ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกรักข้ามกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #5 : ชายปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58


    ตอนที่ 5 ชายปริศนา

                    การต่อสู้ของจอมยุทธอยู่บริเวณที่หวังหลินเยว่สลบอยู่นั้นมีทั้งหมด 3 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มละ 10 คน เป็นการต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สายตาเย็นชา แววตาโหดเหี้ยมมือข้างนึงถือกระบี่อาบไปด้วยเลือด รังสีเข่นฆ่าอำมหิตรุนแรงนัก ไม่ว่าใครที่ต่อกรด้วยล้วนสยบในท่าเดียว ฝีมือร้ายกาจยิ่ง ศัตรูในที่นั้นล้วนแต่กล่าวขานและยกย่อง แต่ไม่มีใครไม่อยากปลิดชีพของเขา จอมยุทธทั้งหลายต้องการชีวิตของเขา 30 ต่อ 1 เขากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ตรงกันข้าว จอมยุทธล้วนจบชีวิตด้วยน้ำมือเขาแค่ท่าเดียว “ฝีมือร้ายกาจ!! ทำไมพวกเราทำอะไรมันไม่ได้เลย” เสียงจอมยุทธเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีงุนงง และกลัวเกรง จอมยุทธทั้งหมดยังคงลงมือพร้อมกัน จู่โจมเข้าไปพร้อมกัน ทันใดนั้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากระโจนพร้อมเงื้อกระบี่พุ่งตรงไปที่จอมยุทธทั้งหลาย จนกระทั่งความวุ่นวายกลับเงียบงันชั่วพริบตา ร่างจอมยุทธทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้น หงายล้มลงเสียชีวิตในทันที ชายหนุ่มบาดเจ็บที่หัวไหล่แผลเดียวเท่านั้น เขาเดินไปยังม้าที่เขาล่ามไว้กับต้นไม้ แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นร่าง ร่างหนึ่งนอนตะแคงสลบอยู่ตรงใต้ต้นไม้ที่เขาล่ามม้าของเขาไว้ เขาเดินมาพลิกร่างของนางที่นอนตะแคงอยู่ ทันทีที่ร่างของนางนอนหงาย ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าที่งดงามราวเทพธิดา ริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวขาวผุดผ่องที่ไหล่โผล่ออกมาจากชุดที่ขาดหวิ่น เขาตะลึงงัน จ้องมองอย่างคาดไม่ถึงในความงามที่เขาไม่เคยเจอะเจอมาก่อน มือของชายปริศนาจับร่างของหวังหลินเยว่แล้วยกขึ้นมาอุ้มไว้ ตรงไปยังม้าชายปริศนาจึงพาดร่างหวังหลินเยว่ลงบนม้าแล้วขี่ม้าตรงไปยังถ้ำที่ใกล้ที่สุด หลังจากถึงถ้ำที่อยู่ระแวกนั้นมือทั้งสองจึงวางร่างแบบบางอรชรของหวังหลินเยว่แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าไปจนถึงร่างกายของนางอย่างเบามือ เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ขาเรียวงามเขาลูบไล้ทั่วร่างกายเพื่อเช็ดทำความสะอาดคราบเศษดินที่ติดตัวนาง จู่ๆนางก็ได้สติขึ้น

    “น้ำ ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบพร้าของหวังหลินเยว่เอ่ยขึ้น ชายปริศนาจึงนำน้ำที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ของตนพร้อมประคองร่างของนางขึ้นมาป้อนใส่ปาก จากนั้นนางก็หลับตาลง เขาจึงวางร่างของนางนอนลง เขานั่งจ้องหน้านาง ยามนางหลับใหลยังดูงดงาม ไร้เดียงสา

                    “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะยะค่ะ” เสียงชุ่ยเหยียงหลี่ องครักษ์คนสนิทวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่ห้องทรงพระอักษร “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

    “กระหม่อมบังเอิญเห็นพระชายาขึ้นรถม้าเดินทางไปกับพระสนมเสิ่นเหม่ยอิง แต่ขากลับ ไม่เห็นพระชายากลับมา มีแต่พระสนมกลับมาคนเดียว กระหม่อมเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นพะยะค่ะ”

    “ไปกับข้า ข้าจะไปถามนางให้รู้เรื่อง” จักรพรรดิหนุ่มพูดพร้อมก้าวเดินออกจากห้องทรงพระอักษรมุ่งหน้าไปยังตำหนักของพระสนมเสิ่นเหม่ยอิง

                    ณ ตำหนักพระสนมเสิ่นเหม่ยอิง จักรพรรดิหนุ่มหุนหันเดินเข้าไปอย่างใจร้อน “ถวายบังคมเพค่ะ ฝ่าบาท” เสิ่นเหม่ยอิงคำนับ ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ชายาของข้าอยู่ไหน” เขาเสียงแข็งถาม สีหน้าของเสิ่นเหม่ยอิงยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พระชายายังไม่กลับมาหรือเพค่ะ เห็นพระชายารับสั่งกับหม่อมฉันว่าจะกลับมาก่อน เพราะหม่อมฉันจะนั่งสมาธิ สวดมนต์อีกนาน พระชายาไม่อยากให้ฝ่าบาทรอเสวยพระกระยาหารกลางวันนานนักเพค่ะ”

    “ชุ่ยเหยียงหลี่ ส่งคนไปตรวจดูให้ทั่วระหว่างทางไปวัด อย่างไรเสียต้องหาพระชายาที่รักของข้าให้พบ ถ้าไม่พบ ข้าจะประหารทุกคนที่ร่วมเดินทางไปกับนางให้หมด” น้ำเสียงปนโทสะสั่งการขึ้นพร้อมก้าวเดินออกจากตำหนัก สีหน้าของพระสนมยังเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้าน มือกำหมัดแน่นเล็บจิกเอาเนื้อ ในใจกลับปวดร้าวเมื่อได้ยินคำว่า พระชายาที่รักของข้า’ พร้อมทั้งคิดในใจว่า ขอให้หาไม่พบเถิด ข้ายอมโดนประหารยังดีกว่าให้นางกลับมาเป็นเสี้ยนหนามยอกอก ทิ่มแทงตา ทิ่มแทงใจของข้า’

                    ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง หวังหลินเยว่ยังนอนหลับใหลไม่ได้สติ ชายปริศนายังคงนั่งจ้องหน้านางไม่ขยับเขยื้อนกายไปไหน มือข้างหนึ่งลูบไล้ทั่วไปหน้าไปหยุดลงที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ ปลายนิ้วได้สัมผัสกับริมฝีปากแดงราวกลีบกุหลาบ เขาจึงก้มจุมพิตนางเบาๆด้วยความที่ห้ามใจไม่อยู่ หลังจากนั้นเขาจึงลุกขึ้นเดินออกไปจากถ้ำเพื่อจะไปหาอาหารมาทำมื้อเย็นให้นางกิน

                    ระหว่างทางเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากเขาจึงหลบร่างกับต้นไม้ใหญ่เพื่อคอยสังเกตการณ์   คนเหล่านั้นมุ่งหน้ามาหยุดลงตรงต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น “เขาหายไปไหนนะ เร็วเหลือเกิน เมื่อครู่ข้ายังเห็นหลังไวๆของเขาเลย” เสียงหนึ่งในกลุ่มคนที่ตามมาเอ่ยขึ้น จากนั้นเขาจึงออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ปรากฏตัวยืนตรงหน้าคนกลุ่มนั้น “ท่านเจ้าสำนัก พวกเราตามหาท่านตั้งนาน ตามมาถึงก็เห็นคนทั้ง 3 สำนักนอนตายกันเกลื่อน พวกเราเห็นว่าน่าจะเป็นฝีมือของท่าน ว่าแต่ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่”

    “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้ากลับไปที่สำนักเถิด ข้าเกรงว่าจะมีการแก้แค้นเกิดขึ้นอีกจากพวกที่เหลือในสำนักทั้ง 3

    “ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก รักษาตัวด้วย” ทั้งหมดหันหลังกลับพร้อมก้าวเดินออกจากนั้นแล้วหายตัวไปทันที
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×