ลำดับตอนที่ #35
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : สิ่งที่รออยู่ปลายอุโมงค์
หลังจากที่พักใหญ่ทั้งหมดพอมีสติและหายจากอาการมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
" ใหนท่านตะเคียน่าบอกไม่มีสัตว์ในอุโมงค์ไง อันตรายนะ ตัวมันใหญ่มากคับอุโมงค์ เลยเราสู้
มันไม่ได้แน่ ถ้าเจอมันอีกหลายตัวในนั้น แค่พวกเราเดินทางในความมืดในนั้นเราก็คลำทางกัน
แย่แล้ว ถ้าต้องต่อสู้กับอะไรอีก "
มันไม่ได้แน่ ถ้าเจอมันอีกหลายตัวในนั้น แค่พวกเราเดินทางในความมืดในนั้นเราก็คลำทางกัน
แย่แล้ว ถ้าต้องต่อสู้กับอะไรอีก "
กานต์ แสดงความเห็น
" แต่ข้าคิดว่ามันคงไม่มีแล้วในนั้น สัญชาติญาณของจรเข้ก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบอยู่รูอยู่ถ้ำ มัน
คงเข้าไป แต่คิดว่าไอ้ตัวนี้มันคงไม่กลับมาหรอก ดูมันขวัญเสีย คงตกใจเสียงตะโกนของ ท่าน
พิษทารี ด้วย ดีแล้วทีมีการตะโกนกัน ถ้าเข้าไปอีกหน่อยใกล้ตัวมันเราหนีไม่ทันแน่"
คงเข้าไป แต่คิดว่าไอ้ตัวนี้มันคงไม่กลับมาหรอก ดูมันขวัญเสีย คงตกใจเสียงตะโกนของ ท่าน
พิษทารี ด้วย ดีแล้วทีมีการตะโกนกัน ถ้าเข้าไปอีกหน่อยใกล้ตัวมันเราหนีไม่ทันแน่"
ปู่อินทร์กล่าว
" งั้นเราก็ต้องกลับเข้าไปอีกหรือ ถ้าในนั้นไม่มีอะไรแล้ว "
ดุจปรายกล่าวอย่างระแวง
" ทำไมล่ะครานี้มั่นใจว่าปลอดภัยกว่าคราวที่แล้วอีกนะ จะไม่เข้าไปได้ไง ลืมเเล้วเหรอเรามี
ภารกิจสำคัญ "
ภารกิจสำคัญ "
แสงดาวกล่าว
" ไม่หรอก ว่าแต่ก็หวาดเหมือนกัน คนนะ ขอเวลาทำใจอีกนิดแล้วกันยังไม่หายตกใจเลย "
ดุจปรายกล่าว
" ไม่ใช่คนธรรมดานะ คนรักของผมด้วย "
อรัญพูดแทรกขึ้นอีก ครานี้มีเสียงดังขึ้นอีกหลายเสียง
" อ๊วก ๆ"
และก็ตามด้วยเสียงหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี
" ถ้าไม่มืดก็ยังดีนะ คงไม่ค่อยหวาดอะไร นี่เราต้องกลายเป็นคนตาบอดสองวันเลยสินะ อากาศ
ไม่ค่อยมีนะ อึดอัดอย่างนี้จะไหวเหรอ "
ไม่ค่อยมีนะ อึดอัดอย่างนี้จะไหวเหรอ "
เสียงดุจปรายกล่าวขึ้นอีกหลังจากเริ่มเดินทางเข้ามาใหม่ และเข้ามาได้ลึกกว่าเดิม พร้อมทั้ง
เหตุการที่เงียบสงัด และอากาศเริ่มเบาบางอึดอัด
เหตุการที่เงียบสงัด และอากาศเริ่มเบาบางอึดอัด
" อ้าวลืมเลย ขอโทษที "
เสียง พิษทารี ดังขึ้นหลังจากได้ยินเสียงดุจปรายบ่น
" ลืมอะไรหรือท่าน "
ดุจปรายถาม
" ก็อากาศหายใจนะสิ รับปากว่าจะแบ่งให้พวกท่าน "
พิษทารีนิ่งไปสักครู่ พวกอรัญก็รู้สึกว่าได้รับอากาศและหายใจได้คล่องขี้น
"โอ้มหัศจรรย์จริงๆท่าน ท่านทำได้อย่างไร "
กานต์ กล่าวหลังจากได้รับอากาศ ที่ได้รับจาก ปิเยพิษทารี
" ปิเยที่โลกมนุษย์ เจ้า ก็ทำได้อย่างข้าเหมือนกัน เพียงแต่เจ้าสื่อสารกับเขาไม่รู้เรื่องเท่านั้นจึง
สั่งให้เขาทำทันทีไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามใจเขาว่าจะให้เมื่อไรในเวลาใด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ปิเยโลกเจ้าทำ
กลับมาไต้อุโมงอีกครั้ง
" แต่ปรกติพวกมันไม่ค่อยมาอยู่ในที่แบบนี้หรอก เหมือนมันหนีอะไรลงมาในนี้ แสดงว่าเรา
คงใกล้ทางออกแล้ว "
สั่งให้เขาทำทันทีไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามใจเขาว่าจะให้เมื่อไรในเวลาใด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ปิเยโลกเจ้าทำ
ไม่ได้ คือสามารถทำได้ทันทีที่ต้องการ อันนี้มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวของปิเยข้า ไม่ได้มีแต่
อากาศดีอย่างเดียวนะ อากาศเสียข้าก็สามาถปล่อยให้ได้"
พิษทารีพูดจบ พวกอัครชัยก็ได้พบกับความแปลกใจอีกครั้ง
" แสงสว่าง ตัวท่านเรืองแสงได้ในที่มืดได้ท่านทำได้ไง แล้วทำไมท่านไม่บอกเรื่องนี้ ปล่อยให้
พวกเรากังวลกันอยู่ได้ "
พวกเรากังวลกันอยู่ได้ "
อรัญพูดอย่างแปลกใจ ที่บริเวรนี้สว่างขึ้นเรื่อยและแสงสว่างนั้นมาจากร่างปิเยพิษทารี และมัน
สว่างมากขึ้นจนเห็นหน้ากันและระยะทางไปข้างหน้าอีกค่อนข้างไกลด้วย ทุกคนก็แปลกใจอย่าง
อรัญ
สว่างมากขึ้นจนเห็นหน้ากันและระยะทางไปข้างหน้าอีกค่อนข้างไกลด้วย ทุกคนก็แปลกใจอย่าง
อรัญ
" ข้าไม่อยากบอกที่แรก เพราะข้าจะดูซิพวกเจ้าถ้าพบกับความลำบากมากๆจะเดินทางมาเสี่ยง
ใหม แต่ข้าก็เห็นใจจริงของพวกเจ้าแล้ว ไม่มีความจำเป็นจักต้องปิดบัง ร่างกายข้าสลักพิษ
พิเศษไว้ สามารถสั่งให้ร่างกายมีแสงสว่างได้เมื่อตอนแรกเข้ามาจะเเสดงอยู่แล้วพอดีเกิดเหตุ
ที่ต้องวิ่งกลับออกไปกับพวกเจ้าก่อน "
ใหม แต่ข้าก็เห็นใจจริงของพวกเจ้าแล้ว ไม่มีความจำเป็นจักต้องปิดบัง ร่างกายข้าสลักพิษ
พิเศษไว้ สามารถสั่งให้ร่างกายมีแสงสว่างได้เมื่อตอนแรกเข้ามาจะเเสดงอยู่แล้วพอดีเกิดเหตุ
ที่ต้องวิ่งกลับออกไปกับพวกเจ้าก่อน "
ปิเยพิษทารี อธิบายเหตุผล
" โอ..ถ้าอย่างนี้พวกเราก็คงไม่ลำบากแล้วมีทั้งแสงสว่างมีทั้งอากาศในนี้ก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร
แล้ว "
แล้ว "
แสงดาวแสดงความเห็น
" ใช่ ท่านตะเคียน่า บอกเราต้องคลำทางเดินอยุ่ในนี้สองสามวัน แสดงว่าถ้าแสงสว่างเพียงพอแบบ
นี้เราก็คงเดินทางได้เร็วขึ้น อาจจะแค่สองวันเท่านั้น "
นี้เราก็คงเดินทางได้เร็วขึ้น อาจจะแค่สองวันเท่านั้น "
อัครชัยกล่าว และทุกคนก็เห็นด้วย ทั้งหมดจึงรีบเดินทางต่อ แต่แล้วเดินมาได้อีกครู่เดียวทุกคน
ก็มาสะดุดกับกองอะไรสักอย่างหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า
ก็มาสะดุดกับกองอะไรสักอย่างหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า
" อะไรน่ะ ขวางอยู่เกือบเต็มอุโมงเลยเราจะผ่านไปได้ยังไง "
อรัญกล่าว ปู่อินทร์ สังเกตุอยู่สักพักจึงจำได้ สิ่งที่กองอยุ่มีลักษณะกลมๆเหมือนลูกฟุตบอล
กองใหญ่
กองใหญ่
" ใข่จรเข้เมื่อกี้นี้นา ถึงใหญ่มากแต่ข้าก็พอจำมันได้ มันคงเข้ามาวางใข่ในนี้ รีบยกหลบและ
รีบไป มีใข่แบบนี้ เดี๋ยวมันหายตกใจ เกิดกลับเข้ามา อย่าทำให้แตกนะ "
รีบไป มีใข่แบบนี้ เดี๋ยวมันหายตกใจ เกิดกลับเข้ามา อย่าทำให้แตกนะ "
ปู่อินทร์กล่าว ทั้งหมดช่วยกันส่งใข่จรเข้มาข้างหลังอย่างระมัดระวัง มันมีจำนวนนับร้อยฟอง
กว่าจะหมดก็เล่นเอาเหนื่อยเพราะหนัก
กว่าจะหมดก็เล่นเอาเหนื่อยเพราะหนัก
" ไปเดินทางต่อ "
และปู่อินทร์ก็สั่งทันทีที่ย้ายเสร็จ
" ปู่แม่มันจะไม่ตามพวกเราเข้ามาเหรอ "
ดุจปรายถามขึ้นอีกหลังออกจากที่นั่นมาสักครู่
" ไม่หรอกกำลังมันคงหายใจได้ในที่ลึกแค่นั้น จึงได้วางใข่ตรงนั้น พวกเราถ้าไม่มีอ๊อกซิเจน
จากท่านพิษทารี คงเข้ามาขนาดนี้ไม่ได้เหมือนกัน ไม่น่าห่วงหรอก "
ปูอินทร์ตอบ พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ แล้วทั้งหมดก็เดินทางต่อ เมื่อเข้ามาลึกมากหลายชั่วโมง
บางครั้ง น้ำด้านในนี้ พวกเขารู้สึกว่ามันลึกมาก จนพวกเขาเริ่มหวั่นอยู่เหมือนกัน แต่ปู่อินทร์
บอกว่าน้ำบริเวรนั้น อาจเยอะ เพราะทางเดินแคบลง จึงทำให้ทุกคนคลายความกังวลขี้น และ
บางครั้ง น้ำด้านในนี้ พวกเขารู้สึกว่ามันลึกมาก จนพวกเขาเริ่มหวั่นอยู่เหมือนกัน แต่ปู่อินทร์
บอกว่าน้ำบริเวรนั้น อาจเยอะ เพราะทางเดินแคบลง จึงทำให้ทุกคนคลายความกังวลขี้น และ
" โอ๊ .. ข้างหน้าที่อุโมงแยกไปสองสาย ทำอย่างไรดีล่ะจะไปทางใหนแล้ว "
ปู่อินทร์ อุทานขึ้นหลังจากที่ได้เห็นภาพข้างหน้า
" พวกเราหยุดกันก่อนก็ดีเหมือนกัน ตรงนี้เป็นถำ้โถงใหญ่ มีอุโมงค์แยกไปสองทาง พวกเรา
ถือโอกาสพักและหาหนทางไปด้วย "
ถือโอกาสพักและหาหนทางไปด้วย "
ปิเยพิษทารี เสนอความเห็น แต่ที่จริงแล้วเขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ปิเยตะเคียน่า มิได้
บอกว่าจะมาเจอ อุโมงค์แยกสองเเพร่งเช่นนี้ หรือไม่ตะเรียน่าก็คงไม่รู้เช่นกันเพราะที่นี่คงไม่มี
ไครเคยลงมาได้แน่ ถ้าไม่มีความสามารถพิเศษอย่างเขา พิษทารี
บอกว่าจะมาเจอ อุโมงค์แยกสองเเพร่งเช่นนี้ หรือไม่ตะเรียน่าก็คงไม่รู้เช่นกันเพราะที่นี่คงไม่มี
ไครเคยลงมาได้แน่ ถ้าไม่มีความสามารถพิเศษอย่างเขา พิษทารี
" เนี่ยมีตัวอะไรด้วย ยั้วเยี้ยเลย ปู่อินทร์ เนี่ยตัวอะไร ไม่เคยเห็น "
เสียงดุจปรายลั่น เธอรู้สึกสำผัสได้ว่าเหยียบอะไรที่เคลื่อนใหวได้ ทั้งหมดจึงเข้าไปดู
"
"
อ๋อ สะดีน่า พวกนี้ไม่ใช่ปิเย เป็นสัตว์ที่มีเลือดเนื้อที่นี่ บนโลกท่านคงไม่มี มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดที่นี่
คิดว่านับจากดินแดนแถบนี้ขึ้นไปทางเหนือ จะไม่มีสัตว์ ที่มาจากโลกอยู่แล้วเพราะห่างจาก ประตู
ตะเนยามากและเป็นถิ่นของมัจเจ ที่แบ่งกันกับ ติอากอแล้ว ต่อไปนี้พวกท่านทุกคนต้องระวัง
มากแล้ว เขตต่อไปนี้ไม่มีมิตรที่นี่แล้ว "
คิดว่านับจากดินแดนแถบนี้ขึ้นไปทางเหนือ จะไม่มีสัตว์ ที่มาจากโลกอยู่แล้วเพราะห่างจาก ประตู
ตะเนยามากและเป็นถิ่นของมัจเจ ที่แบ่งกันกับ ติอากอแล้ว ต่อไปนี้พวกท่านทุกคนต้องระวัง
มากแล้ว เขตต่อไปนี้ไม่มีมิตรที่นี่แล้ว "
พิษทารีกล่าวและอธิบาย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ.ขบวนมัจเจ
" เอ๊ะ มนุษย์กับปิเยหนึ่งร่างหายไป มันหายไปได้ยังไง ทั้งที่เจ้าบอกข้าเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วว่าพวกมัน
ใกล้มาถึงเเล้ว "
มัจเจเสียงลั่นหลังจากได้รับรายงานจากต้นไม้ส่งข่าวว่าตอนนี้ไม่พบ พวกมนุษย์แล้ว
" จริง มัจเจนาย ตอนนี้ปิเยเราไม่เห็นพวกนั้นแล้วจริงจริง จู่จู่พวกนั้นก็หายไปเฉยเลย แถวโค้งน้ำลำ
แควอี้ "
ต้นไม้หาข่าวตอบ
" มันคงไม่ล่องหนเข้ามาได้เหมือนเรคารียะของข้าหรอกนะ พวกเจ้าอาจหาไม่ดี ส่งปิเยไปเพิ่มซิ
พยายามค้นหามัน ถ้าเจอรีบส่งข่าวให้ข้าด่วน "
มัจเจสั่งเสียงกร้าว เขารู้สึกหัวเสีย
" และอีกเรื่องหนึ่งมัจเจนายมีสิ่งผิดปรกติ ที่ตะเนยานะท่านมัจเจนาย มีปิเยรูบร่างคล้ายมนุษย์ จำนวน
มากขึ้นเรื่อยด้วย "
เสียงรายงานจากเรคาสื่อสารรายงานต่อ
" หมายความว่าอย่างไรหรือ มัจเจ มนุษย์ ปิเย ลูกน้องเจ้ารายงานอะไร ข้าไม่เห็นเข้าใจ "
โอ๊คคาระถามอย่างเเปลกใจ
" อ๋อ พวกมันหมายถึง เหล่าปิเยที่มันทำให้ร่างกายเหมือนมนุษย์ ข้าคิดว่า เหล่าปิเยของติอากอ
อาจมีการ ทำให้ร่างกายเหมือนมนุษย์มากที่สุดคงเห็นว่าอาจทำอะไรได้คล่องแคล่วขึ้นกระมัง "
อาจมีการ ทำให้ร่างกายเหมือนมนุษย์มากที่สุดคงเห็นว่าอาจทำอะไรได้คล่องแคล่วขึ้นกระมัง "
มัจเจตอบ
" พวกมันทำให้ตัวเองต่ำลงเยี่ยงนั้น ได้อย่างไร เสียแรงที่มีตะเคียน่า คอยเป็นพี่เลี้ยงให้ ติอากอ
มันไม่ได้คิดเลยหรือ ว่าสกุลปิเยเราเหนือกว่ามนุษย์ โลกพวกนั้นมาก การทำเช่นนี้ ถือว่าลดตัว
ลงไปต่ำ ทรามยิ่งนัก "
มันไม่ได้คิดเลยหรือ ว่าสกุลปิเยเราเหนือกว่ามนุษย์ โลกพวกนั้นมาก การทำเช่นนี้ ถือว่าลดตัว
ลงไปต่ำ ทรามยิ่งนัก "
โอ๊คคาระกล่าว คำพูดโอ๊คคาระ ทำให้มัจเจเกิดความคิดเปรียบเทียบ เขาเห็นว่าการที่มีสรีระ
แบบมนุษย์ ดีหรือไม่ เขาไม่รู้แต่ก็แปลกใจ ที่ทุกครั้ง มนุษย์โลกเพียงไม่กี่คนนี้สามารถเล็ดลอด
ต่อการทำการของเขาไปได้ทุกครั้งจนน่าแปลกใจ การทำตามอยากเป็นหรือมีรูปร่างเหมือนมนุษย์
แบบมนุษย์ ดีหรือไม่ เขาไม่รู้แต่ก็แปลกใจ ที่ทุกครั้ง มนุษย์โลกเพียงไม่กี่คนนี้สามารถเล็ดลอด
ต่อการทำการของเขาไปได้ทุกครั้งจนน่าแปลกใจ การทำตามอยากเป็นหรือมีรูปร่างเหมือนมนุษย์
ของปิเยของ ติอากอและตะเคียน่าอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก๊เป็นได้ โอ๊คคาระ เสียเองการกระทำของ
เขา น่าจะถือว่า น่าจะต่ำทรามมากกว่าอีกเขาให้มัจเจผิดคำ และข้อตกลงต่างๆที่ตกลงไว้กับติอากอ
มากมาย พลันความคิดเขาก็สะดุดเมื่อได้ยินเสียง โอ๊คคาระดังขึ้นอีก
" ไอ้พวกชอบร่างเป็นมนุษย์พวกนี้ พวกเราไปถึงต้องจัดการมันก่อนเลย ชอบทำอะไรต่ำๆ เช่น
นี้ อีกกี่วันเนี่ยเราถึงจะถึง ข้าร้อนใจเเย่แล้วเนี่ย "
นี้ อีกกี่วันเนี่ยเราถึงจะถึง ข้าร้อนใจเเย่แล้วเนี่ย "
โอ๊คคาระบ่นอย่างอารมณ์เสีย
" คงไม่เกินหนึ่งเดือนหรอกท่าน ก็ท่านให้พวกเราทำอะไรหลายอย่างไปด้วย เลยเดินทางช้า "
มัจเจกล่าว
" ไม่ต้องมาโทษข้า บุ่มบ่ามอย่างเจ้าคงเสียการณ์ไปนานแล้ว เอาเถอะถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น ตอนนี้เรคารียะ
ล่องหนของเจ้ามีจำนวนมากพอที่จะทำสงครามหรือยัง "
โอ๊คคาระสบทและถามต่อ
" นับสามหมื่นร่างแล้วท่าน ที่จริงเพียงร่างเดียวก็ทำการนี้ได้ เพียงแต่ขอให้เดินทางไปได้ถึงก่อน
เท่านั้น "
มัจเจตอบ
" ดีดี ข้าก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกัน เครื่องมือชุดนี้ของเจ้าข้าเห็นว่ามันน่าจะได้ผลที่สุด "
ปิเยโอ๊คคาระ กล่าว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลับมาไต้อุโมงอีกครั้ง
" แต่ปรกติพวกมันไม่ค่อยมาอยู่ในที่แบบนี้หรอก เหมือนมันหนีอะไรลงมาในนี้ แสดงว่าเรา
คงใกล้ทางออกแล้ว "
ปิเยพิษทารีกล่าว พร้อมเขี่ย ตัวลื่นยาวนามสะดือน่าไปมา
" แต่ท่านตะเคียน่าบอกว่าเราต้องเดินนานกว่านี้ ไม่น่าจะใช่นะ นี่เราเดินมาได้ประมาณครึ่งวัน
เอง "
เอง "
ปู่อินทร์ เห็นแย้ง
" อาจเป็นเพราะสองอุโมงค์ที่แยกกันก็เป็นได้นะ ทางหนึ่งอาจจะอยู่ใกล้ทางออกแล้ว และไอ้
ตัวนี้ คงเข้ามาทางนั้น แต่อีกทางอาจจะไปออกอีกที่หนึ่งตามที่ ท่านตะเคียน่าบอกก็ได้ "
ตัวนี้ คงเข้ามาทางนั้น แต่อีกทางอาจจะไปออกอีกที่หนึ่งตามที่ ท่านตะเคียน่าบอกก็ได้ "
กานต์ แสดงความเห็น
" เดี๋ยวก่อน เราต้องพิสูจน์กันบางอย่าง ใหนท่านลองดับไฟในร่างท่านก่อนซิ "
ปู่อินทร์ บอกกับปิเยพิษทารี และพิษทารีก็ทำตาม และขณะที่บริเวรนั้นมืดสนิท ในความมืด
ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
" อุโมงนี้ มีแสงสว่างรำไรจริงอย่างที่ข้าคิดจริงๆ แสดงว่าอุโมงค์นี้ใกล้ถึงทางออกแล้ว พวก
เราไปกันเถอะ "
เราไปกันเถอะ "
ปู่อินทร์กล่าว น้ำเสียงของเขาดีใจอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนพลอยยิ้มออกไปด้วย
" แต่เปิดไฟก่อนเหอะ ค่อยไป กลัวตัวอะไรเนี่ย มันกัดเปล่า ไม่รู้ "
เสียงดุจปรายกล่าว แสงสว่างค่อยๆมีขึ้นอีกครั้งจนสว่างเหมือนเดิม
" ไม่กัดหรอก พวกนี้ไม่ทำร้ายไคร มันจะกิน ชีร่าในดินเท่านั้น "
พิษทารีกล่าว ทั้งหมดพร้อมกันรุดไปอุโมงค์ทางนั้นทันที แต่ทว่าเมื่อออกจากที่นั่งพักมาได้
หน่อยเดียวกลับพบว่า
หน่อยเดียวกลับพบว่า
" อุโมงเหลือช่องนิดเดียว เราผ่านไปไม่ได้หรอก และแสงสว่างที่เป็นจุดเล็กๆปลายอุโมงค์นั่นก็
ดูไกลด้วย กลับไปที่อุโมงค์ที่แยกไปอีกทางกันเถอะ ยังไงทางนั้นก็คงไปได้ อย่างที่ท่านตะ
เคียน่าบอก "
ดูไกลด้วย กลับไปที่อุโมงค์ที่แยกไปอีกทางกันเถอะ ยังไงทางนั้นก็คงไปได้ อย่างที่ท่านตะ
เคียน่าบอก "
ปิเยพิษทารีกล่าว ทุกคนเห็นด้วยทันที และทั้งหมดก็กลับมาที่ทางแยกอุโมงค์อีกครั้ง
" น่าแปลก สะดีน่า หนีอะไรเข้ามา ธรรมดาแล้ว สัตว์พวกนี้เป็นสัตว์ มีสัญชาติญาณเตือนภัยอยู่
ปิเยเราสังเกตุการเตือนภัยได้จากสัตว์พวกนี้ ตอนที่ข้าอยุ่รวมกับมัจเจ ที่มัจติส เวลาเกิด พายี
ระ หรือภัยต่างๆ ปรกติพวกนี้ไม่มีใครทำร้ายมัน สิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ มีข้อตกลงว่าจะไม่มีปิเย
ทำร้ายมันตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่การเจอมันครั้งนี้ ลักษณะพวกมันน่าเหมือนการหนี หัวซุกหัวซุน
มากกว่า ทึ่จะพยายามจะเตือนภัยอะไร "
ปิเยเราสังเกตุการเตือนภัยได้จากสัตว์พวกนี้ ตอนที่ข้าอยุ่รวมกับมัจเจ ที่มัจติส เวลาเกิด พายี
ระ หรือภัยต่างๆ ปรกติพวกนี้ไม่มีใครทำร้ายมัน สิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ มีข้อตกลงว่าจะไม่มีปิเย
ทำร้ายมันตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่การเจอมันครั้งนี้ ลักษณะพวกมันน่าเหมือนการหนี หัวซุกหัวซุน
มากกว่า ทึ่จะพยายามจะเตือนภัยอะไร "
ปิเยพิษทารี กล่าวและตั้งข้าสังเกต หลังจากที่เริ่มเดินเข้ามาในอุโมงค์อีกทางหนึ่ง
" เป็นไปได้ใหมท่าน ว่ามันอาจตกลงมาจากปล่องอุโมงค์เล็กๆนั่น "
อัครชัยแสดงความเห็น
" เรื่องเข้ามา มันเข้ามาทางนั้นแน่ แต่ดูอาการของมัน มันหวาดกลัว สั่นๆร่างพิกล เหมือนกลัว
อะไรอย่างหนัก เพราะลำพังช่องทางแค่นั้น มันสามารถกลับออกไปไม่ยาก เพราะมันอยู่กับดิน
อยู่แล้ว จะว่ามันกลัวเพราะออกไปไม่ได้ หรือว่าข้างบนนี้คงมีกองกำลังของมัจเจมันอยู่แน่
อะไรอย่างหนัก เพราะลำพังช่องทางแค่นั้น มันสามารถกลับออกไปไม่ยาก เพราะมันอยู่กับดิน
อยู่แล้ว จะว่ามันกลัวเพราะออกไปไม่ได้ หรือว่าข้างบนนี้คงมีกองกำลังของมัจเจมันอยู่แน่
สะดือน่าจึงได้หนีลงมาอยู่ที่นี่"
ปิเยพิษทารีตอบ และเขาทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องข้างหน้าสำคัญ
กว่าให้คิดอีกมากและเรื่องนี้ ถึงสงสัยก็คงพิสูจน์เวลานี้ไม่ได้แน่
กว่าให้คิดอีกมากและเรื่องนี้ ถึงสงสัยก็คงพิสูจน์เวลานี้ไม่ได้แน่
"ก๋องๆๆ"
เสียงหนึ่งดังขี้น มันก้องดังมาอาจจะอยู่ไกลหรือไม่ ไม่อาจรู้ได้แต่พวกเขาทั้งหมดได้ยินถนัด
ทั้งหมดหยุดเดินทันทีเหมือนนัดหมายกัน เห็นท่าไม่ดี พิษทารีหรี่แสงดับลงทันที
ทั้งหมดหยุดเดินทันทีเหมือนนัดหมายกัน เห็นท่าไม่ดี พิษทารีหรี่แสงดับลงทันที
" เสียงอะไร "
เสียงหนึ่งกระซิบถามในความมืด ปู่อินทร์นั่นเอง
" ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนอะไรอย่างหนึ่งตกกระทบพื้น "
ปิเยพิษทีรา ตอบ
" ข้างหน้ามีอะไร หรือมีใครแอบซุ่มรอพวกเราอยู่ "
กานต์แสดงความสงสัย
" ไม่รู้แน่ แต่ต้องระวังตัวกันให้มาก อะไรก็ไม่แน่ ในที่เช่นนี้ อาจเป็นได้ว่าพวกมันอาจจะรู้ก็ได้
ว่าพวกเรา เข้ามาข้างในนี้ "
ว่าพวกเรา เข้ามาข้างในนี้ "
เสียงปิเยพิษทารีกระซิบอย่างแผ่วเบาตอบ และทุกอย่างก็เงียบกริบ
" เราค่อยๆย่องเข้าไปอีกหน่อยอย่าพึ่งเปิดไฟนะ ถ้ามีพวกมันจริง พวกเราจะเป็นเป้าได้ "
ปู่อินทร์กล่าว แต่เมื่อทุกคนต้องคลำในความมืดกลับมีเสียงที่ดัง คือทุกก้าวที่ย่ำลงในลำน้ำ
น้อยๆที่ใหลอยู่ ทุกคนจึงพยายามเดินให้ช้าลงอีกเพื่อให้เสียงนั้นดังเบาลง หลังจากที่ย่องเเละ
ย่ำมาตามอุโมงค์ สักพัก พวกเขาก็มาถึงช่วงโค้งของอุโมงค์ เมื่อได้เห็นเช่นนั้น พิษทารีก็กล่าวขึ้น
น้อยๆที่ใหลอยู่ ทุกคนจึงพยายามเดินให้ช้าลงอีกเพื่อให้เสียงนั้นดังเบาลง หลังจากที่ย่องเเละ
ย่ำมาตามอุโมงค์ สักพัก พวกเขาก็มาถึงช่วงโค้งของอุโมงค์ เมื่อได้เห็นเช่นนั้น พิษทารีก็กล่าวขึ้น
" ไม่เห็นมีอะไรสงสัยเสียงที่ดังคงมีอะไรอยู่ข้างนอกอุโมงค์ไกลๆ และเสียงมันสะท้อนเข้ามา "
แต่เมื่อทั้งหมดย่องเข้ามาใกล้และพ้นอุโมงค์ที่โค้งมา ปู่อินทร์ซึ่งขณะนี้นำอยู่ข้างหน้าถึงกับหยุดกึก
กระทันหัน และพยายามดัน พวกเขาทั้งหมดถอยหลังมาหน่อยหนึ่ง เบื้องหน้า สิ่งที่ทุกคนเข้าใจว่าน่า
จะเป็นทางออกเพราะมีแสงสว่างนั้น ทุกคนกลับเข้าใจผิด ท่ามกลางแสงสว่างที่เห็นชัดอุโมงค์ ยังทอด
ไปสุดลูกหูลูกตา แต่ทว่าท่ามกลางแสงสว่างนั้น
ทุกคนก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก รูปร่างใกล้เคียงมนุษย์ เดินเพ่นพ่านกันไปมา และแสงสว่างนั้นเกิด
จากแท่งอย่างหนึ่งที่ตั้งไว้สองข้างผนังของอุโมงค์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น