ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #19 : แรงกดดัน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 393
      14
      8 ก.ค. 62




    รากไม้ประหลาด ที่ดุจปรายเห็นครั้งนี้ มันอยู่ตรงหน้า และมันเลื้อยขึ้นสูงมาอย่างรวดเร็ว และ

    หนำซ้ำ มันยังมีอีกหลายจุดโผล่ขึ้นมา เนื่องจากเห็นในระยะใกล้จนเธอมองเห็นบริเวรปลายราก

    แหลมของมันมีรูเล็กๆ  คงไว้ลำเลียงอาหารที่พวกมันดูดไปเลี้ยงลำต้นที่ใหนสักแห่งหนึ่ง มัน

    โผล่ขึ้นมาจากพื้น แทรกเบียดขาของดุจปรายขึ้นมา จนเธอรู้สึกคัน   แต่เธอกับไม่สนใจอาการ

    นั้นตอนนี้เธออยากรู้อย่างเดียวคือได้เสียใครในกลุ่มไปแล้ว  เพราะทุกอย่างอยู่ในความเงียบ

    ไม่มีเสียงใครเลย รากไม้ค่อยยกตัวสูงขึ้น จนมันเลยหัวเธอขึ้นไปมาก เธอพยายามแหงนขึ้นมอง

    ว่ามันจะพุ่งตรงไปที่ร่างของใคร เพราะนั่นหมายถึง... เธอไม่อยากจะคิด                            

    แต่สิ่งที่เธอแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทำไมพวกมันถึงได้ไม่พุ่งไปที่ร่างของใครคนใดคนหนึ่ง

    ซักที พวกมันชูรากสูงอยู่อย่างนั้น และอีกหลายๆรากก็พยายามผุดแซกกันขึ้นมา และเมื่อเห็นว่า

    หนาแน่นจนไม่มีช่องที่จะแทรกแล้ว   อาการประหลาดอีกอย่างของมันก็ได้เกิดขึ้น  จากการที่

    ว่ารากของมันจะพุ่งเข้าสู่ร่างใครสักคน แต่แรก  รากไม้เหล่านั้นได้ล้มกลับหลังพาดไปที่ลำตัว

    ของอสรพิษยักษ์และพันเข้ากับร่างของงูยักษ์ และนั่นเองดุจปรายถึงได้รู้ว่ามันกำลังทำอะไร

    เมื่อเธอรู้สึกว่าอาการรัดที่หนักแน่นของจงอางยักษ์ เริ่มคลายออก ร่างที่รวมกันอยู่บางคนร่วง

    ลงกับพื้นหลังจากที่วงรัดของงูยักษ์ได้คลายออก ดุจปรายหันไปมองทุกคนทันทีที่ขยับหมุนตัว

    ได้ และสิงที่เธอเห็น ทุกคนยังไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เธอคิดแต่แรก ถึงแม้บางคนจะทรุดกองอยู่

    กับพื้นก็ตาม



     " มันดันกับวงรัด ของงู เพื่อช่วยพวกเรา  "                                                                          


    เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น  ปู่อินทร์นั่นเอง  แกเป็นคนที่มีสติและเปล่งเสียงได้ก่อนไคร  จริงอย่าง

    ปู่อินทร์พูด งูยักษ์ได้ถูก รากไม้จำนวนมากเหล่านั้น  พยายามช่วยกันพลักดันให้วงรัดของงูที่

    รัดคนอยู่นั้น คลายออกอย่างช้าๆ และเมื่อมีช่องว่างพอ รากไม้อีกจำนวนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาเสริม

    ตรงช่องว่างนั้น  งูยักษ์มีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเหมือนมันต้องเสียแรงมากจากการผลักดัน

    กับรากไม้นั้น  มันสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกพลังไปที่จุดของร่างกายส่วนที่ผลักดันกันนั้น และร่าง

    ทุกคนก็เป็นอิสระจากวงรัดและเริ่มได้สติ  



    " งูมันคลายแล้ว จะทำไงดีปู่ "                                                                              


    กานต์พูดขึ้น หลังจากพยุงกายลุกขึ้นได้บ้าง เขาเองแทบจะขาดใจไปแล้วเมื่อสักครู่นี้


    " มันไม่ได้คลาย หรอกรากไม้เหล่านี้ดันกับมันไว้ เพื่อช่วยพวกเรา จะเพราะอะไรไม่รู้เขาต้อง

    ออกจากขดตัวงูนี่ก่อนถึงจะปลอดภัย แต่จะทำไงกันดี ตัวมันสูงและลื่นอย่างนี้เราจะปึนขึ้นไป

    ไม่ได้แน่ ช่วยกันคิดหน่อยสิ "



    ปู่อินทรตอบ

     อรัญรู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระแล้วและห่วงใยดุจปรายยิ่งนักเขารวบรวมกำลังผลักดันร่างดุจปรายขึ้นไปสุดกำลังหวัง

    ให้เธอได้ข้ามพ้นลำตัวงูยักษ์ออกไปด้วยความปลอดภัย แต่อรัญคิดผิด ทันทีที่ร่างดุจปรายเริ่มสูง

    ขึ้นไปจากลำตัวของมันในตางูยักษ์ก็สังเกตุเห็น และมันก็พุ่งหัวพยายามฉกเข้ามาที่ร่างดุจปรายทันที เมื่อดุจปราย

    พยายามเบี่ยงหัวหลบอสรพิษร้ายฉกคว้าเข้าได้แค่คอเสื้อของเธอ อรัญถึงกับตกใจที่เห็นเหตุการณ์กลับตาลปัตร

    เช่นนี้ นี่ดุจปราย จะเป็นเหยื่อของของอสรพิษยักษ์เป็นรายแรกก่อนหรือนี่ เขาจะตัดสินใจอย่างไรดี นี่เขาจะเป็นคน

    ที่ส่งดุจปรายขึ้นไปตายหรือนี่ น้ำตาชายหนุ่มพาลจะใหลเสียให้ได้ แต่ระหว่างนั้นเอง ระหว่างที่งูยักษ์มันจะ

    พยายามกระตุกร่างดุจปรายขึ้นไปเพื่อให้เข้าปาก และต่างกระชากยื้อกันข้างล่างอรัญถูก แรงกระชากที่มี

    เหนือกว่า  จนทำให้เขาต้องตัดสินใจปล่อยมือจากขาแฟนสาว  เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร เและไม่อยากที่จะหันขึ้นไป

    มองเห็นภาพอันน่าสะเทือนใจทีจะน่าจะเกิดขึี้นในไม่ช้านี้  เจ้างูยักษ์ได้โอกาสร่างบางเบาถูกมันกระตุก

    ผมลอยลิ่วขึ้นไปในอากาศ มันอาปากกว้างอีกครั้งหมายจะขย้ำร่างดุจปรายที่กำลังหล่นลงมาให้จมเขึ้ยวของมัน 

    แต่ปากของ แต่ทว่าอสรพิษยักษ์รู้สึกได้ ทันที่ที่ปากของมันมีร่างของดุจปรายลอยเข้ามาแล้วนั้น                                                  
    อสรพิษยักษ์มันกลับหุบปากลงไม่ได้ เพราะบัดนี้ รากไม้จำนวนมากได้พุ่งเข้ามาอยู่ในปากมัน

    ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มันรวดเร็วจนอสรพิษยักษ์มันก็มองแทบไม่ทัน  เมื่อมันใม่สามารถหุบปากงับร่างดุจปรายได้

    ร่างของเธอก็ล่วงหล่นลงเบื้องล่างอีกครั้ง เป็นจังหวะที่อร้ญก็แหงนหน้าขึ้นมาทันทีเหมือนกั


    และเขาก็รับร่างของแฟนสาวได้พอดี  เขาดีใจและยิ้มทั้งน้ำตาที่มันใหลมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขา

    กอดร่างเธอไว้แน่น                                                                              
               


    "  เร็วต้องหาทางไปตอนนี้ มันกำลังชุลมุลกับรากไม้ คงไม่สนใจเรา "                              


    เสียงปู่อินทร์สั่งรัวเร็วอีกครั้ง   แต่ทว่าอรัญไม่อยากจะส่งแฟนขึ้นข้างบนอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะ

    กลัวจะเกิดอะไรขึ้นอีก แต่เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้พละกำลังของเขาไม่มีพอจะทำอย่างนั้นได้อีก

    แล้ว      กานต์มองอาการอรัญออก สถานการณ์แบบนี้ ไครก็ต้องเป็นอย่างเขา ยิ่งเมื่อครู่ก็ยิ่ง

    ถูกงูรัดจนเปลี้ยมาด้วย 



    " เราไม่มีกำลังพอแล้ว ปู่ ตัวเจ้างูนี้มันสูงทั้งลื่น พวกเราก็ไม่มีพอกำลังกันแล้ว  เอ๊ะๆ........"                
     

    กานต์ หยุดพูดกระทันหันเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ไต้เท้าของเขามีอะไรดันอยู่เบื้องล่าง เขาตะเเคงขา

    ดูแล้วเข้าก็ตกใจ ไต้เท้าของเขารากไม้โผล่มาอยู่ไต้เท้าเขาได้ยังไงและมันก็ยังดัน และดัน

    กานต์ซวนเซ และเสียหลัก แต่ระหว่างที่เขาจะล้มถึงพื้น รากไม้อีกหลายอัน ก็เข้าพยุงร่างเขาไว้

    และไม่แค่นั้น พวกมันหลายๆอันช่วยกันยกตัวเขาลอยจากพื้นขึ้นสู่ข้างบน เขามองไปที่ทุกคน

    คุณพระช่วย ร่างทุกคนก็ลอยขึ้นมาเช่นกัน ร่างทั้งหมดถึงรากไม้ดันจากเบื้องล่างขึ้นมาจนพ้น

    หลังของงูยักษ์  อสรพิษไม่มีเวลาที่จะสนใจคนทั้งหมดจริงๆ มันพยายามสลัดสิ่งที่อยุ่ในปาก

    พร้อมทั้งขบกัดรากไม้ในปากเป็นพัลวัล  ไม่ได้สนใจว่าหลังของมันเองตอนนี้คนทั้งหมดได้ขึ้น

    ไปอยุ่บนนั้น และพร้อมที่จะโดดลงออกไปอีกทางหนึ่งแล้ว และทั้งหมดก็ได้ลงจากหลังของงู

    ยักษ์ และวิ่งห่างออกมาจากที่นั่น  พวกเขาหยุดมองเมื่อออกมาห่างพอสมควร ร่างใหญ่ยักษ์

    ตอนนี้ถูกรากไม้เข้าพันจนเกือบมิด แต่ทว่า มันไม่ได้กัดกินร่างนั้นแต่อย่างได้ เหมือนแค่

    ต้องการตรึงร่างยักษ์นั้นไว้ไม่ให้ทำอะไรได้นั่นเอง                                                      


    " รากไม้พวกนั้นมันช่วยเรา มันรู้ได้อย่างไร  ว่าเรากำลังลำบาก แล้วมันช่วยเราทำไม "                            


    ปู่อินทร์พูดขึ้น เขาเองไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น                                                              

    ร่างเจ้างูยักษ์บัดนี้สิ้นฤทธิแล้ว มันสงบนิ่งไม่เคลื่อนใหวเพราะรากไม้ได้รัดมันจนหมดกำลังแล้ว


    มันคนได้แต่ตาปริบๆ    พวกเขาเลยถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง เมื่อเห็นอาการ

    ของเจ้างูยักษ์เป็นเช่นน้้น  แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกัน พลันพวกเขาก็ได้ยินเสียง                    


    " พรี๊ดๆ.."


    พวกเขามองไปที่ต้นเสียงที่มาจากร่างงูตรงนั้น พลันพวกเขาที่ได้เห็น รากไม้ที่คลุมตัวเจ้างูยักษ์

    เมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้บางส่วนกลับฉีกขาดและปลิวว่อนไปในอากาศเหมือนมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งประทะ

    เข้ากับมัน และกลางวงที่รากไม้ปลิวขาดนั้น พวกเขาได้เห็นรากไม้อึกชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่

    กว่า การเคลื่อนใหวของผู้มาใหม่และใหญ่กว่านี้ว่องไวและกระแทกรากไม้ที่รัดตัวงูอยุ่นั้นอย่าง

    รุนแรง และที่สำคัญมันเป็นชนิดเดียวกับที่อยู่บนหัวคล้ายหงอนของเจ้างูยักษ์นั่นเอง


    "  มัจจิรา มันนั่นเอง ถ้าขึนมันทำลายรากไม้ที่อยู่บนตัวงูไปเรื่อยๆแบบนี้ อีกพักเดียวงูมันต้องมี

    ฤทธิอีกแน่  พวกเราเตรียมตัว จะเอายังไง " 




    เสียงปู่อินทร์เริ่มดังอีกครั้ง  เขาชึ้ให้ทุกคนหลบพุ่มไม้ก่อน เเละเมื่อทุกคนเข้าหลบในพุ่มไม้พลัน

    ก็ต้องแปลกใจ ใบไม้ที่พวกเขาคิดว่าจะบังตาได้เมื่อสักครู่นี้ บัดนี้                                    

     มันกลับร่วงหล่นลงพื้น ต้นไม้เหล่านี้มันเกิดอาการอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร และ ไม่ใช่แค่ต้นเดียว

    พวกเขาสังเกตุเห็นว่าหลายต้นในบริเวรนี้ ใบก็ล่วงหล่นเหี่ยวเฉาเหมือนกัน  ทุกคนหันมามอง

    หน้ากัน  งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น                                                                        
           


    " แปลก  เมื่อกี้มันยังไม่เป็นไรเลยแล้วทำไมตอนนี้ต้นไม้แถวนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ "              


    จามิกรถามขึ้นอย่างสงสัย  ทุกคนก็เช่นกัน ตอนที่พวกเขาวิ่งออกจากร่างงูยักษ์มา พวกเขาเห็น

    ว่าพุ่มไม้และต้นไม้เหล่านี้ยังไม่ได้มีอาการเหี่ยวเฉาและใบหลุดล่วง  แต่เมื่อเขาจะเข้าไปอาศัย

    ร่มเงามันบังภัยไม่ให้มองเห็น ต้นไม้กลับมาอาการอย่างนี้ไปได้




    " ผมคิดว่าผมพอรู้แล้วนะครับว่าเป็นเพราะอะไร เพราะเหตุการณ์ มันเหมาะเจาะกันพอดี "            


    คำพูดของอรัญทำให้ทุกคนหันมาที่เขา และเขาก็อธิบายสิ่งที่เขาคิด                                


    " ต้นไม้จะเหี่ยวเฉาได้ก็ต้องมีปัญหาทีรากอย่างใดอย่างหนึ่ง และตอนนี้ รากไม้ที่ช่วยเราจากงู

    ยักษ์ เมื่อสักครู่นี้ กำลังโดน รากของ มัจจิรา ทำลาย เป็นไปได้ว่ารากไม้เหล่านั้น คือรากของ

    ต้นไม้ ที่ต้นกำลังเหี่ยวเฉาเหล่านี้  "                                      
                                   

     
    คำพูดของอรัญที่ พูดถึงความเป็นไปได้ของการเหี่ยวเฉาของต้นไม้  นี้ ทำให้ทุกคนคิด          


    " โอ..ถ้าเป็นจริง ก็น่าสงสารพวกเขานะ นี่เขาช่วยพวกเราจนพวกเขาเองจะต้องตายเชียวเหรอ

     เราน่าจะทำอะไรสักอย่างนะ    ดูสิตอนนี้รากเขาที่อยู่บนตัวงูกระจัดกระจายไปเยอะแล้ว และ

    เหมือนงูนั้นมันก็เริ่มขยับตัวสบัดไปมาได้คล่องแคล่วเหมือนกัน สักพักมันคงต้อง มาทางนี้อีกแน่

    มัจจิรา นี่มันร้ายจริงๆ     "                                                                                  



    แสงดาวบอกกับทุกคน                                                                                        


    " โอ๊ะ..ผมคิดออกแล้ว ปู่ รากมัจจิรา ในตัวเราเรายังทำลายมาแล้ว  แล้วราก มัจจิรา ที่ควบคุมงู

    อยู่ทำไมเราจะทำไม่ได้ เราลองให้งูมันกินผลไม้แบบนั้นเข้าไป ใหมเผื่อได้ผล "                            


    อรัญ บอกความคิดที่เขาพึ่งฉุกคิดขึ้นมาได้        ไม่ทันตอบปู่อินทร์บอกผู้ชายให้ตามแกไป

    ทันที ผลไม้เป้าหมายอยู่ข้างๆนี่เอง พวกเขาฉวยไว้ใน มือคนละสองลูกและพากันวิ่งย้อนกลับไป

    ที่งูยักษ์ แต่ตอนนี้มันได้สลัดรากไม้เหล่านั้นออกมาได้แล้ว   การประจันหน้ากันได้เกิดขึ้นอีก

    ครั้ง งูยักษ์เองก็แปลกใจ ทำไม มนุษย์ได้วิ่งกลับมาอีกครั้ง แทนที่มันจะต้องเข้าไปหา ปู่อินทร์รู้

    สถานการณ์นี้ดี ถ้าพวกเขาไม่มีโอกาสหย่อนผลไม้นี้เข้าปากมันได้ พวกเขาก็เสร็จเหมือนกัน

    แต่ก็ใจชื่นที่เห็นมัน ยังลังเลที่จะโจมตีพวกเขาในทันทีที่มันเห็น มันแลบลิ้น   ไปมาและนั่นเอง

    ที่เขาเห็นว่ามันเป็นโอกาส                                                                                
     


    " พยายามขว้างให้เข้าปากมัน "                                                                          


    แกร้องสั่งทุกคน   ทั้งหมดทำตามทันที ผลไม้ถูกข้วางออกไปเป้าหมายคือปากที่อ้าเล็กน้อย

    เวลาแลบลิ้นของงูยักษ์  จะเข้าเป้าหมายหรือเปล่าไม่รู้ แต่สัญชาตญาณความดุร้ายของงู

    ยักษ์  มันพุ่งเข้าฉกงับเข้าปากไว้ทันที    และมันก็คงกลืนลงท้องไป แต่ทุกคนไม่ได้ทันที่จะ

    มองว่ามันจะได้ผลอย่างไร    พวกเขาก็ต้องกระโดดหลบ งูยักษ์พุ่งหัวของมันเข้ามาทันที  ต่าง

    ไปคนละทิศละทางไม่มีเวลาจะหันมามองข้างหลัง  งูยักษ์ชูหัวขึ้นอีกครั้งเพื่อมองเป้าหมาย

    ทั้งหมดว่าจะตามไปทางใด     แต่การชูหัวของมันครั้งนี้ กลับ..                           
                     


    " บึ้ม.."                                                                                                        


    เสียงระเบิดของสิ่งหนี่งก็ดังขึ้น      หัวของมันนั่นเอง ราก มัจจิรา ที่เป็นหงอนกาฝากที่มัน

    ควบคุมอยู่บนบริเวรสมองของมัน คงได้รับผลพิษจากผลไม้ที่มันได้กินเข้าไปเมื่อครู่นี้ สำเเดงเดช

    มันถูกทำลาย และ เนื่องจากมันฝังอยู่และควบคุมบริเวรสมองของงูยักษ์นั้น ยังผลให้ส่วนสมอง

    เกิดการระเบิดตามไปด้วย   งูยักษ์ถึงกับสะบัดหัวด้วยความเจ็บปวดและร่างของมันก็บิดขดไปมา

    และส่วนหัวก็ตกลงในน้ำสิ้นใจอยู่ในนั้น    และแล้วรากไม้ที่ถูกราก มัจจิรา ทำลาย

    กระจัดกระจายอยู่ ตอนนี้มันเริ่มขยับตัวได้อีกครั้งและร่างเจ้างูยักษ์ที่สิ้นฤทธิ์  คือเป้าหมาย และ

    เพียงครู่เดียวร่างใหญ่ยักษ์ก็ถูกรากไม้บดบัง จนมองไม่เห็น                                                                  

    ทั้งหมดได้วิ่งมารวมกันอีกครั้ง   พวกเขามองไปที่ร่างงูยักษ์ ที่เริ่มยุบลงเพราะถูกกลืนกินเลือด

    เนื้อ จากรากไม้ และนั่นเอง




    " ดูสิ ต้นไม้ฟื้นจากการเหี่ยวเฉาแล้ว สงสัยมันได้อาหารจากรากที่กินเลือดเนี้องูยักษ์ นี่เอง "              


    แสงดาวชี้ให้ทุกคนดู จริงอย่างที่เธอบอก ต้นไม้ที่ทุกคนเห็นว่ากำลังจะตายเมื่อครู่นี้ กับชูกิ่ง

    ก้านขึ้นมาจากการเหี่ยวเฉา   และบางต้นยังผลิใบอ่อนใหม่อย่างเห็นได้ชัด  ทำให้พวกเขาตะลึง

    กับความมหัศจรรย์กับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้                                                            
                 


    "  ใช่แล้วล่ะพวกท่านชาวโลก "                                                                          


    พลันทุกคนก็ได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้น มันเป็นเสียงที่กังวาล  และที่สำคัญมันไม่ได้เป็นเสียงของ

    พวกเขาคนใดคนหนึ่ง  พวกเขาต่างมองหน้ากัน และพยายามมองหาเจ้าของเสียง ซึ่งก็มองไม่

    เห็นใครในบริเวรนี้  นอกจากต้นไม้รอบๆตัวพวกเขา                                                    


    " หันมาทางนี้สิชาวโลก ท่านคงแปลกใจ เราอยู่ทางนี้ "                                                


    และพวกเขาก็หันไปทางต้นทางของเสียงที่เรียก                                                    


    " ต้นไม้  เสียงมาจากต้นไม้ มันพูดได้"                                                                                                      


    ทุกคนอุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ                                                        


    " ใช่แล้ว เราคือ ปิเย หรือที่ชาวโลกมักเรียกเราว่าต้นไม้ พวกท่านคงไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเรา

    พูดและฟังภาษาของชาวโลกได้ พวกเรา เป็นปิเย กลุ่มเดียวที่ฟังภาษาของพวกท่านรู้เรื่อง

    เนื่องจาก วิวัฒนาการของพวกเรา อยู่ ตะเนยา มาหลายพันปี ตะเนยา หรือที่พวกท่านเรียกว่า

    ตะนาวศรี มีประตูเข้าออกระหว่าง สองโลก และพวกเราที่นี่ได้พบกับ ชาวโลก และสัตว์ในโลก

    ของท่านที่หลุดเข้ามาในมิติของเรา  และเมื่อพวกท่านสิ้นชีวิตสมองที่เป็นอาหารให้พวกเรา

    เหล่านั้น เป็นแหล่งข้อมูลให้พวกเราสามารถ เรียนรู้ภาษาของพวกท่านได้ "                      


    เสียงที่ตอบมา ทำให้ทุกคนตะลึง ต้นไม้พูดได้                                                        


    " ไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะเป็นไปได้ "                                                                        


    จามิกรพูดขึ้น                                                                                                

     
    " ถ้าท่านพูดได้เช่นนี้โต้ตอบกับพวกเราได้เพียงนี้ ช่วยอธิบายให้พวกเราฟังได้ใหมว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับ

    พวกเรา ที่ผ่านมาเมื่อกี้นี้ "                  


    อัครชัยถามต้นไม้ต่อ                                                                                        


     " ได้เลย ชาวโลก พวกท่านจะได้ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก จงอางและสัตว์ที่ท่านเจอเป็นสัตว์จาก

    โลกของท่านที่หลุดเข้ามาเหมือนพวกท่าน  พวกเขายังมีอีกเยอะและอยู่ไปทางไต้ อีกหลาย

    ร้อยกิโลเมตร  ที่นี่มีเพียงสัตว์ที่มีพิษและเเข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่ได้  แต่บางตัวก็ไม่วายถูก

    ครอบงำ จาก มัจเจ หรือที่พวกท่านเรียกมัจจิรา มัจเจ เป็นปิเย ที่ดุร้าย มันอยู่ไปทางเหนือ และ

    มีอาณาเขตปราการที่แน่นหนา   พวกเราเคยประทะแล้วถูกมัจเจทำลายพี่น้องเราไปมาก  จน

    ทุกวันนี้ มันส่งเรคา หรือที่พวกท่านเรียกว่ารากของมัน มาคุมพวกเราและคอยแย่งอาหารพวก

    เรา  แต่โชคดี ที่ มัจเจ ไม่สามารถฟังภาษาชาวโลกได้เข้าใจเหมือนพวกเรา เราจึงสื่อสารกับ

    พวกท่านได้ โดยที่มันไม่รู้  "                                                                                


    คำอธิบายของต้นไม้ ทำให้พวกเขาเริ่มเข้าใจ เขานึกถึงตอนที่รากไม้ พยายาม ช่วยพวกเขา

    อย่างทันท่วงที ทุกครั้ง นั่นเป็นเพราะมันฟังทุกอย่างรู้เรื่องนั้นเอง                                    


    " แต่ท่านว่า ท่านเคยประทะกัน มัจจิรามันเคยลงมาที่นี่เหรอ "                                        


    ปู่อินทร์ ถามขึ้นด้วยความสงสัย                                                                            


    " อ๋อ มิได้ข้าลืมบอกพวกท่านไป พวกท่านดูนีสิ "                                                    


    เมื่อเสียงนั้นพูดจบ พวกเขาก็สังเกตุเห็นว่าต้นไม้ต้นนั้นได้ยกตัวขึ้นจากพื้นดินและรากต่างๆของ

    มันทั้งหมดก็ลอยขึ้นเหนือพื้นดิน และเคลื่อนไหวได้  
                                                           


     "ปิเยเผ่าพันธ์ พวกเรา มีหลากหลายสายพันธ์ ทั้งที่สามารถเดินทางได้  และเติบโตอยู่กับที่ได้อย่าง

    เดียว เหมือนปิเยที่อยู่บนโลกของพวกท่าน เมื่อก่อนปิเยเราก็เคยอยู่ทางเหนือ และเกิดขัดแย้งกับ 

    ปิเยมัจเจ ผู้ซึ่งต้องการเป็นใหญ่ที่สุดในหมู่ปิเยเรา  ปิเยเราหลายเผ่าพันธ์ก็ต้องสละ ชีตะ ให้กับความ 

    โหดร้ายของมัจเจ  และนั่นเป็นความกดดันที่พวกเราได้พบมา ปิเยเราหลายเผ่าพันธ์ที่เดินทางได้ พา

    กันอพยพ ลงมาทางไต้และมาอยู่ที่นี่ เพือรอ ว่าน่าจะมีอะไรพอจะช่วยพวกเราจากการรุกรานของมัจเจ

    ได้จนวันนี้มาพบพวกท่าน มนุษย์โลกอย่างพวกท่านทั้งหลาย  หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เรามั่นใจ ว่าเรา

    ด้พบผู้ที่อาจจะสามารถช่วยพวกเราต่อกร กับมัจเจ ได้ เราไม่เคยคิดว่าจะมี  ชาวโลกที่มีความคิดที่จะ

    ต่อกรกับมัจเจ จนได้ยินพวกท่านคุยกัน ชาวโลกมาที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะหาทางกลับเพียงอย่างเดียว ปิเย

    เรา  พวกเราเคยพยายามพูดกับชาวโลกคนหนึ่งที่หลงเข้ามา แต่ปิเยเราฟังคำพูดมนุษย์ผู้นั้นไม่ได้

    ความ  ต่กับพวกท่านเรากับ รับรู้คำพูดของพวกท่านได้ เราจึงรู้ความ "      
     


    คำอธิบายของต้นไม้ทำให้ปู่อินทร์ คิดได้ ในบันทึกที่เสียไป ฝรั่งคนหนึ่งได้บันทึกในนั้นและชื่อ

    ต่างๆในดินเเดน ปิยากิออ   ที่เขาบันทึกว่าได้ยินต้นไม้พูดได้  เพียงแต่เขาไม่เข้าใจภาษา เขาคนนั้นที่

    ต้นไม้กล่าวถึงคงเป็นฝรั่งคนนั้นนั่นเอง
                                          






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×