คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : :::Whisper4 (อดีต)
CHAPTER 4
“เจสนึกว่าปริ้นซ์จะไม่มาซะอีกนะคะ”
หญิงสาวเดินออกมาเปิดประตูห้องทันที เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังรัว เธอเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มพรายบนใบหน้า คยูฮยอนไม่รอช้าเขารีบเดินชนไหล่เจสสิก้าแล้วเข้ามาในห้องทันที
“มีอะไร?”
ชายหนุ่มถามก่อนนั่งลงที่โซฟา
“มานั่งนี่สิคะ”
หญิงสาวกวักมามือเรียก คยูฮยอน เขาเดินมาที่โต๊ะทานอาหารภายในห้องที่ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารดุจมีงานเลี้ยงฉลอง เธอยื่นแก้วไวน์ให้กับเขา
คยูฮยอนมองท่าทีของเจสสิก้าด้วยอารมณ์ไม่พอใจ แต่ก็เต็มใจดื่มเพราะบางทีไวน์แก้วนี้อาจดับอารมณ์ของเขาได้บ้าง
....แต่เขาคงไม่รู้ว่า..เขาน่ะคิดผิดถนัด ไวน์แก้วนี้นะแหละที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด....
“มีไรก็ว่ามา”
“ดื่มให้หมดก่อนสิคะ นั่นแหละค่ะ...”
“อย่ามาลี..ลา...”
สติของเขาเริ่มเลือนรางด้วยฤทธิ์ของยาที่เจสสิก้าแอบใส่ลงไปนั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่ม
โงนเงน ยาชนิดนี้ไม่ได้ทำให้หลับแต่มันมีผลควบคุมคนที่กินไปให้ทำตามสั่งของคนสั่ง หล่นยิ้มพรายให้กับความเจ้าเล่ห์ของตนเองแล้วมองดูแก้วไวน์ที่ คยูฮยอนดื่มจนหมดแก้ว
เธอเดินไปกระซิบข้างหูของชายหนุ่มก่อนพูดบางอย่าง...
“ปริ้นซ์ฟังนะคะ...ต่อจากนี้ปริ้นซ์ต้องพูดตามเจสทุกอย่าง”
“อืม ฉันจะพูดตามเธอทุกอย่าง”
คยูฮยอนพูดตามเจสสิก้าอย่างว่าง่าย หญิงสาวเอื้อมมือไปกดเทปบันทึกเสียงก่อนจะกระซิบให้คยูฮยอนพูดตามเธอ
“ตามจริงแล้วฉันไม่ได้รักพี่ซองมินเลย... พี่ซองมินก็แค่ของเล่นของฉันเท่านั้น พี่เค้าโง่...พี่เค้าโง่เกินกว่าจะมาคบกับฉัน...พี่เค้าทั้งน่าเบื่อ จุ้นจ้าน น่ารำคาญ... ฉันต้องการให้เค้าออกไปจากชีวิตฉันซะ... ฉันรักแค่เธเพียงคนเดียว เจสสิก้า...”
คยูฮยอนพูดตามที่เธอสั่งอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว เจสสิก้ากดปิดบันทึกเสียงก่อนที่เธอจะดำเนินการของแผนต่อไป ไม่ใช่เสียง แต่เป็นภาพ...
เธอพยุง คยูฮยอนไปที่เตียงนอนแล้วค่อยๆปลดกระดุมของเขาอก แล้วก็ค่อยๆเปลือยไปทั้งร่าง ก่อนที่เธอจะเปลือยตามไป
“เข้ามา...ถ่ายทุกมุมเลยนะ”
แล้วจึงมีตากล้องที่เธอจ้างมาคอยถ่ายภาพแทนเธอ
...ปริ้นซ์คะ ปริ้นซ์ต้องเป็นของเจส และของเจสคนเดียวเท่านั้น...
เย็นของวันหนึ่ง...
ร่างบางเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีคนเดียว เพื่อจะไปหาคนรักที่ตอนนี้คงมารอเขาอยู่ที่หน้าตึกแล้ว แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อมีคนที่ไม่อยากเจอมาขวางทางอยู่
ถึงคราวนั้นที่คยูฮยอนไม่ได้มารับเขา มันจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซองมินสบายใจมากซักเท่าไร หนำซ้ำ ลางเค้าเรื่องไม่ดีคงจะมีกลิ่นโชยมาจาก เจสสิก้าซะด้วย
“มีไรรึเปล่าเจส...”
เสียงหวานถามอย่างกล้าๆกลัว แต่หล่อนก็ไม่ได้ตอบอะไรแล้วรีบเดินปรี่มาที่
ซองมินก่อนจะหยิบเอาผ้าบางอย่างขึ้นมาแล้วใช้อุดจมูกเขา
ซองมินพยายามดิ้นอย่างขัดขืนแต่ด้วยกลิ่นฉุนนั่นทำให้เขาเริ่มหมดแรงดิ้น แล้วสติของเขาก็หมดไป...
.
.
.
.
.
.
.
.
สติที่หมดไปกลับมาอีกครั้งเมื่อร่างบางสัมผัสกับความเย็นของน้ำที่กระทบผิวและใบหน้า เขาสะบัดหน้าสองสามทีและพยายามใช้มือขึ้นมาขยี้ตา แต่ไม่เป็นผลเพราะเหมือนตัวเขาถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มัดแน่นจนเจ็บ
ซองมินลืมตาขึ้นก็พบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า แขนขงเขายืนมาที่หน้าของซองมินพลางในมือนั้นก็ภาพอะไรบางอย่างที่เขาเองก็มองไม่ค่อยชัดท่าไหร่
“ถ่างตาดูสิคะ ว่านี่มันเป็นภาพอะไร”
เสียงพูดแหลมๆนี้ทำให้ซองมินรู้ทันทีว่าเป็นใคร เขาพยายามปรับสายตาที่มัวให้ชัดขึ้น แต่เมื่อชัดขึ้นมันก็ทำให้เขายากปรับให้มันไม่รู้เรื่องอีกเหมือนเคย
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างเนิ่นนาน...ที่นัยน์ตานั้นสั่นระริกมองดูภาพตรงหน้าย่างตกใจ น้ำใสๆเอ่อล้นดวงตากลมนั่นก่อนจะค่อยๆไหลลงอาบแก้มขาว
ซองมินได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก เจสสิก้ามองภาพซองมินที่เกิดอาการช็อกย่างสมเพชริมฝีปากแดงเถือกเหยียดยิ้มอย่างสะใจ มือเรียวของเธอบีบคางของซองมินแรงๆ
“ทีนี้รุ่นพี่ก็หายโง่แล้วสินะคะ... จะได้รู้สักทีว่าปริ้นซ์น่ะเค้าไม่ได้สนใจอะไรเลย”
ซองมินฟังคำพูดนั้นอย่างเสียใจเขาไม่ปัดมือของเจสออก ไม่คิดแม้แต่จะหายใจออกมาเพราะตอนนี้เหมือนเวลาแห่งความเจ็บปวดมันหมุนวนอยู่เรื่อยๆตรงที่กลางอก...
“ยังมีอีกนะคะ”
“พะ...พอได้แล้ว...พอซักทีเถอะ ฮือๆๆ”
เมื่อเห็นท่าว่าเจสจะไม่หยุดง่ายๆเขาก็รีบขัดขึ้นมา น้ำตาใสยังคงไหลต่อไปเสียงหวานร่ำไห้และสะอึกสะอื้นจนจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่กระนั้นเจสสิก้าก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้
...ภาพอย่างเดียวไม่พอหรอก มันต้องมีเสียงประกอบด้วย...
“ตามจริงแล้วฉันไม่ได้รักพี่ซองมินเลย... พี่ซองมินก็แค่ของเล่นของฉันเท่านั้น พี่เค้าโง่...พี่เค้าโง่เกินกว่าจะมาคบกับฉัน...พี่เค้าทั้งน่าเบื่อ จุ้นจ้าน น่ารำคาญ... ฉันต้องการให้เค้าออกไปจากชีวิตฉันซะ... ฉันรักแค่เธอเพียงคนเดียว เจสสิก้า...”
“.........!!!!”
ทันทีที่เสียงนั่นออกมาจากเครื่องเล่นเทปเหมือนเสียงเพียงเบาๆนั้นมันจะยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดลงไปมากกว่าเดิม ถ้อยคำและน้ำเสียงนั่น เป็นของ โจว คยูฮยอน ไม่ผิดแน่
แต่ถึงอย่างนั้นซองมินก็ยังอยากหวัง อยากคิดเข้าข้างตัวเองให้มันเป็นเสียงของคนอื่นที่ไม่ใช่คนรักของเขา ให้มันเป็นเพียงแค่เสียงจากคนคนหนึ่งที่ไม่ใช่ คยูฮยอน ...
ปัก...
เสียงโขกเบาๆของวัตถุบางอย่างโขกลงที่กลางหน้าผากของซองมิน ตากลมเหลือบขึ้นมองวัตถุนั้นช้าๆ ก่อนที่มันจะเบิกกว้าง...
“เธอ...ปืนนี่...จะทำอะไรพี่เจส...”
“ไม่น่าถามเลยนะคะ...พี่คงไม่คิดว่าเจสจะเอาปืนมาขัดเล่นตอนนี้หรอกนะฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังลั่นในโกดังเก็บของมืดๆนี้ ก่อนจะตามมาด้วยประโยคถัดไป
“เจสก็แค่...จะทำให้พี่หายไปจากชีวิตปริ้นซ์ตลอดกาลไงคะ^^”
ร่างสูงระหงส์ถอยห่างออกจากร่างบางหลายก้าวก่อนที่แขนเรียวจะยกขึ้นในระดับลำตัวของซองมินนิ้วเรียวยาวเหนี่ยวไกรปืนช้าๆแล้วยกยิ้มร้าย...
“ลาก่อนค่ะ...”
ปัง!!!!!!
เสียงปืนดังไปทั่วบริเวณก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปพร้อมทิ้งภาพและคลิปเสียงไว้ในที่เกิดเหตุหลังจากจัดการลบรอยนิ้วมือไปหมดแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
“ได้ยินเสียงปืนมั้ยน่ะ?ดังมาจากโกดังนั่นน่ะไปดูกันเถอะ”
ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นรีบวิ่งมาตามเสียงปืน พวกเขากรูกันเข้ามาก่อนที่จะพบร่างบางๆของซอองมินที่อยู่ในสภาพถูกมัด และบริเวณอกมีเลือดซึมทั่วเสื้อสีขาวจนมันกลายเป็นสีแดง
ชาวบ้านรีบช่วยกันแก้เชือกที่มัดซองมินออกก่อนใช้โทรศัพท์ของซองมินกดหาเบอร์คนที่โทรออก เพื่อเรียกให้มาดูอาการก่อนที่พวกเขาจะนำร่างซองมินส่งโรงพยาบาล
ผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าที่คุณหมอจะทำการผ่าตัดเสร็จตอนนี้หลังจากที่ ลีทึก ฮีชอล
ทงเฮ ฮยอกแจ เรียวอุค บันดาเพื่อนๆและน้องๆได้เห็นรูปและคลิปเสียงที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุก็เข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว...
หลายวันอยู่เหมือนกันกว่าที่ซองมินจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เปลือกตาบางๆขยับเปิดออก ก่อนจะเริ่มชัดขึ้น ตามกลมโตกวาดมองไปทั่วบริเวณห้อง
นัยน์ตาดำขยับสะท้อนภาพของผู้ชายหลายคนที่หน้าตาหวานสวยเหมือนผู้หญิง พวกนั้นมองมาที่เขาด้วยความยิ้มแย้ม เหมือนดีใจอะไรกันซักย่าง
“เป็นไงบ้างซองมินปวดหัวมั้ย?” หนึ่งในนั้นเอ่ยถาม
“นี่ๆรู้สึกไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างรึยัง”
ก่อนจะตามมาด้วยคำถามากมายจนเขาเริ่มมึนงงและปวดหัว
...คนพวกนี้มาทำอะไรกันที่นี่แล้ว...เขาเป็นใครกัน?
“ขะ...ขอโทษนะครับ...พะ..พวกคุณ...เป็นใครกัน?”
“
..!!!”
100%
ไม่เม้นไม่อัพครับผม
ความคิดเห็น