ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คิมอึนพยอล อะไรของนายเนี่ย
อืมม์ การได้มานั่งทำการบ้านตรงข้ามซองมินแบบนี้อย่างกับฝันไปเลยแฮะ มองดูดีๆแล้ว คิ้วของซองมินเนี่ยเป็นแนวรับกับจมูกโด่งสวยของเค้ามากๆเลยนะ ซองมินของฉันเนี่ยหน้าตาน่ารักจังเลย ^ ^
“ฮยอนอา ข้อนี้เธอยังไม่ได้ตอบเลยนะ”
หืม? จริงด้วยสิ กำลังทำการบ้านอยู่นี่หว่า อ๋ายยยย ชิม ฮยอนอา เธอนี่น่าอายมากๆเลยนะ มาเอาแต่นั่งมองหน้าซองมินอยู่ได้ยังไง
ฉันหัวเราะแหะๆ แล้วหยิบสมุดขึ้นดูคำถาม
หวา หวา หวา ยากชะมัดเลยอ่ะ ใครจะไปตอบได้ล่ะเนี่ย
ฉันหันไปหยิบหนังสือเรียนที่วางอยู่ใกล้ๆ และเห็น คิม อึนพยอล ที่นั่งดูทีวีอยู่ หันมาทางนี้พอดี มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ หลังจากกินข้าวก็ดูเหมือนว่าอีตาบ้านี่จะหายแว้บไปเลยนี่นา เอ่อ ฉันภาวนาให้ อึนพยอลเพิ่งจะหันมาน่ะนะ เพราะถ้าอึนพยอลมองฉันกับซองมินมาตลอด อีตานี่ก็เห็นน่ะสิว่าฉันเอาแต่มองหน้าญาติของเค้าจนไม่เป็นอันทำการบ้านน่ะ น่าอายนะนั่น
“ฉันตอบว่าแบบนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจเลยน่ะ^^” ซองมินว่า แล้วยื่นสมุดของตัวเองให้ฉันดู แต่จู่ๆก็ชะงัก “นึกออกแล้ว เฮ้ เด็กนอก ช่วยมาดูภาษาอังกฤษตรงนี้ให้หน่อยสิ”
อาใช่ ลืมสนิทเลยแฮะว่า อีตา คิม อึนพยอลจบมาจากแคนาดา
อึนพยอล วางรีโมทลง แล้วเดินมานั่งข้างๆซองมิน มองคำตอบในสมุด แล้วมองหน้าฉัน
“ซองมิน นายไม่รู้จริงๆหรือว่านายแกล้งโง่กันแน่น่ะ?”
อ้าว เรื่องอะไรถึงต้องมาว่าซองมินขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย
“ไม่รู้จริงๆ” ซองมินตอบ ด้วยใบหน้าอันสุดจะเป็นมิตร
ซองมิน นายทนได้ไงอ่ะ นับถือจริงๆเลยนะเนี่ย
“คำตอบมันอยู่ตรงปลายจมูกจนจะกระแทกหน้านายอยู่แล้วนะ หรือนายเพียงแค่อยากจะเป็นคนดี ไม่อยากทำให้ใครต้องรู้สึกแย่แค่นั้นเอง”
ฉันชักจะไม่แน่ใจกับพูดของอึนพยอลขึ้นมาแล้ว เพราะอึนพยอลมองหน้าฉันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ทั้งๆที่เค้ากำลังพูดกับซองมิน แต่สายตาของเค้ากลับมองมาที่ฉัน
“นายหมายความว่าไงอ่ะ?”
อึนพยอลหันไปมองหน้าซองมิน ด้วยอารมณ์ที่ฉันก็อธิบายไม่ได้ แล้ววกกลับมาที่ฉัน คราวนี้ฉันบอกได้ ว่า อึนพยอล ทำหน้า เบื่อหน่าย
“เพื่อนนายโง่ แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งโง่ไปด้วยนี่นา ฮยอนอาตอบไม่ได้ แต่นายน่าจะฉลาดกว่าหล่อนนะ” อึนพยอลพูดออกมาในที่สุด
สรุปแล้วนี่กำลังด่าฉันอยู่ใช่มั๊ยเนี่ย? O_O
อึนพยอลหยิบดินสอขึ้นมาแล้วขีดฆ่าที่ซองมินตอบก่อนจะเขียนคำตอบใหม่ลงไป
ฉันนั่งนิ่ง แล้วทบทวนเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ที่คิม อึนพยอลพูดมายืดยาวเพียงแค่อยากจะด่าว่าฉันโง่เท่านั้นเองเหรอ
“เดี๋ยว อึนพยอล” ฉันกับซองมินพูดขึ้นพร้อมกันตอนที่อึนพยอลวางดินสอลงและตั้งท่าจะลุกขึ้น
ฉันกับซองมินหันมามองหน้ากัน
“อะไร?” อึนพยอลว่าเสียงเรียบ
“ที่นายพูดเมื่อกี๊นี้แรงไปนะ” ซองมินพูด
T_T ขอบใจมากนะจ๊ะซองมิน ที่จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีฉันกลับคืนมา
“นายน่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าทำไมฉันถึงพูดออกมา” อึนพยอลตอบ แล้วเดินกลับเข้าห้องไปเลย
“ซองมิน ดูเหมือนอึนพยอลจะไม่ค่อยชอบหน้าฉันเท่าไหร่เลยอ่ะ” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“บางทีฉันอาจจะผิดคนเดียวก็ได้” ซองมินหันมาตอบ แล้วเราทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามยกเรื่องอื่นขึ้นมาคุย แต่ซองมินไม่สามารถคลายคิ้วที่ขมวดยุ่งของเค้าได้เลย
คิม อึนพยอล นายรู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าทำอะไรลงไปเนี่ย
ตลอดทั้งคืน ฉันได้แต่นั่งมองโทรศัพท์ นี่มันผ่านมา 3 วันแล้วนะ พี่ชายของฉันทำไมยังเงียบหายไปไม่ส่งข่าว หรือโทรมาซักครั้ง น่าจะถึงประเทศไทยแล้วนี่นา ไม่ได้ไปดาวอังคารซักหน่อย เห็นทีพรุ่งนี้ต้องไปถามกับซูจองซะแล้วว่าพี่ฉันโทรไปบ้างหรือเปล่า เผื่อว่าแถวนี้มันจะไม่มีสัญญาณ
และถึงแม้ฉันจะหลับได้ในที่สุด แต่ฉันก็ยังข้องใจกับคำพูดของอึนพยอล และอาการเงียบงันของซองมินอยู่ดี
ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เกือบจะ 7 โมงเช้าแล้ว ทั้งๆที่ฉันหมายมั่นปั้นมือว่าจะตื่นซักตีห้า เพราะอยากจะไปโรงเรียนพร้อมๆกับซองมิน (ช่วงนี้นักกีฬาโรงเรียนต้องไปตั้งแต่ไก่โห่) แต่เพราะเรื่องเมื่อคืน กว่าฉันจะหลับลงได้ ผลมันก็เลยเป็นแบบนี้แหละ
เพราะอีตาบ้า คิม อึนพยอลคนเดียวเลยเชียว
แต่คิดดูอีกที ซองมินก็ทำให้ฉันน้อยใจเหมือนกันนะ เล่นไม่รอกันเลยแบบนี้ ทั้งๆที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันแท้ๆ น่าจะมีความพยายามเรียกฉันบ้างสิ
ฉันเดินถือผ้าขนหนูออกจากห้องเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนเคย เห็นมีขนมปังปิ้งอยู่บนโต๊ะและโน้ตเขียนไว้
“ขอโทษที่ไม่รอ เพราะมีซ้อมแต่เช้า อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะ รถเมลล์มาที่ป้ายทุกๆ 10นาทีนะ จะให้ดีไปที่ป้ายก่อน 7 โมงครึ่งจะดีมากไว้เจอกันที่ห้องเรียน ซองมิน^^”
ฉันค่อยๆบรรจงพับโน้ตของซองมินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อนอน
คิม ซองมิน นายรู้มั๊ยฉันดีใจจริงๆที่โลกนี้สร้างนายขึ้นมาน่ะ^^
7 โมง 20 ฉันก็มาโต๋เต๋อยู่บนถนนเลียบชายหาดแล้ว อา บรรยากาศริมทะเลยามเช้าเนี่ย ดีจริงๆเลยนะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอึนพยอลถึงไม่คิดจะลองโผล่หัวออกมาจากห้องตอนเช้ามารับอากาศแบบนี้บ้าง อุตส่าห์มีบุญเกิดมารวยได้อยู่บ้านสวยริมทะเลที่แพงหูฉีกแบบนี้แล้ว
อ๋า แล้วฉันจะคิดถึงไอ้บ้านั่นทำไมเนี่ย หยุดนะ ชิม ฮยอนอา เสียบรรยากาศหมด
ขณะที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศในย่านของผู้มีอันจะกินประจำเมือง เสียงกระดิ่งรถจักรยานก็ดังขึ้นข้างหลังฉัน พร้อมกับเสียงทักอันสุดแสนจะสดใส
“สวัสดีค่ะ”
ฉันหันไปตามเสียงทักนั้น และเห็นผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่าพลิ้วไสวได้ใจและเป็นประกายต้องกับแสงแดดยามเช้า ปากสีชมพูระเรื่อ ตาของหล่อนก็เป็นสีน้ำตาลกลมโตสวยมาก ยิ้มกว้างอยู่บนรถจักรยาน
อืม น่ารักมากๆเลยนะ ถึงจะไม่สวยแบบพี่มิยอน แต่ความน่ารักก็ได้ไปเต็มๆ
ฉันหันไปยิ้มตอบ และพบว่า ที่ผู้หญิงคนนี้ทักไม่ใช่ฉัน
เพล้งงงงง หน้าแตกสนั่นเลยฉัน
หล่อนชะลอรถ และหยุดคุยกับคุณป้าที่เดินอยู่อีกฝั่งถนนตรงข้ามฉัน
น่าอายชะมัดเลยอ่ะ ฉันรีบก้มหน้าแล้วเร่งความเร็วในการเดิน แต่ไอ้เจ้ากระโปรงนักเรียนเนี่ยแคบชะมัด ถ้าใส่กางเกงอยู่ ฉันคงโกยอ้าวไปแล้ว
หูของฉันได้ยินเสียงอันสดใสของผู้หญิงคนนั้นแว่วมาอยู่บ้าง สงสัยจะเป็นลูกคนรวยอยู่แถวๆนี้ล่ะมั้ง
“สวัสดีค่ะ” สาวน้อยสุดน่ารักปั่นจักรยานผ่านหน้าฉันไป พร้อมกับกันมายิ้มทักฉัน
คุยกับคุณป้าคนนั้นเสร็จเมื่อไหร่เนี่ย O_O
ฉันยิ้มทักตอบ ช่วงนี้ฉันเจอแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นเลยแฮะ
ที่โรงเรียน ฉันกับซองมินทักกันตามปกติ เหมือนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งมันก็สมควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพราะถ้าให้คนอื่นรู้ ฉันคิดว่าผลที่ตามมาคงไม่น่าดูแน่ๆ
เรื่องนี้ก็ต้องชมซูจองเพื่อนที่แสนดีของฉัน เพราะซูจองจอมโวยวาย ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย และไม่เซ้าซี้อะไรฉันเลยด้วย แต่เอ๊ะ ซูจองดูเงียบมากเกินไปรึเปล่า รึว่าตอนนี้เพื่อนของฉันก็มีปัญหากลุ้มใจเหมือนกัน?
“ซูจอง เธอเป็นอะไรไปอ่ะ” ฉันถามหลังจากออดเลิกเรียนดัง และคนในห้องต่างทยอยกันออกจากห้อง (ซองมินออกจากห้องเป็นคนแรกอย่างรวดเร็ว สงสัยจะรีบไปซ้อมบาสแหงๆ)
“เปล่าอ่ะ” ซูจองตอบ แล้วถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรแล้วถอนหายใจทำไมยะ”
“เฮ้อ” ซูจองถอนใจออกมาอีกครั้ง
“ไปหาที่คุยกันดีมั๊ย” ฉันเสนอ “แต่ห้ามเสียเงินนะยะ ช่วงนี้ฉันต้องประหยัดอ่ะ”
แต่ซูจองก็ยังเงียบอยู่เหมือนกับกำลังตัดสินใจจะพูดหรือไม่พูดดีจนเดินมาจวนจะถึงหน้าโรงเรียนแล้วนั่นแหละ ซูจองถึงได้หันมาบอกฉัน
“ฮยอนอา ฉันคิดว่าซังโฮกำลังนอกใจฉันแหละ”
อะ อะไรนะ ไอ้บ้าฮัน ซังโฮ กล้าดียังไงมานอกใจเพื่อนฉันเนี่ย
“เธอแน่ใจเหรอ ซูจอง” ฉันย้อนถาม
ซูจองผงกหัวซ้ำไปซ้ำมา อย่างกับพวกย้ำคิดย้ำทำ ผมหางม้าของซูจองขยับขึ้นลงเป็นจังหวะจนดูตลก
“เดี๋ยวนี้โทรไปก็คุยแป๊ปเดียว ชวนไปไหนก็บอกว่าไม่ว่าง ทั้งๆที่โรงเรียนของซังโฮ ตอนนี้เป็นช่วงหยุดยาวประจำปีแท้ๆ อย่างนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง” ซูจองบ่น แล้วจู่ๆ ตาโตๆของซูจองก็มีประกายความคิดวูบขึ้นมา
“ฮยอนอา รอดูนะ ถ้าซังโฮนอกใจฉันได้ ฉันก็จะนอกใจบ้างเหมือนกัน จะหาชู้ให้หล่อกว่า เท่ห์กว่าไอ้บ้าซังโฮให้ได้เลย”
ฉันพูดไม่ออกกับคำพูดของซูจองเลยนะเนี่ย ใช้คำว่าชู้เลยเนี่ยนะ เพื่อนฉันเนี่ย ปกติก็บ้าอยู่แล้วนะ มาคิดอะไรแบบนี้ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่
เสียงวี้ดว้ายตรงประตูโรงเรียนทำให้ฉันกับซูจองหันไปมอง
เห็นนักเรียนผู้หญิงยืนรุมล้อมคนๆหนึ่งอยู่ และมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังมาเป็นระยะ
“โหย น่ารักชะมัดเลยอ่ะ ใครกันน่ะ ฮยอนอาไปดูกันเถอะ” ซูจองเขย่งเท้าดูแล้วหันมาบอกฉัน
ก่อนจะคว้ามือฉันเดินไปที่หน้าประตูโรงเรียน ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง
อะไรกันเนี่ย เมื่อกี๊ยังสลดอยู่แท้ๆ ยัยซูจองเนี่ย
ว่าแต่ใครกันอ่ะ มองไกลๆก็ดูออกนะว่าหน้าตาดีน่ะ ถึงว่าสาวๆรุมล้อมกันใหญ่ แต่ผมสีดำๆ ที่โผล่ออกมาจากหมวกแก๊ปแบบนั้น คุ้นๆแฮะ
ฉันหยุดเดิน เมื่อซูจองลากแขนฉันไปใกล้กับกลุ่มสาวๆ
อื๋อ O_O คิม อึนพยอล มาทำอะไรที่นี่อ่ะ?
“มาหาใครเหรอคะ? ถามฉันได้นะคะ ฉันรู้จักนักเรียนทุกคนของที่นี่เลย” หนึ่งในกลุ่มที่รุมล้อมพูดขึ้น
“ชื่ออะไรเหรอคะ อยู่โรงเรียนไหนเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นเลย”
คำถามยังดังขึ้นมาไม่หยุด ฉันเห็นคิม อึนพยอล มองหาใครซักคน พร้อมกับขยับหมวก ดูเหมือนจะอึดอัดท่ามกลางการถูกรุมล้อมแบบนี้ แหงอยู่แล้วล่ะ ก็เด่นซะขนาดนี้ สาวๆก็ต้องรุมเป็นธรรมดา ว่าแต่ คนอย่างคิม อึนพยอล มาทำอะไรกันแน่ หรือว่าจะมาหาซองมิน?
“เฮ้ ชิม ฮยอนอา” อึนพยอลเรียกทันทีที่เห็นฉันยืนทำหน้าเหวออยู่หลังกลุ่มของสาวๆพวกนี้
ทั้งหมดหันมามองที่ฉัน รวมทั้งซูจองด้วย
“ฮยอนอา เธอรู้จักกับเค้าด้วยเหรอ”
“หวัดดี อึนพยอล” ฉันทักตอบด้วยความกระดาก ก็เล่นมีสายตานับสิบคู่มามองหน้าฉันแบบนี้ ฉันก็กลัวสิ
อึนพยอลเดินแหวกกลุ่มสาวๆออกมา แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
หน้าตาท่าทางไม่สบอารมณ์สุดๆ
แล้วใครใช้ให้มาล่ะยะ
“ฮยอนอา ไปด้วยกันหน่อย” อึนพยอลพูดขึ้น ท่าทางอยากจะไปจากที่นี่เต็มแก่
“หืม นายมาหาฉันงั้นเหรอ?”
“แล้วเธอคิดว่าฉันมาทำไม?” อึนพยอลย้อน ก่อนจะขยับหมวกอีกครั้ง ก่อนจะหันมาพูดกับฉันเสียงเครียด “เด็กโรงเรียนเธอจะมารุมคนแปลกหน้าอย่างนี้ทุกครั้งเลยเหรอ ไม่รู้รึไงว่ามันทำให้อึดอัด ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะ”
ฉันหันไปมองสาวๆที่ยังคงยืนดูฉันกับอึนพยอล (อืม จะพูดให้ถูก คงดูอึนพยอลคนเดียว)
แหงสิ ก็นายหน้าตาดีขนาดนี้ ตัวก็สูง แล้วไอ้การใส่หมวกแบบนี้มาคิดว่าจะให้คนไม่สนใจรึไง แค่นายยืนอยู่เฉยๆผู้หญิงก็มารุมแล้ว ไม่รู้ตัวซะบ้าง ฉันคิดในใจยืดยาว แต่ตอบไปแค่ว่า
“ถ้านายขี้เหร่ เค้าก็คงไม่สนใจแล้ว”
อึนพยอล มองหน้าฉัน อ๋า เปล่านะ ไม่ได้ชมว่านายหล่อนะยะ
“ฮยอนอา” ซูจองสะกิดฉัน แต่ตามองที่อึนพยอลตลอดเลย ชักรู้สึกได้ถึงลางไม่ค่อยดีแฮะ
“สักครู่นะคะ” ซูจองบอกกับอึนพยอลพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะดึงฉันมากระซิบกระซาบ
“คนนี้เหรอ คิม อึนพยอลที่เธอว่าน่ะ”
“(- -)หงึก(_ _)หงัก”
“แล้วคนนี้เหรอที่ว่านิสัยไม่ดีน่ะ”
“สุดจะห่วยเลย” ฉันตอบ
“แหม ฮยอนอา เธอนี่มันโลภมากจริงๆเลย คนหน้าตาดีขนาดนี้ยังจะหวังให้นิสัยดีด้วยหรือไง” ซูจองว่า
“หมะ หมายความว่าไงยะ”
“ก็คิม อึนพยอลของเธอน่ะ น่ารักมากๆเลยน่ะสิ ตอนได้ยินเธอพูดไม่คิดว่าจะหน้าตาดีขนาดนี้นะเนี่ย” ซูจองว่า
“อึนพยอลของฉัน? จะบ้าเหรอ เปลี่ยนคำพูดเดี๋ยวนี้นะยะ” แล้วต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ว่า ตัวเองเสียงดังเกินไปแล้ว เหลียวหลังไปมอง เห็นอึนพยอลยืนรออยู่ นี่มาหาฉันจริงๆงั้นเหรอ?
หวายยยย นี่ฉันจะโดนเขม่นรึเปล่านะ อุตส่าห์อยู่โรงเรียนอย่างสงบสุขมาจนเกือบจะเรียนจบอยู่แล้ว ทำไมนะ ทำไม ชีวิตฉันช่วงนี้มันถึงได้ดิ่งลงเหวขนาดนี้
“คิม อึนพยอลต้องมาหาเธอแน่ๆเลย นี่ฮยอนอา เธอมีซองมินอยู่แล้วใช่มั๊ย” ซูจองจ้องหน้าฉัน
“อะไรยะ ซองมินไม่ใช่แฟนฉันนะ”
“นั่นแหละ ฉันหมายถึงเธอไม่มีทางชอบคิม อึนพยอลอยุ่แล้วใช่มั๊ย”
“ ( - - ) หงึก (_ _) หงัก”
“งั้นฉันขอนะ”
หา O_O
“ละ แล้วซังโฮล่ะ”
“ก็คนนี้เป็นชู้ของฉันไง^^”
พระเจ้าช่วย เพื่อนฉันคิดได้ไงเนี่ย
“แล้วไงต่ออ่ะ”
“เธอก็เลิกทำตัวให้คิม อึนพยอลเกลียดขี้หน้าสิยะ ฉันจะได้โผล่หน้าไปหาเธอที่บ้านของเค้าได้สะดวกใจไง”
ขำตายเลยล่ะย่ะ ฉันเนี่ยนะทำตัวให้ไอ้บ้าอึนพยอลเกลียดขี้หน้า ฉันยังไม่ทันทำอะไรเลยต่างหาก เหมือนกับว่า แค่ฉันไปยืนหายใจใกล้ๆหมอนั่น ก็ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์แล้ว - -^
“ ทีนี้ก็ต้องพึ่งเธอแล้วนะฮยอนอา ไปกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับอึนพยอลสุดหล่อได้แล้ว” ซูจองว่าแล้วดันฉันกลับไปทางคิม อึนพยอล ที่กำลังพยายามจะหนีจากสาวๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่
“ฉันชื่อ ยุน ซูจองเป็นเพื่อนของชิม ฮยอนอานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ซูจองแนะนำตัวและยิ้มหวานได้น่ารัก ใสซื่อมากๆ
คิม อึนพยอล มองซูจองอย่างงงๆ แล้วตามด้วยการยิ้มตอบ แบบว่า ยิ้มๆได้น่ารักชนะเลิศจริงๆ
สร้างภาพชัดๆเลยไอ้บ้านี่ แต่ เอ๊ะ สรุปแล้วฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อึนพยอลไม่เคยยิ้มให้ใช่มั๊ย ไหงงั้นล่ะ ฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ ไม่เข้าใจเลย
สาวๆที่ยืนอยู่ พากันวี้ดว้ายกันใหญ่
คิม อึนพยอลหุบยิ้ม แล้วหันมาคว้าข้อมือฉัน กระชากลากถูฉันไปจนอยู่อีกฝั่งของโรงเรียน
“ทำอะไรของนายเนี่ย” ฉันดึงมือของตัวเองกลับ ในจังหวะที่คิม อึนพยอลปล่อยมือฉันพอดี
“ก็เธอมัวแต่ยืดยาดไม่รีบเดินซักทีน่ะสิ รู้มั๊ยว่าการไปอยู่ท่ามกลางเสียงกร๊ดกร๊าดแบบนั้นมันหนวกหูแค่ไหน”
“แล้วนายมาที่โรงเรียนฉันทำไมล่ะ” ฉันถามเสียงห้วน อีตาบ้านี่ ในชีวิตฉัน ชิม ฮยอนอา ไม่ยอมให้ใครมาจับมือถือแขนง่ายๆนะยะ นายถือดียังไงมาฉุดกระชากลากถูฉันแบบนี้เนี่ย
“ไปกินแฮมเบอร์เกอร์ด้วยกันหน่อย” อึนพยอลตอบ แล้วขยับหมวกบนหัว
O_O
“ทำหน้าอย่างนั้นทำไม ไม่เข้าใจรึไง”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน นายอยากกินก็ไปเองสิ”
“เพราะฉันอยากให้เธอไปด้วย เธอถึงได้เกี่ยวไง” อึนพยอลตอบหน้าตาย
“ไม่ล่ะ ฉันต้องประหยัดเงิน ไม่มีเงินไปใช้ซื้อของกินสุรุ่ยสุร่ายแบบนั้นหรอก” ฉันตอบแล้วตั้งท่าจะเดินหนีออกมา
“ฉันพูดรึไงว่าจะให้เธอจ่าย”
“ถึงนายจะเลี้ยง ฉันก็ไม่ไป ฉันอยากจะกลับบ้านไปพัก”
“บ้านฉันน่ะเหรอ” อึนพยอลพูดขึ้น
หมายความว่าไงอ่ะ? นี่จะทวงบุญคุณกันซึ่งๆหน้าเลยเหรอเนี่ย?
“ใช้สมองเธอคิดหน่อยนะ ชิม ฮยอนอา ว่าตั้งแต่เธอมาอาศัยอยู่บ้านฉันเนี่ย เธอทำอะไรให้ฉันได้บ้าง อาหารเธอก็ทำไม่ได้เรื่อง พอจะให้เป็นนางแบบเธอก็พูดว่าเธอไม่สวย แล้วนี่.....”
“พอได้แล้วย่ะ” ฉันแทรกทะลุกลางปล้องอย่างเหลืออดและอับอาย
ทำไมชีวิตฉันต้องมาอยู่ใต้เท้าของไอ้บ้าอึนพยอลคนนี้ด้วยเนี่ย - -^
“ถ้านายอยากได้เพื่อนไปไหนมาไหนกับนายซักคนก็ช่วยพูดให้มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง” ฉันว่า แล้วเดินนำหน้าอึนพยอลเพื่อไปรอรถเมล์
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้เธอไปด้วย แต่ฉันสั่งเธอต่างหาก และรู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่ชอบขึ้นรถเมล์” อึนพยอลว่าตอกหน้าฉัน แล้วรถแทกซี่มาจากไหนไม่รู้โผล่มา จอดรอรับอยู่ตรงฟุตบาทเสร็จสรรพ อึนพยอลเปิดประตู แล้วหันมาทางฉันที่ยืนเหวออยู่
“ชิม ฮยอนอาเลิกทำหน้าซื่อบื้อแล้วก็มาขึ้นรถซักที”
คอยดูนะ ฉันจะแวะซื้อยาเบื่อหนู แล้วแอบใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ของนาย ไอ้บ้าอึนพยอล
การชวนมากินแฮมเบอร์เกอร์ของ คิม อึนพยอล มันมีความหมายตรงตัวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย กินก็คือ กิน กินอย่างเดียวเลยจริงๆ ตั้งแต่ลงจากรถแทกซี่มาที่ศูนย์การค้า และเดินเข้ามาในร้าน ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงของอึนพยอลอีกเลย นอกจากตอนสั่งแฮมเบอร์เกอร์ สั่งรวดทีเดียวสองชุด
อืม จริงๆมันก็น่าจะปลื้มใจใช่มั๊ยที่มีหนุ่มหล่อขนาดนี้ออกเงินให้น่ะ แต่รับรองได้เลยว่าถ้าใครเจอแบบฉันคงปลื้มไม่ลงแน่ (หนำซ้ำตอนสั่ง ยังไม่คิดจะถามฉันเลยว่าอยากกินชุดไหน เอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้าเลยหมอนี่)
ฉันใช้หลอดคนน้ำอัดลมในแก้ววนไปวนมา รู้สึกไม่สนุกเอาซะเลย และแย่หนักขึ้นไปอีก เมื่อฉันมากับบุคคลที่ตกเป็นจุดสนใจคนทั่วไปอย่างอึนพยอลด้วยแล้ว สาวๆในร้านบางโต๊ะหันมามองบ่อยมากๆ และทำหน้าอย่างกับว่า ฉันบังคับขู่เข็ญให้ผู้ชายตรงหน้าฉันจำใจมาด้วย ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันกลับกันชัดๆ
ฉันเป็นผู้หญิง ฉันดูออกนะ ว่าบางคนคงคิดว่า อึนพยอลไม่เต็มใจมากับผู้หญิงสารรูปแบบฉัน เค้าถึงได้นั่งกินๆๆอย่างเดียวโดยไม่สนใจฉันซึ่งนั่งตรงข้ามเลย โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเหลือไว้ให้กับฉันบ้างเลยรึไงนะ T_T
“นี่ อึนพยอล นายจบจากแคนาดามาใช่มั๊ย” ฉันเริ่มชวนคุย
“...............”
“นายจบไฮสคูลจากที่นั่นมากี่ปีแล้วอ่ะ ได้ยินว่าเด็กฝรั่งเนี่ยอายุ 16 ก็จบม.ปลายกันแล้วใช่มั๊ย”
“..............”
“- -^” อยากฆ่าคนจริงๆเล้ยยยย
อึนพยอลตั้งหน้าตั้งตากินชุดแฮมเบอร์เกอร์ตรงหน้า ไม่มองหน้าฉันที่นั่งตรงข้ามซักกะนิดและยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูบ่อยมากๆ
แล้วจะชวนฉันมาด้วยทำซากอะไรเนี่ย ถ้าจะทำตัวอย่างนี้ก็มากินคนเดียวสิยะ
“นี่อึนพยอล ถ้านายมีธุระฉันว่า....”
“ฉันชวนเธอมากินนะฮยอนอา ไม่ได้ชวนมานั่งคุย เธอจะเงียบแล้วกินซักทีได้มั๊ย” อึนพยอลว่าเสียงเรียบ
มะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ฉันทนอีตาบ้านี่ไม่ไหวแล้ว
“คิม อึนพยอล” ฉันเรียกคนตรงข้ามเสียงเครียด
อึนพยอลที่กินหมดไปเรียบร้อยทั้งถาด วางแก้วน้ำลงแล้วหรี่ตามองฉัน
“นายมีความสุขมากนักรึไงกับการทำตัวกับฉันแบบนี้ ทำไมฉันถึงต้องเป็นคนที่ต้องคอยมานั่งรองรับอารมณ์ของนาย ฉัน ชิม ฮยอนอา ไม่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้เพื่อให้นายมาเหยียบย่ำความรู้สึกกันแบบนี้นะ”
ฉันว่า และน้ำตาเริ่มคลอเบ้า ฉันไม่ได้เศร้านะ ฉันโกรธสุดๆเลยต่างหาก แต่ทุกครั้งที่ฉันโกรธ น้ำตาฉันจะไหล และมือสั่น สั่นจนเหมือนจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งฉันไม่ชอบเลย
อึนพยอลโน้มตัวมาทางฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูต่างไปจากทุกที สายตาของเค้าจ้องเขม็งที่ฉัน
“เธอเข้าใจความหมายของคำว่าเหยียบย่ำความรู้สึกดีแค่ไหน ชิม ฮยอนอา เธอเคยโดนงั้นเหรอ”
“........”
“เธอรู้จริงๆเหรอว่าคำว่าเหยียบย่ำความรู้สึก ความหมายจริงๆมันเป็นยังไง”
“........”
“ฉันเคยหลอกลวงให้เธอดีใจจนตัวลอยแล้วสุดท้ายทอดทิ้งเธองั้นเหรอ ฉันเคยมองเธอด้วยแววตาแห่งความรักแล้วพอวันรุ่งขึ้น ฉันทิ้งขว้างเธองั้นสิ ชิม ฮยอนอา เธอเคยเจอแบบที่ฉันพูดรึไง เธอไม่เคยเจอความเจ็บปวดของการถูกทรยศหักหลังแม้แต่เพียงเสี้ยวเดียวด้วยซ้ำ”
“........”
ทำไมอ่ะ คนที่ควรจะเศร้า คนที่ควรจะใช้น้ำเสียงแบบนี้ควรจะเป็นฉันไม่ใช่รึไง คิม อึนพยอล จริงๆแล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่อ่ะ นายเจออะไรมางั้นเหรอ ทำไมนายถึงพูดเรื่องนี้ด้วยแววตาเจ็บปวดแบบนี้ แล้วทำไมนายถึงพูดได้เจ็บช้ำขนาดนี้ด้วย ใครเคยทรยศหักหลังนายงั้นเหรอ?
“ฉะ ฉันไม่เคยหรอก ฉันเพียงแต่......”
“เฮ้ หวัดดีจ้ะ อึนพยอล เอ๋ มากับฮยอนอาเหรอเนี่ย หวัดดีจ้าฮยอนอา”
เสียงอันสุดแสนจะสดใสและคุ้นหูของพี่มิยอนดังขึ้น อึนพยอลหดตัวกลับไปที่ฝั่งของตัวเองตามเดิม ฉันรีบใช้มือปาดน้ำตาที่คลอเบ้าอย่ารวดเร็ว และหันไปยิ้มทัก
“สวัสดีค่ะ”
วันนี้พี่มิยอนก็สวยเด้งมาอีกตามเคย
“นั่งด้วยคนได้มั๊ยอ่ะ” พี่มิยอนว่า แล้วทิ้งตัวลงข้างๆอึนพยอล
แล้วจะถามทำไมคะพี่ - -^
“อึนพยอลลำเอียงนี่นา ฉันชวนมาเที่ยวตั้งหลายที ยังไม่ยอมมา แต่ทีกับฮยอนอามานั่งกินแฮมเบอร์เกอร์ด้วยกันหน้าตาเฉยเลยนะ”
อ๋า ฉันไม่ได้ชวนนะคะพี่
ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ และอ้าปากจะพูดแต่ทว่า
“แล้วมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ” อึนพยอลถามขึ้นมา ความสนใจของพี่มิยอนเลยหนีจากฉันไปโดยไม่หวนกลับมาอีกเลย
“แวะมาหาเพื่อนที่ร้านขายเสื้อผ้าทางด้านโน้นน่ะ ว่าจะแวะเข้ามาซื้อกาแฟที่ร้านนี้ ไม่คิดว่าจะเจอเลยนะเนี่ย” พี่มิยอนตอบแล้วชูกาแฟประกอบ ก่อนจะทำหน้างอนใส่อึนพยอลอีกที
อืม คนสวยเนี่ย ทำหน้างอนก็ยังน่ารักแฮะ
“อึนพยอลรักฮยอนอามากกว่าฉันงั้นเหรอ”
O_O ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะพี่ รู้รึเปล่าว่าคำตอบของอีตาคิม อึนพยอลทำให้หนูเป็นศพคาเก้าอี้นี่ได้เลยนะคะ
อึนพยอลหันมามองหน้าฉัน ราวกับจะพูดว่า “ยัยคนนี้เนี่ยนะ”
ฮือ ฮือ ฉันโกรธพี่มิยอนแล้วล่ะ รู้ๆกันอยู่ว่ายังไงคนสวยอย่างพี่มิยอนใครๆก็รักใครๆก็หลงทั้งนั้นยังถามออกมาได้
“นึกยังไงถึงถามแบบนี้ล่ะ” อึนพยอลพูดออกมาในที่สุด
พี่มิยอนเบ้ปากมองค้อนอึนพยอลไปหนึ่งยก (ขี้งอนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย)
“ก็คราวก่อนฉันขอยืมตัวไปงานเลี้ยงรุ่น อึนพยอลพูดเองไม่ใช่รึไงว่าไม่ชอบไปที่คนพลุกพล่านมากๆ แล้วนี่ไม่พลุกพล่านรึไง”
“นี่โกรธจริงๆเหรอ” อึนพยอลใช้แขนโอบไหล่แสนจะบอบบางของพี่มิยอนไว้
คนในร้านหันมามองคู่หน้าตาดีคู่นี้กันใหญ่ ฉันได้ยินเสียงซุบซิบจากโต๊ะข้างหลังเต็มสองหูว่า
“นี่ไง ฉันบอกแล้วว่ายัยคนที่ใส่ชุดนักเรียนน่ะไม่ใช่แฟนหรอก ตอนนั่งกันอยู่สองคน ผู้ชายยังไม่แลตามองเลย พี่คนสวยคนนี้ต่างหากแฟนตัวจริง สมกันชะมัด”
โฮ โฮ โฮ ทำไมนะ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย
“ไม่โกรธหรอกน่า ฉันรู้ว่าอึนพยอลไม่ชอบผู้หญิงขี้งอน” พี่มิยอนตอบแล้วกลับไปร่าเริงเหมือนเดิม
ปลอบง่ายอย่างนี้เนี่ยเป็นใคร ใครก็รักนะคะ แต่หนูไม่ไหวแล้วค่ะพี่ แค่อยู่กับอีตาบ้านี่สองคนก็โดนเขม่นจะแย่แล้ว มีพี่มาเพิ่มดีกรีความต่ำต้อยอีกคน หนูคงมีชีวิตไม่พ้นวันนี้แน่ๆ
“ไหนๆพี่มิยอนก็มาอยู่เป็นเพื่อนนายแล้ว ฉันก็กลับได้แล้วใช่มั๊ย” ฉันหันไปถามอึนพยอล ที่ตอนนี้เอามือออกจากไหล่ของพี่มิยอนแล้ว (แล้วฉันจะสังเกตไปทำไมเนี่ย งงตัวเองจริงๆเลย)
“เปล่าอ่ะ” พี่มิยอนพูดอย่างรวดเร็ว
อ้าว นึกว่าอยากอยู่กับอึนพยอลซะอีก
“แค่มาทักทายเฉยๆน่ะจ้ะ^^ ฮยอนอาเนี่ยยอดไปเลยน้า ทำให้อึนพยอลมาเดินเที่ยวในเมืองตอนคนเยอะๆได้อย่างนี้ แต่ว่าเฝ้าไว้ดีๆนะจ๊ะ เท่ห์ๆอย่างนี้ระวังคนอื่นจะมาฉกไปนะ”
O_O ใครพิศวาสก็เชิญเถอะค่ะ
“ คือ ความจริงแล้วคืองี้นะคะพี่...............”
“นี่ๆอึนพยอล”
โธ่เว้ย เมื่อไหร่พี่มิยอนจะสนใจฟังฉันให้มันจบตลอดรอดฝั่งซะทีเนี่ย
“หืม?”
“วันเสาร์นี้ยุนนาจะไปที่บ้านรึเปล่า ชักจะคิดถึงยุนนาแล้วสิ พักหลังนี้ไม่ยักกะเห็นซอง...”
“มิยอน” อึนพยอลโพล่งขึ้นมาทันควัน
โอ๊ย นี่วันนี้ฉันจะฟังสองคนนี้คุยรู้เรื่องมั๊ยอ่ะ ทำไมขยันแทรกกันจังเลย
ว่าแต่ยุนนานี่ใครกัน แล้วพี่มิยอนกำลังจะพูดชื่อซองมินใช่มั๊ย?
“พรุ่งนี้ตอนบ่ายว่างรึเปล่า รูปยังไม่เสร็จเรียบร้อยเลย ช่วยเข้าไปเป็นแบบหน่อยได้มั๊ย”
“อ้าว ทุกทีต้องเป็นวันพุธไม่ใช่เหรอ”
“ก็ขาดอีกนิดหน่อยแล้วก็ลงสีเท่านั้นเอง”
พี่มิยอนทำท่านึก แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม
“คงซักบ่ายสามละกันนะ เพราะพรุ่งนี้มีเรียนน่ะ ว้าวจะเสร็จแล้วเหรอเนี่ย ดีใจจัง คราวนี้วาดนานมากๆเลยนะ ตอนยุนนาเป็นแบบไม่เห็นนานแบบนี้เลย”
ยุนนาอีกแล้ว? อ๋อ เข้าใจแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อยุนนาคงเป็นนางแบบให้อึนพยอลวาดเหมือนพี่มิยอนล่ะมั้ง
อึนพยอลยิ้มให้พี่มิยอนโดยที่ไม่มีคำตอบให้ แต่ทำไมนะ เหมือนจะทำหน้าโล่งใจด้วย เฮ้อ คิม อึนพยอลนายนี่มันประหลาดคนสุดๆ จริงๆเลยนะ
“ต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกันนะ ฮยอนอา”
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือบ๊ายบายตอบ และเมื่อพี่มิยอนออกจากร้านไปแล้วก็เหลือแค่ฉันกับอึนพยอลเหมือนเดิม
ไงล่ะ ยัยโต๊ะข้างหลัง จะพูดอะไรอีกมั๊ย อ้าวเงียบแฮะ ฉันหันไปมองดูก็พบว่าเค้าออกไปกันแล้ว นี่ฉันมัวแต่ฟังบทสนทนาอันน่าปวดหัวของอึนพยอลกับพี่มิยอนจนมองไม่เห็นคนเดินออกจากร้านเลยเหรอเนี่ย
อึนพยอลยกนาฬิกาขึ้นดูอีกแล้ว (รอบที่ล้านแปดเห็นจะได้)
“อึนพยอล นายเข้ามาในเมืองเพราะมีธุระอะไรรึเปล่า นายดูนาฬิกาบ่อยมากเลยนะ”
“เธอจะกินอยู่รึเปล่า”
“หา O_O”
อึนพยอลชี้มาที่ถาดตรงหน้าฉัน ซึ่งฉันกินไปได้ครึ่งเดียว
ใจคอจะไม่สนใจคำถามของฉันเลยใช่มั๊ยยะ
“ไม่แล้วล่ะ ฉันอิ่มแล้ว นี่เราจะกลับกันแล้วใช่มั๊ยอ่ะ”
“งั้นไปร้านขายซีดีกัน” อึนพยอลดูนาฬิกาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว ก่อนจะลุกขึ้น หยิบหมวกขึ้นใส่แล้วเดินนำหน้าฉันไปหน้าตาเฉย
นี่มันวันบ้าอะไรของฉันกันเนี่ยยยยย
ทำไมวันนี้เป็นวันที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยได้ขนาดนี้เนี่ย ฉันดูนาฬิกา ตอนนี้ หกโมงกว่า ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว ร้านทุกร้านในแถบนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนและกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มาชอปปิ้ง มาเป็นกลุ่ม มาเป็นคู่ๆ เรียกได้ว่าล้นหลามเลยแหละ แล้วยัยหัวฟู หน้ามัน เงินก็ไม่มีอย่างฉันมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?
ฉันหันไปมองอึนพยอลที่กำลัง เลือกแผ่นซีดีอยู่ที่ล๊อคตรงข้ามกับฉัน ผมสีดำของเขาสะท้อนกับแสงไฟ และอึนพยอลดูขาวจนเหมือนกับว่าเป็นกระดาษเลยทีเดียวเมื่อเจอไฟแบบในร้านขายซีดีแบบนี้ บอกไปจะมีใครเชื่อมั๊ยเนี่ยว่าอีตานี่อยู่ริมทะเลน่ะ
อึนพยอลเลือกแต่ละแผ่นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ดูแป๊ปเดียวก็ถือไว้ในมือ มือใหญ่ๆของอึนพยอลตอนนี้มีซีดีอยู่เต็มเอี้ยด นั่นมันกี่แผ่นเข้าไปแล้วอ่ะ 5 หรือ 6 หรือ 7 เนี่ย
อึนพยอลเงยหน้ามาเจอฉันที่ยืนมองเค้าอยู่ ฉันรีบเฉไฉ พลิกซีดีในมือไปมา จริงๆก็อยากได้แหละ แต่ไม่มีเงินซื้ออ่ะ คิม อึนพยอล ไอ้คนใจร้าย ไม่รู้รึไงว่าการลากคนไม่มีเงินมาชอปปิ้งน่ะเป็นการทำร้ายจิตใจกันชัดๆเลย
“เฮ้ เลือกได้รึยัง” อึนพยอลเดินเข้ามาถาม
“นายเลือกเสร็จแล้วเหรอ” ฉันว่าพลางวางแผ่นซีดีกลับคืนชั้น
อึนพยอลพยักหน้าแล้วมองซีดีที่ฉันเพิ่งวางไป
“อัลบั้มไหนบ้างนะที่เธออยากได้น่ะ แผ่นนี้ แผ่นนี้แล้วก็แผ่นนี้ใช่มั๊ย” อึนพยอลเอื้อมมือไปหยิบทุกแผ่นที่ฉันยืนดู
O_O อึนพยอลนายสังเกตฉันตลอดเวลาเลยงั้นเหรอ ทำไมนายหยิบได้ถูกหมดเลยล่ะ?
“ฉันดูแต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อนี่นา”
“ฉันซื้อให้” อึนพยอลหันมาบอกและเดินไปที่เคาท์เตอร์ ฉันรีบเดินตาม
“ไม่เอาหรอก อึนพยอล นายไม่จำเป็นต้องซื้อให้ฉันหรอกน่า” ฉันว่าแล้วดึงซีดีออกจากกอง เล่นเอาพนักงานตกใจหน้าเหวอไปเลย
“ถือว่าเป็นค่ามาเป็นเพื่อน” อึนพยอลพูด แล้วดึงซีดีกลับไป ก่อนจะหันไปบอกกับพนักงานว่า “คิดเงินทั้งหมดนี่เลยครับ”
ฉันชะงักโดยทันที
“ฉันไม่ต้องการค่าจ้างหรอกนะ” ฉันพูด
“คราวหลังถ้านายอยากจะมีคนมาเป็นเพื่อนซื้อของ นายก็บอกฉันสิ ไม่ใช่ว่าจู่ๆก็โผล่มาแบบวันนี้ ฉันรับรองว่าถ้าฉันว่าง ฉันจะมากับนายแน่ๆ” ฉันพูดต่อ ก็นะ คิม อึนพยอลอาจจะเข้าใจยากและบางทีก็ดูเกลียดฉัน แต่วันนี้เค้าจะจ่ายให้ฉันทุกอย่างไปซะหมดแบบนี้ ฉันก็รู้สึกผิดนะที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์กับการต้องมานั่งเป็นเพื่อนเค้าตลอดเย็นที่ผ่านมานี้น่ะ
“เธอเป็นผู้หญิงนะ ชิม ฮยอนอา เธอพูดว่าจะไปไหนมาไหนกับผู้ชายแบบนี้ง่ายๆได้ไง”
อึนพยอลพูด แล้วหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาจ่ายเงินหลังจากที่พนักงานคิดเงินเรียบร้อยแล้ว
T_T
ไหงเป็นงั้นล่ะ นายไม่คิดจะซึ้งกับคำพูดของฉันเลยรึไง
แต่จู่ๆอึนพยอลก็ยิ้มให้กับฉัน
ในที่สุด ฉันก็รอดพ้นจากการเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อึนพยอลไม่เคยยิ้มให้ จะว่าไป อีตานี่เนี่ยเวลายิ้ม น่ารักจริงๆเลยนะ
“ฉันพูดเล่นเท่านั้นเอง เธอมันเป็นพวกใจอ่อนนะ ฮยอนอา ซื่อเหมือนกวางป่า พอรู้ตัวอีกที เธอก็โดนนายพรานเป่าม่องเท่งไปแล้ว”
พนักงานหันมามองหน้าฉันแล้วกลั้นยิ้มเต็มที่
นี่หน้าตาฉันซื่อบื้อจริงๆงั้นเหรอ?
“ฉันพูดว่าฉันจะไปไหนมาไหนกับนายได้เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรต่างหาก ไม่ได้เป็นเพราะฉันซื่อบื้อซักหน่อย” ฉันโพล่งขึ้นด้วยความหงุดหงิด
อึนพยอลรับเงินทอนจากพนักงานแล้วหันมามองฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว ทั้งๆที่อะไรๆระหว่างฉันกับอึนพยอลมันจะดีขึ้นอยู่แล้วเชียว
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็พูดแบบนี้กับซองมินไม่ได้ใช่มั๊ย”
“นะ นายหมายความว่าไงน่ะ”
อึนพยอลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและเดินออกจากร้าน ขายาวๆของเค้าก้าวเร็วมาก ฉันเดินตามแทบไม่ทัน
“เพราะเธอคิดอะไรกับซองมินไง ฮยอนอา” อึนพยอลหันมาบอกแล้วโบกรถแทกซี่
“นายพูดอะไรของนายน่ะ” ฉันโวยวาย แต่รู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาทันที “ฉะ ฉันเปล่....”
“อยากกลับบ้านไม่ใช่รึไง” อึนพยอลว่าขณะเปิดประตู “ขึ้นรถเร็วๆเข้าสิ”
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนิสัยแย่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย ฉันไม่น่าพูดบ้าๆแบบนั้นออกไปเลยจริงๆนะ
แล้วตลอดทาง อึนพยอลก็ไม่พูดอะไรกับฉันอีก หลังจากนี้ไป ฉันก็คงกลับไปเป็นคนที่คิม อึนพยอลเกลียดขี้หน้ามากที่สุดเหมือนเดิมสินะ T_T
“ฮยอนอา ข้อนี้เธอยังไม่ได้ตอบเลยนะ”
หืม? จริงด้วยสิ กำลังทำการบ้านอยู่นี่หว่า อ๋ายยยย ชิม ฮยอนอา เธอนี่น่าอายมากๆเลยนะ มาเอาแต่นั่งมองหน้าซองมินอยู่ได้ยังไง
ฉันหัวเราะแหะๆ แล้วหยิบสมุดขึ้นดูคำถาม
หวา หวา หวา ยากชะมัดเลยอ่ะ ใครจะไปตอบได้ล่ะเนี่ย
ฉันหันไปหยิบหนังสือเรียนที่วางอยู่ใกล้ๆ และเห็น คิม อึนพยอล ที่นั่งดูทีวีอยู่ หันมาทางนี้พอดี มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ หลังจากกินข้าวก็ดูเหมือนว่าอีตาบ้านี่จะหายแว้บไปเลยนี่นา เอ่อ ฉันภาวนาให้ อึนพยอลเพิ่งจะหันมาน่ะนะ เพราะถ้าอึนพยอลมองฉันกับซองมินมาตลอด อีตานี่ก็เห็นน่ะสิว่าฉันเอาแต่มองหน้าญาติของเค้าจนไม่เป็นอันทำการบ้านน่ะ น่าอายนะนั่น
“ฉันตอบว่าแบบนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจเลยน่ะ^^” ซองมินว่า แล้วยื่นสมุดของตัวเองให้ฉันดู แต่จู่ๆก็ชะงัก “นึกออกแล้ว เฮ้ เด็กนอก ช่วยมาดูภาษาอังกฤษตรงนี้ให้หน่อยสิ”
อาใช่ ลืมสนิทเลยแฮะว่า อีตา คิม อึนพยอลจบมาจากแคนาดา
อึนพยอล วางรีโมทลง แล้วเดินมานั่งข้างๆซองมิน มองคำตอบในสมุด แล้วมองหน้าฉัน
“ซองมิน นายไม่รู้จริงๆหรือว่านายแกล้งโง่กันแน่น่ะ?”
อ้าว เรื่องอะไรถึงต้องมาว่าซองมินขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย
“ไม่รู้จริงๆ” ซองมินตอบ ด้วยใบหน้าอันสุดจะเป็นมิตร
ซองมิน นายทนได้ไงอ่ะ นับถือจริงๆเลยนะเนี่ย
“คำตอบมันอยู่ตรงปลายจมูกจนจะกระแทกหน้านายอยู่แล้วนะ หรือนายเพียงแค่อยากจะเป็นคนดี ไม่อยากทำให้ใครต้องรู้สึกแย่แค่นั้นเอง”
ฉันชักจะไม่แน่ใจกับพูดของอึนพยอลขึ้นมาแล้ว เพราะอึนพยอลมองหน้าฉันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ทั้งๆที่เค้ากำลังพูดกับซองมิน แต่สายตาของเค้ากลับมองมาที่ฉัน
“นายหมายความว่าไงอ่ะ?”
อึนพยอลหันไปมองหน้าซองมิน ด้วยอารมณ์ที่ฉันก็อธิบายไม่ได้ แล้ววกกลับมาที่ฉัน คราวนี้ฉันบอกได้ ว่า อึนพยอล ทำหน้า เบื่อหน่าย
“เพื่อนนายโง่ แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งโง่ไปด้วยนี่นา ฮยอนอาตอบไม่ได้ แต่นายน่าจะฉลาดกว่าหล่อนนะ” อึนพยอลพูดออกมาในที่สุด
สรุปแล้วนี่กำลังด่าฉันอยู่ใช่มั๊ยเนี่ย? O_O
อึนพยอลหยิบดินสอขึ้นมาแล้วขีดฆ่าที่ซองมินตอบก่อนจะเขียนคำตอบใหม่ลงไป
ฉันนั่งนิ่ง แล้วทบทวนเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ที่คิม อึนพยอลพูดมายืดยาวเพียงแค่อยากจะด่าว่าฉันโง่เท่านั้นเองเหรอ
“เดี๋ยว อึนพยอล” ฉันกับซองมินพูดขึ้นพร้อมกันตอนที่อึนพยอลวางดินสอลงและตั้งท่าจะลุกขึ้น
ฉันกับซองมินหันมามองหน้ากัน
“อะไร?” อึนพยอลว่าเสียงเรียบ
“ที่นายพูดเมื่อกี๊นี้แรงไปนะ” ซองมินพูด
T_T ขอบใจมากนะจ๊ะซองมิน ที่จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีฉันกลับคืนมา
“นายน่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าทำไมฉันถึงพูดออกมา” อึนพยอลตอบ แล้วเดินกลับเข้าห้องไปเลย
“ซองมิน ดูเหมือนอึนพยอลจะไม่ค่อยชอบหน้าฉันเท่าไหร่เลยอ่ะ” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“บางทีฉันอาจจะผิดคนเดียวก็ได้” ซองมินหันมาตอบ แล้วเราทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามยกเรื่องอื่นขึ้นมาคุย แต่ซองมินไม่สามารถคลายคิ้วที่ขมวดยุ่งของเค้าได้เลย
คิม อึนพยอล นายรู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าทำอะไรลงไปเนี่ย
ตลอดทั้งคืน ฉันได้แต่นั่งมองโทรศัพท์ นี่มันผ่านมา 3 วันแล้วนะ พี่ชายของฉันทำไมยังเงียบหายไปไม่ส่งข่าว หรือโทรมาซักครั้ง น่าจะถึงประเทศไทยแล้วนี่นา ไม่ได้ไปดาวอังคารซักหน่อย เห็นทีพรุ่งนี้ต้องไปถามกับซูจองซะแล้วว่าพี่ฉันโทรไปบ้างหรือเปล่า เผื่อว่าแถวนี้มันจะไม่มีสัญญาณ
และถึงแม้ฉันจะหลับได้ในที่สุด แต่ฉันก็ยังข้องใจกับคำพูดของอึนพยอล และอาการเงียบงันของซองมินอยู่ดี
ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เกือบจะ 7 โมงเช้าแล้ว ทั้งๆที่ฉันหมายมั่นปั้นมือว่าจะตื่นซักตีห้า เพราะอยากจะไปโรงเรียนพร้อมๆกับซองมิน (ช่วงนี้นักกีฬาโรงเรียนต้องไปตั้งแต่ไก่โห่) แต่เพราะเรื่องเมื่อคืน กว่าฉันจะหลับลงได้ ผลมันก็เลยเป็นแบบนี้แหละ
เพราะอีตาบ้า คิม อึนพยอลคนเดียวเลยเชียว
แต่คิดดูอีกที ซองมินก็ทำให้ฉันน้อยใจเหมือนกันนะ เล่นไม่รอกันเลยแบบนี้ ทั้งๆที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันแท้ๆ น่าจะมีความพยายามเรียกฉันบ้างสิ
ฉันเดินถือผ้าขนหนูออกจากห้องเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนเคย เห็นมีขนมปังปิ้งอยู่บนโต๊ะและโน้ตเขียนไว้
“ขอโทษที่ไม่รอ เพราะมีซ้อมแต่เช้า อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะ รถเมลล์มาที่ป้ายทุกๆ 10นาทีนะ จะให้ดีไปที่ป้ายก่อน 7 โมงครึ่งจะดีมากไว้เจอกันที่ห้องเรียน ซองมิน^^”
ฉันค่อยๆบรรจงพับโน้ตของซองมินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อนอน
คิม ซองมิน นายรู้มั๊ยฉันดีใจจริงๆที่โลกนี้สร้างนายขึ้นมาน่ะ^^
7 โมง 20 ฉันก็มาโต๋เต๋อยู่บนถนนเลียบชายหาดแล้ว อา บรรยากาศริมทะเลยามเช้าเนี่ย ดีจริงๆเลยนะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอึนพยอลถึงไม่คิดจะลองโผล่หัวออกมาจากห้องตอนเช้ามารับอากาศแบบนี้บ้าง อุตส่าห์มีบุญเกิดมารวยได้อยู่บ้านสวยริมทะเลที่แพงหูฉีกแบบนี้แล้ว
อ๋า แล้วฉันจะคิดถึงไอ้บ้านั่นทำไมเนี่ย หยุดนะ ชิม ฮยอนอา เสียบรรยากาศหมด
ขณะที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศในย่านของผู้มีอันจะกินประจำเมือง เสียงกระดิ่งรถจักรยานก็ดังขึ้นข้างหลังฉัน พร้อมกับเสียงทักอันสุดแสนจะสดใส
“สวัสดีค่ะ”
ฉันหันไปตามเสียงทักนั้น และเห็นผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่าพลิ้วไสวได้ใจและเป็นประกายต้องกับแสงแดดยามเช้า ปากสีชมพูระเรื่อ ตาของหล่อนก็เป็นสีน้ำตาลกลมโตสวยมาก ยิ้มกว้างอยู่บนรถจักรยาน
อืม น่ารักมากๆเลยนะ ถึงจะไม่สวยแบบพี่มิยอน แต่ความน่ารักก็ได้ไปเต็มๆ
ฉันหันไปยิ้มตอบ และพบว่า ที่ผู้หญิงคนนี้ทักไม่ใช่ฉัน
เพล้งงงงง หน้าแตกสนั่นเลยฉัน
หล่อนชะลอรถ และหยุดคุยกับคุณป้าที่เดินอยู่อีกฝั่งถนนตรงข้ามฉัน
น่าอายชะมัดเลยอ่ะ ฉันรีบก้มหน้าแล้วเร่งความเร็วในการเดิน แต่ไอ้เจ้ากระโปรงนักเรียนเนี่ยแคบชะมัด ถ้าใส่กางเกงอยู่ ฉันคงโกยอ้าวไปแล้ว
หูของฉันได้ยินเสียงอันสดใสของผู้หญิงคนนั้นแว่วมาอยู่บ้าง สงสัยจะเป็นลูกคนรวยอยู่แถวๆนี้ล่ะมั้ง
“สวัสดีค่ะ” สาวน้อยสุดน่ารักปั่นจักรยานผ่านหน้าฉันไป พร้อมกับกันมายิ้มทักฉัน
คุยกับคุณป้าคนนั้นเสร็จเมื่อไหร่เนี่ย O_O
ฉันยิ้มทักตอบ ช่วงนี้ฉันเจอแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นเลยแฮะ
ที่โรงเรียน ฉันกับซองมินทักกันตามปกติ เหมือนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งมันก็สมควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพราะถ้าให้คนอื่นรู้ ฉันคิดว่าผลที่ตามมาคงไม่น่าดูแน่ๆ
เรื่องนี้ก็ต้องชมซูจองเพื่อนที่แสนดีของฉัน เพราะซูจองจอมโวยวาย ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย และไม่เซ้าซี้อะไรฉันเลยด้วย แต่เอ๊ะ ซูจองดูเงียบมากเกินไปรึเปล่า รึว่าตอนนี้เพื่อนของฉันก็มีปัญหากลุ้มใจเหมือนกัน?
“ซูจอง เธอเป็นอะไรไปอ่ะ” ฉันถามหลังจากออดเลิกเรียนดัง และคนในห้องต่างทยอยกันออกจากห้อง (ซองมินออกจากห้องเป็นคนแรกอย่างรวดเร็ว สงสัยจะรีบไปซ้อมบาสแหงๆ)
“เปล่าอ่ะ” ซูจองตอบ แล้วถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรแล้วถอนหายใจทำไมยะ”
“เฮ้อ” ซูจองถอนใจออกมาอีกครั้ง
“ไปหาที่คุยกันดีมั๊ย” ฉันเสนอ “แต่ห้ามเสียเงินนะยะ ช่วงนี้ฉันต้องประหยัดอ่ะ”
แต่ซูจองก็ยังเงียบอยู่เหมือนกับกำลังตัดสินใจจะพูดหรือไม่พูดดีจนเดินมาจวนจะถึงหน้าโรงเรียนแล้วนั่นแหละ ซูจองถึงได้หันมาบอกฉัน
“ฮยอนอา ฉันคิดว่าซังโฮกำลังนอกใจฉันแหละ”
อะ อะไรนะ ไอ้บ้าฮัน ซังโฮ กล้าดียังไงมานอกใจเพื่อนฉันเนี่ย
“เธอแน่ใจเหรอ ซูจอง” ฉันย้อนถาม
ซูจองผงกหัวซ้ำไปซ้ำมา อย่างกับพวกย้ำคิดย้ำทำ ผมหางม้าของซูจองขยับขึ้นลงเป็นจังหวะจนดูตลก
“เดี๋ยวนี้โทรไปก็คุยแป๊ปเดียว ชวนไปไหนก็บอกว่าไม่ว่าง ทั้งๆที่โรงเรียนของซังโฮ ตอนนี้เป็นช่วงหยุดยาวประจำปีแท้ๆ อย่างนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง” ซูจองบ่น แล้วจู่ๆ ตาโตๆของซูจองก็มีประกายความคิดวูบขึ้นมา
“ฮยอนอา รอดูนะ ถ้าซังโฮนอกใจฉันได้ ฉันก็จะนอกใจบ้างเหมือนกัน จะหาชู้ให้หล่อกว่า เท่ห์กว่าไอ้บ้าซังโฮให้ได้เลย”
ฉันพูดไม่ออกกับคำพูดของซูจองเลยนะเนี่ย ใช้คำว่าชู้เลยเนี่ยนะ เพื่อนฉันเนี่ย ปกติก็บ้าอยู่แล้วนะ มาคิดอะไรแบบนี้ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่
เสียงวี้ดว้ายตรงประตูโรงเรียนทำให้ฉันกับซูจองหันไปมอง
เห็นนักเรียนผู้หญิงยืนรุมล้อมคนๆหนึ่งอยู่ และมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังมาเป็นระยะ
“โหย น่ารักชะมัดเลยอ่ะ ใครกันน่ะ ฮยอนอาไปดูกันเถอะ” ซูจองเขย่งเท้าดูแล้วหันมาบอกฉัน
ก่อนจะคว้ามือฉันเดินไปที่หน้าประตูโรงเรียน ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง
อะไรกันเนี่ย เมื่อกี๊ยังสลดอยู่แท้ๆ ยัยซูจองเนี่ย
ว่าแต่ใครกันอ่ะ มองไกลๆก็ดูออกนะว่าหน้าตาดีน่ะ ถึงว่าสาวๆรุมล้อมกันใหญ่ แต่ผมสีดำๆ ที่โผล่ออกมาจากหมวกแก๊ปแบบนั้น คุ้นๆแฮะ
ฉันหยุดเดิน เมื่อซูจองลากแขนฉันไปใกล้กับกลุ่มสาวๆ
อื๋อ O_O คิม อึนพยอล มาทำอะไรที่นี่อ่ะ?
“มาหาใครเหรอคะ? ถามฉันได้นะคะ ฉันรู้จักนักเรียนทุกคนของที่นี่เลย” หนึ่งในกลุ่มที่รุมล้อมพูดขึ้น
“ชื่ออะไรเหรอคะ อยู่โรงเรียนไหนเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นเลย”
คำถามยังดังขึ้นมาไม่หยุด ฉันเห็นคิม อึนพยอล มองหาใครซักคน พร้อมกับขยับหมวก ดูเหมือนจะอึดอัดท่ามกลางการถูกรุมล้อมแบบนี้ แหงอยู่แล้วล่ะ ก็เด่นซะขนาดนี้ สาวๆก็ต้องรุมเป็นธรรมดา ว่าแต่ คนอย่างคิม อึนพยอล มาทำอะไรกันแน่ หรือว่าจะมาหาซองมิน?
“เฮ้ ชิม ฮยอนอา” อึนพยอลเรียกทันทีที่เห็นฉันยืนทำหน้าเหวออยู่หลังกลุ่มของสาวๆพวกนี้
ทั้งหมดหันมามองที่ฉัน รวมทั้งซูจองด้วย
“ฮยอนอา เธอรู้จักกับเค้าด้วยเหรอ”
“หวัดดี อึนพยอล” ฉันทักตอบด้วยความกระดาก ก็เล่นมีสายตานับสิบคู่มามองหน้าฉันแบบนี้ ฉันก็กลัวสิ
อึนพยอลเดินแหวกกลุ่มสาวๆออกมา แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
หน้าตาท่าทางไม่สบอารมณ์สุดๆ
แล้วใครใช้ให้มาล่ะยะ
“ฮยอนอา ไปด้วยกันหน่อย” อึนพยอลพูดขึ้น ท่าทางอยากจะไปจากที่นี่เต็มแก่
“หืม นายมาหาฉันงั้นเหรอ?”
“แล้วเธอคิดว่าฉันมาทำไม?” อึนพยอลย้อน ก่อนจะขยับหมวกอีกครั้ง ก่อนจะหันมาพูดกับฉันเสียงเครียด “เด็กโรงเรียนเธอจะมารุมคนแปลกหน้าอย่างนี้ทุกครั้งเลยเหรอ ไม่รู้รึไงว่ามันทำให้อึดอัด ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะ”
ฉันหันไปมองสาวๆที่ยังคงยืนดูฉันกับอึนพยอล (อืม จะพูดให้ถูก คงดูอึนพยอลคนเดียว)
แหงสิ ก็นายหน้าตาดีขนาดนี้ ตัวก็สูง แล้วไอ้การใส่หมวกแบบนี้มาคิดว่าจะให้คนไม่สนใจรึไง แค่นายยืนอยู่เฉยๆผู้หญิงก็มารุมแล้ว ไม่รู้ตัวซะบ้าง ฉันคิดในใจยืดยาว แต่ตอบไปแค่ว่า
“ถ้านายขี้เหร่ เค้าก็คงไม่สนใจแล้ว”
อึนพยอล มองหน้าฉัน อ๋า เปล่านะ ไม่ได้ชมว่านายหล่อนะยะ
“ฮยอนอา” ซูจองสะกิดฉัน แต่ตามองที่อึนพยอลตลอดเลย ชักรู้สึกได้ถึงลางไม่ค่อยดีแฮะ
“สักครู่นะคะ” ซูจองบอกกับอึนพยอลพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะดึงฉันมากระซิบกระซาบ
“คนนี้เหรอ คิม อึนพยอลที่เธอว่าน่ะ”
“(- -)หงึก(_ _)หงัก”
“แล้วคนนี้เหรอที่ว่านิสัยไม่ดีน่ะ”
“สุดจะห่วยเลย” ฉันตอบ
“แหม ฮยอนอา เธอนี่มันโลภมากจริงๆเลย คนหน้าตาดีขนาดนี้ยังจะหวังให้นิสัยดีด้วยหรือไง” ซูจองว่า
“หมะ หมายความว่าไงยะ”
“ก็คิม อึนพยอลของเธอน่ะ น่ารักมากๆเลยน่ะสิ ตอนได้ยินเธอพูดไม่คิดว่าจะหน้าตาดีขนาดนี้นะเนี่ย” ซูจองว่า
“อึนพยอลของฉัน? จะบ้าเหรอ เปลี่ยนคำพูดเดี๋ยวนี้นะยะ” แล้วต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ว่า ตัวเองเสียงดังเกินไปแล้ว เหลียวหลังไปมอง เห็นอึนพยอลยืนรออยู่ นี่มาหาฉันจริงๆงั้นเหรอ?
หวายยยย นี่ฉันจะโดนเขม่นรึเปล่านะ อุตส่าห์อยู่โรงเรียนอย่างสงบสุขมาจนเกือบจะเรียนจบอยู่แล้ว ทำไมนะ ทำไม ชีวิตฉันช่วงนี้มันถึงได้ดิ่งลงเหวขนาดนี้
“คิม อึนพยอลต้องมาหาเธอแน่ๆเลย นี่ฮยอนอา เธอมีซองมินอยู่แล้วใช่มั๊ย” ซูจองจ้องหน้าฉัน
“อะไรยะ ซองมินไม่ใช่แฟนฉันนะ”
“นั่นแหละ ฉันหมายถึงเธอไม่มีทางชอบคิม อึนพยอลอยุ่แล้วใช่มั๊ย”
“ ( - - ) หงึก (_ _) หงัก”
“งั้นฉันขอนะ”
หา O_O
“ละ แล้วซังโฮล่ะ”
“ก็คนนี้เป็นชู้ของฉันไง^^”
พระเจ้าช่วย เพื่อนฉันคิดได้ไงเนี่ย
“แล้วไงต่ออ่ะ”
“เธอก็เลิกทำตัวให้คิม อึนพยอลเกลียดขี้หน้าสิยะ ฉันจะได้โผล่หน้าไปหาเธอที่บ้านของเค้าได้สะดวกใจไง”
ขำตายเลยล่ะย่ะ ฉันเนี่ยนะทำตัวให้ไอ้บ้าอึนพยอลเกลียดขี้หน้า ฉันยังไม่ทันทำอะไรเลยต่างหาก เหมือนกับว่า แค่ฉันไปยืนหายใจใกล้ๆหมอนั่น ก็ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์แล้ว - -^
“ ทีนี้ก็ต้องพึ่งเธอแล้วนะฮยอนอา ไปกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับอึนพยอลสุดหล่อได้แล้ว” ซูจองว่าแล้วดันฉันกลับไปทางคิม อึนพยอล ที่กำลังพยายามจะหนีจากสาวๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่
“ฉันชื่อ ยุน ซูจองเป็นเพื่อนของชิม ฮยอนอานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ซูจองแนะนำตัวและยิ้มหวานได้น่ารัก ใสซื่อมากๆ
คิม อึนพยอล มองซูจองอย่างงงๆ แล้วตามด้วยการยิ้มตอบ แบบว่า ยิ้มๆได้น่ารักชนะเลิศจริงๆ
สร้างภาพชัดๆเลยไอ้บ้านี่ แต่ เอ๊ะ สรุปแล้วฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อึนพยอลไม่เคยยิ้มให้ใช่มั๊ย ไหงงั้นล่ะ ฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ ไม่เข้าใจเลย
สาวๆที่ยืนอยู่ พากันวี้ดว้ายกันใหญ่
คิม อึนพยอลหุบยิ้ม แล้วหันมาคว้าข้อมือฉัน กระชากลากถูฉันไปจนอยู่อีกฝั่งของโรงเรียน
“ทำอะไรของนายเนี่ย” ฉันดึงมือของตัวเองกลับ ในจังหวะที่คิม อึนพยอลปล่อยมือฉันพอดี
“ก็เธอมัวแต่ยืดยาดไม่รีบเดินซักทีน่ะสิ รู้มั๊ยว่าการไปอยู่ท่ามกลางเสียงกร๊ดกร๊าดแบบนั้นมันหนวกหูแค่ไหน”
“แล้วนายมาที่โรงเรียนฉันทำไมล่ะ” ฉันถามเสียงห้วน อีตาบ้านี่ ในชีวิตฉัน ชิม ฮยอนอา ไม่ยอมให้ใครมาจับมือถือแขนง่ายๆนะยะ นายถือดียังไงมาฉุดกระชากลากถูฉันแบบนี้เนี่ย
“ไปกินแฮมเบอร์เกอร์ด้วยกันหน่อย” อึนพยอลตอบ แล้วขยับหมวกบนหัว
O_O
“ทำหน้าอย่างนั้นทำไม ไม่เข้าใจรึไง”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน นายอยากกินก็ไปเองสิ”
“เพราะฉันอยากให้เธอไปด้วย เธอถึงได้เกี่ยวไง” อึนพยอลตอบหน้าตาย
“ไม่ล่ะ ฉันต้องประหยัดเงิน ไม่มีเงินไปใช้ซื้อของกินสุรุ่ยสุร่ายแบบนั้นหรอก” ฉันตอบแล้วตั้งท่าจะเดินหนีออกมา
“ฉันพูดรึไงว่าจะให้เธอจ่าย”
“ถึงนายจะเลี้ยง ฉันก็ไม่ไป ฉันอยากจะกลับบ้านไปพัก”
“บ้านฉันน่ะเหรอ” อึนพยอลพูดขึ้น
หมายความว่าไงอ่ะ? นี่จะทวงบุญคุณกันซึ่งๆหน้าเลยเหรอเนี่ย?
“ใช้สมองเธอคิดหน่อยนะ ชิม ฮยอนอา ว่าตั้งแต่เธอมาอาศัยอยู่บ้านฉันเนี่ย เธอทำอะไรให้ฉันได้บ้าง อาหารเธอก็ทำไม่ได้เรื่อง พอจะให้เป็นนางแบบเธอก็พูดว่าเธอไม่สวย แล้วนี่.....”
“พอได้แล้วย่ะ” ฉันแทรกทะลุกลางปล้องอย่างเหลืออดและอับอาย
ทำไมชีวิตฉันต้องมาอยู่ใต้เท้าของไอ้บ้าอึนพยอลคนนี้ด้วยเนี่ย - -^
“ถ้านายอยากได้เพื่อนไปไหนมาไหนกับนายซักคนก็ช่วยพูดให้มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง” ฉันว่า แล้วเดินนำหน้าอึนพยอลเพื่อไปรอรถเมล์
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้เธอไปด้วย แต่ฉันสั่งเธอต่างหาก และรู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่ชอบขึ้นรถเมล์” อึนพยอลว่าตอกหน้าฉัน แล้วรถแทกซี่มาจากไหนไม่รู้โผล่มา จอดรอรับอยู่ตรงฟุตบาทเสร็จสรรพ อึนพยอลเปิดประตู แล้วหันมาทางฉันที่ยืนเหวออยู่
“ชิม ฮยอนอาเลิกทำหน้าซื่อบื้อแล้วก็มาขึ้นรถซักที”
คอยดูนะ ฉันจะแวะซื้อยาเบื่อหนู แล้วแอบใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ของนาย ไอ้บ้าอึนพยอล
การชวนมากินแฮมเบอร์เกอร์ของ คิม อึนพยอล มันมีความหมายตรงตัวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย กินก็คือ กิน กินอย่างเดียวเลยจริงๆ ตั้งแต่ลงจากรถแทกซี่มาที่ศูนย์การค้า และเดินเข้ามาในร้าน ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงของอึนพยอลอีกเลย นอกจากตอนสั่งแฮมเบอร์เกอร์ สั่งรวดทีเดียวสองชุด
อืม จริงๆมันก็น่าจะปลื้มใจใช่มั๊ยที่มีหนุ่มหล่อขนาดนี้ออกเงินให้น่ะ แต่รับรองได้เลยว่าถ้าใครเจอแบบฉันคงปลื้มไม่ลงแน่ (หนำซ้ำตอนสั่ง ยังไม่คิดจะถามฉันเลยว่าอยากกินชุดไหน เอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้าเลยหมอนี่)
ฉันใช้หลอดคนน้ำอัดลมในแก้ววนไปวนมา รู้สึกไม่สนุกเอาซะเลย และแย่หนักขึ้นไปอีก เมื่อฉันมากับบุคคลที่ตกเป็นจุดสนใจคนทั่วไปอย่างอึนพยอลด้วยแล้ว สาวๆในร้านบางโต๊ะหันมามองบ่อยมากๆ และทำหน้าอย่างกับว่า ฉันบังคับขู่เข็ญให้ผู้ชายตรงหน้าฉันจำใจมาด้วย ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันกลับกันชัดๆ
ฉันเป็นผู้หญิง ฉันดูออกนะ ว่าบางคนคงคิดว่า อึนพยอลไม่เต็มใจมากับผู้หญิงสารรูปแบบฉัน เค้าถึงได้นั่งกินๆๆอย่างเดียวโดยไม่สนใจฉันซึ่งนั่งตรงข้ามเลย โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเหลือไว้ให้กับฉันบ้างเลยรึไงนะ T_T
“นี่ อึนพยอล นายจบจากแคนาดามาใช่มั๊ย” ฉันเริ่มชวนคุย
“...............”
“นายจบไฮสคูลจากที่นั่นมากี่ปีแล้วอ่ะ ได้ยินว่าเด็กฝรั่งเนี่ยอายุ 16 ก็จบม.ปลายกันแล้วใช่มั๊ย”
“..............”
“- -^” อยากฆ่าคนจริงๆเล้ยยยย
อึนพยอลตั้งหน้าตั้งตากินชุดแฮมเบอร์เกอร์ตรงหน้า ไม่มองหน้าฉันที่นั่งตรงข้ามซักกะนิดและยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูบ่อยมากๆ
แล้วจะชวนฉันมาด้วยทำซากอะไรเนี่ย ถ้าจะทำตัวอย่างนี้ก็มากินคนเดียวสิยะ
“นี่อึนพยอล ถ้านายมีธุระฉันว่า....”
“ฉันชวนเธอมากินนะฮยอนอา ไม่ได้ชวนมานั่งคุย เธอจะเงียบแล้วกินซักทีได้มั๊ย” อึนพยอลว่าเสียงเรียบ
มะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ฉันทนอีตาบ้านี่ไม่ไหวแล้ว
“คิม อึนพยอล” ฉันเรียกคนตรงข้ามเสียงเครียด
อึนพยอลที่กินหมดไปเรียบร้อยทั้งถาด วางแก้วน้ำลงแล้วหรี่ตามองฉัน
“นายมีความสุขมากนักรึไงกับการทำตัวกับฉันแบบนี้ ทำไมฉันถึงต้องเป็นคนที่ต้องคอยมานั่งรองรับอารมณ์ของนาย ฉัน ชิม ฮยอนอา ไม่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้เพื่อให้นายมาเหยียบย่ำความรู้สึกกันแบบนี้นะ”
ฉันว่า และน้ำตาเริ่มคลอเบ้า ฉันไม่ได้เศร้านะ ฉันโกรธสุดๆเลยต่างหาก แต่ทุกครั้งที่ฉันโกรธ น้ำตาฉันจะไหล และมือสั่น สั่นจนเหมือนจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งฉันไม่ชอบเลย
อึนพยอลโน้มตัวมาทางฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูต่างไปจากทุกที สายตาของเค้าจ้องเขม็งที่ฉัน
“เธอเข้าใจความหมายของคำว่าเหยียบย่ำความรู้สึกดีแค่ไหน ชิม ฮยอนอา เธอเคยโดนงั้นเหรอ”
“........”
“เธอรู้จริงๆเหรอว่าคำว่าเหยียบย่ำความรู้สึก ความหมายจริงๆมันเป็นยังไง”
“........”
“ฉันเคยหลอกลวงให้เธอดีใจจนตัวลอยแล้วสุดท้ายทอดทิ้งเธองั้นเหรอ ฉันเคยมองเธอด้วยแววตาแห่งความรักแล้วพอวันรุ่งขึ้น ฉันทิ้งขว้างเธองั้นสิ ชิม ฮยอนอา เธอเคยเจอแบบที่ฉันพูดรึไง เธอไม่เคยเจอความเจ็บปวดของการถูกทรยศหักหลังแม้แต่เพียงเสี้ยวเดียวด้วยซ้ำ”
“........”
ทำไมอ่ะ คนที่ควรจะเศร้า คนที่ควรจะใช้น้ำเสียงแบบนี้ควรจะเป็นฉันไม่ใช่รึไง คิม อึนพยอล จริงๆแล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่อ่ะ นายเจออะไรมางั้นเหรอ ทำไมนายถึงพูดเรื่องนี้ด้วยแววตาเจ็บปวดแบบนี้ แล้วทำไมนายถึงพูดได้เจ็บช้ำขนาดนี้ด้วย ใครเคยทรยศหักหลังนายงั้นเหรอ?
“ฉะ ฉันไม่เคยหรอก ฉันเพียงแต่......”
“เฮ้ หวัดดีจ้ะ อึนพยอล เอ๋ มากับฮยอนอาเหรอเนี่ย หวัดดีจ้าฮยอนอา”
เสียงอันสุดแสนจะสดใสและคุ้นหูของพี่มิยอนดังขึ้น อึนพยอลหดตัวกลับไปที่ฝั่งของตัวเองตามเดิม ฉันรีบใช้มือปาดน้ำตาที่คลอเบ้าอย่ารวดเร็ว และหันไปยิ้มทัก
“สวัสดีค่ะ”
วันนี้พี่มิยอนก็สวยเด้งมาอีกตามเคย
“นั่งด้วยคนได้มั๊ยอ่ะ” พี่มิยอนว่า แล้วทิ้งตัวลงข้างๆอึนพยอล
แล้วจะถามทำไมคะพี่ - -^
“อึนพยอลลำเอียงนี่นา ฉันชวนมาเที่ยวตั้งหลายที ยังไม่ยอมมา แต่ทีกับฮยอนอามานั่งกินแฮมเบอร์เกอร์ด้วยกันหน้าตาเฉยเลยนะ”
อ๋า ฉันไม่ได้ชวนนะคะพี่
ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ และอ้าปากจะพูดแต่ทว่า
“แล้วมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ” อึนพยอลถามขึ้นมา ความสนใจของพี่มิยอนเลยหนีจากฉันไปโดยไม่หวนกลับมาอีกเลย
“แวะมาหาเพื่อนที่ร้านขายเสื้อผ้าทางด้านโน้นน่ะ ว่าจะแวะเข้ามาซื้อกาแฟที่ร้านนี้ ไม่คิดว่าจะเจอเลยนะเนี่ย” พี่มิยอนตอบแล้วชูกาแฟประกอบ ก่อนจะทำหน้างอนใส่อึนพยอลอีกที
อืม คนสวยเนี่ย ทำหน้างอนก็ยังน่ารักแฮะ
“อึนพยอลรักฮยอนอามากกว่าฉันงั้นเหรอ”
O_O ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะพี่ รู้รึเปล่าว่าคำตอบของอีตาคิม อึนพยอลทำให้หนูเป็นศพคาเก้าอี้นี่ได้เลยนะคะ
อึนพยอลหันมามองหน้าฉัน ราวกับจะพูดว่า “ยัยคนนี้เนี่ยนะ”
ฮือ ฮือ ฉันโกรธพี่มิยอนแล้วล่ะ รู้ๆกันอยู่ว่ายังไงคนสวยอย่างพี่มิยอนใครๆก็รักใครๆก็หลงทั้งนั้นยังถามออกมาได้
“นึกยังไงถึงถามแบบนี้ล่ะ” อึนพยอลพูดออกมาในที่สุด
พี่มิยอนเบ้ปากมองค้อนอึนพยอลไปหนึ่งยก (ขี้งอนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย)
“ก็คราวก่อนฉันขอยืมตัวไปงานเลี้ยงรุ่น อึนพยอลพูดเองไม่ใช่รึไงว่าไม่ชอบไปที่คนพลุกพล่านมากๆ แล้วนี่ไม่พลุกพล่านรึไง”
“นี่โกรธจริงๆเหรอ” อึนพยอลใช้แขนโอบไหล่แสนจะบอบบางของพี่มิยอนไว้
คนในร้านหันมามองคู่หน้าตาดีคู่นี้กันใหญ่ ฉันได้ยินเสียงซุบซิบจากโต๊ะข้างหลังเต็มสองหูว่า
“นี่ไง ฉันบอกแล้วว่ายัยคนที่ใส่ชุดนักเรียนน่ะไม่ใช่แฟนหรอก ตอนนั่งกันอยู่สองคน ผู้ชายยังไม่แลตามองเลย พี่คนสวยคนนี้ต่างหากแฟนตัวจริง สมกันชะมัด”
โฮ โฮ โฮ ทำไมนะ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย
“ไม่โกรธหรอกน่า ฉันรู้ว่าอึนพยอลไม่ชอบผู้หญิงขี้งอน” พี่มิยอนตอบแล้วกลับไปร่าเริงเหมือนเดิม
ปลอบง่ายอย่างนี้เนี่ยเป็นใคร ใครก็รักนะคะ แต่หนูไม่ไหวแล้วค่ะพี่ แค่อยู่กับอีตาบ้านี่สองคนก็โดนเขม่นจะแย่แล้ว มีพี่มาเพิ่มดีกรีความต่ำต้อยอีกคน หนูคงมีชีวิตไม่พ้นวันนี้แน่ๆ
“ไหนๆพี่มิยอนก็มาอยู่เป็นเพื่อนนายแล้ว ฉันก็กลับได้แล้วใช่มั๊ย” ฉันหันไปถามอึนพยอล ที่ตอนนี้เอามือออกจากไหล่ของพี่มิยอนแล้ว (แล้วฉันจะสังเกตไปทำไมเนี่ย งงตัวเองจริงๆเลย)
“เปล่าอ่ะ” พี่มิยอนพูดอย่างรวดเร็ว
อ้าว นึกว่าอยากอยู่กับอึนพยอลซะอีก
“แค่มาทักทายเฉยๆน่ะจ้ะ^^ ฮยอนอาเนี่ยยอดไปเลยน้า ทำให้อึนพยอลมาเดินเที่ยวในเมืองตอนคนเยอะๆได้อย่างนี้ แต่ว่าเฝ้าไว้ดีๆนะจ๊ะ เท่ห์ๆอย่างนี้ระวังคนอื่นจะมาฉกไปนะ”
O_O ใครพิศวาสก็เชิญเถอะค่ะ
“ คือ ความจริงแล้วคืองี้นะคะพี่...............”
“นี่ๆอึนพยอล”
โธ่เว้ย เมื่อไหร่พี่มิยอนจะสนใจฟังฉันให้มันจบตลอดรอดฝั่งซะทีเนี่ย
“หืม?”
“วันเสาร์นี้ยุนนาจะไปที่บ้านรึเปล่า ชักจะคิดถึงยุนนาแล้วสิ พักหลังนี้ไม่ยักกะเห็นซอง...”
“มิยอน” อึนพยอลโพล่งขึ้นมาทันควัน
โอ๊ย นี่วันนี้ฉันจะฟังสองคนนี้คุยรู้เรื่องมั๊ยอ่ะ ทำไมขยันแทรกกันจังเลย
ว่าแต่ยุนนานี่ใครกัน แล้วพี่มิยอนกำลังจะพูดชื่อซองมินใช่มั๊ย?
“พรุ่งนี้ตอนบ่ายว่างรึเปล่า รูปยังไม่เสร็จเรียบร้อยเลย ช่วยเข้าไปเป็นแบบหน่อยได้มั๊ย”
“อ้าว ทุกทีต้องเป็นวันพุธไม่ใช่เหรอ”
“ก็ขาดอีกนิดหน่อยแล้วก็ลงสีเท่านั้นเอง”
พี่มิยอนทำท่านึก แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม
“คงซักบ่ายสามละกันนะ เพราะพรุ่งนี้มีเรียนน่ะ ว้าวจะเสร็จแล้วเหรอเนี่ย ดีใจจัง คราวนี้วาดนานมากๆเลยนะ ตอนยุนนาเป็นแบบไม่เห็นนานแบบนี้เลย”
ยุนนาอีกแล้ว? อ๋อ เข้าใจแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อยุนนาคงเป็นนางแบบให้อึนพยอลวาดเหมือนพี่มิยอนล่ะมั้ง
อึนพยอลยิ้มให้พี่มิยอนโดยที่ไม่มีคำตอบให้ แต่ทำไมนะ เหมือนจะทำหน้าโล่งใจด้วย เฮ้อ คิม อึนพยอลนายนี่มันประหลาดคนสุดๆ จริงๆเลยนะ
“ต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกันนะ ฮยอนอา”
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือบ๊ายบายตอบ และเมื่อพี่มิยอนออกจากร้านไปแล้วก็เหลือแค่ฉันกับอึนพยอลเหมือนเดิม
ไงล่ะ ยัยโต๊ะข้างหลัง จะพูดอะไรอีกมั๊ย อ้าวเงียบแฮะ ฉันหันไปมองดูก็พบว่าเค้าออกไปกันแล้ว นี่ฉันมัวแต่ฟังบทสนทนาอันน่าปวดหัวของอึนพยอลกับพี่มิยอนจนมองไม่เห็นคนเดินออกจากร้านเลยเหรอเนี่ย
อึนพยอลยกนาฬิกาขึ้นดูอีกแล้ว (รอบที่ล้านแปดเห็นจะได้)
“อึนพยอล นายเข้ามาในเมืองเพราะมีธุระอะไรรึเปล่า นายดูนาฬิกาบ่อยมากเลยนะ”
“เธอจะกินอยู่รึเปล่า”
“หา O_O”
อึนพยอลชี้มาที่ถาดตรงหน้าฉัน ซึ่งฉันกินไปได้ครึ่งเดียว
ใจคอจะไม่สนใจคำถามของฉันเลยใช่มั๊ยยะ
“ไม่แล้วล่ะ ฉันอิ่มแล้ว นี่เราจะกลับกันแล้วใช่มั๊ยอ่ะ”
“งั้นไปร้านขายซีดีกัน” อึนพยอลดูนาฬิกาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว ก่อนจะลุกขึ้น หยิบหมวกขึ้นใส่แล้วเดินนำหน้าฉันไปหน้าตาเฉย
นี่มันวันบ้าอะไรของฉันกันเนี่ยยยยย
ทำไมวันนี้เป็นวันที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยได้ขนาดนี้เนี่ย ฉันดูนาฬิกา ตอนนี้ หกโมงกว่า ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว ร้านทุกร้านในแถบนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนและกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มาชอปปิ้ง มาเป็นกลุ่ม มาเป็นคู่ๆ เรียกได้ว่าล้นหลามเลยแหละ แล้วยัยหัวฟู หน้ามัน เงินก็ไม่มีอย่างฉันมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?
ฉันหันไปมองอึนพยอลที่กำลัง เลือกแผ่นซีดีอยู่ที่ล๊อคตรงข้ามกับฉัน ผมสีดำของเขาสะท้อนกับแสงไฟ และอึนพยอลดูขาวจนเหมือนกับว่าเป็นกระดาษเลยทีเดียวเมื่อเจอไฟแบบในร้านขายซีดีแบบนี้ บอกไปจะมีใครเชื่อมั๊ยเนี่ยว่าอีตานี่อยู่ริมทะเลน่ะ
อึนพยอลเลือกแต่ละแผ่นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ดูแป๊ปเดียวก็ถือไว้ในมือ มือใหญ่ๆของอึนพยอลตอนนี้มีซีดีอยู่เต็มเอี้ยด นั่นมันกี่แผ่นเข้าไปแล้วอ่ะ 5 หรือ 6 หรือ 7 เนี่ย
อึนพยอลเงยหน้ามาเจอฉันที่ยืนมองเค้าอยู่ ฉันรีบเฉไฉ พลิกซีดีในมือไปมา จริงๆก็อยากได้แหละ แต่ไม่มีเงินซื้ออ่ะ คิม อึนพยอล ไอ้คนใจร้าย ไม่รู้รึไงว่าการลากคนไม่มีเงินมาชอปปิ้งน่ะเป็นการทำร้ายจิตใจกันชัดๆเลย
“เฮ้ เลือกได้รึยัง” อึนพยอลเดินเข้ามาถาม
“นายเลือกเสร็จแล้วเหรอ” ฉันว่าพลางวางแผ่นซีดีกลับคืนชั้น
อึนพยอลพยักหน้าแล้วมองซีดีที่ฉันเพิ่งวางไป
“อัลบั้มไหนบ้างนะที่เธออยากได้น่ะ แผ่นนี้ แผ่นนี้แล้วก็แผ่นนี้ใช่มั๊ย” อึนพยอลเอื้อมมือไปหยิบทุกแผ่นที่ฉันยืนดู
O_O อึนพยอลนายสังเกตฉันตลอดเวลาเลยงั้นเหรอ ทำไมนายหยิบได้ถูกหมดเลยล่ะ?
“ฉันดูแต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อนี่นา”
“ฉันซื้อให้” อึนพยอลหันมาบอกและเดินไปที่เคาท์เตอร์ ฉันรีบเดินตาม
“ไม่เอาหรอก อึนพยอล นายไม่จำเป็นต้องซื้อให้ฉันหรอกน่า” ฉันว่าแล้วดึงซีดีออกจากกอง เล่นเอาพนักงานตกใจหน้าเหวอไปเลย
“ถือว่าเป็นค่ามาเป็นเพื่อน” อึนพยอลพูด แล้วดึงซีดีกลับไป ก่อนจะหันไปบอกกับพนักงานว่า “คิดเงินทั้งหมดนี่เลยครับ”
ฉันชะงักโดยทันที
“ฉันไม่ต้องการค่าจ้างหรอกนะ” ฉันพูด
“คราวหลังถ้านายอยากจะมีคนมาเป็นเพื่อนซื้อของ นายก็บอกฉันสิ ไม่ใช่ว่าจู่ๆก็โผล่มาแบบวันนี้ ฉันรับรองว่าถ้าฉันว่าง ฉันจะมากับนายแน่ๆ” ฉันพูดต่อ ก็นะ คิม อึนพยอลอาจจะเข้าใจยากและบางทีก็ดูเกลียดฉัน แต่วันนี้เค้าจะจ่ายให้ฉันทุกอย่างไปซะหมดแบบนี้ ฉันก็รู้สึกผิดนะที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์กับการต้องมานั่งเป็นเพื่อนเค้าตลอดเย็นที่ผ่านมานี้น่ะ
“เธอเป็นผู้หญิงนะ ชิม ฮยอนอา เธอพูดว่าจะไปไหนมาไหนกับผู้ชายแบบนี้ง่ายๆได้ไง”
อึนพยอลพูด แล้วหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาจ่ายเงินหลังจากที่พนักงานคิดเงินเรียบร้อยแล้ว
T_T
ไหงเป็นงั้นล่ะ นายไม่คิดจะซึ้งกับคำพูดของฉันเลยรึไง
แต่จู่ๆอึนพยอลก็ยิ้มให้กับฉัน
ในที่สุด ฉันก็รอดพ้นจากการเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อึนพยอลไม่เคยยิ้มให้ จะว่าไป อีตานี่เนี่ยเวลายิ้ม น่ารักจริงๆเลยนะ
“ฉันพูดเล่นเท่านั้นเอง เธอมันเป็นพวกใจอ่อนนะ ฮยอนอา ซื่อเหมือนกวางป่า พอรู้ตัวอีกที เธอก็โดนนายพรานเป่าม่องเท่งไปแล้ว”
พนักงานหันมามองหน้าฉันแล้วกลั้นยิ้มเต็มที่
นี่หน้าตาฉันซื่อบื้อจริงๆงั้นเหรอ?
“ฉันพูดว่าฉันจะไปไหนมาไหนกับนายได้เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรต่างหาก ไม่ได้เป็นเพราะฉันซื่อบื้อซักหน่อย” ฉันโพล่งขึ้นด้วยความหงุดหงิด
อึนพยอลรับเงินทอนจากพนักงานแล้วหันมามองฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว ทั้งๆที่อะไรๆระหว่างฉันกับอึนพยอลมันจะดีขึ้นอยู่แล้วเชียว
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็พูดแบบนี้กับซองมินไม่ได้ใช่มั๊ย”
“นะ นายหมายความว่าไงน่ะ”
อึนพยอลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและเดินออกจากร้าน ขายาวๆของเค้าก้าวเร็วมาก ฉันเดินตามแทบไม่ทัน
“เพราะเธอคิดอะไรกับซองมินไง ฮยอนอา” อึนพยอลหันมาบอกแล้วโบกรถแทกซี่
“นายพูดอะไรของนายน่ะ” ฉันโวยวาย แต่รู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาทันที “ฉะ ฉันเปล่....”
“อยากกลับบ้านไม่ใช่รึไง” อึนพยอลว่าขณะเปิดประตู “ขึ้นรถเร็วๆเข้าสิ”
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนิสัยแย่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย ฉันไม่น่าพูดบ้าๆแบบนั้นออกไปเลยจริงๆนะ
แล้วตลอดทาง อึนพยอลก็ไม่พูดอะไรกับฉันอีก หลังจากนี้ไป ฉันก็คงกลับไปเป็นคนที่คิม อึนพยอลเกลียดขี้หน้ามากที่สุดเหมือนเดิมสินะ T_T
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น