ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #28 : แรงอาฆาตที่มาจากอดีต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 273
      7
      8 ก.ค. 62

                                                                                         


    นอกจาก พวกเจ้ามีศัตรู อย่างมัจเจแล้ว  พวกเจ้ายังพบศัตรูที่แท้จริงของพวกเจ้า โอ๊คคาระ ผู้

    ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังอีกจะไม่ให้ข้า ปรากฎตัวเข้าช่วยได้อย่างไร  เจ้าจงประกาศข่าวไป นะ      

    ติอากอ ว่ามีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังมัจเจ อีกที ดูซิว่า ปิเยรอบข้างพวกมันนั้น มันจะคิดเช่นไร "

     
    คำกล่าวของต้นไม้ประหลาด นาม ตะเคียน่า นี้ ทำให้ มนุษย์ และ กลุ่มต้นไม้ที่นี่ ประหลาดใจ

    ยิ่งนัก  ปู่อินทร์รู้จัก ต้นไม้ตะเคียน่า นี่ดี เพราะเขาอยู่ป่ามานาน ต้นตะเคียน เป็นชื่อที่ได้รับการ

    ตั้งของต้นไม้นี้ ที่บนโลก  เขาพึ่งรู้ว่า ต้นไม้เหล่านี้ เป็นที่พักอาศัย ของวิญญาณ ต่างๆ คง

    เหมือนที่บนโลกด้วย เขาเคยได้ยินเรื่องข่าวลือ เกี่ยวกับการมีวิญญาณสิง สถิตตามต้น ตะเคียน

    นี้มานานแล้ว  ส่วน ติอากอ ยังคงตะลึง กับเรื่องราวที่ได้ฟัง  แต่แรกเขาคิดว่า มัจเจ คือศัตรูร้าย

    เพียงร่างเดียว แต่เมื่อรู้ว่ายังมีผู้หนุนหลังอีก  ทำไมเขาไม่ได้ระเเคะ ระคายเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้

    เลย ถ้าไม่ได้เจอกับ ปิเยโบราณ ตะเคียน่า นี้  แต่มานึกอีกที เขาก็เริ่มจะไม่ค่อยแปลกใจ ขนาด

    มีปิเย โบราณ อยู่ในถิ่นของเขาอีกร่างหนึ่ง เขาก็ยังไม่รู้เรื่องเลย ทั้งๆที่อยู่ใกล้กับเขาแท้ๆ 


    " ขออภัยนะท่าน ตะเคียน่า "

     
    ปิเยหิริน ร่างหนึ่งกล่าวขึ้น


    " อันปิเยทั้งหลาย ที่เป็นพลพรรค ของมัจเจ ส่วนมาก จักไม่ค่อยเต็มใจเข้าร่วมกับมัจเจมันมาก

    นัก ถึงจะรู้ว่ามีใครชักใยอยู่เบื้องหลังหรือไม่ก็ตาม ก็คงไม่มีผลอะไรมากนัก  มัจเจมันกุมกำลัง

    ปิเยเหล่านั้นไว้ ด้วย เรคา แห่งมัน แทบทั้งนั้น อย่างไร พลพรรค ที่มีมากมายมหาศาล ของ

    มัจเจ ก็คงต้องเชื่อฟังมันอยู่ดี ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม "  



    คำพูดของปิเยหิริน ร่างนี้ มีเหตุผลเลยทีเดียว    ตะเคียนน่าส่ายร่างอย่างช้า รับรู้เหตุผลนั้น


    " ท่าน ตะเคียน่า ขอถามอะไรท่านอย่างหนึ่งไม่รู้ว่าท่านพอจะทราบใหมว่า ที่มัจเจมันบอกว่า

    จะผ่านช่องทางมิติตะเนยานี้ ข้ามไปโลกได้ตลอดเวลานั้น มันจักทำเช่นไรได้ ข้าอยู่มานาน ยัง

    หาทางไม่ออกเลย มีแต่เห็นการบังเอิญเท่านั้น ที่ผู้คนมนุษย์โลกหลุดเข้ามาแล้วก็หลุดออกไป "


     ติอากอ ถามเพราะสงสัยเรื่อง นี้มานาน  


    "  ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้ ข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้  อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเจ้ารู้เท่าทัน พวกมัจเจมัน

    ภาชีระ และ สารวี เป็นแม่น้ำที่ตัดกัน สาระวี ใหลลงไต้โดยใหลมาจาก หิมาลิส  ส่วน  

    ภาชีระ เป็นแม่น้ำที่ใหลขี้นเหนือ โดยมีต้นน้ำที่ตะเนยา ที่พวกเราอยู่นี้ การที่แม่น้ำสองสาย

    ไหลสวนกันด้วยความแรงมาก ส่วนใหญ่จะเกิดตอนหน้าฝนที่มีฝนตกหรือมีลมพายีระทีเเรงมาก และน้ำ

    ใหลหลากเยอะมาก ทำให้เกิด การสวนกันของมวลน้ำหรือลมบางครั้งจะทำให้ประตูกั้นระหว่างสองโลก

    ตรงนี้เบาบางได้ ทำให้มนุษย์โลกหลุดเข้ามา หรือหลุดกลับออกไปได้ แต่มีข้อเสียคือห้วงเวลา อาจ

    คลาดเคลื่อน จนทำให้เวลานั้นต่างกันมาก  โอ๊คคาระ รู้ดีเช่นข้า ถ้าต้องการให้ประตูมิติ ที่นี่ เปิดได้ โดย

    ไม่ให้เวลาคลาดเคลื่อน และเปิดได้ตลอดเวลา จักต้องทำให้ สาระวา และ ภาชีระ หมุนรวมเข้าด้วยกัน 

    นั่นคือ การเบี่ยง สายน้ำภาชีระ ให้ทิศทาง ใหลไปรวมกับ สาระวี ซึ่งมัจเจมันก็คงมี  วิธีทำได้

    เพราะเรคา ของมันสามารถ ยกดินให้เป็นร่องน้ำได้  เมื่อแม่น้ำ สองสาย ใหลไปรวมกัน ที่นี้

    ลักษณะการใหลของแม่น้ำนั้น ก็เป็นลักษณะวงกลม เมื่อน้ำหมุนเป็นวงกลมนานเข้า ประตูมิติ ที่

    เป็นทางผ่าน เข้าออกทั้งสองโลก    ที่เป็น ระหว่าง โลกมนุษย์ กับ โลก ติยากิออ จะ

    ถูกเปิดออกกลางวงกลมนั้น ซึ่งก็เหมือนกับ เมื่อหลายพันปีก่อนนั้นที่ พลพรรคของข้า ใช้เป็น

    ทางผ่าน ไปยังโลกมนุษย์  และทิ้งให้ข้า เป็นผู้ปิดประตูนี้ โดยหวังจะให้ข้าออกไปเป็นร่าง

    สุดท้าย โดยที่ทุกร่างของพลพรรคข้า ไม่ได้ล่วงรู้มาก่อนเลย ว่าข้าจะไม่ไปกับพวกเขาด้วย "


    คำพูดของ ตะเคียน่า ทำให้ทุกคนเข้าใจลึกซึ่งยิ่งนัก อะไรที่ไม่รู้และสงสัยคาใจที่ผ่านมา ถูก

    ล้างไปจนหมดสิ้น  โดยเฉพาะ กลุ่มมนุษย์โลก  


    " เหลือเชื่อจริงๆ เลย เราจะเจอเรื่องเหลือเชื่อไปถึงใหนกับเนี่ย  พึ่งสังเกตุ ว่า สถานที่เหล่านี้

    ชื่อ  เกือบจะตรงกับกับสถานที่ บนโลกเลย  แม่น้ำ ภาชี  ที่นี่ก็เป็น แม่น้ำภาชีระ  หิมาลิส ก็คง

    เป็น หิมาลัย  แม่น้ำสาระวี ก็คงเป็นแม่น้ำสาละวิน ที่ฝั่งพม่า ชายแดนเรา นั่นเอง "


    ปู่อินทร์  กล่าว  จากสิ่งที่เขาพึ่งจะเริ่มจะเข้าใจ ในสถานที่ต่างๆที่นี่ จากคำบอกเล่าของ ต้นไม้

    ตะเคียนน่า  และตะเคียน่า ก็อธิบายต่ออีก


    " ติอากอ ที่จริงเจ้าก็มี ฤทธิเดช ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า มัจเจ หรอก เพียงแต่เจ้ายังค้นหาตัวเองยัง

    ไม่พบทั้งหมด   ข้าจะเเนะนำให้เจ้าเอง  เจ้าต้องชุบแช่ร่าง ที่ลำน้ำ ภาชีระ สามวันสามคืน เมื่อ

    นั้น เจ้าจะมี เรคิน ยื่นออกมาและกระจายไปครอบคลุมทั่วอาณาจักร และมีฤทธิควบคุมสรรพสิ่ง

    ได้เหมือน มัจเจ แต่เจ้าจักได้เปรียบ เพราะเรคิน ของเจ้า ล้างเรคา ของมัจเจได้  แต่ตอนนี้

    มัจเจ มันแผ่ขยาย เรคา ไปมากแล้ว เราคงต้องค่อยๆ ล้างไปที่ละส่วน ที่ละนิด จนกว่าเรคา

    ของมัจเจจะหมดฤทธิ์  จำไว้ ถ้าเจ้าพลาด อานาจักรทั้งสองมิติ ต้องพังทลายแน่ นี่ถือเป็นการ

    เดิมพันครั้งยิ่งใหญ่   "



    ละ ระหว่างนั้นเอง ท้องฟ้าด้านตะวันตก ปรากฎกลุ่มเมฆ ดำทะมึน จนดูน่ากลัว ตะเคียน่า

    สังเกตุเห็น จึงได้กล่าวขึ้น


    " มาแล้ว พายีระ ที่ข้าบอกแต่แรก พวกมนุษย์เจ้าจงหาที่ซุ่ม ที่ยอดถ้ำ บนยอดตะเนยา   นั้น

    วิญญานะ ร่างที่เสียร่างที่นั่น บอกข้า ว่าจะพวกเจ้า จะปลอดภัย จากพายีระ ถ้าซุ่มซ่อนอยู่ที่นั่น

    ส่วน ติอากอ เจ้าลงซุ่มน้ำ ที่ลำภาชีระก็ได้ เรคิน แห่งเจ้าจักผสม กับลำภาชีะ  เมื่อพายีระ

    กระจายน้ำ ปิเยทั้งหลายคงจะได้รับ เรคิน แห่งเจ้า จักได้หายจากอาการ พิษ เรคา มัจเจ"  


    ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ทุกคนทำตามที่ ตะเคียน่าบอกทันที  ระหว่างที่ทุกคนเริ่มจะแยกกันไป ก็มี

    สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลง กับร่างของ ตะเคียน่า  ร่างกายที่เป็นต้นไม้แต่แรก บัดนี้ มันเริ่มจะกลาย

    ร่างเป็นหิน อย่างรวดเร็ว  พวกมนุษย์ วิ่งพลาง หันมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นพลาง พวกเขาแปลกใจ

    ระคนตื่นเต้น   จนทั้งหมดผลุบเข้าไปในถ้ำได้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็น ร่างตะเคียน่าได้ในระยะ

    ไกล   เมฆทะมึน เคลื่อนเข้ามาไวจนพวกเขาเเปลกใจ สายลมเริ่มพัดและมีฝนตกหนาเม็ดขึ้น


    " มันจะเป็นพายุ แบบใหน ปู่ อินทร์ รู้สึกว่าเมฆ มันเคลื่อนมาเร็วจังเลย ถ้าวัดได้ น่าจะเป็น พัน

    กิโลเมตร ต่อชั่วโมงจะได้มั้งเนี่ย น่ากลัวจัง  "


    ดุจปรายถามขึ้น จากสิ่งที่ได้เห็น   แต่ทว่า บัดนี้เสียงที่ปู่อินทร์ตอบ ดุจปรายกลับไม่ได้ยินเสีย

    แล้ว นั่นเป็นเพราะเสียงพายุดังเเรงขึ้น มากนั่นเอง เบื้องล่าง ต้นไม้ขนาดใหญ่มาก ถูกพายุหมุน

    เหมือน พายุ ทอนาโดพัด ลอยขึ้นจากพื้นหมุนขึ้นในอากาศ พวกกลุ่มมนุษย์ตกใจมาก พวกเขา

    เอง ก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยออกนอกถ้ำ ที่อยู่ไปด้วย เพียงแต่ว่า ช่องทางเข้านั้น เล็ก ลม

    พัดเข้าไปไม่เยอะนัก และได้มีต้นไม้ หลายต้น ที่ใหญ่มากๆ ปลิวมาปิดทางเข้าถ้าไว้อีก ทำให้

    ช่องหน้าถ้ำเล็กเข้าไปอีก  ถึงกระนั้น ก็ยังทำให้พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะว่าไม่เคย

    เห็นสิ่งอะไรที่น่ากลัวอย่างนี้มาก่อน และพวกเขาก็สังเกตุเห็นสิ่งปรกติ อีกอย่างหนึ่ง ต้นไม้ที่อยู่

    หน้าถัำ ดูไม่ไหวติง แต่เเรกนั้น ทีเเรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นต้นไม้ที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้นั้น

    แต่เมื่อพายุพัดเข้าพักเดียว เขาเริ่มเห็นมันขยับลำต้น และมีสิ่งหนึ่งจำนวนมาก เจาะผนังต้น

    หลุดลงกองกับพื้นเบื่องล่าง ทุกคนเห็นและจำมันได้ดี เรคา นั่นเอง และมีจำนวนมาก ด้วย ทั้ง

    เล็กและใหญ่ พวกเขารู้ทันทีเลย ว่า แต่แรกต้นไม้นี้ คงโดน เรคา ของมัจเจ เจาะเข้าไปทำลาย

    อย่างที่  ตะเคียน่าบอกจริง ต้นไม้เหล่านี้ บัดนี้ คงได้รับการกระจายน้ำ ที่ผสม เรคิน ของติอากอ

    แล้ว จึงได้คายพิษ คือร่างของเรคา ที่แห้งเหมือนถูกไฟไหม้ ให้ร่วงหล่นลงมา เรคา บางอันมี

    ขนาดใหญ่แล้ว แสดงว่า มันสามารถ เข้าไปเจริญเติบโตในร่างต้นไม้เหล่านี้ได้ และถ้าพวกมัน

    จำนวนมากนี้ โตในร่างต้นไม้ ได้ทั้งหมด นี้ อีกไม่นาน ต้นไม้พวกนี้ ต้องถูก เรคา เหล่านี้ กัดกิน

    จนตายเป็นแน่แท้ และทันใดนั้น เขาก็สังเกตุเห็น ร่างของนกเงือกยักษ์ ปลิวลมหมุนอยู่ในวง

    ของพายุด้วย ถึงแม้เห็นได้แค่เพียงผ่านไปมา พวกเขาก็สังเกตุเห็นรอยแผล เป็นจุดจ้ำๆ ตาม

    ร่างกายของมัน แสดงว่าก่อนหน้านี้ มันคงได้รับผลกระทบจากเรคา ของมัจเจด้วยเช่นกัน แต่

    ตอนนี้ นกเงือกเองยังไม่ตาย เพราะเขาได้ยินเสียงมันร้อง  และเมื่อลม พายุ พัดเข้ามา จนพวก

    เขารู้สึกว่า จุดที่พวกเขาอยุ่ตอนนี้ อยู่ใจกลางพายุแล้ว  เพราะเขาสังเกตุเห็นว่า พวกเขาอยู่ใน

    โพรงกระแสลม ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นงวงหมุนวน ขึ้นไปสู่ด้านบน และทันใดนั้น

     
    "  ทุกคนดูนั่นสิ  " 


    ปู่อินทร์ซึ่งเพ่งสายตาไปในกระแสลมชี้ และส่งเสียงโหวกเหวก

    ภาพที่ทุกคนเห็นขอบวงกลมหมุนของพายุ พวกเขาเห็นภาพภูมิประเทศเลือนลางแห่งหนึ่ง พวกเขาจำ

    ได้ดีและคุ้นตา  


    "  นั่นมันโลกของเรานี่ ผมจำได้ พายุพัดจนประตูกั้นมิติเบาบางแล้วแน่เลย เราเลยเห็นโลกตรงนั้นได้ "


    กานต์ส่งเสียงลั่น ทุกคนก็เห็นและเข้าใจอย่างเขาเช่นกัน 


    " แล้วไม่มีใครคิดจะผ่านไปโลกเหรอเห็นอยู่รำไรแล้วเนี่ย "


    อัครชัย ถามขึ้น แต่ตัวเขาเอง ก็ถามไปอย่างนั้น เพราะเขารู้ว่าคำตอบคืออะไร

    ทุกคนมีความคิดที่ตรงกันไม่รู้เพราะอะไรถึงยังไม่กลับโลกไปตอนนี้ ทั้งที่หนทางกลับอยู่แค่เอื้อม พวก

    เขารู้ว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องอยู่ทำที่นี่

    ไม่มีใครตอบ อัครชัย ทุกคนได้แต่เพ่งมองภาพนั้นเฉยๆ และภาพนั้นก็เริ่มเลือนลางไป พร้อมกับพายุเริ่ม

    หยุดหมุน และครู่เดียวพายะก็หยุดหมุน ไปในทันที  พวกเขาแปลกใจ ว่าทำไมพายุถึงหยุดได้แบบ

    กระทันหันแบบนี้ท้องฟ้า มืดครึ้ม เมื่อสักครู่ แจ่มใสขึ้นมาทันที เหมือนราวกับว่า ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มี

    เหตุการณ์โกลาหลของพายุมาก่อน  แต่รอบด้านนั้นต้นไม้หลากหลาย ที่เกลื่อนอยุ่ บัดนี้ ต้นไม้เหล่านั้น

    เริ่มขยับต้นไปมา พยุงร่างลุกขึ้น  พวกเขาจำได้ ต้นไม้บางต้นนั้น เป็นต้นไม้ที่พังพาบ อยุ่แต่

    แรก


    " โอ... ต้นไม้ นั่นฟื้นแล้ว พวกเขาไม่เป็นไรเเล้ว "


    ดุจปรายพูดอย่างตื่นเต้น กับสิ่งที่เห็น


    " เรคา ในร่างพวกเขาคงถูกทำลายแล้ว อย่างที่ต้น ตะเคียนบอก  พายุ ทอนาโด ที่นี่พัดแรง

    จริงๆ ถ้าเป็นบนโลกเรา คงต้องถือว่าเป็นระดับสิบ เลย แต่ที่เหมือนกันคือ เมื่อมีอะไรเข้าไปอยุ่

    กลางวงพายุ จะทำให้พายุนี้หยุดหมุนได้ ยอดภูเขาลูกนี้ คงอยู่ใจกลางพายุ พอดี จึงทำให้มัน

    หยุดหมุนไป "



    อัครชัยกล่าว เขาเองตอนที่อยู่ญี่ปุ่นเคยเจอกับพายุ ลักษณะนี่บ่อย แต่ไม่เคยเห็นความรุนแรง

    ของมันขนาดนี้  


    " นกเงือกถูกพัดไปตกที่ใหนกัน  น่าสงสารนะ "


    แสงดาว เปรยถาม พร้อมแสดงความเป็นห่วง เจ้านกเงือกยักษ์นั้น  


    " คงไม่ถึงขนาดตายหรอก เพราะเมื่อสักครู่นี้ยังเห็นมีชีวิตอยุ่เลย พายุแรงมากก็ดีไปอย่าง

    ทำให้ทุกอย่างหมุนวนไปพร้อมกัน ไม่กระทบกระแทกกัน ดูต้นไม้สิ ไม่ค่อยมีกิ่งหักเท่าไรเลย

    ทั้งที่พวกเราเห็นว่ามันหมุนกันไปหลายรอบ "  


    ลุงอินทร์ กล่าว พร้อมชี้สิ่งที่ยืนยันคำพูดของเขาให้ทุกคนดู  

    แล้วท้งหมด  ก็ลงมารวมกันอีกครั้งหลังจากพายุนี้ได้หยุดไป   ต้นไม้ตะเคียน่า ปรับเปลี่ยน

    ร่างกาย จากหินมาเป็นเนื้อไม้อีกครั้ง  ตอนนี้ ร่างต้นของเขา ขยับขึ้นยืนได้แล้วคราวนี้


    "  ติอากอ เจ้าไม่ต้องยกร่างจากน้ำนะ เดี๋ยวจะเสียกาล  อีกเจ็ดสิบชั่วโมงเจ้าก็จะเปลี่ยนร่างได้

    แล้ว ถ้าเจ้าถอนร่างตอนนี้  เจ้าต้องกลับไปเริ่มทำเวลาใหม่ "


    เสียงเขาสั่งทันที เหมือนเข้าใจความคิดของติอากอ   และ ตะเคียน่า ก็กล่าวต่ออีก


     "  การชุ่มแช่ ลำน้ำภาชีระ นานๆ จะทำให้ร่างปิเยเรา ปรับเปลี่ยนสถานะ ได้ ข้าได้แช่ สายน้ำ

    ภาชีระมา เป็นหมื่นกว่าปีแล้ว ร่างกายเป็น อนันตรมิติ จักปรับเปลี่ยนเป็นสิ่งใดก็ได้ตามใจชอบ

    แล้ว   เสียดาย ติอากอ มีเวลาน้อยนิด ไม่เกินสามสี่วัน นี้ มัจเจคงส่งสมุนบุกมาอีกแน่ ข้าไม่อยากให้เขา

    เป็นเป้านิ่ง  ดิโนสิก จักผุดขึ้นหลายร่าง ข้าจับความเคลื่อนไหวได้ "  


    "   อะไรหรือ ท่านตะเคียน่า ดิในอะไรของท่าน ทำไมพวกเราไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย "


    ปิเยทาร์ ถามขึ้นด้วยความสงสัย  เขาเองไม่เคยรับรู้ว่าสิ่งที่เรียกนี้คืออะไร  


    " ดิโนสิก คือ..เออ .ถ้าต้องอธิบายให้มนุษย์ โลกพวกนี้รู้ด้วยก็คือ เป็นซากสัตว์ โบราณ อะไร

    อย่างนั้นเเหละ  พวกนี้มีชีวิตเมื่อหกสิบห้าล้านปีก่อน จำนวนพอสมควร หนีตาย จากโลกมนุษย์ หลุด

    เข้ามา จากทางผ่านประตูตะเนยานี้ และสิ้นชีตะสังขีระ ที่นี่ ตามกาลอายุขัย  ปิเย ที่ ติยากิออ นี้ 

    ได้กินเลือดเนื้อของมัน แต่ซากร่างยังคงอยู่และฝังอยู่ในพื้นดินมาจนทุกวันนี้  โอ๊คคาระคง ส่ง

    สัญญาณให้ มัจเจ ส่งเรคา เข้าควบคุม ซากดิโนสิก เหล่านี้ ข้ารู้สึกได้ว่า มีหลายร่าง ในบริเวร

    กล้ๆนี้เคลื่อนที่ขึ้นสู่บนผิวดิน และคงไม่เกินอีกสามวัน มันคงจะเข้ามาที่นี่


    ติอากอตอบ พร้อมอธิบาย สิ่งที่ปิเยทาร์สงสัย


    " จะกลัวทำไม ท่านตะเคียน่า เรามี เรคิน ของท่านติอากออยู่   พวกมันต่างหากที่ต้องกลัวเรา
     
    มากกว่า มาสิ จะได้รู้จักพิษสง ของพวกเราที่นี่ "  


    ปิเยอิสลาทิส  กล่าวเสียงเย้ยหยัน แสดงอาการว่าเป็นต่อ  


    " ปิเยเจ้า นี้อย่าทนง ไป ซากติโนสิก ใหญ่มาก ตอนมีชีตะ อยู่ ร่างหนึ่งหนักเกือบสิบก้อนหิรา ได้  

    และบางร่างบินได้พวกนี้ บางชนิดสามารถ มีแรงกัดมหาศาล ปิเยเราใหญ่ๆถ้าหาญเข้าต่อกร  คง

    ต้านแรงกัดมันได้ยาก   เราต้อง ใช้น้ำผสมราคิน ของ ติอากอ ขนาดใหน ถึงจะอาบร่างของมัน

    ทั่วได้  เรคา จักควบคุมอยู่ส่วนใหนของร่างมันก็ยังไม่รู้ อย่างที่พวกเจ้ารู้ เรคาที่ใช้ควบคุมซาก

    เป็น เรคารียะ และเจ้ายังไม่เคยเห็น เรคารียะ ของมัจเจทั้งหมด ข้าคาดว่า เรคารียะ ที่ควบคุม

    ซาก ดิโนสิกนี้ คงต้องมีขนาด อย่างน้อยต้องเท่ามนุษย์โลก นี่เเหละ ถึงจะควบคุมร่าง ยักษ์ของ

     ดิโนสิกได้ "



    ปิเย ตะเคียน่า อธิบายในสิ่งที่ ปิเยอาทิส กำลังคิดไม่ถึง  


    " หา เรคารียะ มีขนาดใหญ่ได้ถึงเพียงนั้นเชียวเหรอ "


    ดุจปราย อุทาน อย่างเเปลกใจ  


    " ใช่ แม่หนูมนุษย์โลกคนนี้ เจ้ายังไม่รู้ ที่จริงแล้ว มันมีขนาดใหญ่กว่าร่างของเจ้าด้วย  ข้า

    ถึงบอกไง เสียดายที่ ติอากอ เจ้าไม่รู้จักการใช้ประโยชน์แจกการเเช่ตัวใน ลำภาชีระ มาก่อน

    หน้านี้ จึงดึงพลังออกมาไม่ได้มาก มัจเจ จึงยังเหนือกว่า เจ้าหลายขุม นัก ที่นี้ต้องแล้วแต่ว่าความ

    ร่วมมือ และ ชะตากรรมกัน แล้ว  เพราะข้าบอกได้เลยว่า ศัตรูพวกเราเหนือกว่าแน่ๆ
    "

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×