ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #22 : สายป่านมิตรภาพ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 302
      8
      8 ก.ค. 62

     



    " ปู่อินทร์ คิดได้ไง เอาน้ำที่ผสม เรคิน สาดเจ้า ต้นไม้นั่น มันทำให้สถานการณ์ต่างๆเปลี่ยนไป

    เยอะเลยนะ "                                                                                
                       


    กานต์ถาม ปู่อินทร์ขึ้น หลังจากที่เห็นว่าสถานการณ์ต่างๆได้สงบลงในทางที่เป็นมิตรกัน              


    " พอดีข้าเห็น ไอ้ต้นไม้มันบอกเรื่องการส่งข่าว ไอ้มัจเจ และท่านติอากอ ว่ารู้สึกผิดสังเกตุ จากการ

      แสดงอาการของพวกมันที่เปลี่ยนไป จากที่มันน่าควรจะเป็น เลยคิดว่า น่าจะมีเรคา ของมัจเจ

    อยู่ในตัวพวกมันแน่  ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็น หัวหน้ามัน ก็ว่าถ้าไม่ใช่ข้าจะให้ ติอากอ พิสูจน์ไปที่


    ไพร่พลของมันเรื่อยๆทุกร่าง พอดีถูกตัว ดีนะที่พวกเรา ได้กิน เรคิน เข้าไปแล้ว ไม่ง้้นคนที่โดน

    สงสัย ต้องเป็นพวกเราแน่ "                                                                                

     
    ปู่อินทร์ ตอบ                                                                                                


    " เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว นะปู่อินทร์ นี่ขนาดกลุ่มแรกที่ มัจจิรา มันส่งเข้ามาเป็นด่านหน้า เพื่อต่อสู้กับ

    ท่านติอากอและพวกเรา  มันยังร้ายกาจขนาดนี้  ดูสิชะล่าใจกันอยู่พักเดียว  พวกเราล่วงไปเกือบร้อย

    แล้ว ดีนะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พวกเราชอบนอนใกล้กับน้ำไม่งั้นไม่รู้ว่า พวกเราจะเป็นเหยื่อไปด้วยหรือ

    เปล่า  เป็นอย่างนี้ พวกเรายังจะสบายใจได้อยู่หรือเปล่า  ยิ่งตอนที่มันยุ ให้ ติอากอ ยอมสวามิภักดิ์ กับ

    มันและจะให้เป็นใหญ่ ด้วยแล้ว ผมภาวนาว่าอย่าให้ ท่านติอากอ รับตามข้อเสนอนั้นเลย  เพราะนั่นคือ

    การที่พวกเราจะต้องเกิดอันตรายอย่างแน่นอน "                                                                                                        

    อัครชัยกล่าว                                                                                                  


    " ท่าทางเราพวกเราและ ต้นไม้กลุ่มนี้ จะมีภัย กว่าที่คิดไว้แต่แรกเสียแล้ว จริงอย่างที่          

    ปิเยอาทิส พูด เมื่อ มัจจิรา จะทำงานใหญ่ แบบหวังว่าจะไปยึดครองโลกของเรา มันต้องมี

    การเตรียมการวางแผนการไว้ พอสมควร ติอากอ จากที่นั่นมาอยู่ที่นี่เป็นพันปี  เขายังคงใช้  

    ชีวิตเดิมๆ แต่มัจเจ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันหวังจะรุกราน มันต้องมีเขี้ยวเล็บที่สะสมไว้ เพื่อ

    จะต่อกรให้ได้ชัยชนะในการรุกรานนั้น ดังเห็นได้จาก กลุ่มต้นไม้ อิสลาทิส นี้ ขนาดเป็นสมุน

    กลุ่มเล็กๆ ของมัจเจ มันยังฝึกฝนให้มี กลยุทธที่ต่างไปจากธรรมชาติที่มันควรจะเป็น โดยที่

    ติอากอ ก็คาดไม่ถึง ท่าทางศึก ครั้งนี้ คงใหญ่หลวงนักแน่ พวกเรา ต้องเต็มที่ เพราะถ้าพวกเรา

    ช่วย ติอากอ ต้าน มัจเจ ตรงนี้ไม่สำเร็จ มวลมนุษย์ชาติของพวกเรา เดือดร้อนแน่  "              



    กานต์กล่าวเสริมขึ้น


    " แต่ ปิเยอาทิส จะสวามิภักดิ์กับ ติอากอ จริงเหรอ ติอากอ เคยบอกว่า อิสราทิส เป็นต้นไม้ที่

    ปลิ้นไปปลิ้นมา ประดุจนกสองหัว การที่มันยอม ติอากอ อาจเป็นเพราะมันกำลังรู้สึกว่าตัวเอง

    แพ้ และเป็นหนทางที่มันจะอยู่รอดก็ได้  ยังไงพวกเราก็ต้องช่วยกันจับตามอง ต้นไม้กลุ่มนี้ไว้ นี่

    เห็นว่าพวกมันจะไปตามพวกที่หนีไปได้กลับมา ด้วย มันคงเป็นกลุ่มใหญ่  คงต้องอาศัยพวกเรา

    พยายามหน่อยละกัน ไม่ชอบมาพากลอย่างไร ส่งข่าวให้พวกเรารู้กันทันที "                      


    ปู่อินทร์ กล่าวพร้อมกำชับ                                                                                  

    และที่ลานด้านหน้า    หลังจากที่ ปิเยอาทิส ได้สั่งให้ไปตามพวกมันที่หนีไป กลับมาร่วม กับ

    ปิเยทาร์ แล้วมันก็อยู่ไม่ห่าง จาก ติอากอ ตามนิสัยเดิมของมัน


    " ท่านพี่  ระหว่างที่ เรคา ของมัจเจ มันควบคุมข้า มีหลายอย่าง ที่มันพูดถูกต้องนะ มัจเจ มัน

    ต้องการ สงบศึกกับ ท่านพี่ เพื่ออาศัยประตู ตะเนยา ข้ามไปโลก  ข้าบอกกับ มัจเจ ว่าข้าจะไป

    กับมันด้วย   ที่จริงแล้วข้ารับปากกับ มัจเจ มันไปอย่างนั้นแหละ ตอนนั้นเหล่า ปิเยข้า ไม่มีทาง

    เลือก ท่านพี่ก็รู้ มัจเจ มันใม่ชอบให้ใครขัดใจมัน ท่านพี่คิดถูกแล้วที่จะเคลื่อน ไพร่พล ปิเยของ

    ทาร์ ขึ้นไปที่ยอด ภูตะนาว เพราะแม่น้ำสายนี้ อีกวันสองวันนี้ ท่านปิเยพิษเซลล่า จักสาดเชื้อพิษ

    ของมัน เพื่อหวังส้งหาร ปิเยทั้งหลายที่อยู่ริมน้ำ ท้นทีที่มันรู้ว่า พวกปิเยข้า เพลี้ยงพล้ำแก่ ปิเย

    ท่าน ท่านต้องสั่งลงไป อีกสองวัน ปิเยทั้งหมด ห้ามปิเยใช้น้ำ สายน้ำแห่งนี้ขึ้นมาเป็นอาหาร  

    ได้ข่าวว่า ตะเนยา ก็เป็นต้นน้ำ ข้าและไพร่พล จะขอไปอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย คงพอได้มีชีตะ ประทัง

    ไปได้ ไว้ค่อยหาทางกันต่อ ยังไง ปิเยข้า ต้องช่วย ท่าน ติอากอและ ปิเยทาร์ จนสุดความ


    สามารถ เพื่อตอบแทน ที่ ปิเยแห่งทาร์ ทั้งหลาย ได้ไว้ชีตะ ใม่ประหัตประหาร ตามความผิดที่

    สมควรนั้น "                                                                                                  


    ติอากอ ได้ฟังคำนั้น เขาเองไม่เชื่อ ปิเยอาทิส ทั้งหมด เพราะรู้นิสัย ปิเยผู้นี้ดี แต่เมื่อมติ ปิเย

    แห่งทาร์ ได้ให้ไว้ซึ่งชีตะ มันแล้ว  ติอากอ คิดว่า ต้องให้เวลาพิสูจน์ พฤติกรรมมันก่อนแล้วกัน

    แต่ก็ได้พูดดักคอขึ้น



    " ปิเยอาทิส เรื่องการ สงบศึก ของข้ากับมัจเจ นั้น จะอย่าหมายว่าจะเกิดเลย เจ้าบอกมันส่งเจ้า

    มาทำการสงบศึกนี้ แต่รูปการไม่ได้เป็นอย่างนั้น  เจ้าและพวกสังหาร ปิเยแห่งทาร์ ไปหลายร่าง

    นัก นี่หรือวิธีสงบศึกของ มัจเจ มัน เจ้าก็เหมือนกัน อย่าคิดว่า ปิเยแห่งทาร์จะไว้ใจเจ้ามากนัก

    ถ้าเจ้า และพวก กระทำการอันไม่ชอบมาพากลอีกเมื่อใหร่ ปิเยแห่งทาร์ทั้งหลาย ไม่ปล่อยพวก

    เจ้าไว้แน่  ส่วนเรื่องที่เจ้าบอก ข้าก็ขอบใจ  อย่างน้อยเจ้าก็พิสูจน์ได้ว่าเจ้าอาจจะจริงใจที่จะ

    ช่วยเหลือข้าจริงๆ ไว้กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ความจริงไจของเจ้าอีกทีแล้วกัน  ส่วนชาว

    โลกนั้น เจ้าอย่าได้ไปยุ่งโดยเด็ดขาด พวกเขาล้ำลึกเกินกว่าที่พวกเจ้าคิดมากนัก แม้แต่ข้าเอง

    ถ้าข้าเชื่อเขา ถ้าคงไม่ต้องเสียไพร่พล ของปิเยทาร์สังเวยให้กับ มัจเจ ไป "                      
     


    ถูกดักคอไป ปิเยอิสลาทิส ถึงกับอีกอัก                                                                      


    " แล้วข้าจะพิสูจน์ให้พี่ท่านเห็น ว่าข้าจริงใจต่อท่านจริงๆ ที่ผ่านมาพี่ท่าน อาจจะไม่ไว้ใจข้าได้

    สนิทใจ เพราะพฤติกรรมของข้าที่ผ่านมาตอนถูกครอบงำ เรื่องชาวโลกข้าคงไม่ยุ่งด้วย แต่ถ้าเป็น ซาก

    ชีตะของพวกเขาหลังจากที่ตายเองไม่เกี่ยวกับปิเยข้า  ข้าขอมีเอี่ยวด้วยนะ "                                                                            

    " ฮ่าๆๆ  ได้ ถ้าเจ้ามีโอกาสที่จะอยู่เห็น ข้าก็ยินดี                                                        


    ติอากอ ตอบ                                                                                                  

    และก่อนอาทิตย์ ตกดินนั้น ไพร่พล ต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้ก็ถูกสั่งให้เดินทางขึ้นเขา ตะเนยา ท้้ง

    หมดทิัง ขอบเขต ริมน้ำเดิมไป จนพื้นที่บริเวรนั้น ว่างเปล่า    คำสั่งให้ระวังพิษจากในน้ำถูก

    ถ่ายทอดไป และส่งไปถึง สายน้ำเบื้องไต้ ทั้งหมดรับรู้ข่าวกันถ้วนทั่ว และเมื่อยึดได้แนวเขา

    เหล่าต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้ ก็หยั่งรากลงดิน เพื่อทอดลงไปหาอาหารในดินทันที กลุ่มอิสลาทิส ก็

    ใช้ผืนน้ำสายเล็กๆ ที่เป็นต้นน้ำ ที่ใหลลง จากยอด ภูตะเนยา หยั่งรากลงเช่นกัน

    เช้าของอีกวัน แต่เช้าตรู่  ต้นไม้ที่ให้ไปเฝ้าริมน้ำเดิมนั้นก็ได้กลับขึ้นมารายงาน      
                                       


    " ท่าน ปิเยทาร์  ปิเยพิษเซลล่า ได้สาดพิษ ลงแม่น้ำจริง ทางเหนือขึ้นไป ปิเยเราได้รายงานว่า

    พบปิเยริมน้ำยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก 


    ต้นไม้ต้นหนึ่งเข้ามารายงาน


    " แสดงว่าสายน้ำต้องมีพิษจริง ดีนะที่เรารู้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียไพล่พลปิเยอีกเป็นแน่ สงสารก็แต่

    ปิเยยืนต้น ที่ไม่สามารถเคลื่อนที่หนีมาจากข้างแหล่งน้ำได้ คงได้เสียชีตะกันหลายหมื่นร่างแน่  "   


    ต้นไม้ต้นหนี่งได้เข้ามารายงาน                                                                            


    " มัจเจ มันทำลายทุกสิ่งจริงๆ ถ้ามันไปยึดครองโลกได้จริง มันคงทิ้งไว้แค่ซากปรักหักพังของ

    ติยากิออ เป็นแน่แท้ ข้าสลดใจจริงๆ ขอบใจนะ ปิเยอาทิส เจ้าได้พิสูจก์อย่างหนึ่งแล้วว่าเจ้าพูด
     
    จริง แล้วมีอะไรบ้างที่เจ้ารู้มาอีก ใหนลองว่ามาซิ  "                                    
                   


    ติอากอ กล่าวพร้อมหันไปถาม ปิเยอาทิส ที่ร่วมสนทนาอยู่ตรงนั้นด้วย                              


    " ข้าก็ไม่ได้รู้ ไปกว่านี้มากมายหรอกพี่ท่าน  เนื่องจากปิเยข้า ห่างจากสายน้ำไปไกลๆ

    เหมือนปิเยอื่นไม่ได้  การประชุมวางแผนกัน ส่วนใหญ่จะเป็น ปิเยบก ทั้งหลายเท่านั้นที่เข้าร่วม

    ส่วนเรื่อง พิษลงน้ำ ปิเยพิษเซลล่า ได้แจ้งกับข้าไว้ เพราะเกรงว่าข้าจักถูกพิษของมันไปด้วย

    มันบอกว่ามันเตรียมพิษไว้มากมายหลากหลาย มันหมายจะนำไปใช้ที่โลกด้วย ยังดีนะที่ ปิเย

    พิษเซลล่า มันเหลือแค่หนึ่งเดียว เพราะมันมีพิษที่ร้ายกาจมาก ปิเยเผ่าพันธุ์มันสิ้น ชีตะ จน

    หมดสิ้น  เพราะส่วนใหญ่ได้กลายเป็นเหยื่อทดดลองพิษต่างๆของตัวเองที่มีอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก  แต่

    บางข่าววงในมีข่าวลือว่า มัจเจ แอบสังหารเผ่าพันธุ์ ปิเยพิษเซลล่าไปบางส่วน เพราะทั้งหมดอาจเป็นภัย

    แก่มัน เพราะพิษที่ทดลองนั้น และพยายามโยนความผิดต่างๆมาให้แก่พวกท่าน ว่าพวกท่านติอากอลอบ

    เข้าไปพรากชีตะของหมู่ปิเยมัน และเรื่องการตายของเผ่าพันธุ์ปิเยพิษทั้งหมด ไม่มีไครกล้าบอกกับปิเย

    พิษเซลล่าด้วย  ปิเยพิษเซลล่า หัวอ่อนและเชื่อฟังคำสั่ง มัจเจ มาก  และมันคือศัตรูของท่านด่านต่อไป 

    ที่จะมาที่นี่ต่อจากกลุ่มของปิเยข้า  "                                    



     ปิเยอาทิส กล่าว                                                                                            

    จากคำบอกเล่า ของปิเยอาทิส ติอากอ และ  ปิเยทาร์ รู้สึกหนักใจเหมือนกัน ปิเยพิษเซลล่า

    เป็นปิเยที่ลำต้นเป็นพิษ ลำต้นของมันได้ผลิตพิษต่างๆได้ และยังไม่เคยมี ปิเย ร่างใดใน        

    ติยากิออ นี่ต้านพิษของมันได้  แม้แต่ เรคา ของมัจเจ ยังไม่อาจที่จะฝังในร่าง ปิเยพิษเซลล่าได้

    มัจเจ  ควบคุม ปิเยพิษเซลล่า ได้โดยการเสี้ยมให้มันเกลียด ปิเยที่อยุ่ทางไต้ อย่าง ติอากอร์

    และปิเยทาร์     ปิเยพิษเซลล่าคิดว่าจะต้องมาล้างแค้นให้เผ่าพันธุ์ของมัน และเมื่อการโยนพิษลง

    น้ำของมันไม่ได้ผลที่กระทบกับ ติอากอร์ และเหล่าปิเยแห่งทาร์ในวันนี้ พรุ่งนี้ ปิเยพิษเซลล่า จักต้อง

    เดินทางมาด้วยตัวมันเองเป็นแน่แท้      


    " พวกท่านชาวโลก จงฟังคำข้า ปิเยพิษเซลล่า อันตรายกว่า อิสลาทิส มาก ซ้ำมันยังมาด้วย

    ความเกี้ยวกราดโกรธแค้น ปิเยข้าเอง คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ สนทนาและเกลี้ยกล่อมให้มัน

    อ่อนลงได้  หลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ มัจเจ ได้ปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ต่างๆ จนเหมือนจะเป็นการ

    สะกดจิตความชิงชังให้กับมัน   ปิเยพิษเซลล่า มันพร้อมที่จะเป็นเครื่องจักร ที่จะนำมาซึ่งการ

    ประหัตประหารปิเยเราและชาวโลกพวกท่าน   ปิเยอาทิส ได้บอกว่า พวกท่านเป็นรางวัลแรก

    ของการรุกรานนี้แสดงว่า มันมีแผนที่จะประหัตประหารพวกท่านเพื่อเป็นอาหารด้วย ทันทีที่

    กองทัพของมันยึดครองที่นี่ได้  "                                                        
                     

    คำของติอากอ ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก แม้ผู้ที่มีร่างกายที่เเข็งแกร่ง อย่างต้นไม้พวก

    นี้ยังหว้่นเกรงกับผู้มาเยือนที่มีพิษนี้  นับประสาอะไรกับพวกเขาที่มีร่างกายอันบอบบาง แต่เมื่อ

    มาถึงจุดนี้แล้ว จะให้ยอมเป็นอาหารของมันง่ายๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลยก็คงไม่ได้ ต้องให้มันรู้

    กันไปจนถึงที่สุด                                                                                                          
     
    " ไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอกท่านติอากอ ยังไงสถานการณ์ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่พวกเราวิตกกัน

    ก็ได้ พวกชาวโลกเรา มีอาวุธคือสมองของเราที่อาจจะร้ายกาจกว่าพิษ ชองปิเยพิษเซลล่า ก็ได้

    ไว้ถึงเวลาท่านก็อาจได้เห็น  บนโลกของเรามนุษย์หาวิธีแก้พิษร้ายต่างๆได้ไม่รู้กี่ร้อยก็พันชนิดแล้ว

    ตอนนี้เราขอนำข้อมูลตรงนี้ เป็นโจทย์ไปคิดก่อนละกัน เผื่อบางทีจะได้หาหนทางป้องกันการมา ของ 

    ปิเยพิษเซลล่า "                                                

     ปู่อินทร์ บอกกับติอากอ   แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกัน                                                  

     และเช้าของอีกวัน ..                                                                                        

    "  ท่านพี่ ปิเยเราทางเหนือได้ส่งข่าวมาแล้วนะ หลังจากที่มันรู้ว่าพิษของมันใช้ไม่ได้ผลกับหมู่ปิเยเรา

    ปิเยพิษเซลล่าได้เริ่มออกเดินทางมาด้วยตัวเองแล้ว คาดว่าไม่น่าจะเกินห้าวันคงมาถึงที่นี่ "                                                                    
    ปิเยทาร์ ได้แจ้งข่าว กับ ติอากอ ทันทีที่ได้พบกันตอนเช้านี้                                          

    " ปิเยเราจัก มั่นใจได้ยังไงว่า เป็น ปิเยพิษเซลล่า การเดินทางของมัน เป็นปิเยเดียว   อาจจะ

    ลัดเลาะเข้ามา  ปิเยที่เป็นพวกเราทางนั้นมีไม่มากและยังต้องหลบซ่อนอยู่แสดงตัวมิได้  จะหารู้

    ได้ยังไงถ้ามันผ่านมา "                                                                                      


    ติอากอถามขึ้นด้วยความสงสัย                                                                            

    " ปิเยเราบอกว่า การมาของปิเยพิษเซลล่าในครั้งนี้ มิเป็นความลับได้ เหล่ามวล ปิเยทั้งหลาย

    ไม่เว้นแต่ ปิเยที่เป็นสมุนของ มัจเจ เอง ก็กลับเกรงขาม ปิเยพิษเซลล่า ยิ่งนัก ต่างแหวกทาง

    เป็นบริเวรกว้างให้ ปิเยพิษเซลล่าผ่านมา ร่างของ ปิเยพิษเซลล่า มีไอพิษกระจายออกมา    

     ปิเยใดอยู่ใกล้ จะถูกพิษนั้นสิ้นชีตะ ในทันที  มีปิเยขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนที่หลบหนีมันมิได้ 

    ต่างสิ้นชีตะตามทางที่ ปิเยพิษเซลล่า ผ่านเป็นจำนวนมาก และเมื่อมันเดินทางได้สะดวกไม่มี

    ไครขวางทางมันได้แบบนี้ อีกห้าวันเท่านั้น ปิเยเรา คาดว่ามันน่าจะมาถึงที่นี่แน่  "                    

    ปิเยทาร์ ตอบ    และเมื่อได้ยินคำที่ ปิเยทาร์ ได้ บอกกับ ติอากอ นี้ ทำให้แสงดาวมีความคิด

    หนึ่งขึ้น                                                                                                        

    " แสดงว่า ปิเยพิษเซลล่านี้ สังหารสิ่งต่างๆ โดยพิษที่ลำต้นของมัน ถ้าใครไม่อยู่ใกล้มันพิษของ

    มันก็ไร้ประโยชน์  ผู้ที่จะสังหารมันจะต้องสังหาร มันได้ในระยะไกล ถ้าอยู่โลกของเราและเรื่อง

    ทางการทหารด้วยแล้วสถานการณ์แบบนี้ ไม่น่ากลัวนัก เรามีอาวุธที่ยิงได้ในระยะไกลแล้ว แต่ที่

    นี่ เราช่วยกันคิดซิว่าจะมีอะไรเคลื่อนที่ไปกระทบมันได้โดยเราไม่ต้องเข้าใกล้มัน   "              

    "  ชาวโลกคนนี้มีความคิดที่เฉียบแหลมจริงๆ  "                                                        

    ปิเยอาทิส กล่าวชื่นชมแสงดาว และพูดต่อ                                                                          

    " ปิเยข้า อยู่ในน้ำและล่องในน้ำอยุ่ตลอด ครั้งหนึ่งเคยถูก ระดมขว้างด้วยศิลาจาก ปิเยหิริน

    สมุน ของ มัจเจ เพราะไปล่วงล้ำสถานที่หวงห้ามแห่งหนึ่งของ มัจเจเข้าจักเป็นไปได้หรือไม่ถ้า

    เราจะระดมศิลาเข้าใส่ ปิเยพิษเซลล่า  เพื่อหยุดยั้งการเข้าถึงตัวพวกเรา ศิลาเพียงไม่กี่ก้อนก็คง

    สามารถต้านร่างของ ปิเยพิษเซลล่า ได้ แรงกระแทกคงทำให้ร่างของมันแหลกสิ้นชีตะเป็นแน่ "
     

    เมื่อได้ยิน ปิเยอาทิส กล่าวเช่นนี้ ติอากอ เห็นด้วยและก็เสริมขึ้น

    " ใช่แล้ว  แม้มีพิษมาก แต่ถ้าไม่สามารถใช้ได้ ก็เปล่าประโยชน์  เจ้าเองก็มีความคิดฉลาดไม่

    แพ้ชาวโลกเหมือนกัน ข้าดีใจนะ ปิเยอาทิส ที่เจ้าคิดแบบนี้ได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ ข้า และ

    ปิเยแห่งทาร์ทั้งหลาย เห็นว่าคำพูดที่เจ้าจักให้คำไว้ ว่าจักช่วยทุกสิ่งทุกอย่างแก่ ปิเยเรา เพื่อ

    ตอบแทนการไว้ชีตะ ของเจ้านั้น มันฟังขึ้น   ในการหน้า เหล่าปิเยเรา คงไม่ระแวงเจ้าอีกแล้ว "

    และแผนการณ์ที่จะเผชิญกับศัตรูร้าย ก็เริ่มขึ้น  ติอากอ และ ปิเยทาร์ สั่งให้ปิเยทั้งหลาย ช่วย

    กันค้นหา หินและนำขึ้นมาสะสมไว้ที่ตั้ง  อรัญเสนอให้นำมากั้นเป็นกำแพงบังเก้อ ด้วยเลย เพื่อ

    เป็นป้อมปราการ ในการที่จะป้องกันศัตรูอื่นๆ อีกในภายหน้า ในสามวันถัดมา ก้อนหินจำนวน

    มากก็ได้ถูกน้ำมาเรียงกันเป็นกำแพงสูง โดยต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้เหล่านั้น มนุษย์ สอนการขว้าง

    ก้อนหินเหล่านั้น เพื่อให้แม่นยำและหวังผลได้ และเมื่อ  ปิเยพิษเซลล่า ใกล้มาถึงแล้ว พวก

    ติอากอ กลับได้รับข่าวร้าย   มีต้นไม้ที่ให้ไปสืบเรื่องนี้กลับเข้ามารายงาน                            

    " ท่าน  ติอากอ  รุ่งเช้านี้ มี ปิเย จากใหนไม่รู้มาร่วม กับ ปิเยพิษเชลล่า อีกประมาณนับพันร่าง

    และมันทั้งหมด  กำลังมุ่งหน้ามาที่นี้แล้ว คาดว่าอีกไม่น่าจะเกิดหกชั่วโมงพวกมัน ถึงที่นี่แน่ "  

    คำรายงานนั้นทำให้พวกเขาตกตะลึง มาก                                                                

    " ปิเยแห่งทาร์ นี้ เจ้าเห็นเช่นนั้นจริงๆ  ก็ใหนว่า ปิเยพิษเซลล่า มีพิษ ไม่มีสิ่งใดอยู่ใกล้ได้ แต่  

    ปิเยเจ้าบอก เห็นแบบนั้นได้อย่างไร กัน    "                                                                  


    ติอากอ ได้ถามกลับไป                                                                                      

    " พวกปิเยเรา ที่ส่งข่าวมายืนยันได้   เขาได้ยินมันคุยกันว่า ปิเยพิษเชลล่า ได้มอบยาแก้พิษให้

    กับปิเย ที่มาร่วมกับมันเหล่านั้น ทำให้ร่าง ปิเยเหล่านั้น ไม่ระคายต่อพิษ ของ ปิเยพิษเซลล่า  

    และ ปิเยนับพันร่าง ที่มาร่วมกับ ปิเยพิษเซลล่า เหล่านั้น  ปิเยเราได้บอกว่า เป็นเผ่าพันธุ์ ของ

    ปิเย หิริน ทหาร เกราะของ มัจเจ ด้วย  ทุกร่าง มีอาวุธคันยิง และคาดว่าปลายคมอาวุธน่าจะอาบ

    ด้วย พิษของปิเยพิษเซลล่าด้วย  "                                                                

                            





                                                          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×