ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #20 : จับไม้ จับมือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 398
      9
      8 ก.ค. 62

     

    และความร่วมมือกัน ก็กำลังจะเกิดขึ้น จากสองเผ่าพันธ์ และจากสองโลก                          

    ต้นไม้ได้พูดขึ้นอีก                                                          
                                       


    " มัจเจ ร้ายกาจมาก มันเป็น ปิเยที่ไม่ค่อยไว้ใจใคร การที่จะเข้าถึงตัวยากมาก แต่จุดอ่อนของ

    มันก็คือ  ผลของท่านติอากอ  สสารของของผลท่านติอากอสามารถทำลาย มัจเจได้   มัจเจถึงได้แบ่ง

    ส่วนต่างๆของร่างกายมันไปในที่ต่างๆ เพื่อทำงาน และควบคุมสมุนของมัน และการกระจายไปทั่วนี้เอง 

    ยังป้องกันตัวมันได้ไม่ให้ถูกทำลายทั้งหมด  ถ้าท่านติอากอ ทำลายร่างที่แท้จริงของมันได้ มันก็จะตาย 

    แต่ท่านติอากอไม่ได้มีความคิดที่จะทำร้ายมัจเจ มันอย่างจริงจัง  ท่านเป็นปิเย ที่สมถะ เมื่อก่อน เคยปก

    ครองปิยากิออ  ก่อนที่มัจเจ จะขึ้นปกครองก่อนนั้นพวกเราปิเยทั้งหลาย เคยอยู่กันอย่างอยู่เห็น

    เป็นสุข แต่มีปิเย บางกลุ่มมักใหญ่ไฝ่สูง อยากจะเป็นใหญ่ ได้ชักนำ มัจเจเข้ามาเพื่อทำลาย และขับไล่

    ท่าน ติอากอ แต่สุดท้ายเมื่อพวกมันทำสำเร็จ พวกมันกับถูก มัจเจครอบงำเสียเอง และตอนนี้ปิเย พวก

    นั้น ก็เป็นข้าทาสบริวารรับใช้มัจเจอยู่จนถึงทุกวันนี้ "                                                                      

     
    " อ๋อ แสดงว่า ติอากอ ที่ต้นไม้พูดถึง คือต้นไม้ที่มีผลที่แก้พิษ มัจจิรา ในตัวเรานั่นใช่ใหมคะ "


    ดุจปรายถามขึ้น                                                                                              


    " ใช่แล้วนังหนู ติอากอ ก็เป็น ปิเย ที่เคลื่อนใหวได้เหมือนข้า พวกเราถูกกองทัพ มัจเจ ขับไล่

    ลงมาทางไต้ และ ติอากอ ก็ปฎิญาณว่าจะไม่กลับไปทางเหนืออีก ที่จริงมาทุกวันนี้สมุนของ มัจ

    เจ ก็กลับใจ อยากให้ ติอากอ กลับไปช่วยปลดปล่อยพวกมันเพราะเริ่มลำบากจากการปกครองของ มัจ

    เจที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ พวกสมุนเหล่านั้นรู้ว่า มี ติอากอ เท่านั้น ที่พอจะสามารถต่อกรกับ มัจเจ ได้ แต่ ติ

    อากอ ใจแข็ง และยังคงโกรธพวกนั้นไม่หาย  ติอากอ ยืนยันว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ โดยไม่ยุ่งกับ

    ไคร และเคยให้สัญญา กับมัจเจ ไว้ว่าต่างจะไม่มาในที่ของแต่ละที่กัน แต่ตอนนี้ มัจเจเอง กลับ

    ผิดคำสัญญา  มันส่งเรคามาในพื้นที่ของ ติอากอ โดยมัจเจ อ้างว่าจะมาอาศัยผ่าน เข้าไป

    ควบคุมโลกของท่าน ผ่านทางประตูมิติ ตะเนยา  ที่อยู่ในถิ่นของ ติอากอ "              
               


    เมื่อต้นไม้พูดมาถึงตอนนี้ ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง                                                      


    " นี่มันมีความคิดจะยึดครองโลกด้วยเหรอ "                                                            


    กานต์ พูดอย่างตกตะลึง                                                                                          


    " ใช่  มัจเจ มันมักใหญ่ไฝ่สูง ระรานเขาไปทั่ว มันรู้ว่าโลกของท่านตอนนี้กำลังอ่อนแอ เพราะมี

    การแก่งแย่งกันเป็นใหญ่ เหมือนที่ ปิยากิออตอนที่มัน ยึดอำนาจได้  มันมีความคิดที่จะครองโลก

    ของท่านผ่านทางประตู ตะเนยา   เรคาของมันสามารถทะลุประตู ตะเนยา ได้ตลอดเวลา  ติดที่

    มันยังเกรงใจ   ติยากอ อยู่  มันรู้ว่าเรคาของมัน ไม่สามารถต้านพิษสงผลของ ติยากอได้ มันจึง

    หาวิธีอยู่ ที่ผ่านมามัจเจมันส่งเรคา เข้าร่างของคนที่หลงเข้ามาใน ปิยากิออ เพื่อกลับไปสืบทุกอย่าง

    บนโลก  เพราะมันรู้ว่า เลือดเนื้อจากร่างกายมนุษย์ เป็นอาหารชั้นดี และถ้ามันได้รับในปริมาณ

    มากพอ มันจะสามารถต้านพิษของ ติยากอ ได้  และเคยเห็นสมุนมันทีหนีมาอยู่ที่นี่เล่าให้ฟังว่า มัจเจ รู้

    แล้วว่าจะทำอย่างไร  ที่จะทำลายมนุษย์โลกของท่านให้เสียชีวิตได้คราวละมากๆ โดยเคยร่วงรู้แล้วได้

    จากเรคาของมันทีฝังเข้าไปในมนุษย์ ร่างหนึ่ง มวลน้ำอันมหาศาลทำให้มนุษย์ สิ้นชีตะได้คราวละมากๆ

    พร้อมทั้งดูดกินร่างมนุษย์ที่เสียชีตะจากน้ำ จะเป็นข้ออ้างที่ดีได้  มัจเจไม่สามารถ กินร่างทุกสิ่ง

    ทุกอย่างที่ยังมี ลมหายใจอยู่ ได้ มันต้องทำให้ทุกอย่างหมดชีวิตเสียก่อน จึงจะกินได้ "                            


    ต้นไม้ เล่ามาถึงตอนนี้ ทำให้อัครชัยนึกขึ้นมาได้ ชาวโลกคนนั้นคนที่ต้นไม้เล่าว่า มีรากอยู่ในตัว

    คงเป็นพ่อของเขานั้นเอง รากของมัจจิรา มันออกจากร่างเขาพ่อของเขาไปตอนที่ สีนามิ พัด

    ผ่าน มันคงออกจาร่างของพ่อเขา และกลับมาที่  ปิยากิออ นี้ เพื่อรายงานให้ต้นของมันทราบ

    แต่ตอนนั้นมันคงไม่คิดที่จะกินพ่อของเขา เพราะว่าดูจากศพพ่อเขาตอนนั้น เกิดจากน้ำเสีย

    มากกว่าหรือไม่ก็เป็นเพราะมันยึดตรึงพ่อเขาไว้กับพื้นนั่นเอง ทำให้พ่อเขาไม่สามารถหนีมวลน้ำ

    อันมหาศาล     สึนามิ ได้                                                                                      


    " นี่กลายเป็นว่า ที่เราจะไปนี่ไม่ใช่แค่ทำเพื่อทุกอย่างที่นี่อย่างเดียวแล้วนะ แต่เราต้องไปทำ

    เพื่อโลกของพวกเราด้วย  " 



    อรัญพูดขึ้น ต้นไม้ขยับกิ่งราก เคลื่อนเข้ามาใกล้


    " คงใช่ ทีจริงเราชาว ปิเย ก็ห่วง ชาวโลกเช่นกัน ปิเยเรา รู้ว่า มัจเจ ไม่สามารถ จะกินชาวโลก

    ได้เมื่อยังอยู่ใน ปิยากิออ  สักวันหนึ่งมันก็จะต้องเดินทางลงมาทางไต้และอาศัยช่องทางของ

    ตะเนยา นี้เพื่อข้ามไปทำลาย ชาวโลกของท่าน และเมื่อนั้น ความแตกหักของ ติอากอ กับ

    มัจเจ ก็เกิดขึ้นแน่ ถึง ติอากอ จะไม่ได้พูดอะไรตอนนี้ แต่เรารู้ ติอากอ คิดอะไรอยู่ ติอากอ

    พยายาม เพิ่มผล ผลิด ปิเยลูกหลาน ไว้มากมายในช่วงนี้ พร้อมทั้งส่งข่าวไปทางไต้ตลอด เรา

    มีปิเย ที่รักสงบ และเป็นพันธมิตรทางไต้อยุ่อีกหลายกลุ่ม คิดว่าพวกเขาพร้อมที่จะช่วยเราใน

    การต่อสู้หากว่าต้องเผชิญหน้ากับ มัจเจ จริงๆ "



    คำพูดของต้นไม้  ทำให้ทุกคนคิด นี่ทุกสิ่งทุกอย่างต้นไม้เล่า เป็นเรื่องจริงเหรอ จากการที่พวก

    เขาต้องการแค่ เอาสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย กลับต้องมาเข้าสู่เหตุการที่ณ์จะต้องทำการ

    ปกป้องมวลมนุษยชาติเลยหรือ                                                                            

     และระหว่างนั้นเอง  ต้นไม้อีกหลายต้น ก็เริ่มยกตัวจากพื้นและเริ่มเคลื่อนในลักษณะเหมือนเดิน

    มาสมทบ และ น่าอัศจรรย์ ทุกต้นที่เข้ามานั้นมันพูดได้   แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงจากอีกต้น

    หนึ่ง                                                                                      
                         


    " ปิเยท่าน พูดถูกทุกอย่าง เรายินดีที่ได้คุยกับพวกท่าน ชาวโลก แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย

    หรือเปล่า จากการกระทำของพวกเราที่ช่วยกันต่อต้าน มัจเจ ในคร้งนึ้ ไม่น่าจะเกินตะวันตกดิน

    พรุ่งนี้ มัจเจ มันต้องทำอะไรสักอย่างแน่ ยิ่งเรคาของมันเพลี่ยงพล้ำอย่างนี้ มันไม่ยอมแน่ ปิโย

    เรา จะคอยฟังข่าวจากพวกเราที่อยู่ทางเหนือส่งข่าวลงมาว่า มัจเจ มันจะเอาอย่างไรกับพวกเรา

    แต่ที่รู้แน่ สิ่งที่ ปิเยเรา และ ท่าน ติอากอ  กังวลว่าจะเกิดขึ้น มันคงจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แน่ "    




    คำพูดของต้นไม้ผู้มาใหม่นี้ แสดงถึงความกังวลจนสังเกตุได้ชัด แต่นั่นยังดีเสียกว่าพวกเขา

    พวกเขาอยากจะนึกว่าเรื่องเเปลกประหลาดที่เกิดขี้นตอนนี้ และจะเกิดขึ้นต่อไปอีกข้างหน้า เป็น

    ความฝัน  อะไรหลายอย่างมันประเดประดังเข้ามา จนบางครั้ง ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ พอ

    เข้าใจสิ่งนั้น สิ่งนี้ก็เข้ามาให้ทำความเข้าใจอีก และแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นไปไม่ได้แทบ

    ทุกเรื่อง    

    ปู่อินทร์ ได้เสนอให้ทุกคนน่าจะพักอยู่ที่นี่ก่อนหนึ่งคืน เพราะยังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ และ

    อีกอย่างอยากรอดูผลที่จะเกิดขึ้นอย่างที่ต้นไม้ต้นที่เตือนให้ระวังตัวบอก และทุกคนก็พักผ่อน

    โดยมีต้นไม้หลายต้น รับปากว่าจะคอยระวังอันตรายๆต่างๆให้  และอีกทั้งจะช่วยหาผลไม้ที่พอ

    เป็นอาหารให้ทุกคนได้กินอิ่ม และทุกคนก็ได้พักหลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพราะเผชิญกับ

    สิ่งที่เกิดขี้นมาทั้งวัน โดยที่มีต้นไม้เคลื่อนไหวไปมารอบตัวพวกเขา ทำให้เป็นภาพที่หน้าแปลก

    ตาเป็นอย่างยิ่ง                                                                                              


     รุ่งเช้า ดุจปรายรุ้สึกตัว เพราะรู้สึกคัน ๆ เธอลืมตา ก็เห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งอยู่ตรงหน้า เธอมองไป

    รอบๆและเธอก็ต้องแปลกใจ พื้นที่โล่งแจ้งเมื่อวานนี้ ตอนนี้กลับหนาแน่นไปด้วยต้นไม้เต็มไป

    หมด  เธอหันไปหาอรัญ ที่นอนอยู่ข้างๆ พบว่าออ้มแขนเขาโอบอยู่ที่ตัวเธอ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

    เธอยิ้มและทุบไปที่แขนนั้น พร้อมทั้งเขย่าปลุก อรัญงัวเงีย หลี่ตาขึ้นมอง แต่วงเเขนกลับกระชับ

    แน่นขึ้น                                                                                                    
       


    " ทำอะไรเนี่ย เดี๋ยวใครเห็นเข้า "                                                                          


    อรัญยิ้มพร้อมทั้งหลับตาลง พลางยกมือชี้ไปที่คนอื่นๆ  ดุจปรายมองตาม พลันก็ได้เห็น ทั้งสองสาว

    นั้นคงหลับคุดคู้อยู่ในอ้อมกอดของแฟนของเขาเช่นกัน            
                                       


    "  ให้กอดเถิดนะ เมื่อวานคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้กอดอย่างนี้ซะแล้ว "                              


    อรัญพูดทั้งที่หลับตาอยู่  ดุจปรายที่จริงก็ไม่อยากจะขัดขืนอะไร รู้สึกอบอุ่นและหลับสบายด้วย

    ซ้ำไป แต่ทว่าที่ปลุกอรัญเพราะเห็นสิ่งแปลกๆที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก                                      


    " พอแล้วตื่นได้แล้วดูอะไรนี่สิ "                                                                            


    อรัญลืมตาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแฟนสาว  สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาเริ่มคลายมือออกจากเอวแฟน

    สาวและพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง  เขามองไปรอบๆ ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เสียงกังวาลก็ดังขึ้น จาก

    ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มา                                                                                     


     
    " ปิเยเรา ทางเหนือ ได้แจ้งว่า  มัจเจ โกรธมาจากสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเราได้ช่วยเหลือมนุษย์โลก เป็น

    เงื่อนไขให้ตอนนี้มันเคลื่อนพล ลงไต้แล้วมันประกาศว่าให้สมุนของมัน จัดการกับพวกเราให้เสร็จก่อนที่มันจะลงมาถึง

    ในอีกห้าเดือนข้างหน้า  เราต้องระวังตัวกันแล้ว  ติอากอ ส่งข่าวไปหาปิเยทางไต้แล้ว อีกหนึ่งเดือนพวกเขาจะเดิน

    ทางมาสบทบ ถ้าเรายังมีโอกาสอยู่ถึงตอนนั้น "                                                      
         


    คำพูดของต้นไม้ที่เหมือนจะรายงานนั้นทำให้ความสุขของอรัญและดุจปรายสะดุด นี่จะไม่

    ให้มีเวลาแห่งความสุขกับบ้างเลยเหรอ เช้ามาตื่นขึ้นก็ต้องพร้อมรบทันที  อรัญและดุจปรายปลุก

    ทุกคนให้ลุกขึ้น และเล่าเรื่องที่ได้ฟังจากต้นไม้ให้ทุกคนฟัง                                          

     และต้นไม้ต้นนั้นก็อธิบายต่อ                                                                              



    "  มัจเจ ไม่ใช่ ปิเย ที่ เคลื่อนใหวบนดินอย่างพวกเราได้ มันจะต้องเคลื่อนใหวมาในดินและชู

    ลำต้นไว้บนดิน การเดินทางของมันคงมีสมุนจำนวนมากเดินทางมาด้วย และมันคงจะละทิ้ง

    ถิ่นฐานมัสเตติส เลยไม่กลับไปอีก  ถ้ามันทำสำเร็จปราบพวกเราได้มันอาจจะยึดครองที่นี่ หรืออาจ

    เข้าไปใน โลกของท่านแน่คราวนี้   มันฉลาดมันสร้างเงื่อนไขเพื่อเอาใจสมุนของมันมันบอกจะ

    ให้สมุนของมันดูแลที่ต่างๆที่มันยึดได้ ตลอดทางที่ผ่านมา และอาจจะได้เข้าไปดูแลโลกของ

    ท่านด้วย"                                                                                                  
     


    และเมื่อพูดได้เท่านี้ ข้างนอกมีเสียงอีกทึกครึกโครม และต้นไม้หลายต้นก็แหวกช่องหลบให้สิ่ง

    หนึ่งเข้ามา      ต้นไม้ต้นหนึ่งนั่นเอง                                                                      


    " ต่อไปนี้ ปิเยที่พูดภาษาชาวโลกได้จักต้อง พูดเป็นภาษาชาวโลกด้วย   เพื่อจะได้เข้าใจกัน

    ทันที     เจ้ามีอะไรว่ามา "                                                                                


    และเสียงของต้นไม้ที่มาใหม่ก็กังวาลขึ้น    


    " นายท่าน ตอนนี้ ปิเยเรารายงานว่า ราทิน เอ๊ย น้ำ จากเหนือ เริ่มลดน้อยลง และอีกไม่นานคงหยุด

    ใหล คาดว่า มัจเจต้องทำอะไรสักอย่างกับต้นน้ำ    เพื่อ ตัดเส้นทางอาหารหลักของเรา เราจะทำ

    อย่างไรดีครับนายท่าน  "                                                                                                  


    นั่นคือคำรายงานจากต้นไม้ที่เข้ามา    พวกเขาเลยถึงรู้ว่าต้นไม้ที่พวกเขาคุยอยู่เมื่อสักครู่นี้ เป็น

    นายของต้นไม้ทั้งปวงที่นี่    เงียบไปสักพักเหมือนใช้ความคิด


    " ไปเชิญท่าน ติกาออ มาพบข้าทีซิ  "                                                                    


    นั่นคือคำที่ต้นไม้ที่เป็นหัวหน้าพูดออกไป      ต้นไม้ผู้ซึ่งมากลับออกไป สักพักก็มีต้นไม้อีกต้นก็

    เข้ามา ตอนนี้กลับเป็นต้นไม้ที่มีผลสะพรั่ง และ พวกของอัครชัยก็ได้เห็นลักษณะของไม่ผลนั้นตรงกับที่

    พวกเราได้กินไปจริงๆ การทักทายก็ได้เริ่มขึ้น                            


    "  พี่ท่าน   เห็นที ข้าจักต้องให้พี่ท่านเป็นผู้นำ  ในการต้อนรับ มัจเจเเล้วล่ะ ลำพังความสามารถ

    ของข้าคงไม่อาจนำชัยให้กับปิเยเรา แน่   "                                                              


    เสียงต้นไม้ที่อยุ่ก่อน กังวาลขึ้น   และก็มีเสียงตอบจากต้นไม้ผู้มาใหม่                              


    "  มัจเจ มันร้ายนัก  ข้ารู้ เรื่องชาวโลกที่เกิดขึ้น มันเป็นข้ออ้างที่จะมาโจมตีพวกเรา  ลำพัง

    ไม่มีเรื่องนี้สักวันมันก็คงหาเรื่องอื่นอยู่ดี  ปิเยทาร์ เจ้าเป็นผู้นำที่นี่มานาน จะมาถอดใจเสียตอนนี้

    คงมิได้   แล้วอีกอย่างข้าเคยกล่าวไว้ ว่าจะไม่ขึ้นเป็นใหญ่อีกแล้ว  เหล่าสมุนของมัจเจ มันคง

    หัวเราะเยาะเอา ว่าข้าตบัตสัตย์ แต่เหตุการณ์นี้ข้าก็คงจะนิ่งดูดายไม่ได้เหมือนกัน มันเกี่ยวกับ

    ความเป็นความตายของ ปิเยเรา   อางึ้ ขาขอเป็นที่ปรึกษาเจ้าละกันเพื่อจะได้ไม่มีไครดูแคลน

    ข้าและเจ้าได้    เรื่องน้ำให้เจ้าสั่งลงไปให้ ปิเยเรา ทางไต้ ที่ไม่ได้เดินทางขึ้นมาสมทบกับพวก

    เรา ทำตนเป็นกำแพง กีดขวางทางน้ำไว้ เพื่อน้ำทั้งหมดจักได้ไม่ใหลลงทะเลไปหมด มัจเจ

    กับสมุนมันไม่สามารถ  ดูดน้ำไว้ได้หลายวันหลอก ยิ่งพวกมันต้องเดินทางลงมาตลอดด้วย ส่วน

    ปิเย ที่อยู่ริมน้ำตอนนี้ ให้อพยพขึ้นไปทางตะวันออกมีสายน้ำที่ใหลขึ้นเหนืออยู่ เราจักใช้ที่นั่น

    เป็นอาหาร  ไปพลางก่อน คาดว่าเราคงไม่ถึงขนาดจะต้องอดน้ำกันหรอก  ยอด ตะเนยา คือ

    ศูนย์บัญชาการใหม่ของพวกเรา เราจะใช้ที่นั่นเป็นที่ต้อนรับ มัจเจ   "                                


     นั่นเป็นคำพูดของ ติอากอ ต้นไม้ที่มาใหม่นี้  พวกเขาสันนิฐาน ได้จากรูปร่างและผลที่พวก

    เขาเคยได้กินตอนล้างพิษในร่างกาย จากมัจจิรา และคำทักทายก็ดังขึ้นอีก        
                   


    "  เป็นไงชาวโลกแห่งท่าน เห็นว่าชื่ออินทร์เหรอ "                                                      


    ปู่อินทร์ทำท่าเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินเสียงต้นไม้ทัก                                                            


    "  ครับ "                                                                                                      


    ปู่อินทร์ รับคำ                                                                                              


    " เราต้องขออภัยท่านด้วยนะ ที่ฝาก เรคินของข้าไว้ ในร่างท่าน  เรคินในอีกร้อยปีในร่างท่าน

    ข้าหวังไว้ว่ามันอาจจักต้องทำหน้าที่ แก้ เรคาของ มัจเจ เมื่อเวลานั้นมันยึดครองโลก แต่ไม่นึก

    เลยว่า ยังไม่ถึงเวลานั้น เจ้าของร่างที่ข้าฝากนี้ จะต้องเข้ามาร่วมต่อกรกับมันที่ ปิยากิออ นี้  

    ตอนที่ข้ายังอยู่ทางเหนือ ข้าเคยฝากไว้กับชาวโลกคนหนึ่งเหมือนกัน แต่คนคนนั้นคิดว่า ที่เขา

    มีอายุยืนได้เพราะ เรื่องการกินอาหารของเขา เมื่อสองร้อยปีกว่าล่วงไป ข้าเห็นนว่าไม่มี

    ประโยชน์  ที่จะคง เรคินไว้ เพราะเขาคนนั้นมั่นใจตัวเองเกินไป ข้าเลยถอดเรคินกลับ ถึงกระนั้น

    ชาวโลกยังสรรเสริญ   การมีชีวิตที่ยืนยาวของคนคนนั้นอยู่จนทุกวันนี้  ส่วนเจ้าถ้าไม่เกิดหลุด

    เข้ามาใน ปิยากิออเสียก่อน ข้ากะว่า จะให้เจ้าดูแล เรคิน ไปจนกว่า มัจเจ จะไปยึดครองโลก

    เลย "                                                                                                          


    ต้นไม้ ติอากอ กล่าว                                                                                          


    " โหคงเป็นคนจีนคนนั้นนั่นเอง  นี่ถ้า มัจเจไม่ไปโลกสักที ข้าไม่อยู่เป็นพันปีเหรอ ท่าน "                                        


    ปู่อินทร์กล่าวอย่างติดตลก    


    " อ้าวไม่ดีเหรอ เห็นชาวโลกเขาบอกอย่างอยู่แบบอายุยืนกัน "                                      


    ติอากอ กล่าว  อย่างติดตลกเช่นเดียวกัน    


    " นั่นมันคนที่ไม่เคยอยู่มาเป็นร้อยกว่าปีเขาคิดกัน ลองอยู่ไปนานๆ ก็เบื่อเหมือนข้า "              


    ปู่อินทร์กล่าว                                                                                                


    "ขอโทษที ข้านึกว่าชาวโลกอยากอยู่อย่างที่เห็นบ่นกัน เอางี้เดี๋ยววันนี้ข้าจะแก้ เรคิน ให้  ต่อไป

    นี้ เจ้าก็จะมีชีวิตปรกติ ร่างกายก็จะเสื่อมตามกาลเวลา และเสียชีวิต เหมือนคนอื่นทั่วๆไป   "    


    ติอากอ ต้นไม้ กล่าว                                                                                        


    " อ้าวแล้วพวกเราก็กิน      ผลของท่านเข้าไปเหมือนกัน แล้วพวกเราจะไม่อายุยืนเหมือนปู่

    อินทร์เหรอ"


    กานต์ถามขึ้นอย่างสงสัย  

    ติอากอ ก็เลยตอบ                                                                                          

     
    " ที่อยู่ในร่างของพวกเจ้าไม่ใช่เรคินของข้า มันเป็นเรคาของมัจเจที่อยุ่ในร่างพวกท่าน เมื่อกระทบกันทั้งสองจะหมดฤทธิเดช

    ไปในทันที  ไม่มีผลอยู่ในร่างกายพวกเจ้าหรอก    น่าเสียดายที่ชาวโลกพวกท่านจะต้องเอาชีวิตมาเดิมพัน กับปิเย

    เราด้วย พวกท่านเป็นชาวโลกที่บอบบางแต่มีใจที่เข้มแข็งน่ายกย่องมาก เราเห็นพวกท่านแสดงความรัก

    ใคร่ห่วงใจช่วยเหลือกัน ตลอด นี่เองกระมัง สิ่งที่ ปิยากิออ ไม่มีเหมือนชาวโลก   ปิเย เรามีเผ่าพันธ์ที่

    แข็งแกร่ง  ก็จริง แต่เหมือนอยู่ใครอยู่มัน น้อยนักที่จะมีความรักใคร่กัน นอกจากมีภัยใหญ่ๆ มาแบบนี้

    แหละพวกเราถึงจะพอรวมกันได้ "



    ติอากอ พูดได้แค่นี้ เบื้องหน้าต้นไม้ต้นเดิม ที่ออกไปก็กลับเข้ามาอีก                                  


    "  ท่าน ปิเยทาร์ ท่าน ติอากอ น้ำใหลปรกติแล้วท่าน ปิเยที่เหนือขึ้นไปแจ้งมา  "                  


    และต้นไม้ต้นนี้ก็รายงาน                                                                                    


    " โอ๊ะ อันตราย และ "                                                                                        


    ติอากอ อุทานขึ้น  ทำให้พวกปู่อินทร์ฉงนเป็นยิ่งนัก ด้วยสงสัยปู่อินทร์จึงได้ถามขึ้น              

     

    " จะอันตรายได้ยังไงครับ น้ำใหลปรกติไม่ดีเหรอ ก็เมื่อก่อนก็ไหลไม่เห็นเป็นไร "                


    ติอา
    กอ ตอบ    


    " มันเรื่องใหญ่นะ ปิเยทาร์ และชาวโลกทั้งหลาย มัจเจ สามารถรู้สิ่งที่เราจะทำได้จึงได้ปล่อยน้ำลงมา

    ตามปรกติ ทันที  แสดงว่ามีการส่งข่าวให้มันรู้  ที่นี้เราจะทำอะไร มัจเจ จะ รู้หมด ปิเยทาร์ เจ้าต้องไปสืบ

    ดู ว่ามีปิเยใดที่คอยส่งข่าวให้ มัจเจ รู้ หรือไม่บางที ปิเยเรา บางต้นอาจถูกครอบงำ โดย เรคาของ 

    มัจเจ อยู่ เจ้าจงนำ เรคิน แห่งข้า ไปสะสางมวล เรคา ที่อาจแฝงมาในหมู่ ปิเยเรา  เมื่อก่อนข้าคิดว่า เร

    คาในร่างพวกเจ้าเหล่ามนุษย์ คงส่งข่าวไปให้นายมัน ตอนนี้พวกเจ้าได้สางมันแล้ว แสดงว่าต้องมีเรคา

    ของมัจเจ จากที่ใดที่หนึ่งส่งข่าวให้มันรู้ได้"                              


    สิ้นเสียง ผลไม้หลายลูกทีติดอยู่กับต้น ติอากอ ก็หล่นลงพื้น  พวกเขาได้เห็นกิ่งไม้ แห่งนาม

    ทาร์ ได้งอกิ่ง ม้วนเอาผลไม้ ติอากอ ที่ล่วงหล่นเมื่อสักครู่นี้ ไว้ และเคลื่อนออกไป  หายไปพัก

    ใหญ่  ต้นไม้นาม ทาร์ก็กลับเข้ามา                                                        
                   


    " ท่านพี่ จากการที่ข้าได้ประลองเรคินของท่าน โดยทาแก่ ปิเย หลายต้นแล้วในที่นี้  ไม่ปรากฏ

    ว่า มีปิเยเรา ถูก เรคา ของมัจเจ ครอบงำเลย แสดงว่า ไม่มี ปิเยเรา ตนใด ส่งข่าวให้ มัจเจ

    ทราบในเรื่องที่เราวางแผนใดๆ กัน อาจเป็นไปได้ว่า มัจเจ มันอาจจะเปลี่ยนแผนการของมัน

    กระทันหันเอง คงเห็นว่า การกักน้ำ อาจจะไม่ได้ผลในการกดดัน ปิเย เราได้ "                    

     
    คำพูดของต้นไม้นามทาร์ ที่กล่าว แก่ ติอากอ                                                          


    "  สงสัยข้าระแวงไปเอง พอดีเหตุการณ์มันประจวบเหมาะกันพอดี ข้าคงกังวลมากไป    ปิเยทาร์

    ท่านต้องนำเรคินแห่งเรา ผสมกับน้ำ ราดรดให้ท้่วอนาเขต เเห่งปราการนี้ เพื่อป้องกันการ

    แทรกซึมของ เรคา แห่ง มัจเจ   แล้วพรุ่งนี้ เราจะย้ายปราการไป ภู ตะเนยา กัน   ที่นั่นจะเป็น

    ปราการชัยภูมิ ที่สูงเด่น จะทำให้สามารถมองเห็นศัตรู ได้ในระยะใกล   จะทำให้เราสามารถ

    เตรียมพร้อมที่จะป้องกันตัวเองได้มากกว่านี้  "                                                
             


    ติอากอ กล่าวและสั่งสำทับ                                                                                

     แล้วทั้งหมดก็ได้แยกย้ายกัน  ไปทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย เมื่อน้ำที่ผสมผล ติอากอ ได้

    ราดรดลงพื้นแล้วนั้น อัครชัย  และทุกคน ก็มีโอกาสได้เดินออกมาในรัศมีที่กว้างขี้น พวกเขา

    เริ่มสังเกตุ มีต้นไม้จำนวนมาก ซึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ ยืนหลักปักต้นอยู่ในพื้นดินจนพวกเขาเป็นเป็นต้นไม้

    ปรกติทั่วไป แต่ตอนนี้ หลายต้นได้ถอนรากและต้นขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดิน ดูยั้วเยึ้ยเต็มไปหมด 

    ราวกับปานประหนึ่งเป็นซึ่ง ไพร่พลกองทัพขนาดใหญ่  และหลายต้นต่างพูดคุยกันเป็นภาษาที่พวกเขา

    สามารถรับฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่บางต้นก็เงียบ เขาได้รับรู้ว่าต้นไม้ที่นี่ หรือปิเยตามชื่อที่นี่ มีหลาย

    หลายสายพันธ์ ทั้งที่เคลื่อนใหวได้และเคลื่อนไหวไม่ได้ พูดได้บ้างไม่ได้บ้าง  แต่พวกมันก็เคลื่อนไหว

    คล้ายกัน แต่การที่มันหยุดอยู่ใกล้ๆกันนั้น มันแสดงให้เห็นว่า ต้นไม้เหล่านั้น มันคงมีวิธีสื่อสารกันเอง 

    โดยที่เป็นแบบที่ไม่เหมือนภาษาของพวกเขาได้ อีกด้วย 

    การเคลื่อนพลของ มัจเจ ถูกรายงานเข้ามาเป็นระยะๆ และครั้ง

    หลังสุดได้รับรายงานว่า กองกำลังแนวหน้าของมัจเจ เป็นเผ่าพันธ์ต้นไม้ นาม อิตลาทิส ได้ล่องลำน้ำมา

    ล่วงหน้า คาดว่าพวกมันจะถึงที่นี่ได้อีกในสองถึงสามวัน  อิตลาทิส เป็นสมุนของ มัจเจ มันไม่ได้เป็นร่าง

    ของ มัจเจ อิสลาทิส เป็นปิเย สายพันหนึ่ง เรคินของ ติอากอ จึงไม่มีผลต่อมัน   และมันเป็นปิเย ที่

    เคลื่อนใหวได้เหมือนปิเยทาร์ และติอากอ มันเป็นปิเย ที่ชอบประจบสอพลอ และชอบเสนอตัวทำงาน

    เอาหน้า แต่ที่จริงแล้ว พิษสงของมันก็ไม่ค่อยได้ร้ายแรงเท่าไร ติอากอ รู้ดี 

     และ  การวางแผนต้อนรับผู้มาเยือนก็ได้เริ่มขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×