ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny พรหมลิขิต ขีดเส้นรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ความหลัง

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 55


    ฟิวส์เดินออกมาจากบ้านของสายรุ้ง ก่อนที่ลุงศักดิ์...คนขับรถประจำบ้านเขาจะเดินลงมาเปิดประตูให้เขา ซึ่งเหตุผลที่เขาเรียกลุงศักดิ์มารับก็เพราะ...

     

    ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น รุ้งชอบฟิวส์รึเปล่า? เสียงของแม่ศุวิสาทำให้ฟิวส์ที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งมันต้องเดินผ่านห้องครัวเข้าไป...ถึงกับชะงัก

    ฟิวส์เป็นเพื่อนของรุ้งนะค่ะแม่ รุ้งไม่คิดกับฟิวส์แบบนั้นหรอกค่ะ

    เป็นแค่เพื่อน? คำพูดที่รุ้งตอบกลับมา ทำให้ร่างสูงอดคิดในใจไม่ได้ว่า...เขาเป็นแค่เพื่อนของรุ้งเท่านั้นเหรอ?

    แล้วถ้าฟิวส์ไม่ใช่เพื่อนของลูกล่ะ?

    แม่ของสายรุ้งลองสมมติถึงสิ่งที่มันไม่เคยเกิดขึ้น และชายหนุ่มก็คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกับรุ้งมาตั้งแต่ตอนม.ต้น เพื่อนสาวของเขาคนนี้จะยังยอมให้เขาเป็นเพื่อนของเธอรึเปล่า ฟิวส์รู้ดีว่าการเข้าหารุ้ง...มันยากขนาดไหน เพราะเจ้าตัวดูเหมือนจะฝังใจกับเรื่องบางเรื่อง จนแทบจะไม่เปิดใจรับใครเข้ามาเป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนผู้ชาย สายรุ้งแทบจะไม่คุยกับใครเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าจะให้คุยกันจริงๆ สาวเจ้าก็ยังสร้างกำแพงให้คนคนนั้นรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าถึงผู้หญิงคนนี้ได้เลยจริงๆ

    แม่หมายความยังไงค่ะ?

    แม่หมายความว่าถ้าฟิวส์ไม่ใช่เพื่อนของลูกล่ะ แต่เขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักลูกดีพอ ลูกจะชอบเขาไหม?

    ถ้าเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ เขาคงจะไม่สามารถเข้าถึงความคิด และความรู้สึกของรุ้งได้มากขนาดนี้หรอก ยิ่งคำว่าชอบ...ก็ยิ่งจะดูเป็นไปได้ยากสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่าสายรุ้ง

    เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ถึงยังไงฟิวส์ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่รุ้งสนิทที่สุดอยู่ดีนั่นแหละค่ะ

    แค่คำว่าเป็นไปไม่ได้ที่ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบาง มันก็ทำให้เขาถึงกับรู้สึกชาไปหมด คำพูดที่รุ้งพูดออกไปดูจะไม่มีความหมายอะไรกับเธอ แต่มันมีผลต่อความรู้สึกของฟิวส์มากที่สุด

    ร่างสูงตัดสินใจหลบไปสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพัก ก่อนจะโทรบอกให้ลุงศักดิ์มารับเขาที่บ้านของสายรุ้ง แล้วจึงเดินบอกกับแม่ของสายรุ้งว่าต้องรีบกลับบ้าน โดยเอาแม่สามาอ้าง เขารู้ว่าร่างบางต้องสงสัย เพราะเธอรู้จักนิสัยเขาดีว่าเขาจะต้องมีอะไรในใจ หรือกำลังหนีปัญหาอะไรสักอย่าง...ถึงได้เอาแม่สามาอ้าง โชคดีที่สายรุ้งก็เพียงแค่สงสัย แต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา

     

    “ฟิวส์คงจะเป็น...ได้แค่เพื่อนของรุ้งจริงๆสินะ” ร่างสูงถอนหายใจ พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ โดยที่คำพูดของเขาคงไม่สามารถส่งถึงคนที่เขาอยากจะพูดประโยคนี้ด้วยจริงๆ

    ฟิวส์ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะย้อนกลับไปคิดถึงวันแรกที่ทำให้เขา และสายรุ้งได้รู้จักกัน ในวันแรกของการเปิดเทอมม.1

     

    ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อนในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ของนักเรียนชั้นม.1 และตอนนี้ทุกคนก็กำลังเดินเข้าไปในหอประชุม เพื่อรอฟังการปฐมนิเทศ เช่นเดียวกับเด็กใหม่อย่างฟิวส์ และสายรุ้งด้วย

    พลั่ก!

    ขอโทษค่ะ/ขอโทษด้วยครับ เสียงทั้งสองเสียงเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน เมื่อสายรุ้งกำลังรีบเดินเข้าไปในหอประชุม พร้อมกับที่ฟิวส์ก็รีบเดินเข้ามา ด้วยความที่ต่างไม่มองทางกันทั้งคู่ ทำให้ต่างชนกัน และฝ่ายหญิงก็ได้ลงไปกองกับพื้น เพราะแรงชนที่มากกว่าของฝ่ายชาย

    เป็นอะไรไหมครับ? ร่างสูงกว่าเอ่ยถามร่างบาง ก่อนจะพยุงเธอให้ลุกขึ้น มือบางปัดฝุ่นบนกระโปรงของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

    ในวินาทีที่สายรุ้งเงยหน้าขึ้นมา ฟิวส์กลับรู้สึกว่าเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ดวงตากลมโต นัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทมองเขาด้วยประกายหวาน พร้อมกับริมฝีปากสีขมพูอ่อนที่คลี่ยิ้มบางๆมาให้เขา ผิวขาวอมชมพู ดูรับกับผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกมัดเป็นเปียสองข้าง และคลอเคลียบนใบหน้าของหญิงสาว ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอผู้หญิงสวยๆ แต่กับคนนี้ มันให้ความรู้สึกที่แปลกไป เธอดูสะดุดตา และน่าตรึงใจเหลือเกิน

    เช่นเดียวกับหญิงสาวที่รู้สึกว่าคนตรงหน้าน่าดึงดูดใจ นัยน์ตาสีดำสนิท ภายใต้คิ้วคมเข้ม รับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน และริมฝีปากที่ได้รูปของเขา ผมซอยสั้นสีดำสนิทที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าคนตรงหน้าเธอช่างหล่อเหลือเกิน

    รุ้งไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะค่ะ และคนแรกที่หลุดจากภวังค์ก่อนก็คือสายรุ้ง ก่อนที่เธอจะหลบตาของคนตรงหน้าด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย เธอไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนจ้องหน้าเธอด้วยแววตาที่ดึงดูดใจมากขนาดนี้ มันทำให้เธอเริ่มทำตัวไม่ถูก ร่างบางก้มลงหยิบกระเป๋านักเรียนที่ตกลงบนพื้น เมื่อเธอชนกับร่างสูงกว่า เพื่อปิดบังความเขินของตัวเอง

    ชื่อรุ้งเหรอครับ? ร่างสูงถามขึ้น เมื่อเห็นว่าร่างบางตอบกลับมา และเรียกตัวเองด้วยคำว่า รุ้ง ซึ่งน่าจะเป็นชื่อของเธอเอง

    ค่ะ...ฉันชื่อสายรุ้งค่ะ ร่างบางรับคำ พร้อมบอกชื่อของตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้ น่าแปลกที่ฟิวส์กลับไม่รู้สึกว่าคนตรงหน้าของเขาพยายามหว่านเสน่ห์ให้เขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาเคยรู้จัก

    ยินดีที่ได้รู้จักครับ...เราชื่อฟิวส์นะ ร่างสูงกว่าบอกชื่อของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้เช่นกัน ก่อนที่คนทั้งคู่จะเดินเข้าไปในหอประชุม และนั่งลงเก้าอี้ยาวที่วางเรียงรางอยู่ในหอประชุม...เพื่อสำหรับเด็กนักเรียนมัธยมต้นที่กำลังจะเข้ามาเรียนที่นี่

     

    และนี่คือครั้งแรกที่ฟิวส์ได้รู้จักกับสายรุ้ง หญิงสาวร่างบางที่ติดตาตรึงใจเขาเป็นที่สุด น่าแปลก...ที่เขาดูจะเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่สนิทกับสายรุ้งมากที่สุด ต่างจากเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆในห้องที่พยายามจะทำความรู้จักกับเธอ แต่ร่างบางก็เพียงแค่ตอบรับ แถมยังพยายามสร้างกำแพง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชายพวกนั้นได้เข้าถึงตัวเธออีกด้วย

     

    จนมาถึงม.1 เทอม 2 ซึ่งเป็นเหมือนวันที่ทำให้สถานะเพื่อนสนิทของฟิวส์ และสายรุ้งไม่เหมือนเดิม เพราะฝ่ายชายที่แอบชอบอีกฝ่ายมาตั้งแต่แรกเจอ ได้ตัดสินใจบอกเธอในวันสุดท้าย...ก่อนการปิดภาคเรียนที่ 2 ของม.1

    ฟิวส์ชอบรุ้ง... ร่างสูงกว่าพูดกับร่างบาง และทำท่าสบายๆเหมือนกับว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก แต่มันก็ทำให้ร่างบางตกใจ และเบิกตากว้าง ...ฟิวส์ชอบรุ้งมาตั้งแต่วันแรกที่ฟิวส์เจอรุ้งในวันปฐมนิเทศ แล้วก็ชอบมาตลอดจนถึงตอนนี้

    แต่...รุ้งไม่ได้ชอบฟิวส์... ร่างบางตอบกลับมานิ่งๆ ตามความรู้สึกของตัวเอง และนั่นก็ทำให้คนข้างตัวเธอหัวเราะออกมา เล่นเอาสายรุ้งถึงกับงงเลยทีเดียว

    ฟิวส์รู้...ว่ารุ้งไม่ได้คิดอะไรกับฟิวส์ ฟิวส์ก็แค่สุขใจที่ได้บอก รุ้งไม่ต้องเครียดไปหรอก ฟิวส์หันมายิ้มกว้างให้สายรุ้ง ทำให้เธอรู้สึกชื้นขึ้นมาบ้าง ร่างบางไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกดีๆที่อีกฝ่ายมีให้ แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนสนิทคนนี้จริงๆ

    สายรุ้งมักจะไม่สนิทกับเพื่อนผู้ชายคนไหนมากนัก จริงๆมันก็มาจากตัวเธอเองนี่แหละ...ที่มีเรื่องฝังใจบางอย่างจนไม่กล้าสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนไหน อย่างมากก็แค่คุยกันในห้องเรียน หรือเวลาที่ทำงานร่วมกันเท่านั้น ตัวเธอยังแอบแปลกใจไม่ได้เลยว่าทำไมเธอถึงได้สนิทกับผู้ชายที่ชื่อฟิวส์มากขนาดนี้ แถมเธอยังกล้าพูดได้เลยว่าฟิวส์...เป็นเพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอสนิทมากที่สุดจริงๆ

    อาจจะเพราะว่าฟิวส์เป็นคนนิ่งๆเงียบๆ และไม่ค่อยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนมากนัก ตรงกันข้ามกับเวลาที่เขาอยู่กับเธอ เขาแทบจะกลายเป็นอีกคนไปเลยทีเดียว เพราะเขาทั้งขี้เล่น พูดเก่ง ปากหวาน รวมทั้งร่างเริงสุดๆอีกต่างหาก และอย่างสุดท้ายก็คือ...ฟิวส์แคร์ความรู้สึกของเธอมากที่สุดเลยล่ะ

    ทำไมฟิวส์ถึงชอบรุ้งล่ะ? ร่างบางถามกลับไป เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของร่างสูงกว่าทันที

    รุ้งเชื่อในรักแรกพบไหม? ฟิวส์ถามกลับมาบ้าง  แต่ยังไม่ทันที่สายรุ้งจะตอบ ร่างสูงกว่าก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน ...แค่ฟิวส์สบตารุ้งครั้งแรก  รุ้งก็เป็นเหมือนรักแรกพบของฟิวส์แล้ว ยิ่งพอฟิวส์ได้รู้จัก ได้มาสนิทกับรุ้งมากขึ้น มันก็ยิ่งทำให้ฟิวส์ชอบรุ้งเข้าไปอีก รุ้งไม่เหมือนใคร รุ้งไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่ฟิวส์เคยรู้จัก รุ้งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง รวมทั้งไม่พยายามเข้าหาใครก่อน นี่แหละมั้ง...คือสิ่งที่ทำให้ฟิวส์ชอบรุ้ง

     

    แต่หลังจากวันที่ฟิวส์สารภาพรักกับสายรุ้ง เขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย แม้แต่ในวันเปิดเรียนม.2 แต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันมาโดยตลอด ส่วนเหตุผลที่ร่างสูงไม่ได้เจอร่างบางนั้น มันก็เป็นเพราะว่าสายรุ้งได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น...ที่ซึ่งแม่ของเจ้าตัวย้ายไปทำงานอยู่ที่นั่น ซึ่งฟิวส์ก็ถูกย้ายโรงเรียนมาหลายครั้ง เหตุก็เพราะผู้หญิง ทำให้ทั้งคู่เริ่มขาดหายการติดต่อกัน จนกระทั่งตอนที่ทั้งคู่กำลังจะขึ้นม.3 อยู่ๆสายรุ้งก็ขาดหายการติดต่อกับฟิวส์ไปเสียเฉยๆ จนกระทั่งช่วง      ปิดเทอมม.3 เทอม 1 ที่ทั้งคู่ได้บังเอิญกลับมาเจอกันอีกครั้ง

     

    พลั่ก!

    ขอโทษค่ะ/ครับ ร่างสูงของชายหนุ่มชนเข้ากับร่างบางของหญิงสาวที่กำลังรีบเร่งเดินเข้ามา แต่เพราะน้ำเสียงที่คุ้นหู ทำให้คนทั้งคู่อดเงยหน้าขึ้นมามองไม่ได้

    ฟิวส์.../รุ้ง... ทั้งสองต่างเดินชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจ ระคนแปลกใจ ก่อนที่ฟิวส์จะหัวเราะออกมา ตามด้วยสายรุ้ง

    เหมือนเดจาวูเลยเนอะรุ้ง เพราะตอนที่เราสองคนเจอกันครั้งแรก ก็เพราะอุบัติเหตุแบบนี้แหละ

            ‘นั่นสินะ... ร่างบางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พลางลอบมองการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย ฟิวส์ดูสูงขึ้นกว่าเดิม และออร่าความหล่อของเขาก็ดูจะเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรกเสียอีก

              ในขณะที่ร่างสูงก็สังเกตว่าร่างบางดูสวยขึ้น ไม่ได้ดูน่ารักแบบเด็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมร่างบางยังดูนิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น แต่เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน เพื่อนสาวของเขาคนนี้ ก็มักจะชวนเขาคุย มากกว่าที่จะยืนเงียบกันทั้งคู่แบบนี้ หรือว่า...ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเขา ถ้าเขาไม่บอกเธอ บางทีเธออาจจะไม่ทำตัวเย็นชาแบบนี้ใส่เขาก็ได้

               หมับ!

              สายรุ้งก้มลงเก็บหนังสือที่หล่นบนพื้น พร้อมกับที่ฟิวส์ก็ย่อตัวช่วยเธอเก็บหนังสือเช่นกัน ในขณะที่ร่างบางกำลังจะหยิบสมุดโน้ต ฟิวส์ก็กำลังเอื้อมมือไปหยิบมันเช่นกัน ทำให้ดูเหมือนว่าฟิวส์จะจับมือสายรุ้งแบบไม่ได้ตั้งใจ

               ‘อะ...เอ่อ...ขอบคุณนะฟิวส์ สายรุ้งถอนมือตัวเองออกอย่างสุภาพ ก่อนที่ร่างสูงจะเป็นฝ่ายหยิบสมุดโน้ตเล่มนั้น แล้วส่งมันให้กับร่างบาง ฟิวส์เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ได้คิดไปเองจริงๆ เพราะสายรุ้งมีท่าทีห่างเหินกับเขาอย่างเห็นได้ชัด

                 ใช่ว่าเหตุการณ์ที่ทั้งคู่โดนมือของอีกฝ่ายโดยบังเอิญ...ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น ร่างบางก็มักจะหัวเราะกลบเกลื่อน หรือหาว่าเขาแอบแตะอั๋งเธอ มากกว่าที่จะถอนมือออกนิ่งๆแบบนี้

                 ‘รุ้งเป็นอะไรรึเปล่า? ถ้ารุ้งมีอะไรไม่สบายใจก็บอกฟิวส์ได้นะ ร่างสูงตัดสินใจทักขึ้น เพราะไม่ใช่แค่คนตรงหน้าเขาดูเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่เธอยังดูเหมือนมีอะไรในใจอีกต่างหาก

                 ‘...รุ้งมีเรื่องเครียดๆนิดหน่อยน่ะ ร่างบางเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น พร้อมรอยยิ้มบางๆ ทั้งๆที่เธอไม่ได้เจอฟิวส์มาเกือบสองปี แต่ร่างสูงก็ยังจับความรู้สึกของเธอได้เสมอ ไม่ว่าเธอจะรู้สึกดี หรือรู้สึกไม่ดีมากขนาดไหน

                 ‘อย่าเครียดมากนะรุ้ง เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก ฟิวส์ลูบหัวสายรุ้งเบาๆ พร้อมเอ่ยแซวคนข้างตัว เรียกเสียงหัวเราะจากคนถูกแซวได้เป็นอย่างดี นั่นทำให้ฟิวส์อดยิ้มออกมาไม่ได้ แม้ว่าร่างบางจะดูแปลกไป แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าเขากำลังจะได้สายรุ้งคนเดิมกลับมาแล้ว

                 เช่นเดียวกับร่างบางที่ดูผ่อนคลายลง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเรื่องบางเรื่องที่ร่างบางเคยรับรู้มา ทำให้เธอรู้สึกไม่สนิทใจกับเพื่อนสนิทคนนี้มากนัก แต่เมื่อเขายังทำตัวกับเธอเหมือนเดิม ร่างบางจึงเริ่มกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง

                  ‘แล้วนี่ฟิวส์มาเรียนอะไรเหรอ? สายรุ้งเอ่ยถามฟิวส์ เพราะตอนนี้ทั้งคู่กำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง

                  ‘ฟิวส์มาเรียนฟิสิกส์น่ะ รุ้งล่ะ?

                  ‘รุ้งมาเรียนเลขจ้า งั้นไว้เจอกันใหม่นะ เพราะรุ้งต้องไปแล้ว บาย ร่างบางตอบคำถามของร่างสูงกว่า ก่อนจะขอแยกตัวออกไปเรียนพิเศษ เช่นเดียวกับฟิวส์ที่ต้องแยกตัวไปเรียนฟิสิกส์เช่นกัน

     

                  ดูเหมือนว่าทุกๆอย่างกำลังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม...กลับมาเป็นเหมือนเมื่อสองปีก่อนที่ทั้งคู่ยังคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ จนกระทั่ง...

     

                  ‘รุ้ง...

                  ‘หืม?      

                  ร่างสูงกว่าเรียกชื่อของร่างบาง ทำให้เธอที่กำลังแก้สมการอยู่เอ่ยขาน พร้อมเงยหน้าหน้าขึ้นมามองเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างงุนงง

                  ‘ความรู้สึกที่ฟิวส์มีต่อรุ้ง มันยังไม่เปลี่ยนแปลงไปนะ…’

                  เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ เมื่อคนพูดเงยหน้ามาสบตาคนที่พูดถึง เงาสะท้อนของสายรุ้งในดวงตาสีดำสนิทของฟิวส์ ทำให้เธอเงียบ และนิ่งไป นัยน์ตาสีดำสนิทของคนตรงหน้า มันเปี่ยมไปด้วยความห่วงหา และความจริงใจที่มีให้กัน

                  ‘รุ้ง…’ ร่างบางถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจหลบสายตาที่มองมาของร่างสูง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรจะทำอะไร หรือควรจะพูดอะไรออกไปดี

                  ‘รุ้งไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฟิวส์แค่อยากบอกรุ้งเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้รุ้งชอบฟิวส์กลับมา…’ ร่างสูงยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า แต่ร่างบางกลับยิ้มไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าครั้งนี้...ร่างสูงดูจริงจังกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก

                  ‘…’

                  ‘...ฟิวส์เรียนจบคอร์สนี้แล้วนะ เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ถ้ารุ้งมีอะไรไม่สบายใจ...ก็ยังโทรหาฟิวส์ได้ตลอดนะ ฟิวส์พูดขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่สายรุ้งก็มีสิ่งที่อยากพูด และอยากถามฟิวส์มากมาย แต่สุดท้าย...เธอก็ทำเพียงแค่รับคำเท่านั้น

                  ‘อื้ม

     

                    ฟิวส์ยิ้มให้กับโชคชะตาที่เล่นตลกกับความรู้สึกของเขา ร่างสูงเคยคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘พรหมลิขิต เพราะเขาและสายรุ้งมักจะหวนกลับมาเจอกันหลายครั้งหลายครา แต่ในตอนนี้ เขากลับไม่คิดแบบนั้นแล้ว เพราะไม่ว่าคนทั้งคู่จะกลับมาเจอกันสักกี่ครั้ง ความรู้สึกที่สายรุ้งมีต่อฟิวส์...มันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เธอเคยเขาเป็นเพื่อนสนิทยังไง มันก็ยังคงเป็นแบบนั้น เช่นเดียวกับความรู้สึกของเขา...ที่ยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×