คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 8 หนีไม่พ้น
ตอนที่
8
ภาพตรงหน้าคือกำแพงจวนสีขาวสูงตระหง่าน แผ่กลิ่นอายน่าเกรงขาม
ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ด้านหลังจวนติดกับป่าและภูเขาซึ่งภายในนั้นมีน้ำตก
ประตูทางเข้ามีอยู่เพียงสองทาง อีกทางไว้สำหรับเหล่าองครักษ์ให้เข้าออกโดยเฉพาะ
ประตูด้านหน้านี้เป็นประตูจวนที่มีขนาดใหญ่ แต่กลับไร้คนเฝ้า มันถูกปิดเอาไว้เสมอแต่ไม่ได้ล็อคถ้าไม่มีคำสั่ง
ใครอยากเข้าก็เปิดประตูเข้ามาเอง แต่ก็หาได้มีใครกล้าเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า
แค่คนที่กล้าเดินเฉียดเข้ามาใกล้ยังหาได้ยาก
ด้วยต่างก็รู้ดีว่าผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นคือใคร
คนผู้นั้นก็คือหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่หน้าจวนตัวเองอย่างลังเล
" ไป๋หู่ "
เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมฝีปากฉ่ำวาว ภายใต้หมวกที่มีผ้าสีขาวบางๆคลุมอยู่
ทำให้มองเห็นใบหน้าได้อย่างเรือนราง
" ขอรับ นายท่าน "
ผู้เป็นเจ้าของชื่อรีบ โผล่ออกมาขานรับทันที
" ก่อนเจ้าออกไปหาข้า
เหตุการณ์ในจวนปกติดีหรือไม่ " ผู้พูดมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ความกังวลเจือจางอยู่ในน้ำเสียง
" จวนของท่านเคยปกติด้วยหรือขอรับ
" บุรุษหน้าตายตอบออกมาเสียงนิ่ง
" ....นั่นซินะ "
แล้วก็เกิดความเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนฝ่ายหญิงสาวจะตัดสินใจอะไรได้
" เอาไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาให....
" เบลล่าหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินจากไป
ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปสบตากับบุรุษผู้มาใหม่ด้านหลังเข้าเต็มเปา
รู้สึกได้ทันทีว่าแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ล่มไม่เป็นท่าเสียแล้ว
ใครใช่ให้ตนมายืนหน้าสลอนอยู่หน้าจวนกันเล่า
เขามาตั้งแต่เมื่อไร ฟางหรงหันไปสบตากับองครักษ์คู่กายที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา
ก็เก็บความตกตะลึงผ่านดวงตาสีสวยนั้นเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
เหอ แต่ก็ช่างเถอะ
ฝีมือระดับคนผู้นี้นางเห็นจนชินเสียแล้ว วันนี้บุรุษหน้าหวานตรงหน้านี้
งดงามราวกับสตรี (แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดคำนี้ออกมาต่อหน้าเขา) หากแต่ก็คงจะเป็นคนงามที่แสนจะเย็นชาและอำมหิต
สวมชุดสีขาวแบบเรียบง่ายแต่ลวดลายนั้นบ่งบอกถึงรายปักที่ประณีตงดงาม
" ท่านอ๋องไปไหนมาหรือ "
ใบหน้างดงามกระจ่าง ปลดหมวกคลุมออก ดวงหน้างามปรากฏรอยยิ้มขึ้น
ก่อนจะถามด้วยเสียงนุ่มนวล
" ค่ายนอกเมือง " เสียงทุ้มติดเย็นชาเอ่ยขึ้น
แล้วเดินมายืนอยู่ตรงหน้าร่างบางที่สวมชุดที่แสนจะธรรมดาตรงหน้า
" มีเรื่องอะไรด่วนหรือไม่
" ทำไมดูเขาเร่งรีบกลับมาเช่นนี้
" มี
แต่ไปคุยกันที่เรือนข้าดีกว่า " เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
แต่ดวงตากลับไม่ละไปจากใบหน้างามเลยแม้ซักเสี่ยว เบลล่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา
บุรุษตรงหน้านี้มักเดาอารมณ์ได้ยากเสมอ
แต่ก็มิใช่ว่าเป็นเช่นนี้เหรอถึงทำให้นางรู้สึกท้าทายทุกครั้ง
" เช่นนั้นก็เข้าไปในจวนก่อนเถิด
"
และคนทั้งสามก็เดินเข้าเรือนไป
โดยที่มีหญิงสาวเดินนำหน้า ตามด้วยท่านอ๋อง และไป๋หู่ที่กลับไปรักษาความปลอดภัยในเงามืดเช่นเดิม
หากนางหันหน้ากลับมามองซักนิดก็จะเห็นรอยยิ้มที่แสนจะบางเบาปรากฏอยู่บนใบหน้าของบุรุษด้านหลัง
ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วคนของเขาไปแจ้งว่านางกลับมายังเมืองหลวง
เขาจึงรับกลับมาทันเห็นนางทำท่าจะออกไปเที่ยวข้างนอกอีกครั้ง ทำให้เขารีบปรากฏตัวออกมาทันที
สิ่งแรกที่พบเมื่อผ่านพ้นประตูจวนที่ถูกสลักให้วิจิตรงดงามและดูดุดัน
ก็คือลานกว้างที่ถูกปูด้วยอิฐสีเทา ด้านข้างมีต้นเหมยที่กำลังออกดอกเบ่งบาน กรีบดอกสีชมพูและขาวปลิวไสวให้ความรู้สึกงดงาม
เบื้องหน้าคือเรือนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตา ถูกปลูกสร้างได้อย่างงดงาม
ตัวเรือนชั้นเดียวตั้งอยู่สูงกว่าพื้นดินมีบันไดหินสีขาวนวนดั่งงาช้างให้ความรู้สึกสูงส่งและน่าเกรงขาม
เป็นสถานที่ต้อนรับแขก ห้องทำงาน และด้านหลังเป็นที่พักของเจ้าบ้านคนสำคัญ
ด้านหลังตัวเรือนคือสระบัวหลากหลายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีศาลาขนาดกลางตั้งอยู่ใจกลาง
และศาลาขนาดย่อมตั้งอยู่ตามขอบสระมีทางเดินเชื่อมมายังศาลาหลักกลางน้ำซึ่งมีทางเชื่อมไปยังตัวเรือนใหญ่ของเจ้าของบ้านคนงามและเรือนอีกไม่กี่หลัง
ด้านหน้ามีทางเดินแยกออกเป็นสองทางอ้อมตัวเรือนใหญ่นี้ไปด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งเรือนพักของสามีคนอื่นๆที่มีทั้งที่มีเจ้าของและยังไม่มี
ซึ่งแต่ละเรือนก็ได้รับอนุญาตให้ตกแต่งจัดการได้ตามผู้เป็นเจ้าของ
แล้วก็ยังมีเรือนที่พักที่ถูกจัดไว้อีกมุมเพื่อเอาไว้เป็นที่พักของแขกเรื่อซึ่งถูกแบ่งออกจากเรือนผู้อยู่อาศัยอื่นอย่างชัดเจน
คนทั้งสามไม่ได้เดินขึ้นเรือนใหญ่ไป
แต่อ้อมไปด้านหลังเพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนที่มีอ๋องผู้สูงศักดิ์เป็นเจ้าของซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเรือนหลักมากนัก
แต่ก็ถูกแบ่งเขตได้ด้วยสะพานข้ามแม่น้ำสายเล็กๆ
อยู่ห่างไกลจากเรือนของเหล่าบุรุษอื่นที่สุดและก็ใหญ่กว่าเรือนของสามีคนอื่น
รอบตัวเรือนไร้ซึ่งดอกไม้
และมีต้นสนตั้งเด่นสง่าแผ่กิ่งก้านและใบปกคลุมและให้ร่มเงาอยู่เพียงตนเดียวมีศาลาขนาดย่อมตั้งอยู่ด้านข้าง
ในนั้นมีโต๊ะม้าหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่ และมีไม้ประดับอื่นที่ไร้ดอก
ตัวเรือนเป็นสีดำไม่มีสีอื่นเจือปน แต่ก็ได้รับการปลูกสร้างและจัดแต่งอย่างสวยงาม
ทุกอย่างถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นระเบียบ
แผ่กลิ่นอายแห่งอำนาจและแรงกดดันออกมา
" คุณหนูขอรับ "
แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงบริเวณของเรือนเป้าหมายก็มีชายชราวิ่งมาหาพร้อมคนเสียก่อน
ทำให้ต้องหยุดเดินและหันไปมองทิศทางนั้นทันที
มีอยู่เพียงคนเดียวกระมังที่ยังเรียกขานนางว่า
" คุณหนู " เช่นนี้
" พ่อบ้านหลง "
ชายที่อยู่รับใช้นางตั้งแต่นางยังเด็ก จนตอนนี้เริ่มชราภาพไปบ้างแล้ว
แต่ก็ยังเจ้าระเบียบเข้มงวดเช่นเดิม เบลล่ายิ้มอ่อนส่งไปให้
ถึงจะเป็นเพียงบ่าวแต่นางก็นับถือบุรุษที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการคนนี้ไม่หาย
และจะยิ้มหน้าบานทุกครั้งที่มีชายหนุ่มแต่งเข้ามาเป็นสามีของนาง
ไม่ต่างจากบิดาที่เห็นบุตรออกเรือนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนึกนางก็ยิ่งรู้สึกขัน
" เอ่อ " เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว
ก็เห็นชัดเต็มสองตามว่าบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังนายของตนนั้นคือใคร
คนที่ตามเขามาก้มหัวลงไปนานแล้ว มีแต่เขาที่ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่กล้าพูดออกมา
กลัวว่าตนจะหมดลมหายใจโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเย็นไหลออกมาจนแทบจะเป็นธารน้ำ
" มีเรื่องอะไร ก็ว่าไปเถิด
" เมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของผู้คนที่มาใหม่
และท่าทางเหงื่อตกของพ่อบ้านใหญ่ก็ให้เข้าใจท่านที ว่าสาเหตุนั้นมาจากคนข้างหลัง
หลังจากเปิดเผยตัวว่าตนเองคือคนเดียวกับอ๋องผู้สติไม่ดี
เขาก็ไม่เคยแสร้งทำตัวอ่อนแออีกเลย
ยกเว้นแต่ตอนออกรบที่ยังคงสวมหน้ากากปีศาจนั้นไว้เท่านั้น
จึงหันไปส่งสายตาให้เขาจนเขาถอนสายตาจากผู้มาใหม่ไปทางอื่น
ก่อนนางจะหันมายิ้มเห็นใจและเอ่ยกับพ่อบ้านหลง
" คือสองวันก่อนข้าได้คัดเลือกข้ารับใช้มาใหม่หลายคนเพื่อมาแทนชุดเก่าที่เริ่มชราโดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจากคุณหนูเลยขอรับ
" เมื่อได้รับการอนุญาตเขาก็ร่ายยาวออกมาทันที
" เช่นนั้นก็สมควรแล้ว
อย่าลืมส่งเสียข้ารับใช้ที่ชราภาพเหล่านั้นด้วยเล่า พวกเขาอยู่กับเรามานาน "
ที่แท้ก็เรื่องนี้ นี่นางอายุเท่าไรกันแล้วหนอ
ข้ารับใช้ที่เคยรับเข้ามาถึงได้เข้าสู่วัยชรากันไปเสียหลายคน
" ขอรับ
นี่คือคนที่ข้าคัดเลือกมาเองกับมือ
รวมถึงหลานของข้าเองที่จะให้เขามาดูแลเรื่องของคุณหนูแทนข้า "
เขาผายมือไปด้านหลังของตนให้เห็นเด็กและชายหนุ่มที่สวมชุดบ่าวประจำจวนเอาไว้
แม้จะเป็นเพียงชุดของบ่าวแต่ก็เป็นเนื้อผ้าที่ดี ถูกตัดทอให้มีสีเดียวกัน
คือสีฟ้าสลับขาว
" จัดการตามเห็นสมควรเถิด เรื่องธุระในจวนยกให้ท่านจัดการอยู่แล้ว
" เบลล่าพูดยิ้มๆก่อนจะมองไปด้านหลังร่างของพ่อบ้านชรา ก็ต้องขมวดคิ้ว
ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ
" คราหน้าก็คัดเลือกสตรีเข้ามาบ้างเถิด
" ตั้งแต่แรก โหลวฟางหรงก็เติบโตมาท่ามกลางทหาร บิดา ณ
ตอนนั้นก็เป็นแม่ทัพใหญ่ และเป็นมาหลายชั่วคนแล้ว
ทำให้ในจวนก็มีแต่ข้ารับใช้ชายหรือทหารชายเท่านั้นที่คอยรับใช้
ตัวนางเองก็ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนูในห้องหอ นางนั้นความสามารถรอบด้าน
เล่นดนตรีก็เพราะพริ้ง เก่งกล้าวางแผนการรบ
ดื้อรั้นขอร่ำเรียนวรยุทธ์ตามพี่ชายมาตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้ห่างไกลจากสตรีเพศ
นอกเสียจากมารดาของตนเท่านั้น ครอบครัวนางสั่งสอนให้ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ยังเล็ก
จึงไม่ต้องมีข้ารับใช้มาคอยปรนนิบัติ และไม่รู้เป็นเพราะอะไรนางไม่ใคร่จะเข้าใกล้สตรีตั้งแต่ยังเล็กแล้ว
ตั้งแต่แยกจวนมาจึงมีแต่ข้ารับใช้ชายเก่าแก่เพียงไม่กี่คนตามมาด้วย
จวนขนาดใหญ่นี้ที่เห็นว่าไม่ค่อยมีคนรับใช้
ความจริงแล้วนางให้ทหารสามร้อยนายที่เรียกให้มาอยู่ในจวนซึ่งถูกจัดให้พักอยู่ทางขวาสุดของจวนคอยรับมอบหมายงานต่างๆ
ภายในจวนก็ให้พวกเขาเป็นผู้จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยเป็นจุดๆไม่ได้เดินเพ่นพ่าน
ทั่วทั้งจวนจึงดูเงียบสงบแต่ยากต่อการรุกรานเช่นนี้
" ตอนแรกข้าได้คัดเลือกบ่าวชายมา
16 คน หญิง 5 คน เพียงแต่.... "
พูดได้เท่านั้นพ่อบ้านหลงก็ดูอึกอักไป จนคนฟังต้องขมวดคิ้วสงสัย
" ทำไมรึ "
เท่าที่เห็นตอนนี้มีเพียงบ่าวชายเท่านั้นเล่า
" เป็นเพราะว่าเมื่อวันก่อนข้านำพวกเขาเข้าเรือนมาเพื่อนำไปยังเรือนคนใช้
ได้พบท่านเจี่ยงฉวี่ ท่านจิ้นฉวี่ และท่านจินเฉวียนกำลังถกเถียงกันดังเช่นปกติ
ข้าจึงนำคนทั้งหมดไปทำความเคารพ
พอคนทั้งสามทราบเรื่องเข้าก็ให้นำสตรีเหล่านั้นออกไป
และห้ามรับข้ารับใช้ที่เป็นสตรีทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่เข้ามาอีกขอรับ "
เขาตอบออกมาได้อย่างฉะฉาน
" สงสัยจะไม่ใช่เพียงข้าแล้วกระมังที่ไม่คุ้นเคยกับสตรี
ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร " ฟางหรงเมื่อได้ยินก็ยิ้มขันออกมา
คงจะมีเรื่องนี้กระมังที่คนทั้งสามจะเข้าเป็นเป็นปี่เป็นขลุ่ยเยี่ยงนี้
นางลืมไปได้อย่างไร
สามีของนางแต่ละคนดูแลตัวเองได้มาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ต่างจากนาง
ในเรือนแต่ละคนมีข้ารับใช้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทั้งยังไม่ยุ่มย่ามอะไรมากมาย
แต่ละคนยังโลกส่วนตัวสูงจนเกือบเทียมฟ้ากันทั้งนั้น
แต่ก็ยังอดหันไปถามชายหนุ่มด้านหลังไม่ได้
" ดีแล้ว "
เขาตอบออกมาทั้งที่ไม่เสียเวลาคิด และไม่มองมาทางนี้แม้แต่น้อย
หญิงสาวพยักหน้ารับคำ
เรือนของเขาเองก็แทบร้าง
มีเพียงข้ารับใช้คนสนิทเพียงสองสามคน
และมีองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของเขาบ้างประปรายเท่านั้น
" เช่นนั้นก็ตามนั้นเถิด
ว่าแต่หลานชายของท่านคนไหนเหล่า ที่จะให้มาทำหน้าที่แทนท่านในอนาคต "
ได้รู้หน้าค่าตาไว้ก็ดีจะได้เรียกใช้ถูก
" คนนี้ขอรับ "
ด้านหลังของเขามีเด็กหนุ่มอายุราวๆ 13-14 ปี ก้าวออกมา
น้อมตัวลงแล้วพูดเสียงเบา
" ข้าน้อยหลงหยางเอินขอรับคุณหนู
" ก่อนจะก้าวถอยไปยืนอยู่ที่เดิม
ใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นของพ่อบ้านเก่าแก่ยิ้มกว้างออกมาทันที
ดวงตาเป็นประกายวาววับ ทั้งยังยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
จนทำให้ชายที่ไม่ได้สนใจบทสนทนาตั้งแต่ต้นต้องหันสายตาคมกลับมามองอย่างสงสัย
เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่พึ่งก้าวออกมาดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที
เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาดีไม่น้อย
เจ้าพ่อบ้านหน้าตายนี่ คิดการใดอยู่กันแน่
อดหันไปมองสีหน้าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างไม่ได้
แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีสีหน้าใดออกมานอกจากตกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขาก็ถอนหายใจออกมาเสียงเบา
" ลักษณะเขาคล้ายท่านตอนยังหนุ่มไม่น้อยทีเดียว
" เบลล่ายิ้มออกมา เมื่อนึกภาพชายที่เกือบชราตรงหน้าย้อนไปในอดีต
" แน่นอนขอรับ
ทั้งข้ายังสั่งสอนเขามาอย่างดี ไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังแน่ "
ยิ่งพูดรอยยิ้มของเขาก็ยิ้มกว้างเข้าไปอีก
นี่ สินะที่เขาเรียกว่ายิ้มหน้าบาน
หญิงสาวยกมือปิดปากหัวเราะออกมาบางเบา
ทั้งยังส่ายหัวในความหลงตัวเองของเขาไม่เคยเปลี่ยน
" ดียิ่ง หวังว่าเขาจะเป็นท่านพ่อบ้านที่เก่งกาจเหมือนท่านได้ในอนาคตนะ
พ่อบ้านหลง พาพวกเขาไปเรียนรู้หน้าที่เถิด
มีเรื่องใดท่านก็ทำตามเห็นสมควรก็แล้วกัน "
" ขอรับ พวกท่านค่อยๆเดิน
ข้าน้อยขอตัวก่อน " พวกเขาก้มหัวอย่างนอบน้อม ก่อนจะนำคนที่เหลือจากไป
" คงไม่มีเรื่องกระไรแล้วมั่ง
" เบลล่าถอนหายใจออกมา พูดทั้งยิ้มๆ
" ไปเถอะ "
" อืม "
" หรงเอ๋อ/หรงเอ๋อ /
ท่านกลับมาแล้ว "
เสียงแบบนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้แล้ว
ก้าวไปไม่ถึงห้าก้าวก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง
ไอเย็นที่ถูกปล่อยมาจากคนข้างกายทำให้นางต้องหันไปยิ้มแหยๆให้เขาอย่างขอโทษขอโพย
ก่อนที่หันไปทางผู้มาใหม่
" จวนนี้ออกจะกว้างขวาง
ไวกว่าหน่วยข่าวสารของข้าก็คือพวกเจ้านี่เอง " แต่ก่อนที่จะเอ่ยปาก
กลับมีเสียงทุ้มต่ำของบุรุษด้านหลังพูดขึ้นก่อน ทำให้นางรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆ
ความคิดเห็น