ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนาสตาเซีย แห่งการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 8 หนีไม่พ้น

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 61



    ตอนที่ 8

     

                        ภาพตรงหน้าคือกำแพงจวนสีขาวสูงตระหง่าน แผ่กลิ่นอายน่าเกรงขาม ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ด้านหลังจวนติดกับป่าและภูเขาซึ่งภายในนั้นมีน้ำตก ประตูทางเข้ามีอยู่เพียงสองทาง อีกทางไว้สำหรับเหล่าองครักษ์ให้เข้าออกโดยเฉพาะ ประตูด้านหน้านี้เป็นประตูจวนที่มีขนาดใหญ่ แต่กลับไร้คนเฝ้า มันถูกปิดเอาไว้เสมอแต่ไม่ได้ล็อคถ้าไม่มีคำสั่ง ใครอยากเข้าก็เปิดประตูเข้ามาเอง แต่ก็หาได้มีใครกล้าเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า แค่คนที่กล้าเดินเฉียดเข้ามาใกล้ยังหาได้ยาก ด้วยต่างก็รู้ดีว่าผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นคือใคร

     

    คนผู้นั้นก็คือหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่หน้าจวนตัวเองอย่างลังเล

     

    " ไป๋หู่ " เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมฝีปากฉ่ำวาว ภายใต้หมวกที่มีผ้าสีขาวบางๆคลุมอยู่ ทำให้มองเห็นใบหน้าได้อย่างเรือนราง

     

    " ขอรับ นายท่าน " ผู้เป็นเจ้าของชื่อรีบ โผล่ออกมาขานรับทันที

     

    " ก่อนเจ้าออกไปหาข้า เหตุการณ์ในจวนปกติดีหรือไม่ " ผู้พูดมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ความกังวลเจือจางอยู่ในน้ำเสียง

     

    " จวนของท่านเคยปกติด้วยหรือขอรับ " บุรุษหน้าตายตอบออกมาเสียงนิ่ง

     

    " ....นั่นซินะ " แล้วก็เกิดความเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนฝ่ายหญิงสาวจะตัดสินใจอะไรได้

     

    " เอาไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาให.... " เบลล่าหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินจากไป ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปสบตากับบุรุษผู้มาใหม่ด้านหลังเข้าเต็มเปา

     

    รู้สึกได้ทันทีว่าแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ล่มไม่เป็นท่าเสียแล้ว ใครใช่ให้ตนมายืนหน้าสลอนอยู่หน้าจวนกันเล่า

     

    เขามาตั้งแต่เมื่อไร ฟางหรงหันไปสบตากับองครักษ์คู่กายที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา ก็เก็บความตกตะลึงผ่านดวงตาสีสวยนั้นเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน

     

    เหอ แต่ก็ช่างเถอะ ฝีมือระดับคนผู้นี้นางเห็นจนชินเสียแล้ว วันนี้บุรุษหน้าหวานตรงหน้านี้ งดงามราวกับสตรี (แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดคำนี้ออกมาต่อหน้าเขา) หากแต่ก็คงจะเป็นคนงามที่แสนจะเย็นชาและอำมหิต สวมชุดสีขาวแบบเรียบง่ายแต่ลวดลายนั้นบ่งบอกถึงรายปักที่ประณีตงดงาม

     

    " ท่านอ๋องไปไหนมาหรือ " ใบหน้างดงามกระจ่าง ปลดหมวกคลุมออก ดวงหน้างามปรากฏรอยยิ้มขึ้น ก่อนจะถามด้วยเสียงนุ่มนวล

     

    " ค่ายนอกเมือง " เสียงทุ้มติดเย็นชาเอ่ยขึ้น แล้วเดินมายืนอยู่ตรงหน้าร่างบางที่สวมชุดที่แสนจะธรรมดาตรงหน้า

     

    " มีเรื่องอะไรด่วนหรือไม่ " ทำไมดูเขาเร่งรีบกลับมาเช่นนี้

     

    " มี แต่ไปคุยกันที่เรือนข้าดีกว่า " เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ดวงตากลับไม่ละไปจากใบหน้างามเลยแม้ซักเสี่ยว เบลล่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา

     

    บุรุษตรงหน้านี้มักเดาอารมณ์ได้ยากเสมอ แต่ก็มิใช่ว่าเป็นเช่นนี้เหรอถึงทำให้นางรู้สึกท้าทายทุกครั้ง

     

    " เช่นนั้นก็เข้าไปในจวนก่อนเถิด "

     

    และคนทั้งสามก็เดินเข้าเรือนไป โดยที่มีหญิงสาวเดินนำหน้า ตามด้วยท่านอ๋อง และไป๋หู่ที่กลับไปรักษาความปลอดภัยในเงามืดเช่นเดิม

     

    หากนางหันหน้ากลับมามองซักนิดก็จะเห็นรอยยิ้มที่แสนจะบางเบาปรากฏอยู่บนใบหน้าของบุรุษด้านหลัง ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    ความจริงแล้วคนของเขาไปแจ้งว่านางกลับมายังเมืองหลวง เขาจึงรับกลับมาทันเห็นนางทำท่าจะออกไปเที่ยวข้างนอกอีกครั้ง ทำให้เขารีบปรากฏตัวออกมาทันที

     

     

     

                             สิ่งแรกที่พบเมื่อผ่านพ้นประตูจวนที่ถูกสลักให้วิจิตรงดงามและดูดุดัน ก็คือลานกว้างที่ถูกปูด้วยอิฐสีเทา ด้านข้างมีต้นเหมยที่กำลังออกดอกเบ่งบาน กรีบดอกสีชมพูและขาวปลิวไสวให้ความรู้สึกงดงาม

     

                             เบื้องหน้าคือเรือนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตา ถูกปลูกสร้างได้อย่างงดงาม ตัวเรือนชั้นเดียวตั้งอยู่สูงกว่าพื้นดินมีบันไดหินสีขาวนวนดั่งงาช้างให้ความรู้สึกสูงส่งและน่าเกรงขาม เป็นสถานที่ต้อนรับแขก ห้องทำงาน และด้านหลังเป็นที่พักของเจ้าบ้านคนสำคัญ

     

                              ด้านหลังตัวเรือนคือสระบัวหลากหลายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีศาลาขนาดกลางตั้งอยู่ใจกลาง และศาลาขนาดย่อมตั้งอยู่ตามขอบสระมีทางเดินเชื่อมมายังศาลาหลักกลางน้ำซึ่งมีทางเชื่อมไปยังตัวเรือนใหญ่ของเจ้าของบ้านคนงามและเรือนอีกไม่กี่หลัง ด้านหน้ามีทางเดินแยกออกเป็นสองทางอ้อมตัวเรือนใหญ่นี้ไปด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งเรือนพักของสามีคนอื่นๆที่มีทั้งที่มีเจ้าของและยังไม่มี ซึ่งแต่ละเรือนก็ได้รับอนุญาตให้ตกแต่งจัดการได้ตามผู้เป็นเจ้าของ แล้วก็ยังมีเรือนที่พักที่ถูกจัดไว้อีกมุมเพื่อเอาไว้เป็นที่พักของแขกเรื่อซึ่งถูกแบ่งออกจากเรือนผู้อยู่อาศัยอื่นอย่างชัดเจน

     

                             คนทั้งสามไม่ได้เดินขึ้นเรือนใหญ่ไป แต่อ้อมไปด้านหลังเพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนที่มีอ๋องผู้สูงศักดิ์เป็นเจ้าของซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเรือนหลักมากนัก แต่ก็ถูกแบ่งเขตได้ด้วยสะพานข้ามแม่น้ำสายเล็กๆ อยู่ห่างไกลจากเรือนของเหล่าบุรุษอื่นที่สุดและก็ใหญ่กว่าเรือนของสามีคนอื่น รอบตัวเรือนไร้ซึ่งดอกไม้ และมีต้นสนตั้งเด่นสง่าแผ่กิ่งก้านและใบปกคลุมและให้ร่มเงาอยู่เพียงตนเดียวมีศาลาขนาดย่อมตั้งอยู่ด้านข้าง ในนั้นมีโต๊ะม้าหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่ และมีไม้ประดับอื่นที่ไร้ดอก ตัวเรือนเป็นสีดำไม่มีสีอื่นเจือปน แต่ก็ได้รับการปลูกสร้างและจัดแต่งอย่างสวยงาม ทุกอย่างถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นระเบียบ แผ่กลิ่นอายแห่งอำนาจและแรงกดดันออกมา

     

     

     

    " คุณหนูขอรับ "

     

    แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงบริเวณของเรือนเป้าหมายก็มีชายชราวิ่งมาหาพร้อมคนเสียก่อน ทำให้ต้องหยุดเดินและหันไปมองทิศทางนั้นทันที

     

    มีอยู่เพียงคนเดียวกระมังที่ยังเรียกขานนางว่า " คุณหนู " เช่นนี้

     

    " พ่อบ้านหลง " ชายที่อยู่รับใช้นางตั้งแต่นางยังเด็ก จนตอนนี้เริ่มชราภาพไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเจ้าระเบียบเข้มงวดเช่นเดิม เบลล่ายิ้มอ่อนส่งไปให้

     

    ถึงจะเป็นเพียงบ่าวแต่นางก็นับถือบุรุษที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการคนนี้ไม่หาย และจะยิ้มหน้าบานทุกครั้งที่มีชายหนุ่มแต่งเข้ามาเป็นสามีของนาง ไม่ต่างจากบิดาที่เห็นบุตรออกเรือนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนึกนางก็ยิ่งรู้สึกขัน

     

    " เอ่อ " เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว ก็เห็นชัดเต็มสองตามว่าบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังนายของตนนั้นคือใคร คนที่ตามเขามาก้มหัวลงไปนานแล้ว มีแต่เขาที่ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่กล้าพูดออกมา กลัวว่าตนจะหมดลมหายใจโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเย็นไหลออกมาจนแทบจะเป็นธารน้ำ

     

    " มีเรื่องอะไร ก็ว่าไปเถิด " เมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของผู้คนที่มาใหม่ และท่าทางเหงื่อตกของพ่อบ้านใหญ่ก็ให้เข้าใจท่านที ว่าสาเหตุนั้นมาจากคนข้างหลัง หลังจากเปิดเผยตัวว่าตนเองคือคนเดียวกับอ๋องผู้สติไม่ดี เขาก็ไม่เคยแสร้งทำตัวอ่อนแออีกเลย ยกเว้นแต่ตอนออกรบที่ยังคงสวมหน้ากากปีศาจนั้นไว้เท่านั้น จึงหันไปส่งสายตาให้เขาจนเขาถอนสายตาจากผู้มาใหม่ไปทางอื่น ก่อนนางจะหันมายิ้มเห็นใจและเอ่ยกับพ่อบ้านหลง

     

    " คือสองวันก่อนข้าได้คัดเลือกข้ารับใช้มาใหม่หลายคนเพื่อมาแทนชุดเก่าที่เริ่มชราโดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจากคุณหนูเลยขอรับ " เมื่อได้รับการอนุญาตเขาก็ร่ายยาวออกมาทันที

     

    " เช่นนั้นก็สมควรแล้ว อย่าลืมส่งเสียข้ารับใช้ที่ชราภาพเหล่านั้นด้วยเล่า พวกเขาอยู่กับเรามานาน " ที่แท้ก็เรื่องนี้ นี่นางอายุเท่าไรกันแล้วหนอ ข้ารับใช้ที่เคยรับเข้ามาถึงได้เข้าสู่วัยชรากันไปเสียหลายคน

     

    " ขอรับ นี่คือคนที่ข้าคัดเลือกมาเองกับมือ รวมถึงหลานของข้าเองที่จะให้เขามาดูแลเรื่องของคุณหนูแทนข้า " เขาผายมือไปด้านหลังของตนให้เห็นเด็กและชายหนุ่มที่สวมชุดบ่าวประจำจวนเอาไว้ แม้จะเป็นเพียงชุดของบ่าวแต่ก็เป็นเนื้อผ้าที่ดี ถูกตัดทอให้มีสีเดียวกัน คือสีฟ้าสลับขาว

     

    " จัดการตามเห็นสมควรเถิด เรื่องธุระในจวนยกให้ท่านจัดการอยู่แล้ว " เบลล่าพูดยิ้มๆก่อนจะมองไปด้านหลังร่างของพ่อบ้านชรา ก็ต้องขมวดคิ้ว ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ

     

    " คราหน้าก็คัดเลือกสตรีเข้ามาบ้างเถิด " ตั้งแต่แรก โหลวฟางหรงก็เติบโตมาท่ามกลางทหาร บิดา ณ ตอนนั้นก็เป็นแม่ทัพใหญ่ และเป็นมาหลายชั่วคนแล้ว ทำให้ในจวนก็มีแต่ข้ารับใช้ชายหรือทหารชายเท่านั้นที่คอยรับใช้ ตัวนางเองก็ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนูในห้องหอ นางนั้นความสามารถรอบด้าน เล่นดนตรีก็เพราะพริ้ง เก่งกล้าวางแผนการรบ ดื้อรั้นขอร่ำเรียนวรยุทธ์ตามพี่ชายมาตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้ห่างไกลจากสตรีเพศ นอกเสียจากมารดาของตนเท่านั้น ครอบครัวนางสั่งสอนให้ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ยังเล็ก จึงไม่ต้องมีข้ารับใช้มาคอยปรนนิบัติ และไม่รู้เป็นเพราะอะไรนางไม่ใคร่จะเข้าใกล้สตรีตั้งแต่ยังเล็กแล้ว

     

    ตั้งแต่แยกจวนมาจึงมีแต่ข้ารับใช้ชายเก่าแก่เพียงไม่กี่คนตามมาด้วย จวนขนาดใหญ่นี้ที่เห็นว่าไม่ค่อยมีคนรับใช้ ความจริงแล้วนางให้ทหารสามร้อยนายที่เรียกให้มาอยู่ในจวนซึ่งถูกจัดให้พักอยู่ทางขวาสุดของจวนคอยรับมอบหมายงานต่างๆ ภายในจวนก็ให้พวกเขาเป็นผู้จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยเป็นจุดๆไม่ได้เดินเพ่นพ่าน ทั่วทั้งจวนจึงดูเงียบสงบแต่ยากต่อการรุกรานเช่นนี้

     

    " ตอนแรกข้าได้คัดเลือกบ่าวชายมา 16 คน หญิง 5 คน เพียงแต่.... " พูดได้เท่านั้นพ่อบ้านหลงก็ดูอึกอักไป จนคนฟังต้องขมวดคิ้วสงสัย

     

    " ทำไมรึ " เท่าที่เห็นตอนนี้มีเพียงบ่าวชายเท่านั้นเล่า

     

    " เป็นเพราะว่าเมื่อวันก่อนข้านำพวกเขาเข้าเรือนมาเพื่อนำไปยังเรือนคนใช้ ได้พบท่านเจี่ยงฉวี่ ท่านจิ้นฉวี่ และท่านจินเฉวียนกำลังถกเถียงกันดังเช่นปกติ ข้าจึงนำคนทั้งหมดไปทำความเคารพ พอคนทั้งสามทราบเรื่องเข้าก็ให้นำสตรีเหล่านั้นออกไป และห้ามรับข้ารับใช้ที่เป็นสตรีทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่เข้ามาอีกขอรับ " เขาตอบออกมาได้อย่างฉะฉาน

     

    " สงสัยจะไม่ใช่เพียงข้าแล้วกระมังที่ไม่คุ้นเคยกับสตรี ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร " ฟางหรงเมื่อได้ยินก็ยิ้มขันออกมา

     

    คงจะมีเรื่องนี้กระมังที่คนทั้งสามจะเข้าเป็นเป็นปี่เป็นขลุ่ยเยี่ยงนี้

     

    นางลืมไปได้อย่างไร สามีของนางแต่ละคนดูแลตัวเองได้มาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ต่างจากนาง ในเรือนแต่ละคนมีข้ารับใช้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทั้งยังไม่ยุ่มย่ามอะไรมากมาย แต่ละคนยังโลกส่วนตัวสูงจนเกือบเทียมฟ้ากันทั้งนั้น

     

    แต่ก็ยังอดหันไปถามชายหนุ่มด้านหลังไม่ได้

     

    " ดีแล้ว " เขาตอบออกมาทั้งที่ไม่เสียเวลาคิด และไม่มองมาทางนี้แม้แต่น้อย

     

    หญิงสาวพยักหน้ารับคำ

     

    เรือนของเขาเองก็แทบร้าง มีเพียงข้ารับใช้คนสนิทเพียงสองสามคน และมีองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของเขาบ้างประปรายเท่านั้น

     

    " เช่นนั้นก็ตามนั้นเถิด ว่าแต่หลานชายของท่านคนไหนเหล่า ที่จะให้มาทำหน้าที่แทนท่านในอนาคต " ได้รู้หน้าค่าตาไว้ก็ดีจะได้เรียกใช้ถูก

     

    " คนนี้ขอรับ " ด้านหลังของเขามีเด็กหนุ่มอายุราวๆ 13-14 ปี ก้าวออกมา น้อมตัวลงแล้วพูดเสียงเบา

     

    " ข้าน้อยหลงหยางเอินขอรับคุณหนู " ก่อนจะก้าวถอยไปยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นของพ่อบ้านเก่าแก่ยิ้มกว้างออกมาทันที ดวงตาเป็นประกายวาววับ ทั้งยังยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ จนทำให้ชายที่ไม่ได้สนใจบทสนทนาตั้งแต่ต้นต้องหันสายตาคมกลับมามองอย่างสงสัย

     

    เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่พึ่งก้าวออกมาดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที

     

    เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาดีไม่น้อย เจ้าพ่อบ้านหน้าตายนี่ คิดการใดอยู่กันแน่

     

                   อดหันไปมองสีหน้าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีสีหน้าใดออกมานอกจากตกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาเสียงเบา

     

    " ลักษณะเขาคล้ายท่านตอนยังหนุ่มไม่น้อยทีเดียว " เบลล่ายิ้มออกมา เมื่อนึกภาพชายที่เกือบชราตรงหน้าย้อนไปในอดีต

     

    " แน่นอนขอรับ ทั้งข้ายังสั่งสอนเขามาอย่างดี ไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังแน่ " ยิ่งพูดรอยยิ้มของเขาก็ยิ้มกว้างเข้าไปอีก

     

    นี่ สินะที่เขาเรียกว่ายิ้มหน้าบาน

     

    หญิงสาวยกมือปิดปากหัวเราะออกมาบางเบา ทั้งยังส่ายหัวในความหลงตัวเองของเขาไม่เคยเปลี่ยน

     

    " ดียิ่ง หวังว่าเขาจะเป็นท่านพ่อบ้านที่เก่งกาจเหมือนท่านได้ในอนาคตนะ พ่อบ้านหลง พาพวกเขาไปเรียนรู้หน้าที่เถิด มีเรื่องใดท่านก็ทำตามเห็นสมควรก็แล้วกัน "

     

    " ขอรับ พวกท่านค่อยๆเดิน ข้าน้อยขอตัวก่อน " พวกเขาก้มหัวอย่างนอบน้อม ก่อนจะนำคนที่เหลือจากไป

     

    " คงไม่มีเรื่องกระไรแล้วมั่ง " เบลล่าถอนหายใจออกมา พูดทั้งยิ้มๆ

     

    " ไปเถอะ "

     

    " อืม "

     

     

    " หรงเอ๋อ/หรงเอ๋อ / ท่านกลับมาแล้ว "

     

    เสียงแบบนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้แล้ว

     

    ก้าวไปไม่ถึงห้าก้าวก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง ไอเย็นที่ถูกปล่อยมาจากคนข้างกายทำให้นางต้องหันไปยิ้มแหยๆให้เขาอย่างขอโทษขอโพย ก่อนที่หันไปทางผู้มาใหม่

     

    " จวนนี้ออกจะกว้างขวาง ไวกว่าหน่วยข่าวสารของข้าก็คือพวกเจ้านี่เอง " แต่ก่อนที่จะเอ่ยปาก กลับมีเสียงทุ้มต่ำของบุรุษด้านหลังพูดขึ้นก่อน ทำให้นางรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×