ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #2 : ร่างกำเนิด 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.13K
      47
      21 ก.พ. 66

      และแล้ว... ร่างผู้กองโยชิที่นอนกระตุกอยู่ก็ลุกขึ้นจนนั่งได้ ก็ลุกยืนขึ้นได้ เขาเสียงใสไม่มีวี่แววคน

    ที่เจ็บสาหัสจนใกล้ตายเมื่อก่อนหน้านี้  หนำซ้ำแขนขาที่หักหลายท่อนเมื่อก่อนหน้านี้ก็

    หายเป็นปรกติดีทุกอย่าง  " ไฮ๊ปาฎิหารผมหายแล้วเป็นไปได้ไง ทุกคนบอกหน่อยสิว่าผมยังไม่

    ได้ตายฝันไปใช่ใหม" ผู้กองโยชิร้องบอกทุกคน พ่อเห็นเช่นนั้นก็เลยทดลองกัดกินผลไม้นั้น

    เช่นกันจำได้ว่ารสชาติตอนนั้นมันอร่อยมากทันทีที่่กลืนลงคอความรู้สึกพ่อก็ดับวูบทันทีมารู้สึก

    ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าร่างกายชามากเริ่มจากท้องกระจายไปทั่งร่างแขนขา ร่างกายสั่นกระตุก แต่ที่

    น่าแปลกใจอาการเจ็บเริ่มทุเลาลงและรู้สึกว่าหายไปในที่สุดและที่น่าอัศจรรย์ก็คือ แผลฉีกขาด

    ตามร่างกายค่อยประสานสมานกันจนเห็นได้ชัด  ทั้งสามคนที่เหลือเห็นพ่อเป็นเช่นนี้ทั้งหมด


     

    ก็ได้กัดกินผลไม้นั้นเช่นกันและก็ได้ผลลัพอย่างที่พ่อและผู้กองโยชิเป็น พวกเราดีใจกันมาก


     

    นึกไม่ถึงว่ามีจะมีเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดกับพวกเราที่ผ่านมา  เมื่อร่างกายทุกคนหายเป็นปรกติแล้ว


     

    พวกเราทุกคนจึงเริ่มคิดว่าพวกเราตอ้งหาทางกลับบ้านให้จึงได้ โดยปรึกษาหารือกัน และพล


    ทหารน้อยอาสาปีนต้นไม้สูงขึ้นดูภูมิประเทศและหาหมู่บ้านที่เราจะไปขออาศัยถามทางกลับ


     

    บ้านของพวกเราได้ แต่ก็ต้องผิดหวัง พลทหารน้อยลงมาจากต้นไม้บอกว่ามองไม่เห็นหมู่บ้าน


     

    หรือถนนหนทางอะไรเลย มีแต่ป่าสุดลูกหูลูกตา หมวดเกริกบอกว่าเขาก็แปลกใจกับพื้นที่ตรงนี้

    เหมือนกัน ปกติเขาชำนาญพื้นที่แถบนี้มาก แต่ไม่เคยเห็นที่นี่ ทั้งที่เขาเกิดแถบนี้ในรัศมีจังหวัด

    ตะวันตกทั้งหมดไม่น่าจะมีที่ที่เขาไม่เคยไป และที่เขาได้รับราชการทหารได้ ก็เพราะความที่

    เขาชำนาญภูมิประเทศแถบนี้มากนี่เอง แต่เขาก็คิดว่า มีความเป็นไปได้ว่า ระหว่างที่อยู่กันบน

    เครื่องแล้วสลบกันไป เครื่องอาจจะไม่ตกทันที อาจบินต่อไปได้อีกไกลพอสมควรจึงทำให้พื้นที่

    ที่เครื่องบินตกแถบนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน  แต่ปัญหาคือทำอย่างไรจะออกจากที่นี่กลับบ้าน

    ได้ที่นี่ที่ใหนอยู่ส่วนใหนของประเทศ นั้นคือปัญหาที่เราถามกันอยู่ตอนนั้น พวกเราเริ่มสำรวจ


     

    ต่อและพวกเราได้ไปพบซากเครื่องบินอีกหลายลำเป็นรุ่นเดียวกับเครื่องที่เรานำมาตก ผู้กองโย


     

    ชิบอกว่าเป็นเครื่องที่ทางการญี่ปุ่นจำหน่ายว่าหายสาบสูญไปในสงครามพร้อมกับนักบิน มาตก


     

    อยู่ที่นี่เอง  บางลำมีร่างโครงกระดูกคาดว่าจะเป็นนักบินที่เสียชีวิตอยู่ด้วย  เขาคงไม่โชคดี


     

    เหมือน  พวกเราไว้กลับไปได้จะไปแจ้งข่าวให้กองทัพญึ่ปุ่นทราบ  ตอนนั้นเราลืมเรื่องที่เราเป็น


     

    ศัตรูกันในสนามรบทั้งหมด คิดอย่างเดียวกันว่าเราจะพากันกลับบ้านได้อย่างไร  ผู้กองโยชิ


     

    เสนอว่าจะทดลองซ่อมเครื่องบินดู เพราะว่าเขาเป็นช่างเครื่องบินชำนาญพอสมควร  โดยนำ


     

    อะไหล่จากเครื่องหลายลำที่ตกบริเวรเดียว ส่วนตัวถังเครื่องไม่สมบูรณ์ก็บินได้ เครื่องไม้เครื่อง


     

    มือมีครบแทบทุกอย่างหาได้จากซากเครื่องบินที่ตกด้วยกันหลายลำนี้  แต่ทุกคนต้องช่วยทำ


     

    กันทำสนามบินแบบง่ายๆสำหรับขี้นบิน เขาจะใช้ความชำนาญในการขับเครื่องบินรุ่นนี้จะ


     

    สามารถบินขี้นได้ ดีกว่าจะมารอหรือคลำทางเพื่อจะออกจากป่าไปโดยไร้จุดหมาย เครื่องบินจะ


     

    มีเรดานำทาง และเข็มทิศที่จะพาพวกเราเดินทางกลับบ้านง่ายกว่า พวกเราเห็นด้วย ทั้งหมดจึง


     

    ได้แบ่งงานกันทำตามที่ผู้กองโยชิมอบหมาย หมวดเกริก ช่วยผู้กองโยชิ ที่เหลือช่วยกัน


     

    ถากถางป่าเพื่อทำสนามบิน เราทำกันหามรุุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อต้องการจะออก


     

    จากป่าแปลกๆโดยเร็วที่สุด ที่แปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือหลังจากที่เรากินผลไม้ลูกนั้นแล้ว เราก็ไม่


     

    ไม่ได้กินอะไรกันเลย และก็กลับไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด กินแต่น้ำที่หาได้บริเวรใกล้ๆนั้นอย่าง


     

    เดียวแต่พวกเรากินกันได้ในปริมาณมากๆจนน่าเเปลกใจ  สามวันหลังจากนั้นทุกอย่างก็เสร็จ


     

     ผู้กองโยชิตรวจความเรียบร้อยทั้งเครื่องบินและสนามบินบอกว่าเราน่าจะบินได้แล้ว พวกเรา


     

    ดีใจกันมาก กะว่ารุ่งเช้าจะได้เดินทาง กลับบ้านกันแล้ว เราทั้งหมดนอนคุยกันคืนนั้นถึง


     

    เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นจนกระทั่งหลับไป รุ่งเช้าผู้กองสั่งให้เราขนสัมภาระที่จำเป็นขึ้นเครื่องบิน ที่


     

    เอาไปไม่หมด คิดว่าที่เหลือค่อยเดินทางกลับมาเอาทีหลัง เขาเดินไปที่ซากศพที่อยู่ในเครื่อง


     

    บินลำต่างๆที่ตก เอามือกำและแนบอกข้างซ้าย พึมพำเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่มาตอนหลังเขาได้


     

    บอกพวกเราว่า เขาให้สัญญากับ  วีรบุรุษนักบินเหล่านั้นว่าจะมานำศพพวกเขากลับไปจัดการ


     

    ให้สมเกียรติ  หลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้ขึ้นประจำเครื่องบิน  ผู้กองโยชิได้บรรจงขับเครื่องบินวิ่ง


     

    ไปบน ทางรันเวย์ ที่พวกเราสร้างขึ้น อย่างทุลักทุเลพอสมควร แต่มันก็บินขึ้นมาได้  เมื่อเครื่อง


     

    บินได้ทะยานขึ้นทองฟ้าได้ พวกเราดีใจกันต่างร้องเฮแทบจะพร้อมกัน นึกชื่นชมความสามารถ


     

    ของผู้กองโยชิเป็นที่สุด  ถ้าไม่มีเขาในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่รู้ว่าพวกเราทุกคนจะเป็นอย่างไร


     

    กัน  แต่พวกเรากลับต้องพบกันปัญหาหลังที่ดีใจได้ไม่นานผู้กองโยชิแจ้งว่า เรดาห์และเข็มทิศ


     

    ไม่ทำงานหมุนคว้างไม่รู้ทิศทาง คงอาศัยไม่ได้ ทั้งที่ตอนสำรวจครั้งสุดท้ายยังทำงานได้ดี  อีก


     

    ทั้ง ไม่สามารถบินไปได้โดยไม่มีเข้มทิศ และเรดาห์ได้เลย  เพราะมองไปทางให้ทางใหนก็มีแต่


     

    ป่า ไม่มีจุดให้สังเกตอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านหรือถนนหนทางต่างๆ ถ้าสุ่มต่อไปอย่างนี้มี


     

    หวังน้ำมันหมด ที่ใหนสักแห่งแน่ พวกเราจึงปรึกษากันว่าเราน่าจะกลับไปที่เดิมและลงจอดก่อน


     

    เพื่อซ่อมแซมเรดาห์และเข็มทิศ เครื่องบินจึงหันหัวกลับและไปร่อนลงจอดที่เดิมได้เนื่องจาก


    สังเกตุเห็นสนามบิน ที่พวกเราสร้างขึ้นได้จากบนท้องฟ้าเพราะเป็นจุดที่โล่งที่สุด และเมื่อเราลง


     

    จอดได้  ผู้กองโยชิจึงเขาทำการตรวจสอบเราดาห์และเข็มทิศแต่เมื่อตรวจสอบเรดาห์และเข็ม


     

    ทิศ ปรากฎว่าปกติดีทุกอย่าง ผู้กองโยชิว่าถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าเรดาห์ถูกรบกวนจากอะไรสัก


    อย่างหนึ่ง อาจจะเป็นแร่ธาตุต่างๆแถวนี้ก็เป็นได้ เราต้องทดลองบินขึ้นอีกครั้ง และอย่างที่คาด


     

    ก็เป็นเรดาห์และเข็มทิศก็เป็นเช่นเดิม และก็ไม่รู้จุดหมายที่จะไปไม่มีอะไรบอกทิศทางที่น่าจะ


     

    ทางทิศนั้นทิศนี้ได้  สุดท้าย เครื่องก็ต้องกลับมาลงที่เดิมอีก  แต่ที่ร้ายตอนนี้เชื้อเพลิงเราได้


     

    เหลือน้อยลง ทีนี้พวกเราต้องปรึกษากันทุกคนเริ่มหนักใจ ต่างคิดหาหนทางว่าจะทำอย่างไรดี 


     

    บางคนเสนอว่าให้บินตรงไปทิศไดทิศหนึ่งเลย อาจจะเจอกับหมู่บ้านหรือชุมชนบ้างก็ได้ แต่ผู้


     

    กองโยชิว่ามันเสี่ยงเกินไป ถ้าเกิดไม่พบหมู่บ้านแล้วเครื่องบินเป็นประเภทใช้สนามบิน ไม่ใช่

    เฮลิคอปเตอร์ ที่สามารถลงจอดได้ทันทีที่รู้ว่าน้ำมันเริ่มหมด  ให้ทุกคนหาวิธีการใดที่ดีกว่านี้ไม่

    เสี่ยงจะดีกว่า เพราะจากสายตาที่มองเห็นจากบนท้องฟ้าเขารู้ว่าสุดสายตาของเขายังคงเป็น


     

    ผืนป่าใหญ่กว่าเครื่องบินจะพ้นได้ต้องน้ำมันหมดก่อนแน่ ขอให้ทุกคนพักผ่อนก่อนและหาวิธี


     

    คิดที่จะเดินทางได้มั่นใจกว่านี้ และถ้าไม่มีวิธีที่ดีจะไม่บินขึ้นเด็ดขาด เพราะน้ำมันเหลือน้อยไม่


     

    ควรเสี่ยงแล้ว  และจนแล้วจนรอดทุกคนช่วยกันระดมความคิดก็ยังไม่มีวิธีที่ดีและน่าเสี่ยงเดิน


     

    ทางจนเริ่มค่ำอากาศเริ่มโพล้เพล้แล้ว จนหลายคนเริ่มปลงตกคิดว่าสำหรับวันนี้คงไม่มีหนทาง


     

    จะได้กลับบ้านกันแล้ว  คงต้องหาวิธีกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น  วันนั้นทุกคนตกลงกันว่าควรจะพักผ่อน


     

    เอาแรงกันอีกสักคืน และรุ่งเช้าค่อยหาวีธี เดินทางกัน ใหม่  และระหว่างที่ทุกคนกำลังจะหา


     

    ที่พักผ่อนกันนั้นเอง พอได้ที่เหมาะ ริมลำห้วยเล็กๆ กะจะพักผ่อนกันให้สบายและเริ่มมืดแล้ว 


     

    แต่ขณะพ่อเริ่มจะหลับ พลัน..พลทหารน้อยได้ เข้ามาเขย่าตัวพ่ออย่างแรง  "จ่า..จ่า ได้ยิน


     

    เสียงอะไรใหม พอพลทหารน้อยบอกพ่อก็เงี่ยหูฟังและพ่อก็ได้ยินเสียงดังเสียงหนึ่ง แต่ฟังที่


     

    แรกฟังไม่ค่อยชัด แต่เสียงนั้นมันดังใกล้เข้ามาเรื่อย และเสียงมันดังน่ากลัวมาก เมื่อเห็นท่าไม่


     

    ค่อยดีพ่อและพลทหารน้อยก็ไปปลุกทุกคนให้ตื่น  เมื่อทุกคนตื่นและช่วยกันฟัง เมื่อเสียง


     

    นั้นดังเข้ามาใกล้ ผู้กองยชิจึงจำเสียงได้   "  เสียงพายุทอนาโด.."เสียผู้กองโยชิอุทาน พ่อและ


     

    พวกเราตกใจมาก ถึงจะไม่เคยสัมผัสกับกับพายุนี้แต่ที่เคยได้รู้จากข่าวต่างๆ ก็พอจะประเมินไ


     

    ได้ว่ารุนแรงและทำลายล้างได้แค่ใหน ส่วนผู้กองโยชิประเทศเขาพบเห็นมาบ้างเขาถึงรู้ได้ว่า


     

    มันเป็นเสียงพายุ สายลมอ่อนเริ่มสัมผัสตัวพวกเราผู้กองโยชิบอกทุกคนว่ามันมาทางนี้แน่ ถ้า


     

    มันมาจริงเครื่องบินเราพังยับแน่ ขอให้พวกเราหนีขึ้นเครื่องบินพวกเราจะต้องไปจากที่นี่ ถ้า


     

    โชคดีเราจะยอ้นกลับมาลงเมื่อมันผ่านไปแล้ว  พวกเราท้วงว่ามันันมืดมากนะผู้กองโยชิจะไปได้


     

    หรือ แต่ผู้กองโยชิบอกไม่มีทางเลือกเขาบินขึ้นมาสองคร้งแล้ว คิดว่าพอจำได้บ้าง หรือใครจะ


     

    รอความตายอยู่ที่นี่ ไม่รอคำตอบทุกคนกระโจนขึ้นเครื่องบินอย่างทุลักทุเลเพราะความมืด และ


     

    ตอนนั้นเริ่มมีกิ่งไม้ปลิวมากระทบตัวบ้างแล้ว ผู้กองโยชิสตาร์ทเครื่องและเคลื่อนวิ่งไปตาม


     

    สนามบิน พ่อมองไปเห็นเขาลับตา แสดงว่าสุ่มอย่างเดียวไม่ได้มองสนามบินเลย แต่พ่อคิดว่า


     

    เมื่อฝากความหวังไว้กับเขาแล้วจะต้องไม่คิดมาก หมวดเกริกตบบ่าพ่อพร้อมบอกว่า เราต้อง


     

    รอด หนักกว่านี้เรายังเจอมาแล้ว ผมเชื่ออย่างนั้น ระหว่างนั้นพ่อหันกลับไปมองด้านหลังเครื่อง 


     

    ให้ตายเถอะ ภาพที่เห็นคือ


     

    มวลเกลียวลมขนาดใหญ่ มันใหญ่และขาวโพลนจนสังเกตุได้ชัดเจนในเวลากลางคืน  เราโชคดี


     

    ที่มันอยู่ข้างหลังเราพ่อบอกทุกคนอย่างนั้น แต่ผู้กองโยชิบอกว่า """ไม่เสมอไปครับระยะแค่นี้ 


     

    ผมรู้สึกว่าเครื่องสั่น """"หมายความว่ายังไงครับ พวกเราถามผู้กองขึ้นเกือบพร้อมกัน และ


     

    ทันใดนั้นเรารู้สึกว่าเครื่องสั่นมากและมีเสียงสิ่งของหลายอย่างกระทบเครื่องบินเสียงดังสนั่น 


     

    ได้ยินแต่เสียงผู้กองแว่วแต่ก็พอจับใจความได้ว่า """"พายุมันเหวี่ยงเข้าหาเราแล้วครับ "


     

    """และตอนนั้นพ่อ ก็ไม่ได้ยินเสียงใครอีกเลยนอกจากรู้สึกได้ว่าเครื่องบินนั้นสั่นอย่างหนักและ


     

    รู้ได้ว่าทุกคนก็เริ่มกระเด็นอยู่ในเครื่องพร้อมกับเครื่องบินที่หมุนคว้างไปไม่รู้ทิศรู้ทางก่อนที่


     

    สติสัมปชัญญะพ่อจะวูบดับลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×