ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #9 : ทางออกที่ทางเข้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 621
      26
      11 ก.พ. 62

     





    และผลการตรวจ สิ่งที่หมออัครชัยสงสัยก็เป็นจริงพวกเขาทั้งหมดมีเส้นเลือดที่มากกว่าคน

    ทั่วไปจริงๆสำหรับทายาท คือลูกของทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามกลับมี

    เส้นเลือดประหลาดนี้เช่นเดียวกัน   เป็นไปได้ว่ามีการส่งต่อกันทางพันธุกรรม  แต่เมื่อได้นำเมีย

    ของทุกคนที่ไปยังป่านั้นและยังไม่ได้ตายจากผัวของเธอ ไปกลับไม่พบเส้นเลือดประหลาดนี้ 

    แต่กลับพบว่าร่างกายไม่สมบูรณ์แทบจะทุกคน เหมือนถูกดูดสารอาหารและภูมิต้านทานออก

    ไปจากร่างกาย


    " เป็นอันว่าพวกเราก็น่าจะรู้ เกี่ยวกับปรสิตต้นไม้นี้บางส่วนแล้ว แต่เราจะทดลองทำลายหรือฆ่า มันคง

    ไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ไปแล้ว  จะทำอะไรร่างกายเราได้รับผลกระทบแน่

    แน่นอนคิดว่าพวกเราต้องพยายามหาวิธี  มันยากที่ว่าเราไม่สามารถปรึกษาใครหรือผู้เชี่ยวชาญใดๆได้

    ลย เรื่องมันพิลึกพิล่ั่นเกินไป ถ้าทุกคนไม่เข้าใจเราก็จะอยู่กับลำบาก ทางที่ดีเราต้องหาวิธีกันเอง"                                       

     อัครชัยกล่าวหลังจากที่ได้วิเคราะห์จากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ ของทุกคนรวมทั้งตัวเขา                  


    " ถ้าเป็นปรสิต ที่เป็นสัตว์ จะมีวิธีทำลายที่ง่ายมาก  พอดีจา.เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้พอดี แต่ว่า

    มาเจอแบบนี้ คิดไม่ออก จริงๆจะลองใช้วิธีเดียวกันในการทำลายคงไม่ได้พืชกับสัตว์ คนละเรื่อง

    กัน "                                                                                                              



    ด๊อกเตอร์จามิกรแสดงความเห็น                                                                            

    วงสนทนาทั้งหมดยังคงคิดหาหนทางกัน  แต่ดูเหมือนจะมืดแปดด้าน ไม่มีใครที่จะมีความคิด

    พอที่จะแก้ปัญหาได้ จึงมีความคิดบางทีอาจจะ ต้องปลงตกกับมัน ถ้าไม่สามารถทำให้มันออก

    จากร่างกายได้ทั้งหมด ต้องปรับตัวให้ชินกับการที่จะมีมันอยู่ด้วยได้  เพราะอยู่กันมานานแล้ว 

    พวกเขาคิดว่า ถ้าการตายของผู้กองโยชิ เกิดจากที่มันออกจากร่างพวกเขาก็จะต้องพิจารณา

    ให้ดี ว่าควรจะเสี่ยงหรือไม่  สรุปว่าสมควรจะหาวิธีที่มั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายใดๆต่อร่างกาย 

    จึงจะดำเนินการใดๆกันต่อไปเมื่อยังไม่ได้ข้อสรุปการแก้บัญหาในวันนี้ จึงค่อยหาวิธีกันเรื่อยๆ

    ไปก่อน  

    สามเดือนผ่านไป   ตอนนี้อาการของทุกคนก็เข้าสู่อาการปรกติ ดีทุกคนแล้ว  แต่ที่ไม่ปรกติ คือ

    บ้านของจามิกร และบ้านของแสงดาวที่ต้องต้อนรับสองหนุ่มอยู่อย่างตลอดจนแทบว่าจะทุกวัน

    ก็ว่าได้ จนทั้งสองคู่มีแปลนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในไม่ช้านี้   

    เมื่อยังไม่ได้ดังที่ตั้งใจร่วมกันไว้ และกินเวลามานานพอสมควร   ดุจปราย ขอ ย้ายกลับไป

    ประจำที่โรงพยาบาลบ้านเกิด เพื่อจะได้ไปดูแลพ่อและแม่ของเธอด้วย  ทั้งหมดตกลงกันว่าจะ

    ขอลาพักร้อนไปส่ง ดุจปราย เป็นเวลาเจ็ดวัน และจะถือโอกาสเที่ยวไปด้วย                           

    และวันเดินทางก็มาถึง  หมออัครชัยได้เช่ารถตู้เพื่อเดินทางไป อำเภอปายเพื่อไปส่ง ดุจปราย 

    โดยเจ้าของรถตู้โดยสารขนาดเล็กคันหนึ่งซึ่งสนิทกันกับหมออัครชัย  ได้อนุญาตให้เขานำรถ

    ไปเอง โดยที่อัครชัยได้ชวนคนขับรถของโรงพยาบาลซึ่งมาสมัครงานขับรถใหม่ ได้เพียง สอง

    วันแต่ดูแล้วมีความชำนาญเส้นทางในแถบนี้ไปด้วย  และได้ออกเดินทางกันแต่เช้า  คนสิบกว่า

    คนในรถค่อนข้างตื่นเต้น ต่างคุยกันเสียงค่อนข้างดังไปตลอดทาง เรื่องที่คุยกันก็จะเป็นเรื่อง

    ต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งโดยเฉพาะต้นไม้ปรสิตที่อยู่ในร่างกายของทุกคน ยังไม่สามารถนำมันออกได้ 

    บางคนมีความเห็นว่าบางทีเห็นจะต้องทำใจกับเรื่องนี้แล้ว  คงจะไม่มีทางทำอะไร กับมันได้ และ

    เห็นว่าอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไป เพราะอยู่กับมันมานานแล้ว      

    เมื่อรถถึงแม่สอดอัครชัยได้สั่งให้คนขับรถจอดที่ร้านอาหารข้างทาง เพราะเห็นว่าตอนนี้ได้

    เดินทางมาครึ่งค่อนวันแล้ว และอีกไม่ไกลเท่าไรก็จะถึงจุดหมายแล้ว



    " น้าช่วยมาทานข้าวกันครับ"



    อัครชัย ได้เรียกบุญช่วยคนขับรถตู้ลงมาร่วมทานอาหารกันด้วย ที่เขาเลือกบุญช่วยมาเป็นคน

    ขับรถเพราะบุญช่วยได้ขับรถให้โรงพยาบาล  และบุญช่วยเองก็เป็นคน กอปรกับพื้นเพเขาเป็น

    คนแถวภาคเหนือฝั่งตะวันตกนี้ นี้แม้จะมีอายุมากแล้วแต่ไม่เป็นอุปสรรค เพราะเขามีความ

    ชำนาญและใจเย็นพอสมควร


    " เหนื่อยใหมน้าช่วย เป็นไงพวกผมน่ารำคาญใหม คงคุยกันเรื่องที่น้าไม่ค่อยเข้าใจนะ ต้อง

    ขอโทษที"


    กานต์พูดกับคนขับรถขณะที่ทุกคนกำลังลงจากรถ เขารู้ดีว่าเรื่องบางเรื่อง คนขับรถต้องได้ยิน

    และอาจจะสงสัยในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาคุยกันเพราะรถตู้ไม่มีอะไรกั้นระหว่างผู้โดยสารกับคน

    ขับ โดยเฉพาะเรื่องต้นไม้ปรสิตนั้น เขาต้องสงสัยเป็นแน่แท้



    " ไม่เป็นไรมิได้ครับ เพลินดีครับทำให้ผมขับรถสบาย ไม่ง่วงด้วย แต่มีอย่างหนึ่งครับเรื่องต้นไม้

    อะไรนั่น เออ...คือ..."


    บุญช่วยพยายามจะพูดต่อแต่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก เขาอยากรู้แต่เกรงใจที่จะถาม เมื่อเขาได้ยิน

    คนในรถทั้งหมดสนทนากันเรื่องต้นไม้อะไรนั่น มันช่างเหมือนกันเรื่องที่เขาเคยได้รับรู้มาจาก

    คนคนหนึ่ง ที่ตอนแรกเขามองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ 


    " หมอครับ ผมมีเรื่องอย่างหนึ่งจะบอก ท่าน ผอ ออกับทุกคนครับ ที่แรกผมไม่รู้ว่าจะตัดสินใจบอกท่าน

    ผอ.ดีหรือเปล่า แต่พอได้ยินทุกคนพูดกันถึงแต่เรื่องต้นไม้อะไรนั่นผมจึงตัดสินใจว่าจะบอก"


    บุญช่วย คนขับรถตู้ได้พูดกับอัครชัยขึ้นหลังจากที่ทุกคนได้สั่งอาหารและอยู่ระหว่างนั่งรอ



    " มีอะไรเหรอน้าช่วย พวกเราทำอะไรให้น้าไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าบอกได้นะไม่ต้องเกรงใจ "


    อัครชัยถามบุญช่วย ซึ่งตั้งแต่บนรถ เขาเองก็ได้สังเกตุว่าคนขับรถเขามีอาการเคร่งขรึมทุก

    ครั้งที่พวกเขาคุยกันเรื่องต้นไม้นั้น


    " ครับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนทำให้ผมลำบากใจอะไรหรอกนะครับ แต่ว่าเรื่องที่พวกคุณทุกคน

    คุยกัน เรื่องต้นไม้นะครับ มีญาติผมคนหนึ่งเคยเล่าให้ผมฟังในเรื่องทำนองนี้มาแล้ว แต่ตอนนั้น

    ผมว่าแกเป็นคนบ้าเพ้อเจ้อ พึ่งมาเริ่มจะเข้าใจและสงสัยว่าน่าจะมีจริง ก็เพราะได้ยินจากปาก

    ของพวกคุณหมอนี่แหละครับ"


    คำพูดของบุญช่วยที่พูดขึ้น ทำให้ทั้งหมดสะดุดและหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน


     "  น้าช่วยพูดอย่างนี้หมายความว่า น่าช่วยรู้ว่า มีคนอื่นนอกจากพวกเรารู้เรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ "


    แสงดาว . ถามบุญช่วยขึ้นด้วยความสงสัย


    " ครับจะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ  แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เลยไม่ค่อยได้รู้เรื่องมาก

    แต่คร่าวๆคล้ายๆเรื่องที่พวกคุณคุยกันนี่เเหละครับ "


    บุญช่วย ตอบ


    " อย่างนี้ก็แสดงว่าคนที่น้าช่วยบอกว่าได้เล่าเรื่องนี้ให้น้าช่วยฟัง ก็คงต้องเคยไปในป่าแห่งนี้มา

    เหมือนกันกับพวกพ่อและทุกคน  เขาเป็นใครคะน้าช่วย ยังมีชีวิตอยู่ใหม ค่ะ "


    จามิกร แสดงความเห็นและได้ถามบุญช่วยขึ้นด้วยความสงสัย


    " เขาเป็นน้องชายปู่ชวดของผมเองล่ะครับ "


    บุญช่วยตอบ


    " โอ้ น่าเสียดาย เขาคงเสียไปหลายปียังล่ะบุญช่วย คงไม่นานซีนะขนาดยังเคยเล่าเรื่องนี้ให้

    บุญช่วยฟังได้ นี่ถ้าเขาอยู่ผมก็อยากจะถามเขาเหมือนกันว่าเขาไปที่นั่น และออกมาจากที่นั่นได้

    อย่างไรหรือเผลอๆ เขาอาจจะรู้ทางเข้าออกที่นั่นก็เป็นได้นะ "


    คงเดชกล่าว พร้อมแสดงความเสียดาย ทีเเรกเขาดูมีความหวังขึ้นมาแต่เมื่อรู้ว่าผู้เล่าอายุมาก

    เกินไปที่จะมีชีวิตอยู่ ความหวังก็ดับวูบ



    " ผมไม่รู้จะบอกยังไงดีครับ เอาเป็นว่าใหนๆเรื่องก็มาถึงนี้แล้ว ที่จริงแล้วน้องชายของปู่ชวดผม  

    เออ..คือ..น้องปู่ชวดผมนะครับผมก็เลยเรียกท่านว่าปู่ชวด  แกสั่งไม่ให้ผมพูดเรื่องนี้ทั้งหมด รวมทั้งเรื่อง

    ของตัวแกที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ด้วย แต่ผมเห็นใจพวกคุณ จากการที่พวกคุณคุยกันผมคิดว่าพวกคุณคง

    หาทางออกเรื่องนี้กันไม่ได้ อย่างน้อยคงอยากหาคนที่รู้เรื่องนี้และเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวเรื่องประหลาดนี้  

    ไม่มากก็น้อยผมคิดว่าปู่อาจจะช่วยพวกคุณได้ "


    คำพูดของบุญช่วยทำให้ทุกคนอึ้งอีกครั้ง ทุกคนได้ยินไม่ผิด ผู้ที่บุญช่วยอ้างอิง บุญช่วยยืนยัน

    ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะบุญช่วยเองอายุใกล้หกสิบแล้ว ถ้าปู่ชวดเขาอยู่

    อายุจะประมาณเท่าไร แต่ก็เป็นไปได้ ว่าน้องปู่ชวดอาจอายุห่างกับปู่ชวดของเขามากก็เป็นได้  

    เหมือนฝันทันทีทีได้ยินว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ความหวังของทุกคนเริ่มกลับมาอีกครั้ง"


     " โอ..หวังว่า ปู่ชวดของบุญช่วยคงจะยังไม่เลอะเลือนนะ ท่านอายุเท่าไรล่ะตอนนี้ พาพวกเราไปหา

    ท่านได้ใหมบุญช่วย "




    ประพันธ์ ระล่ำระลักน้ำเสียงแสดงความตี่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่เขาทุกคนก็มีอาการ

    เช่นนี้เช่นเดียวกัน และก็อยากรู้ในสิ่งที่ประพันธ์อยากรู้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่ายังไม่ทันได้พูด

    เท่านั้นเอง




    " อย่างที่ผมบอกนะครับ มีเหตุผมหลายอย่างที่ปู่ชวดผมสั่งว่าไม่ให้ผมบอกเรื่องนี้กลับใคร เรื่องอายุ

    ตอนนี้คาดว่าอายุท่านน่าจะเกินร้อยห้าสิบปีแล้ว ทุกคนอาจแปลกใจ อย่าให้ผมอธิบายมากกว่านี้

    เลยครับ ผมรับปากว่าจะพาพวกคุณไปหาท่านละกัน สงสัยอะไรถามท่านเอาเอง  เมื่อไปถึง

    พวกคุณจะต้องเจออะไรที่ไม่น่าเชื่ออีกเยอะ  แต่ไปลำบากนะครับไม่รู้พวกคุณจะไปได้เปล่า

    เราต้องเดินทางจากตรงนี้โดยรถตู้คันนี้ไปทางทิศตะว้นตกอีกสี่ชั่วโมงและจะถึงแนวป่าเราต้อง

    ฝากรถไว้ต้องเดินเท้าผ่านป่าประมาณสองวัน  ที่นี้ก็แล้วแต่พวกคุณแล้วกันครับว่าจะตัดสินใจ

    กันยังไง "




    ไม่ต้องรอปรึกษากัน ทุกคนรู้คำตอบกันอยู่แล้ว สิ่งที่อยากรู้อยู่ตรงหน้า ทั้งหมดพย้กหน้ารับข้อ

    เสนอบุญช่วยทันที กำหนดการเดินทางเปลี่ยนทันทีเช่นกัน ทั้งหมด เห็นว่าควรจัดหาเสบียง

    สำหรับการเดินทางสามว้น และทุกคนยืนยันจะเดินทางไปหาปู่ของบุญช่วย แม้ว่าอาจจะต้อง

    เดินเท้าแบบล่าช้าเพราะมีคนซึ่งแก่แล้วร่วมเดินทางไปด้วย  แต่ก็ไม่มีไครยินยอมที่จะอยู่เฝ้ารถ

    เพราะต่างตื่นเต้นและอยากรู้เรื่องเหมือนกันทุกคน แต่โชคดีที่บุญช่วยเป็นคนแถบนี้ มีญาติที่

    พอไว้เนื้อเชื่อใจฝากรถได้    


    เย็นวันนั้น รถตู้พร้อมสัมภาระเดินทาง ก็ได้ไปถึงหมู่บ้านเป้าหมายของจุดที่จะฝากรถ ทั้งหมด

    เห็นว่าควรค้างที่หมู่บ้านสักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยเดินเท้าเข้าป่า บุญช่วยได้เข้าไปทักทายหมู่ญาติ

    ตามบ้านต่างๆและได้แนะนำทุกคนได้รู้จักกับญาติๆของเขา แต่เมื่อรู้ว่าทุกคนจะเดินทางไปที่

    ใหน บุญช่วยกลับถูกญาติๆ ตำหนิอย่างหนักเพราะทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่ต้องทำตามที่ปู่ของบุญช่วย

    ได้บอกกับทุกคนไว้ และห้ามหมู่ญาติ พูดเรื่องของเขา รวมท้้งที่ที่เขาอยู่ ไม่ให้บอกให้คน

    ภายนอกรู้ ให้ทุกคนถือตามอย่างเคร่งครัด   แต่เขาเองก็ได้บอกกับญาติๆว่าเขาจะรับผิดชอบ

    เองถ้ามีอะไรเกิดขึ้น 







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×