ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny พรหมลิขิต ขีดเส้นรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : นักเรียนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 126
      0
      30 ต.ค. 55

     

    “สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.6 ทุกคน วันนี้ครูมีนักเรียนใหม่มาแนะนำ และเขาจะมาเรียนกับพวกเราในปีการศึกษานี้ด้วย” เสียงของอาจารย์วรรณวิมล อาจารย์ประจำชั้นม.6/2 ดังขึ้น ทำให้ฉันที่กำลังก้มลงเขียนหนังสือ...เงยหน้าขึ้นมอง อาจารย์วรรณวิมลหันไปทางด้านนอกประตู พร้อมควักมือเรียกให้คนด้านนอกเดินเข้ามา

    ร่างสูงในชุดนักเรียนม.ปลายก้าวเข้ามาในห้องเรียน เรียกเสียงกรี๊ดจากนักเรียนหญิงอย่างมากมายด้วยความสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนต์ บวกกับใบหน้าหล่อคมเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลประกายระยิบระยับ พร้อมผมซอยสั้นสีน้ำตาลทองตามสมัยนิยม และรอยยิ้มหวานที่เจ้าตัวยิ้มให้คนในห้อง ก็ยิ่งทำให้เสียงกรี๊ดดังขึ้นไปอีก หากก็แฝงด้วยน้ำเสียงโห่ของนักเรียนชายที่หมั่นไส้ในความหล่อเกินพิกัดของนักเรียนใหม่ หากฉันเพียงแค่มองนิ่งๆ แล้วจึงก้มลงเขียนหนังสือต่อ โดยไม่สนใจคนที่ยืนหน้าห้องอีก

    “เงียบๆหน่อยสินักเรียน อ่ะ แนะนำตัวเองหน่อยสินักเรียนใหม่” เสียงของอาจารย์วรรณวิมลดังขึ้นอีกครั้ง เพื่อปรามเสียงของคนในห้อง นั่นทำให้เสียงกรี๊ด รวมทั้งเสียงโห่หยุดลง ก่อนที่นักเรียนใหม่จะเริ่มแนะนำตัวเอง

    “สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน ผมชื่อเอ็มซี มาจาก St. Peter College ครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ” ทั้งที่เอ็มซียังไม่ทันพูดจบเลยด้วยซ้ำ หากก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นมาอีกระลอก แล้วยังมีเสียงเพ้อฝันของเพื่อนผู้หญิงบางคนที่นั่งใกล้ๆฉันดังออกมา บ้างก็ว่าเหมือนหลุดออกมาจากนิยาย บ้างก็ว่าผู้ชายในฝัน และอื่นๆอีกมากมาย ในขณะที่ฉันอดจะเบ้หน้าไม่ได้ เพื่อนๆของฉันทำกับไม่เคยเห็นผู้ชายไปได้ เฮ้อ~

    “โอเคจ้ะ ยินดีต้อนรับสู่ห้องม.6/2 นะจ้ะ อาจารย์ชื่อว่าอาจารย์วรรณวิมลจ้ะ อืม...เอาเป็นว่าเธอไปนั่งข้างศุภวดีย์แล้วกัน เพราะตรงนั้นยังมีที่ว่างอยู่”

    คำพูดของอาจารย์วรรณวิมลทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ เฮ้ย! ทำไมต้องมานั่งข้างฉันด้วยอ่ะ ในขณะที่นักเรียนใหม่ยังคงยิ้มหวาน พร้อมตอบรับคำของอาจารย์สั้น ก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะข้างๆฉันที่มันยังว่างอยู่ตรงริมหน้าต่าง เนื่องจากเจ้าของโต๊ะนี้ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่นแล้ว เฮ้อ~ ช่วยไม่ได้แฮะ รู้จักไว้ก็คงไม่เป็นไรมั้ง

    ฉันหันไปมองคนข้างตัว และเตรียมตัวจะแนะนำตัวเองกับเขา หากสายตาที่เอ็มซีมองมากลับทำให้ฉันนิ่งไป ฉันไม่รู้ว่าเขามองฉันด้วยสายตาแบบไหน แต่มันทำให้ฉันไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้

    “วะ...หวัดดีเอ็มซี เราชื่อสายรุ้ง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” นานหลายนาทีกว่าที่ฉันจะรู้สึกตัว ฉันละสายตาจากร่างสูง พร้อมเอ่ยแนะนำตัวเองตามที่ตั้งใจไว้ หากคนข้างตัวฉันก็ยังไม่มีทีท่าที่จะละสายตาจากฉันเลย “...ทำไมมองรุ้งแบบนั้นล่ะ มีอะไรรึเปล่า?” ฉันเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง เมื่อคนข้างตัวไม่ยอมละสายตาจากฉันสักที นั่นทำให้เขาดูเหมือนจะรู้สึกตัว เขาจึงพูดขึ้นบ้าง

    “ปะ...เปล่า ยินดีที่ได้รู้จักนะรุ้ง เราเอ็มซีนะ”

    “รู้แล้ว...ก็เพิ่งแนะนำตัวไปเมื่อกี้ไม่ใช่รึไง?” ฉันถามยิ้มๆ เมื่อเจ้าตัวยังดูงงๆมึนๆ และบอกชื่อของเขากับฉันอีกครั้ง ไหวไหมเนี่ย?

    “เออ...นั่นสิ” เอ็มซีเกาหัวตัวเองอย่างเขินๆ พร้อมยิ้มแหยๆให้ฉัน ก่อนที่คนข้างตัวฉันอีกคนจะเขย่าแขนฉัน และมองฉันอย่างล้อๆ

    “เอ็มซีชอบรุ้งแน่ๆเลย” อิงฟ้า...เพื่อนสนิทของฉันพูดแหย่ พร้อมบุ้ยหน้าไปทางเอ็มซีที่กำลังสนใจการเรียนอยู่ ทำให้ฉันอดดุเพื่อนสาวไม่ได้

    “บ้าน่าอิง...เพิ่งจะเจอกันวันแรกเองนะ”

    “...รักแรกพบไง ฮ่าๆ” เพื่อนสาวของฉันยิ้มกว้าง พร้อมอธิบายต่อ “...ไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนเราจะตกหลุมรัก หลังจากที่สบตากันเกิน 8 วิ”

    “บ้าน่า...” ฉันส่ายหน้ากับความคิดเว่อร์ๆของเพื่อนสนิท ก่อนจะหันไปสนใจการเรียนต่อ อิงฟ้ายักไหล่เหมือนไม่สนใจ แล้วเราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก



    กริ๊ง~

    ไม่นาน เสียงกริ่งบอกพักกลางวันก็ดังขึ้น เพื่อนๆในห้องฉันต่างโห่ร้องดีใจ ก่อนจะรีบเก็บของ และเดินออกจากห้องไป ในขณะที่ฉันไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก จึงค่อยๆเก็บของของตัวเอง พลางคุยกับเพื่อนสนิทของตัวเองไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าฉันจะลืมใครสักคนไป...

    “ไปกินข้าวด้วยกันไหม...เอ็มซี?” เพื่อนสาวของฉันเอ่ยถามนักเรียนใหม่ นั่นทำให้ฉันอดจะมองอิงฟ้าอย่างปรามๆไม่ได้ หากดูเหมือนว่าเพื่อนสาวจะไม่สนใจสายตาของฉันมากนัก เพราะเธอมัวแต่สนใจเอ็มซีที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

    “ไปสิ...” ร่างสูงตอบกลับมาแทบจะในทันที นั่นทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ฉันรู้สึกว่าเขาเข้าหาฉันเร็วเกินไป หรือบางที...ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เอ็มซีคงจะแค่ไม่มีเพื่อน เพราะเขาเพิ่งจะเข้ามาใหม่ เขาถึงตอบรับคำชวนของ     เพื่อนสาวฉัน...ก็ได้

    “อ่อ...เราชื่ออิงฟ้านะ เป็นเพื่อนสนิทของรุ้ง” เพื่อนสาวของฉันแนะนำ     ตัวเองกับเอ็มซี ซึ่งร่างสูงก็ทำเพียงพยักหน้ารับ และยิ้มให้เพื่อนสนิทของฉันอย่างเป็นมิตร แต่ก็ยังไม่วายหันไปยิ้มหวานให้กับผู้หญิงคนอื่นที่เดินผ่านมา มันทำให้ฉันอดถามอิงฟ้าไม่ได้ว่า...

    “อิงชวนเขามาทำไมน่ะ?”

            “เอ็มซีคงยังไม่มีเพื่อน เขาเพิ่งเข้ามาวันนี้เป็นวันแรกนะรุ้ง อย่าคิดมากน่า” ร่างบางพูดยิ้มๆ นั่นทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความไม่ชอบใจ

             “แต่อิงก็รู้ว่ารุ้ง...”

             “...เกลียดผู้ชายเจ้าชู้” อิงฟ้าต่อคำพูดของฉันอย่างรู้ทัน แล้วฉันก็พยักหน้ารับ “...เขาอาจจะแค่มนุษย์สัมพันธ์ดีก็ได้นะรุ้ง เธออย่ามองคนแต่ภายนอกสิ” เพื่อนสนิทของฉันต่อคำพูดของตัวเอง นั่นทำให้ฉันต้องพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ โอเค...เอ็มซีแค่มนุษย์สัมพันธ์ดี ฉันบอกตัวเองแบบนั้น

               เมื่อเดินมาถึงที่โรงอาหาร เราทั้งสามคนก็แยกกันไปซื้ออาหารกลางวันทาน จริงๆมันก็ไม่เชิงว่าแยกกันหรอก เพียงแต่ฉันแค่ปลีกตัวออกมา แล้วเพื่อนสนิทของฉันก็พาเอ็มซีไปดูร้านต่างๆในโรงอาหาร ซึ่งมีทั้งอาหารไทย และ      ต่างประเทศ ฉันเลือกซื้อข้าวมันไก่ ในขณะที่อิงฟ้าซื้อบะหมี่น้ำ และเอ็มซีซื้อสปาเก็ตตี้มาทาน

                “เอ็มซีย้ายมาจาก St. Peter เหรอ?” อิงฟ้าเอ่ยถามคนข้างตัวเธอ ก่อนที่ร่างสูงจะพยักหน้า พร้อมตอบกลับมา

                “อื้ม...พอดีพ่อของเราย้ายมาทำงานแถวนี้น่ะ” ร่างสูงตอบรับ พร้อมบอกเหตุผลที่ย้ายมาเรียนที่นี่ เหอะ~ ยังไม่มีใครถามเลยด้วยซ้ำ ใครอยากรู้กัน “...แล้ว...อิงฟ้ากับสายรุ้งเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วเหรอ?” เอ็มซีถามกลับมาอีกครั้ง และก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของฉันที่เป็นคนตอบ

                 “ใช่จ้ะ...เราทั้งคู่รู้จักกันตอนขึ้นม.ปลายน่ะ เพราะต่างก็เพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่นกันทั้งคู่ พวกเราก็เลยสนิทกันมาตลอด” อิงฟ้ายิ้มรับ ก่อนที่คนทั้งคู่จะคุยกันเรื่องอื่น ในขณะที่ฉันกลับไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ทำเพียงแค่นั่งทานข้าวเงียบๆเท่านั้น

                  “เอ่อ...รุ้งเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมเงียบจัง?” และแล้วเอ็มซีก็รู้สึกถึงความเงียบของฉัน นัยน์ตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวประกายระยิบระยับเหมือนเมื่อตอนเช้าที่ฉันเห็นเขาตอนแรก หากแต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความกดดันที่เจ้าตัวอยากให้ฉันตอบคำถามของเขา แม้ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็เถอะ

                  “รุ้งอิ่มแล้ว...ขอตัวนะ” ฉันหลบสายตาที่มองมา พร้อมลุกขึ้น ก่อนจะพูดกับเพื่อนสาว แล้วจึงเดินออกมาจากโต๊ะอาหารทันที

                   “รุ้ง...” ร่างบางทำท่าจะตามมา หากเธอคงรู้ว่าฉันอยากอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนใจนั่งลงข้างๆเอ็มซีเหมือนเดิม ในขณะที่ฉันก็เอาจานไปเก็บ และหาที่นั่งเงียบๆอยู่คนเดียว

                    ฉันเกลียดความกดดัน ฉันไม่ชอบให้ใครมากดดัน หรือพยายามให้ฉันทำอย่างที่เขาคิด ฉันรู้ว่าเอ็มซีคงไม่ได้ตั้งใจที่จะมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น แต่ฉันเองก็ยังรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่มองมาอยู่ดี

     
     

                    “รุ้งจ๋า...เอ็มซีชอบสีอะไรเหรอ?”

                    “เขาชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ?”

                    “แล้วเขาชอบทานอะไรเหรอ?”

                    เพื่อนผู้หญิงเกือบทั้งห้องล้อมโต๊ะฉันทันที...ที่ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง เหอะ~ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กนักเรียนใหม่เพิ่งจะเข้ามาเรียนที่นี่เมื่อวานนี้ ก็ดูสิ...เขาป๊อปปูล่ามากขนาดนี้ มันคงเป็นเพราะความหล่อเกินพิกัดของเจ้าตัวล่ะมั้ง

                    “รุ้งไม่รู้...” เมื่อฉันตั้งสติได้...จึงตอบคำถามมากมายของเพื่อนในห้องด้วยคำตอบสั้นๆ ฉันแอบกรอกตาเล็กน้อย พร้อมแอบคิดในใจ...ก็คนมันไม่อยากรู้นี่

                    “งั้นรุ้งก็ถามให้พวกเราหน่อยสิ น้าๆๆ” มายด์...เพื่อนที่ฉันสนิทน้อยกว่าอิงฟ้าเอ่ยถามขึ้น นัยน์ตาสีดำสนิทฉายแววขอร้องอย่างสุดๆ นั่นทำให้ฉันอดเบ้หน้าไม่ได้

                    “รุ้งไม่ได้อยากรู้นี่นา ใครอยากรู้ก็ไปถามกันเอาเองสิ” ฉันตอบกลับไปตามความรู้สึกของตัวเอง นั่นทำให้เพื่อนผู้หญิงที่ล้อมโต๊ะแอบถอนหายใจ

                    “อิง...ช่วยพูดกับรุ้งให้หน่อยสิ” และเมื่อพวกเธอขอร้องฉันไม่ได้ เลยหันไปหาอิงฟ้า...เพื่อนสนิทของฉัน แต่ก็ยังไม่วายเอาฉันไปเอี่ยวด้วยอยู่ดี

                    “เรื่องนี้อิงไม่เกี่ยวนะ” เจ้าตัวรีบปฏิเสธทันที นั่นทำให้ฉันและเธออดหัวเราะไม่ได้ เล่นเอาทุกคนที่อยากรู้ต้องล่าถอยไป เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจะถามให้พวกเธอจริงๆ

                    เมื่อทุกคนกลับไปนั่งที่ของตัวเอง สายตาของฉันก็พลันไปเห็นผู้ชายหน้าหวานคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนของฉัน พร้อมโบกมือ และมองมาทางฉันด้วย หากฉันรู้ดีว่าผู้ชายที่ฉันเห็นไม่ได้โบกมือมาให้ฉัน แต่กลับเป็นคนข้างๆฉันต่างหาก

                    “รู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้ว?” ฉันถามขึ้นทันที โดยไม่เปิดเรื่องอะไรทั้งสิ้น ซึ่งดูเหมือนเพื่อนสาวของฉันจะเข้าใจดีว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร เพราะเธอยอมตอบกลับมา แม้จะเป็นเพียงคำตอบสั้นๆก็เถอะ

                    “2 อาทิตย์”

                    “เป็นแฟนกันมากี่วัน?”

                    “2 วัน”

                    “อิง...ทำไมถึงไม่ลองรู้จักใครสักคนให้นานกว่านี้ อิงใช้เวลาแค่สองอาทิตย์ในการรู้จักใครสักคน แล้วก็ยอมเป็นแฟนกับเขาอย่างนั้นเหรอ?” เมื่อร่างบางพูดจบ ฉันก็อดที่จะเตือนเพื่อนสาวของตัวเองไม่ได้

                    “รุ้ง...ความรักมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก บางทีเวลาก็ไม่ใช่คำตอบว่ามันดี หรือไม่ดีนะรุ้ง คนบางคนรักกันมาเป็นสิบๆปี ยังเลิกกันเลย บางครั้งเวลาก็ไม่ได้คำตอบของทุกอย่างนะ...”

                    “แต่สิ่งที่รุ้งเห็น มันตรงข้ามกันนะอิง กี่ครั้งแล้วที่อิงเป็นฝ่ายถูกบอกเลิก แล้วก็ต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย เพราะยังไม่รู้จักเขาดีพอ”

                    ก็อย่างที่ฉันพูด ตลอดระยะเวลาที่ฉัน และอิงฟ้าสนิทกันมา เธอมักจะเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ และมักจะเป็นเธอที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง และจะมาร้องไห้ฟูมฟายกับฉันเป็นประจำ ทุกคนที่อิงฟ้าคบ ใช่ว่าเธอจะรู้จักเขาดีพอ อย่างมาก เธอก็แค่คุยๆกับเขาสักระยะ แล้วคนทั้งคู่ก็เป็นแฟนกัน บางทีฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทั้งๆที่อิงฟ้ามักจะเป็นฝ่ายเสียใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เคยเข็ดสักที

                    “บางทีถ้ารุ้งยอมเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต รุ้งจะไม่ถามอิงแบบนี้เลย...” ฉันนิ่ง เมื่อเพื่อนสนิทของฉันพูดตอบกลับมา ยอมเปิดใจอย่างนั้นเหรอ? ตัวฉันเองไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น รวมทั้งไม่คิดว่าตัวเองจะทำแบบนั้นด้วย

                    “รุ้ง...”

                    “กรี๊ด!

                    เพียะ!

                    เสียงทั้งสามเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว เสียงแรกเป็นเสียงที่ใครบางคนเรียกชื่อฉันเบาๆที่ข้างใบหู นั่นทำให้ฉันที่กำลังนั่งคิดอะไรเงียบๆอยู่คนเดียวถึงกับกรี๊ดออกมาเบาๆ และมันก็ทำให้อิงฟ้าถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ พร้อมกับการที่ฉันยกมือซ้ายตีเข้ากับสิ่งมีชีวิตสิ่งนั้นด้วย

                    “โอ๊ย!

                    “เอ็มซี!” ฉัน และอิงฟ้าเรียกชื่อของคนมาใหม่พร้อมกัน เมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอยของเจ้าตัวดังขึ้น ร่างสูงยกมือขึ้นมากุมแก้มด้านซ้ายของตัวเองที่...เอ่อ...ถูกฉันตบ ซึ่งฉันว่ามันก็คงแรงพอที่จะทำให้เอ็มซีร้องออกมาแบบนี้

                    “รุ้ง...รุ้งขอโทษ รุ้งไม่ได้ตั้งใจ เอ็มซีเจ็บมากไหม?” ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด ในขณะที่เจ้าตัวเลื่อนตัวมานั่งที่ของเขา ซึ่งอยู่ข้างๆฉัน ร่างสูงไม่ตอบคำถามของฉัน แต่เลือกที่จะเอามือที่กุมแก้มออก เผยให้เห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าจางๆบนแก้มด้านซ้ายของเขา นั่นทำให้ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ และผงกหัวให้เขาเป็นเชิงขอโทษเท่านั้น

                    “นี่รุ้งแน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจ ถามจริงเหอะ แค้นอะไรส่วนตัวป่ะเนี่ย?” เอ็มซีถามกลับมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ แหม~ ถามมาได้ว่าแค้นอะไรส่วนตัวรึเปล่า จริงๆก็ไม่ได้แค้นหรอก ก็แค่...หมั่นไส้ในความหล่อนเกินพิกัดของเจ้าตัวเท่านั้นเอง

                    “เปล่าสักหน่อย ก็เอ็มซีเล่นมาเงียบๆ ใครจะไม่ตกใจล่ะ มือมันก็เลยเป็นไปโดยอัตโนมัติของมัน” แม้จะคิดในใจแบบนั้น หากสิ่งที่ตอบกลับไป กลับเป็นสิ่งตรงข้ามกับที่ฉันคิด “...ป่ะ ไปห้องพยาบาลกัน เอาน้ำแข็งมาประกบที่แก้มเสียหน่อย จะได้ดีขึ้น”

                    ฉันพูดต่อ ก่อนที่คนข้างตัวจะพยักหน้า และส่งยิ้มทะเล้นๆมาให้ฉัน นั่นทำให้ฉันอดยิ้มตามด้วยไม่ได้ นี่ขนาดว่าเขาถูกฉันตบ (แบบไม่ได้ตั้งใจ) นะเนี่ย แต่ก็ยังมีอารมณ์มายิ้มแบบนี้อีก

                    “เดี๋ยวรุ้งมานะอิง”

                    “อื้อ” ฉันหันไปบอกเพื่อนสนิท และเธอก็รับคำ พร้อมยิ้มให้ฉันอย่างล้อเลียนเหมือนเมื่อวานเปี๊ยบ โอ๊ย! สองคนนี้เป็นอะไรกันเนี่ย ยิ้มกันอยู่ได้ 

                    เราสองคนเดินออกมาจากห้องเรียน และมุ่งหน้าไปที่ห้องพยาบาล ซึ่งอยู่ด้านล่างของตึกเรียนนี้ หากแต่ตลอดทางที่เดินมา คนข้างตัวกลับไม่ยอมหยุดยิ้มสักที จนฉันทนไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้น

                    “ยิ้มอยู่ได้ เป็นอะไรมากไหม? หรือว่าชอบโดนตบ จะได้จัดให้อีกรอบ” ฉันหยุดเดิน และหันไปพูดกับเอ็มซี เอ่อ...จริงๆก็ไม่เชิงพูดหรอก ออกแนวตะคอกนิดหน่อย

                    “อ้าว...แค่ยิ้มก็ผิดเหรอเนี่ย?” เอ็มซีถามฉันกลับมา พร้อมทำท่างงๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันดูกวนตีนสุดๆเลยอ่ะ ฉันแอบจิ๊ปากเล็กน้อย และไม่ยอมตอบคำถามของเขา แล้วจึงรีบเดินต่อไปที่ห้องพยาบาลทันที

                    “อาจารย์ค่ะ รุ้งขอน้ำแข็งประคบหน่อยได้ไหมค่ะ? พอดีรุ้งเผลอไป ตบ เพื่อนเข้าน่ะค่ะ” ฉันเดินเข้าไปในห้องพยาบาล ตามด้วยเอ็มซีที่เดินตามเข้ามา ฉันเอ่ยขอน้ำแข็งประคบกับอาจารย์พรพิมล ก่อนที่ท่านจะยิ้มน้อยๆ และหันมาพูดกับคนข้างตัวฉัน

                    “ผู้หญิงตบ เค้าว่าผู้หญิงรักนะ”

                    “ไม่เกี่ยวกันสักหน่อยค่ะอาจารย์ แล้วมันก็เป็นเพียงอุบัติเหตุด้วย รุ้งไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นสักหน่อย แล้วคนที่ผิดก็ไม่ใช่รุ้งด้วย แต่เป็นเอ็มซีต่างหาก”

                    “นี่โยนความผิดให้กันแบบซึ่งๆหน้าเลยเหรอ?”

                    “ก็มันจริงไหมล่ะ ถ้า...”

                    “นี่มันห้องพยาบาลนะรุ้ง เกรงใจคนอื่นด้วย....เข้าใจไหม?” อาจารย์พรพิมลยกมือห้ามทัพที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างฉันกับเอ็มซี และแอบดุฉันเล็กน้อย เรียกเสียงหัวเราะจากเอ็มซีได้เป็นอย่างดี ทำให้แอบย่นหน้าน้อยๆ หากก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ชิ! อาจารย์นะอาจารย์ ปกติไม่เห็นจะแซวเพื่อนผู้ชายคนไหนของฉันเลย ไหงกลับมาแซวเอ็มซีได้ล่ะเนี่ย

                    อ่อ...ทุกคนอาจจะงงว่าทำไมฉันดูสนิทกับอาจารย์พรพิมลจัง นั่นก็เพราะว่าอาจารย์เคยสอนฉัน เมื่อตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยมต้น ก่อนที่อาจารย์จะย้ายมาที่โรงเรียนนี้ และเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลของที่นี่ ตอนที่ฉันมาโรงเรียนนี้ตอนม.ปลาย อาจารย์ยังจำฉันได้อยู่ มันเลยทำให้ฉันกล้าเล่นกับอาจารย์พรพิมลมากกว่าอาจารย์ท่านอื่นๆ

                    “นี่จ้ะ...” อาจารย์พรพิมลยื่นน้ำแข็งประคบมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะนำมันไปประคบที่แก้มของเอ็มซี...ที่กำลังนั่งยิ้มรอฉันอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของเคาน์เตอร์

                    “นี่ถ้ารุ้งไม่ได้เป็นคนทำให้เอ็มซีต้องเจ็บตัวแบบนี้ รุ้งคงไม่มาทำแบบนี้ให้หรอก” ฉันแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ดูเหมือนคนตรงข้ามฉันจะหูดีเกินไป

                    “ใจร้ายอ่ะ ทำให้แค่นี้ไม่ได้...โอ๊ย! เบาๆหน่อยสิรุ้ง” ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่ทันพูดจบ ฉันก็จงใจลงน้ำหนักมือที่แก้มของเขามากขึ้น เล่นเอาเอ็มซีถึงกับร้องเสียงหลงเลยทีเดียว

                    “เงียบไปเลยเอ็มซี ไม่งั้นรุ้งไม่ทำให้นะ” ฉันแอบดุเบาๆ ทำให้เอ็มซียอมสงบปากสงบคำของตัวเอง แต่ก็ยังไม่วายแอบบ่นอะไรอยู่คนเดียว “...ดีขึ้นรึยัง?”

                    “อื้อ” ฉันถามขึ้น เมื่อรู้สึกว่าตัวเองประคบแก้มของคนตรงข้ามมาสักพักแล้ว เจ้าตัวพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมมองฉันด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลประกายระยิบระยันที่ทำให้ฉันถึงกับนิ่ง และก็เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเป็นฝ่ายหลบตา

                    “ขอบคุณค่ะอาจารย์” ฉัน และเอ็มซียกมือไหว้ขอบคุณอาจารย์พรพิมล ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินออกมาจากห้องพยาบาล และมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องเรียนตัวเองเหมือนเดิม

     

     

                    “รุ้ง...เอ็มซื้อสร้อยมาให้” เอ็มซียื่นสร้อยคอเส้นเล็ก มีจี้รูปดาวสีเงินมาให้ฉัน...ที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับอิงฟ้า เล่นเอาฉันงงเลยทีเดียว

                    “เอ็มซีซื้อมาให้รุ้งทำไม?” ฉันเอ่ยถามขึ้น และยังไม่ยอมรับของจากเขาด้วย เจ้าตัวจึงแอบเบ้หน้าเล็กน้อย

                    “ก็...เมื่อวานเอ็มไปซื้อของที่ห้างมา แล้วพอเห็นสร้อยนี้ ก็เลยคิดถึงรุ้ง เอ็มจึงสร้อยเส้นนี้ซื้อมาให้”

                    “จี้รูปดาว?”

                    “ใช่...ก็...รุ้งเปรียบเสมือนดาวในในของเอ็มไง”

                    “กรี๊ด~

                    “แค่กๆ”

                    คำพูดของเอ็มซีเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆในห้องที่ได้ยินคำพูดนี้ รวมทั้งอิงฟ้าที่นั่งข้างๆฉัน ถึงกับอดส่งเสียงเตือนออกมาไม่ได้ ในขณะที่ฉันถึงกับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวที่ถูกเอ็มซีพูดแบบนี้ใส่

                    “รุ้ง...เอ่อ...รุ้งขอบคุณสำหรับน้ำใจดีๆที่เอ็มซีให้รุ้งนะ แต่...เอ่อ...รุ้งไม่ขอรับสร้อยเส้นนี้ไว้นะ คือ...รุ้งว่าเราสองคนเพิ่งจะรู้จักกัน บางทีรุ้งอาจจะไม่ได้ดีแบบที่เอ็มซีคิดก็ได้ ขอโทษนะ” ฉันก้มหัวขอโทษเอ็มซีน้อยๆ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ตั้งใจพูดให้เอ็มซีรู้สึกไม่ดี แต่ฉันก็ไม่อยากให้ความหวังใครเช่นกัน

                    ฉันคิดว่าการที่เอ็มซีซื้อสร้อยมาให้ฉัน นั่นแปลว่าเขาต้องชอบฉันไม่มากก็น้อย ฉันไม่ได้หลงตัวเองนะ เพียงแต่ฉันรู้สึกมาตั้งแต่วันแรกที่เขามาที่โรงเรียนนี้แล้ว เขาเล่นจ้องหน้าฉันขนาดนั้น แถมเมื่อวานก็ยังไม่โกรธที่ฉันทำร้ายเขาด้วย ผู้ชายมักจะเป็นเพศที่มีความอดทนค่อนข้างต่ำ แต่เอ็มซีกลับไม่คิดอะไร แถมยังยิ้ม และแหย่ฉันอีก หรือว่าจะเป็นวันนี้ที่เขาซื้อสร้อยคอมาให้ฉัน ทั้งๆที่เราสองคนเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไหนจะประโยคที่เขาพูดกับฉันเมื่อกี้นี้อีก มันดูมากเกินคำว่าเพื่อนจริงๆ

                    “อิงขอยืมตัวรุ้งแปบหนึ่งนะเอ็ม” อิงฟ้าที่นั่งฟังอยู่นานพูดขัดขึ้น เพื่อนสาวดึงแขนฉันมาที่ระเบียงหน้าห้องเรียน ก่อนจะพูดขึ้น

                    “เอ็มชอบรุ้งแน่ๆ” อิงฟ้าสันนิษฐาน ซึ่งมันก็เป็นแบบเดียวกับที่ฉันคิด ร่างบางนั่งลงบนม้าหินอ่อน ก่อนที่ฉันจะนั่งลงด้วย

                    “รุ้งก็คิดแบบเดียวกับอิงนั่นแหละ เอ็มแสดงออกมากเกินไป มันทำให้รุ้งรู้สึก...อึดอัด”

                    “แต่เอ็มก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา อิงว่ารุ้งลองเปิดใจ...ลองรักใครสักคน บางทีทุกอย่างอาจจะไม่ได้เลวร้ายแบบที่รุ้งคิดก็ได้”

                    “รุ้งกลัว...กลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บ รุ้งไม่อยากทรมานกับการที่ต้องรักคนที่เขา...อาจจะไม่ได้รักเรา รุ้งไม่อยากมานั่งร้องไห้นึกถึงความทรงจำดีๆที่เคยมีร่วมกับใครสักคน...”

                    “รุ้ง...” เมื่อร่างบางได้ยินสิ่งที่ฉันพูด อิงฟ้าจึงเรียกชื่อฉัน พร้อมส่ายหน้าเบาๆ เหมือนไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน

                    “รุ้งไม่เป็นไรหรอกอิง ถึงแม้ว่ารุ้งจะรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่รุ้งคิดว่าตัวรุ้งเองคงจะพอทนกับสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบนี้” ฉันพูดขึ้น พร้อมยิ้มน้อยๆ นั่นทำให้เพื่อนสนิทของฉันคลายกังวลลงได้บ้าง

                    “อื้ม” เพื่อนสาวยิ้มตอบกลับมา ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินกลับเข้าไปในห้องเรียน และทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โชคดีที่เอ็มซีก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แถมยังไม่ซักไซ้เรื่องที่ฉันไม่ยอมรับสร้อยของเขาด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×