คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 แล้วพบกันใหม่
ตอนที่
6
ชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งอยู่กลางกระท่อมที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก
แต่ข้าวของถูกวางในตำแหน่งที่เป็นระเบียบ ขณะกำลังนั่งครุ่นคิดอะไรคนเดียวอยู่นั้น
ก็ได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอก แม้จะเบาบางนัก
แต่มีหรือที่คนที่มีวรยุทย์ระดับเขาจจะไม่ได้ยิน
นางกลับมาแล้วรึ
ไม่ใช่ ผู้มามีมากกว่าหนึ่ง
มือแกร่งคว้ากระบี่เบื้องหน้ามาถือไว้แน่น
เตรียมชักออกมา
พวกนั้นเหมือนจะล้อมกระท่อมหลังนี้ไว้และกำลังจะก้าวเข้ามาช้าๆ
มีไม่ต่ำกว่าห้าคนแน่ๆ
ฟังจากการเคลื่อนไหว ฝีมือล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
ดูท่าจะเก่งกาจกว่าชุดเก่าเป็นเสียด้วย
ร่างสูงกำกระบี่แน่น
แล้วเปิดประตูก้าวเดินออกไปอย่างระมัดระวัง
ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า
ไม่ต่างจากที่คาดไว้ รอบตัวกระท่อมมีคนชุดดำอยู่ถึงแปดคน
แต่ละคนโพกหน้าโพกตาเสียมิดชิด กลิ่นอายแห่งความตายโอบล้อมไปทั่ว
นักฆ่าเลยรึ
ครั้งที่แล้วยังเป็นเพียงทหารรับจ้างเท่านั้นเอง
หึ
ดูท่าเจ้าจะมีเงินใช่สอยเสียจนสะดวกมือเชียวนะ น้องพี่ มุมปากใต้หนวดเครายกยิ้มขึ้น
ทำให้หนวดขยับตามไปด้วย
เหล่าคนชุดดำนั้นถูกฝึกมาอย่างดี
เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงยิ่งระวังภัยมากขึ้น
จ้องมองบุรุษที่ใบหน้ามีหนวดหนาเฟิ้มอย่างพินิจพิเคราะห์
ก่อนคนเป็นหัวหน้าจะเอ่ยถามขึ้น
" ท่านใช่องค์รัชทายาทหรือไม่
"
" เรียกหลี่เหวิ่นก็พอสหาย
" ชายหนุ่มยิ้มออกมา กล่าวดำพูดเป็นมิตร
แต่ความกดดันที่ปล่อยออกมานั้นเล่นเอาซะหายใจแทบไม่ออก
พวกนักฆ่าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ก็มองตากันส่งสัญญาณว่าถูกตัวแล้ว
" ข้าอนุญาต
ก่อนที่เจ้าจะมอบชีวิตมาให้ข้า " ความกดดันรอบกายยิ่งมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
" เช่นนั้นคงต้องขอล่วงเกินแล้ว
"
สิ้นเสียงทั้งแปดคนก็ล้อมบุรุษหน้าหนวดเอาไว้ตรงกลางวงและเริ่มเปิดฉากการต่อสู้กันทันที
" เจ้าโดนนักฆ่าเหล่านี้รุมรึ
" เสียงหวานเปล่งออกมาอย่างตกใจ เมื่อนางมาถึงคนเหล่านี้ก็กลายเป็นศพหมดแล้ว
มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นนักฆ่า เห็นเพียงชายหนุ่มคนนี้นั่งก่อไฟอยู่ไม่ไกล
" อืม ไหนล่ะสัตว์ที่จะให้ย่าง
" เสียงทุ้มตอบอย่างขอไปที และเอ่ยถามฟางหรง
แต่ดวงตาคมคู่นั้นกลับมองเลยไปยังบุรุษผมเงินเบื้องหลังที่ยืนประกบหญิงสาวเอาไว้ไม่ห่าง
และมันกำลังมองเขาด้วยความเย็นชา ดูก็รู้ว่ามันไม่ไว้ใจเขา
" ไม่ต้องกงต้องกินกันแล้ว
แล้วนี่ทำไมไม่ไปสู้กันให้มันไกลจากกระท่อมของข้าหน่อยเล่า "
ชายหนุ่มผู้มีหน้าที่ปิ้งย่างมองตามสายตาของหญิงสาวไปก็เห็น 'เศษซาก'กระท่อม ก็ถึงบางอ้อขึ้นมา
เขาสู้กันยังไงให้ที่พักของนางย่อยยับเช่นนี้
อย่างกับโดนยักษ์ไซครอปวิ่งชน
" ข้ากลัวหลง "
เขาละสายตาออกมาแล้วตอบออกมาส่งๆ พร้อมทั้งดับไปที่พึ่งก่อ
และกลบด้วยดินอย่างชำนาญ
ทิ้งให้คนทั้งสองมองมายังตนตาค้าง
หลง!!! หมอนี่เนี่ยนะจะหลง -เบลล่า
คนผู้นี้!!
ดวงตาสีสวยของคนที่ไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกมาตั้งแต่ต้นหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจ
เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ -ไป๋หู่
" เอาเถอะๆ
เห็นทีข้าคงต้องย้ายที่พักหลังน้อยไปไว้ที่อื่น และเก็บกวาดที่นี้เสีย "
ฟางหรงถอนหายใจออกมา ก่อนจะส่งสายตาไปยังไป๋หู่เพื่อสั่งการ
เพื่อให้เขาให้คนมาจัดการที่นี่เสีย ชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นก็เข้าใจทันที
เขาพยักหน้าเบา
" เช่นนั้นก็แยกย้ายกันตรงนี้เถิด
ขอให้กลับไปอย่างปลอดภัย คอไม่หลุดออกจากบ่าไปเสียก่อนเล่า "
หมอนี่มันดาวทำลายล้างชัดๆ ไม่รู้ไปกระตุกหนวดใครมา ถึงได้โดนกัดไม่ปล่อยเช่นนี้
" ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ
หวังว่าข้าจะได้ตอบแทนเมื่อพบกันครั้งหน้า " เขาพูดและยิ้มอย่างมีเลศนัย
" เจอกันอีกทีก็โกนกนวดโกนเคราออกเสียหน่อยละกัน
" ทหารที่ชายแดนยังมีสภาพดีกว่าเขาเสียอีก
" หึหึ "
เจ้าของร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วหันหลังเดินจากไป
รอจนบุรุษผู้นั้นลับสายตาไปแล้ว
ไป๋หู่จึงเอ่ยขึ้น
" นั่นรัชทายาทมิใช่หรือขอรับ
" เรียกความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังมองกระท่อมหลังน้อยที่พึ่งพังทลายไปอย่างเสียดาย
" รัชทายาทแคว้นจ้าวนี่นะรึ
" เบลล่าหันไปถามบุรุษผมเงินด้านหลังด้วยความฉงน
" ขอรับ "
" เขาถูกส่งไปแคว้นเหยียนตั้งแต่
10 ขวบมิใช่หรือ แต่ทำไมเขาทำเหมือนข้าและเขารู้จักกันเล่า
" จำไม่เห็นได้ว่าเคยรู้จัก
" ตอนนั้นท่านถูกเรียกเข้าวังเพื่อไปสอนเขา
ก่อนที่จะถูกส่งไปยังแคว้นเหยียน ขอรับ "
ตอนนั้นเหมือนนางอยู่ชายแดนได้ยินข่าวมาบ้าง 15 ปีแล้วกระมัง
แปลกใจอยู่บ้างว่าเหตุใด้ถึงได้ส่งองค์ชายผู้เป็นถึงองค์รัชทายาทไปอยู่แคว้นอื่นเล่า
แม้ฮองเฮาซึ่งเป็นพระมารดาแท้ของรัชทายาทจะเป็นองค์หญิงของแคว้นนั้นก็ตาม
เมื่อเรียกนางเข้าเฝ้าแล้วมอบหมายหน้าที่มานางก็ทำตาม ไม่ได้จำมาใส่ใจ
จนถึงตอนนี้ก็พึ่งเหมือนจะจำได้รางๆ
" อืมม ความจำเจ้านี่ดีจริงๆ
" ไป๋หู่นั้นติดตามนางมานานแค่ไหนแล้วหนอ
" แล้วด้วยเหตุอันใด
ขาไปก็ไปอย่างสง่างาม แต่ขากลับถึงโดนไล่ล่ายังกับโจรเช่นนี่กันเล่า "
" เหมือนจะเป็นเรื่องภายใน
ฮ่องเต้นัันก็ชราภาพมากแล้วคงอยู่ได้อีกไม่นาน
เหล่าองค์ชายคงเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น "
เสียงแหบตอบออกมาอย่างเย็นชาซึ่งเป็นน้ำเสียงปกติของเขา
" เหอ
คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ขึ้นมาแล้วซิ ป่านนี้ท่านพี่ข้าคงจะงานยุ่งไม่น้อย "
แต่มีเจ้าหลานแสนซนพวกนั้นอยู่ด้วยบิดามารดาของนางคงไม่เหงามากนัก
" ข้าเกรงว่าตอนนี้อาจจะมีคนเข้าไปสร้างความวุ่นวายให้บิดาของท่าน
โดยการให้เลือกข้างเป็นแน่ขอรับ " ตระกูลโหลวสายตรงนี้ นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
ใครๆก็ต่างจะรู้ดี
ทั้งจิ้นฝูที่แม้จะก้าวลงจากตำแหน่งแล้วแต่ฮ่องเต้และขุนนางหลายคนยังให้ความเกรงใจ
เสนาบดีกลาโหมจิ่นอวี้
ที่ทหารเกือบทั้งหมดอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ใครบ้างเล่าจะไม่เกรงใจ
คนทั้งสองนั้นเคยนำทัพออกรบอยู่แทบชายแดนที่ติดกับแคว้นหานจนได้รับชัยชนะ
ก่อนจะถูกเรียกให้มาประจำอยู่ในเมืองหลวงแทน
ยังมีแม่ทัพหญิงโหลวฟางหรง
หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือองค์หญิงซูเซียว ที่มีหน่วยองครักษ์ซิ่นชุ่นอยู่ในมือ
ขึ้นตรงต่อฝ่าบาทองค์เดียวไม่ต้องฟังคำใครอีกเล่า
นี่ยังไม่นับสามีของนางในเรือนที่บางคนก็เป็นถึงขุนนางตำแหน่งใหญ่โต
มีทั้งแม่ทัพและรองแม่ทัพ ทหารอยู่ในมือไม่รู้ตั้งเท่าไร
ยิ่งชายใดที่แต่งเข้าจวนนี้ก็เหมือนกับหญิงสาวออกเรือน
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวเก่าอีกด้วย
คงมีแต่ท่านอ๋องเยว่เทียนกระมังที่แยกไม่ได้ด้วยยังไงก็เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ก็ไม่เข้าร่วมในการแย่งชิงบัลลังก์มังกรด้วย
ถึงแม้ฟางหรงจะแยกจวนออกไปแล้วแต่ยังไงก็ยังมีสายสัมพันธ์ครอบครัว
ให้อย่างไรก็ต้องช่วยเหลือกันบ้าง จึงเป็นการดียิ่งที่จะได้โหลวจิ้นฝูมาเป็นพวก
" ข้าคงต้องเข้าไปเยี่ยมบิดาหน่อยแล้วกระมัง
"
" ถ้าหากท่านจิ้นฝูเลือกข้างไปแล้วล่ะ
ขอรับ " ไป๋หู่นั้นนับถือโหลวฟางหรงเป็นนายท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น
จึงไม่แปลกที่จะเรียกบิดาของนางเช่นนี้
" คิดว่าคงไม่หรอก หรือถ้าเลือก
จวนเราไม่เข้าไปยุ่งเป็นแน่ ถึงอย่างไรข้าก็ทำอะไรพวกราชวงศ์นั้นไม่ได้อยู่แล้ว
" พูดมาถึงตรงนี้เสียงนางก็แผ่วลงคล้ายกับยอมจำนน
" ถึงท่านไม่ยุ่งแต่เจ้าคนพวกนั้นก็หวังจะดึงท่านไปยุ่งอยู่ดีกระมัง
" น้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมานั้น แฝงความรังเกียจออกมาด้วย
จนเบลล่าต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนที่จะพูดมาเช่นนี้ก็ตอนอยู่กับนางเท่านั้น
ก่อนจะยิ้มออกมา
" ถึงตอนนั้นเราก็ปิดประตูจวน
แล้วหนีไปให้ไกลเสียก็สิ้นเรื่อง "
ในราชสำนักนั้นชอบมีการแสดงให้ชมอยู่บ่อยครั้ง นางเองก็เพียงรอชมอยู่วงนอกมาตลอด
และมันจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป
" ให้ข้าไปเตรียมการเลยดีหรือไม่
" เสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึมเอาการเอางานขึ้นมา และรอรับคำสั่ง
แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉงน
เมื่อพบว่าหญิงสะคราญโฉมตรงหน้าที่แต่งตัวเรียบง่ายดั่งเช่นจอมยุทธ์หญิงทั่วไป
แต่ยังลดความงามไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้กำลังหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันเสนาะหูนั้นทำให้เขารู้สึกตาพร่า
" ข้าเพียงล้อเจ้าเล่นเท่านั้น
อย่าได้คิดจริงจัง อย่าพึ่งคิดเรื่องนี้จนกว่ามันจะเกิดขึ้นเลยดีกว่า "
เมื่อหัวเราะจนหนำใจ อย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเสร็จแล้ว ก็พูดออกมา
ชายหนุ่มจึงก้มหน้ารับรู้
" กลับบ้านเรากันเถอะ "
เสียงหวานเอ่ยออกมา พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งให้คนตรงหน้า
ก่อนจะทะยานตัวออกไปเพื่อกลับไปยังจวนหลังโตของตน
ปล่อยให้ชายหนุ่มเบื้องหลังได้แต่นิ่ง
ก่อนใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา จะยิ้มอ่อนโยนออกมา
แล้วใช้วิชาตัวเบาตามร่างบางไปโดยเว้นระยะไม่ให้ห่าง
ความคิดเห็น