คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 16 บังเอิญ
ตอนที่
16
แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีกเล่า
ภาพเบื้องหน้าปรากฏการไล่ล่ากันอย่างดุเดือดของเหล่าคนชุดเทาไม่ต่ำกว่าสิบคนกับชายบุรุษที่ตลอดทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าสีแดงรวมไปถึงใบหน้าที่มีผ้าคาดไว้
ขณะที่นางกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆบนเนินเขาอย่างไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องโดยแม้แต่น้อย
แต่ทำไมผู้ที่กำลังถูกคนนับสิบไล่ตามหมายสังหารอยู่นั้น
ถึงได้มีลักษณะที่คุ้นตาเช่นนี้เล่า คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน กำผลไม้ในมือแน่น
“ เฟิ่งหู่? ” จะมีอยู่กี่คนที่สวมชุดสีแดงเด่นขนาดนั้นเล่าและที่นางรู้จักก็เห็นจะมีอยู่ผู้เดียว
ทันทีที่นึกออก หญิงสาวก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างนึกขัน
เห็นทีคงโดนจับได้แล้วกระมังถึงได้หนีหัวซุกหัวซุนมาขนาดนี้
เบลล่าแค่นยิ้มออกมาแล้วสนใจผลไม้ในมือต่อ
ร่างบางเอนกายบนกิ่งไม้ใหญ่อย่างเกียจคร้าน
ไม่ใคร่จะสนใจกับการต่อสู้ที่อีกไม่นานก็รู้ผลแพ้ชนะ นางเพียงปล่อยให้สายลมพัดผ่านร่างบางระหงในชุดสวยสีฟ้าเย็นตา
วันนี้นางแต่งกายเป็นเหมือนจอมยุทธ์ทั่วไปเพียงแต่ดูรัดกุมและคล่องตัวมากขึ้น
แม้ใบหน้าจะงามพิลาศจนเป็นที่สังเกตก็ไม่คิดจะหาอะไรมาปิดบัง เพียงไม่นานเสียงการต่อสู้ก็หยุดลง
เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาในโสตประสาท
ทำให้เบลล่าลืมตาขึ้น ปรายตาไปมองที่มาของเสียงแล้วหลับตาลงดังเก่า ก่อนจะเอ่ยเย้าบุรุษผู้มาใหม่
“ ฝีมือแย่ลงหรือเปล่า ”
“ ท่านรู้ว่าข้าถูกรังแกแต่ไม่ยื่นมือเข้าช่วย
เป็นท่านที่เลือดเย็นขึ้นหรือไม่ ” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าหญิงสาวอย่างตัดพ้อ
มือหนาปลดผ้าคลุมศีรษะและใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ขาวซีด
มีเพียงเรียวปากที่แดงระเรื่อ คล้ายดั่งปีศาจร้ายที่มาล่อล่วงหญิงสาวให้หลงใหล
ดวงตาเรียวดั่งหงส์ที่ปกติจะฉายแววสังหารอยู่ตลอดเวลาถูกแทนที่ด้วยความขี้เล่น
เปลี่ยนบุคลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที
เขากระโดดขึ้นมาบนกิ่งไม้ที่หญิงสาวนอนอยู่
นั่งห้อยขาลงช้อนศีรษะของหญิงสาวมาวางบนตักตนอย่างถือวิสาสะพร้อมทั้งมองใบหน้างามของหญิงสาวอย่างแสนจะคิดถึง
นายท่านเข้าป่ามาล่าปีศาจกระมัง เจ้าไป๋หู่จึงไม่ได้อยู่ข้างกายนาง
เบลล่าปรือตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้เป็นเจ้าของตักที่นางหนุนนอน
เขาแย้มยิ้มออกมาเต็มหน้าจนน่าหมั่นไส้
“ ได้เรื่องอย่างไรบ้าง ”
เสียงหวานเจือแววเกียจคร้านเอ่ยถาม แล้วพริ้มตาลงอีกครา
“ ดูเหมือนจะมีคนลงมือไปก่อนข้าเสียแล้ว
” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น ใบหน้าแปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยความกระหายเลือดอย่างที่เขาไม่เคยแสดงให้หญิงข้างกายได้เห็น
ตัวเขารึอุตส่าห์ลักลอบเข้าไปในห้องนั้น
แต่กลับพบว่าของได้ถูกชิงไปก่อนแล้ว
ทั้งยังพวกหน้าเหม็นนั้นที่เข้าใจว่าเขาเป็นคนเอาหนังสือนั่นไป
ไล่ตามเขาไม่ยอมลดละ ยิ่งคิดก็ยิ่งให้โมโหนัก คนอย่างเขาเคยทำงานพลาดเสียที่ไหนเล่า
“ ก็ไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเท่าใดนัก ”
หญิงสาวถอนหายใจออกมา
“ ท่านรู้ได้อย่างไร
เช่นนั้นใครเป็นคนชิงของไปเล่า ขอรับ ” ชายหนุ่มงงงวยเข้าไปใหญ่เมื่อได้ฟังคำพูดที่ออกจากปากนาง
“ ฝั่งรัชทายาทน่ะ ไม่ใช่ข้าให้ไป๋หู่ไปแจ้งเจ้าว่าให้ยกเลิกภารกิจแล้วรีบกลับจวนแล้วหรอกหรือ
” ดวงตาคู่งามที่ต้องแสงจนการเป็นสีน้ำตาลงดงามลืมขึ้นมองใบหน้าเหนือร่างตนอย่างสงสัย
เฟิ่งหู่ขมวดคิ้วไตร่ตรองอยู่พักนึงก่อนจะนึกอะไรออก
“ เจ้านั่นโพล่มาบอกข้าว่า ‘รีบกลับ’ แล้วก็หายไป ข้าก็เข้าใจว่าให้รีบไปเอาของแล้วรีบกลับจวนเสียอีก
” พูดไปก็กัดฟันเข่นเขี้ยวไป ได้ยินดังนั้นเบลล่าก็หัวเราะออกมา
ยิ่งทำให้ชายหนุ่มกระฟัดกระเฟียดเข้าไปใหญ่
“
เหตุใดท่านจึงส่งเจ้าคนไม่มีปากนั่นมาเล่า ” คนอื่นมีตั้งถมเถไป
นางก็รู้ว่าเขาทั้งสองไม่ค่อยจะลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร เกิดวันนี้เขาพลาดท่าตายไปจะทำอย่างไรเล่า
“ เป็นคนอื่นจะตามหาเจ้าพบรึ
เจ้าอยู่กับเขามาตั้งนานยังไม่ชินอีกหรือไร ”
อีกเหตุผลคืออยากให้คนทั้งสองได้สนิทกันมากขึ้น
เพราะมันอาจจะทำให้พวกเขาเลิกเกลียดขี้หน้ากันเสียที ถึงอย่างไรก็มีฝีมือจนหาตัวจับยากทั้งคู่
“ ใครมันจะไปชินได้กันเล่า ”
เขาพึมพำออกมาทั้งที่ใบหน้ายังบูดบึ้ง คอยดูเถอะถ้าเขาได้เจอหน้าเจ้านั่น
เขาจะจับมันมาสั่งสอนให้หนำใจ
“ เอาหน่าๆ
ขอพักสายตาสักครู่ก่อนเข้าเมืองเถิด ”
ร่างบางพลิกกายเข้าหาหน้าท้องใต้ร่มผ้าที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
การขยับตัวกะทันหันทำให้ชายหนุ่มถึงกับตกใจด้วยกลัวหญิงสาวจะร่วงลงไป
แม้จะไม่สูงนักแต่ก็คงเจ็บเอาเรื่อง
มือหนารีบรนรานประคองร่างนุ่มนิ่มของนางให้เข้าที่แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ฝ่ายเขาเองก็พิงกายกับลำต้นที่มีขนาดมหึมาพักสายตาไปเช่นกัน แต่มือใหญ่ยังคงคอยประคองร่างบางเพื่อกันไม่ให้ตกลงไปอยู่ตลอด
โดยทั้งสองไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าสีแดงและฟ้าของชุดตนมันช่างตัดกับสีของใบไม้รอบข้างเพียงใด
และมันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาพลางตัวกับผืนป่าได้เลยซักนิด
เสียงอะไร..
แพรขนตางอนกระพริบสองสามทีก่อนจะลุกพรวดขึ้นเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามา
ดวงตาเรียวกวาดมองไปทั่วบริเวณอย่างระวังภัย พบว่าคนข้างกายก็ตื่นตัวไม่ต่างจากตน
คนทั้งสองสบตากันก่อนจะกระโดดแยกไปหาที่หลบซ้อนกันอย่างรู้งาน
เสียงฝีเท้าที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินของผู้ที่ถูกไล่ตามหยุดลงที่บริเวณนั้นพอดี ทำให้คนชุดเทาที่ตามมารีบล้อมวงตีกรอบบุรุษชุดดำทันที
เจ้าพวกนี้อีกแล้วหรือ
เบลล่ามองภาพเบื้องล่างซึ่งห่างไม่ไกลจากที่นางซ้อนตัวอยู่มากนัก
แล้วหันไปสบตากับเฟิ่งหู่ที่อยู่บนต้นไม้อีกต้น เขาเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
หรือจะเป็นคนของรัชทายาท นางจับจ้องไปที่บุรุษชุดดำเขม็ง
ให้รู้สึกคุ้นเคยกับแผ่นหลังและลักษณะของเขาชอบกล แม้ใบหน้าจะถูกบดบังด้วยผ้าก็ตาม
เขาจะลงมือด้วยตัวเองเชียวหรือ
แต่คนทั้งสองก็เลือกที่จะยังคงนิ่งสังเกตการณ์ต่อไป
กลบเกลื่อนตัวเองไม่ให้ใครรับรู้ถึงการคงอยู่ของตนอย่างแนบเนียน
เพียงไม่นานเหล่าบุรุษเบื้องล่างก็ตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด
เห็นได้ชัดว่าถึงบุรุษชุดดำจะตัวคนเดียว
แต่เหล่าผู้ไล่ล่าอีกสิบกว่าคนนั้นหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาไม่
การต่อสู้ดำเนินไปไม่นานก็รู้ผล
เขาพลิกกายเตรียมจะจากไปก็ต้องชะงักกายเมื่อถูกมือของคนที่นองไปด้วยเลือดดึงเอาไว้สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
ชายหนุ่มตัดสินใจเงื้อดาบขึ้นเพื่อจะฟันซ้ำลงบนร่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนทิศทางเบี่ยงตัวหลบกริชที่พุ่งมาทางด้านหลัง
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อขาของเขาถูกพันธนาการไว้ ทำให้มันปักเข้าที่ต้นแขนด้านขวาของเขาอย่างจัง
เขาฟันแขนของบุรุษเบื้องล่างแล้วกระโดดถอยหลังออกมา
ตั้งท่ารับมือผู้มาใหม่อีกนับสิบอย่างตื่นตัว
ร่างบางในเงามืดถึงกับสูดหายใจเข้าอย่างเผลอตัว
การต่อสู้ครั้งใหม่บนศากศพเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่กลับปรากฏสิ่งที่แตกต่างออกไป
เมื่อบุรุษที่ควรจะมีวรยุทธ์เหนือกว่ากลับมีท่าทีอ่อนแอลง การออกดาบเริ่มเชื่องช้าจนทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายตั้งรับแทน
เบลล่าจับจ้องไปที่ต้นแขนขวาของเขาก็รู้สาเหตุ
กริชนั่นมีพิษ
คิ้วบางขมวดกันมุ่นตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยื่นมือเข้าช่วยเขาดีหรือไม่ ในเมื่อนางเอ่ยไปแล้วว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้
หญิงสาวจ้องภาพเบื้องหน้านิ่ง ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่าง
เบลล่าหันไปหาเฟิ่งหู่ก่อนส่งสัญญาณให้เขาช่วยคน
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ยกผ้าปิดบังใบหน้าแล้วลงมือตามคำสั่งทันทีโดยไม่มีข้อสงสัยหรือคำถามอะไร
การลงมือของเขาทั้งเลือดเย็นและเด็ดขาด เพียงไม่กี่อึดใจคนเหล่านั้นก็หมดลมหายใจไปอย่างไม่ตั้งตัว
ร่างหนาในชุดดำกำบาดแผลแน่น
จ้องมองเฟิ่งหู่อย่าหวาดระแวง เขาในตอนนี้รับมือกับบุรุษผู้นี่ไม่ไหวแน่
ยิ่งฝีมือของเขาไม่ธรรมดาด้วยแล้ว แม้อยากจะหลับเพียงใดก็ฝืนไว้
ถึงอย่างไรตนต้องเอาสมุดเล่มนี้ไปให้ได้
มือหนาประทับลงบนที่อยู่ของหนังสือภายใต้ร่มผ้าแน่น
เฟิ่งหู่ทำหน้าที่ของตนเสร็จก็ยืนนิ่งรอรับคำสั่ง
เขามองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม
เจ้านี่กระมังคือคนได้หนังสือที่เขาต้องการไป
คนทั้งสองจ้องตากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร
“
ร่างกายอันสูงส่งของท่านเหตุใดจึงมาเกลือกกลั้วตรากตรำทำงานเองเช่นนี้เล่า ”
เสียงหวานเจือความเบื่อหน่ายสายหนึ่งดังขึ้นก่อนจะโผล่ออกมาจากที่หลบซ่อน
เยื้องย่างมายืนอยู่หน้าคนชุดดำที่บัดนี้ปักดาบลงบนพื้นเพื่อฝืนตนเองไว้
เฟิ่งหู่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจนัก เขาขยับกายมายืนข้างนางอย่างระวังภัย
“ เป็นเจ้า ”
ดวงตาของเขาฉายแววตกตะลึงก่อนจะเป็นความดีใจ ร่างกายคลายเกราะระวังภัยออกทันที
น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงก่อนที่โลกทั้งใบจะวูบดับลง
ครึกก.. ร่างหนาร่วงลงบนพื้นทันที
คนทั้งสองมองภาพตรงหน้าอย่างเฉยชา
ไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปรองรับแต่อย่างใด
“ เจ้าแบก ”
เบลล่ากรอกตาเอ่ยออกมาแล้วหันหลังเดินทันที ชายชุดแดงมองร่างหนาบนพื้นอย่างปรงตก
เจ้านี่มันตัวใหญ่กว่าข้าอีกนะนายท่าน
และแล้วก็เป็นนางที่ต้องมาช่วยเจ้าเฟิ่งหู่ประคองร่างใหญ่ของชายผู้ต้องพิษจนได้
จะให้เมินเฉยได้อย่างไรเล่า เขาเปรียบดั่งจิ่งจอกหิมะที่สูงโปร่งปราดเปรียว
แต่เจ้ารัชทายาทนี่มันหมียักษ์ชัดๆ นางล่ะไม่เข้าใจผู้ชายร่างโตๆเสียที
ไม่รู้ว่าตอนเด็กพ่อแม่ยัดอะไรเข้าไปถึงได้ตัวใหญ่เช่นนี่
ยังดีที่นางแตะต้องร่างของเขาได้
ไม่เช่นนั้นคงได้ปล่อยตายอยู่กลางป่า
คราก่อนที่พบกันครั้งแรกเข้าใจว่าเขาเคยมีสัมพันธ์กับหญิงสาวแล้วเสียอีกจึงไม่กล้าแตะต้อง
ตลอดการรักษาต้องเอาผ้ามาพันมือพันแขนตลอด เป็นเพราะนางขี้ระแวงไปเองหาเรื่องยุ่งยากโดยแท้
เหอ หรือว่านางตัวเล็กไปหนอ นางคิดไปพลางถอนหายใจไปพลาง
เส้นทางที่มุ่งหน้าไปตอนนี้คือเรือนสมุนไพรของนางที่ตั้งอยู่ริมลำธารซึ่งเป็นต้นน้ำที่เข้าไปยังเมืองหลวง
โดยที่ต้องแบกคนตัวโตที่สลบไสลไปเพราะต้องพิษนี่ไปตลอดทาง
คนทั้งสองที่รู้สึกหนักและเริ่มเหนื่อยอ่อนเลือกที่จะไม่พูดคุยอะไรกันเพื่อจะประหยัดแรงยังคงมุ่งหน้าเดินไปเรื่อยๆ
แม้ระยะทางมันไม่ได้ไกลอะไรนัก
แต่ต้องพยุงคนนี่ซิงานหนัก ยังดีที่นางรู้จักพิษนี้และได้ให้ยาถอนพิษติดตัวไว้กับเฟิ่งหู่ไว้ก่อนที่จะไปทำภารกิจแล้วด้วยรู้ดีว่าสำนักของคนชุดเทานั้นต้องใช้ยาพิษชนิดนี้
หมอนี่ไม่รู้จักสืบเกี่ยวกับกำลังคนหรืออาวุธที่พวกมันใช้
แต่กลับใจกล้าหน้าด้านเข้าไปเอาของเขามาดื้อๆอย่างนี้น่ะหรือ หึ
สมควรแล้วที่ถูกพิษเล่นงาน
ยาถอนพิษก็ทาไปแล้วเหตุใดเขายังไม่ฟื้นอีกเล่า
พิษตัวนี้ทำให้ผู้ที่โดนอ่อนแรงลงจนหมดสติ คงมิใช่ว่า..
เบลล่าคว้าข้อมือของเขามาจับชีพจรทันที
เป็นผลให้ผู้ร่วมชะตากรรมอีกคนหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันมามองอย่างฉงนเขาถอดผ้าปิดบังใบหน้าออกไปนานแล้ว
ก่อนจะอำนวยความสะดวกให้โดยขยับร่างที่แน่นิ่งมาประคองไว้คนเดียว
“ เขาโดนพิษมาก่อนหน้านี้ ” เบลล่าส่งเสียงจิ๊จ๊ะเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
นางประมาทเองที่ไม่ได้ตรวจสอบเขาก่อนจะให้ยา คิดว่าโดนแค่พิษตัวเดียวแท้ๆ
“ รีบเดินทางเถิด ”
ว่าจบก็คว้าแขนของเขามาคล้องคอพยุงร่างหน้าแล้วเดินหน้าต่อไปยังเป้าหมายซึ่งอยู่อีกไม่ไกลนัก
เพียงไม่นานคนทั้งสามก็มาถึงกระท่อมหลังย่อมมีสายธารอยู่ด้านหลังสะพานไม้ตัดผ่าน
ไม่อยากจะนึกหากหญิงสาวเผลอเลอทำยาพิษตกลงไปในต้นน้ำนี้จะเป็นเช่นไร
เหตุที่มันยังอยู่ดีไร้การบุกรุกก็เพราะแทบนี้คนของนางคลุมไว้เกือบหมดผืนป่าแล้วล่ะซิ
และอีกอย่างไม่ไกลจากนี้ก็คือจวนของนางแล้ว ใครมันจะกล้ามายุ่มย่ามแถบนี้กันเล่า
เมื่อถึงที่หมายคนทั้งสองก็พร้อมใจโยนร่างหน้าลงบนแคร่ไม้ตัวใหญ่ทันที
เบลล่าทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นอย่างหมดสภาพ
เหลือบตามองไปยังเฟิ่งหู่ที่ตอนนี้เพียงโบกพัดที่มักจะอยู่คู่กายเขาเสมอในมือไปมา
แต่นางก็มองออกว่าเขาก็มีสังขารไม่ต่างไปจากตนเท่าใดนักหรอก
หลังจากปรับลมหายใจให้เข้าที่
เจ้าของร่างบางก็เริ่มวิเคราะห์หาพิษทันที ก่อนหน้านี้นางได้ใช้พลังชะล้างปรับลมหายใจของเขาให้เป็นปกติแล้ว
แต่ก็ยังมีพิษหลงเหลืออยู่สัมผัสได้ว่าไม่ร้ายแรงนักแต่หากทิ้งไว้นานๆก็คงไม่ดีเท่าใดนัก
เบลล่านิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง โดยมีเจ้าของชุดแดงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างกายซึ่งทำเพียงยืนมองนิ่งๆมิได้เข้ามาก่อกวนใดใด
“ สมุนไพรเหล่านี้เราไม่มี เจ้าเข้าไปซื้อในเมืองให้ข้าที
” ฟางหรงว่า
ฝั่งชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ถอดเสื้อตัวนอกออกมากลับด้านจากแดงเป็นขาวเพื่อลดความโดดเด่นของตนลงเมื่อต้องเดินทางเข้าเมือง
รอรับใบรายการสมุนไพรจากมือเล็ก
“ แล้วข้าจะรีบกลับมา ”
เขาเอ่ยวาจาก่อนเดินจากไป
ปล่อยหญิงสาวไว้ในกระท่อมกว้างเพียงลำพัง
หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างเหนื่อยอ่อนพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
น่าจะบอกให้เขาเอาอาหารมาให้ด้วย
ผลในป่าไม่ได้ช่วยอะไรได้นานนัก
ยิ่งต้องมาหมดพลังงานบุรุษผู้นี่ไปเสียเยอะด้วยแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ใต้แพรขนตายาวเหลือบขึ้นมองร่างของผู้ที่ไร้สติอย่างหนักใจ
เมื่อคำนวณถึงปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลังแล้วให้ละเหี่ยใจชอบกล
พอเขาฟื้นแล้วค่อยไล่ไปละกัน
ถึงอย่างไรบุรุษผู้นี้ก็มีสายเลือดของฮ่องเต้ดื้อด้านนั่น
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี
เบลล่าที่ออกไปเก็บสมุนไพรที่ปลูกไว้ไม่ไกลจากตัวบ้านก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังอีกฝากของลำธาร
พบว่าเป็นบุรุษที่นางรอเขาอยู่หากแต่เหตุใดเขาจึงมีสีหน้าเหมือนโดนผู้อื่นขโมยหม้อข้าวเช่นนั่นเล่า
เมื่อละสายตาไปด้านหลังก็พบกับอีกคนที่เห็นแล้วก็จำได้ทันที
ผู้ที่เคยถือยศเป็นองค์ชายสิบสี่
เสวี่ยถิง เขาก้าวเดินมาด้วยความนุ่มนวลทำให้ผู้มองรู้สึกสบายตาในมือของเขาถือห่อผ้ามาอย่างทะนุถนอม
และคนสุดท้ายที่หญิงสาวไม่คิดแปลกใจกับการมาของเขาเลยแม้แต่น้อย
องครักษ์เงาผู้ไร้อารมณ์ ไป๋หู่
“ ไม่คิดว่าท่านจะมา ” ทันทีที่พวกเขามาถึง
เบลล่าก็เป็นฝ่ายทักทายบุรุษซึ่งมีอาภรณ์สีเดียวกับนางก่อนเป็นคนแรก
“ พอดีข้าเจอเขาที่ร้านยาน่ะ
จึงรู้แน่ว่าเขาต้องไปซื้อยาไม่ก็สมุนไพรให้ท่าน จึงได้นำสำรับอาหารมาส่งให้ ”
ใบหน้าของเขาประดับยิ้มอ่อนโยนให้นางพลางตอบคำถาม
ฝ่ายหญิงสาวก็แย้มยิ้มออกมาอย่างขอบคุณ
ส่วนผู้ถูกกล่าวถึงทำเพียงกรอกตาขึ้นฟ้าเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
“ ข้านำยามาให้แล้ว ท่านจะลงมือรักษาเขาเลยหรือไม่ขอรับ
” ชายหนุ่มหยิบห่อผ้าที่ผูกไว้กับไหล่ออกมาถือไว้
“ จริงซิ ข้าได้ยินว่า‘เขา’โดนพิษมา ” เสวี่ยถิงเอ่ย เป็นที่รู้กันว่า
“เขา” ในที่นี้คือผู้ใด
“ อืม แต่ข้ารักษาไปบ้างแล้ว
ตอนนี้อาการไม่หนักมากเท่าไรเพียงต้องถอนพิษออกให้หมดก็เท่านั้น ”
เสียงหวานกล่าวออกมาอย่างเบื่อหน่าย ยื่นมือไปขอเหล่าสมุนไพรในมือของเฟิ่งหู่มาตรวจดูก่อนจะยกยิ้มพอใจ
หันหน้าเดินไปทางกระท่อมโดยมีเสวี่ยถิงเดินตามไปไม่ห่าง
ทิ้งให้สองคนด้านหลังยืนอยู่ข้างแปลงสมุนไพรเช่นเดิม
ทันทีที่หญิงสาวเดินพ้นรัศมีไป ใบมีดปริศนาก็บินเข้าใส่ร่างของบุรุษผมเงินทำให้เขาต้องพลิกกายหลบตามสัญชาตญาณ
เขาหรี่ตามองไปที่ผู้ปล่อยอาวุธนิ่ง
“ เพราะคำพูดแสนสั้นของเจ้า มันเกือบทำข้าตาย ” ใบหน้าหล่อเหลายามนี่เต็มไปด้วยความครุกรุ่น
รอคนตรงหน้าพลั้งเผลอเขาพร้อมจะสังหารมันได้ทุกเมื่อ
“ เจ้า โง่ ” ไป๋หู่มองชายตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
จนทำให้คนมีอารมณ์เต้นผางๆอย่างแค้นเคือง
“ วันนี้หากข้าไม่ได้เอามีดเฉือนปากเจ้า
อย่าเรียกข้าว่า เฟิ่งหู่ ” พัดในมือที่ในยามปกติมันยังคงเป็นเพียงพัดที่สวยงาม
ตอนนี้เขากดไปที่ปุ่มกลไกของมันทำให้ใบมืดโพล่ออกมา
มันคืออาวุธที่นายท่านสั่งทำเพื่อเขาโดยเฉพาะ เขาแทบจะไม่ใช้งานมันเลยด้วยซ้ำ
และไป๋หู่คือผู้โชคดีที่ได้รับมือกับมันเสียบ่อยครั้ง
“ งี่เง่า ” สิ้นคำ
สองบุรุษที่ถูกฝึกวรยุทธตั้งแต่เด็ก
จนมาเลือกเอาดีทางด้านการสังหารและลอบฆ่ามากกว่าการออกรบเป็นกองทัพพุ่งเข้าประชันฝีมืออย่างไม่มีใครยอมใคร
ฝั่งโหลวฟางหรงที่เดินไปเกือบจะถึงตัวกระท่อมอีกไม่ไกล
ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่แม้ไม่ดังนักแต่นางกลับสัมผัสมันได้
ก็ต้องขมวดคิ้วแล้วเดินวกไปทางที่เพิ่งจากมา
ชายหนุ่มด้านหลังแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร จนไปถึงที่ซึ่งมองเห็นภาพการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
ร่างทั้งสองเคลื่อนไหวว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ แม้ไม่ได้ใช้พื้นที่ในการต่อสู้มากมายนัก
แต่นี่มัน.....
“ ออกไปฆ่ากันให้ไกลจากแปลงสมุนไพรของข้า
เจ้าพวกโง่!!!!!! ”
ผืนป่าที่แสนจะสงบต้องสะเทือนเป็นวงกว้างเมื่อเจอเข้ากลับเสียงของสตรีผู้โกรธเกรี้ยว
นกที่ยังอาศัยอยู่บริเวณนั้นต่างบินหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ยามนี่ราวกับมีลาวาปะทุอยู่ในหัวของนาง
นางพยายามหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์
แม้แต่บุรุษข้างกายตอนนี้ยังอดขวัญผวาจนข้าวของในมือเกือบล่วงมองนางอย่างตื่นตระหนก
ลืมแม้กระทั้งรักษาภาพพจน์ของคุณชายผู้อ่อนโยนไปสิ้น
เมื่อลืมตาขึ้นอีกที
ก็ไม่ปรากฏร่างของคนทั้งสองอีกต่อไปแล้ว เบลล่าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หันไปมองสีหน้าแตกตื่นของคนข้างกาย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ ไปหาเขากันเถิด ” แล้วเดินนำไป
สวามีรองผู้รักสงบ
ที่มา : https://huaban.com/pins/785441448/
ความคิดเห็น