ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ปรากฎการพร้อมหน้า
ไม่ถึงสิบนาที ร่างระหงในชุดเครื่องแบบสีขาว ก็ได้ตามพยาบาลเวรเข้าหาหมออัครชัย ส่วน
สมรพยาบาลเวรซึ่งได้ล่วงหน้ามาก่อน ได้เข้ามาบอกกับหมออัครชัย
" ไปบอกให้แล้วค่ะ สักพักคงมา เเหมพอหนุ่มแถวนั้นรู้ว่าท่านผอ.เรียก คุณ ดุจปรายมาหานะคะเห็น
ทำหน้าละห้อย สงสัยอกหักล่วงหน้ากันเป็นแถวแล้วล่ะค่ะ "
พยาบารเวร สัพยอกเมื่อเธอเห็นสิ่งที่เธอบอก อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเป็นธรรมดาหนุ่มหล่อกับสาว
สวย เป็นความเหมาะสมและลงตัวในความคิดของคนที่คิดว่าทั้งคู่ก็ยังเป็นคนโสด ว่าแล้วเธอก็
ขอตัวไปทำงานต่อ
ระหว่างที่ ทั้งหมดกำลังใจจดใจ ประตูห้องก็ถูกเคาะ ทันทีทีประตูเปิดออก ร่างบาง ๆ ก็เข้ามา
" สวัสดีค่ะท่าน ผอ ออ มีอะไรให้ดีฉันรับใช้หรือค่ะ "
เธอกระพุ่มมือไหว้พร้อมคำถาม
อัครชัยรับไหว้ และเธอเองก็ได้หันไปใหว้กับผู้ชายทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหมออัครชัยด้วย ร่างนั้น
เป็นสตรีในชุดสีชาวที่สะดุดตายิ่งนัก ทั้งรูปร่างหน้าตา เธอเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง อาจ
สวยจนใครๆต้องเหลียวหลัง หมออัครชัยเองวันนั้นเขาก็ไม่ได้สังเกต พยาบาลเวรให้หนังสือมา
" ไปบอกให้แล้วค่ะ สักพักคงมา เเหมพอหนุ่มแถวนั้นรู้ว่าท่านผอ.เรียก คุณ ดุจปรายมาหานะคะเห็น
ทำหน้าละห้อย สงสัยอกหักล่วงหน้ากันเป็นแถวแล้วล่ะค่ะ "
พยาบารเวร สัพยอกเมื่อเธอเห็นสิ่งที่เธอบอก อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเป็นธรรมดาหนุ่มหล่อกับสาว
สวย เป็นความเหมาะสมและลงตัวในความคิดของคนที่คิดว่าทั้งคู่ก็ยังเป็นคนโสด ว่าแล้วเธอก็
ขอตัวไปทำงานต่อ
ระหว่างที่ ทั้งหมดกำลังใจจดใจ ประตูห้องก็ถูกเคาะ ทันทีทีประตูเปิดออก ร่างบาง ๆ ก็เข้ามา
" สวัสดีค่ะท่าน ผอ ออ มีอะไรให้ดีฉันรับใช้หรือค่ะ "
เธอกระพุ่มมือไหว้พร้อมคำถาม
อัครชัยรับไหว้ และเธอเองก็ได้หันไปใหว้กับผู้ชายทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหมออัครชัยด้วย ร่างนั้น
เป็นสตรีในชุดสีชาวที่สะดุดตายิ่งนัก ทั้งรูปร่างหน้าตา เธอเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง อาจ
สวยจนใครๆต้องเหลียวหลัง หมออัครชัยเองวันนั้นเขาก็ไม่ได้สังเกต พยาบาลเวรให้หนังสือมา
ก็เซนต์รับไป ไม่ได้หันไปมองหน้าเธอด้วยซ้ำในวันนั้น แต่สิ่งที่สะดุดอีกอย่างคือชุดพยาบาล
ของเธอตัดเป็นแขนยาว ซึ่งต่างจากพยาบาลทั่วไป ถ้าเป็นคนอื่นจะแปลกใจ แต่ผู้ชายทั้งสาม
กลับเข้าใจดี
" แขนยังไม่หายเหรอหนู พวกเราบางคนหายแล้วนะ "
ดุจปราย ต้องข้อสังเกต
" ไม่ได้เป็นญาติกันหรอกจ้าหนูปราย แต่เรารู้จักกัน ไม่ได้เจอกันนาน เจอกันครั้งสุดท้ายหนูยัง
ไม่เกิดด้วยซ้ำ ทำไงจะติดต่อกับเขาได้จ๊ะ ลุงอยากเจอเขา "
" ไว้พรุ่งนี้ หนูลากลับดอยพอดีจะบอกให้นะคะ ที่หนูอยู่ไม่มีสัญญาณโทรศัพค่ะ สูงมาก ว่าแต่
จะบอกได้หรือยังค่ะว่า เราเป็นอะไรกัน หรือแค่รู้จักแล้วเรียกมาทักทายใช่ใหมค่ะเนี่ย "
ดุจปราย สัพพยอกอย่างติดตลก หล่อนแปลกตัวเองเป็นที่สุดทำไมถึงได้สนิทกับคนกลุ่มนี้ง่าย
ขนาดนี้ เหมือนคุ้นเคยกันมาตลอด
" คุณลุงแน่ใจเหรอครับว่าพ่อของคุณดุจปรายจะเป็นหมวดเกริก ถึงสถานการณ์ต่างๆจะดูเหมาะ
เจาะ แต่ทุกอย่างก็มีโอกาสพลิกผันได้เสมอนะครับ "
" โอ้ย..ลำพังความรู้สึกเราผมไม่แน่ใจหรอก แต่หน้าตา คุณหนูดุจปราย แทบจะถอดแบบหมวด
เกริกมาเลยนะ เวลาเห็นหน้าเธอทำให้นึกถึงพ่อของเธอ "
ได้ยินคงเดชพูดอย่างนั้น หมออัครชัยและกานต์จึงเข้าใจ และแน่ใจกันมากขึ้น ต่อจากนี้สิ่งที่
พวกเขาจะทำคือ กำหนดวันที่จะไปพบกันและนัดหมายทุกคนให้ไปตามวันและสถานที่ๆนัด
หมาย
สามวันต่อมา ชานเมืองของกรุงเทพแห่งหนี่ง ที่ถูกกำหนดให้เป็นที่นัดหมายของทุกคน ชายสูง
อายุสองคน นั่งรอด้วยใจจดจ่อ ระหว่างนั้น รถเก๋งคันหนึ่งได้เคลื่อนเข้ามา ทันทีที่ประตูรถเปิด
ออก ร่างของชายสูงอายุอีกคนหนึ่งได้ก้าวลงจากรถ ทั้งสามโผเข้าหากัน น้ำตาแห่งความตื้น
" นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ตั้งแต่แยกกันวันนั้น ฉันได้โบกรถปางไม้ ที่แรกคิดว่าเขาจะ
เข้าไปตัวจังหวัด แต่เมื่อหลับในรถและมาตื่นอีกครั้ง รถได้มาอยู่บนดอย ปาย แม่ฮ่องสอน เลย
ตัดสินใจ อยู่ที่นั่น เพราะคิดว่าคงเป็นโชคชะตากำหนดแล้ว ถ้ากลับไปบ้านเกิด คงเป็นตัวตลก
เลยอยู่ที่นั่นและได้กับแม่น้องปรายและอยู่มาจนทุกวันนี้แหละ "
อดีตร้อยตรีโอภาส หรือหมวดเกริก ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ประพาส เล่าถึงเรื่องที่เกิด
ขึ้นหลังจากนั้น หลังจากที่แยกกันไป ส่วนอดีตจ่าโยธิน และปัจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น สุทิน และ
ประชัย หลังจากวันนั้นที่แยกทางกันทั้งสองได้โบกรถคันเดียวกัน ระหว่างปรึกษาหารือกันมาใน
รถ เห็นว่าอย่างไรเสีย อะไรก็คงกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ เข้าไปเป็นกรรมกร
ก่อสร้างในกรุงเทพ และได้ภรรยาที่นั่น สิ่งที่เหมือนกันของทั้งหมดที่แยกกันคือ เขาได้ไปขอมี
บัตรประชาชนได้ โดยไปแจ้ง เป็นบุคคลพื้นที่สูง และสิบปีต่อมาเข้าก็ได้บัตรประชาชน จริงอยู่
หมายเลขบัตรอาจจะไม่เหมือนคนทั่วไป แต่แทบไม่มีข้อจำกัดใดที่สามารถทำได้ตามสิทธิของ
อดีตหมวดเกริกกล่าวเขาหัวเราะอย่างติดตลก เขารู้สึกว่าเรื่องเดียวเขายังไม่ได้บอกให้ทุกคนรู้ในวันนั้น
" แขนยังไม่หายเหรอหนู พวกเราบางคนหายแล้วนะ "
คงเดชถาม
" เกือบแล้วค่ะ เอ๊ะ คุณลุงรู้ได้ยังไงคะ หนูไม่เคยรู้จักคุณลุงมาก่อนและไม่เคยบอกอะไรคุณลุงเลยคุณ
" เกือบแล้วค่ะ เอ๊ะ คุณลุงรู้ได้ยังไงคะ หนูไม่เคยรู้จักคุณลุงมาก่อนและไม่เคยบอกอะไรคุณลุงเลยคุณ
ลุงจะรู้ได้ยังไงว่าหนูเป็น... เอ้อ..อะไร "
ดุจปลาย สงสัย คนที่ทักเธอรู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นอะไร ถึงเธอรู้อยู่ว่าเธอเป็นอะไรแต่เธอเอง
ได้ปกปิดมันไว้ด้วยเสื้อแขนยาว และเธอก็มั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแผลนั้นได้
หมออัครชัย เห็นเธอเหวอด้วยความสงสัย เขาจึงตัดบท
" ต้องขอโทษคุณ ดุจปรายด้วยนะครับ พอดียังไม่ได้อธิบาย พอดีพวกเรารู้ อุ๊ย..จะว่ารู้ยังคงไม่
ได้ พอดีพวกเราสงสัยว่า คุณดุจปรายจะเป็นคนที่เราตามหานะครับ ถ้าเป็นจริงคนนั้นจะต้องมี
แผลตกสะเก็ด นะครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะครับ ถ้าตกลงคุยกันแล้ว ไม่ใช่เป็นคุณ ดุจปราย พวก
เราต้องขอโทษด้วยไว้ล่วงนะครับ ที่เอาเรื่องแปลกประหลาดมาเล่าให้คุณฟัง "
ดุจปลาย ได้ฟังเรื่องที่หมออัครชัยพูด เธอรู้สึกงง แต่ สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งประหลาดใจ คือพวกเขา
รู้ได้ยังไงว่าเธอมีแผลตกสะเก็ด
" คะ เรื่องแปลกน่ะ ปราย ได้เจอมาทั้งชีวิตเเล้ว จะฟังเรื่องแปลกอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป แต่
ทำไมพวกคุณถึงได้รู้คะว่า ดิฉัน เอิป.ปราย มีแผลตกสะเก็ด เรื่องที่พวกคุณจะเล่าคงแปลกมากจริงๆ แต่
ดุจปลาย สงสัย คนที่ทักเธอรู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นอะไร ถึงเธอรู้อยู่ว่าเธอเป็นอะไรแต่เธอเอง
ได้ปกปิดมันไว้ด้วยเสื้อแขนยาว และเธอก็มั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแผลนั้นได้
หมออัครชัย เห็นเธอเหวอด้วยความสงสัย เขาจึงตัดบท
" ต้องขอโทษคุณ ดุจปรายด้วยนะครับ พอดียังไม่ได้อธิบาย พอดีพวกเรารู้ อุ๊ย..จะว่ารู้ยังคงไม่
ได้ พอดีพวกเราสงสัยว่า คุณดุจปรายจะเป็นคนที่เราตามหานะครับ ถ้าเป็นจริงคนนั้นจะต้องมี
แผลตกสะเก็ด นะครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะครับ ถ้าตกลงคุยกันแล้ว ไม่ใช่เป็นคุณ ดุจปราย พวก
เราต้องขอโทษด้วยไว้ล่วงนะครับ ที่เอาเรื่องแปลกประหลาดมาเล่าให้คุณฟัง "
ดุจปลาย ได้ฟังเรื่องที่หมออัครชัยพูด เธอรู้สึกงง แต่ สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งประหลาดใจ คือพวกเขา
รู้ได้ยังไงว่าเธอมีแผลตกสะเก็ด
" คะ เรื่องแปลกน่ะ ปราย ได้เจอมาทั้งชีวิตเเล้ว จะฟังเรื่องแปลกอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป แต่
ทำไมพวกคุณถึงได้รู้คะว่า ดิฉัน เอิป.ปราย มีแผลตกสะเก็ด เรื่องที่พวกคุณจะเล่าคงแปลกมากจริงๆ แต่
มีสิ่งหนึ่งที่แปลกอีกอย่างหนึ่งทำไมปรายรู้สึก คุ้นเคยกับพวกคุณจังเลย เหมือนไม่ใช่เราพึ่งเจอ
กันครั้งแรก ปรายเห็นคุณลุงคนนี้ปรายรู้สึกเหมือนอบอุ่น เหมือนคุณลุงเป็นญาติผู้ใหญ่ และคุณ
หมอกับคุณผู้ชายคนนั้น เหมือนพี่ชายของปราย รับรู้เหมือนประหนึ่งว่าทั้งหมดจะปกป้องดูแล
ปรายได้ ปรายกล้าต่อ ปากต่อคำ กล้าพูดเล่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ปรายจะเป็นคนขี้อาย ทำไมปราย
รู้สึกแบบนี้ และเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงคะ"
" พวกพี่ก็เช่นกัน ใหนๆเราก็ความรู้สึกเดียวกันแล้ว ขอเรียกตัวเองพี่ละกัน ทั้งที่พวกเราก็เกิดวัน เวลา
กันครั้งแรก ปรายเห็นคุณลุงคนนี้ปรายรู้สึกเหมือนอบอุ่น เหมือนคุณลุงเป็นญาติผู้ใหญ่ และคุณ
หมอกับคุณผู้ชายคนนั้น เหมือนพี่ชายของปราย รับรู้เหมือนประหนึ่งว่าทั้งหมดจะปกป้องดูแล
ปรายได้ ปรายกล้าต่อ ปากต่อคำ กล้าพูดเล่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ปรายจะเป็นคนขี้อาย ทำไมปราย
รู้สึกแบบนี้ และเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงคะ"
" พวกพี่ก็เช่นกัน ใหนๆเราก็ความรู้สึกเดียวกันแล้ว ขอเรียกตัวเองพี่ละกัน ทั้งที่พวกเราก็เกิดวัน เวลา
เดียวกัน แต่ไม่รุ้ว่าคิดว่าตัวเองเป็นพี่ได้ไง เพราะแรกเห็นพี่มีความรู้สึกประหลาดที่เห็นพยาบาลคนนี้ตรง
หน้า รู้สึกประหนึ่งว่าได้พบสายเลือดเดียวกันยังไงยังงั้น ทั้งที่พี่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีความรู้สึกนี้มา
ก่อน แต่กลับรับรู้ความรู้สึกนี้ได้ "
กานต์บอกความรู้สึกกับ ดุจปรายและบอกความรู้สึกของตัวเองที่แปลกประหลาด
คงเดชยิ้ม เขาเองก็เช่นกันรู้สึกเอ็นดู พยาบาลคนนี้อย่างแปลกประหลาด มีความผูกพันลึกๆ
และทำให้เขาคิด ว่าไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลย ว่านี่คือคนที่่ตามหาร้อยเปอร์เซนต์
คงเดชยิ้ม เขาเองก็เช่นกันรู้สึกเอ็นดู พยาบาลคนนี้อย่างแปลกประหลาด มีความผูกพันลึกๆ
และทำให้เขาคิด ว่าไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลย ว่านี่คือคนที่่ตามหาร้อยเปอร์เซนต์
" พ่อเป็นไงมั่งจะหนูปราย สบายดีใหม ไม่ได้เจอกันนาน "
คำพูดของคงเดช ทำให้หนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน ทั้งสองรู้ได้ทันทีว่า บัดนี้คงเดชสรุปเรียบร้อย
ว่าเธอคือคนที่พวกเขาตามหา ส่วนเขาทั้งสองก็คิดเหมือนคงเดชเช่นกัน เพราะความรู้สึกทีเจอ
กันนั่นเอง
" คุณพ่ออยู่บ้าน คะ ก็ป่วยบ่อยค่ะ เป็นเหมือนหนูนี่แหละ แต่อายุมากแล้วก็ต้านทานโรคได้น้อยหน่อย
ว่าเธอคือคนที่พวกเขาตามหา ส่วนเขาทั้งสองก็คิดเหมือนคงเดชเช่นกัน เพราะความรู้สึกทีเจอ
กันนั่นเอง
" คุณพ่ออยู่บ้าน คะ ก็ป่วยบ่อยค่ะ เป็นเหมือนหนูนี่แหละ แต่อายุมากแล้วก็ต้านทานโรคได้น้อยหน่อย
อยู่ที่ปายคะ แม่ฮ่องสอนค่ะ อยู่กับคุณแม่ คุณลุงรู้จักคุณพ่อนี้เอง ถึงได้รู้ว่าหนูเป็นโรคอะไร เราเป็น
ญาติกันใช่ไหมค่ะ หนูถึงมีความรู้สึกอย่างนี้ เมื่อเจอพวกคุณลุง "
ดุจปราย ต้องข้อสังเกต
" ไม่ได้เป็นญาติกันหรอกจ้าหนูปราย แต่เรารู้จักกัน ไม่ได้เจอกันนาน เจอกันครั้งสุดท้ายหนูยัง
ไม่เกิดด้วยซ้ำ ทำไงจะติดต่อกับเขาได้จ๊ะ ลุงอยากเจอเขา "
" ไว้พรุ่งนี้ หนูลากลับดอยพอดีจะบอกให้นะคะ ที่หนูอยู่ไม่มีสัญญาณโทรศัพค่ะ สูงมาก ว่าแต่
จะบอกได้หรือยังค่ะว่า เราเป็นอะไรกัน หรือแค่รู้จักแล้วเรียกมาทักทายใช่ใหมค่ะเนี่ย "
ดุจปราย สัพพยอกอย่างติดตลก หล่อนแปลกตัวเองเป็นที่สุดทำไมถึงได้สนิทกับคนกลุ่มนี้ง่าย
ขนาดนี้ เหมือนคุ้นเคยกันมาตลอด
" เป็นอันว่าเอาอย่างนี้ล่ะกัน "
หมออัครชัยสรุป และกล่าวต่อ
" เอาเป็นว่าเรื่องทุกอย่าง ถ้าเล่าให้น้องปรายของเราฟังตอนนี้ น้องก็คงเข้าใจยากหน่อย ไว้
น้องกลับไปบ้านให้นอ้งพาคุณพ่อ มาทีนะ อีกสองวันมาพบกับพวกเราที่นัดกันไว้ ที่กรุงเทพคาดว่าอีก
" เอาเป็นว่าเรื่องทุกอย่าง ถ้าเล่าให้น้องปรายของเราฟังตอนนี้ น้องก็คงเข้าใจยากหน่อย ไว้
น้องกลับไปบ้านให้นอ้งพาคุณพ่อ มาทีนะ อีกสองวันมาพบกับพวกเราที่นัดกันไว้ ที่กรุงเทพคาดว่าอีก
สามวันน้องกลับแล้วก็มาคงจะพอดี ไว้อธิบายกันที่นั่นและมีหมวดเกริกพ่อของน้องปรายช่วยอธิบายให้
น้องปรายฟังอีกทีละกัน ยังไงพ่ออธิบายให้ลูกสาวฟังต้องเชื่อทุกอย่างแน่ไม่ต้องอธิบายกันมาก "
ดุจปรายค่อนข้างงง หมออัครชัยพูดประหนึ่งว่าพ่อของเธอชื่อหมวดเกริก แต่ที่จริงแล้วพ่อของ
เธอไม่ได้เป็นทหารหรือตำรวจ เขาเป็นเพียงชาวไร่ธรรมดา ที่ทำไร่อยู่บนดอย
เธอไม่ได้เป็นทหารหรือตำรวจ เขาเป็นเพียงชาวไร่ธรรมดา ที่ทำไร่อยู่บนดอย
" มิได้นะคะ พ่อของปรายไม่ได้มียศศักดิ์ เป็นตำรวจหรือทหาร พ่อของปรายเป็นชาวไร่ธรรมดา หรือว่า
ทุกคนกำลังเข้าใจผิด อาจจะมีการเข้าใจผิด.."
" เอา งี้แล้วกัน เดี๋ยววันนั้นที่นัดกันลุงจะทำให้พ่อของหนูเป็นทหารให้ได้ ให้หนูไปบอกด้วยละกัน ว่ามี
คนเขาต้องการให้มาหา ชื่อจ่าโสรส "
ดุจปรายงง ทำหน้าเหรอหรา ได้แต่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ซักอะไรอีกและขอตัวกลับไป เพื่อวันรุ่งกลับ
ดอยขี้นจะได้เดินทางไปรับพ่อของเธอตามที่ได้นัดหมายกันไว้ เมื่ออยู่กันโดยไม่มีเธอ อัครชัย
สงสัยอะไรบางอย่างจึงได้ถามคงเดชขึ้น
" คุณลุงแน่ใจเหรอครับว่าพ่อของคุณดุจปรายจะเป็นหมวดเกริก ถึงสถานการณ์ต่างๆจะดูเหมาะ
เจาะ แต่ทุกอย่างก็มีโอกาสพลิกผันได้เสมอนะครับ "
" โอ้ย..ลำพังความรู้สึกเราผมไม่แน่ใจหรอก แต่หน้าตา คุณหนูดุจปราย แทบจะถอดแบบหมวด
เกริกมาเลยนะ เวลาเห็นหน้าเธอทำให้นึกถึงพ่อของเธอ "
ได้ยินคงเดชพูดอย่างนั้น หมออัครชัยและกานต์จึงเข้าใจ และแน่ใจกันมากขึ้น ต่อจากนี้สิ่งที่
พวกเขาจะทำคือ กำหนดวันที่จะไปพบกันและนัดหมายทุกคนให้ไปตามวันและสถานที่ๆนัด
หมาย
สามวันต่อมา ชานเมืองของกรุงเทพแห่งหนี่ง ที่ถูกกำหนดให้เป็นที่นัดหมายของทุกคน ชายสูง
อายุสองคน นั่งรอด้วยใจจดจ่อ ระหว่างนั้น รถเก๋งคันหนึ่งได้เคลื่อนเข้ามา ทันทีที่ประตูรถเปิด
ออก ร่างของชายสูงอายุอีกคนหนึ่งได้ก้าวลงจากรถ ทั้งสามโผเข้าหากัน น้ำตาแห่งความตื้น
ตันใหลอาบแก้มของคนทั้งสาม
" ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอแกอีกว่ะ ไอ้จ่า น้อยด้วย "
ชายชราผู้มากับรถได้เอ่ยขี้น พร้อมตบบ่าคนทั้งสองเบาๆ สิ่งที่เห็นทำให้ผู้ที่อยู่ในรถที่มากับเขา
ด้วยอดน้ำตาซึมไปกับคนทั้งสามด้วยไม่ได้
" เข้ามานั่งก่อน หมวดล่ะ ใหนว่าาจะมาด้วย ไม่เห็นเลย"
อดีตพลทหารน้อยได้ถามคงเดชขึ้น
" เห็นลูกชาย ข้าว่าติดต่อกันเมื่อกี้อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงถึง พอดีเขามาจากสายเหนือรถติด
มากว่า "
คงเดชตอบพร้อมกับเกาะบ่าคนทั้งสองเดินเข้าบ้าน
"เอ้อคุณวรรณา เอาน้ำเอาท่ามาเลี้ยงแขกหน่อยสิ เขามากันแล้ว"
" ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอแกอีกว่ะ ไอ้จ่า น้อยด้วย "
ชายชราผู้มากับรถได้เอ่ยขี้น พร้อมตบบ่าคนทั้งสองเบาๆ สิ่งที่เห็นทำให้ผู้ที่อยู่ในรถที่มากับเขา
ด้วยอดน้ำตาซึมไปกับคนทั้งสามด้วยไม่ได้
" เข้ามานั่งก่อน หมวดล่ะ ใหนว่าาจะมาด้วย ไม่เห็นเลย"
อดีตพลทหารน้อยได้ถามคงเดชขึ้น
" เห็นลูกชาย ข้าว่าติดต่อกันเมื่อกี้อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงถึง พอดีเขามาจากสายเหนือรถติด
มากว่า "
คงเดชตอบพร้อมกับเกาะบ่าคนทั้งสองเดินเข้าบ้าน
"เอ้อคุณวรรณา เอาน้ำเอาท่ามาเลี้ยงแขกหน่อยสิ เขามากันแล้ว"
อดีตพลทหารน้อยซึ่งบัดนี้เข้าได้เปลี่ยนชื่อใหม่ตัวเอง เป็น ประชัย ได้เรียกบอกภรรยา เพราะ
บ้านหลังนี้ ที่ให้เป็นจุดนัดพบของพวกเขา เป็นบ้านของประชัย วรรณาเมียของประชัย ได้
ยกมือไหว้ คงเดชพร้อมทั้งกานต์และหมออัครชัยก็ได้ไหว้เธอด้วย และเธอก็ได้จัดแจงน้ำให้ทุก
คน แต่สิ่งที่คงเดชสังเกตและสะดุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเธอ วรรณาเมียของอดีตพลทหารน้อย
ผ่ายผอม ช่างเหมือนกับ ภรรยาสองเขา ยังมิทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ ปิคอัพขับเคลื่อนสี่ล้อ
ยกสูงคันหนึ่งก็ได้เคลื่อนเข้ามา ทันทีผู้ขับลงมาจากรถ ดุจปรายนั่นเอง และคนที่ที่มาด้วยนั่นจะ
เป็นไครเสียไม่ได้นอกจากอดีตหมวดเกริกนั่นเองน้ำตาแห่งความปิติและตื้นตันเริ่มจับที่ขอบตา
กันอีกครั้ง ดุจปรายเองเห็นพ่อของเธอร้องไห้ทำให้เธออดที่จะน้ำตาซึมไปด้วย ปรกติตั้งแต่เธอ
จำความได้ ไม่เคยเห็นพ่อของเธอเสียน้ำตาให้กับใครมาก่อน แต่เมื่อเธอรู้เรื่องทั้งหมดที่ได้รับ
ฟังจากพ่อของเธอซึ่งก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้มาก่อน เธอรู้ว่าพ่อของเธอคงรู้สึกอย่างไร เมื่อได้
มีโอกาสได้มาพบกันคน ทั้งหมดอีกครั้งในครั้งนี้
" นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ตั้งแต่แยกกันวันนั้น ฉันได้โบกรถปางไม้ ที่แรกคิดว่าเขาจะ
เข้าไปตัวจังหวัด แต่เมื่อหลับในรถและมาตื่นอีกครั้ง รถได้มาอยู่บนดอย ปาย แม่ฮ่องสอน เลย
ตัดสินใจ อยู่ที่นั่น เพราะคิดว่าคงเป็นโชคชะตากำหนดแล้ว ถ้ากลับไปบ้านเกิด คงเป็นตัวตลก
เลยอยู่ที่นั่นและได้กับแม่น้องปรายและอยู่มาจนทุกวันนี้แหละ "
อดีตร้อยตรีโอภาส หรือหมวดเกริก ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ประพาส เล่าถึงเรื่องที่เกิด
ขึ้นหลังจากนั้น หลังจากที่แยกกันไป ส่วนอดีตจ่าโยธิน และปัจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น สุทิน และ
ประชัย หลังจากวันนั้นที่แยกทางกันทั้งสองได้โบกรถคันเดียวกัน ระหว่างปรึกษาหารือกันมาใน
รถ เห็นว่าอย่างไรเสีย อะไรก็คงกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ เข้าไปเป็นกรรมกร
ก่อสร้างในกรุงเทพ และได้ภรรยาที่นั่น สิ่งที่เหมือนกันของทั้งหมดที่แยกกันคือ เขาได้ไปขอมี
บัตรประชาชนได้ โดยไปแจ้ง เป็นบุคคลพื้นที่สูง และสิบปีต่อมาเข้าก็ได้บัตรประชาชน จริงอยู่
หมายเลขบัตรอาจจะไม่เหมือนคนทั่วไป แต่แทบไม่มีข้อจำกัดใดที่สามารถทำได้ตามสิทธิของ
ประชนของไทยเลย
แต่ไม่มีไครรู้ได้ว่า ผู้กองโยชิ ไปได้อย่างไร ยังคงเป็นความลับที่ตายไปพร้อมกับเขา แม้แต่
แต่ไม่มีไครรู้ได้ว่า ผู้กองโยชิ ไปได้อย่างไร ยังคงเป็นความลับที่ตายไปพร้อมกับเขา แม้แต่
ลูกชายเขาที่อยู่ ณ.ที่นี้ผู้กองโยชิก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง
เมื่อถามสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร ประพาสก็ได้บอกกันพวกเขา ว่า
" มีอยู่อย่างหนึ่งวะข้าไมได้บอกทุกคน วันนั้นวันที่ผมเก็บผลไม้มาให้กิน ผลไม้นั้นไม่ได้มาจากต้นเดียว
เมื่อถามสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร ประพาสก็ได้บอกกันพวกเขา ว่า
" มีอยู่อย่างหนึ่งวะข้าไมได้บอกทุกคน วันนั้นวันที่ผมเก็บผลไม้มาให้กิน ผลไม้นั้นไม่ได้มาจากต้นเดียว
นะ ผู้กองโยชิ กับจ่าโสรสกินด้นเดียวกัน เลยได้ผลไม้มาเป็นผู้ชายทั้งคู่ ส่วนที่เหลือสามคนกินอีกต้น
เลยได้ผลเป็นผู้หญิงว่ะ ฮ่า...
อดีตหมวดเกริกกล่าวเขาหัวเราะอย่างติดตลก เขารู้สึกว่าเรื่องเดียวเขายังไม่ได้บอกให้ทุกคนรู้ในวันนั้น
จะถือโอกาสบอกซะวันนี้เลย จะได้ไม่มีอะไรเป็นความลับที่ติดค้างไว้คนเดียว
" ผมก็มีเรื่องอยากจะบอกเหมือนกัน "
หมออัครชัยกล่าวแทรกขึ้น
"จากบันทึกของคุณพ่อ เครื่องบินญี่ปุ่นที่ตก ลำหนึ่งภายในบรรทุกทองคำไว้หลายถุง พ่อบันทึก
ไว้ว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้บอกกับทุกคน เพราะคิดว่าจะนำไปกลับมาส่งคืนทางการ ผมขอเป็น
ตัวแทนพ่อผม บอกเรื่องนี้กับทุกคนละกัน "
อัครชัยกล่าว
" ผู้กองโยชิมีเลือดรักชาติสูงส่งจริงๆนะครับ แต่ไม่รู้หลังจากที่เขากลับไปครั้งนั้น ความสับสน
จะทำให้ชาติ คิดยังไงกับเขา เรื่องทองคำคงไม่ต้องเก็บมาคิดหรอกครับ ป่า นรกนั่นคงไม่ย้อน
กลับไปอีกแล้วล่ะครับ หมอ ผมว่าป่านั่นมันยังไงชอบกลนะครับ ทำไมเราไม่รู้เลย ว่ามีป่าแบบนี้
อยู่เลย "
" ผมก็มีเรื่องอยากจะบอกเหมือนกัน "
หมออัครชัยกล่าวแทรกขึ้น
"จากบันทึกของคุณพ่อ เครื่องบินญี่ปุ่นที่ตก ลำหนึ่งภายในบรรทุกทองคำไว้หลายถุง พ่อบันทึก
ไว้ว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้บอกกับทุกคน เพราะคิดว่าจะนำไปกลับมาส่งคืนทางการ ผมขอเป็น
ตัวแทนพ่อผม บอกเรื่องนี้กับทุกคนละกัน "
อัครชัยกล่าว
" ผู้กองโยชิมีเลือดรักชาติสูงส่งจริงๆนะครับ แต่ไม่รู้หลังจากที่เขากลับไปครั้งนั้น ความสับสน
จะทำให้ชาติ คิดยังไงกับเขา เรื่องทองคำคงไม่ต้องเก็บมาคิดหรอกครับ ป่า นรกนั่นคงไม่ย้อน
กลับไปอีกแล้วล่ะครับ หมอ ผมว่าป่านั่นมันยังไงชอบกลนะครับ ทำไมเราไม่รู้เลย ว่ามีป่าแบบนี้
อยู่เลย "
สุทินกล่าวพร้อมแสดงความคิดเห็น ทำให้อัครชัยได้พูดเสริมขี้น
" จริงครับหลังจากที่กลับมาใหม่ๆ ผมพยายามสืบหาสถานที่นี้ดู โดยเช่าเครื่องบินบินดูหลายสัปดา
แต่ไม่มีวี่แววป่าแห่งนั้นเลยนะครับ กะว่าถ้าเจอจะเข้าไปศึกษาผลไม้อะไรนั่นดู
แต่ไม่มีวี่แววป่าแห่งนั้นเลยนะครับ กะว่าถ้าเจอจะเข้าไปศึกษาผลไม้อะไรนั่นดู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น