ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #60 : มิตรภาพ ยามยาก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 125
      8
      13 ก.ค. 62

    "  โห คงน่ากลัวอย่างที่ต้นไม้นั่นพูดจริง ว่ามดพวกนี้มันน่ากลัวขนาดใหน ทำไงกันล่ะที่นี้ พวกมด

    มันไม่กล้าออกมาเพราะกลัวตัวหนามแหลมนี่นะ แล้วเราจะรู้ใหมว่าตัวนี้มันจะอยู่นานแค่ใหน พวก

    เราถึงจะปลอดภัย ถ้าตัวนี่เกิดไปเสียล่ะ พวกมดมันไม่ออกมาหรือ "


    ดุจปราย ตั้งข้อสังเกตุ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังกังวลใจอยู่เหมือนกัน


    " นั่นนะสิ พวกเราแย่แน่ถ้ามดยักษ์มันออกมาได้ หรือแม่แต่ ตัว อิคิดนา ยักษ์นี่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่มี

    พิษภัยกับพวกเราด้วยหรอก นะ มันมีหนามแหลมและใหญ่ขนาดนั้น ถึงตอนอยู่ที่โลกมันไม่ใช่สัตว์

    ดุร้ายซักเท่าไร แถมจะขี้อายเสียด้วยซ้ำ มันเป็นสัตว์ทีไม่ค่อยได้อยู่แถวประเทศบ้านเรา พวกเรา จึง

    ไม่ค่อยได้เห็นมัน แต่ที่นี่ตัวมันใหญ่ และการเคลื่อนไหวของมันก็ดู ดุดันและเร็วมาก ต่างกับตัวเล็ก

    ที่บนโลกเราอย่างสิ้นเชิง หนำซ้ำที่นี่ พวกมนุษย์ อย่างเราเทียบกับมันแล้ว ก็ตัวเล็กเหมือนกับ

    อาหารของมัน มันจะเห็นพวกเรา เป็นอาหารของมันอย่างเช่น มดปลวกที่นี่หรือเปล่า "


    จามิกร กล่าวอย่างกังวลใจ


    " อืม ทั้งคู่พูดถูก ต้นไม้หรือสัตว์ที่นี่ดูน่ากลัวและมันใหญ่ จนพวกเราเป็นมดปลวก ไปเลย แต่เราคง

    ต้องเสี่ยง เราต้องเดินทางต่อ ถึงรู้ว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวขนาดใหนก็ตาม เราไม่มีทาง

    เลือก ต้องสุดแล้วแต่เวรแต่กรรม อย่างเมื่อคืนพวกเราก็เห็นแล้ว ว่ามดพวกนี้มันก็ออกมาได้แล้ว 

    และพวกเราแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ นั่นก็แสดงว่าถ้าไม่ถึงกลางคืนมดยักษ์พวกนี้คงจะกลัวและยังไม่

    ออกมาอีก กลัวหรือไม่กลัวพวกเราต้องรีบออกเดินทาง เผื่อว่าวันนี้ถ้าเราผ่านพ้นรัศมีรังหรือรูของ

    พวกมันไปได้เราอาจจะได้พักอย่างปลอดภัยในคืนต่อไป "


    อัครชัย กระตุ้นเตือน ไม่ให้ทุกคนวิตกกังวลจนเกินไป เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเดินทางเสี่ยงต่อไป

    อยู่ดี 


    " เราจะต้องเดินทางไปทางนี้นะหรือ ไอ้ตัวหนามแหลมมันพึ่งล่วงหน้าไปนะ มันอาจจะย้อนสวน

    กลับมาเจอกับพวกเราที่ไปก็ได้ "


    กานต์ถามความเห็น เพราะรู้ยังไงเสียทางที่ไปทางทิศที่เป็นเป้าหมายต้องหันลงไปตามทางที่ตัว

    หนามแหลมไปทางทิศนั้นเหมือนกัน


    " ใช่เราจะไม่เสียเวลาอ้อมไปทางใหน เพราะทางที่นี่เตียนและเป็นทางตรงไปทางนั้นพอดี แต่คิด

    ว่าถ้าสมมุติมันสวนพวกเรามาเราน่าจะเห็นมันก่อนเพราะตัวมันใหญ่มาก พวกเราอาจหลบมันได้

    ก่อนที่มันจะเห็นเรา "


    อัครชัย ตอบ


    " ใช่ คิดว่าประสาทสัมผัสมันก็คงไม่ค่อยดีเท่าไร อย่างเมื่อกี้เราก็อยู่ใกล้ปากมันมันยังไม่ได้กลิ่น

    เราเลย ตามันอาจจะไม่ค่อยดีด้วยก็ได้รู้สึกว่าเวลามันเดินไปมันก้มลงต่ำเลี่ยพื้นไป มันคงมองเห็น

    ได้ไม่ไกลเท่าไร "


    จามิกร แสดงความเห็นจากการที่เธอสังเกตุดู


    " ไปงั้นไปกันเถอะ ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยเราควรงดใช้เสียงกัน เพื่อให้ไม่มีตัวอะไรที่อาจมีอยู่

    แถวนี้ได้ยิน รู้สึกว่าแถวนี้ อาจไม่ได้มีแค่ต้นไม้เหมือนที่เราผ่านผ่านกันมา อย่างน้อยเราก็เจอสัตว์

    สองสามอย่างนี่แล้ว "


    อัครชัยกล่าวสรุป ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย

    ทั้งหมดหยิบของสัมภาระขึ้นกระชับอีกครั้ง และเริ่มเดินทางต่อในพื้นที่โล่งเตียนอย่างระมัด

    ระวัง ต้นไม้สองข้างทางดูใหญ่ และดูคุ้นตามากขึ้น ทุกคนคิดในใจ และพยายามชี้ให้กันดูเพราะว่า

    เป็นต้นไม้ที่เขาเริ่มรู้จัก แต่ขนาดของมันยังคงใหญ่มากทำให้ตื่นตาตื่นใจยิ่งนักพวกเขาทั้งหมดเห็น

    แม้กระทั่งต้นไม้ที่คุ้นชินมากอย่างต้นกล้วยป่า ที่มีขนาดใหญ่มาก บางต้นมีลูกแล้ว ลูกบางเครือสุก

    เหลืองอร่าม และสูงตระหง่านอยู่ลิบลิบ และขนาดของมันทุกคนประมาณได้ว่าไม่น่าจะต่ำกว่าท่อน

    ขาของทุกคน อัครชัยพยายามชี้มือให้ทุกคนพยายามมองไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้ทุกคนได้สนใจข้าง

    ทางมากนักจนขาดความระวังที่จะมองไปไกลไกลข้างหน้า เพราะรู้ว่ามีตัวหนามแหลมยักษ์ล่วง

    หน้าไป มีรอยหนามแหลมลากไปกับพื้นเห็นได้ชัด  

    และเมื่อเดินทางได้มีพอสมควร ตามเวลานับเกือบสองชั่วโมง กานต์ที่สายตาดีกว่าทุกคนก็เริ่ม

    สังเกตุเห็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ไกลไกล เขาเริ่มชี้มือและทุกคนก็เริ่มเพ่งมองแต่ยังสังเกตุกันไม่ชัด 


    " อะไรหรือ  "


    จามิกร ถามแฟนหนุ่มเบาเบาหลังจากที่ไม่ค่อยเข้าใจภาษามือที่แฟนหนุ่มของเธอบอกกับทุกคน

    ไม่ชัด และทุกคนก็ดูเหมือนไม่เข้าใจ 


    " รู ไง ไม่ไกลมีรูอยู่ เห็นชัดเลยสงสัยจะเป็นรูมดแน่เลย ทางก็กว้างขึ้นด้วย แสดงว่าใกล้รังของมัน

    แล้ว "


    กานต์ ตอบ


    " ใกล้แล้วหรือ เเล้วไม่เห็นมีวี่แวว ไอ้ตัวหนามแหลมนั่นเลย หรือว่ามันไปใหนแล้ว "


    แสงดาว แสดงความคิดเห็น



    " ไม่หรอก รอยนี่มันยังคงไปทางนี้ มุ่งไปทางรูนั้นไม่ได้เลี่ยงออกไปใหน ว่าแต่คิดว่าแถวรูมันนั้นจะ

    มีมดใหม เราจะอ้อมไม่ผ่านรูมันไปดีไม๊ "


    อัครชัย ตอบแถมชี้ให้ทุกคนดู พร้อมทั้งถามความคิดเห็น


    " แต่ข้างทางมันมีต้นไม้ใหญ่มากนะถ้าเราเลี่ยงทางนี้ไปคงเดินลำบากแน่และคงมีเสียงดัง

    โครมครามแน่ แล้วถ้าไอ้ตัวนั่นมันอยู่แถวนี้มันจะไม่ได้ยินหรือ "


    อรัญ ตอบพร้อมตั้งข้อสังเกตุ


    " เราลองเข้าไปใกล้ใกล้ก่อนละกัน ที่มองตรงนี้ ข้างรูนั่นก็ไม่มีอะไรเคลื่อนใหวนะ มีแต่ซุ้มป่ายักษ์

    สีเขียวนั่น มองดูก็ไม่น่าจะมีตัวอะไรอยู่แถวนั้น "


    กานต์ ตอบ

    ทุกคนพยาเดินทางต่อเข้าไปอย่างรอบคอบและลดการใช้เสียงอีกครั้งเพราะไม่รู้ว่าแถวใกล้ใกล้

    ปากรูนั้นจะมีตัวอะไรอยู่หรือไม่  

    ยิ่งเข้าไปใกล้ทุกคนก็ยิ่งระมัดระวังการเดินทางทำตัวเองให้แผ่วเบาที่สุดจนแทบเดินย่องกันเลยทีเดียว 

    อัครชัยพยายามมองรอยเท้าและรอยลากหนามแหลมของสัตว์ยักษ์ไปด้วย และทันทีที่ทุกคน

    เข้ามาใกล้ กานต์ก็ส่งสัญญาณว่าไม่มีอะไรเคลื่อนไหวอยู่บริเวรที่เห็นได้ชัดว่า เป็นปากรูกว้าง

    น่าจะซักสองเมตร  ปากรูเลื่อมดำ เห็นได้ชัดว่าน่าจะมีตัวอะไรเข้าออกอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งบริ

    เวรแถวหน้ารูนั้นมีรอยสัตว์หนามแหลมยักษ์ เต็มไปหมด แสดงว่าก่อนหน้านี้มันคงวนเวียนอยู่แถวนี้

    ก่อนไปทางใหน มันคงมารอคิดว่าสิ่งที่อยู่ในรูจะออกมาให้เป็นอาหารของมัน และเมื่อไม่มีอะไร

    ออกมามันคงไปทางอื่นแล้ว 

    อรัญพยายามเข้าไปใกล้ และพยายามรอบมองเข้าไปในรูให้ลึกที่สุด แบบกล้ากล้ากลัวกลัว ดุจ

    ปรายจึงตามไปด้วย สองคนไม่กล้าจะมองไปตรงตรงเพราะกลัวไปเจอตัวอะไรในนั้น และตัวในนั้น

    อาจเห็นทั้งสอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นเช่นนั้น ทั้งสองเห็นว่าซุ้มไม้ยักษ์ น่าจะเป็นสิ่ง

    ที่บดบังทั้งสองได้หากซุ่มอยู่ตรงนั้นและลอบมองลงไปในรูซึ่งตรงนั้นน่าจะเห็นได้ชัดกว่าถ้ามองลง

    ไปจากตรงนั้น ทำให้ทั้งสองย่องเข้าไป ส่วนที่เหลือมองดูทั้งสองอยู่ พวกเขาไม่คิดเข้าไป แต่ก็ไม่

    ได้ห้ามปราม หรือเร่งทั้งสองให้ไปต่อ เพราะคิดว่าไม่เสียเวลาเท่าใดนัก และความอยากรู้ของ

    ทั้งหมดว่าเห็นอะไร จะได้รับคำตอบ จากอรัญและดุจปรายที่ย่องเข้าไปดูอยู่ 

    และทั้งหมดก็ทำหน้าที่ช่วยกันดูว่ามีอะไรรอบรอบแถวนี้มีอะไรผิดสังเกตุหรือไม่ เป็นการดูต้นทางไปในตัว

    และขณะแสงดาวสังเกตอยู่ว่า ทั้งอรัญและดุจปรายได้ที่เหมาะเหมาะ ที่จะดูเข้าไปข้างในใหม  

     ฉับพลันที่ซุ้มไม้ยักษ์ที่คนทั้งสองอยู่ สายตาแสงดาวก็สะดุดเข้าก้บกับความเปลี่ยนแปลงและ

    เคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกตุ และสิ่งนั้นทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง พร้อมกับร้องเสียงหลง


    " ว๊าย ย พี่อรัญ  ปราย ออกมา นั่นมันไม่ใช่ต้นไม้ "


    เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของแสงดาวทำให้ทุกคนตกใจ  ทุกคนก็เห็นแล้วเหมือนกันตอนนี้ ว่า

    ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หลังอรัญและดุจปรายนั้น ตอนนี้มันเคลื่อนไหวได้ พร้อมทั้งมันยังเปลี่ยนรูปร่างไป 

    และรูปร่างใหม่นี้ทุกคนจำมันได้ดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้เห็นมันใกลไกลก็ตาม


    " ไอ้ตัวหนามแหลมนี่ เอ๊ะทำไมเมื่อกี้ยังเห็นเป็นต้นไม้อยู่เลย "


    กานต์ กล่าวอย่างตระหนก แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองจากสิ่งที่มองเห็นตอนนี้


    " มันน่าจะเป็นการพรางตัวอย่างหนึ่ง แต่มันทำตัวเป็นต้นไม้ได้เลย แม้แต่สีตัวมันก็ทำได้เขียว

    ด้วย  มันคงพรางตัวเพื่อมาจับจ้อง จะกินมดยักษ์นี่แหละ แต่เผอิญ พวกเรามาพอดีมันเลย 

    แสดงตัว "


    ่จามิกร ตั้งข้อสังเกตุความเป็นไปได้ 

    เสียงร้องบอกของแสงดาว ทำให้อรัญและดุจปรายรู้ตัว แต่ทว่ามันก็ยังไม่ทัน ร่างที่แปรเปลี่ยน จาก

    ต้นไม้กลับมาสู่ร่างยักษ์หนามแหลมไม่ปล่อยให้เสียโอกาส มันพยายามใช้ปากแบนคาบร่างของ 

    ดุจปราย ในทันที แต่ด้วยความที่ดุจปรายก็ได้ระวังตัวได้บ้าง และจากการที่เธอหันไปเห็นมันพอดี 

    เธอพยายามเบี่ยงหลมปากที่มีเป้าหมาย ที่จะคาบร่างของดุจปรายจึงพลาดเป้าไป แต่ถึงกระนั้น

    ปากมันก็ชนเข้ากับร่างของดุจปรายจนกระเด็น 

    อรัญรู้ทันที ว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่างแฟนสาวคงเสียท่าแน่ เขาไม่คิดที่จะหนีเพราะห่วง

    ดุจปรายมาก และทันทีที่ตัวหนามแหลมยักษ์มุ่งเข้าไปหมายจะคาบร่างดุจปรายอีกครั้ง เขาจึง

    เคลื่อนไหวและพยายามจะเบนความสนใจ ของเจ้าหนามแหลมยักษ์ โดยการปรบมือและร้องเรียก

    ได้ผล ร่างที่พุ่งรี่เข้าไปหาดุจปรายเริ่มหยุดและมอง อรัญ สลับกับร่างของดุจปราย อย่างชั่งใจ


    " มานี่ไอ้อ้วน ไอ้ยักษ์ไม่มีสมอง "


    อรัญพยายามส่งเสียง ชี้โบ้ชี้เบ้ เสียงโหวกเหวกโวยวายของอรัญได้ผล เจ้าหนามแหลมยักษ์ พุ่ง

    ความสนใจมาที่เขาแล้วตอนนี้ มันหันไปปากแบนพุ่งเข้าไปหาอรัญแล้วตอนนี้

    อรัญพยายามขยับหนี แต่รู้สึกว่าช้าไป หรือไม่เพราะความรวดเร็วของเจ้าสัตว์มีหนานแหลมมีมาก 

    เพียงขยับได้นิดเดียวมันก็ถึงตัวเขา อรัญรู้ว่าภัยจะมาถึงตัวได้แต่เบี่ยงหลบไปได้เพียงเล็กน้อย 

    ปากแบนเฉียดสีข้างของเขาไป รู้สึกเจ็บแปล๊บจากการโดนบาดจากข้างปากแบนที่เฉียดไปนั้น

    เขาไม่รู้ว่าการโดนบาดนั้นเกิดบาดแผลหรือไม่ เขาไม่มีเวลาดู เขารู้ว่าถ้ามัวมองดูอยู่ คงเป็นเป้านิ่ง

    อีกแน่คราวนี้  เมื่ออยู่ใกล้มันอรัญเห็นได้ถึงหนานแหลมที่เฉียดตัวเขาไปมา มันดูหวาดเสียว ถ้า

    เข้าไปทำอะไรซักอย่าง เขาต้องเป็นเป้า ไม่ปากแบนหรือหนามแหลมก็เป็นได้ 

    และอีกครั้งที่มันหันมาจะคาบ อรัญ ปากแบนพุ่งเข้ามาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ ถึงอรัญจะ

    เบี่ยงหลบมันได้อีก แต่ร่างของเขาก็เสียหลักไปจนเซ และหนำซ้ำยังเซเขาไปใกล้ร่างของมันที่มี

    หนามแหลมติดอยู่ด้วย 


    " ว๊าย  "


    ดุจปราย ที่ตอนนี้พอตั้งหลักได้ ร้องเสียงหลงที่แฟนหนุ่มของเธอกำลังจะเสียท่า เธอพยายามที่จะ

    เบี่ยงเบนความสนใจของมัน แต่คราวนี้ดูมันไม่สนใจเลย มันสนใจอยู่แค่อรัญเท่านั้นตอนนี้ และมัน

    กำลังหันหนามแหลมที่ตัวของมันเข้าหาร่างอรัญที่กำลังเสียหลักอยู่ด้วย 

    ห่างไปไม่ถึงศอกอรัญรู้ได้ถึงหนามแหลมที่พุ่งเข้ามา หรืออาจเป็นเพราะร่างเขาที่กำลังพุ่งเข้าไป

    หามันก็ไม่รู้ เขาไขว่คว้าจะหาอะไรจับยึดเหนี่ยวร่างของเขาไว้เพราะไม่ให้เข้าไปใกล้หนามแหลม

    มากกว่านี้ และความที่เขาไขว่คว้าอย่างสะเปะสะปะเขาก็กลับคว้าสิ่งหนึ่งไว้ได้และออกแรงต้าน

    การเคลื่อนใหวตัวเขาไว้ได้ ร่างของอรัญจึงหยุดเข้าไปหาหนามแหลมที่ตัวกลมยักษ์ได้

    สิ่งที่อรัญ จับได้คือปุ่มเล็กปุ่มหนึ่งที่มันเป็นติ่งข้างจงอยปากแบนของเจ้าหนามแหลมยักษ์ อรัญ

    เหนี่ยวรั้งมันไว้ มันเป็นติ่งที่ห้อยอยู่ข้างจงอยปากแบน ของเจ้าหนามแหลมยักษ์

    ทันทีที่เจ้าตัวหนามแหลมยักษ์ เห็นว่าอรัญไม่ได้เข้ามาในส่วนที่มันตั้งใจให้เกิดขึ้น  คราวนี้มัน

    พยายามสะบัดให้อรัญหลุดออกจากการจับข้างปากมันไว้ พร้อมทั้งมันก็ยกส่วนหัวขึ้น จนตอนนี้ร่าง

    อรัญห้อยต่องแต่ ขาลอยจากพื้น แรงสะบัดด้วยกำลังแรงตอนนี้ทำให้ร่างอรัญแกว่งไปมาและ อรัญ

    ก็คิดว่า มือที่เขากำลังจับอยู่นั้นสิ่งที่เขาจับมันกำลังน่าจะหลุดติดมือเขาออกมา และความคิดของ

    อรัญก็เป็นจริง ด้วยแรงเหวี่ยงอย่างรุนแรงไปมา ทำให้อรัญ หลุดจากการเกาะกุม ร่างล่นลงสู่เบื้อง

    ล่างอย่างเสียหลัก

    ดุจปราย เห็นเช่นนั้นเธอเดาได้ว่าร่างของแฟนหนุ่มที่ตกอยู่ที่พื้นคงเป็นเป้านิ่งแน่ให้ตัวหนามแหลม

    เข้ามาซ้ำแน่ ด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้เธอไม่กลัวตาย เธอผวาเข้าไปที่ร่างแฟนหนุ่มทันที

    อรัญนอนจุกอยู่เพราะกระแทกเข้ากับพื้น เขาเห็นดุจปรายเข้ามาที่เขา อรัญพยายามบอกให้แฟน

    สาวหลบไป เพราะคิดว่าร่างของเขาคงเป็นเป้านิ่งให้หนามแหลมหรือปากแบนเข้ามาทำร้ายเป็น

    แน่แท้ แต่เสียงห้ามของเขาไม่ได้ทำให้ดุจปรายทำตาม เธอยังคงเข้ามาที่ตัวเขาและพยายามพยุง

    แฟนหนุ่มขึ้นเพื่อหนี และทุกคนที่เหลือตอนนี้ได้สติก็รีบเข้ามาช่วยทั้งสองอีกด้วย


    " เป็นไรมากใหมอรัญ ดูสิเลือดแดงทั้งเเขนเลย มือบาดเจ็บหรือเปล่า "


    อัครชัย ถามอย่างเป็นห่วงเพราะเขาเห็นเลือดสีแดงเปราะเปลื้อนตามท้องแขนจนไปถึงฝ่ามือของ

    อรัญ 


    " ไม่เจ็บนะจุกที่ท้องมากกว่า "


    อรัญตอบแต่เสียงเขาดูไม่เต็มเสียงนักเพราะอาการจุก 

    ทั้งหมดทั้งพยุงและลากร่างอรัญให้ถอยห่างออกมาจากตรงจุดที่หล่นอยู่ตรงนั้น เพื่อให้ห่างจากร่างเจ้าหนามแหลม

    ยักษ์มากที่สุด แต่ระหว่างลากกันไป จามิกรกลับมีความสงสัย


    " แปลกนะปรกติแล้ว ร่างพี่อรัญก็ร่วงมาอยู่ตรงนั้นแล้ว ทำไมมันไม่เข้าทำร้ายซ้ำนะ โอกาสเป็น

    ของมันแล้ว ทำไมมันปล่อยเวลาให้พวกเราเข้าไปช่วยมาได้ "


    จามิกร กล่าวกับทุกคนอย่างสงสัย


    " นั่นนะสิ เมื่อกี้ปรายก็คิดเหมือนกัน กะว่ามันจะเข้ามาทำร้ายพี่อรัญตอนที่นอนอยู่กับพื้นนั่นแน่ จึง

    ได้รีบเข้าไป แต่ก็แปลกใจที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ปรายคิด ถึงมันจะเป็นการดีที่มันไม่ทำ แต่ก็แปลกใจ

    อยู่เหมือนกัน ที่ทีแรกมันเอาเป็นเอาตาย แต่พอมีโอกาสกลับไม่ทำอะไร "


    ดุจปรายตั้งข้อสังเกตุ

    ทั้งหมดลากร่างอรัญออกมาห่างพอสมควร และยิ่งทำให้ทุกคนยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก ที่ตอนนี้ร่าง

    ยักษ์หนามแหลม ไม่มีทีท่าว่าจำทำอะไร มันไม่ตามมาด้วยซ้ำ


    " พอก่อนมันไม่ตามมาแล้ว น่าแปลกใจ ทำไม่มันถึงไม่ใช้โอกาสที่พี่อรัญพลาดแบบนี้ หรือว่า พี่

    อรัญเอาอวัยวะอะไรสำคัญของมัน ติดมือมา หรือสิ่งนี้จะเป็นจุดอ่อนของมันเลยทำให้มันหยุด "


    แสงดาว บอกให้ทุกคนหยุดเพราะเห็นว่าสัตว์ยักษ์หนามแหลมไม่ตามมาแล้ว แต่ไม่วายยังคงสงสัย

    อาการของเจ้าสัตว์ยักษ์หนามแหลมที่ท่าทีมันดูเปลี่ยนไป 

    อรัญพยายามทรงตัวหลังจากที่ได้โดนฉุดกระชากร่างมา เขาสังสัยคำพูดของแสงดาวเหมือนกันสิ่ง

    ที่เขาดึงยึดเหนี่ยวไว้ตอนที่กำลังจะพลาดท่าเจ้าสัตว์ยักษ์นั้น มันคืออะไร ทำไมทำให้น่าสงสัยได้

    ว่ามันมีผลอะไรกับเจ้าหนามแหลมยักษ์ จนทำให้มันหยุดความโหดร้ายลงได้

    อรัญเอามือที่ยังคงกำสิ่งนั้นอยู่ในกำมือเอามาให้ทุกคนช่วยดู 


    " นี่ไงล่ะช่วยกันดูหน่อยสิ ว่ามันเป็นอะไร  "


    " มันก็แปลกนะมันเหมือนก้อนอะไรสักอย่างหนึ่งมากกว่าจะเป็นติ่งเนื้อได้ แต่มันมีเลือดออกมา 

    แสดงว่าที่เลื่อดเปลือนแขนอรัญนี้คงเป็นเลือดจากก้อนนี่  "


    อัครชัยตั้งข้อสังเกต


    " ผมพึ่งรู้สึกได้ว่ามันเคลื่อนไหวได้นะ ในกำมือผมนี่ รู้สึกได้ว่ามันพยายามจะขยับแต่ผมกำมันไว้

    แน่นมันเลยขยับไม่ได้ "


    อรัญ เริ่มมีความ รู้สึกถึงความผิดปรกติ


    " อาจเป็นไปได้ว่าถึงชิ้นเนื้อนี้มันถึงจะขาดแต่มันก็คงยังมีเซลที่ไม่ตายเสียทีเดียว เซลสัตว์ตัวนี้

    อาจมีลักษณะพิเศษ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่เปลี่ยนร่างไปกลายเป็นต้นไม้ได้เหมือนขนาดนั้น "


    จามิกร กล่าวพลาง มองอย่างเพ่งพินิจพร้อมสันนิฐาน 


    "เอ๊ะ พี่อรัญ "


    และเสียงของจามิกร ก็กล่าวขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งแสดงถึงความสงสัย 


    " ทำไมเหรอ "


    อรัญุถามอย่างสงสัย


    " ทำไมจามองมันเหมือนไอ้ชิ้นนี้มันมีเหมือนขา และเหมือนมีปากมีตา ไม่ใช่แล้วพี่ ..พี่อรัญ โยน

    มัน เอิบ มัน ทิ้งไปเร็ว " 


    จากการสังเกตุอย่างละเอียดจามิกรเริ่มเห็นสิ่งผิดปรกติ  เธอให้อรัญโยนมันทิ้งไปก่อนเพื่อความ

    ปลอดภัย

    อรัญไม่รอช้า เขารีบโยนสิ่งที่อยู่ในมือออกไปทันที ถึงเขาไม่รู้ว่าจามิกรหมายความว่าอะไร แต่การ

    ที่สิ่งที่อยู่ในมือเขามันพยายามเคลื่อนไหวก็แปลกจนน่าสงสัยพออยู่แล้ว และจามิกรคงจะเห็นอะไร

    ที่ไม่น่าไว้วางใจอีกก็เป็นได้

    ก้อนชิ้นเนื้อประหลาดถูกโยนออกไป ตามคำบอกของจามิกร แต่ยังไม่ได้ทันที่ทุกคนจะทันได้รู้

    เหตุผลของจามิกร ที่กำลังจะอธิบาย ทั้งหมดก็ต้องตกใจ 


    " ไอ้หนามแหลมมันขยับแล้ว มันมาทางนี้ด้วย "


    กานต์ ร้องบอกทุกคน ซึ่งทุกคนก็เห็นเช่นกันเพราะไม่ได้วางตาจากร่างของมันตั้งแต่ทีแรกซะที

    เดียว ทั้งหมดถอยกรูด แต่ก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง ที่เห็นสัตว์หนามแหลมยักษ์มันเคลื่อนไหวก็จริง

    แต่มันไม่ได้รวดเร็วอย่างที่กลัวกัน มันกลับเดินอุ้ยอ้ายอย่างช้าช้าเสียมากกว่า และเมื่อมันเดินเข้า

    มาทุกคนก็พยายามมถอยห่างออกไปอย่างช้าช้าเช่นกัน

    และสิ่งที่ทุกคนเห็น อาการของเจ้าสัตว์ยักษ์หนามแหลม เมื่อมันมาถึงจุดที่ทุกคนหยุดอยู่เมื่อสัก

    ครู่ มันกลับไปให้ความสนใจกับชิ้นเนื้อที่อรัญที้งไปเมื่อกี่้นี้เสียมากกว่า มันเอาเท้าอ้วนอ้วนของมัน

    เขี่ยชิ้นเนื้อชิ้นนั่นไปมา และไม่มีทีท่าสนใจคนทั้งหมดที่กำลังยืนแปลกใจกับอาการของมันตอนนี้


    " มันเป็นอะไรของมัน " 


    ดุจปรายถามลอยลอย เพราะเธอไม่รู้ว่าใครน่าจะตอบคำถามนี้กับเธอได้

    ไม่มีใครตอบได้เพราะทุกคนก็งุนงงกับอาการเช่นนั้นของมันเหมือนกัน และยิ่งงงกันเข้าไปอีกเมื่อ

    เห็นว่าสัตว์อ้วนหนามแหลม ได้เอาหนามแหลมที่ติดกับตัวมันอันหนึ่งทิ่มเข้ากับชิ้นส่วนนั้นอย่าง

    เหมาะเหม็งทุกคนสังเกตุได้ว่ามีเลือกสีแดงใหลเปราะเปลื้อนหนามแหลมอันนั้นเป็นทางยาวอย่าง

    เห็นได้ชัด


    " ทำไมมันต้องทำแบบนั้นด้วย ดูเหมือนมันจะจงใจทำอะไรกับชิ้นส่วนนั้นทั้งเหยียบทั้งจิ้มเหมือน

    มันต้องการทำลายชิ้นส่วนนั้น มันทำทำไมก็ชิ้นส่วนนั้นมันก็ชิ้นส่วนตัวของมันไม่ใช่เหรอ "


    กานต์ ถามเปรยอย่างสงสัย


    " ใช่แล้วล่ะตอนนี้จาแน่ใจแล้วเมื่อกี้เห็นมันก่อนที่พี่อรัญจะโยนมันออกไป ยังคิดว่ามันจะไม่ใช่ แต่ 

    ตอนนี้ดูอาการ ตัวกินมดยักษ์แล้วมั่นใจเลยล่ะ " 


    จากมิกรกล่าว ทำให้ทุกคนสนใจคำพูดของเธอ


    " นั่นน่ะสิตอนที่จะทิ้งมันไปก็แปลกใจอยู่เหมือนกันรู้สึกว่ามันเคลื่อนไหวได้  หรือว่าชิ้นส่วนของเจ้า

    ตัวนี้ มันแยกออกมาแล้วกลับไปต่อติดตัวมันได้ แต่งงที่ว่าทำไมมันต้องเหมือนทำลายมันทิ้งด้วย 

    ทั้งที่เรามองออกเลยนะว่ามันก็เหมือนเคลื่อนไหวกระดุกกระดิก เหมือนมันก็พยายามจะรวมเข้าใน

    ร่างของมันเหมือนกัน ถ้าไม่ถูกทิ่มเสียก่อน "


    อรัญ ตั้งข้อสังเกตุ


    " ก็เพราะมันไม่ใช่ชิ้นส่วนของร่างกายมันน่ะสิมันถึงทำเช่นนั้น มันเป็นสิ่งที่แปลกปลอมมาสำหรับ

    ตัวมัน และสิ่งแปลกปลอมนี้ มันก็รังเกียจด้วย "


    จามิกร ตอบซึ่งทุกคนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจามิกรจึงคิดว่าเป็นเช่นนั้น และเมื่อจามิกรรู้ว่าทุกคนไม่

    เข้าใจเธอจึงอธิบายต่อ


    " เอาล่ะ เดี๋ยวทุกคนจะงง จากการที่ได้เห็นไอ้ตัวนี้ ตอนที่พี่อรัญจะโยนมันออกไป และเห็นตัวกิน

    มดยักษ์นั่นมันเข้ามาทำลาย ไอ้ตัวนี้ คิดว่าจาน่าจะสันนิฐานถูกนะ " 


    จามิกร กล่าว


    " ไอ้ตัวนี้ เหรอ นี่จาเรียกมันว่าตัว จาคิดว่ามันเป็นตัวอะไรหรือไง ถึงได้เรียกมันว่าตัวเช่นนี้ "


    ดุจปราย ถามอย่างสงสัย


    " ใช่ จา สงสัยว่ามันเป็นตัวอะไร ที่มาเกาะอยู่ตรงข้างปากของตัวกินมดยักษ์นั่น ทุกคนนึกไม่ออก

    หรือว่ามันน่าจะเป็นตัวอะไร ที่มันชอบมาเกาะสัตว์ทึ่ชอบเดินไปเดินมาแบบนี้ "


    จามิกร ตอบ


    " ตัวอะไรที่ชอบมาเกาะสัตว์ แล้วเป็นสัตว์ที่นี่ด้วย จะรุ้ไม๊ ลองบอกมาเหอะจา อยากรู้จะแย่แล้ว "


    แสงดาว เร่งเร้า เธอเริ่มหงุดหงิดใจที่เพื่อนสาวของเธอไม่บอกว่าตัวนี้เป็นตัวอะไรเสียที


    " จ้า จ๊ะ บอกก็ได้ เเหมพูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก ไอ้ตัวนี้ มันน่าจะเป็นตัวที่คอยเกาะอยู่กับ

    สัตว์ไง เเละมันก็กินเลือดสัตว์ตัวนั้นไปด้วย เหมือนที่มันเกาะอยู่ตามหมาแมวบ้านเราไง  "


    จามิกร พยายามบอก ถึงคราวนี้เธอไม่ได้เอ่ยชื่อมันอย่างที่ทุกคนกำลังต้องการรู้ แต่ทุกคนก็เดา

    ออกได้ทันที 


    " เห็บเหรอ ตัวมันขนาดนั้นเลย นะ มิน่าล่ะตอนที่อยู่ในมือ มันดิ้นได้ และมันก็คงมีขามีตาอย่างกับ

    จาว่านั่นแหละ ตัวมันใหญ่มากนี่เองเลยไม่สงสัย "


    อรัญ พึ่งถึงบางอ้อ


    " ใช่มันต้องเป็นเห็บแน่ นี่ก็ยังนับว่ามันยังไม่ใหญ่มากนะ ตอนที่มันอยู่บนโลกเรามันตัวใหญ่กว่า 

    มดปลวกอีก นี่มันใหญ่ได้แค่นี่ก็ถือว่าตัวมันยังเล็กกว่า มดปลวกที่นี่มาก คงเป็นเพราะว่ามันอาจ

    มาที่นี่ได้ไม่นาน เท่ามดปลวก จึงใหญ่โตได้แค่นี้ และอีกอย่าง ที่คิดว่ามันน่าจะใช่ก็เพราะว่าดู

    อาการ ตัวกินมดยักษ์นั่นไง มันหยุดดุร้ายทันที ที่พี่อรัญคว้าไอ้ตัวนี้หลุดติดมือมา มันคงไม่สามารถ

    เอาไอ้ตัวนี้ออกด้วยตัวเองได้  เมื่อมีใครเอาออกมาได้มันจึงไม่คิดว่าจะทำร้าย คนที่ช่วยมัน "


    จามิกร ลำดับเหตุการณ์ความน่าจะเป็น


    " ดูอาการของมันสิ  เจ้าตัวกินมดนั่นมันหมอบแล้ว ดูมันเชื่องขึ้นมาเลยหรือว่ามันจะหลอกให้พวก

    เราตายใจ ไม่หนีมัน มันแสร้งทำหรือเปล่า "


    แสงดาวกล่าว


    " จาว่าไม่นะแสงดาว  มันไม่จำเป็นต้องมาแสดงอะไร ถ้ามันจะเล่นงานพวกเราจริงจริง คิดหรือว่า

    มันจะต้องมาทำอะไรแบบนั้น ถ้ามันเอาจริงพวกเราต้องแย่ตอนที่เข้าไปช่วยพี่อรัญกันแล้ว  แต่นี่ถ้า

    จาดูไม่ผิดนะ สายตาของมันดูเหมือนจะอ้อนวอนเสียมากกว่า  หรือว่ายังมีเห็บอยู่ตามตัวมันอีกและ

    ต้องการให้พวกเราไปช่วยเอาออก จึงได้หมอบดูเป็นการสิโรราบให้เราขนาดนั้น "


    จามิกรกล่าวกับเพื่อนสาว ตอนนี้ความเป็นนักคีตะวิทยาของเธอดูใช้ความรู้ไ์ด้ดีในสถานการณ์ตอน

    นี้


    " อย่าบอกนะ จา ว่าเราจะเข้าหามันอีกเพื่อจะดูว่ามีเห็บพวกนั้นอยู่ตามตัวพวกมันอีกหรือไม่  มัน

    เสี่ยงเกินไปนะ ถึงจาจะเห็นว่ามันมีอาการอ่อนลงอย่างที่จาสงสัย แต่เราจะไว้ใจสัตว์ตัวใหญ่ใหญ่ที่

    นี่ว่าจะมีธรรมชาติเหมือนกันกับที่บนโลกของเราหรือเปล่า พี่ไม่เห็นด้วยนะ "


    กานต์กล่าว ไม่เห็นด้วยกับความคิดที่แฟนสาวน่าจะทำ


    " ไม่รู้ล่ะ จาเชื่ออย่างนั้น  จาจะลอง เผื่อถ้ามันเป็นอย่างที่จาคิดจริงจริง จาคิดว่าเราน่าจะได้ผูก

    มิตรกับเจ้าตัวนี้ไว้ อย่าลืมสิ อย่างน้อยเจ้าตัวนี้ ก็ป้องกันเราจากมดและปลวกที่นี่ได้แน่แน่ พวกเรา

    จะปลอดภัยแน่ ถ้ามีพรรคพวกอย่างเจ้าตัวนี้เดินทางไปกับเรา "


    จามิกร กล่าว


    " อืม จาพูดก็มีเหตุผลนะถ้าเจ้าตัวนี้มันคิดจะทำร้ายเรา พวกเราคงไม่รอดแน่ ถึงอยู่ตรงนี้ก็เถอะ

    และมันคงทำไปนานแล้ว ส่วนกานต์เราก็เข้าใจ ว่าห่วงจา แต่ดูจากสถานการณ์ มันก็น่าเสี่ยงอยู่

    หรอกนะ ถ้าเป็นอย่างที่จาคิดจริงมันก็ถือว่าคุ้มนะ หรือทุกคนว่าไง ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดนะ 

    เพราะยังไงทุกคนก็ต้องเข้าไปเสี่ยงด้วยกัน "


    อัครชัย  เริ่มจะเห็นด้วยกับความคิดจามิกร และทุกคนก็เริ่มใช้ความคิด และคล้อยเอนไปตาม

    จามิกรเช่นกัน


    " ผมขออาสาเป็นคนเข้าไปหามันคนแรกละกันอย่างน้อยเมื่อกี้ผมก็เป็นคนช่วยมัน สังเกตุสิมันมอง

    ผมอยู่แทบจะคนเดียวเลย  ถ้ามันคิดอย่างจาบอก  มันคงหวังว่าผมจะช่วยมันอีก "


    หลังจากที่อรัญเริ่มเห็นด้วย เขาจึงเป็นผู้ขันอาสา พร้อมทั้งเริ่มเดินออกไป

    ทั้งหมดจึงขยับตามเขาไป อย่างช้าช้า พร้อมทั้งเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลงของเจ้าตัวกินมดยักษ์ 

    ด้วย 

    และอรัญก็ไปถึง


    " ใจเย็นเย็นนะ ถ้าแกไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไรพวกเรา เราจะช่วยเจ้าเหมือนเมื่อกี่นี่อีก "


    อรัญกล่าวกับสัตว์ยักษ์ปากแบน แต่เขาไม่รู้ว่ามันเข้าใจคำพูดเขาหรือเปล่าเพียงแต่เขาพูดเพื่อคิด

    ว่าเป็นความพยายามให้เจ้าสัตว์ยักษ์เข้าใจความหมายการเข้ามาของพวกเขาบ้าง

    สัตว์ยักษ์ปากแบนหนามแหลม เหมือนรับรู้อาการของอรัญ มันยังคงสงบนิ่ง ปากแบนวางแนบอยู่

    กับพื้นตามเดิมไม่มีทีท่าว่ามันจะยกขึ้นมา เพราะนั่นจะทำให้ทุกคนอาจตกใจ จะมีก็แต่มีลมหายใจ

    ทีรุนแรงอยู่บ้างที่หายใจทุกครั้งทำให้ฝุ่นด้านหน้าของมันฟุ้งขึ้น


    " มันรู้นะ มันคงต้องการให้พวกเราช่วยอีกจริงจริง นั่นไงข้างปากมัน มีอยู่อีกสองติ่ง โอ้โฮ  เห็บตัว

    ใหญ่นี่มันฝังเข้าไปแทบจะครึ่งตัวเลย ไม่ได้กัดทีผิวหนังเหมือนเห็นที่มันกัดหมดที่โลกเรา มิน่าเจ้า

    ตัวนี้มันจึงเอาออกเองไม่ได้ " 


    จามิกร  กล่าว พร้อมทั้งย่นคออย่างขยะแขยง เธอเองก็ไม่ชอบเห็นพวกเห็บกัดอยู่ตามตัวสัตว์ อยู่

    แล้ว และเธอก็ไม่กล้าที่จะจับมันออก เพราะความขยะแขยง

    อรัญเอื้อมมือไป เขาพยายามเอาเจ้าเห็บยักษ์เข้าไว้ในอุ้งมือและพยายามดึง แต่ถึงเขาจะออกแรง

    เท่าไร เห็บยักษ์ที่ฝังอยู่ที่โคนปากแบนของตัวกินมดยักษ์หาได้ขยับไม่


    " มาเราสองคนช่วย "


    อัครชัยเห็นเช่นนั้นเขาตบบ่ากานต์ ให้เข้ามาร่วมช่วยอรัญ

    เเละเมื่อทั้งสามประสานแรงกันทั้งดึงและทั้งหมุนเพื่อให้ส่วนปากของเจ้าเห็บยักษ์หลุดจากการกัด

    ยึด ทีแรกดูไม่มีที่ท่าว่ามันจะหลุดออกมา และเมื่อทั้งสามพยายามออกแรงพร้อมกันหลายหลาย

    ครั้งและ สุดท้าย การออกแรงดึงก็ไปสบความสำเร็จ


    " ปึ๊ด "


    สิ้นเสียง ทั้งสามกลับล้มกลิ้งไม่เป็นท่าแต่ก็ได้เจ้าเห็บยักษ์หลุดติดมือมา 


    " ออกมา หนึ่งตัวล่ะ เอ้าสาวสาวเก็บไว้  "


    อรัญ กล่าวพร้อมกับส่งให้ทั้งสามสาว แต่ทั้งสามกับถอยกรูดด้วยความขยะแขยง


    " เอาวางไว้ดีกว่านะพี่อรัญ ปรายก็ขยะแขยงเหมือนกันไม่กล้าจับหรอก"


    ดุจปรายกล่าวกับแฟนหนุ่ม 

    อรัญรู้ว่าสาวสาวขยะแขยงจริง จึงโยนไว้ และมาช่วยกันจับเห็บอีกตัวอีกตัวเพื่อดึงให้ออกต่อไป 

    ทันทีที่อรัญโยนมันลงพื้น เจ้าเห็นยักษ์มันเคลื่อนใหวและพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเจ้าตัวกินมดยักษ์

    อีกครั้ง แต่แสงดาวได้คว้ากิ่งไม้แถวนั้นเขี่ยมันไว้
    ่  
     













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×