ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกรักข้ามกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #8 : การตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 58


    ตอนที่ 8 การตัดสินใจ

    ภายในห้องทรงพระอักษร จักรพรรดิหนุ่มนั่งเหม่อลอยอยู่ “ฝ่าบาท กระหม่อมได้เบาะแสแล้ว กระหม่อมเจอรอยเท้าม้า จึงสะกดรอยตามไป พบว่ารอยเท้าม้าหยุดอยู่ที่ชายป่าเขตเข้าเมือง เจียงอัน พะยะค่ะ”

    “รีบพาข้าไปเดี๋ยวนี้” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ แล้วรีบลุกจากเก้าอี้ มุ่งหน้าไปยังม้าที่ยืนอยู่ กระโดดขึ้นหลังม้าแล้วควบตามองครักษ์คนสนิทด้วยความเร็ว

                    ตลอดทางภายในเมือง เจียงอัน เขาได้พบเห็นชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข ค้าขายตลอดเส้นทาง ขบวนจักรพรรดิได้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าปกติ ทหารก็ใส่เสื้อผ้าธรรมดา ไม่บ่งบอกให้ใครได้สังเกตว่าเขาสูงส่งแต่อย่างใด ทหารเข้าไปสอบถามชาวบ้านหลายต่อหลายคน ก็ได้คำตอบว่าไม่มีใครพบเห็นหญิงงามผ่านมาเลย เขาสั่งให้ทหารเข้าไปถามในโรงเตี๊ยมและทุกบ้านก็ได้คำตอบเดิม จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีป้าย “มังกรผงาดฟ้า” เขาจึงสั่งให้ทหารไปถาม ชายทั้งสองที่ยืนรักษาการณ์หน้าประตูอึ้งเงียบ ท่าทีลุกลีลุกลน บอกว่าไม่รู้ ไม่เห็น จักรพรรดิสังเกตท่าทีนั้น ก็เกิดความสงสัย เขากระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังชายทั้งสอง พร้อมหยิบกระบี่ที่เหน็บไว้ข้างหลังออกมา ชายทั้งสองเห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงกระบี่ออกจากฟัก ฟาดฟันใส่ชายหนุ่มที่มาเยือน ชุ่ยเหยียงหลี่กระโจนมาช่วยรับดาบจากชายคนหนึ่ง การต่อสู้เป็น 2 ต่อ 2 จักรพรรดิหนุ่มฟาดฟันและรับได้ทุกกระบวนท่า จนกระบี่ไปจ่อที่คอของชายหนุ่ม “บอกมาว่าพวกเจ้าเห็นหญิงสาวงามผ่านมาหรือไม่” แต่คำตอบยังคงเดิม ว่าไม่เห็น แต่สายตากลับหลบตาและลุกลน “ควบคุมตัวพวกมันไว้ ข้ากับชุ่ยเหยียงหลี่จะเข้าไปค้นให้ทั่ว” สิ้นเสียง ทหารทั้งสี่เดินมาคุมตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า จักรพรรดิหนุ่ม และชุ่ยเหยียงหลี่พร้อมด้วยทหารอีก 20 คนเดินเข้าไปข้างใน “มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก” เสียงชายหนุ่มตะโกนขึ้น ชายอีกหลายคนถือกระบี่วิ่งมาเตรียมประจันหน้า ชายหนุ่มอีกสองคนวิ่งไปยังหน้าห้องที่ หวังหลินเยว่อยู่ “ฮูหยินอย่าออกมานะขอรับ” เขาร้องบอกกับหวังหลินเยว่ แล้วยืนคุมเชิงที่ประตู จักรพรรดิหนุ่มนึกเอะใจว่า ชายสองคนนั้นวิ่งไปหยุดยืนอยู่ห้องปีกซ้ายมือทำไม จึงร้องสั่งให้ทหารทั้งหมดคุ้มกันเขาเอาไว้ คนในสำนักต่างกรูเข้ามาเพื่อจะขัดขวาง จึงประจันหน้ากับทหารที่รายล้อมคุ้มกันจักรพรรดิหนุ่ม จักรพรรดิหนุ่มเร่งฝีเท้ามาหยุดที่หน้าชายสองคนที่อยู่คุมเชิงอยู่หน้าห้อง ทั้งสองกระโจนเข้าใส่จักรพรรดิหนุ่ม “รีบไป” เสียงองครักษ์คนสนิทที่เดินมาพร้อมกับองครักษ์อีกหนึ่งคนร้องสั่ง จากนั้นเกิดการต่อสู้ขององครักษ์กับชายทั้งสอง จักรพรรดิจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูห้อง เห็นร่างที่คุ้นเคยยืนหันหลังอยู่ จึงวิ่งเข้าไปสวมกอด “หลินเยว่ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

    “ฝ่าบาท เป็นท่าน” หวังหลินเยว่หันมามองชายหนุ่มที่สวมกอดนางไว้ ความตะลึงงันเกิดขึ้น จักรพรรดิหนุ่มบรรจงประกบริมฝีปากลง แล้วจูงมือนางวิ่งออกนอกห้อง น้ำตาทั้งสองอาบแก้ม นางสะบัดมือออกจากจักรพรรดิหนุ่ม “หม่อมฉันไปกับฝ่าบาทไม่ได้แล้ว” นางร้องไห้แล้วทรุดตัวลงกับพื้นตรงลานกว้าง ทหารและคนในสำนักต่างยังสู้รบกันอยู่ “ทำไม เกิดอะไรขึ้น” จักรพรรดิเอ่ยถาม

    “หม่อมฉันสกปรกเกินกว่าจะกลับไปเป็นพระชายาเพค่ะ” นางพูดพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เขาเดินมาประคองตัวนางให้ลุกขึ้น มองหน้านางพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าไม่สน ข้าต้องการเจ้า ข้ารักเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นยังไง ข้าก็ยังต้องการเจ้า” จักรพรรดิหนุ่มเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่อาบพวงแก้วทั้งสองให้นางอย่างทะนุถนอม นางสับสน คนหนึ่งเป็นจักรพรรดิที่เคยช่วยชีวิตนางไว้ และรักนางด้วยหัวใจ อ่อนโยน คอยทะนุถนอมด้วยความรัก ส่วนอีกคนเป็นเจ้าสำนักที่ดุดัน แข็งแกร่ง แม้เขาจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม แต่เมื่ออยู่กับนางเขากลับไม่เคยทำร้ายนาง เอาใจใส่นาง ตามใจนางตลอด ดูแลนางเป็นอย่างดี กอดหนึ่งนุ่มนวลและอ่อนโยน กอดหนึ่งรุนแรงและแข็งแกร่ง นางต้องตัดสินใจชีวิตการแก่งแย่งภายในวัง และชีวิตที่ต้องเสี่ยงกับความตายในสำนักนี้ เขาผู้เสี่ยงชีวิตท่ามกลางอันตรายรอบด้าน ระหว่างที่นางใช้ความคิดอยู่นั้น เสียงม้าที่ควบมา ทำให้นางได้สติ เขากลับมาแล้ว! เป็นไปได้ไง เขาไปประลองยุทธนี่ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ ร่างของชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้า ใช้วิชาตัวเบาลอยมาข้างตัวนาง แล้วก้มลงจุมพิตนางด้วยความเร่าร้อน ในสายตาของจักรพรรดิหนุ่มกลับแค้นเคือง มือสองข้างกำหมัดแน่น ตรงเข้าไปกระชากตัวนางออกจากเขา หยางจื่ออวี้ กระชับกระบี่ในมือ แล้วตรงเข้าใส่จักรพรรดิทันที เหล่าองครักษ์ตรงเข้ามาคุ้มกันไว้ “คุ้มครอง ฝ่าบาท” สิ้นเสียงชุ่ยเหยียงหลี่ หยางจื่ออวี้นึกทวนคำ “ฝ่าบาทหรือ” เขาตกใจ แต่พยายามตั้งสติ องครักษ์ 4 คนต่อสู้กับหยางจื่ออวี้จนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงชุ่ยเหยียงหลี่ที่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่เขากลับไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน ชุ่ยเหยียงหลี่ พึมพำ “ฝีมือช่างร้ายกาจยิ่ง”

    “ข้าหยางจื่ออวี้ ไม่เคยเกรงกลัวใคร เหตุไฉนจึงมาระรานกันเช่นนี้ ข้าไม่เคยปล่อยศัตรูให้รอดไปแม้แต่คนเดียว”

    “นี่คือ พระชายาของข้า นางประสบอุบัติเหตุรถม้า ข้าส่งคนตามหานาง ข้าต้องการตัวนางกลับไป”

    “แต่นางคือภรรยาของข้า ข้าไม่สามารถให้นางกลับไปกับท่านได้ ถึงท่านจะเป็นฮ่องเต้ก็เถิด”

    ชุ่ยเหยียงหลี่ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเห็นการโต้เถียงกัน จึงพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่หวังหลินเยว่

    “ฝ่าบาท กระหม่อมว่าให้พระชายาตัดสินใจเองเถิดพะยะค่ะ” หวังหลินเยว่ที่ยืนร้องไห้ น้ำตาไหลไม่หยุด ทั้งยังสับสนอย่างหนัก ภายในใจกำลังครุ่นคิด พยายามควบคุมสติที่ใกล้จะเลือนรางด้วยความกลัว จนกระทั่งล้มลงยังอ้อมแขนของจักรพรรดิหนุ่ม จักรพรรดิหนุ่มอุ้มร่างนางแล้วกระโดดขึ้นหลังม้าในทันที องครักษ์และทหารต่างวิ่งตามขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว หยางจื่ออวี้พยายามใช้วิชาตัวเบาติดตามไปอย่างติดๆ เพื่อจะชิงตัวนางกลับมา แล้วเขาก็ตามทัน หยางจื่ออวี้หยุดยืนขวางหน้าขบวนของจักรพรรดิ

    “มอบนางคืนมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าเป็นกลุ่มแรก ในฐานะฮ่องเต้”

    “เจ้าบังอาจมากเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาท เจ้ากลับกล้าข่มขู่ฝ่าบาท” ชุ่ยเหยียงหลี่ กล่าวขึ้นอย่างมีโทสะ

    “ข้าไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด ถึงตรงหน้าจะเป็นฮ่องเต้ ด้วยฝีมือข้า ทหารทั้งกองข้าก็ฆ่าให้หมดได้ในคราเดียว”

                    จักรพรรดิหนุ่มและหยางจื่ออวี้ทั้งสองมองตากันอย่างไม่ลดละ ทหารและองครักษ์ยังไม่มีใครขยับเขยื้อนแม้แต่คนเดียว คนในสำนัก มังกรผงาดฟ้าติดตามมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของขบวน ทั้งสองกลุ่มยังคงคุมเชิงกันอยู่หลายชั่วยาม จนกระทั่ง มีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา ทุกคนหันไปมองตามเสียงผู้มาเยือนกลุ่มใหม่ จากนั้นก็ปรากฏร่างชายกลุ่มหนึ่งประมาณ 20 คน มือถือกระบี่มุ่งหน้าตรงเข้ามาทางหยางจื่ออวี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×