ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เส้นทางเวลา
แล้วทั้งหมด ก็เริ่มเดินทางต่อ เพื่อจะให้ได้ขึ้นไปสู่ยอดเขาเป้าหมาย โดยที่พวกเขามิได้ล่วงรู้
เลยว่า สิ่งที่กานต์เห็นและเข้าใจว่าตาฝาดนั้นมันมีอยู่จริง เพียงแต่มันมิใช่รถไฟธรรมดา แต่มัน
เป็นสัตว์ร้ายใหญ่ยักษ์มรณะ ที่มันมีรูปร่างคล้ายขบวนรถไฟเท่านั้นเองและตอนนี้มันได้เคลื่อนใกล้
พวกเขาเข้ามาเรื่อยๆแล้ว มันมาเพราะว่าได้ยินเสียงของจามิกรที่ตะโกนไปในอากาศเมื่อไม่นานมานี้
เอง และเมื่อมันเลื้อยเคลื่อนเข้ามาใกล้เสียงเดินทางเคลื่อนใหวของมันทำให้ทุกคนเริ่มได้ยิน
ปู่อินทร์รับรู้ได้ก่อน เขาได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก เปะปะดังเข้ามาเรื่อยๆ เขายกมือให้ทุกคนหยุดเดิน
เเละเงี่ยหูฟัง และทุกคนก็เริ่มมองไปตามทิศทางของเสียงนั้น
ทิศตะวันตกที่พวกเขาอยู่ สิ่งที่เขาเห็นต้นไม้ที่มีขนาดเล็กมีการเคลื่อนไหวและล้มหักลง เหมือนมีอะไร
ปู่อินทร์รับรู้ได้ก่อน เขาได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก เปะปะดังเข้ามาเรื่อยๆ เขายกมือให้ทุกคนหยุดเดิน
เเละเงี่ยหูฟัง และทุกคนก็เริ่มมองไปตามทิศทางของเสียงนั้น
ทิศตะวันตกที่พวกเขาอยู่ สิ่งที่เขาเห็นต้นไม้ที่มีขนาดเล็กมีการเคลื่อนไหวและล้มหักลง เหมือนมีอะไร
แหวกผ่านเข้ามา แต่ป่าทึบมองไม่ค่อยถนัด จนกระทั่ง ต้นไม้ที่โดนแหวกเริ่มใกล้เข้ามา และพวกเขา
ก็เริ่มเห็นหัวขบวนของมัน
และทันทีที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นซึ่งกันและกัน เจ้าหัวขบวนมรณะก็ยกหัวของมันขึ้นสูงจากพีื้น
และแผ่แม่เบี้ยหรา ลำตัวที่ใหญ่ขนาดใหญ่เท่า รถไฟนี้ ที่เมื่อสักครู่นี้ ที่กานต์ ได้เห็นในระยะ
ไกลนั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันยาวไปสิ้นสุดที่ใด แต่ทว่ามันสามารถทำให้พวกเขาทั้งหมดล้มตึงหงาย
ท้องไปเหมือนถูกผลักยังไงยังงั้น ไม่ต้องมีการร้องบอกกันว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นอะไร
สัญชาติญาณของทุกคนรู้ทันทีเลยว่า ตอนนี้ทางเดียวคือต้องกระเสือกกระสนหนีเอาชีวิตรอด
และด้วยความที่เป็นพรานใหญ่มาก่อน ปู่อินทร์ ตะโกนขึ้นทันที ที่เขาเริ่มรวมรวมสติเอาไว้ได้
" ตั้งสติไว้ หนี ไปคนละทางอย่างเป็นเป้านิ่ง ทำให้มันสับสน "
สิ้นเสียงสั่งการของปู่อินทร์ เหมือนทุกอย่างได้เตรียมการไว้ ว่าต้องทำการคำสั่งนี้ ทั้งหมดลุก
ขึ้นอย่างทุลักทุเลย วิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต คนละทิศละทาง
ได้ผลเลยทีเดียว เจ้าจงอางร่างยักษ์ สับสนยิ่งนักที่เห็นว่าเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าของมันตอนนี้ วิ่งไป
คนละทิศละทาง มันได้แต่ผงกหัวไปมาชั่งใจอยู่ไม่รู้ว่าจะตามไปทางไหนดี ปู่อินทร์รู้สัญชาติ
ญาณของงูจงอางดี เขาเลือกที่จะวิ่งเขาไปข้างๆลำตัวที่ใหญ่ของมัน และทำให้มันสนใจ แต่มัน
ก็ไม่สามารถฉกเขาได้ถนัด เพราะขนาดที่ใหญ่มากของมันทำให้มันไม่สามารถเอียงหัวมาฉก
เขาได้ จนทุกคนวิ่งเข้าที่ซ่อนตามต้นไม้ใหญ่กันได้ทุกคน และจงอางยักษ์ก็ยังคงอาการอยู่เช่น
เดิมเพราะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันพยายามยกหัวให้สูงขึ้นอีกเพื่อพยายามให้เห็นทุกคน
แต่คงเป็นเพราะพวกเขาแอบแนบชิดกับต้นไม้ที่ค่อนข้างใหญ่กันทุกคนมันเลยไม่แสดงอาการว่า
เห็นใคร เมื่อทุกคนเข้าใจว่ามันไม่เห็นพวกเขา พวกเขาก็ใจชื้นขึ้นมาทันที ต่างคิดว่าสักพักเจ้า
อสรพิษยักษ์นี้คงถอยกลับไปเป็นแน่ แต่ทว่าทุกคนคิดผิด บัดนี้เจ้าจงอางยักษ์ ได้อ้าปากของ
มัน และแลบลิ้นที่มีสองแฉกขนาดยักษ์ของมันออกมาและตอนนั้นเองพวกเขาสังเกตุที่ตาขนาด
ใหญ่ที่เกลือกกลิ้ง มองไปตามจุดต่างๆที่พวกเขาได้แอบซ่อนอยู่ ปู่อินทร์รู้ทันทีเลยว่า มันได้ใช้
ประสาทสัมผัสที่ลิ้นของมันสำหรับหาที่อยู่ของเหยื่อมันแล้ว และในไม้ช้าจุดที่อยุ่ของพวกเขา
จะโดนโจมตีแน่ ความคิดแว๊บหนึ่งเกิดขึ้นในสมอง ปู่อินทร์ปลดเป้สะพายด้านหลังออก อาการ
ของเขา พวกที่ซุ่มซ่อนอยู่ พยายามมองการกระทำของปู่อินทร์ ว่าแกต้องการจะทำอะไร แล้ว
แกก็ส่งสัญญาณ ให้ทุกคนทำตาม อัครชัยไม่รู้ว่าปู่อินทร์ทำอะไร แต่เขาซ่อนอยู่ใกล้ๆกับแก
มากที่สุด สังเกตุเห็นสัญญาณที่แกส่งมาให้ทำตามเป็นภาษามือ บอกให้เขาปลดเป้สะพายบนบ่าออก
และทันทีที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นซึ่งกันและกัน เจ้าหัวขบวนมรณะก็ยกหัวของมันขึ้นสูงจากพีื้น
และแผ่แม่เบี้ยหรา ลำตัวที่ใหญ่ขนาดใหญ่เท่า รถไฟนี้ ที่เมื่อสักครู่นี้ ที่กานต์ ได้เห็นในระยะ
ไกลนั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันยาวไปสิ้นสุดที่ใด แต่ทว่ามันสามารถทำให้พวกเขาทั้งหมดล้มตึงหงาย
ท้องไปเหมือนถูกผลักยังไงยังงั้น ไม่ต้องมีการร้องบอกกันว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นอะไร
สัญชาติญาณของทุกคนรู้ทันทีเลยว่า ตอนนี้ทางเดียวคือต้องกระเสือกกระสนหนีเอาชีวิตรอด
และด้วยความที่เป็นพรานใหญ่มาก่อน ปู่อินทร์ ตะโกนขึ้นทันที ที่เขาเริ่มรวมรวมสติเอาไว้ได้
" ตั้งสติไว้ หนี ไปคนละทางอย่างเป็นเป้านิ่ง ทำให้มันสับสน "
สิ้นเสียงสั่งการของปู่อินทร์ เหมือนทุกอย่างได้เตรียมการไว้ ว่าต้องทำการคำสั่งนี้ ทั้งหมดลุก
ขึ้นอย่างทุลักทุเลย วิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต คนละทิศละทาง
ได้ผลเลยทีเดียว เจ้าจงอางร่างยักษ์ สับสนยิ่งนักที่เห็นว่าเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าของมันตอนนี้ วิ่งไป
คนละทิศละทาง มันได้แต่ผงกหัวไปมาชั่งใจอยู่ไม่รู้ว่าจะตามไปทางไหนดี ปู่อินทร์รู้สัญชาติ
ญาณของงูจงอางดี เขาเลือกที่จะวิ่งเขาไปข้างๆลำตัวที่ใหญ่ของมัน และทำให้มันสนใจ แต่มัน
ก็ไม่สามารถฉกเขาได้ถนัด เพราะขนาดที่ใหญ่มากของมันทำให้มันไม่สามารถเอียงหัวมาฉก
เขาได้ จนทุกคนวิ่งเข้าที่ซ่อนตามต้นไม้ใหญ่กันได้ทุกคน และจงอางยักษ์ก็ยังคงอาการอยู่เช่น
เดิมเพราะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันพยายามยกหัวให้สูงขึ้นอีกเพื่อพยายามให้เห็นทุกคน
แต่คงเป็นเพราะพวกเขาแอบแนบชิดกับต้นไม้ที่ค่อนข้างใหญ่กันทุกคนมันเลยไม่แสดงอาการว่า
เห็นใคร เมื่อทุกคนเข้าใจว่ามันไม่เห็นพวกเขา พวกเขาก็ใจชื้นขึ้นมาทันที ต่างคิดว่าสักพักเจ้า
อสรพิษยักษ์นี้คงถอยกลับไปเป็นแน่ แต่ทว่าทุกคนคิดผิด บัดนี้เจ้าจงอางยักษ์ ได้อ้าปากของ
มัน และแลบลิ้นที่มีสองแฉกขนาดยักษ์ของมันออกมาและตอนนั้นเองพวกเขาสังเกตุที่ตาขนาด
ใหญ่ที่เกลือกกลิ้ง มองไปตามจุดต่างๆที่พวกเขาได้แอบซ่อนอยู่ ปู่อินทร์รู้ทันทีเลยว่า มันได้ใช้
ประสาทสัมผัสที่ลิ้นของมันสำหรับหาที่อยู่ของเหยื่อมันแล้ว และในไม้ช้าจุดที่อยุ่ของพวกเขา
จะโดนโจมตีแน่ ความคิดแว๊บหนึ่งเกิดขึ้นในสมอง ปู่อินทร์ปลดเป้สะพายด้านหลังออก อาการ
ของเขา พวกที่ซุ่มซ่อนอยู่ พยายามมองการกระทำของปู่อินทร์ ว่าแกต้องการจะทำอะไร แล้ว
แกก็ส่งสัญญาณ ให้ทุกคนทำตาม อัครชัยไม่รู้ว่าปู่อินทร์ทำอะไร แต่เขาซ่อนอยู่ใกล้ๆกับแก
มากที่สุด สังเกตุเห็นสัญญาณที่แกส่งมาให้ทำตามเป็นภาษามือ บอกให้เขาปลดเป้สะพายบนบ่าออก
เขาปลดเป้สะพายมาไว้ในมือ และรอคำสั่งว่าจะทำอย่างไรต่อ ปู่อินส่งสัญญาณมือให้เขาโยนกระเป๋าเป้
ออกไป อัครชัยยังไม่เข้าใจว่าจะให้โยนไปใหน จนกระทั่ง เขาเห็นปู่อินทร์วิ่งออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมีก
ารเคลื่อนไหวในที่แจ้งเจ้างูยักษ์ หันขวับมาทันที และทันใดนั้นอัครชัยก็ได้ยินเสียงตะโกนของปู่อินทร์
" โยนกระเป๋าเข้าปากมัน "
ไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร ทำไมปู่อินทร์ถึงให้เขาทำอย่างนั้น แต่เขาก็เชื่อใจว่าแกต้องมีเหตุผล
ของแก อัครชัยวิ่งออกมาจากที่ซ่อนโยนกระเป๋าขึ้นไปในอากาศบริเวรด้านหน้าของจงอาง
ยักษ์ กระเป๋าของปู่อินทร์และของอัครชัยสองใบลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกัน เจ้างูยักษ์ เห็นสิ่งที่
เคลื่อนไหวนี้ มันฉกสิ่งของที่เคลื่อนไหวนี้เข้าปากทันที และในทันทีที่มันหุบปากลง เจ้ายักษ์ก็
แผดร้องลั่นขึ้น และตอนนี้ร่างของมันเริ่มสะบัดไปมา ต้นไม้ต้นเล็กถูกลำตัวที่ใหญ่ของมันบิด
ฟาดไปมาจนหักระเนระนาด ที่นี่้ทุกคนไดเห็นลำตัวของมันถนัดตา คุณพระช่วย ความยาวของ
มันไม่น่าจะต่ำกว่ารอ้ยเมตร และหลายคร้้งที่มันสะบัดฟาดกับต้นไม้ที่พวกเขาซ่อนอยู่ น้ำลายฟูม
ปากของมันหยดลงใบไม้และทำให้ใบไม้นั้นเกรียมใหม้ไปในพริบตา แสดงว่าอาจมีพิษที่ร้ายกาจ
ของมันผสมอยู่ในน้ำลายของมันด้วย และระหว่างที่มันบิดตัวไปมาคล้ายจะทรมานอยู่นั้น มัน
ก็ได้อ้าปากของมันออก กระเป๋าใบหนึ่งได้ล่วงหล่นออกจากปากของมัน มันหุบปากกลับและยัง
คงดิ้นอยู่และสุดท้าย มันก็หยุดดิ้น และเลื้อยอย่างรวดเร็วไปทางทิศที่มันมาเมื่อกี้นี้ เสียงร่าง
กายมันกระทบกันต้นไม้ หักไปตลอดทางในครั้งนี้ที่มันกลับไป
เเละทั้งหมดก็กลับออกจากที่ซ่อน มารวมตัวกันอีกครั้ง ทั้งหมดตื่นตระหนกกลับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ
สักครู่นี้
" โอ..ทำไมงูตัวนี้มันใหญ่ได้ขนาดได้ขนาดนี้ละคะ พวกเราเหมือนไม้จิ้มฟันของมันแค่นั้นเอง "
ของแก อัครชัยวิ่งออกมาจากที่ซ่อนโยนกระเป๋าขึ้นไปในอากาศบริเวรด้านหน้าของจงอาง
ยักษ์ กระเป๋าของปู่อินทร์และของอัครชัยสองใบลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกัน เจ้างูยักษ์ เห็นสิ่งที่
เคลื่อนไหวนี้ มันฉกสิ่งของที่เคลื่อนไหวนี้เข้าปากทันที และในทันทีที่มันหุบปากลง เจ้ายักษ์ก็
แผดร้องลั่นขึ้น และตอนนี้ร่างของมันเริ่มสะบัดไปมา ต้นไม้ต้นเล็กถูกลำตัวที่ใหญ่ของมันบิด
ฟาดไปมาจนหักระเนระนาด ที่นี่้ทุกคนไดเห็นลำตัวของมันถนัดตา คุณพระช่วย ความยาวของ
มันไม่น่าจะต่ำกว่ารอ้ยเมตร และหลายคร้้งที่มันสะบัดฟาดกับต้นไม้ที่พวกเขาซ่อนอยู่ น้ำลายฟูม
ปากของมันหยดลงใบไม้และทำให้ใบไม้นั้นเกรียมใหม้ไปในพริบตา แสดงว่าอาจมีพิษที่ร้ายกาจ
ของมันผสมอยู่ในน้ำลายของมันด้วย และระหว่างที่มันบิดตัวไปมาคล้ายจะทรมานอยู่นั้น มัน
ก็ได้อ้าปากของมันออก กระเป๋าใบหนึ่งได้ล่วงหล่นออกจากปากของมัน มันหุบปากกลับและยัง
คงดิ้นอยู่และสุดท้าย มันก็หยุดดิ้น และเลื้อยอย่างรวดเร็วไปทางทิศที่มันมาเมื่อกี้นี้ เสียงร่าง
กายมันกระทบกันต้นไม้ หักไปตลอดทางในครั้งนี้ที่มันกลับไป
เเละทั้งหมดก็กลับออกจากที่ซ่อน มารวมตัวกันอีกครั้ง ทั้งหมดตื่นตระหนกกลับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ
สักครู่นี้
" โอ..ทำไมงูตัวนี้มันใหญ่ได้ขนาดได้ขนาดนี้ละคะ พวกเราเหมือนไม้จิ้มฟันของมันแค่นั้นเอง "
ดุจปราย อุทานอย่างตระหนกหลักจากที่อยุ่รวมกันอีกครั้ง
" มันคงเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเฉพาะดินแดน ก็เป็นได้ ไม่ว่าต้นไม้หรือสัตว์ต่างๆ ที่นี่ใหญ่มาก แต่ยัง
ถือว่าโชคดีนะที่มันยังเป็นสัตว์ ที่เป็นชนิดเดียวกับโลกเรา เหมือนไอ้แมงมุมที่เราเคยเจอมันมา แต่ต่าง
" มันคงเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเฉพาะดินแดน ก็เป็นได้ ไม่ว่าต้นไม้หรือสัตว์ต่างๆ ที่นี่ใหญ่มาก แต่ยัง
ถือว่าโชคดีนะที่มันยังเป็นสัตว์ ที่เป็นชนิดเดียวกับโลกเรา เหมือนไอ้แมงมุมที่เราเคยเจอมันมา แต่ต่าง
กันที่ขนาดเท่านั้น ข้าเคยเป็นพราน ยังพอรู้นิสัย หรือจุดอ่อนจุดแข็งของมัน ทำให้พอจัดการหรือ หลบ
เลี่ยงมันได้ "
ปู่อินทร์กล่าวเสริม และแสดงความเห็น
" ว่าแต่..ปู่อินทร์ คิดได้ยังไงว่ามันกินกระเป๋าแล้วจะทำให้มันทรมาน และหนีไปได้ พวกเราคิด
ไม่ออกจริงๆ "
กานต์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
" ไม่ใช่เพราะกระเป๋าหรอก ที่ทำให้มันทรมาณ มาดูนี่สิ "
ปู่อินทร์ เดินไปหยิบกระเป๋าอีกใบที่อสรพิษยักษ์นั้นได้คายคืนออกมา หลักจากที่แกเปิด
กระเป๋าออกทุกคนก็หายสงสัย พวกเขาลืมไปว่าในกระเป๋านั้นมีมีดปลายแหลมที่คมกริบ อยู่
ในนั้น และนั่นก็คงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้งูยักษ์ร้องลั่น คงเป็นกระเป๋าอีกใบที่งูยักษ์ คายออกมา
ไม่ได้ แสดงว่าระหว่างที่มันงับกระเป๋ามีดในกระเป๋าคงทิ่มเข้าในโพลงปากของมัน ส่วนกระเป๋า
ที่หล่นมานี้ มันอาจจะงับกระเป๋าใบนี้ทางขวาง มีดจึงไม่สามารถทิ่มมันได้อีกเล่มหนึ่ง แต่สิ่ง
ที่ทุกคนเห็นในกระเป๋าที่เปิดดูใบนี้ และเคยเป็นกระเป๋า่ของปู่อินทร์ บัดนี้ข้างในมีน้ำเหนียวเกาะ
อยู่ ไม่ต้องสงสัยของในนั้นบางอย่างนุ่มและถูกย่อยสลาย รวมทั้งแผนที่ด้วย
" ตายแล้ว..แผนที่ปู่เละเลย ส่วนของผมก็ติดไปกับกระเป๋าในปากไอ้ตัวนั้นด้วย ที่นี้เราจะทำยัง
ไงกัน เราไม่มีแผนที่แล้วนะตอนนี้ "
ปู่อินทร์กล่าวเสริม และแสดงความเห็น
" ว่าแต่..ปู่อินทร์ คิดได้ยังไงว่ามันกินกระเป๋าแล้วจะทำให้มันทรมาน และหนีไปได้ พวกเราคิด
ไม่ออกจริงๆ "
กานต์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
" ไม่ใช่เพราะกระเป๋าหรอก ที่ทำให้มันทรมาณ มาดูนี่สิ "
ปู่อินทร์ เดินไปหยิบกระเป๋าอีกใบที่อสรพิษยักษ์นั้นได้คายคืนออกมา หลักจากที่แกเปิด
กระเป๋าออกทุกคนก็หายสงสัย พวกเขาลืมไปว่าในกระเป๋านั้นมีมีดปลายแหลมที่คมกริบ อยู่
ในนั้น และนั่นก็คงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้งูยักษ์ร้องลั่น คงเป็นกระเป๋าอีกใบที่งูยักษ์ คายออกมา
ไม่ได้ แสดงว่าระหว่างที่มันงับกระเป๋ามีดในกระเป๋าคงทิ่มเข้าในโพลงปากของมัน ส่วนกระเป๋า
ที่หล่นมานี้ มันอาจจะงับกระเป๋าใบนี้ทางขวาง มีดจึงไม่สามารถทิ่มมันได้อีกเล่มหนึ่ง แต่สิ่ง
ที่ทุกคนเห็นในกระเป๋าที่เปิดดูใบนี้ และเคยเป็นกระเป๋า่ของปู่อินทร์ บัดนี้ข้างในมีน้ำเหนียวเกาะ
อยู่ ไม่ต้องสงสัยของในนั้นบางอย่างนุ่มและถูกย่อยสลาย รวมทั้งแผนที่ด้วย
" ตายแล้ว..แผนที่ปู่เละเลย ส่วนของผมก็ติดไปกับกระเป๋าในปากไอ้ตัวนั้นด้วย ที่นี้เราจะทำยัง
ไงกัน เราไม่มีแผนที่แล้วนะตอนนี้ "
อัครชัย กล่าว
"คงต้องแล้วแต่ละครับหมอ ปู่อินทร์ตอนนั้นคงไม่มีเวลาพอจะคิดหรอกครับว่าต้องถนอม
แผนที่ไว้ สถานการณ์ตอนนั้น ปู่ถนอมชีวิตพวกเราไว้ได้นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ ส่วนต่อไป
อะไรจะเกิดก็ค่อยว่ากันไปล่ะครับ "
แผนที่ไว้ สถานการณ์ตอนนั้น ปู่ถนอมชีวิตพวกเราไว้ได้นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ ส่วนต่อไป
อะไรจะเกิดก็ค่อยว่ากันไปล่ะครับ "
กานต์ ตอบ พร้อมกล่าวเหตุผลที่คาดว่าน่าจะเป็นความคิดของปู่อินทร์ที่ทำอย่างนั้น
และระหว่างนั้นทั้งหมดก็ได้เริ่มเดินทางกันต่อ เพื่อให้ถึงจุดหมายคือยอดเขาเบื้องหน้า ระหว่าง
ออกเดินทาง จามิกรได้ถามทั้งหมดว่าเป็นไปได้ใหมว่างูยักษ์ตัวนี้ จะเป็นปราการที่ปกป้อง
มัจจิรา แต่ปู่อินทร์บอก ว่าบริเวรนี้มันน่าจะเป็นอานาเขตหากินของมันมากกว่า สังเกตว่ามัน
เลื้อยมาจากระยะไกล แต่ไม่รู้ว่ามาจากใหน
หลังจากที่ทุกคนไต่ระด้บสูงขึ้นมาได้อีกพักใหญ่อีกไม่เกินสามร้อยเมตรข้างหน้านี้ ก็จะเป็นบริ
เวรยอดเขาแล้ว ลมข้างบนแรงมาก จนทั้งหมดซวนเซไปมา ปู่อินทร์ได้ตะโกนบอกทุกคน
และระหว่างนั้นทั้งหมดก็ได้เริ่มเดินทางกันต่อ เพื่อให้ถึงจุดหมายคือยอดเขาเบื้องหน้า ระหว่าง
ออกเดินทาง จามิกรได้ถามทั้งหมดว่าเป็นไปได้ใหมว่างูยักษ์ตัวนี้ จะเป็นปราการที่ปกป้อง
มัจจิรา แต่ปู่อินทร์บอก ว่าบริเวรนี้มันน่าจะเป็นอานาเขตหากินของมันมากกว่า สังเกตว่ามัน
เลื้อยมาจากระยะไกล แต่ไม่รู้ว่ามาจากใหน
หลังจากที่ทุกคนไต่ระด้บสูงขึ้นมาได้อีกพักใหญ่อีกไม่เกินสามร้อยเมตรข้างหน้านี้ ก็จะเป็นบริ
เวรยอดเขาแล้ว ลมข้างบนแรงมาก จนทั้งหมดซวนเซไปมา ปู่อินทร์ได้ตะโกนบอกทุกคน
" ระวังตัวกันหน่อยนะ ระวังจะปลิวร่วงลงไป ถ้ายืนไม่อยู่ให้ก้มลงคลานเลย มาใกล้ๆกันหน่อย
ก็ได้เกาะกันไว้จะได้ไม่เสียหลัก "
แล้วทั้งหมดก็เกาะกลุ่มกันอีกครั้ง และพยายากดันตัวกันขี้นไปเพื่อต้านกับแรงลม และขณะที่ยัก
แย่ยักยันกันอยู่นั้น เสียงปู่อินทร์ก็พูดเปรยขึ้นดังๆให้ทุกคนได้ยิน
" เสียงลมอย่างนี้ เหมือนกับกระทบอะไรบนยอดเขา หรืออาจเป็นไปได้ว่าบนยอดเขานี้อาจมี
โขดหินหรือว่าถ้ำอยู่ "
ขอ้สงสัยของปู่อินทร์ ทำให้ทุกคนสะดุดและหยุดการเดินทางอีกครั้ง อัครชัยหันมาถามแกด้วย
ความสงสัย
" หรือว่า มัจจิรา มันจะอยู่ที่นี่จริงในถ้ำบนยอดเขานี้ "
" ไม่รู้เหมือนกัน แต่เสียงลมที่กระทบยอดเขาดังอย่างนี้ ต้องมีอะไรแน่ พวกเราระวังตัวกัน
หน่อยละกัน เอ้าเดินทางต่อ "
แล้วทั้งหมดก็เริ่มเดินและเมื่อไต่ขึ้นมาอีกพักเดียว จริงอย่างปู่อินทร์บอก มีช่องหินเหมือนถ้ำ
เล็กๆขนาด พอคนเข้าไปได้ปรากฎที่เบื้องหน้าทุกคน และช่องนั้นมีลมพัดเข้าไปทำให้มีเสียงที่
ดังแปลกตามที่ปู่อินทร์บอกและถัดขึ้นไปเหนือช่องหินนั้น ก็เป็นลานกว้างบริเวรที่เป็นยอดเขา
ลูกนี้แล้ว
" เราจะขี้นไปยอดเขากันก่อนนะ แล้วค่อยลงมาเข้าถ้าสำรวจกัน "
ปู่อินทร์สั่ง และทุกคนก็อ้อมไปข้างๆถ้าและไต่ขึ้นสู่จุดยอดเขา ยอดเขาลูกนี้ด้านบนเป็นลาน
กว้างบริเวรสักไร่ได้ แต่ที่น่าแปลกมันกลับเตียนโล่งเหมือนมีใครมากวาดและใช้พื้นที่นี่อยู่
ตลอด พวกเขาสันนิฐานว่ามันอาจเป็นไอ้งูยักษ์ก็ได้ที่ขึ้นมาบนนี้ประจำ และเมื่อเห็นว่าลาน
กว้างไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะย้อนลงไปกลับเข้าถ้าเพื่อสำรวจ ระหว่างที่
ออกันกันอยู่ที่ปากถ้า พวกเขาพยายามมองผ่านแสงรำไรที่ส่องเข้าไปด้านใน
ก็ได้เกาะกันไว้จะได้ไม่เสียหลัก "
แล้วทั้งหมดก็เกาะกลุ่มกันอีกครั้ง และพยายากดันตัวกันขี้นไปเพื่อต้านกับแรงลม และขณะที่ยัก
แย่ยักยันกันอยู่นั้น เสียงปู่อินทร์ก็พูดเปรยขึ้นดังๆให้ทุกคนได้ยิน
" เสียงลมอย่างนี้ เหมือนกับกระทบอะไรบนยอดเขา หรืออาจเป็นไปได้ว่าบนยอดเขานี้อาจมี
โขดหินหรือว่าถ้ำอยู่ "
ขอ้สงสัยของปู่อินทร์ ทำให้ทุกคนสะดุดและหยุดการเดินทางอีกครั้ง อัครชัยหันมาถามแกด้วย
ความสงสัย
" หรือว่า มัจจิรา มันจะอยู่ที่นี่จริงในถ้ำบนยอดเขานี้ "
" ไม่รู้เหมือนกัน แต่เสียงลมที่กระทบยอดเขาดังอย่างนี้ ต้องมีอะไรแน่ พวกเราระวังตัวกัน
หน่อยละกัน เอ้าเดินทางต่อ "
แล้วทั้งหมดก็เริ่มเดินและเมื่อไต่ขึ้นมาอีกพักเดียว จริงอย่างปู่อินทร์บอก มีช่องหินเหมือนถ้ำ
เล็กๆขนาด พอคนเข้าไปได้ปรากฎที่เบื้องหน้าทุกคน และช่องนั้นมีลมพัดเข้าไปทำให้มีเสียงที่
ดังแปลกตามที่ปู่อินทร์บอกและถัดขึ้นไปเหนือช่องหินนั้น ก็เป็นลานกว้างบริเวรที่เป็นยอดเขา
ลูกนี้แล้ว
" เราจะขี้นไปยอดเขากันก่อนนะ แล้วค่อยลงมาเข้าถ้าสำรวจกัน "
ปู่อินทร์สั่ง และทุกคนก็อ้อมไปข้างๆถ้าและไต่ขึ้นสู่จุดยอดเขา ยอดเขาลูกนี้ด้านบนเป็นลาน
กว้างบริเวรสักไร่ได้ แต่ที่น่าแปลกมันกลับเตียนโล่งเหมือนมีใครมากวาดและใช้พื้นที่นี่อยู่
ตลอด พวกเขาสันนิฐานว่ามันอาจเป็นไอ้งูยักษ์ก็ได้ที่ขึ้นมาบนนี้ประจำ และเมื่อเห็นว่าลาน
กว้างไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะย้อนลงไปกลับเข้าถ้าเพื่อสำรวจ ระหว่างที่
ออกันกันอยู่ที่ปากถ้า พวกเขาพยายามมองผ่านแสงรำไรที่ส่องเข้าไปด้านใน
" จะมีตัวอะไรมีพิษอยู่ในนั้นใหม ปู่อินทร์ "
ทุกคนเห็นอาการของพยาบาลสาว ต่างก็พากันยิ้มเช่นกัน
อรัญถาม ขึ้นหลังจากที่เขาพยายามมองเข้าไปข้างในแล้วไม่ค่อยเห็นอะไร
" ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้ามีตัวมันคงไม่ใหญ่มากหรอก สังเกตจากทางเข้าสิ เล็กแค่ตัวคนเข้าไปได้
แต่คงไม่ลึกเท่าไร ฟังจากเสียงลมที่ก้องกลับมา ยังไงก็ระวังตัวกันไว้ก่อน "
ปู่อินทร์ไม่พูดเปล่าเขาหยิบมีดมาถือไว้มั่นและทุกคนก็ทำตาม แล้วแกก็เป็นคนแรกที่แทรกตัว
ผ่านทางเข้าเข้าไป และทันทีที่แกเข้าไปได้ในช่องหินหรือถ้ำนั้น ภายในไม่ได้กว้างจริงๆ อย่าง
ที่ปู่อินทร์สงสัยแต่แรก ในนั้นความกว้างน่าจะประมานยี่สิบเมตรได้ และมีความสว่างทั่วมองเห็น
ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ชัดเจนทีเดียว เมื่อทั้งหมดสามารถเข้ามาได้แล้วก็พยายามมองสำรวจ มีดใน
มือกระชับมั่นเพราะเกรงอาจจะถูกโจมตี จากอะไรที่เขาไม่สามารถรู้ได้ และพลันสายตาทุกคน
ก็สะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งที่อยู่บนพื้น ทีแรกพวกเขามองกันไม่ค่อยชัดจึงได้เดินเข้าไปดูใกล้ และ
ทุกคนก็ต้องตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นใกล้ๆชัดๆ
แต่คงไม่ลึกเท่าไร ฟังจากเสียงลมที่ก้องกลับมา ยังไงก็ระวังตัวกันไว้ก่อน "
ปู่อินทร์ไม่พูดเปล่าเขาหยิบมีดมาถือไว้มั่นและทุกคนก็ทำตาม แล้วแกก็เป็นคนแรกที่แทรกตัว
ผ่านทางเข้าเข้าไป และทันทีที่แกเข้าไปได้ในช่องหินหรือถ้ำนั้น ภายในไม่ได้กว้างจริงๆ อย่าง
ที่ปู่อินทร์สงสัยแต่แรก ในนั้นความกว้างน่าจะประมานยี่สิบเมตรได้ และมีความสว่างทั่วมองเห็น
ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ชัดเจนทีเดียว เมื่อทั้งหมดสามารถเข้ามาได้แล้วก็พยายามมองสำรวจ มีดใน
มือกระชับมั่นเพราะเกรงอาจจะถูกโจมตี จากอะไรที่เขาไม่สามารถรู้ได้ และพลันสายตาทุกคน
ก็สะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งที่อยู่บนพื้น ทีแรกพวกเขามองกันไม่ค่อยชัดจึงได้เดินเข้าไปดูใกล้ และ
ทุกคนก็ต้องตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นใกล้ๆชัดๆ
" นี่มันซากศพมนุษย์ นี่ "
เสียงอุทาน ทั้งหมดดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือร่างกายของคนที่เสียชีวิตแล้ว
แต่คาดว่าคงนานแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้รับกลิ่นที่เหม็นเน่าของซากนั้น
แต่คาดว่าคงนานแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้รับกลิ่นที่เหม็นเน่าของซากนั้น
" พวกเราเอาร่างเขาออกไปข้างนอกจะได้เห็นชัดกว่านี้ "
เสียงปู่อินทร์สั่ง อรัญ อัครชัยและกาต์ช่วยกันจับแขนขาของร่างนั้นพยายามจะพยุงร่างออกไป
จากถ้าตามที่ปู่อินทร์บอก แต่ทว่า เขาไม่สามารถจับร่างนั้นออกไปเป็นรูปทรงได้
เสียงปู่อินทร์สั่ง อรัญ อัครชัยและกาต์ช่วยกันจับแขนขาของร่างนั้นพยายามจะพยุงร่างออกไป
จากถ้าตามที่ปู่อินทร์บอก แต่ทว่า เขาไม่สามารถจับร่างนั้นออกไปเป็นรูปทรงได้
" ปู่อินทร์ ทำไมร่างเขาป่นอย่างนี้ล่ะเหมือน แมงมุมตัวนั้นเลย "
อัครชัยได้บอกหลังจากที่จับร่างนั้น และทำให้เขารู้ว่าร่างนั้นเป็นปุยผงเหมือนดินทราย
" นั้นอย่าพึ่งทำอะไร คงเคลื่อนย้ายไม่ได้มาไครมีไฟจุดให้แสงสว่างหน่อยเราจะได้ดูกันเผื่อรู้ว่า
เขาเป็นใคร "
และทันทีที่ไปเริ่มให้แสงสว่างพวกเขาก็ได้เห็นร่างนั้นถนัดตา ร่างนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุน่า
จะประมาณ สี่สิบห้าปีได้ แต่ที่แปลกคือร่างนั้น ค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ทำไมกลับไม่มีกลิ่นเหม็น
อัครชัย สังเกตุไปทั่วร่าง เขาเป็นหมอทำให้วินิจฉัยเกี่ยวกับร่างกายคนที่ตายแล้วได้มากกว่าคน
อื่น และเขาก็สังเกตุเห็นว่าร่างนี้มีจุดที่เป็นรูอยุ่หายจุด และร่างกายได้มีชิ้นส่วนที่หักอยู่หลาย
ส่วนคาดว่าเขาคงเสียชีวิตจากการบอบช้ำนี้ หลังจากที่สำรวจพอสมควรแล้วเขาจึงหันมาบอก
ทุกคน
" เจ้าของร่างนี้ คงเสียชีวิตจากการมีอะไรมากระเเทกนะครับ และที่ร่างกายป่นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย
ครับ ผมเห็นร่างกายเขามีรูหลายจุด แสดงว่าคงมีอะไรมุดหรือเจาะเขาไปตามรูนั้น และมันคงจะ
ดูดกินร่างกายเขาจนเหลือแต่สิ่งที่แห้งป่นอย่างนี้ เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากไอ้รากไม่นั่นนะ
ครับเพียงแต่ว่า ไม้รู้ว่าเขาตายก่อน หรือถูกรากไม้เจาะก่อนเท่านั้นเอง "
อัครชัยได้บอกหลังจากที่จับร่างนั้น และทำให้เขารู้ว่าร่างนั้นเป็นปุยผงเหมือนดินทราย
" นั้นอย่าพึ่งทำอะไร คงเคลื่อนย้ายไม่ได้มาไครมีไฟจุดให้แสงสว่างหน่อยเราจะได้ดูกันเผื่อรู้ว่า
เขาเป็นใคร "
และทันทีที่ไปเริ่มให้แสงสว่างพวกเขาก็ได้เห็นร่างนั้นถนัดตา ร่างนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุน่า
จะประมาณ สี่สิบห้าปีได้ แต่ที่แปลกคือร่างนั้น ค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ทำไมกลับไม่มีกลิ่นเหม็น
อัครชัย สังเกตุไปทั่วร่าง เขาเป็นหมอทำให้วินิจฉัยเกี่ยวกับร่างกายคนที่ตายแล้วได้มากกว่าคน
อื่น และเขาก็สังเกตุเห็นว่าร่างนี้มีจุดที่เป็นรูอยุ่หายจุด และร่างกายได้มีชิ้นส่วนที่หักอยู่หลาย
ส่วนคาดว่าเขาคงเสียชีวิตจากการบอบช้ำนี้ หลังจากที่สำรวจพอสมควรแล้วเขาจึงหันมาบอก
ทุกคน
" เจ้าของร่างนี้ คงเสียชีวิตจากการมีอะไรมากระเเทกนะครับ และที่ร่างกายป่นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย
ครับ ผมเห็นร่างกายเขามีรูหลายจุด แสดงว่าคงมีอะไรมุดหรือเจาะเขาไปตามรูนั้น และมันคงจะ
ดูดกินร่างกายเขาจนเหลือแต่สิ่งที่แห้งป่นอย่างนี้ เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากไอ้รากไม่นั่นนะ
ครับเพียงแต่ว่า ไม้รู้ว่าเขาตายก่อน หรือถูกรากไม้เจาะก่อนเท่านั้นเอง "
" แต่ ดูนี่สิครับ "
กานต์เรียกและชี้ให้ทุกคนดู สิ่งที่เขาชี้คือรอยทางยาวเล็ก ลักษณะเหมือนมีการลากอะไรไป
กับพื้นจากปากถ้ำไปจึงถึงร่างนั้น
" สงสัย เขาได้รับบาดเจ็บมาจากข้างนอก และพยายากคลานเข้ามาและมาเสียชีวิตอยู่ตรงนี้
แสดงว่าเขาอาจจะตายก่อนแล้ว จึงถูกดูดกิน เออใช่แล้วนี่ไงมีรูจากพื้นด้วย แสดงว่ารากไม้คง
ผุดออกจากพื้นนี้แน่ "
ปู่อินทร์ วินิจฉัยหลังจากที่เห็นรอยคลานนั้น
" โอ.. อย่างนี้แสดงว่าพวกเราเวลานอนก็จะไม่ค่อยปลอยภัยนะสิคะ ไม่รู้เมื่อไรมันจะผุดมากิน
เรา "
กับพื้นจากปากถ้ำไปจึงถึงร่างนั้น
" สงสัย เขาได้รับบาดเจ็บมาจากข้างนอก และพยายากคลานเข้ามาและมาเสียชีวิตอยู่ตรงนี้
แสดงว่าเขาอาจจะตายก่อนแล้ว จึงถูกดูดกิน เออใช่แล้วนี่ไงมีรูจากพื้นด้วย แสดงว่ารากไม้คง
ผุดออกจากพื้นนี้แน่ "
ปู่อินทร์ วินิจฉัยหลังจากที่เห็นรอยคลานนั้น
" โอ.. อย่างนี้แสดงว่าพวกเราเวลานอนก็จะไม่ค่อยปลอยภัยนะสิคะ ไม่รู้เมื่อไรมันจะผุดมากิน
เรา "
ดุจปราย พูดพร้อมห่อปากด้วยความ สุดเสียว
" แต่เราก็นอนกลางป่าที่นี่ กันมาสองสามคืน แล้วนะคุณปรายไม่เห็นมีอะไรเลย หรือว่าเป็นเพราะ
ผมคอยดูแลคุณอยู่เป็นอย่างดีก็ไม่รุ อุ๊ย..
พูดได้เท่านั้น อรัญก็ถูกกำปั้นทุบเข้าที่ใหล่ พร้อมทั้งสายตาที่ค้อนขวับจากดุจปราย
" แต่เราก็นอนกลางป่าที่นี่ กันมาสองสามคืน แล้วนะคุณปรายไม่เห็นมีอะไรเลย หรือว่าเป็นเพราะ
ผมคอยดูแลคุณอยู่เป็นอย่างดีก็ไม่รุ อุ๊ย..
พูดได้เท่านั้น อรัญก็ถูกกำปั้นทุบเข้าที่ใหล่ พร้อมทั้งสายตาที่ค้อนขวับจากดุจปราย
" มันใช่เวลาไม๊เนี่ย. "
และเป็นคำพูดทิ้งท้ายของดุจปราย พร้อมสะบัดหน้าไปแอบอมยิ้มอยู่ทางทิศอื่น
ทุกคนเห็นอาการของพยาบาลสาว ต่างก็พากันยิ้มเช่นกัน
" ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ว่าเขาเป็นใคร มายังไง แล้วจะทำยังไงดีคะ "
แสงดาวถามขึ้น หลังจากที่ไม่พบอะไรในบริเวร ที่พบ ซากศพนี้
" แต่ดูจากลักษณะหน้าตาแล้วเขาน่าจะเป็นคนแถบนี้ น่าจะเป็นชาวกระเหรี่ยงหรือไม่ก็ชาวเขา
สังเกตุจากเครื่องแต่งกาย น่าจะมาหลงป่าแล้วหลุดเข้ามาเหมือนกัน แต่อะไรทำให้เขาตาย
เหมือนถูกกระแทกอย่างแรง จะว่าตกเขาก็ไม่ใช่ เพราะว่าถ้าตกลงไป คงไม่ไต่ขึ้นมาตายข้าง
บนนี่หรอก จะว่าโดยจงอางยักษ์กัดก็คงไม่ไช่ ถ้าโดนกัดน่าจะมีแผลที่ ฉกรรจ์ กว่านี้"
" แต่ดูจากลักษณะหน้าตาแล้วเขาน่าจะเป็นคนแถบนี้ น่าจะเป็นชาวกระเหรี่ยงหรือไม่ก็ชาวเขา
สังเกตุจากเครื่องแต่งกาย น่าจะมาหลงป่าแล้วหลุดเข้ามาเหมือนกัน แต่อะไรทำให้เขาตาย
เหมือนถูกกระแทกอย่างแรง จะว่าตกเขาก็ไม่ใช่ เพราะว่าถ้าตกลงไป คงไม่ไต่ขึ้นมาตายข้าง
บนนี่หรอก จะว่าโดยจงอางยักษ์กัดก็คงไม่ไช่ ถ้าโดนกัดน่าจะมีแผลที่ ฉกรรจ์ กว่านี้"
ปู่อินทร์ได้เริ่มตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับการตายของชายคนนี้อีกครั้ง และก่อนที่ทั้งหมดจะคุยกัน
ต่อ ปู่อินทร์ก็ได้เอามือป้องหู อาการของเขาทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ
ต่อ ปู่อินทร์ก็ได้เอามือป้องหู อาการของเขาทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ
" ได้ยินอะไรอีกหรือคะ หรือว่าเสียงไอ้งูนั่น "
จามิกา กระซิบแผ่ว ปู่อินทร์ส่ายหน้าแต่ยังไม่พูดอะไร
" เสียงลม "
และเขาก็ได้พูดขึ้น ได้ยินคำตอบทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
" ตกใจหมด นึกว่าปู่ได้ยินอะไรอีก พวกเราเกร็งกันแย่แล้วนะคะปู่ "
แสงดาว กล่าว แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อเห็นปู่อินทร์ส่ายหน้าอีกครั้ง
" พวกคุณฟังให้ดีสิเสียงลม ดังแปลกๆไม่ค่อยสม่ำเสมอ เอ้าลองฟังดูสิ ดังขึ้นเรื่อยๆด้วย "
จริงอย่างปู่อินทร์ พูดหลังจากที่ทุกคนเริ่มตั้งใจฟัง เสียงลมที่ได้ยินดังเป็นจังหวะ วูบ วูบ และ
ทันทีที่ได้ยินชัดขึ้นและแรงขึ้น ปู่อินทร์ก็กระซิบบอกทุกคน
" เสียงลม "
และเขาก็ได้พูดขึ้น ได้ยินคำตอบทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
" ตกใจหมด นึกว่าปู่ได้ยินอะไรอีก พวกเราเกร็งกันแย่แล้วนะคะปู่ "
แสงดาว กล่าว แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อเห็นปู่อินทร์ส่ายหน้าอีกครั้ง
" พวกคุณฟังให้ดีสิเสียงลม ดังแปลกๆไม่ค่อยสม่ำเสมอ เอ้าลองฟังดูสิ ดังขึ้นเรื่อยๆด้วย "
จริงอย่างปู่อินทร์ พูดหลังจากที่ทุกคนเริ่มตั้งใจฟัง เสียงลมที่ได้ยินดังเป็นจังหวะ วูบ วูบ และ
ทันทีที่ได้ยินชัดขึ้นและแรงขึ้น ปู่อินทร์ก็กระซิบบอกทุกคน
" ระวังตัวไว้ให้ดีนะ พยายามอยู่นิ่งนิ่งกันไว้ อย่าออกไปข้างนอกเด็ดขาด หยุดพูดกัน เดี๋ยวจะ
ทำให้มันได้ยิน ถ้าไม่เห็นคนเดี๋ยวมันก็คงไปเองเเหละ "
ทั้งหมดงงเป็นไก่ตาแตก เสียงลมนั้นทำไมทำให้ปู่อินทร์ ต้องสั่งพวกเขาแบบนี้ หรือว่าเสียงนึ้
มันเป็นเสียงของสัตว์ชนิดใดที่พวกเขาไม่เคยได้ยินแต่เมื่อ ถูกสั่งให้เงียบเลยไม่มีใครพูดขึ้นอีก
คงเก็บอาการไว้ และเสียงลมที่ดังเป็นจังหวะใกล้เข้ามา และสุดท้ายทุกคนก็รู้สึกได้ว่าบริเวรข้าง
นอกมีการหมุนของลมเพราะฝุ่นได้ฟุ้งกระจายไปทั่ว เหมือนกับมีเครื่องบินมาลงจอด และทันใด
นั้นเสียงลมก็เงียบไป และฝุ่นผงที่กระจายก็เริ่มจางลง ปู่อินทร์ ทำสัญลักษณ์มือชี้ไปที่บนหัวที่
เขายืนอยู่ ทุกคนรู้ทันทีเลยว่าความหมายของแกคือมีอะไรอยู่บนลานภูเขาข้างบนนี้ นึกอยากจะ
ออกไปดู แต่ติดคำที่ปูอินทร์ได้ห้ามไว้ และทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบ แต่พักเดียวพวกเขาก็
เหมือนได้ยินว่ามีเสียงเหมือนลากอะไร กรากแกรกบนลานนั้น ทุกคนมองไปที่ปู่อินทร์ เพราะ
ความอยากรุู้ว่าแกจะตัดสินใจอะไร แต่แกก็คงยังส่งสัญญาณให้ทุกคนนิ่งอยู่อย่างนั้น กานต์ยืน
อยู่ใกล้ หน้าถ้ำมากที่สุด เขารู้สึกว่าร่างกายเขากระทบเข้ากับอากาศอุ่นๆด้านหลัง เหมือนกับว่า
เป็นลมหายใจของอะไรสักอย่างทำให้เขาค่อยๆหันหลังกลับไปดู ทันใดนั้นเอง สายตาเขาก็มอง
เห็นดวงตากลมโตดวงหนึ่งที่มองเข้ามาในถ้ำ ตานั้นใหญ่พอกับเจ้างูจงอางยักษ์ ที่เห็นเมื่อก่อน
หน้านี้เขากระโดดเข้ามาด้วยความตกใจทันที และในเวลานั้น มีวัตถุขนาดใหญ่ทรงแหลมอย่าง
หนึ่งพยายามแทรกเข้ามาจากประตูถ้ำ แต่เนื่องจากมันใหญ่จนไม่สามารถลอดช่องหินเล็กๆเข้า
มาได้ แต่เหมือนไม่ละความพยายามสิ่งนั้นยังคงดันอยู่ จนหินทางเข้าเริ่มสั่นคลอน ปู่อินทร์เห็น
ดังนั้น เขาวิ่งไปที่หน้าถ้าบริเวรนั้นทันที เขาเสือกมีดแทงสวนไปที่ขอบวัตถุที่พยายามแทรก
ปากถ้ำเข้ามาทันทีและทันใดนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียง
ทำให้มันได้ยิน ถ้าไม่เห็นคนเดี๋ยวมันก็คงไปเองเเหละ "
ทั้งหมดงงเป็นไก่ตาแตก เสียงลมนั้นทำไมทำให้ปู่อินทร์ ต้องสั่งพวกเขาแบบนี้ หรือว่าเสียงนึ้
มันเป็นเสียงของสัตว์ชนิดใดที่พวกเขาไม่เคยได้ยินแต่เมื่อ ถูกสั่งให้เงียบเลยไม่มีใครพูดขึ้นอีก
คงเก็บอาการไว้ และเสียงลมที่ดังเป็นจังหวะใกล้เข้ามา และสุดท้ายทุกคนก็รู้สึกได้ว่าบริเวรข้าง
นอกมีการหมุนของลมเพราะฝุ่นได้ฟุ้งกระจายไปทั่ว เหมือนกับมีเครื่องบินมาลงจอด และทันใด
นั้นเสียงลมก็เงียบไป และฝุ่นผงที่กระจายก็เริ่มจางลง ปู่อินทร์ ทำสัญลักษณ์มือชี้ไปที่บนหัวที่
เขายืนอยู่ ทุกคนรู้ทันทีเลยว่าความหมายของแกคือมีอะไรอยู่บนลานภูเขาข้างบนนี้ นึกอยากจะ
ออกไปดู แต่ติดคำที่ปูอินทร์ได้ห้ามไว้ และทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบ แต่พักเดียวพวกเขาก็
เหมือนได้ยินว่ามีเสียงเหมือนลากอะไร กรากแกรกบนลานนั้น ทุกคนมองไปที่ปู่อินทร์ เพราะ
ความอยากรุู้ว่าแกจะตัดสินใจอะไร แต่แกก็คงยังส่งสัญญาณให้ทุกคนนิ่งอยู่อย่างนั้น กานต์ยืน
อยู่ใกล้ หน้าถ้ำมากที่สุด เขารู้สึกว่าร่างกายเขากระทบเข้ากับอากาศอุ่นๆด้านหลัง เหมือนกับว่า
เป็นลมหายใจของอะไรสักอย่างทำให้เขาค่อยๆหันหลังกลับไปดู ทันใดนั้นเอง สายตาเขาก็มอง
เห็นดวงตากลมโตดวงหนึ่งที่มองเข้ามาในถ้ำ ตานั้นใหญ่พอกับเจ้างูจงอางยักษ์ ที่เห็นเมื่อก่อน
หน้านี้เขากระโดดเข้ามาด้วยความตกใจทันที และในเวลานั้น มีวัตถุขนาดใหญ่ทรงแหลมอย่าง
หนึ่งพยายามแทรกเข้ามาจากประตูถ้ำ แต่เนื่องจากมันใหญ่จนไม่สามารถลอดช่องหินเล็กๆเข้า
มาได้ แต่เหมือนไม่ละความพยายามสิ่งนั้นยังคงดันอยู่ จนหินทางเข้าเริ่มสั่นคลอน ปู่อินทร์เห็น
ดังนั้น เขาวิ่งไปที่หน้าถ้าบริเวรนั้นทันที เขาเสือกมีดแทงสวนไปที่ขอบวัตถุที่พยายามแทรก
ปากถ้ำเข้ามาทันทีและทันใดนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียง
" แจ๊ก ..."
และทันได้นั้น ลมที่ได้ยินเสียง
เมื่อสักครู่นี้ก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้งและฝุ่นผงก็ปลิวตลบเช่นเดิม พร้อมทั้งวัตถุ ทรงแหลมที่พยายาม
แทรกปากถ้ำเข้ามาเมื่อกี้นี้ ก็ถูกถอยกลับออกไปด้วย และเมื่อปากถ้าเปิดออกและเสียงลมเริ่ม
ดังไกลออกไป ปู่อินทร์เรียกทุกคนออกจากถ้ำ ทุกคนพรูออกมาและไต่ตามปู่อินทรขึ้นไปบน
ยอดภูเขาที่เป็นลาน เมื่อไปถึงปู่อินทร์ชึ้ให้ทุกคนดู และสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตานั้น มีวัตถุที่บิน
ได้ขนาดใหญ่ ซึ่งทีแรกทุกคนเห็นว่ามันเป็นอะไร แต่สิ่งที่เห็นปู่อินทร์ ได้อธิบายว่า มันคือ นกเงือก
เมื่อสักครู่นี้ก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้งและฝุ่นผงก็ปลิวตลบเช่นเดิม พร้อมทั้งวัตถุ ทรงแหลมที่พยายาม
แทรกปากถ้ำเข้ามาเมื่อกี้นี้ ก็ถูกถอยกลับออกไปด้วย และเมื่อปากถ้าเปิดออกและเสียงลมเริ่ม
ดังไกลออกไป ปู่อินทร์เรียกทุกคนออกจากถ้ำ ทุกคนพรูออกมาและไต่ตามปู่อินทรขึ้นไปบน
ยอดภูเขาที่เป็นลาน เมื่อไปถึงปู่อินทร์ชึ้ให้ทุกคนดู และสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตานั้น มีวัตถุที่บิน
ได้ขนาดใหญ่ ซึ่งทีแรกทุกคนเห็นว่ามันเป็นอะไร แต่สิ่งที่เห็นปู่อินทร์ ได้อธิบายว่า มันคือ นกเงือก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น