ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนาสตาเซีย แห่งการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 แล้วพบกันใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 61



    ตอนที่ 6

     

                       ชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งอยู่กลางกระท่อมที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ข้าวของถูกวางในตำแหน่งที่เป็นระเบียบ ขณะกำลังนั่งครุ่นคิดอะไรคนเดียวอยู่นั้น ก็ได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอก แม้จะเบาบางนัก แต่มีหรือที่คนที่มีวรยุทย์ระดับเขาจจะไม่ได้ยิน

     

    นางกลับมาแล้วรึ

     

    ไม่ใช่ ผู้มามีมากกว่าหนึ่ง

     

    มือแกร่งคว้ากระบี่เบื้องหน้ามาถือไว้แน่น เตรียมชักออกมา

     

    พวกนั้นเหมือนจะล้อมกระท่อมหลังนี้ไว้และกำลังจะก้าวเข้ามาช้าๆ

     

    มีไม่ต่ำกว่าห้าคนแน่ๆ ฟังจากการเคลื่อนไหว ฝีมือล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

     

    ดูท่าจะเก่งกาจกว่าชุดเก่าเป็นเสียด้วย

     

    ร่างสูงกำกระบี่แน่น แล้วเปิดประตูก้าวเดินออกไปอย่างระมัดระวัง

     

    ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า ไม่ต่างจากที่คาดไว้ รอบตัวกระท่อมมีคนชุดดำอยู่ถึงแปดคน แต่ละคนโพกหน้าโพกตาเสียมิดชิด กลิ่นอายแห่งความตายโอบล้อมไปทั่ว

     

    นักฆ่าเลยรึ ครั้งที่แล้วยังเป็นเพียงทหารรับจ้างเท่านั้นเอง

     

    หึ ดูท่าเจ้าจะมีเงินใช่สอยเสียจนสะดวกมือเชียวนะ น้องพี่ มุมปากใต้หนวดเครายกยิ้มขึ้น ทำให้หนวดขยับตามไปด้วย

     

    เหล่าคนชุดดำนั้นถูกฝึกมาอย่างดี เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงยิ่งระวังภัยมากขึ้น จ้องมองบุรุษที่ใบหน้ามีหนวดหนาเฟิ้มอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนคนเป็นหัวหน้าจะเอ่ยถามขึ้น

     

    " ท่านใช่องค์รัชทายาทหรือไม่ "

     

    " เรียกหลี่เหวิ่นก็พอสหาย " ชายหนุ่มยิ้มออกมา กล่าวดำพูดเป็นมิตร แต่ความกดดันที่ปล่อยออกมานั้นเล่นเอาซะหายใจแทบไม่ออก

     

    พวกนักฆ่าเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็มองตากันส่งสัญญาณว่าถูกตัวแล้ว

     

    " ข้าอนุญาต ก่อนที่เจ้าจะมอบชีวิตมาให้ข้า " ความกดดันรอบกายยิ่งมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

     

    " เช่นนั้นคงต้องขอล่วงเกินแล้ว " สิ้นเสียงทั้งแปดคนก็ล้อมบุรุษหน้าหนวดเอาไว้ตรงกลางวงและเริ่มเปิดฉากการต่อสู้กันทันที

     

     

     

     

     

    " เจ้าโดนนักฆ่าเหล่านี้รุมรึ " เสียงหวานเปล่งออกมาอย่างตกใจ เมื่อนางมาถึงคนเหล่านี้ก็กลายเป็นศพหมดแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นนักฆ่า เห็นเพียงชายหนุ่มคนนี้นั่งก่อไฟอยู่ไม่ไกล

     

    " อืม ไหนล่ะสัตว์ที่จะให้ย่าง " เสียงทุ้มตอบอย่างขอไปที และเอ่ยถามฟางหรง แต่ดวงตาคมคู่นั้นกลับมองเลยไปยังบุรุษผมเงินเบื้องหลังที่ยืนประกบหญิงสาวเอาไว้ไม่ห่าง และมันกำลังมองเขาด้วยความเย็นชา ดูก็รู้ว่ามันไม่ไว้ใจเขา

     

    " ไม่ต้องกงต้องกินกันแล้ว แล้วนี่ทำไมไม่ไปสู้กันให้มันไกลจากกระท่อมของข้าหน่อยเล่า " ชายหนุ่มผู้มีหน้าที่ปิ้งย่างมองตามสายตาของหญิงสาวไปก็เห็น 'เศษซาก'กระท่อม ก็ถึงบางอ้อขึ้นมา

     

    เขาสู้กันยังไงให้ที่พักของนางย่อยยับเช่นนี้ อย่างกับโดนยักษ์ไซครอปวิ่งชน

     

    " ข้ากลัวหลง " เขาละสายตาออกมาแล้วตอบออกมาส่งๆ พร้อมทั้งดับไปที่พึ่งก่อ และกลบด้วยดินอย่างชำนาญ

     

    ทิ้งให้คนทั้งสองมองมายังตนตาค้าง

     

    หลง!!! หมอนี่เนี่ยนะจะหลง -เบลล่า

     

    คนผู้นี้!! ดวงตาสีสวยของคนที่ไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกมาตั้งแต่ต้นหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจ เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ -ไป๋หู่

     

    " เอาเถอะๆ เห็นทีข้าคงต้องย้ายที่พักหลังน้อยไปไว้ที่อื่น และเก็บกวาดที่นี้เสีย " ฟางหรงถอนหายใจออกมา ก่อนจะส่งสายตาไปยังไป๋หู่เพื่อสั่งการ เพื่อให้เขาให้คนมาจัดการที่นี่เสีย ชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นก็เข้าใจทันที เขาพยักหน้าเบา

     

    " เช่นนั้นก็แยกย้ายกันตรงนี้เถิด ขอให้กลับไปอย่างปลอดภัย คอไม่หลุดออกจากบ่าไปเสียก่อนเล่า " หมอนี่มันดาวทำลายล้างชัดๆ ไม่รู้ไปกระตุกหนวดใครมา ถึงได้โดนกัดไม่ปล่อยเช่นนี้

     

    " ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ หวังว่าข้าจะได้ตอบแทนเมื่อพบกันครั้งหน้า " เขาพูดและยิ้มอย่างมีเลศนัย

     

    " เจอกันอีกทีก็โกนกนวดโกนเคราออกเสียหน่อยละกัน " ทหารที่ชายแดนยังมีสภาพดีกว่าเขาเสียอีก

     

    " หึหึ " เจ้าของร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วหันหลังเดินจากไป

     

    รอจนบุรุษผู้นั้นลับสายตาไปแล้ว ไป๋หู่จึงเอ่ยขึ้น

     

    " นั่นรัชทายาทมิใช่หรือขอรับ " เรียกความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังมองกระท่อมหลังน้อยที่พึ่งพังทลายไปอย่างเสียดาย

     

    " รัชทายาทแคว้นจ้าวนี่นะรึ " เบลล่าหันไปถามบุรุษผมเงินด้านหลังด้วยความฉงน

     

    " ขอรับ "

     

    " เขาถูกส่งไปแคว้นเหยียนตั้งแต่ 10 ขวบมิใช่หรือ แต่ทำไมเขาทำเหมือนข้าและเขารู้จักกันเล่า " จำไม่เห็นได้ว่าเคยรู้จัก

     

    " ตอนนั้นท่านถูกเรียกเข้าวังเพื่อไปสอนเขา ก่อนที่จะถูกส่งไปยังแคว้นเหยียน ขอรับ " ตอนนั้นเหมือนนางอยู่ชายแดนได้ยินข่าวมาบ้าง 15 ปีแล้วกระมัง แปลกใจอยู่บ้างว่าเหตุใด้ถึงได้ส่งองค์ชายผู้เป็นถึงองค์รัชทายาทไปอยู่แคว้นอื่นเล่า

     

    แม้ฮองเฮาซึ่งเป็นพระมารดาแท้ของรัชทายาทจะเป็นองค์หญิงของแคว้นนั้นก็ตาม เมื่อเรียกนางเข้าเฝ้าแล้วมอบหมายหน้าที่มานางก็ทำตาม ไม่ได้จำมาใส่ใจ จนถึงตอนนี้ก็พึ่งเหมือนจะจำได้รางๆ

     

    " อืมม ความจำเจ้านี่ดีจริงๆ " ไป๋หู่นั้นติดตามนางมานานแค่ไหนแล้วหนอ

     

    " แล้วด้วยเหตุอันใด ขาไปก็ไปอย่างสง่างาม แต่ขากลับถึงโดนไล่ล่ายังกับโจรเช่นนี่กันเล่า "

     

    " เหมือนจะเป็นเรื่องภายใน ฮ่องเต้นัันก็ชราภาพมากแล้วคงอยู่ได้อีกไม่นาน เหล่าองค์ชายคงเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น " เสียงแหบตอบออกมาอย่างเย็นชาซึ่งเป็นน้ำเสียงปกติของเขา

     

    " เหอ คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ขึ้นมาแล้วซิ ป่านนี้ท่านพี่ข้าคงจะงานยุ่งไม่น้อย " แต่มีเจ้าหลานแสนซนพวกนั้นอยู่ด้วยบิดามารดาของนางคงไม่เหงามากนัก

     

    " ข้าเกรงว่าตอนนี้อาจจะมีคนเข้าไปสร้างความวุ่นวายให้บิดาของท่าน โดยการให้เลือกข้างเป็นแน่ขอรับ " ตระกูลโหลวสายตรงนี้ นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ใครๆก็ต่างจะรู้ดี  ทั้งจิ้นฝูที่แม้จะก้าวลงจากตำแหน่งแล้วแต่ฮ่องเต้และขุนนางหลายคนยังให้ความเกรงใจ

     

                   เสนาบดีกลาโหมจิ่นอวี้ ที่ทหารเกือบทั้งหมดอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ใครบ้างเล่าจะไม่เกรงใจ คนทั้งสองนั้นเคยนำทัพออกรบอยู่แทบชายแดนที่ติดกับแคว้นหานจนได้รับชัยชนะ ก่อนจะถูกเรียกให้มาประจำอยู่ในเมืองหลวงแทน

     

                   ยังมีแม่ทัพหญิงโหลวฟางหรง หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือองค์หญิงซูเซียว ที่มีหน่วยองครักษ์ซิ่นชุ่นอยู่ในมือ ขึ้นตรงต่อฝ่าบาทองค์เดียวไม่ต้องฟังคำใครอีกเล่า นี่ยังไม่นับสามีของนางในเรือนที่บางคนก็เป็นถึงขุนนางตำแหน่งใหญ่โต มีทั้งแม่ทัพและรองแม่ทัพ ทหารอยู่ในมือไม่รู้ตั้งเท่าไร ยิ่งชายใดที่แต่งเข้าจวนนี้ก็เหมือนกับหญิงสาวออกเรือน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวเก่าอีกด้วย คงมีแต่ท่านอ๋องเยว่เทียนกระมังที่แยกไม่ได้ด้วยยังไงก็เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ก็ไม่เข้าร่วมในการแย่งชิงบัลลังก์มังกรด้วย

     

    ถึงแม้ฟางหรงจะแยกจวนออกไปแล้วแต่ยังไงก็ยังมีสายสัมพันธ์ครอบครัว ให้อย่างไรก็ต้องช่วยเหลือกันบ้าง จึงเป็นการดียิ่งที่จะได้โหลวจิ้นฝูมาเป็นพวก

     

    " ข้าคงต้องเข้าไปเยี่ยมบิดาหน่อยแล้วกระมัง "

     

    " ถ้าหากท่านจิ้นฝูเลือกข้างไปแล้วล่ะ ขอรับ " ไป๋หู่นั้นนับถือโหลวฟางหรงเป็นนายท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น จึงไม่แปลกที่จะเรียกบิดาของนางเช่นนี้

     

    " คิดว่าคงไม่หรอก หรือถ้าเลือก จวนเราไม่เข้าไปยุ่งเป็นแน่ ถึงอย่างไรข้าก็ทำอะไรพวกราชวงศ์นั้นไม่ได้อยู่แล้ว " พูดมาถึงตรงนี้เสียงนางก็แผ่วลงคล้ายกับยอมจำนน

     

    " ถึงท่านไม่ยุ่งแต่เจ้าคนพวกนั้นก็หวังจะดึงท่านไปยุ่งอยู่ดีกระมัง " น้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมานั้น แฝงความรังเกียจออกมาด้วย จนเบลล่าต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนที่จะพูดมาเช่นนี้ก็ตอนอยู่กับนางเท่านั้น ก่อนจะยิ้มออกมา

     

    " ถึงตอนนั้นเราก็ปิดประตูจวน แล้วหนีไปให้ไกลเสียก็สิ้นเรื่อง " ในราชสำนักนั้นชอบมีการแสดงให้ชมอยู่บ่อยครั้ง นางเองก็เพียงรอชมอยู่วงนอกมาตลอด และมันจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป

     

    " ให้ข้าไปเตรียมการเลยดีหรือไม่ " เสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึมเอาการเอางานขึ้นมา และรอรับคำสั่ง แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉงน เมื่อพบว่าหญิงสะคราญโฉมตรงหน้าที่แต่งตัวเรียบง่ายดั่งเช่นจอมยุทธ์หญิงทั่วไป แต่ยังลดความงามไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้กำลังหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันเสนาะหูนั้นทำให้เขารู้สึกตาพร่า

     

    " ข้าเพียงล้อเจ้าเล่นเท่านั้น อย่าได้คิดจริงจัง อย่าพึ่งคิดเรื่องนี้จนกว่ามันจะเกิดขึ้นเลยดีกว่า " เมื่อหัวเราะจนหนำใจ อย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเสร็จแล้ว ก็พูดออกมา ชายหนุ่มจึงก้มหน้ารับรู้

     

    " กลับบ้านเรากันเถอะ " เสียงหวานเอ่ยออกมา พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งให้คนตรงหน้า ก่อนจะทะยานตัวออกไปเพื่อกลับไปยังจวนหลังโตของตน

     

    ปล่อยให้ชายหนุ่มเบื้องหลังได้แต่นิ่ง ก่อนใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา จะยิ้มอ่อนโยนออกมา แล้วใช้วิชาตัวเบาตามร่างบางไปโดยเว้นระยะไม่ให้ห่าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×