ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชื่อมรักผูกหัวใจยัยตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 55


    สามีภรรยาคู่หนึ่งอุ้มลูกน้อยในวัยแบเบาะมายืนอยู่หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น อาคุมะ ฮานะ ผู้เป็นภรรยาร้องไห้แทบขาดใจ เธอกลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกของเธออีก อาคุมะ เรียว ผู้เป็นสามีหันมามองภรรยา และโอบที่ไหล่เธอ ก่อนจะพูดขึ้น

                “คุณ...เราสองคนเลี้ยงเขาไว้ไม่ได้หรอกนะ ผมว่าให้ลูกของเราอยู่ที่นี่สักพัก จนเราสองคนตั้งตัวได้ แล้วค่อยมารับลูกกลับไปเลี้ยงก็ได้
    ^^;” ผู้เป็นภรรยาหยุดร้องไห้ ก่อนจะหันหน้าไปมองสามี แล้วจึงหันมาดูลูกน้อยในอ้อมอก

               
    อาคุมะเป็นตระกูลที่มีความรวยเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตระกูลนี้โดนพิษเศรษฐกิจ ทำให้ล้มละลาย แม้ว่าจะไม่ถึงขนาดไม่มีอะไรกิน แต่เงินที่เหลืออยู่ไม่มากนี้ ก็ไม่สามารถเลี้ยงคนทั้งสามคนไว้ได้ ยิ่งตระกูลนี้มีทายาทเพียงคนเดียว นั่นคือ ผู้เป็นสามี ทำให้ทั้งคู่ไม่รู้จะแบกหน้าไปให้ใครช่วย นอกจากต้องนำลูกน้อยอายุเพียงไม่กี่เดือนมาไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนจะพยายามกลับไปฟื้นฟูธุรกิจของตนเอง แล้วจึงกลับมารับลูกน้อยกลับไปเลี้ยงดูอีกครั้ง

                “แต่ฉัน...ฮึกๆ...ฉันทำใจไม่ได้ ฉันเพิ่งคลอดลูกออกมาได้ไม่กี่เดือน แล้วทำไมถึงต้องมีอะไรมาพรากลูกไปจากฉันด้วย ฮือๆ” ผู้เป็นภรรยาพูดกับสามี ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ผู้เป็นสามีไม่รู้จะปลอบยังไง จึงทำได้เพียงกอดภรรยาไว้หลวมๆ และประคองเดินเข้ามาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ผู้เป็นสามีคลายอ้อมกอด ก่อนจะเดินไปพูดกับเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วจึงเดินกลับมาหาภรรยา

                “คุณ...ผมบอกให้เขาช่วยเลี้ยงลูกของเราไว้ในเวลาไม่นาน แล้วเมื่อเราตั้งตัวได้ เราจะกลับมารับลูกกลับไปเลี้ยงเหมือนเดิม”

                “ค่ะ”

                “เดี๋ยวฉันจะช่วยเลี้ยงลูกของคุณไว้เองนะค่ะ เชื่อใจฉันได้เลยค่ะ”

                เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากล่าวกับผู้เป็นภรรยาอย่างนอบน้อม และเป็นมิตร ก่อนจะรับยื่นมือมารับเด็กจากผู้เป็นภรรยา และกำลังจะเดินเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

                “เดี๋ยวก่อนค่ะ
    !

                เสียงของอาคุมะ ฮานะเรียกขึ้น ทำให้เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชะงักขา ก่อนจะหันกลับมาด้วยความสงสัย

                “คุณมีอะไรเหรอค่ะ?”

                “คือ...ฉันอยากจะสวมสร้อยให้ลูกน่ะค่ะ...จะได้รึเปล่าค่ะ”

                “อ๋อ...ได้ค่ะ”

                เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าพยักหน้ารับ เมื่อถูกฮานะถาม ก่อนจะเดินกลับไปหาเธออีกครั้ง มือบางถอดสร้อยออกมาจากลำคอ และนำมาใส่ให้กับลูกน้อย เธอมีลางสังหรณ์ว่าเธอจะไม่ได้เจอลูกอีก เธอจึงอยากให้สร้อย ซึ่งเป็นชื่อย่อของตระกูลไว้กับลูกน้อยของเธอ

                “ฝากดูแลลูกของฉันด้วยนะค่ะ”

                “ค่ะ”

                ฮานะกำชับอีกครั้ง เมื่อสวมสร้อยให้ลูกน้อยเสร็จแล้ว เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าพยักหน้ารับ และเดินอุ้มเด็กเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ในขณะที่สามีภรรยาคู่นี้ก็มองเธอจนลับตา ก่อนจะเดินกลับไป





                ชายหนุ่มร่างสูงลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น นัยน์ตาสีเทาเข้ม รับกับผมยาวรากไทรสีดำแซมเทา จมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่กำลังยิ้มแค่นๆให้กับเพื่อนสนิทตรงหน้าด้วยความเบื่อหน่าย ในขณะที่คนข้างๆ กลับเป็นสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงนางแบบชื่อดัง

                “สวัสดีครับ คุณชื่ออะไรครับ ผมชื่อยูกิ เป็นเพื่อนสนิทของอากิครับ”

               
    ทาเอดะ ยูกิ เพื่อนสนิทของ คุตาว่า อากิ พูดกับสาวข้างตัวของเพื่อนสนิทของเขาด้วยความเป็นมิตร ในขณะที่อากิกลับหันไปเบ้หน้า เพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นแววตาแพรวพราวของยูกิที่ส่งมาให้สาวข้างตัวของเขา แม้ว่ายูกิจะพยายามปกปิดแววตาแบบนี้ แต่อากิและยูกิเป็นเพื่อนกันมานาน ทำให้รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว

                “ฉันชื่อนามิค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    ^^

                “เช่นกันครับ
    ^^

                สาวหน้าหวานแนะนำตัวกับเพื่อนสนิทของอากิ โดยที่ไม่ยอมบอกว่าตัวเธอเป็นอะไรกับอากิ แต่คนอย่างยูกิก็ไม่คิดจะซักไซ้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าสาวตรงหน้าเป็นเพียงแค่ของเล่นแก้เบื่อของเพื่อนสนิทตรงหน้า

                “นามิครับ ผมขอคุยอะไรกับเพื่อนของผมเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ
    ^^

                “ได้ค่ะ
    ^^ งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อโกโก้มาให้คุณแล้วกันนะค่ะ ^^

                “ขอบคุณครับ”

                อากิมองนามิที่เดินไปจนลับตา ก่อนจะหันหน้ามามองเพื่อนสนิทของตนเอง

                “ฉันจะไปเรียนต่อที่ประเทศไทย”

                “ฮะ
    O_O” อยู่ๆอากิก็พูดขึ้น ทำให้ยูกิถึงกับงงว่าเพื่อนของตนเองนึกยังไงถึงอยากไปเรียนต่อที่ไทย

                “เออ...แกฟังไม่ผิดหรอก ฉันจะไปเรียนต่อที่ไทย
    -_-^

    .           “แล้ว...แกนึกยังไงจะไปเรียนต่อที่ไทยว่ะ
    -*-

                ยูกิถามเพื่อนสนิทด้วยความงง เมื่ออากิยืนยันที่จะไปเรียนต่อที่ไทยแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ยอมให้อากิไปหรอกนะ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ อากิถึงจะไปเรียนต่อที่ไทย

                “ฉันเบื่อญี่ปุ่น อยากไปเรียนที่อื่นบ้าง”

    “แล้วทำไมต้องเจาะจงว่าเป็นประเทศไทยด้วย -*-

    “...”

                ยูกิอดที่จะถามต่อไม่ได้ แต่คนตรงหน้ากลับเงียบ และไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก จนเมื่อนามิเดินกลับมา อากิจึงพาเธอไปที่อื่นทันที




     

    สองปีต่อมา

                หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ติดผอมบาง ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น นัยน์ตาสีดำสนิทที่ดูหวาน แต่ก็ดูลึกลับ รับกับผมยาวสลวยสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันที่ดูรั้น และริมฝีปากบางสีชมพูที่เรียบเฉย ทุกอย่างบนใบหน้าลงตัวบนโครงหน้ารูปไข่...ที่ผู้ชายคนไหนเผลอสบตา ก็อาจจะถอนสายตาไปจากเธอไม่ได้

                “คาริ ชิกะ พรุ่งนี้ฉันจะไปเมืองไทยแล้วนะ”


                หญิงสาวร่างผอมบางพูดกับ
    ซาโดระ คาริ และ ยามาดะ ชิกะ เพื่อนสาวที่สนิทที่นั่งอยู่ตรงหน้า

                “ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ล่ะ...ฮารุ”

                ยามาดะ ชิกะเพื่อนสนิทของ อาคุมะ ฮารุ ถามกลับมา เธอไม่คิดว่าเพื่อนสาวของเธอจะรีบร้อนไปที่ไทยขนาดนี้ ทั้งๆที่เมื่อวาน เพื่อนสาวคนนี้ได้บอกว่าจะไปอาทิตย์หน้า แต่ทำไมวันนี้ถึงได้เลื่อนไฟล์กลับไทยมาเป็นวันพรุ่งนี้แทนแล้วล่ะ?

                “พอดีงานของคุณพ่อที่เมืองไทยมีปัญหาน่ะ ทำให้คุณพ่อของฉันต้องเลื่อนไฟล์กลับไปเมืองไทยให้เร็วขึ้น ซึ่งก็คือวันพรุ่งนี้”

                “แล้วโทคิรู้รึยัง”

                คาริถามถึง อาคิระ โทคิ เพื่อนผู้ชายที่สนิทกับฮารุมาตั้งแต่เด็กๆ

                โทคิเป็นคนญี่ปุ่นโดยกำเนิด แต่ก็สนิทกับฮารุมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะบ้านของทั้งคู่ติดกัน โทคิจัดว่าเป็นคนหล่อ และมีความเป็นสุภาพบุรุษ โทคิเป็นชายหนุ่มร่างสูง นัยน์ตาสีดำสนิท ผมซอยสั้นสีน้ำตาลทอง จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากสีชมพูอ่อน

                “อืม...บอกแล้ว โทคิก็จะไปกับฉันด้วย แล้วไหนๆฉันจะไปเมืองไทยแล้ว ฉันก็เลยจะเรียนต่อที่นู้นเลย”

                “อืม...ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะฮารุ แม้โทคิจะพูดภาษาไทยได้ แต่ยังไงเขาก็พูดภาษาไทยไม่เก่งเท่าเธอหรอกนะ ฉันกลัวว่าเขาจะโดนหลอกเอาน่ะ”

                ชิกะพยักหน้ารับรู้ และเตือนฮารุเรื่องการพูดภาษาไทยของโทคิ เพราะโทคิเป็นคนญี่ปุ่นโดยกำเนิด แต่ก็สามารถพูดภาษาไทยได้บ้าง เพราะแม่ของฮารุที่เป็นคนไทยสอนเขา

                “อืม”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×