ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนาสตาเซีย แห่งการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 25 กาลเวลาที่ล่วงเลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58
      3
      11 มิ.ย. 61

    ตอนที่ 25

    อีกแล้วหรือ หว่างคิ้วงามขมวดเข้าหากันแน่นขณะที่มองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าซึ่งปรากฏเพียงผืนหญ้าและบรรยากาศเงียบสงบ

    ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พึ่งจะสัมผัสได้แท้ๆว่ามีอสูรกายแถวนี้ เหตุใดพอมาถึงที่แล้วมันกลับหายไปแล้วเช่นนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโหนัก ช่วงเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาหญิงสาวตัดสินใจที่จะออกตามหาพวกอสูรกายและกำจัดพวกมันให้คืนถิ่นไปอย่างขยันขันแข็งแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่ามีหลายครั้งที่นางไปไม่ทันได้เจอพวกมัน หลงเหลือไว้แค่เพียงร่องรอยการต่อสู้ก็เท่านั้น หนนี้นับเป็นครั้งที่ 5 ของเดือนแล้วกระมังยังไม่รวมครั้งอื่นๆที่ผ่านมาอีกเล่า แต่ที่น่าสงสัยคือรอยแยกมิติปิดลงได้อย่างไร ผู้ที่มีอำนาจปิดประตูมิติมีแค่เพียงแกนนอนหรือไม่ก็ผู้ที่ได้ถือครองแหวนควบคุมมิติที่มีเพียงแค่ตาแก่ขี้ลืมนั่นองค์เดียวที่สร้างได้

    ไม่รู้ว่าเขาหลงลืมสร้างแหวนแจกจ่ายคนอื่นไปทั่วหรอกนะ

    ทุกวันนี้พลังธาตุหยางที่น้อยนิดก็สร้างปัญหาให้หลายครั้งด้วยกัน นางจึงต้องกลับไปพบเหล่าสวามีบ้าง แต่ก็ลดความถี่ลงเป็นเดือนละครั้งก็เพียงพอ ก็นะมีสวามีที่มีความรู้เรื่องแพทย์และสมุนไพรถึงสองคนก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าหน่อยซิ ถึงทั้งสองดูจะไม่ค่อยเต็มใจที่ตนวางแผนจะออกเดินทางคนเดียวบ่อยๆก็เถอะ

    และในช่วยยี่สิบปีมานี้แว่นแคว้นต่างๆก็เกิดเรื่องราวและการเปลี่ยนแปลงมากมายทีเดียว เริ่มตั้งแต่สิบแปดปีก่อนปัญหาที่แคว้นตงก็สิ้นสุดลงด้วยความตายของพวกกบฏนั่น เสียดายนักที่ไปไม่ทันเห็นการขึ้นครองราชย์โอรสของมนุษย์ที่นับได้ว่าเป็นสหายของนาง แม้ถ้านับตามอายุเทพแล้วจะเป็นเพียงระยะเวลาที่สั้นมากก็เถอะ

    ต่อมาเป็นเก้าปีที่แล้วนางพึ่งจะกลับเมืองหลวงไปเข้าร่วมการไว้อาลัยแด่ฮ่องเต้องค์เก่าและรองานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของฮ่องเต้องค์ใหม่ กว่าจะปลีกตัวมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายทั้งเหล่าบิดา มารดา พี่ชาย และบรรดาสวามีของนาง ที่หนักกว่านั้นก็คือฮ่องเต้องค์ใหม่ที่แทบจะจับนางขังไว้ในวังนั่นอีกเล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดเศียรเวียนเกล้า

    และสุดท้ายคืองานศพของบิดามารดาของนางในดินแดนนี้เมื่อสองปีที่แล้ว หญิงสาวเลือกที่จะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงสองปีเต็มเพื่อไว้อาลัยแด่ท่านทั้งสองที่จากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นบิดาที่ชราภาพสิ้นลมก่อนที่มารดาของนางจะจากไปอย่างสงบอีกคน

    เมื่อยามขี่ม้าเพียงลำพังนั้นมือความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว และเป็นต้นเหตุของการตัดสินใจครั้งใหญ่

    ข้าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว ด้วยอยู่ดินแดนของพวกมนุษย์นานๆแล้วเกิดรู้สึกว่างเกินไป นางมาในฐานะไม่ธรรมดาดังนั้นวิถีการดำเนินชีวิตของพวกผู้คนก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทั้งการเมือง การสงครามที่นางชินชากับมันมานานแสนนานสร้างความเบื่อหน่ายให้แก่เทพีสาวไม่น้อย จนนึกอยากจะจบเรื่องนี้ไวๆแล้วกลับไปยังปราสาทอนาสตาเซียที่แสนคิดถึง จึงต้องเร่งตามไล่จัดการเจ้าพวกอสูรกายน่าตายพวกนั้นเผื่อลิขิตที่ถูกกำหนดไว้ 500 ปีจะลดลงมาบ้างแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาที     

    แต่จนแล้วจนรอดพวกมันก็ไม่หมดซักที่ รอยแยกมิติก็ผุดขึ้นมาถี่เสียเหลือเกิน แต่อสูรกายที่นางพบก็เป็นเพียงพวกปลายแถวจึงจัดการได้ไม่ยากและอีกอย่างคือยังไม่เจอพวกปีศาจเลยซักตัว จึงไม่เคยต้องใช้ประตูมิติเรียกเหล่าทหารมาเลยซักครา

    ปีศาจและอสูกายนั้นต่างกันตรงที่ อสูรกายนั้นเกิดจากเทพ เทพี มนุษย์ อมนุษย์ อสูรกายหรือธรรมชาติที่สร้างมันขึ้นมาจากการสมสู่หรืออาจจะเกิดจากเทพหรือเทพีเพียงองค์เดียวก็ได้ โดยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามที อสูรกายนับว่าเป็นสิ่งที่มีจิตใจ บางตนสื่อสารรู้เรื่องก็ดีไปแต่ถ้าไม่..ก็โยนลงไปที่ทาทารัสเสียก็สิ้นเรื่อง แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีอสูรตัวใดสื่อสารรู้เรื่องและก็ไม่อาละวาดเลยซักตน แต่สำหรับปีศาจมันเป็นอะไรที่เลวร้ายกว่านั้นมาก เพราะพวกนั้นกำเนิดจากสิ่งชั่วร้ายภายในจิตใจจนทำให้ไร้ซึ่งจิตสำนึกและกายเป็นปีศาจไป ไม่ว่าจะเป็นเทพ มนุษย์ หรือสัตว์ อสูรกายก็ตาม ทำให้กลายสภาพเป็นสิ่งที่เรียกว่าปีศาจ

    ส่วนพวกอมนุษย์ ก็ไม่ได้ต่างจากอสูรกายนักทว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นที่ยอมรับและใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์หรือเทพได้ตามปกติ สามารถศึกษาได้ ทำงานได้ เนื่องจากมีทั้งความสามารถและมีสมองกว่าพวกอสูรกาย 

    มาถึง ณ ตอนนี้อิซเบลล่าก็เริ่มเดาได้แล้วว่าหน้าที่หลักของนางไม่ใช่การกำจัดเจ้าพวกอสูรกายแหกคุกพวกนี้เท่านั้น

    เพียงแต่..ตอนนี้ก็ยังไม่กระจ่างซักทีว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆคงจะเกี่ยวพันกับบุคคล เทพ เทพี หรือตัวอะไรซักอย่างที่บังอาจมาจัดการกับเจ้าอสูรกายตัดหน้านางไปอย่างน่าโมโห หวังว่าจะได้เจอกันซึ่งๆหน้าในระยะเวลาอันใกล้นี้จะได้รีบๆจบเรื่องนี่ซักที

    แต่ก็นะ ใครใช้ให้นางโง่เง่าถึงขนาดและพลังเป็นเครื่องสังเวยในการมาที่นี่กันเล่า พลังถูกยึดไปครึ่งหนึ่งยังไม่พอ เทพีสาวยังสัมผัสได้ว่าแหวนมิติที่ได้มานั้นกำกับพลังของนางให้ลดหายไปอีกหลายส่วน ตาเฒ่าแกนนอนนั่นคงลืมแก้มนตราที่แหวนออกอีกแน่ๆหรือไม่ก็หยิบอันผิดมาให้ ตอนแรกก็ไม่เอะใจอะไรแต่พอผ่านมานานเข้าก็ให้รู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงอ่อนแอกว่าเดิมมากขนาดนี้ คงเทียบไม่ได้กับทหารชั้นกลางด้วยซ้ำ หวังว่ามันจะใช้เปิดมิติได้อยู่นะ ไม่เช่นนั้นล่ะก็เกิดเรื่องจวนตัวเมื่อใดได้ลำบากเป็นแน่ ยิ่งนางไม่มีสิทธ์ถอดได้เองด้วย ต้องรอเจอแกนนอนก่อนเท่านั้น

    นี่ข้าอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกับพลังอันร่อยหรอเช่นนี้

    เอาหล่ะ คนเช่นนางมิใช่คนที่จะมาโอดครวญอะไรกับเรื่องเช่นนี้ แต่ด้วยความทรงจำที่ถูกกับเก็บเอาไว้ทำให้ประสบการณ์ความสุขุมและอีกหลายๆอย่างหายไปด้วย บางครั้งจึงต้องใช้เวลาใคร่ครวญนานซักหน่อย

    ความดื้อรั้นแท้ๆที่เป็นต้นเหตุ หากภารกิจครั้งนี้สำเร็จ นางควรจะต้องพิจารณาตนหน่อยแล้ว ความเยือกเย็น รอบคอบที่เคยมีหายไปไหนหมด เหตุใดถึงได้ตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ยิ่งไอความรู้สึกที่ตนได้ลืมเรื่องอะไรที่สำคัญมาๆไปด้วยแล้ว

    ดวงตาที่น้ำตาลไหม้ทอประกายเด็ดเดี่ยวออกมา ก่อนจะลุกขึ้นจากข้างริมธารที่พึ่งใช้ล้างหน้าไปเมื่อซักครู่ สายตาทอดมองไปยังน้ำตกที่ทิ้งตัวลงบนผืนน้ำอย่างนิ่งสงบพลางใช้ความคิดในการวางแผนอนาคต

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×