ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : รู้เขา รู้เรา
หลังจากที่ฝังกลบร่างของผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งร่างเป็นที่เรียบแล้ว
ทั้งหมดก็ตัดสินใจเดินทางไปจุดที่ หญิงคนนั้นได้บอกว่ามีผลไม้สำรับแก้ มัจจิรา นั้นโดยทันที
พวกเขาเดินทางลงจากเขาลงไป และอีกชั่วโมงเดียว ก็ได้มาพบส่วนที่เป็นบริเวรแม่น้ำ แม่น้ำ
สายนี้ใหญ่กว่าแม่น้ำที่ใหลขึ้นเหนือ เมื่อสองสามวันก่อนมาก แต่แม่น้ำเส้นนี้ใหลลงไต้
ความกว้างใหญ่ของแม่น้ำสายนี้ทำให้ทุกคนรู้ว่า ต้นทางของ แม่น้ำสายนี้อาจมีความใกลถึงเป็นพัน
กิโลเมตร และนั่นคงเป็นปลายทางที่เขาต้องเดินทางไป ถ้าไม่ได้ล่วงรู้ว่ามีผลไม้ถอนปรสิตอยู่บริเวรนี้
และ ณ.ริมเเม่น้ำแห่ง
นั้นต้นไม้กลุ่มหนึ่งก็ได้ชูผลสร้างอยู่เต็มต้น ปู่อินทร์เห็นเช่นนั้น เขาจำมันได้ดีแม้เวลาจะผ่านมา
เป็นร้อยปีแล้วก็ตาม
" นี่ไงไอ้นี่แหละ ที่ข้าเคยกินมันเข้าไป "
แกไม่พูดอย่างเดียวยังชี้ให้ทุกคนดูด้วย ผลไม้ที่อยุ่ตรงหน้าทุกคนคือผลไม้ที่ปู่อินทร์บอกว่าเคย
กินมันเข้า และจะเป็นผลไม้แก้พิษ ของ มัจจิรา ในร่างกายทุกคนด้วย เพราะเป็นบริเวรที่หญิงชาว
กระเหรื่ยงบอก นอกจากไม้ผลกลุ่มนี้ บริเวรนี้ ก็ไม่ไม่ผมไม้อย่างอื่นให้เห็น อัครชัยเด็ดผลไม้
นั้น เขาลังเลเล็กน้อยที่จะกินมัน
นั้น เขาลังเลเล็กน้อยที่จะกินมัน
" ถ้าเกิดมันถอนปรสิตได้ แต่พวกเราต้องอยู่อีกสองสามร้อยปีล่ะจะทำไง "
อัครชัย แสดงความคิดเห็น
" ช่างมันเถอะหมอ เดี๋ยวค่อยว่ากัน อย่าลืมว่าเรายังมีคนข้างหลังอีกหลายคนที่เราต้องกลับไปช่วยเขา
ถ้าวิธีนี้สำเร็จ มีอายุยืน ข้าว่ามันก็น่าจะดีกว่าตายไวนะ "
ปู่อินทร์ ตอบ
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลองกัดกินผลของไม้นั้นทันที
" เป็นไงมั่งหมอ รู้สึกเป็นไงมั่ง "
แสงดาว กระเส่าถามด้วยใจจดจ่อด้วยความอยากรู้
" ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เหมือนเดิมทุกอย่างและร่างกายไม่มีความรู้สึก ร้อน หนาว หรือร่างกาย
ชาแต่อย่างใรเลย "
เขาบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไรกับทุกคน
ตอนนี้ทุกคนเริ่มไม่แน่ใจ เนื่องจากทุกคนคิดว่าถ้าเป็นผลไม้อย่างที่ผู้หญิงกระเหรี่ยงคนนั้นบอกจริง
อาจมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดกับร่างกาย อัครชัยบ้างหลังจากกินผลไม้นี้ คล้ายกับว่าผลไม้ทั้งสอง
ต้องมีปฎิกริยาอะไรบ้างในการทำลายล้างซึ่งกันและกัน แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็เห็นว่า คนที่ตายไปก่อน
หน้านี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกเรื่องที่ไม่เป็นความจริง และนั่นทำให้ทุกคนที่เหลือรีบกินผลไม้นั้นทันที
และก็มีอาการเช่นเดียวกับอัครชัย
"บางทีการที่มันแก้พิษกันอาจไม่เห็นผลในทันทีทันใดก็เป็นได้"
ปู่อินทร์แสดงความเห็น
และที่จริงก็เป็นอย่างนั้น ปรสิตต้นไม้ในร่างกายบัดนี้ได้ถูกสารพิษในผลไม้อีกชนิดหนึ่งทำลาย
สิ้นแล้ว ตอนนี้มันรอเวลาอย่างเดียวคือให้ร่างกายของคนทั้งหมดขับมันออกมาเท่านั้นเอง และ
เมื่อทุกคนได้ขับถ่ายของเสียในร่างกายออกมาครั้งนี้ พวกเขาได้สังเกตุว่ามีสิ่งที่ลักษณะคลายรากไม้
ถูกถ่ายปนมากับของเสียในร่างกายของพวกเขา
และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่พวกเขากินน้ำได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาดีใจกันมาก ตอนนี้พวกเขารู้แน่
และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่พวกเขากินน้ำได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาดีใจกันมาก ตอนนี้พวกเขารู้แน่
แล้วว่าร่างกายพวกเขาบริสุทธิไม่มีสิ่งใดแฝงอยู่แล้ว และในการขับถ่ายหนักครั้งต่อไปปรสิตต้นไม้ที่สิ้น
ฤทธิอยุ่ในร่างพวกเขานั้นก็ถูกถ่ายออกจากร่างกายโดยสิ้นเชิง
เมื่อทั้งหมดมั่นใจว่ามันไม่ได้อยู่ในร่างกายแล้ว ที่นี้การเดินทางเพื่อจะไปต่อหรือการไปทำลายต้นแม่
ของมัจจิรา ก็ไม่มีความจำเป็นต่อไป และบางคนมีความตั้งใจว่าจะหาทางผ่านของมิติ กลับสู่มิติโลก
่
โดยเร็ว.
" แต่ข้าว่า.. เออ..ไม่รู้ยังไงนะ ข้ารู้สึกว่าถ้าเรากลับเหมือนเรากำลังพยายามละทิ้งหน้าที่อะไร
บางอย่าง เหมือนที่นี่รอคอยความหวังจากพวกเราให้ช่วยเหลือ ข้ารู้สึกว่าที่นี่ถูกกดดัน จาก
มัจจิรา มากกว่าที่มันจะปกครองแบบร่มเย็นเป็นสุข เหมือนมันคอยแย่งอาหารของต้นไม้อื่นโดย
ใช้กำลังและความสามารถพิเศษของมัน ที่จริงแล้วมันอยู่ไกลจากที่นี่มาก มันไม่จำเป็นต้องมา
หาอาหารถึงนี้ก็ได้ ข้าสังเกตจากรากไม้ที่กินซากศพต่างๆเป็นอาหาร บางทีพวกมันต้องทำ
อย่างรวดเร็ว บางที่ข้าคิดว่าต้นไม้เหล่านั้นมันคงคิดว่ารากของมันอาจกำลังถูกแย่งอยุ่ตลอด
เวลาก็เป็นได้ "
คำพูดของปู่อินทร์ ทำให้ทุกคนคิด แต่ อัครชัยตอนนี้เขามีความรู้สึกอยากกลับบ้านมากกว่า
และเขาก็คิดว่าทั้งหมดไม่รวมปู่อินทร์ ก็คงคิดอย่างเขา เช่นกันตอนนี้ร่างกายเขาก็ไม่ได้มีพันธที่
จะสุ่มเสี่ยงกับ ปรสิตต้นไม้แล้ว แล้วเขานึกเป็นห่วงแม่และหน้าที่การงาน ของเขา และกานต์ก็เช่น
กัน
" ผมก็คิดเหมือนปู่อินทร์ นะครับ แต่พวกเราก็มีห่วง เราจะนำผลไม้นี้กลับไปให้พ่อของเราล้าง
มัจจิราออกจากตัวเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสแล้วไม่ทำเราก็เหมือนเนรคุณ วัตถุประสงค์ที่มากัน
ทุกคนก็เพื่อสิ่งนี้ ส่วนเรื่องของดินแดนนี้ ให้ธรรมชาติเขาจัดการกันเองไม่ดีกว่าหรือครับ "
ทุกคนก็เพื่อสิ่งนี้ ส่วนเรื่องของดินแดนนี้ ให้ธรรมชาติเขาจัดการกันเองไม่ดีกว่าหรือครับ "
กานต์แสดงความเห็น
"แต่ตอนนี้ ปรายกับเห็นไปอีกอย่างนะคะ พี่กานต์ บางทีปู่อินทร์อาจพูดถูก เมื่อร่างกายเราหมด
พันธะ แล้วเราก็จะกลับ เหมือนเราเอาตัวรอด ทั้งๆเราได้มารับรู้แล้วว่ามีใครเดือดร้อนจากการ
กระทำของ มัจจิรามากแค่ใหน เรื่องพ่อและครอบครัว ปรายก็ห่วงนะ แต่พวกเราจะลืมหรือ
เปล่า เรามาอยู่ที่นี่เกือบห้าวันแล้ว และไม่รู้อีกกี่วันเราจะหาทางออกจากที่นี่กลับไปได้ ห้วง
เวลาที่ผ่านมา เรารู้ว่ามันห่างกัน หนึ่งวันต่อประมาณสิบปี ตอนนี้เราได้จากที่นั่นมา น่าจะคงห้าสิบปีแล้ว
และอีกกี่วัน ที่เราจะหาทางกลับออกไปจากที่นี้ได้ ถึงตอนนั้น ไม้ผลที่นำไปให้พ่อของพวกเราอาจหมด
พันธะ แล้วเราก็จะกลับ เหมือนเราเอาตัวรอด ทั้งๆเราได้มารับรู้แล้วว่ามีใครเดือดร้อนจากการ
กระทำของ มัจจิรามากแค่ใหน เรื่องพ่อและครอบครัว ปรายก็ห่วงนะ แต่พวกเราจะลืมหรือ
เปล่า เรามาอยู่ที่นี่เกือบห้าวันแล้ว และไม่รู้อีกกี่วันเราจะหาทางออกจากที่นี่กลับไปได้ ห้วง
เวลาที่ผ่านมา เรารู้ว่ามันห่างกัน หนึ่งวันต่อประมาณสิบปี ตอนนี้เราได้จากที่นั่นมา น่าจะคงห้าสิบปีแล้ว
และอีกกี่วัน ที่เราจะหาทางกลับออกไปจากที่นี้ได้ ถึงตอนนั้น ไม้ผลที่นำไปให้พ่อของพวกเราอาจหมด
ประโยชน์แล้วก็เป็นได้ "
ดูจปรายพูดได้ตรงจุดเลยทีเดียว และแสงดาวก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
ดูจปรายพูดได้ตรงจุดเลยทีเดียว และแสงดาวก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
" ถูก อย่างปรายพูดแล้วล่ะ แสงดาวมีความรู้สึกว่าเราถูกกำหนดให้เข้ามามากกว่า ให้มาทำ
หน้าที่อะไรสักอย่าง มากกว่ามาทำเพื่อตัวเองและเพื่อพ่อของเรา ดูทุกอย่างมันมีจังหวะที่
เหมาะสม ว่าจะเป็นการเดินทาง รวมทั้งปรายเองที่ตอนแรกมองว่าเขาจะต้องเหงาเพราะไม่มีคน
รู้ใจแต่เหมือนมีบางอย่างส่ง อรัญ มาให้ เหมือนรู้ว่าจะต้องส่งกำลังใจในการเดินทางไปทำ
หน้าที่ ส่วนแสงดาว กับ จาไม่ต้องพูดถึง หมอกับคุณกานต์ ทำให้เราสองคนมีความรู้สึก
อย่างไร และรวดเร็วขนาดใหน เป็นความรู้สึกที่ตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้แสงดาวคิดว่าพอรู้เเล้ว
ตอนนี้แสงดาวคิดว่า อะไรหลายๆอย่างประกอบ กันนี้ อาจจะเป็นพรหมลิขิตหรืออะไรสักอย่างที่
ทำให้พวกเราต้องไปทำงานนี้ "
พูดจบแสงดาวมองไปที่ จามิกร แทนคำตอบ จามิกา พยักหน้าเหมือนรับรู้เข้าใจและเห็นด้วย
กับสิ่งที่แสงดาวเพื่อนของเธอพูด อัครชัยใช้ความคิด แฟนสาวพูดก็ถูก ที่จริงแล้วเขาเองเรื่องการตัดสิน
ใจที่จะกลับเขาคำนึงถึงเธอด้วยนั่นเองเกรงว่าการเดินทางต่อ อาจจะทำให้แฟนสาวลำบาก แต่เมื่อแฟน
สาวและผู้หญิงคนอื่นที่เดินทางมา ดว้ยกัน มีความคิดแน่วแน่ในแนวทางนี้เขาก็ไม่ขัด ส่วนกานต์เองก็
เช่นกันเมื่อเห็นแฟนสาวเห็นด้วยกับปู่อินทร์และแสงดาว มีหรือเขาจะถอย และทั้งหมดก็ไปหยุดที่อรัญ
สายตาทุกคนที่มองเขาเหมือนถามว่าเขาจะเอายังไง อรัญรับรู้ได้เมื่อทั้งหมดมาที่เขา เขายิ้ม
และทำท่าจะขยับปากพูด ยังไม่ทันได้พูดอะไร แสงดาวก็พูดแซงขึ้น
สายตาทุกคนที่มองเขาเหมือนถามว่าเขาจะเอายังไง อรัญรับรู้ได้เมื่อทั้งหมดมาที่เขา เขายิ้ม
และทำท่าจะขยับปากพูด ยังไม่ทันได้พูดอะไร แสงดาวก็พูดแซงขึ้น
" ผมก็แล้วแต่คุณดุจปรายนะครับ คุณดุจปรายไปใหนผมก็ไปนั่น "
น้ำเสียงสัพหยอกของเเสงดาวทำท่าดัดเสียงพูดแทนอรัญ ทำให้อรัญอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เพราะ
นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าจะพูดอยู่พอดี เขามีความสุขมากที่ได้ยินแสงดาวพูดคำนี้แทนเขา และนั่น
แหละคือคำตอบทีจะบอกกับทุกคนว่าเขาจะไปต่อหรือจะกลับ
" ที่จริงเราถามผิดคนละมั้งแสงดาว ถามอีกคนแต่ไปได้คำตอบที่อีกคน "
นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าจะพูดอยู่พอดี เขามีความสุขมากที่ได้ยินแสงดาวพูดคำนี้แทนเขา และนั่น
แหละคือคำตอบทีจะบอกกับทุกคนว่าเขาจะไปต่อหรือจะกลับ
" ที่จริงเราถามผิดคนละมั้งแสงดาว ถามอีกคนแต่ไปได้คำตอบที่อีกคน "
จามิกรยังแซวไม่เลิก
" หือจา..น่ะ "
โดนแซวหลายครั้งเข้า ดุจปรายก็เริ่มเขินหนัก ส่วนอรัญก็ยิ่งพูดไม่ออกไปใหญ่ แต่สายตาของ
ทั้งคู่ ก็สบประสานกันตลอด
และปู่อินทร์ก็ตัดบทขึ้น
" เป็นอันว่าเราทั้งหมดตั้งใจไปต่อนะ ทุกคนต้องรู้นะว่าทางที่จะไปต่อมันคงไม่ได้โรยด้วยกลีบ
กุหลาบเหมือนตอนนี้ พวกเราอาจเสี่ยง อาจลำบาก อาจต้องสูญเสีย ทั้งบางส่วนหรืออาจจะ
ทั้งหมด เราก็ไม่สามารถรู้ได้ สิ่งที่เราคิดว่าเราถูกกำหนดให้ไปมันอาจไม่ทั้งหมดก็ได้ ข้าคิด
ว่าต่อไปนี้แหละ เราจะได้รับการต่อต้านจาก มัจจิรา เต็มตัวแน่ๆ มันเป็นใหญ่ที่นี่มันคงรับรู้ได้
แล้ว ว่าเราคิดจะทำอะไรกับมันในขณะที่มันก็คงรู้ว่าเรากำลังเดินทางขี้นไปหามัน "
ปู่อินทร์พูดได้แค่น้้น พลันแม่น้ำด้านข้างของพวกเขา ก็ได้ยินเสียงตูม..เหมือนมีอะไรขนาด
ใหญ่อย่างหนึ่งหล่นลงน้ำ และแรงที่มันหล่น ทำให้น้ำกระเด็นมาเปียกพวกเขา ทุกคนเริ่มหัน
ไปมองที่แม่น้ำตามเสียงนั้น แม่น้ำบริเวรที่คาดว่าน่าจะมีอะไรหล่นลงไปนั้น บัดนี้น้ำบริเวรนั้นเป็น
ระลอกคลื่นอย่างเห็นได้ชัด และเหมือนมีอะไรขนาดใหญ่มากขวางอยู่ในลำน้ำ น้ำเมื่อใหลลง
มากระทบเข้าตรงนั้นมวลน้ำก็ยกตัวขึ้นสูงมากจนเห็นได้ชัด และอะไรไม่ร้ายเท่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่
ไต้น้ำนั้น มันกำลังเคลื่อนมาทางพวกเขาอยู่ ทั้งหมดถอยห่างออกจาก แม่น้ำแต่ช้าไปเสียแล้ว
ทันทีที่สิ่งที่เคลื่อนอย่างเร็วมาโผล่ที่ข้างตัวเขา พวกเขาจำมันได้ดี
ทั้งคู่ ก็สบประสานกันตลอด
และปู่อินทร์ก็ตัดบทขึ้น
" เป็นอันว่าเราทั้งหมดตั้งใจไปต่อนะ ทุกคนต้องรู้นะว่าทางที่จะไปต่อมันคงไม่ได้โรยด้วยกลีบ
กุหลาบเหมือนตอนนี้ พวกเราอาจเสี่ยง อาจลำบาก อาจต้องสูญเสีย ทั้งบางส่วนหรืออาจจะ
ทั้งหมด เราก็ไม่สามารถรู้ได้ สิ่งที่เราคิดว่าเราถูกกำหนดให้ไปมันอาจไม่ทั้งหมดก็ได้ ข้าคิด
ว่าต่อไปนี้แหละ เราจะได้รับการต่อต้านจาก มัจจิรา เต็มตัวแน่ๆ มันเป็นใหญ่ที่นี่มันคงรับรู้ได้
แล้ว ว่าเราคิดจะทำอะไรกับมันในขณะที่มันก็คงรู้ว่าเรากำลังเดินทางขี้นไปหามัน "
ปู่อินทร์พูดได้แค่น้้น พลันแม่น้ำด้านข้างของพวกเขา ก็ได้ยินเสียงตูม..เหมือนมีอะไรขนาด
ใหญ่อย่างหนึ่งหล่นลงน้ำ และแรงที่มันหล่น ทำให้น้ำกระเด็นมาเปียกพวกเขา ทุกคนเริ่มหัน
ไปมองที่แม่น้ำตามเสียงนั้น แม่น้ำบริเวรที่คาดว่าน่าจะมีอะไรหล่นลงไปนั้น บัดนี้น้ำบริเวรนั้นเป็น
ระลอกคลื่นอย่างเห็นได้ชัด และเหมือนมีอะไรขนาดใหญ่มากขวางอยู่ในลำน้ำ น้ำเมื่อใหลลง
มากระทบเข้าตรงนั้นมวลน้ำก็ยกตัวขึ้นสูงมากจนเห็นได้ชัด และอะไรไม่ร้ายเท่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่
ไต้น้ำนั้น มันกำลังเคลื่อนมาทางพวกเขาอยู่ ทั้งหมดถอยห่างออกจาก แม่น้ำแต่ช้าไปเสียแล้ว
ทันทีที่สิ่งที่เคลื่อนอย่างเร็วมาโผล่ที่ข้างตัวเขา พวกเขาจำมันได้ดี
" จงอางยักษ์อีกแล้ว ปู่อินทร์ มันยังไม่ตาย แล้วที่เราเห็นเมื่อเช้านี้ ... "
อรัญ อุทานขึ้นหลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่โผล่มาชัดๆ
"
ไม่ใช่ มันคนละตัวกัน คงเป็นคู่ของมัน ตัวนี้เป็นตัวเมีย "
ปู่อินถอยพลางตอบไปพลางจากสิ่งที่เขาเห็น แต่ทว่าคราวนี้ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำนี้พอให้
พวกเขาหลบ ได้และอสรพิษร้ายตัวนี้ก็ฉลาดพอที่จะไม่เปิดโอกาสให้ทุกคนหนีมันได้ มันใช้
ร่างกายที่ยาวและใหญ่ของมันโอบล้อมคนทั้งหมดไว้ สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด แม้ปู่อินทร์
เองเขาก็รู้ดีว่าอันตรายแค่ใหน แม่ทุกคนจะมีมีด แต่ขนาดใหญ่ของมันพร้อมเกร็ดหนาที่มันมะ
เมื่อม เขารู้ได้ว่ามีดอาจไม่ระคายผิวมันด้วยซ้ำ แต่งูยักษ์ ก็คงได้แต่ใช้ลำตัวที่ยาวใหญ่ของมัน
โอบล้อมไว้อย่างนั้น มันแลบลิ้นแปลบๆ เฉี่ยวหัวพวกเขาไปมา ทั้งเจ็ดหันหลังชนกันอยู่กลางวง
ของร่างอสรพิษยักษ์
พวกเขาหลบ ได้และอสรพิษร้ายตัวนี้ก็ฉลาดพอที่จะไม่เปิดโอกาสให้ทุกคนหนีมันได้ มันใช้
ร่างกายที่ยาวและใหญ่ของมันโอบล้อมคนทั้งหมดไว้ สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด แม้ปู่อินทร์
เองเขาก็รู้ดีว่าอันตรายแค่ใหน แม่ทุกคนจะมีมีด แต่ขนาดใหญ่ของมันพร้อมเกร็ดหนาที่มันมะ
เมื่อม เขารู้ได้ว่ามีดอาจไม่ระคายผิวมันด้วยซ้ำ แต่งูยักษ์ ก็คงได้แต่ใช้ลำตัวที่ยาวใหญ่ของมัน
โอบล้อมไว้อย่างนั้น มันแลบลิ้นแปลบๆ เฉี่ยวหัวพวกเขาไปมา ทั้งเจ็ดหันหลังชนกันอยู่กลางวง
ของร่างอสรพิษยักษ์
" มันคงเป็นตัวเมียคู่ของตัวที่เราฆ่ามันไป พวกเราดูตามันสิ มองออกเลยว่ามันมีความโกรธ
แค้นพวกเรามาก พวกเราระวังนะ ถ้ามันรัดเข้ามาแทงเข้าไปที่ร่างมันเลย "
แค้นพวกเรามาก พวกเราระวังนะ ถ้ามันรัดเข้ามาแทงเข้าไปที่ร่างมันเลย "
ปู่่อินทร์บอกกับทุกคน แต่ในใจเขาเองกับไม่มั่นใจว่ามีดจะทำอะไรร่างมันได้มากแค่ใหน เพราะ
ไม่ใช่จุดที่อ่อนเหมือนโพรงปากที่สามารถแทงได้อย่างตัวเมื่อวาน และร่างใหญ่ขนาดนี้ถึง
แทงเข้าจะต้องสักกี่แผลถึงจะหยุดมันได้
"
ไม่ใช่จุดที่อ่อนเหมือนโพรงปากที่สามารถแทงได้อย่างตัวเมื่อวาน และร่างใหญ่ขนาดนี้ถึง
แทงเข้าจะต้องสักกี่แผลถึงจะหยุดมันได้
"
ปู่รู้ได้ยังไงว่ามันเป็นตัวเมีย ปู่ดูจากหงอนมันเหรอ "
อรัญถามขึ้น ที่จริงสถานการณ์อย่างนี้เขาไม่น่าจะถามอะไรขึ้นด้วยซัำไป แต่เขาก็อยากรู้
" ไม่ใช่ ดูจากลักษณะรูปร่างของมัน ตัวเมื่อวานมันตัวผู้ แต่ตัวเนี้ยตัวเมืย พวกนี้ลองมันโกรธ
แค้น ที่คู่มันโดนทำร้าย หรือว่ามันหวงใข่ มันจะดูร้ายมาก ส่วนหงอนปรกติจงอางจะไม่มีหงอน
แต่ตัวนี้ทำไมมีไม่รู้ "
แค้น ที่คู่มันโดนทำร้าย หรือว่ามันหวงใข่ มันจะดูร้ายมาก ส่วนหงอนปรกติจงอางจะไม่มีหงอน
แต่ตัวนี้ทำไมมีไม่รู้ "
คำตอบของปู่อินทร์ทำให ้กานต์ซึ่งสังเกตบริเวรหงอนขนาดเท่าแขนคน ที่มีอยู่บนหัวของ
อสรพิษยักษ์อยู่แล้ว ยิ่งสังเกตุ ยิ่งขึ้น เขาสงสัยว่าเขาเคยเห็นหงอนลักษณะนี่ที่ใหน และทันใด
นั้นเขาก็นึกออก เขาหันไปทางปู่อินทร์
อสรพิษยักษ์อยู่แล้ว ยิ่งสังเกตุ ยิ่งขึ้น เขาสงสัยว่าเขาเคยเห็นหงอนลักษณะนี่ที่ใหน และทันใด
นั้นเขาก็นึกออก เขาหันไปทางปู่อินทร์
" ปู่ ๆ หงอนนั่นมันเหมือนรากไม้ที่เจาะกินร่างงูตัวผู้เมื่อเช้านี้เลยอ่ะหรือว่า มันจะกินงูนี้ แต่มัน
กินเฉพาะสิ่งที่ตายไม่ใช่เหรอ "
กินเฉพาะสิ่งที่ตายไม่ใช่เหรอ "
คำพูดของกานต์ทำให้หลายคนสังเกตุ และก็เห็น เป็นจริงเช่นเดียวกับเขา ที่จริงแล้วอย่างปู่
อินทร์บอก งูจงอางไม่มีหงอน แต่ที่ทุกคนเห็นจริงๆแล้วมันก็แค่อะไรที่แหลมๆ ตั้งอยู่ที่หัวงู
มากกว่า และมันเหมือนรากไม้ที่พวกเขาเคยเห็นจริง
อินทร์บอก งูจงอางไม่มีหงอน แต่ที่ทุกคนเห็นจริงๆแล้วมันก็แค่อะไรที่แหลมๆ ตั้งอยู่ที่หัวงู
มากกว่า และมันเหมือนรากไม้ที่พวกเขาเคยเห็นจริง
" นี่แหละคงเป็นรากของมันล่ะ มัจจิรา ตอนนั้นที่กินซากเราคงแยกไม่ออกว่าอันใหน รากมัน
กับ รากพืชท้องถิ่นทั่วไป เพราะตอนนั้นมันยุ๊บยับไปหมด ตอนนี้มันไปอยู่บนหัวงู ตรงนั้น ตรงนั้น
เป็นส่วนที่เป็นสมองงู เป็นไปได้ใหมว่า มันไม่ได้กิน แต่มันกำลังควบคุมสมองงูตัวนี้อยู่ "
กับ รากพืชท้องถิ่นทั่วไป เพราะตอนนั้นมันยุ๊บยับไปหมด ตอนนี้มันไปอยู่บนหัวงู ตรงนั้น ตรงนั้น
เป็นส่วนที่เป็นสมองงู เป็นไปได้ใหมว่า มันไม่ได้กิน แต่มันกำลังควบคุมสมองงูตัวนี้อยู่ "
คำตอบของปู่อินทร์ มีเหตุผลที่เดียว ทั้งหมดเริ่มคิดว่าสิ่งที่ปู่อินทร์พูดเริ่มเป็นไปได้ นี่กระมัง
คือผลที่แสดงได้ว่ามันรับรู้แล้วว่าทุกคนเป็นศัตรูกับมัน และงูยักษ์ตัวนี้คือเครื่องมือที่มันใช้ต่อ
ต้านพวกเขา และยิ่งงูตัวนี้มีความโกรธแค้นพวกเขาอยู่แล้วที่ทำให้คู่ของมันตาย คงทำให้มันดุร้าย
ขึ้นอีกหลายเท่า
ทั้งหมดอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และสิ่งที่ปู่อินทร์คิดก็เกิดขึ้น วงขดตัวงูยักษ์ที่พวกเขาอยู่ตรง
กลางนั้นเริ่มรัดเข้ามา ทุกคนยังจำได้ดีว่าปู่อินทร์สั่งไว้ว่าอย่างไร เมื่อวงขดเริ่มรัดเข้ามาใกล้
ปลายมีดของทุกคนก็ถูกแทงสวนเข้าไปทันที
คือผลที่แสดงได้ว่ามันรับรู้แล้วว่าทุกคนเป็นศัตรูกับมัน และงูยักษ์ตัวนี้คือเครื่องมือที่มันใช้ต่อ
ต้านพวกเขา และยิ่งงูตัวนี้มีความโกรธแค้นพวกเขาอยู่แล้วที่ทำให้คู่ของมันตาย คงทำให้มันดุร้าย
ขึ้นอีกหลายเท่า
ทั้งหมดอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และสิ่งที่ปู่อินทร์คิดก็เกิดขึ้น วงขดตัวงูยักษ์ที่พวกเขาอยู่ตรง
กลางนั้นเริ่มรัดเข้ามา ทุกคนยังจำได้ดีว่าปู่อินทร์สั่งไว้ว่าอย่างไร เมื่อวงขดเริ่มรัดเข้ามาใกล้
ปลายมีดของทุกคนก็ถูกแทงสวนเข้าไปทันที
" ปั๊ก.."
สียงมีดกระทบกับเกล็ดมันวาวดำมะเมื่อมเบื้องหน้า
แต่เสียงที่ได้ยินกับทำให้ทุกคนหน้าเสีย เพราะเสียงมีดกระทบเมื่อกี้นี้ มันไม่ได้มี
เสียง สวบ อย่างที่พวกเขาอยากได้ยิน นั้นหมายความว่ามีดที่พวกเขาเสียบเข้าไปมันไม่ได้
ระคายผิวเจ้าอสุรพิษยักษ์เลยเเม้แต่น้อย หนำซ้ำทำให้พวกเขาสะท้านข้อมือจนเคล็ด และเมื่อ
ทุกคนทุกคนคิดว่าจะแทงซ้ำก็สายไปเสียแล้ว เพราะวงรัดนั้น ได้ถูกบีบเข้ามาถึงตัวพวกเขาแล้ว
ตอนนี้พวกเขารู้สึกอึดอัด มีดที่ใช้อยู่เมื่อสักครู่นี้ บัดนี้ได้ถูกวงรัดงูยักษ์บีบรัดเข้ามารวมกับร่าง
พวกเรา และบางคนก็ได้สัมผัสกับคมของมันบาดเข้ากับร่างกาย สถานการณ์นี้บอกได้เลยว่า
พวกเขาไม่สามารถจะต่อกรกับงูยักษ์ได้เลย เพียงเเต่รอเวลาเท่านั้น เวลาที่เจ้าอสรพิษยักษ์มัน
จะปิดเกมส์ของมัน ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ร่างทั้งหมดถูกเจ้างูยักษ์รัดเข้าด้วยกันจนเเทบจะเป็น
เนื้อเดียว ทั้งหมดหายใจเริ่มขัดและขาดอากาศหายใจ เพราะถูกบีบรัดอย่างรุนแรง ดุจปรายคิด
ว่าคราวนี้จะเอา ชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว และ ระหว่างนั้นเองพื้นดินตรงหน้าเธอ สิ่งหนึ่งก็ได้
แทรกขึ้นมา ดุจปรายเห็นและจำมันได้ดี เธอรู้สึกหดหู่และรำพึงรำพันในใจ
เสียง สวบ อย่างที่พวกเขาอยากได้ยิน นั้นหมายความว่ามีดที่พวกเขาเสียบเข้าไปมันไม่ได้
ระคายผิวเจ้าอสุรพิษยักษ์เลยเเม้แต่น้อย หนำซ้ำทำให้พวกเขาสะท้านข้อมือจนเคล็ด และเมื่อ
ทุกคนทุกคนคิดว่าจะแทงซ้ำก็สายไปเสียแล้ว เพราะวงรัดนั้น ได้ถูกบีบเข้ามาถึงตัวพวกเขาแล้ว
ตอนนี้พวกเขารู้สึกอึดอัด มีดที่ใช้อยู่เมื่อสักครู่นี้ บัดนี้ได้ถูกวงรัดงูยักษ์บีบรัดเข้ามารวมกับร่าง
พวกเรา และบางคนก็ได้สัมผัสกับคมของมันบาดเข้ากับร่างกาย สถานการณ์นี้บอกได้เลยว่า
พวกเขาไม่สามารถจะต่อกรกับงูยักษ์ได้เลย เพียงเเต่รอเวลาเท่านั้น เวลาที่เจ้าอสรพิษยักษ์มัน
จะปิดเกมส์ของมัน ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ร่างทั้งหมดถูกเจ้างูยักษ์รัดเข้าด้วยกันจนเเทบจะเป็น
เนื้อเดียว ทั้งหมดหายใจเริ่มขัดและขาดอากาศหายใจ เพราะถูกบีบรัดอย่างรุนแรง ดุจปรายคิด
ว่าคราวนี้จะเอา ชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว และ ระหว่างนั้นเองพื้นดินตรงหน้าเธอ สิ่งหนึ่งก็ได้
แทรกขึ้นมา ดุจปรายเห็นและจำมันได้ดี เธอรู้สึกหดหู่และรำพึงรำพันในใจ
" หรือว่าพวกเราตอนนี่จะมีใครตายแล้วเหรอ มันมาแล้ว รากไม้กินซาก "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น