ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนาสตาเซีย แห่งการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 11 เงาในความทรงจำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 281
      10
      22 ก.พ. 61


    ตอนที่ 11

     

    เมื่อชำระร่างกายจนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เจ้าของร่างผอมบางแต่กลับมีบางสิ่งที่ใหญ่เกินตัวไปหน่อยกำลังสวมชุดที่เตรียมไว้สำหรับเข้านอน โดยมีคนตัวสูงที่ได้ออกไปอาบน้ำอีกห้องหนึ่งคอยช่วยจัดแต่งให้อย่างใส่ใจ

     

    เขาเป็นเช่นนี้เสมอแม้ฐานะจะสูงส่งแต่ก็คอยดูแลนางไม่ห่าง ถึงแรกๆเขาจะยังไม่คุ้นชิน แต่ตอนนี้กลับทำได้คล่องมือยิ่งนัก

     

    หึ ฐานะเขาธรรมดาที่ไหนเล่าแต่กลับมาคอยดูแลนางเช่นนี้

     

    ทุกครั้งแม้จะอาบน้ำพร้อมกัน เขาก็จะเสร็จก่อนเสมอหรือว่านางอาบน้ำช้าอันนี้ก็สุดแต่จะรู้ ทั้งยังจัดการตัวเองเสียเสร็จสรรพ แล้วก็จะมาช่วยนางแต่งตัวเช่นนี้ ไปจนถึงจับให้นั่งลงหน้าคันฉ่อง หวีเส้นผมนางอย่างเบามือ

     

    เบลล่ามองเขาผ่านเงาในคันฉ่องจนไฟแทบลุกดวงตาเป็นประกายวาววับ แต่คนหน้าสวยก็ไม่ได้มีทีท่าให้ความสนใจ มือที่จับเส้นผมอันนุ่มลื่นด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าที่เคยส่งยิ้มเย้ายวนของโฉมงามพลันค่อยๆหายไป ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบจนรู้สึกอึดอัด

     

     

    " พอเถอะ " ในที่สุดฟางหรงก็ทนต่อบรรยากาศแบบนี้ต่อไปไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากขัด แล้วลุกขึ้นเบี่ยงตัวหลบจากเขาไปคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมและมัดจนเรียบร้อย

     

                   เป็นเช่นนี้ทุกที เขามักหายตัวไปนานๆ พอนางไปหาที่ค่ายของเขากลับไม่เจอ นางกับเขาแม้เข้าเรือนหอกันแล้วแต่ก็หาได้มีสัมพันธ์ไม่ ด้วยตอนแต่งงานเขาก็ยังทำตัวราวกับเด็กน้อย แต่งเข้ามาและปฏิญาณคำสัตย์กับนางตอนอายุ 24 ปี แต่ทำแค่เพียงนอนกอดกันก็เท่านั้น

     

                        เยว่เทียนพึ่งจะเปิดเผยตัวว่าตนเป็นใครเมื่อตอนอายุได้ 25 กระมัง หลังจากแก้แค้นแทนวังอ๋องของเขาสำเร็จ จากนั้นมาเขาก็เหมือนกับเป็นคนอีกคน เย็นชาขึ้นกว่าเดิมมากนัก ทั้งยังมีกลิ่นอายสูงส่งแปลกๆ นางเคยเจอเขาตอนที่เป็นแม่ทัพหน้ากากปีศาจอยู่สองสามครั้ง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเช่นนี้เลย

     

    หญิงสาวสบกับดวงตาเย็นชาที่เมื่อหากมองลึกลงไปจะเห็นความรวดร้าวอยู่บางเบา และยืนมองอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ เขาปล่อยผมสีดำที่ยามสลวยลงมาละข้างแก้ม ให้ความรู้สึกเหมือนมีเทพบุตรรูปงามมายืนอยู่ตรงหน้า สุดท้ายเบลล่าก็ถอนหายใจออกมา แล้วหมุนตัวเดินเตรียมจากไป

     

    ถึงอย่างไรเขาก็เย็นชาจนเกินไป

     

    ฉับพลันรู้สึกได้ว่าเอวบางของตนถูกรัดเข้าสู่อ้อมแขนที่อบอุ่น ทั้งยังรู้สึกหนักที่บ่าซ้าย นางไม่ได้ขยับหนียืนนิ่งให้เขากอด บรรยากาศรอบข้างบังเกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง

     

     เป็นหญิงสาวที่เอ่ยปากขึ้นก่อน

     

    " ปล่อยเถิด ข้าจะกลับเรือน " หญิงสาวรู้สึกเริ่มเปียกชื้นบนบ่าเล็กที่เขาสบอยู่ ทั้งยังอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้น จนต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

     

    นี่เขาร้องไห้รึ เรื่องแค่นี้ถึงกลับทำให้คนเย็นชาอย่างเขาหลั่งน้ำตา ตลกไปหน่อยมั้ง

     

    " เทียนเทียน " เสียงหวานพูดออกมาอย่างอ่อนแรง พยายามแกะมือของเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล มันกลับยิ่งกระชับขึ้น

     

    " ข้าขอโทษ " เสียงทุ้มสั่นเครือเปล่งเสียงออกมาข้างหูนางเบาหวิว

     

    " ท่านไปนอนเถิด " นางยังคงใจแข็งไม่ยอมหันไป

     

    " คืนนี้นอนที่นี้เถอะนะ นะหรงเอ๋อร์ " เขาส่งเสียงออดอ้อนสองมือจับไหล่บาง หมุนตัวหญิงสาวมาให้เผชิญหน้ากับตัวเอง แล้วส่งสายตาเว้าวอน บนหน้าของเขามีคราบน้ำตา และยังคงมีน้ำตาคลออยู่

     

    ฝ่ายหญิงสาวใกล้จะใจอ่อนเต็มที แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนมีเงาของใครบางคนมาทับซ้อนกับคนตรงหน้า หากแต่ไม่ชัดเจนมากนัก แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก

     

    ใบหน้าที่เหมือนกันแต่เหตุใดสีผมถึงต่างกันเล่า ทั้งยังมีกลิ่นอายน่ากลัวกว่าบุรุษตรงหน้าหลายเท่าตัวเสียด้วย

     

    เจ้าของร่างระหงกระพริบตาปริบๆ สะบัดหัวไล่ความคิด แล้วยิ้มอ่อนโยนออกมาอย่างจนปัญญา

     

    " ท่านอ้อนเป็นแล้วรึ " นางเอ่ยเย้า ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ยิ้มมีเลศนัยมุมปากขึ้นมา

     

    ที่แท้นางก็แค่แกล้งเขา หาได้โกรธจริงจังไม่

     

    " ว๊าย " คนถูกช้อนร่าง โดยไม่ได้ตั้งตัวเผลอร้องตกใจออกมา ก่อนจะคล้องลำคอแกร่งเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

     

    เขาหมุนตัวพาหญิงสาวไปวางลงบนเตียงอย่างเบามือ และนำตัวเองตามไปด้วย เพียงแค่สะบัดมือสายลมสายหนึ่งก็ตรงเข้าไปหาเปลวเทียนจนมอดดับลง

     

    ร่างบางที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนถูกรวบเข้าสู่อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นโดยไม่ได้ขัดขืน

     

    " อุ่นขึ้นหรือไม่ " เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ ถามอย่างเป็นห่วงกระชับผ้าห่มให้คนในอ้อมกอดอย่างเอ็นดู

     

    " อืมม " เสียงหวานครางออกมา ได้รับความอบอุ่นเช่นนี้ทีไรนางจะหลับทุกทีเลยซิหน่า

     

     

    ผ่านไปสักพักเสียงหวานจึงเอ่ยถามขึ้น

     

    “ นี่จะนอนกอดกันเฉยๆรึ ” แม้จะรู้คำตอบแต่ก็ยังแอบหวังไม่ได้

     

    “ หรงเอ๋อร์ของข้า อย่าหื่นนักเลย ” เขาเอ่ยเย้าทั้งยังกระชับผ้าห่มและอ้อมแขนเข้าหาร่างบาง

     

    หญิงสาวทำได้เพียงหายใจฟึดฟัดอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่ได้ผละออกจากอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นแต่อย่างใด

     

    ร่างกายของเยว่เทียนทำให้นางอบอุ่นที่สุดแล้วกระมัง อ่อ ยังมีเพ่ยอิงอีกคน ที่นางไม่ต้องร่วมรักเพียงแค่กอดไว้เฉยๆก็เพียงพอแล้ว

     

    อ้อมกอดของเขานั้นชวนให้นางง่วงเหงาหาวนอนที่สุด ให้ความคุ้นเคยอย่างไรบอกไม่ถูก แต่สำหรับเพ่ยอิงนั้นให้ลักษณะที่ทำให้รู้สึกทั้งเย็นสบายและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน  หากแต่ก็ทำให้นางเพิ่มธาตุหยางได้มากโขทีเดียว คิดไปเพลินๆได้ไม่เท่าไรก็รู้สึกหนังตาของตนนั้นเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆและเข้าสู่ห้วงหลับฝันไปในที่สุด

     

    เยว่เทียวสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนในอ้อมกอดที่เขาเฝ้าทะนุถนอมเรื่อยมา ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก้มลงจูบบนศีรษะได้รูปของนางอย่างแสนคิดถึง แล้วจึงหลับตามไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×