ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนาสตาเซีย แห่งการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 19 โดนทิ้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 109
      3
      24 ก.พ. 61

    ตอนที่ 19

     

    ภายใต้เงาสลัวในห้องนอนกว้าง ปรากฏเงาสตรีร่างบางอ้อนแอ้นคล้ายดั่งกิ่งหลิวกำลังถูกตะกรองกอดอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษด้วยความทะนุถนอมและหวงแหน ทั้งสองร่างกายเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนหนาปิดคลุมกายเอาไว้

    แพรขนตายาวกระพือติดต่อกันหลายคราก่อนที่ลืมขึ้นอย่างยากเย็น ก็เห็นลำคอขาวเจ้าของอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็พบเข้ากับใบหน้าหลอเหลาที่มักจะไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมาเมื่อยามลืมตา กำลังหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนผู้นี้อยู่ในห้วงนิทราที่ลึกแค่ไหน นานๆทีจะได้เห็นองครักษ์คู่กายที่ระวังตัวแทบทุกฝีก้าวปล่อยตัวเช่นนี้ทำให้คนมองเผลอยิ้มอ่อนโยนออกมาไม่ได้

    คงจะมีแต่ในจวนนี้กระมังเขาจึงกล้ามีสัมพันธ์กับนางและกล้าที่จะหลับลงได้โดยไม่ต้องระวังภัยใดใด ยิ่งสัมผัสได้ว่าอ้อมกอดของเขาตอนนี้ก็ช่างแน่นหนายิ่งนักจะขยับตัวออกก็ไม่ได้ ด้วยครั้งที่แล้วนางได้ออกไปข้างนอกตอนเขาหลับ ด้วยความหมดแรงทำให้ตอนนี้ถึงอย่างไรเขาไม่มีทางปล่อยตัวนางออกไปแน่แม้ในขณะหลับตาอยู่เช่นนี้ก็ตาม เมื่อคิดถึงตรงนี้ใบหน้างามที่ตอนนี้ดูเปล่งปลั่งขึ้นจากเดิมผิดจากชายหนุ่มที่ดูคล้ายดั่งคนถูกซูบวิญญาณ ก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะซุกกายเข้าหาอกแกร่งของเขาอีกครั้ง

    ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังเช้าและข้างนอกก็อากาศเย็นไม่น้อย นอนอยู่เป็นเพื่อนเขาเช่นนี้เสียหน่อยคงไม่เป็นไร

     

    ปึก เสียงถ้วยน้ำชาถูกว่าลงบนโต๊ะดังไปทั่วทั้งศาลาริมน้ำ

    “ ทั้งหมดเชียวรึ ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างสนเท่ห์ ขณะจิบน้ำชาหลังจากทานมื้อเที่ยงซึ่งเป็นมื้อแรกของวัน

    “ ขอรับ ท่านเสวี่ยถิงหลังจากกลับจวนมาแล้วเข้าเรือนไปเพียงไม่นานก็จากไป ท่านราชครูแจ้งเพียงว่าได้รับคำสั่งให้เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางไปยังแคว้นตง ท่านจ้าวกรมอาญาออกตรวจตรากรมอาญาทั่วแผ่นดินอย่างลับๆเนื่องด้วยช่วงนี้เกิดเรื่องตามเมืองต่างๆบ่อยนัก ส่วนท่านเจียงฉวี่และท่านจิ้นฉวี่ก็ออกเดินทางด้วยช่วงนี้ท่วงทำนองในหัวใจมันเอ่อ..นิ่งเรียบเกินไป รวมไปถึงท่านจินเฉวียนที่ต้องการท่องเที่ยวหาวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงอาหารใหม่ๆขอรับ ” เด็กหนุ่มที่เพิ่งได้ตำแหน่งดูแลเรือนใหญ่ได้ไม่นานรายงานยาวเยียดอย่างครบถ้วนจนต้องหอบหายใจเมื่อกล่าวจบ เบลล่าที่ได้ฟังทำตาปริบๆคล้ายดั่งกำลังรับข้อมูลที่เพิ่งได้ยินไม่ทัน นางสะบัดศีรษะเล็กน้อยก่อนจะสะบัดมือไล่เขาออกไป หยางเอินที่กำลังเหนื่อยหอบเห็นดังนั้นจึงรีบโค้งกายอย่างนอบน้อมแล้วเดินจากไป

    มือขาวดั่งหยกที่โผล่พ้นเนื้อผ้าชั้นดีเคาะพัดกับฝ่ามือของตนไปพลางครุ่นคิดไปพลาง เหล่าสามีของนางออกจวนไปกันหมดเลยรึ อ่อ ไม่ซิเว้นไป๋หู่ไว้คน

    ปกตินางให้อิสระกับพวกเขาได้เต็มที่ จะออกไปไหนเมื่อไหร่ก็ไม่ได้ว่ากระไรเพียงแต่หากนางยังอยู่ในจวนก็มาแจ้งให้ทราบเสียหน่อย ไม่คิดว่านางอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อบ่ายวานนี้จวบจนเวลานี้ เพียงแค่ชั่วข้ามคืนพวกเขากลับออกไปข้างนอกกันเสียหมดเช่นนี้ เมื่อนางยังไม่ออกมาพวกเขาจึงได้แจ้งหยางเอินเอาไว้แล้วจากไปเท่านั้น

    เสวี่ยถิงกลับมาจวนแล้วเช่นนั้นก็แสดงว่าเขาฟื้นแล้วล่ะซิ

    หยางหมิงไปแคว้นตงในเวลานี้ก็ไม่แปลกใจเท่าใด

    เพ่ยอิงตั้งแต่นางกลับมาก็ยังไม่ได้พบเขาเสียด้วยด้วยซ้ำ

    เจียงฉวี่ จิ้นฉวี่อารมณ์ศิลปินของทั้งสองก็ยากเกินใครจะเข้าถึง

    ยังมีจินเฉวียนที่ไม่รู้อะไรดลใจถึงได้ออกไปในเวลาไล่เลี่ยกับคู่แฝดทั้งสองได้

    แล้วเหตุใดพวกเขาต้องออกไปในตอนนี้ด้วยเล่า คงไม่ได้นัดแนะกันที่จะทิ้งนางไว้ที่จวนหรอกกระมัง

    หญิงสาวร่างบางระหงในชุดสีฟ้ากระจ่างตาทว่าในขณะนี้ใบหน้าพิสุทธิ์งามล้ำเหนือผู้ใดกำลังงอง้ำด้วยไม่สบอารมณ์ กำพัดในมือแน่น วันนี้นางคิดจะชวนคนใดคนหนึ่งที่กำลังว่างไปเดินเล่นในเมืองเสียหน่อย ไม่คิดว่าจะได้รับข้อความที่ถูกฝากไว้เหล่านี้ก่อนที่จะได้ไปชวนใครเสียอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งขัดใจนัก

    เนื่องจากเรื่องในแคว้นตงทำให้ตอนนี้การจะไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นฉินคงต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด คิดถึงตรงนี้นางก็ถอนหายใจออกมาคลายพัดในมือ ความจริงแล้วนางอยากจะให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจนทำให้ตนไม่ต้องไปแคว้นฉินอยู่ก่อนแล้ว แต่หากมันคือการตายของคนผู้นั้นแล้วนางยอมเดินทางไปแคว้นทางเหนือนั่นยังจะดีเสียกว่า

    ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ใจ เรื่องมนุษย์โลกหรือสิ่งมีชีวิตใดๆสักวันมันก็ต้องดับสูญจนนางเองก็ชินชากับมันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ความสัมพันธ์ที่มีแก่กันนี่สิที่มันยังคงเหลืออยู่ให้คนเบื้องหลังได้รู้สึก กับคนอื่นนางลงมือฆ่าได้ในทันที แต่กับคนสนิทเพียงแค่ได้รับรู้ว่าได้ตายจากไปนางก็รู้สึกเศร้าใจ ไม่ถึงกับโศกศัลย์แต่ก็แค่เสียดายความสัมพันธ์และมิตรภาพที่เคยมีให้กันก็เท่านั้น

    หากจะมีสิ่งที่หลงเหลือได้อีกสักสิ่งก็คงจะเป็นบุญคุณความแค้นกระมัง มุมปากยกยิ้มขึ้นหากแต่มันไปไม่ถึงดวงตา และนั้นก็ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความสุข แต่มันคือรอยยิ้มที่มาควบคู่กับจิตสังหาร ไอความหนาวเย็นถูกปล่อยออกมารอบด้านอย่างที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว จนคนที่อยู่ในเงามืดยังแอบนึกหวั่นใจแทนคนที่นางกำลังนึกถึงไม่ได้

    “ นำกระดาษและหมึกมาให้ข้า ” เสียงเย็นเอื้อนเอ่ยออกมาหลังจากนั่งปล่อยความคิดอยู่นาน ไป๋หู่ได้ยินคำสั่งแผ่วเบานั้นก็ปฏิบัติตามทันที

    ไม่นานทั้งสองสิ่งก็มาวางอยู่ตรงหน้า โดยมีชายผมเงินฝนหมึกให้อยู่ข้างกายพลางเหลือบมองผู้เป็นนายหญิงซึ่งบัดนี้ในหน้างามที่ผู้ใดพบเห็นต้องยอมสงบไม่ได้แสดงสิ่งใดออกมา แต่แววตาของนางกลับเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย สายตาของนางทิ้งตัวลงบนผืนน้ำและบัวเบื้องหน้า เมื่อทำหน้าที่เสร็จเขาก็วางมันลงแล้วหยิบพู่กันด้ามสวยให้นาง แล้วหลบฉากไปยืนอยู่ด้านหลัง

    หญิงสาวกำลังมองกระดาษเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะลงมือเขียนบางสิ่งลงไป

    “ มอบให้แก่ตาเฒ่าในวัง ” ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่านางหมายถึงผู้ใด เขารับกระดาษแผ่นเล็กมาเก็บไว้ในถุงสีทอง

    “ ใบนี้ไปให้พี่ชายข้า ” เขารับมันมาแล้วใส่ไว้ในถุงสีน้ำเงิน

    “ ส่วนใบนี้เจ้าเอาไปมอบให้ถึงมือซิ่นฉี ” ใบสุดท้ายเขานำมันใส่ไว้ในถุงสีเงินก่อนจะเก็บมันเข้าอกเสื้อ

    “ อ่อ จริงซิ ไปหุบเขาจันทราแจ้งจูหยวนจางว่าอีกไม่กี่วันข้าจะขึ้นไปหา ระยะนี้อย่าเพิ่งออกท่องยุทธ์ ” ก่อนที่เสียงของนางจะเงียบลง จมลึกลงในความคิดตน

    เมื่อหมดสิ้นคำสั่ง ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวจากไปเขาหันกลับมามองอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยอะไรออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    “ จวนไม่มีใคร ” คำพูดสั้นๆทำให้เบลล่าเหลือบตาขึ้นมองเขาอย่างฉงนก่อนจะยิ้มออกมา

    “ เหอะ แล้วไอที่ซุ่มอยู่ตามกำแพงมากมายนั่นมันอะไรเล่า ” รู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่คนเช่นนางหาได้ไร้ฝีมือขนาดนั้น

    “ องครักษ์ซิ่นชุ่นสองร้อยนายในจวน พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาโดนรังแกถึงในจวนหรอกกระมัง ” เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมไปทั้งยังมองมายังนางนิ่ง นางก็เอ่ยเย้าแหย่ออกไป เห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาแล้วหมุนตัวจากไป แต่ไม่ได้มุ่งหน้าออกจวนทันที เขาไปหาหัวหน้าองครักษ์รักษาจวนก่อนจะเอ่ยเพียงไม่กี่คำแล้วจากไปทันที

    หุบเขาจันทรา นานแค่ไหนแล้วหนอที่ไม่ได้ไปเหยียบที่นั่น สองปีแล้วเห็นจะได้กระมัง หวังว่าไปคราวนี้ เขาจะมีสิ่งที่นางต้องการ

    แคว้นจ้าวนั้นมีทั้งหมด 7 เมืองที่สำคัญได้แก่ เมืองหลวงที่ตั้งหลักอยู่ใจกลางแคว้น รอบด้านมี 4 เมืองติดอยู่ ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือคือหนานจิง ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือคือหานตานทางเหนือของแคว้นติดกับแคว้นฉิน ต้าเหลียงเป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนกูซูอยู่ตะวันออกเฉียงใต้ ทางใต้ของแคว้นติดกับพื้นที่ไร้ผู้ปกครองที่ก็เข้าครองได้ยากเนื่องจากมีชนเผ่าเร่ร่อนอยู่มาก เมืองไคเฟิงนั้นครองพื้นที่ติดทะเลของแคว้นทางฝั่งตะวันตกทั้งหมดเป็นเมืองการค้าทางทะเลที่สำคัญ และสุดท้ายเมืองทางฝั่งตะวันออกของแคว้นมีพื้นที่ติดกับแคว้นฉิน ตง เหยียน คือเมืองลั่วหยาง นอกจากติดต่อกับสามแคว้นแล้วยังมีสถานที่ที่นางประสงค์จะไปก่อนอีกด้วย

    หุบเขาจันทรา เป็นสถานที่ลึกลับคนนอกไม่ค่อยจะได้เข้า หากได้หลงเข้าไปแล้วยากนักที่จะได้ก้าวขาออกมาจากป่ารอบบริเวณนั้น แต่กลับมีสำนักศึกษาตั้งอยู่บนยอดเขาสอนวิชาทั้งบู๊ทั้งบุ๋น เป็นแหล่งรวบรวมผู้ยอดยุทธ์ของใต้หล้ามากมายที่ได้ยอมเป็นอาจารย์ให้แก่ที่นี่ทำให้ผู้คนมากมายประสงค์จะส่งบุตรธิดาของตนไปเล่าเรียนศึกษา หากแต่ก็รับศิษย์ได้ยากนักปีหนึ่งรับคนเข้าไม่ถึงห้าสิบคนยังไม่รวมผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินที่โดนขอบให้ออกจากหุบเขาอีก และคนที่นางจะไปหาก็อยู่ที่นั่น

    ใบหน้าขาวซีดทว่างดงามเหนือสตรีเพศ ซึ่งจนป่านนี้แล้วนางยังแยกไม่ออกว่าบุรุษรอบกายนางนั้นใครกันแน่ที่งามเป็นหนึ่งในใต้หล้า หญิงสาวพยายามเปรียบเทียบอยู่หลายหนจนล้มเลิกความตั้งใจไปนานแล้ว เขาผู้เป็นเจ้าของดวงตาเรียวที่มักจะปรายตามองผู้คนรอบข้างด้วยความเย่อหยิ่ง ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อยากนักที่จะเอ่ยวาจา  หากทว่าเพียงได้สบตากับเขาก็ทำให้สตรีทั่วหล้าเพ้อฝันไปนานแล้ว มุมปากบางที่กำลังจิบชาหยักยิ้มขึ้น

    ทว่าดอกไม่งามมักมีหนาม และดอกไม้ดอกนี้กลับเป็นหนามพิษเสียด้วย บุรุษผู้มีความรู้เรื่องพิษเป็นหนึ่งไม่มีสอง บุรุษผู้ที่เพียงมีใครทำให้ไม่สบอารมณ์คนผู้นั้นอาจสิ้นลมโดยไม่ทันได้รู้ตัว บุรุษผู้ได้รับฉายาจากคนในยุทธภพว่า หมื่นพิษมรณะ เขายอมเป็นอาจารย์ของสำนักหุบเขาจันทราเมื่อห้าปีก่อน มีศิษย์ขอคารวะมากมาย แต่กับรับเพียงไม่กี่คนทั้งยังสิ้นใจไปไม่น้อย ทำให้ไม่ค่อยมีผู้ใดขอเข้าเป็นศิษย์เขามากเหมือนแต่ก่อน การทดสอบของเขาที่ว่ายากเย็นทว่าการจะมีชีวิตรอดออกไปนั้นยากกว่า นามที่ผู้คนได้ยินชื่อก็ต้องเผลอกลั้นหายใจด้วยกลัวว่าเพียงเอ่ยนามของเขาอาจจะรับพิษตายได้ นามจริงที่ไม่ค่อยจะมีใครกล้าเอ่ยถึงนัก จูหยวนจาง

     

    ช่วงนี้นางสัมผัสได้ว่ามีอสูรกายกำเนิดขึ้นมาบ่อยครั้ง แต่มิใช่ในบริเวณใกล้เคียงนี้แต่เป็นที่ๆไกลออกไปมากน่าจะในต่างแคว้น หญิงสาวเฝ้าสังเกตมาสองสามวันพบว่าพวกมันถูกกำจัดไปแล้ว นางพบว่าตั้งแต่เดินทางข้ามมิติมายังที่นี่ หากสัมผัสได้ว่ามีอสูรกายเกิดขึ้นไกลๆหรือหากนางเดินทางไปถึงช้า พวกมันมักถูกสังหารไปเสียก่อนที่ตนจะลงมือ สร้างความแปลกใจให้นางไม่น้อย

    แต่มันก็ดีที่มีคนช่วยจัดการให้ก่อนที่มันจะโผล่มาทำร้ายพวกมนุษย์เข้า ทว่า ตั้งแต่แรกทำไมตาเฒ่าแกนนอนไม่ได้แจ้งนางเล่าว่ายังมีคนอื่นที่จะลงมือช่วยในเรื่องนี้ จะเกี่ยวข้องกับเจ้าเลือดผสมนั่นหรือไม่ แต่หญิงสาวกลับคิดว่ายังมีคนอีกกลุ่ม อีกกลุ่มที่มิใช่เจ้าเลือดผสมคนนั้น เอาเถอะ หากมิได้สร้างนำความเดือดร้อนมาให้ นางก็ไม่คิดจะปะทะกับคนพวกนั้นอยู่แล้ว

    หลังจากอยู่จวนมาร่วมเจ็ดวัน ได้รับข่าวสารมากมาย หน่วยคราวกรองของนางนั้นทำงานได้ดีสมกับการคัดเลือกอย่างหนัก ทว่านางกลับรู้สึกเบื่อแม้ว่าจะได้ออกไปเดินเล่นในเมืองบ้างโดยมีผ้าแพรปิดบังใบหน้าเหลือเพียงดวงตาหงส์ที่โพล่พ้นออกมาเท่านั้น ทว่าเพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้คนที่เผลอสบตากับนางนานๆถึงกับเข่าอ่อน เป็นลมไปหลายราย นางจึงหลีกเลี่ยงการสบตากับพวกชาวบ้านมาหลายปีแล้ว แม้แต่องค์รักษ์หรือคนรอบกายยังหลีกเลี่ยงที่จะจ้องตานางโดยตรง นอกจากสามีของนางเองแล้วน้อยคนนักที่จะกล้า

    บ่อยครั้งจึงต้องใส่หมวกปีกกว้างซึ่งมีผ้าแพรคลุมจึงจะปิดบังใบหน้าได้ทั้งหมด ความงามที่ควรจะนำเพศภัยมาให้กลับนำความเบื่อหน่ายมาสู่นางมากกว่า ใบหน้านี้ใกล้เคียงกับใบหน้าจริงของนางมาก เพียงแต่ลดความสง่าและอำนาจที่แฝงอยู่ในตัวนางขณะเป็นเทพอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อลงมาแดนมนุษย์ความงามระดับนั้นเห็นที่จะไม่เหมาะ ที่ที่นางจากมาก็มีเหล่าเทพหญิงชายที่งามอยู่มากจนเกลื่อนตา ทะเลาะเบาะแว้งโอ้อวดสรรพคุณความงามของตนเพื่อแย่งกันครองเก้าอี้ตำแหน่งที่สอง ปล่อยนางให้เป็นจ้าวแห่งความงามโดยแท้จริง

    หึ จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า ในเมื่อมหาเทพทั้งสามก่อปั้นสร้างสรรค์นางด้วยความใส่ใจมากับมือ เช่นนั้นก็คงไม่ผิดกระมังหากตนจะใช้ความงามที่มีให้คุ้มค่า

    นางเองก็ไม่คิดจะแข่งแกร่งแย่งกับใคร หากนำความงามนี้ไปแลกกับการสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบของผู้ที่เคยยิ่งซึ่งอยู่ในทาทารัสนั่นได้ นางพร้อมจะยอมเป็นหญิงอัปลักษณ์ที่สุดในจักรวาลถูกผู้คนหมางเมินก็ยอม ความคิดนั้นหยุดลงเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้ตัวเรือน แม้จะบางเบาแต่ผู้ยอดยุทธ์มักจะมีสัมผัสที่ดีเยี่ยม คิดว่าคงจะเป็นคนของนางเองจึงไม่ได้เตรียมป้องกันแต่อย่างได้ เพียงแต่ทิ้งสายตาไว้บนถ้วยชาในมือดั่งเดิม

    “ นายท่าน ” เสียงด้านนอกดังขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าชายชุดดำกำลังยืนอยู่ห่างออกไปนอกประตูห้องทำงานที่ถูกเปิดทิ้งไว้ยามหญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองเขาก็หลุบสายตามองลงพื้นทันที ชุดของเขารัดกุมยากคาดเดาว่าเป็นใคร แต่กลิ่นอายที่มีนางรู้ดีว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนของตน

    หยางเอิน ที่กำลังยืนรับใช้อยู่หน้าห้องเข้าไปรับสารในมือชายหนุ่มแล้วนำส่งถึงเบลล่า เห็นว่าเป็นถุงสีเงินดวงตาหงส์ก็อ่อนโยนลง รับของมาไว้กับตัวแล้วแกะถึง เมื่อคลี่อ่านกระดาษด้านในหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น

    “ เจ้าไปพักก่อน เดี๋ยวนำสารไปส่งให้นายเจ้าด้วย ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบกับชายหน้าห้อง ใบหน้ายังไม่คลายความเคร่งเครียดลง ชายหนุ่มรับคำแล้วจากไปพร้อมกับหยางเอินที่รู้หน้าที่

    ปล่อยให้หญิงสาวคนเดียวภายในห้องจมลึกอยู่ในความคิดของตนอยู่นาน ก่อนที่จะใช้พู่กันเขียนข้อความลงบนกระดาษแผ่นใหม่จนเสร็จสิ้นแล้วนำใส่ไว้ในถึงเดิมเรียกคนมานำสารไปก่อนที่จะเร้นกายลักลอบเข้าวังหลวงไปพบผู้เป็นใหญ่ในห้องอักษรของพระองค์ลับๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×