้อและเข้าใจทุกอย่างได้หมด ทุกคนก็เช่นกัน เขาช่วยกันพลิกร่างหมาป่าที่

    หมดสติอยู่ออกไปจากร่างทีี่ทับอยู่บนร่างของปิเยพิษทารี  



    " โอ แทบแย่เหมือนกัน ได้หมาป่าพวกนี้ตั้งแต่เกิดมามันเคยทำความสะอาดท้องมันหรือเปล่า

    เหม็นจริงๆ ถ้าพวกเจ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อยข้าเป็นลมก่อนแน่ "


    ปิเยพิษทารีบ่นทันที่ที่ร่างกายรอดพ้นจากการถูกทับ เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยน้ำลายของหมาป่า

    พวกนั้น



    " พวกเจ้าก็ไม่ได้ดูเลยมาถึงก็โถมเข้ามากันอีก ลำพังไอ้สองสามตัวที่ทับอยู่บนร่างข้าก็แย่อยู่

    แล้ว "


    ปิเยพิษทารียังบ่นไม่เลิก แต่น้ำเสียงดีขึ้น

     
    " ตอนนั้นเรากำลังโกรธที่เห็นพวกมันรุมท่านอยู่นึกว่าท่านเสียท่ามันแล้ว ก็เลยฟิวขาดด้วยความโมโห 

    เลยไม่ได้ดูอะไรให้ดี "


    ปู่อินทร์ กล่าว


    " ข้าก็แกล้งบ่นไปอย่างนั้นแหละที่จริงต้องขอบใจพวกเจ้าที่เป็นห่วงข้า ข้าเข้าใจดี ว่าแต่นี่มัน

    อะไรกัน ข้าไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ทำไมพวกนี้ทีแรกมันกลายเป็นพวกเจ้าได้ งงจริงๆ "


    ปิเยพิษทารีกล่าว  


    " ที่จริงพวกเราก็งงเหมือนกันมันอีกตัวก็ปลอมเป็นท่านไปหลอกให้พวกเราหลงไปเหมือนกัน แต่ก็เคยมี

    ที่โลกมนุษย์เราเป็นเรื่องเล่ามานาน ว่ามีสัตว์สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ แต่ที่นั่นมีแต่ว่าเป็นเสือทำได้

    เท่านั้น ไม่คิดว่าหมาป่าที่นี่จะทำได้ด้วย "


    ปู่อินทร์กล่าว  


    " ดีนะเราไม่เจอเสือ ปลอมตัวมา ตัวมันคงใหญ่กว่าหมาพวกนี้มาก "


    แสงดาวกล่าว


    " พวกไอซ์โดร์น บอกว่า ที่นี่มีทั้งหมาป่าและเสือด้วย แสดงว่าเราประมาทไม่ได้ ว่าพวกนี้

    มันจะโผล่มาอีกเมื่อไรอีก และคงแฝงร่างมาด้วย "


    กานต์กล่าวเขาจำคำนั้นได้  


    " ใช่ อุ๊ย "  


    ปิเยพิษทารี สะดุ้งเมื่อเขาหันไปเห็นหน้าของอรัญ  เขาพยายามจะถอยเล็กน้อย ดุจปรายเข้าใจ

    อาการนั้น



    " ท่านพิษทารี หน้าอรัญเป็นเช่นนี้ เพราะต่อสู้กับหมาป่าอีกตัวทางด้านโน้นจะ ไม่ใช่ว่าเป็นตัว

    อะไรแปลงมาหรอก ฮิฮิ "


    และเธอก็อดหัวเราะไม่ได้อีก  


    " นึกว่าเออ.. ไม่เป็นไร ..พอตอนนี้เจออะไรแปลกแบบนี้ก็ระแวงไปหมด "


    ปิเยพิษทารีกล่าว


    " ท่านพิษทารีคิดว่าอรัญเป็นพญาครุฑ ปลอมตัวมาละสิ "


    แสงดาวยังหยอกต่อ  อรัญค้อนอีก ที่โดนคนแกล้ง    พอได้หัวเราะบ้างทำให้บรรยากาศดีขึ้น


    " อยู่ใกล้ข้าไว้ละกันครานี้ อย่าห่างกันเหมือนเมื่อกี้นี้เด็ดขาด  ข้ายังรู้สึกว่ามีอะไรคอยแอบจ้อง

    มองเราอยู่อีก "  


    ปิเยพิษทารีกล่าว พวกเขาเสียเวลากับตรงนี้ไปนานพอสมควร  พอเดินทางมาได้สักพักท้องฟ้า

    ก็เริ่มมืด



    " เราเสียเวลาตรงนั้นมากเลยวันนี้คิดว่าวันนี้คงยังเดินทางไม่พ้นเขตพวกมันนะ คงจะมืดซะก่อน

    แล้ว เห็นทีคืนนี้ต้องนอนบนปิเยกัน ข้างล่างไม่ปลอดภัยแน่  "


    ปิเยพิษทารีกล่าวทุกคนก็เห็นดว้ยดังคำเขา  พอเริ่มสลัวหนทางข้างหน้าเริ่มจะไม่ชัดเจน

    ทั้งหมดก็ตัดสินใจ ปีนขึ้นที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง


    " โฮ๊กๆ "


    เสียงเสือดังขึ้นไม่ไกลเท่าไรนัก


    " นั่นไงว่าแล้วอย่างที่ท่านพิษทารีห่วงจริงๆดีนะทีเรารีบขึ้นมาก่อน บรรยากาศ โพล้เพล้

    แบบนี้เเหละที่ไอ้ลายสมิงมันจะออกล่าเหยื่อตามที่คนโบราณบอก "  


    ปู่อินทร์กล่าว  และระหว่างที่ขึ้นมา เกือบถึงกิ่งไม้ กิ่งที่คาดว่าน่าจะอาศัยนอนได้ เสียงป่าก็ดัง

    สวบสาบ เหมือนมีอะไรเดินเข้ามาหาต้นไม้นี้ ทั้งหมดรีบสาวมือเร่งขึ้นไปที่กิ่งไม้เป้าหมายอย่าง

    เร่งด่วน และพยายามไม่ให้มือหลุดจากกิ่งไม้ เกรงจะหล่นไปเบื้องล่าง



    " พวกท่านขึ้นไปบนนั้นทำไมกันน่ะ หนีอะไรเหรอ "


    เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น ปู่อินทร์เป็นคนแรกที่ขึ้นไปถึงกิ่งไม้นั้นก่อนใคร จึงให้สามารถมองลงมา

    เบื้องล่างได้สะดวกพอจะมองเห็นร่างใครคนหนึ่งได้ชัด  


    " ท่านดิวาเกรดสอง โอ..มาได้ไงเนี่ย "


    ปู่อินทร์อุทานเสียงดัง พวกที่ปีนอยู่ชะงักเล็กน้อย  


    " พวกท่านลืมของไว้ ข้าเลยตามเอามาให้ "


    เสียงนั้นกล่าวดังขึ้นมาอีกครั้ง


    " รอก่อนนะเดี๋ยวพวกเราขึ้นมาอยู่บนนี้หมด จะบอกทางให้ท่านขึ้นมาคุยกันบนนี้ ข้างล่าง

    อันตราย "


    ปู่อินทร์ ตะโกนสวนตอบลงไป   เขาพยายามดึงมือทุกคนขึ้นไปบนกิ่งไม้ให้หมด จนกระทั่งถึง

    ปิเยพิษทารี



    " ท่านดิวามาได้ไงดีนะที่เขาส่งเสียงมาก่อนไม่งั้นคงคิดว่ามีตัวอะไรมาอีกแน่ โอ ..ข้าอดสูใจจริง ที่ปิเย

    อย่างข้า ต้องลนลานหนีภัยขึ้นมาอาศัยปิเยที่นี่ บนนี้"


    พิษทารีกล่าวกับปู่อินทร์  


    " ไม่เป็นไรนี่ท่านท่านก็มีพิษสง มากพออยู่แล้ว พวกมันคงทำอะไรท่านไม่ได้หรอก คืนนี้ท่านพัก

    ข้างล่างต้นไม้นี้ก็ได้ ดีจะได้ให้ท่านรับของที่ดิวาเกรดสองด้วย "


    ปูอินทร์กล่าว


    " ไม่เอาล่ะข้าก็พูดไปอย่างนั้นแหระ ที่จริงข้าไม่ลังเลที่จะขึ้นมากับพวกท่าน ก็เพราะข้าก็กลัวอยู่

    เหมือนกัน  ข้าก็พึ่งรู้ว่าข้าจะไว้ใจตัวเองทุกอย่างไม่ได้เลย เมื่อเจอเหตุการณ์เมื่อบ่ายนี้ ส่วนท่าน

    ดิวาเดี๋ยวก็ให้เขาปีนขึ้นมาบนนี้แหละ ข้างล่างจะมืดสนิทแล้ว พวกเราลงไปไม่ปลอดภัยแน่ "


    ปิเยพิษทารี กล่าว  เมื่อทั้งหมดขึ้นมาได้แล้ว


    " ปู่ ท่านดิวาเกรดสองเอาอะไรมาให้พวกเราหรือ ก็ไม่เห็นว่าเราจะลืมอะไรกันเลยนะ "


    ดุจปรายถามอย่างสงสัย  


    " ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงต้องเป็นอะไรที่สำคัญแน่ ไม่งั้นคงไม่มา แต่ก็น่าแปลกอยู่ ทำไมไม่มีผู้คุ้ม

    กันที่เป็นเกรดสิบมา หรือมีแต่เราคงไม่เห็น เพราะข้างล่างตอนนี้ก็มืดแล้ว  เพราะท่านดิวาเกรด

    สองบอกว่าไม่ค่อยได้ออกมานอกอุโมงค์ เพราะกลัวพวกเดฟโดรนเห็น  แสดงว่าหลังจากนี้ ท่าน

    คงไปที่นี่จริงจึงไม่ห่วงใครเห็นแล้ว เอาไว้เขาขึ้นมาแล้วค่อยถามให้พวกเราสงสัยแล้วกัน "


    ปู่อินทร์สรุป  


    " ท่านดิวา ท่านมาทางด้านนี้เลยพวกเราขึ้นมาด้านนี้ "


    ปู่อินทร์ตะโกนสั่งลงไป เพราะเห็นว่าเงาตะครุ่มด้านล่างยืนอยู่ไม่ตรงจุดที่น่าจะขึ้นต้นไม้ต้นนี้ได้

    สะดวกกว่า  


    " ทางนี้ไช่ใหม "


    เสียง คนข้างล่างกล่าวพร้อมกับเดินอ้อม มาตรงจุดที่เขาคาดว่า น่าจะเป็นเป้าหมายที่คนข้างบน

    บอก



    " ปู่..อินทร์สงสัยสิ่งที่ท่านดิวาจะเอาอะไรมาให้เราน่าจะลักษณะ เป็นเชือกหรือเถาวัลย์นะ ตอน

    เสียงเดินมาด้านนีมีเสียงลากมาด้วย "


    อัครชัยแสดงความเห็น ปู่อินทร์ช่วงนั้นไม่ทันได้ฟังเพราะจดจ่ออยุ่กับการบอกทางดิวาเกรดหนึ่ง


    "พวกเราลืมเชือกเหรอ คงไม่ใช่มั้ง พวกเราไม่ได้ลืมนะ มันอยู่ในเป้ตลอด เขาจะลากอะไรเดี๋ยวก็

    ก็คงได้รู้ "


    ปู่อินทร์กล่าว  


    " คงไม่ใช่เชือกหรอกถ้าถือเชือกมาด้วยเขาคงปีนไม่ได้คล่องแคล่วอย่างนี้ ดูสิขึ้นมาได้เยอะแล้ว

    ท่านดิวาก็ปีนต้นไม้เก่งเหมือนกันนี่ "


    ปิเยพิษทารีกล่าวพลางชึ้ให้ทุกคนดู  และทันทีที่ปู่อินทร์ เห็นท่าทางการปีนต้นไม้ของดิวาเกรด

    หนึ่งถนัด  


    " ข้ารู้แล้วล่ะท่าทางการปีนต้นไม้แบบนี้ เมื่อกี้เขาลากอะไร "


    ปู่อินทร์กล่าว


    " ปู่อินทร์ เก่งขนาดเห็นแค่ท่าทางการปีนต้นไม้ของท่านดิวาเกรดสองแล้วรู้เชียวเหรอว่าเขาลาก

    อะไรมา มุกเปล่าปู่  


     แสงดาวกล่าวอย่างติดตลก เธอยังไม่เข้าใจความนัยคำพูดของปู่อินทร์  


    " ไม่มุกหรอก เรื่องชีเรียส ท่านดิวาที่เราเห็นนี้ ข้าสงสัยว่าเขาจะลากหางมา "


    ปู่อินทร์ตอบ แต่คำตอบ กลับทำให้ทุกคนยังไม่รู้ทัน  


    " ลากหางอะไรละปู่ ท่านดิวาไม่มีหางจะลากได้ไง  "  


    แสงดาวซักต่อ


    " ท่านดิวาไม่มีหางก็ถูก แล้วอะไรล่ะที่มีหาง และมันชอบลากหาง  จนทำให้เราต้องหนีขึ้นมาพักกันอยู่

    บนนี้ พวกเจ้าดูทางทางการปีนต้นไม้ขึ้นมาสิ นั้นมันท่าทางเสือชัดๆ นั่นไม่ใช่ท่านดิวาหรอก เราได้เจอ

    กับสมิงแล้ว "  


    ปู่อินทร์ตอบ


    " เสือสมิง "


    ทั้งหมดอุทานขี้นพร้อมกัน ด้วยเสียงค่อนข้างด้ง พร้อมกับสดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น


    "  โฮ๊กๆ "


    ทันที ที่สัตว์ร้ายที่แฝงร่างมารู้ว่าทั้งหมดรู้แล้วว่าเป็นมัน   เจ้าสมิงร้าย ร้องข่มขู่ทันที่ และร่าง

    ที่เเฝงมาในร่าง ดิวา ก็คืนร่างเดิม ทั้งหมดตกใจเพราะจู่ๆร่างที่เขาเห็นเมื่อครู่กลับกลาย

    เป็นเสือลายพากกลอนขนาดยักษ์ เกาะอยู่ที่ต้นไม้นั้น



    " ไม่ต้องกลัวมัน พวกเราอยู่ที่สูงกว่า และมันก็ต้องใช้ขาเกาะต้นไม้ด้วย ตะปบเราไม่ถนัด ให้มัน

    ขึ้นมาเหอะ "


    ปู่อินทร์ตะโกนลั่น เจตนาให้เจ้าสมิงร้ายร่างยักษ์ได้ยินด้วย เพื่อข่มขวัญมันในที แต่เจ้าเสือไร้

    กลับไม่หวั่น และที่ร้ายกว่านั้น



    " เจ้าไม่ต้องมาข่มขวัญข้าเสียให้ยาก วันนี้ ข้าต้องได้อาหารเท่านั้น เจ้าพวกหมาตัดหน้าข้ามาที

    หนึ่งแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยอาหารให้หลุดมือข้าแน่ "


    " โอ..เเม่เจ้าโว้ย มันพูดได้ ทั้งร่างแปลงและร่างจริง อย่างนี้นี่เองเราถึงได้ไม่สงสัยมันเลยตั้งแต่แรก "


    ปู่อินทร์กล่าว


     "ให้มันพล่ามไปก่อนเหอะ ขึ้นมาอีกนิด ข้าจะให้มันลงไปนอนหลับอยู่ข้างล่างเอง "  


    ปิเยพิษทารีกล่าว  ทุกคนเข้าใจทันทีว่าเป็นสิ่งที่ ปิเยพิษทารีทำได้จริงอย่าที่พูด แต่เจ้าเสือร้าย

    มันไม่รู้ มันมั่นใจในพิษสงของมัน ร่างขนาดใหญ่และกรงเล็บอันแหลมคม ทุกก้าวที่มันปีนขึ้นมา

    คมเล็บได้ฝังเข้าไปในเนื้อไม้ อย่างฝังแน่นและมั่นคงยิ่งนัก ทำให้มันเหิมเกริมและโดยที่มันไม่รู้

    ตัว และเมื่อมันเข้ามาใกล้อีกนิดเดียวจะถึงเหยื่อของมันร่างกายของมันเริ่มหมดสติ  ไม่มีแรงแม้

    จะยึดเกาะต้นไม้ไว้ได้  ทำให้ร่างมันลอยละลิ่วร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง


    " ตุ๊บ "


    ทันทีที่ล่างนั้นถึงพื้น


    "  ฮึ. นึกว่าแน่ "


    จามิกรกล่าวหลังจากที่เห็นร่างเสือเป็นเช่นนั้น


    " มันจะตายใหม "


    แสงดาวถาม  


    " ไม่หรอก ความสูงแค่นี้ เทียบกับขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของมัน"


    ปู่อินทร์กล่าว  


    " แต่มันคงหลับไปอีกหลายชั่วโมงเเหระ ข้าสลักพิษไว้ค่อนข้างเยอะ ให้มันนอนเฝ้าโคนปิเยนี้

    ไว้ด้วย คงไม่มีอะไรกล้าเข้ามาอีกคืนนี้ "


     ปิเยพิษทารีกล่าวเสริม


    " ตัวมันใหญ่จริงๆนะ ถ้าเราเจอตัวนี้ก่อนคงลำบากแน่ เขี้ยวของมันใหญ่กว่าดาบพวกเราอีก "


    ดุจปรายกล่าว เธอรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนักจากการที่ได้เห็นมันใกล้


    " เสือมันคงต้องใหญ่กว่าหมาอยู่แล้ว  แต่เหมือนกันทุกที่ มีการแย่งชิงกันระหว่าง สองเผ่าพันธุ์

    นี้ ที่โลกเราก็เป็น หมาก็ล่าเป็นฝูง "


    ปู่อินทร์แสดงความเห็นและได้สั่งกำชับต่อ


    " คงไม่น่าเป็นห่วงแล้วนะคืนนี้ เฝ้าเวรยามกันบนนี้ ผลัดละคนสองคน คอยดูว่าจะมีพวกมันปีนขึ้น

    มาหรือเปล่า ไม่ต้องไว้ใจสิ่งที่เห็นทั้งนั้น ใครมาเรียกก็ให้สงส้ยไว้ก่อน เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่า

    ถ้าเป็นเสือสมิง มันปลอมตัวและพูดได้ ด้วย"  


    เมื่อเข้าใจแล้วทั้งหมดก็ขยับไปคนละที่บนกิ่งไม้นั้น  ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก

    ทำให้มีที่พอสำหรับการพักของคืนนี้


      อากาศเย็นมากยามดึกสงัด อรัญบอกให้ดุจปรายพักเพราะเขาจะเป็นหูเป็นตาให้เองเพราะตอน

    นี้เป็นเวรผลัดของทั้งสอง  อรัญก้มลงดูเบื้องล่าง ร่างเจ้าเสือร้ายยัง คงนอนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น

    เขาคิดว่าอีกไม่นานคงสว่างแล้ว และระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น


    " พรึ๊บๆ "


    อรัญได้ยินเสียงหนึ่งแต่เขาไม่รู้ว่ามันมาทางใหน   เขาก้มมองฝ่าความมืดลงเบื้องล่าง รู้สึกได้ว่า

    ต้องมีอะไรผิดปรกติแน่   แต่เบื้องล่างยังคงเงียบสนิท ต้นไม้ไม่ไหวติงทำให้รู้ว่าไม่มีตัวอะไร

    เคลื่อนใหวอยู่ข้างล่าง ความเงียบและความเป็นปรกติดีของเบื้องล่างทำให้อรัญคิดว่าเขา เขาคง

    หูฝาดไป เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้คงเป็นเสียงของลมพัดโดนกิ่งไม้นั่นเอง และเขาก็ได้หันมามองแฟนสาวอีก

    ครั้งเพื่อดูว่าเธอหลับสบายดีหรือไม่ แต่เมื่อเขาหันมา


    " อุ๊ย แสงดาว "


    อรัญอุทานเบาๆ ด้วยความตกใจ ในความมืดสลัว แสงดาวมาอยุ่ตรงข้างๆเขาตั้งแต่เมื่อไร


    " มีอะไรหรือ "


    อรัญถามแสงดาว  แต่เธอกับส่ายหน้า และสิ่งที่อรัญไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แสงดาวเอื้อมมือมากอด

    คออรัญไว้   อรัญรู้สึกอึดอัดใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดีใจมาแต่ตอนนี้ เขาพยายามเหลือบมอง

    ดุจปรายที่นอนอยู่ข้าง กลัวเธอจะตึ่นขึ้นมาเห็นภาพในขณะนี้เข้า เเต่ก็โล่งใจเพราะเห็นเธอยัง

    คงหลับสนิทอยู่   พยายามมองไปที่อัครชัย ที่นอนห่างออกไปกับแสงดาวก่อนหน้านี้ เขาเกรง

    อัครชัยจะเข้าใจผิดเช่นกัน


    " แสงดาว ทำอะไรเนี่ย เป็นอะไรเปล่า "


    เขาพยายามถาม แต่เธอก็ส่ายหน้าอย่างเดียวหนำซ้ำยังกระชับวงกอดแน่นขึ้นไปอีก  อรัญเริ่ม

    อึดอัดใจ แสงดาวได้เอาจมูกของเธอมาคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขา และทันใดอรัญก็ต้องตกใจ

    เขาเหลือบไปเห็นอัครชัยเริ่มเข้ามาที่เขาอีกคนแล้ว


    " ใจเย็นๆนะหมอ เป็นเรื่องเข้าใจผิด "  


    อรัญบอกเสียงสั่น กลัวอัครชัย จะสะเทือนใจภาพที่เกิดขึ้น   และเขายิ่งตกใจหนักขึ้นอีกเขา

    เห็นอัครชัยถือมีดมาด้วยและแสงดาวเองก็ยังคงไม่สนใจ ยังคงคลอเคลียอยู่ที่ลำคอเขาอยู่อย่าง

    นั้น  


    " เฮ้ยๆ ไม่ "  


    อรัญร้องห้าม อย่างตกใจสุดขีด เขาเห็นอัครชัยเงี้อมีดสุดมือ


    " ฉึก "


    แผ่นหลังของแสงดาวคือเป้าหมายนั้น  แสงดาวสะดุ้งสุดตัวเธอผงะและไม่คาดคิดร่างของเธอ

    เสียหลักผลัดจากกิ่งไม้ด้วย อรัญหันหลังไปคว้าร่างเธอไม่ทัน โดยที่อัครชัยก็ยืนดูไม่ยอมคว้า

    ร่างเธอไว้ ทำให้ร่างของเธอหล่นลงสู่เบื้องล่างทันที   



    " ไอ้หมอ แกทำบ้าอะไร "


    สิ้นคำด้วยความโมโหอรัญกระโจนเข้าหาร่างอัครชัยทันที  แต่เนื่องจากอยู่บนกิ่งไม้ทำให้เขา

    ทำร้ายอัครชัยไม่ได้ถนัดนัก


    "  แก ฆ่าแสงดาวทำไม "


    อรัญตะโกนลั่นอีกครั้ง   ครานี้ทุกคนตื่นกันหมด

     ดุจปรายตื่นมาเห็นว่าแฟนของเธอมีอาการเหมือนคนคลุ้มคลั่ง และพยายามจะทำร้ายอัครชัย เธอจับตัว

    เขาไว้และเขย่าพร้อมกับถาม  


    " พี่ อรัญ พี่อรัญ..มีอะไร "  


    อรัญโผเข้ากอดดุจปราย ครานี้ เขาเริ่มสะอื้นไห้


    " ปราย ปราย  ไอ้หมอ มันฆ่าแสงดาว "  


     " หา ..เรื่องอะไรพี่หมออัคร จะไปฆ่าแสงดาวทำไม พี่อรัญเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า หรือว่าพี่อรัญ

    เผลอหลับไป   แล้วละเมอ หรือฝันว่า .  


    ดุจปรายพูดได้แค่นั้นกลับถูก อรัญ ตวาด เสียงเเข็ง


    " ไม่ได้หลับ ไม่ใช่ความฝัน นี่เรื่องจริง ไอ้หมอมันก็อยุ่นั้นไง ทุกคนถามมันสิว่ามันทำอย่างนั้น

    ทำไม บอกมันแล้วว่าภาพที่เห็นมันเข้าใจผิด  "


    " พี่อรัญนั่นแหละ เข้าใจผิด "


    เสียงหนึ่งดังขึ้น อรัญ จำเสียงนั้นได้ดีเขาแปลกใจมาก  

     
    " แสงดาว นี่เธอไม่เป็นไรหรือนี่ แล้วเมื่อกี้นี้ ที่ถูกแทงแล้วร่วงไป เออ.."  


    อรัญ ถามอย่างเเปลกใจ เขามั่นใจว่า เหตุการณ์เมื่อกี้นี้ เขาไม่ได้ตาฝาด และไม่ได้ฝันไปแน่ๆ


    "  อรัญไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไปหรอก  แต่ร่างที่อรัญเห็นนั้นไม่ใช่ แสงดาว "  


    อัครชัยเริ่มกล่าวอธิบาย


    " ไม่ใช่แสงดาวหรือว่า มีอะไรแปลงร่างมา.เออ.."


    อรัญเริ่มจะเข้าใจ


    " ใช่แล้ว ระหว่างที่ผม และแสงดาวแยกไปพักและส่งการเฝ้าระวังให้อรัญและดุจปรายนั้น ผม

    และแสงดาวยังไม่ทันได้หลับ  เราสองคนสังเกตุเห็นมีสัตว์ ชนิดหนึ่งตัวใหญ่มากบินไปมา เรา

    ทั้งสองไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว แต่สังเกตุได้ว่ามันน่าจะเป็นค้างคาวยักษ์  ก็พอดีเห็นมันบินอ้อมไป

    ด้านที่อรัญนั่งอยู่เลย ตามไป  เห็นมันเกาะข้างอรัญ และเปลี่ยนร่างเป็นแสงดาว และ มัน

    พยายามจะกัดลำคอ ของอรัญ ก็เลยรีบเข้าไปช่วยอย่างที่เห็น "



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×