ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Latest Novel ^ ^

    ลำดับตอนที่ #1 : ย้ายบ้านหรือเนี่ย...

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 49


    My Latest Novel

    คิม ซองมิน ฉันจะสร้างตัวละครแบบไหนในนิยายของฉันดีนะ ถึงจะคู่ควรกับความน่ารักของนายน่ะ

    ฉันนั่งกัดปลายปากกาอยู่ที่โต๊ะเรียน นักเรียนบางส่วนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดพละเป็นชุดนักเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เริ่มเดินทยอยเข้ามาในห้อง ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังนั่งยิ้ม จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง ในเมื่อ 5 นาทีก่อน หลังจากจบคาบพละ ฉันเดินไปล้างหน้าที่ก๊อกน้ำข้างโรงยิมแล้ว คิม ซองมิน คนที่ฉันแอบชอบมาเกือบ 1 ปี เอาน้ำมาให้น่ะ

    "หน้าเธอซีดมากเลยนะ ฮยอนอา"

    พ่อหนุ่มในฝันของฉันพูดแล้วยื่นขวดน้ำให้

    "แต่เธอก็ชู้ตบาสได้แม่นมากๆ^^" ซองมินว่า แล้วยิ้มน่ารักมากๆ

    แต่จริงๆแล้วก็คือ ซองมิน มีรอยยิ้มใจดีอย่างนี้ให้กับทุกคนนั่นแหละ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลย ที่ซองมินจะเป็นขวัญใจสาวๆในโรงเรียน

    "ขอบใจจ้ะ^^" ฉันว่าแล้วรีบคว้าขวดน้ำ ก่อนจะเดินก้มหน้างุดๆกลับห้องด้วยความเขิน

    "ปึง" เสียงทุบโต๊ะดังลั่นเล่นเอาฉันเกือบตกเก้าอี้

    "ซูจอง มีอะไร" ฉันมองเพื่อนสนิทของฉัน

    ยุน ซูจอง ปัดผมที่เปียกน้ำออกจากหน้า แล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนจะจิ้มไปที่ขวดน้ำ

    "จะเอาไปไว้บนหิ้งเลยรึเปล่าเนี่ย^^" ซูจองถามยิ้มๆ

    "อะไรยะ"

    "ฉันเห็นนะยะ เมื่อกี๊นี้ที่ก๊อกน้ำน่ะ"

    "อะไรเล่า ก็แค่น้ำขวดนึง" ฉันแก้เก้อ โอ๊ย ซูจองยิ้มแบบนี้ รู้แน่ๆว่าฉันโกหกน่ะ

    "แค่ขวดน้ำแล้วมือสั่นทำไมยะ แล้วนี่ เขียนอะไรน่ะ นิยายเหรอ จะเขียนส่งประกวดจริงๆเหรอ" ซูจองว่าเสียงดังแล้วพยายามจะแย่งสมุดในมือฉันไปดู แต่ฉันอายเกินกว่าจะให้หล่อนดู เลยรีบยัดใส่กระเป๋า

    ฉัน ชิม ฮยอนอา ผู้ประกาศตัวปาวๆว่าอยากเป็นนักเขียนนิยายแต่ยังไม่เคยเขียนได้สำเร็จซักทีก็มีหนังหน้าเหมือนกันนะยะ ยัยซูจองนี่ เห็นเพื่อนตัวเองเป็นอะไรกัน

    "แล้วซองมินเป็นพระเอกรึเปล่า" ซูจองถาม พร้อมกับยื่นหน้ายื่นตาที่น่ารักใช่ย่อยมาทางฉัน

    "ซูจอง จะเสียงดังทำไมน่ะ ซองมินเข้ามาในห้องแล้ว" ฉันว้ากใส่ยัยเพื่อนตัวดีเมื่อเห็นร่างสูงๆของ ซองมินเดินเข้ามา ซูจองหันไปมองแล้วหัวเราะ

    "ได้ยินก็ดีดิ ฉันขี้เกียจเห็นเธอแอบมองตานั่นทุกวันๆแล้วล่ะ เฮ้ ซองมิน"

    ซูจองเอี้ยวตัวแล้วตะโกนเรียกดังลั่น ซองมิน หันมามอง

    ตาย ตายแล้ว ฉันจะทำยังไงดีถึงจะทำให้ซูจองสงบได้เนี่ย

    "ซองมิน มานี่หน่อยสิ"

    "ยุน ซูจอง!" ฉันตะโกนดังลั่น

    คนในห้องพากันหันมามอง ก็น่าอยู่หรอก ปกติฉันก็เกือบจะเป็นคนที่เงียบที่สุดในห้องอยู่แล้ว จู่ๆมาตะโกนเสียงดัง เป็นใคร ก็ต้องงงแหละ

    "ฉันปวดอึ"

    โอ๊ย อยากฆ่าตัวตายจริงๆเลย นึกคำอื่นไม่ออกแล้วจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย ยัยชิม ฮยอนอา

    ทุกอย่างในห้องหยุดชะงัก รวมถึง ซองมินที่กำลังลุกขึ้นจะเดินมาทางซูจองด้วย

    อ๊ากกกก ฉันลืมไปเลย นี่ฉันตะโกนว่าตัวเองปวดอึต่อหน้าคนที่ฉันแอบชอบเนี่ยนะ ชิม ฮยอนอาเอ๋ยยยย เธอจบสิ้นแล้วล่ะ

    ซูจองหันมา แล้วตาที่โตอยู่แล้ว ก็โตมากขึ้นไปอีก

    "ก็ไปอึสิยะ จะมาตะโกนทำไม"

    เพื่อนๆมองมาที่ฉัน สามวินาทีต่อมาเสียงหัวเราะก็ตามมาติดๆ

    "ไปด้วยกัน" ฉันว่าและคว้าแขนของซูจอง

    "ฉันไม่ได้ปวดนี่ ฮยอนอา เธอเป็นไรเนี่ย แค่ฉันจะเรียกซองมินมาเนี่ยนะ"

    ก็ใช่น่ะสิยะ ยัยเพื่อนบ้า

    "เธอไม่ไปด้วยฉันอึไม่ออก"

    เอาเข้าไป ไหนๆก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ให้มันเละไปเลยละกัน

    "ฮยอนอา ฉันไม่ใช่ยาถ่ายของเธอนะยะ"

    ฉันไม่ฟังอะไรจากยัยซูจองแล้ว ฉันดึงตัวหล่อนขึ้น (ไม่รู้ทำไปได้ไง ซูจองตัวใหญ่กว่าฉันตั้งเยอะ) แล้วลากออกจากห้อง มีคนตะโกนแถมท้ายด้วยว่า

    "เฮ้ ชิม ฮยอนอา เอาออกให้หมดเลยนะ จะได้ไม่ต้องมาเรี่ยราดแถวนี้น่ะ"

    ที่ว่าแย่แล้ว ยังไม่เท่าเห็น ซองมิน หัวเราะไปกับเพื่อนๆด้วย นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย

    ตลอดบ่าย ฉันต้องรวบรวมความสง่าผ่าเผยในตัวเองที่เหลืออยู่น้อยนิด เพื่อนั่งเชิดหน้านั่งเรียนอยู่ในห้อง ท่ามกลางความตลกขบขันของเพื่อนๆ แต่พระเจ้าก็ยังคงประทานคนดีมีน้ำใจมาให้บ้างเหมือนกัน เพราะฉันสังเกตเห็นว่า ซองมินน่ะไม่ได้ตลกไปกับคำพูดของฉันอีกแล้ว (จริงๆแล้ว ฉันก็สังเกตอยู่คนเดียวนั่นแหละ)

    จะว่าฉันหลงก็ได้ ทำไงได้ล่ะ นี่น่ะรักแรกของฉันนะ แล้วเขาก็จะเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตของฉันที่ฉันจะเขียนด้วย

    หลังจากเลิกเรียน ฉันรีบเก็บของโกยอ้าวออกจากห้อง เพราะชักจะไม่อยากอยู่สู้หน้าคนในห้องอีกแล้ว รวมทั้งยัยซูจอง เพื่อนที่แสนดีของฉันด้วย ถึงแม้ว่าหล่อนจะพยายามง้องอนฉันด้วยการจะเลี้ยงคาราโอเกะ แต่ฉันก็ไม่ใจอ่อนหรอก

    "เธอบีบให้ฉันพูดอะไรน่าอายออกไปนะ ยุน ซูจอง"

    "เพราะฉันรักเธอน้า ฮยอนอา เธอคิดว่า การลอบมองซองมินจนเปื่อยตายกันไปข้าง จะทำให้เค้ารู้ตัวเหรอว่าเธอแอบชอบอยู่น่ะ^^"

    "แล้วบอกไปตรงๆจะทำให้ซองมิน ชอบฉันงั้นเหรอ" ฉันย้อน แล้วลุกขึ้น "ไม่ล่ะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว พักนี้พี่ชายฉันกับยัยไอวี่ ชอบทำหน้าแปลกๆใส่ฉันอยู่ด้วย"

    พูดถึงยัยเถาไอวี่นรก แฟนพี่ชายฉันแล้วพาลให้อารมณ์เสีย ผู้หญิงบ้าอะไร แรดได้ถึงลูกถึงคนจริงๆ จุนจิน ไอ้พี่บ้า ทำไมถึงได้ทำตัวให้น้องสาวขยะแขยงได้ขนาดนี้นะ

    "ฮยอนอาจ๋า เธอไม่โกรธฉันแล้วใช่มั๊ย ฉันสัญญานะ ว่าต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ถึงซองมินเดินมาถามว่าเธอชอบเค้ารึเปล่า ฉันก็จะหุบปากไว้^^"

    ถ้าซองมินมาถามก็บอกเค้าไปตรงๆสิยะ ฉันนึกในใจ แต่ เอ๊ะ ไม่ได้นะ ชิม ฮยอนอา เธอต้องเป็นกุลสตรีผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน อย่าได้หลุดพฤติกรรมให้เพื่อนประณามว่า เปลี่ยนสปีชี่จากคนกลายเป็นแรดไปแล้ว

    "ดีมาก ยุน ซูจอง เธอคิดถูกแล้ว" ฉันฝืนใจพูดออกไปแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้อง

    ว่ากันว่าหลังจากพายุพัดผ่านไป ท้องฟ้าย่อมสดใสปิ๊งปั๊งเสมอ ไอ้ฉันมันก็เฉยๆกับคำพูดพวกนี้นะ คิดว่ามันเห่ยด้วยซ้ำ แต่ว่า ตอนที่ฉันเดินผ่านสนามบาส หน้าโรงเรียน ขาสั้นๆของฉันก็หยุดอัตโนมัติเมื่อเห็น ซองมิน กำลังซ้อมบาสกับเพื่อนๆ เห็นมั๊ยล่ะ ว่าพ่อหนุ่มในดวงใจฉันเพอร์เฟคขนาดไหน หน้าตาดี นิสัยดี เรียนก็ดี แถมยังเป็นนักกีฬาอันดับหนึ่งของโรงเรียนอีกด้วยนะ

    ซองมินหันมาโบกมือบ๊ายบายกับฉันด้วย พระเจ้า หัวใจจะวาย รู้อย่างนี้มาเกาะขอบสนามทุกวันแบบพวกเด็กม.4 .5 ตั้งนานแล้ว

    ฉันโบกมือกลับ แล้วยิ้มหวานจับใจกลับไปให้ อย่างกะว่าซองมินจะเห็นงั้นแหละ (เพราะบ๊ายบายเสร็จซองมินก็เลี้ยงลูกบาสหายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว) เอาน่า รู้คนเดียวก็พอแล้วนี่ ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน และแน่นอนในกระเป๋าของฉันก็มีขวดน้ำที่ซองมินเอาให้ นอนแอ้งแม้งอยู่ก้นกระเป๋าด้วย

    ไม่ถึง 10 นาที ฉันก็มาถึงบ้าน หรือ จะเรียกให้ถูกก็คือ อาร์พาร์ตเมนท์ธรรมดาๆของครอบครัวหาเช้ากินค่ำทั่วๆไป ฉันอยู่ที่นี่กับพี่ชาย ชิม จุนจิน ที่แก่กว่าฉัน 4 ปี มาเกือบๆ 3 ปีแล้ว พี่ชายเป็นฮีโร่ของฉันมาตลอด เพราะพ่อทิ้งฉัน พี่ชาย และแม่ไปเมื่อฉันอายุได้ 5 ขวบ และ 3ปีต่อมาแม่ก็ป่วยหนักจนตายในปีนั้น ฉันและจุนจินพี่ชายต้องไปอยู่ในการอุปการะของป้า ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ ชีวิตช่วงนั้นอย่าให้พูดถึงเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นรายการทีวีโศกเศร้าประมาณวงเวียนชีวิตไปซะเปล่าๆ เอาเป็นว่า พอจุนจินจบม.ปลายและมีงานทำส่งเสียฉันได้ เรา 2 พี่น้องก็รีบย้ายออกจากบ้านป้าอย่างไม่รอช้า เท่านี้ก็พอจะนึกออกแล้วใช่มั๊ยว่าเรามีชีวิตภายใต้การดูแลของป้าดีแค่ไหน แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ฉันก็ยังรู้สึกขอบพระคุณในความมีน้ำใจของป้าและครอบครัวอยู่บ้าง ถึงท่านจะไม่ได้รักหรือเต็มใจเลี้ยงดูเรา แต่ก็ช่วยให้เราโตมาได้จนทุกวันนี้

    จุนจินเป็นฮีโร่ของฉัน จนกระทั่ง เค้าไปคว้าเอายัยไอวี่นรกนั่นมาเป็นแฟน

    ฉันกระโดดดึ๋งๆเป็นคนติงต๊องมาตั้งแต่เข้ามาในตึก จนกระทั่งมาถึงชั้น 6 ชั้นที่ฉันอาศัยอยู่ ขาของฉันก็หยุดชะงัก

    ป้ายตระกูลชิม หายไป ฉันหันไปมองรอบๆ มองห้องข้างๆ ป้ายของบ้านข้างๆก็ยังเหมือนเดิม ฉันเกาหัวแกรก

    ก็ไม่ได้มาผิดชั้นนี่นา หรือว่า ฉันกัดริมฝีปากตัวเอง ไอ้พวกเด็กเวรที่อยู่ชั้น 4 มาขโมยไป

    "แล้วจะเอาไปทำซากอะไรวะ" ฉันพึมพำกับตัวเอง คอยดูเถอะจะบอกให้พี่ไปไล่เตะตูดให้หมดเลย

    ฉันไขกุญแจบ้าน อ้าว ไม่ได้ล๊อคแฮะ น่าแปลกจริงๆเลย วันนี้เนี่ย อะไรๆมันก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปหมดเลยนะ พี่ฉันกลับบ้านตอนดวงอาทิตย์ยังอยู่ทิศตะวันออกก็เป็นด้วยเหรอเนี่ย

    "จุนจิน พี่เห็นรึยังว่าบ้านเราโดนไอ้เด็กเวรชั้น 4 ขโมยป้ายน่ะ" อย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง พอก้าวขาเข้าห้องได้ปุ๊บ ฉันก็รายงานทันที แต่ทว่า

    "......"

    ฉันมองไปรอบๆห้อง ห้องที่เคยรก ชนิดที่ว่า ถ้ามีงูหลงเข้ามา ฉันคงโดนฉกตายอนาถอยู่ในห้อง และพอพี่กลับมาบ้าน ฉันคงขึ้นอืดไปแล้ว แต่ตอนนี้มันสุดจะเรียบร้อย เรียบร้อยชนิดที่ว่า ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

    ฉันกวาดสายตาไปทั่วๆห้อง ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ แม้แต่กระดาษซักใบ กรอบรูปซักอันก็ไม่มี ตรงหน้าฉันคือ ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ตรงมุมห้องพี่ชายของฉัน และยัยไอวี่ (อยากรู้จริงๆเลยว่า ตาตี่ๆอย่างนี้ไปเอาเชื้อฝรั่งมังค่าที่ไหนมาชื่อ ไอวี่กันเนี่ย) ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ด้วยกัน

    พี่ชายฉันปกติก็เป็นหนุ่มคมเข้มอยู่แล้วนะ ทำหน้าซีเรียสแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย

    "จุนจิน บ้านเราโดนยกเค้าเหรอพี่O_O" ฉันถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

    และยัยว่าที่พี่สะใภ้(ชาติหน้า)ของฉันก็ทำหน้าประหนึ่งว่าฉันโง่ซะเต็มประดา

    "เราต้องย้ายที่อยู่ต่างหากล่ะ" พี่ชายตอบแล้วเดินมาแตะแขนฉัน

    "ย้าย? วันนี้เลยเนี่ยนะ แล้วทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ" ฉันว่าแล้วเดินไปดูห้องของตัวเอง ข้าวของถูกเก็บแล้วเหมือนกัน เหลือไว้เพียงแต่โต๊ะ ตู้ เตียงเท่านั้น

    "ฮยอนอา เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะ"

    "ทำไมล่ะ"

    พี่ชายฉันเงียบไม่ตอบ ซึ่งฉันไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ทำไมล่ะ เรามีกันอยู่สองคนพี่น้อง แล้วทำไมฉันถึงได้ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่เลย

    "พี่ชายของเธอถูกนักเลงตามล่าอยู่น่ะสิ" ยัยไอวี่เฉลย

    อะ อะไรนะ นักเลงงั้นเหรอ ชีวิตของพี่ชายฉันส่วนไหนมีความจำเป็นต้องไปยุ่งกับไอ้พวกนักเลงป่าเถื่อนพวกนั้นด้วยล่ะ

    "พี่ไปมีเรื่องกับพวกนั้นเหรอo_o" ฉันถามงงๆ

    "นี่ จุนจิน เธอไม่เคยบอกน้องเธอเลยเหรอว่า ไอ้ร้านขายเสื้อผ้าของเธอมีปัญหา เธอเลยต้องไปกู้เงินนอกระบบมาหมุน แล้วตอนนี้ร้านเธอโดนโกง เธอไม่มีเงินคืนพวกมัน มันเลยจะมาตามฆ่าเอาน่ะ" ยัยไอวี่พูดแล้วมองหน้าฉันราวกับฉันเป็นน้องทรพีสุดขอบโลก

    "พอเถอะน่า อย่าทำหน้าเหมือนว่า ฮยอนอาไม่สนใจพี่ชายตัวเองได้มั๊ย ฉันเป็นคนไม่บอกเค้าเอง" พี่ชายฉันหันไปว่าไอวี่ หล่อนสะบัดหน้าไม่พอใจเดินไปยืนพิงริมหน้าต่าง

    "จุนจิน ร้านพี่ย่ำแย่ขนยาดนั้นเลยเหรอ แล้วพี่เยอิน หุ้นส่วนของพี่ล่ะ เค้าไปไหน"

    "ไอ้นั่นแหละตัวดี พี่เธอโดนมันเชิดเงินหนีไปหมดแล้ว" ไอวี่พูดขึ้นมาจากอีกมุมของห้อง

    พี่ชายฉันหันไปมองหน้าแฟนตัวเองเหมือนจะให้หุบปากซักที ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าความปากมากของยัยไอวี่มีประโยชน์ เพราะขืนรอให้พี่ฉันเล่าคงต้องรอกันทั้งวัน

    "ฮยอนอา พี่ไม่อยากทิ้งเธอไปเลย แต่เราคงต้องแยกกันชั่วคราวนะ" จุนจินหันมาบอกกับฉัน พี่ชายจับแขนฉันทั้งสองข้างแล้วทำหน้าด้วยอารมณ์ว่า "เข้าใจพี่ด้วย"

    แต่ฉันไม่เข้าใจ และไม่อยากจะเข้าใจ นี่จะทิ้งฉันจริงๆเหรอ มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย

    "แยกกัน? ทำไมล่ะ ไม่เอาอ่ะ พี่จะไปไหน ฉันต้องไปด้วยสิ"

    "พี่จะหนีไปอยู่ที่อื่นซักพักแล้วจะหาลู่ทางหาเงินมาคืนพวกนักเลง ฮยอนอารอพี่อยู่ที่นี่นะ พวกมันไม่รู้จักเธอ มันมาทำอะไรเธอไม่ได้หรอก เพียงแต่พวกมันรู้ว่าบ้านเราอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอเลยอยู่ที่นี่ไม่ได้"

    "อยู่ไม่ได้ แล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน แล้วพี่ล่ะ พี่จะไปไหน ไปกับใคร ไอวี่น่ะเหรอ"

    ฉันเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นี่มันอะไรกันน่ะ นี่ฉันจะกลายเป็นคนไร้บ้าน และไร้ญาติในเวลาเดียวกันด้วยนี่นะ มันจะเกินไปแล้วมั้ง

    "พี่จะให้เงินเธอไว้นะ ตอนนี้เธอไปอยู่กับเพื่อนก่อน แล้วก็หาหอพักอยู่ พี่จะหนีไปเมืองไทย แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้าพี่จะติดต่อกลับมาเอง"

    "อะไรนะ พี่จะไปเมืองไทย แล้วฉันล่ะ ใจคอพี่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวเนี่ยนะ"

    ฉันโวยวาย

    "โธ่เว้ย ฮยอนอา แล้วเธออยากให้พี่ตายงั้นเหรอ เงียบแล้วฟังให้ดีๆนะ พี่ไม่ได้ทิ้ง พี่สัญญาพี่จะกลับมา เราจะอยู่ด้วยกันอีก เธอต้องอยู่ที่นี่ ต้องเรียนให้จบปริญญาตรี พี่จะส่งเธอเอง รู้มั๊ย มันเป็นคำสัญญาของพี่กับแม่ จำไว้ เธอต้องมีอนาคตที่ดีพี่จะสร้างอนาคตให้เธอเอง"

    ตอนนี้น้ำตาเริ่มมาคลอที่ตาฉัน จนหน้าพี่มันมัวไปหมดแล้ว

    "ทีไอวี่ยังไปกับพี่ได้เลย" ฉันแย้ง

    "ฉันไม่ได้ไปสบายนะยะ" ไอวี่แทรกขึ้นมา

    และมันก็ทำให้ฉันคิดได้ ในขณะที่พี่ฉันจนตรอกต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพื่อนที่ขึ้นชื่อว่า แสนดีมากมายอย่าง ยอง เยอิน ก็โกงพี่ชายฉันได้ลงคอ มีแต่ยัยไอวี่คนเดียวที่ยังอยู่กับพี่ชายฉัน

    "พี่จะไปเมื่อไหร่" ฉันพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้โฮออกมา

    "อีก 2 ชั่วโมงพี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว และเธอ ฮยอนอา เธอก็ต้องไปจากอาร์พาร์ตเมนท์นี้ภายในสองชั่วโมงนี้ด้วย ก่อนที่พวกมันจะมากัน"

    หา ? อะไรนะ? ถึงฉันจะพยายามทำความเข้าใจแต่นี่จะเกินไปแล้วนะ แล้วฉันจะไปซุกหัวนอนที่ไหนล่ะ

    เราสามคนช่วยกันขนของลงมาชั้นล่างเท่าที่จะเอาไปด้วยได้ พวกเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆก็คงต้องทิ้งไว้ให้ไอ้พวกนักเลงมันมาทุบเล่น ตอนที่มาทวงหนี้แล้วไม่เจอพี่ชายฉัน

    ด้านล่าง แทกซี่มารอรับพี่ชายกับแฟนอยู่แล้ว ขณะที่ขนของใส่หลังรถ ฉันมองดูมือที่ใหญ่และกร้านของพี่ชาย มือที่คอยดูแลฉัน หาเลี้ยงฉันมาตลอด และยิ่งได้รู้ว่าพี่ชายไม่เคยคิดจะเล่าปัญหาให้ฉันฟังเพราะไม่อยากให้ฉันทุกข์ใจ ยิ่งทำให้ฉันไม่อยากให้พี่ไป

    "ฮยอนอา ทำบ้าอะไรน่ะ" จุนจินถามอย่างหัวเสีย เมื่อฉันโยนของของฉันไว้ที่ที่นั่งด้านหลัง

    จุนจินมุดเข้าไปในรถและโยนออกมา และฉันโยนกลับเข้าไปใหม่

    "ชิม ฮยอนอา"

    "ไม่เอานะ ฉันจะไปด้วย" ฉันร้องเมื่อพี่โยนออกมาอีกครั้ง

    "เราไม่ได้อยากทิ้งเธอนะ" ไอวี่เดินมาแตะไหล่ฉัน

    "แต่ก็จะทิ้ง" ฉันว่า แล้วสูดน้ำมูก

    "ไม่ได้ทิ้ง พี่จะติดต่อกลับมา ฮยอนอา อย่าเปลี่ยนเบอร์มือถือเด็ดขาด ฝากบอกเพื่อนเธอด้วย ชื่ออะไรนะ ยุน ซูจองใช่มั๊ย บอกว่า ถ้าเปลี่ยนล่ะก็ พี่จะกลับมาเขกหัวให้หัวโนไปเลย" จุนจินพยายามพูดให้ตลก แต่ฉันไม่ตลก เมื่อไอวี่วางกล่องใบสุดท้าย ฉันรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาจับใจ

    "ถ้าพี่ทิ้งฉันไป ฉันจะทำตัวเหลวแหลกสุดๆไปเลยจำใว้นะ ภายในสองเดือนนี้ ถ้าพี่ไม่กลับมา ฉันจะขายตัว จำไว้" ฉันประกาศ คำประกาศนี้ทำเอาคนขับแทกซี่ที่หน้าบึ้งเพราะรอนานแล้ว หันมามองหน้าฉันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    "ถ้าแกขายตัว ฉันจะตื้บแก ไอ้น้องเวร" จุนจินว่า แล้วเขกหัวฉัน ฉันเห็นน้ำใสๆในตาพี่ชาย

    ใช่สิ พี่ไม่ได้อยากทิ้งฉันหรอก และถ้าฉันรักพี่จริงๆ ฉันก็ควรจะให้พี่หนีไปอย่างสบายใจ (หนีไปอย่างสบายใจ ฟังดูขัดแย้งกันอยู่นะเนี่ย)

    "ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ รอพี่กลับมานะ" ฉันฝืนยิ้มแล้วหันไปกำชับไอวี่ "อย่าทิ้งพี่ฉันนะ มีเธอคนเดียวที่ดูแลพี่ได้" ไอวี่พยักหน้ารับรอง ฉันรับเงินจากพี่แล้วได้แต่ยืนมองรถแทกซี่ พาพี่ชายของฉันห่างจากฉันไปเรื่อยๆ

    หลังจากนั้นอีก 10 นาที สติฉันก็กลับคืนมา ตอนนี้ฉันมีเป้ 2 ใบ กล่องขนาดย่อม 3 กล่อง และตัวฉันเอง วันนี้ของเหล่านี้กับตัวฉันจะไปซุกหัวนอนที่ไหนดีล่ะเนี่ย

    "ไม่อยากจะเชื่อเลย" ซูจองพูดขึ้นหลังจากฟังฉันเล่าจบ

    "ไม่อยากเหมือนกันแหละ" ฉันว่า แล้วจับมือซูจอง "ฉันอยู่หอกับเธอที่นี่ได้มั๊ย ฉันจะจ่ายค่าเช่าให้ด้วยนะ"

    "ไม่ได้อ่ะ^^"

    "ทำไมล่ะ"

    "ฉันเกลียดไอ้หอบ้านี่จะตายอยู่แล้ว ทุกวันนี้ฉันยังโทรศัพท์ไปโวยวายกับคนที่บ้านอยู่เลยว่านี่มันคุกชัดๆ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าไอ้หอนี่มันบ้าขนาดไหนน่ะ"

    "จำได้แค่ว่าเป็นหอหญิงล้วนน่ะ^^"

    "เธอต้องวางบัตรก่อนเข้ามา คนนอกต้องออกจากหอหลังสี่ทุ่ม ถ้าถูกจับได้ 3 ครั้งเจ้าของห้องจะถูกไล่ออก และรับคนเข้าพักใหม่แค่ 2 ครั้งต่อปี"

    2 ครั้งต่อปี แปลว่าที่นี่ไม่ต้อนรับฉันใช่มั๊ยเนี่ย

    "พ่อแม่เธอเป็นคนค้นพบหอนี้ใช่มั๊ย"

    ซูจอง พยักหน้า แน่ล่ะ ถ้าให้หาเอง เพื่อนฉันคงตัดชื่อไอ้หอเวรนี่ก่อนเลย

    ฉันหันไปมองนาฬิกา อีก 20 นาทีจะ 4 ทุ่ม ให้ตายสิ ชาติที่แล้วฉันเคยไปวางเพลิงเผาไล่ที่ใครรึเปล่าเนี่ย ชาตินี้ถึงได้ต้องมานั่งระหกระเหินแบบนี้

    "ซูจอง เธอจะยอมโดนคาดโทษซักครั้งรึเปล่า ยังไงวันนี้ก็ให้ฉันค้างที่นี่เถอะนะ ^^"

    ซูจองชูนิ้วขึ้นมา สองนิ้ว เหมือนจะบอกว่า สู้ตาย แต่จริงๆแล้วคงไม่ใช่

    "2 ครั้งแล้วอ่ะ ฮยอนอา"

    "อะไรนะ o_o"

    "ฉันโดนคาดโทษมา2 ครั้งแล้ว ถ้าฉันทำอีกจะโดนไล่ออกจากหอ แล้วก็จะโดนที่บ้านตีเอาด้วย"

    "นี่เธอเอาใครมาค้างน่ะ ซูจอง"

    "เปล่าอ่ะ ฉันไม่กลับหอต่างหาก เค้ารวมอยู่ในความผิดเดียวกันน่ะ"

    "แล้วไปอยู่ไหนมายะ " ฉันถามแล้วก็เข้าใจในบัดดล เพื่อนฉันคงไปอยู่กับเจ้า ฮัน ซังโฮ เด็กโรงเรียนชายล้วนเมืองข้างๆนี่แน่ๆ ยัยนี่นิรู้ว่าแฟนตัวเองอยู่ไกล ทำไมไม่รีบกลับล่ะยะ

    "ช่างเหอะ ฉันเข้าใจแล้ว" ฉันว่าแล้วลุกขึ้นคว้าเป้

    "ฮยอนอาจ๋า ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ^^"

    "ฉันรู้ มันยังไม่พ้นวันใหม่นี่นา ความซวยมันย่อมมีอยู่เป็นธรรมดาT_T" ฉันว่า แล้วยิ้ม ฉันไม่ได้โกรธซูจอง จริงๆนะ แต่ถ้ายิ้มของฉันมันดูฝืนๆล่ะก็โทษไปที่สารพัดเรื่องที่เกิดวันนี้ละกัน

    "ซูจอง ฉันฝากของพวกนี้ไว้ก่อนนะ ถ้าฉันหาที่อยู่ได้แล้วจะกลับมาเอา วันนี้ฉันคงจะไปเช่าโรงแรมอยู่ไปก่อนนะ"

    "จ้ะ จะรักษาให้ยิ่งชีพเลย^^"

    "เจอกันที่โรงเรียนนะ ^^" ฉันยกมือบ๊ายบายแล้วสะพายเป้ออกจากหอ

    และค้นพบว่า เมืองที่ฉันอยู่มา 3 ปี พอเหลือตัวคนเดียว ฉันก็มีสภาพไม่ต่างจากคนหลงทางเลย

    ฉันเดินเตร็ดเตร่ไปในย่านที่พักชั่วคราว ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าจะห้าทุ่มแล้ว คนเริ่มบางตา พอเห็นแม่จูงมือลูกเดินผ่านไป ฉันก็เหงา เห็นแฟนเดินจับมือกัน ฉันก็เศร้า เห็นวัยรุ่นจับกลุ่มเฮฮา ฉันก็รันทด ฉันจะรอดคืนนี้ไปได้มั๊ยนี่

    ฉันหยุดอยู่ที่โรงแรมที่มีสภาพทรุดโทรม เหมือนโรงแรมจิ้งหรีดยังไงยังงั้น ตอนที่ฉันมีบ้านซุกหัว ฉันไม่เคยจะชายตามาแลไอ้เจ้าโรงแรมนี่เลยด้วยซ้ำ แต่คืนนี้แหละมันจะเป็นบ้านชั่วคราวของฉันล่ะ

    ใจจริงน่ะไม่อยากหรอกเพราะเมืองนี้มันเมืองชายทะเล โรงแรมที่ว่าถูกๆแล้วก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี เรื่องเงินเนี่ยปัญหาระดับชาติเลยนะ ยังไงฉันก็ต้องรักษาชีวิตตัวเองให้รอดจนกว่าพี่จะกลับมาน่ะแหละ

    ฉันยืนชั่งใจและมองซ้ายมองขวาว่าจะไม่มีเพื่อนในโรงเรียนคนไหนเห็นฉันเดินเข้าโรงแรมจิ้งหรีดแบบนี้ แล้วสายตาฉันก็มองไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ตึกฝั่งตรงข้าม

    *o* ฉันมองหากล้องหรือทีมงานทันที เพราะไม่แน่ใจว่า มีการถ่ายทำละครหรือ มิวสิควิดีโอรึเปล่า ถ้ามีจริงๆก็ถือว่ามาไกลมากๆเลยนะ

    เหตุที่มองหากล้องก็เพราะว่า ผู้หญิงฝั่งตรงข้ามนั่นหน้าตาดีสุดๆไปเลยน่ะสิ ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่า ดาวโรงเรียนแถวนี้มีหน้าตาแบบนี้รึเปล่า

    ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกเก่าๆที่เป็นร้านรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและเวลานี้ก็ปิดร้านไปแล้วมีเพียงไฟนีออนหน้าร้านที่ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่เปิดอยู่

    ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ฟุตบาธหน้าร้าน ถึงไฟจะไม่สว่างมาก แต่ผิวของทั้งคู่ก็ขาวจนสว่างออกมาเลยดีเดียว โดยเฉพาะผู้หญิง ผมของหล่อนยาวมากๆและเป็นสีน้ำตาลสวย หล่อนอยู่ในชุดขาว อืม ฉันปลื้มสีขาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หล่อนเป็นผู้หญิงที่ใส่ชุดขาวได้สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเลยนะ จมูกของหล่อนก็โด่งสวย ยิ่งอยู่ใต้แสงไฟแบบนั้น โอ๊ย เพอร์เฟกต์

    ผู้ชายคนนั้นก็แต่งตัวยังกับนักร้องฮิปฮอป เสื้อกล้ามแล้วก็เสื้อมีฮู้ด กางเกงทรงทหาร ใช่มากๆเลย นี่มาถ่ายมิวสิคกันรึเปล่าเนี่ย

    ฉันเผลอยืนมองนานไปหน่อย ตอนที่ผู้ชายเอนหัวไปอิงไหล่ผู้หญิง (เค้าดูเหนื่อยๆซึมๆพิกล) เค้ามองเห็นฉันที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เค้าขยับตัวและเหมือนจะมองมาทางฉัน ฉันสะดุ้งรีบเดินเข้าไปในโรงแรม

    ตอนนั้น ฉันค้นพบว่า ไม่เพียงแต่ผู้หญิงจะสวยเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นยังหล่อโลกแตกอีกด้วย บวกกับการแต่งตัวของเค้า ถึงแม้เค้าจะนั่งอยู่ ฉันก็รู้ว่าเค้าต้องตัวสูงมากแน่นอน และฉันก็รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตาฉันสุดๆ รูปหน้าแบบนั้น จมูกแบบนั้น เหมือนกับว่าฉันเคยเจอเค้ามาก่อน นี่ฉันจะน่าเกลียดเกินไปมั๊ยนะ ที่รู้สึกคุ้นหน้ากับผู้ชายที่หล่อโคตรๆแบบนั้นน่ะ

    หน้าตาฉันน่าเกลียดมากโดยไม่ต้องให้ใครมาเคาะกะโหลกบอกกับฉันเลยล่ะ แหงสิ แค่ตื่นมาส่องกระจก ฉันก็เซ็งสุดๆกับสภาพอันทรุดโทรมของตัวเองแล้ว ตาฉันบวมปูด เนื่องจากการร้องไห้ และดำคล้ำเพราะนอนไม่หลับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกือบๆตีสาม และในฝัน ฉันก็เห็นแต่ภาพในอดีตที่ฉันเคยอยู่กับพี่ชาย โหยยยย ทำไมชีวิตมันเศร้าแบบนี้เนี่ย

    ที่โรงเรียน ฉันไม่มีค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ชีวิตฉันตอนนี้มีอะไรให้กังวลใจเยอะแยะไปหมด ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะยิ้มหรือทักซองมินด้วยซ้ำ ตอนพักเที่ยงอาการฉันคงดูหนักมากเพราะซูจอง อาสาจะไปซื้อนมกับขนมปังมาให้ฉัน (ปกติแล้วยัยนี้ร้อยวันพันปีไม่เคยเดินไปซื้อของให้คนอื่นหรอก ได้แต่นั่งเป็นคุณนายอยู่ที่โต๊ะ)

    20 นาทีผ่านไป ยัยนั่นลืมไปแล้วรึไงว่ามีเพื่อนนั่งซังกะตายรออยู่น่ะ

    "ร้านขายนมเค้าย้ายไปอยู่นอกเมืองรึไง" ฉันว่า แล้วรับกล่องนมอันสุดจะเย็นชืดจากซูจอง ฮือ ฮือ ฉันเกลียดนมไม่เย็นที่สุดในโลกเลย T_T

    "แล้วเธอจะขอบใจฉันนะฮยอนอา ^^"

    "อะไรของเธอน่ะ นมนี่เธอก็ไม่ได้เลี้ยงฉันไม่ใช่รึไง"

    "ช่างเถอะๆ" ซูจองว่าแล้วแกะขนมปัง ปล่อยให้ฉันอยู่ในห้วงแห่งความหดหู่ต่อไป

    "ฮยอนอา"

    เสียงเรียกนี้ทำให้ขาของฉันหยุดอัตโนมัติ และ อึ๋ยยยย ซองมินสุดเท่ห์เดินมาทางฉัน ทำไมต้องมาชวนคุยในวันที่ฉันหน้าตาขี้เหร่สุดๆด้วยนะ

    "ว่าไงจ๊ะ ^^"

    "ซูจองบอกว่าตอนนี้เธอมีปัญหาใหญ่มากเลยเหรอ"

    "......."

    "ตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหนอ่ะ"

    ยัยซูจองงงงงง เนี่ยนะที่บอกว่าแล้วฉันต้องขอบใจเธอน่ะ เธอเอาเรื่องของบ้านฉันไปเล่าให้ซองมินฟังเนี่ยนะ แล้วเค้าจะคิดว่าบ้านฉันมันเป็นยังไงล่ะเนี่ย

    "ฮยอนอา ชิม ฮยอนอา" ซองมินแตะไหล่ฉัน

    "อยู่โรงแรม ซูจองเล่าให้นายฟังเหรอ o_o"

    "ฉันถามเค้าเองแหละ ^^" ซองมินตอบ

    โอว ฟังแล้วปลื้มสะบัดเลยแฮะ

    "เธอต้องหาที่พักที่ไม่แพงและปลอดภัยจนกว่าพี่ชายเธอจะกลับมาใช่มั๊ย"

    " (- -) หงึก (_ _) หงัก"

    "แล้วเธอหาได้รึยัง"

    "(-- )หงึก ( --)หงัก"

    "เอ่อ....."

    ซองมิน ทุกทีนายจะมีใบหน้าที่ร่าเริงสดใสนะ แต่ตอนนี้นายดูลำบากใจมากๆ ฉันสงสารนายจริงๆเลย ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้ซูจองหรือใครเล่าเรื่องฉันให้นายรู้สึกสงสารฉันหรอก

    "ไม่เป็นไรหรอก ซองมิน เดี๋ยวฉันก็หาทางได้เองแหละ ขอบใจนายมากนะ ^^"

    "ฮยอนอา ไปอยู่บ้านฉันก่อนมั๊ย?"

    หา o_o ว่าไงนะ?

    "ฮะ ฮะ ซองมินเค้าต้องชอบเธอแน่เลย ฮยอนอา" ซูจองพูดขณะที่เรา ซึ่งมี ฉัน ซูจอง และซองมิน ช่วยกันขนของ ของฉันออกจากหอพักของซูจอง

    ใช่แล้ว ฉันกำลังจะย้ายไปอยู่ที่บ้านของซองมิน อย่าหาว่าระริกระรี้เลยนะ แต่ถ้าเทียบกับอัตราค่าเช่าบ้านหรือหอพักแล้ว บ้านเพื่อนเนี่ย มันก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

    ฉันมองแผ่นหลังกว้างๆของซองมินที่กำลังยกกล่องและเดินทิ้งห่างฉันกับซูจองออกไปเรื่อยๆ

    ซองมิน นายรู้มั๊ย ฉันคิดว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้เป็นแฟนกับคนดีๆอย่างนายน่ะจะต้องเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลยล่ะ^^

    "ฮยอนอา เธอรู้มั๊ย บ้านของซองมินนะ น่ารักมากๆ เพราะมันอยู่ติดทะเล คิดดูสิ ในเมืองนี้ คนที่บ้านพักริมทะเลน่ะต้องรวยใช่ย่อยเลยนะ และตระกูลคิมน่ะ ก็รวยมากจริงๆนั่นแหละ"

    ฉันมองหน้าที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วของซูจอง แล้วนึกขึ้นได้

    "ซูจอง แล้วพ่อแม่ของซองมินจะว่าไงล่ะ ตายแล้วฉันลืมเรื่องนี้ซะสนิทเลย ฉันเป็นผู้หญิงนะ แล้วพ่อแม่ของซองมินจะมองว่าฉันเป็นคนยังไงล่ะเนี่ย"

    ซูจองมองหน้าฉันอย่างไม่ทุกข์ร้อน

    "ซองมินอยู่คนเดียวย่ะ ^^"

    หา O_O

    "ยิ้มสิจ๊ะ ฮยอนอา กรี๊ดเลยก็ได้ นี้เป็นโอกาสอันดีที่สุดแล้วนะ"

    "O_O"

    "ชิม ฮยอนอา เธอได้ยินฉันมั๊ย?"

    "เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขึ้นรถกันเถอะ ซูจอง ฮยอนอาเค้าเป็นอะไรเหรอ?"

    "^^ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่พักผ่อนไม่พอน่ะ เดี๋ยวก็หายเองแหละ"

    นี่ฉันทำอะไรอยู่เนี่ย แล้วมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วจริงๆรึเปล่านะ

    15 นาทีต่อมา รถแทกซี่ก็พาเรามาจอดที่ริมทะเล มีบ้านชั้นเดียวสีขาวน่ารักขนาดย่อมตั้งเรียงราย ทิ้งห่างกันเป็นระยะๆ บางบ้านก็มีรั้วดอกไม้เตี้ยๆล้อมไว้ด้วย

    ฉันลงจากรถด้วยความรู้สึกปั่นป่วน และเรียกสติคืนเมื่อเห็นซองมินกับคนขับรถช่วยกันยกข้าวของของฉันลงจากหลังรถ

    ฉันเข้าไปช่วย ใช้เวลาอึดใจเดียวก็เสร็จเรียบร้อย (ข้าวของฉันมีนิดเดียวเอง) และอึดใจเดียวกันนั้นเอง ซูจองก็ปิดประตูรถและบอกให้คนขับ ขับไปส่งที่หอคนเดียวหน้าตาเฉย

    "ไปดูบ้านกันเถอะ" ซองมินว่า และยกกล่องสองใบ ฉันคว้าเป้และแบกกล่องที่เหลือเดิน ตามซองมินต้อยๆ

    บ้านของซองมินก็เป็นสีขาว แต่มีขนาดใหญ่กว่าทุกหลังที่ฉันเคยเห็น มีรั้วไม้สีขาวเตี้ยๆล้อมรอบ ฉันผู้ซึ่งอยู่ตึกและห้องสี่เหลี่ยมแคบๆมาตลอดชีวิต อดที่จะตะลึงไม่ได้ มันน่ารักมากๆ และฉันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มาอยู่ในที่แบบนี้ด้วย

    ภายในบ้านก็เป็นสีขาว ตัดกับพื้นไม้สีน้ำตาลเข้ม มีระเบียงยื่นไปทางทะเล และมีโต๊ะกาแฟตั้งอยู่ด้วย แต่กลางบ้านดูโล่งไปหน่อย มีเพียงตู้เย็นกับโต๊ะกินข้าวขนาดกลางตั้งอยู่

    "มันไม่ค่อยมีอะไรหรอก ฉันกับอึนพยอล ไม่ค่อยชอบอะไรรกๆน่ะ^^"

    อึนพยอล? ใครน่ะ ไหนว่าอยู่คนเดียวไง บ้านนี้มีสมาชิกกี่คนกันแน่อ่ะ แล้วอึนพยอลนี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย ลางไม่ดีเลยแฮะ

    "อึนพยอลเป็น ใครเหรอ ซองมิน"

    ฉันถามแล้วมองไปที่ผนังรอบๆบ้าน มีรูปภาพทั้งใส่กรอบและเจาะรูแขวนไว้เฉยๆเต็มไปหมด มันสวยมากๆเลย เป็นรูปผู้หญิงที่มีแววตาโศกเศร้า แต่ก็ดูซึ้งดี

    ฉันค่อนข้างจะแน่ใจว่าไม่ใช่ฝีมือของซองมิน เพราะวิชาศิลปะ ฉันเคยเห็นรูปที่ซองมินวาดแล้ว มันไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่น่ะ

    แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่วางพิงผนังไว้ ผู้หญิงในรูปหน้าตาคุ้นมากๆ

    "อึนพยอลคือญาติฉันน่ะ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ย้ายมาจากแคนาดา"

    ก่อนที่ฉันจะได้ถามอะไรออกไป ประตูห้องทางขวามือก็เปิดออก ฉันและซองมินหันไปมอง

    ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากห้อง

    ฉันจำหล่อนได้ ผู้หญิงสวยหยาดฟ้ามาดินคนเมื่อคืนนี่เอง ยิ่งเห็นใกล้ๆตัวเป็นๆแบบนี้ยิ่งสวยหนักกว่าเดิมอีก ตาโต จมูกโด่ง ผมยาว ผอมเพรียว น่าจะสูงราวๆ 170 เซนต์ได้ ดูเหมือนตอนนี้ฉันจะกลายเป็นคนแคระไปเลยแฮะ

    หล่อนยังไม่ได้หันมาทางพวกเรา เหมือนกับจะคุยกับใครที่ยืนอยู่ในห้อง

    "อึนพยอล ไว้วันหลังฉันจะมาใหม่นะ"

    อึนพยอลอีกแล้ว อ้อ ใช่สิ เค้าอยู่ในบ้านนี้นี่นา เอ๊ะ หรือว่า จะเป็นผู้ชายคนเมื่อคืน

    "อ้าวว่าไง ซองมิน"

    "หวัดดี มิยอน ^^"

    ซองมินยิ้มหวานเชียว แน่ล่ะ ผู้หญิงสวยขนาดนี้เป็นใครก็ต้องเคลิ้มล่ะ

    "ฉันกลับก่อนนะ วันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวบ้านเหรอจ๊ะ^^" ผู้หญิงที่ชื่อมิยอน ยิ้มให้ฉัน โอ พระเจ้า ทำไมความแตกต่างมันชัดเจนอย่างนี้ ปกติ ฉันก็ไม่ได้สวยอะไรอยู่แล้วนะ มาเจอสาวสวยแบบนี้ ฉันแทบจะจมธรณีไปเลย ฉันทำได้แค่ยิ้มจืดส่งกลับไปเท่านั้น รู้สึกประหม่าจริงๆที่มาอยู่ท่ามกลางคนหน้าตาดีแบบนี้

    "^^ ไว้เจอกันนะครับ" ซองมินยิ้มอย่างเดียวไม่ยอมตอบคำถาม พอสาวสุดสวยโบกมือบ๊ายบายพวกเราแล้ว ประตูห้องที่เปิดค้างไว้ก็มีคนเดินออกมา

    "อึนพยอล มาคุยกันที่โต๊ะหน่อยสิ" ซองมินบอกกับร่างสูงๆที่เดินออกมา (สูงกว่าฉันเยอะ แต่เตี้ยกว่าซองมินนิดหน่อย อืม แน่สิ ซองมินสูงตั้ง 184 เซนต์เชียวนะ )

    ฉันเงยหน้ามองคนที่ชื่ออึนพยอล นี่มันผู้ชายคนเมื่อคืนนี่นา เหมือนกับผู้หญิงที่ชื่อมิยอนเด๊ะเลย ตรงที่ว่า เห็นใกล้ๆแล้ว ยิ่งหน้าตาหนักขึ้นไปอีก มองไปมองมา หน้าตาของคนที่ชื่อ อึนพยอลเนี่ย คล้ายๆกับเชว ดุงวุค นักร้องคนดังเลยแฮะ แต่งตัวก็คล้ายๆกันอีกต่างหาก

    "อึนพยอล นี่ ชิม ฮยอนอา เพื่อนของฉัน" ซองมินแนะนำ ตอนที่พวกเราทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

    "........"

    "ฮยอนอา นี่ คิม อึนพยอล ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่เพิ่งย้ายมาจากแคนาดา"

    "หวัดดีจ้ะ" ฉันยิ้มทักคนที่นั่งตรงข้าม แต่ให้ตายเถอะ คิม อึนพยอลไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เค้าหรี่ตามองฉันด้วยท่าทีหาเรื่องมากๆ แล้วยังชันเข่าขึ้นมาอีกด้วย

    ถึงแม้ฉันจะบอกว่าหน้าตานายเหมือนเชว ดุงวุค แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายมีสิทธิ์มาแหงนหน้า หรี่ตามองชาวบ้านเหมือนในมิวสิควิดีโอที่อีตานักร้องนั่นชอบทำนะยะ

    "แล้วไง" นี่เป็นคำแรกที่อึนพยอลพูดขึ้น ก่อนจะปัดผมสีน้ำตาลอ่อนของตัวเอง อืม ถ้าเป็นสีผมที่ผ่านการทำสีมาล่ะก็ ต้องขอยอมรับเลยว่า ทำได้สวยมากๆ

    "ฮยอนอา จะมาพักอยู่กับเราน่ะ^^"

    โอว หรี่ตามองฉันหนักกว่าเดิมอีก นี่ๆ ฉันเป็นคนนะยะ ไม่ใช่กบ ใช่เขียด ช่วยมองดีๆหน่อยจะได้มั๊ย

    "นานเท่าไหร่?"

    "เอ่อนี่ คิม อึนพยอล ถ้านายไม่สะ......."

    "ฉันไม่ได้ถามเธอ" อึนพยอล หันมาพูดกับฉันด้วยเสียงเย็นชา และหน้าตาเย็นชามากกว่าเดิม

    ฉันหดตัวกลับไปที่พนักเก้าอี้ของตัวเอง

    "เฮ้ อึนพยอล พูดดีๆหน่อยสิ ฮยอนอาเป็นเพื่อนฉันนะ^^ ว่าแต่ ฮยอนอา เธอว่า พักนานเท่าไหร่ดีล่ะ"

    "ก็จนกว่าพี่ชายฉันจะกลับมาน่ะ"

    "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่ชายเธอหายไปไหน แต่ฉันคิดว่า เค้าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ"

    อึนพยอลพูดขึ้น

    หนอย อีตานี่ มันจะมากไปแล้วนะ ถ้าไม่อยากให้อยู่ พูดมาคำเดียวก็จบเรื่องแล้วจะมาพูดให้เสียความรู้สึกกันทำไม

    "คิม อึนพยอล ถ้านายไม่พอใจที่ฉันมาอยู่ที่นี่ นายก็พูดออกมาเลยไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมนายต้องพูดจาให้คนที่ไม่มีที่ไปอย่างฉันรู้สึกแย่มากกว่าเดิมด้วยล่ะ"

    "ฉันยังไม่ได้พูดซักคำว่าไม่ให้เธออยู่น่ะ" คิม อึนพยอลตอบ

    ขอโทษทีเถอะย่ะ ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะ ไม่ต้องพูดออกมาก็รู้ว่าในใจคิดยังไง

    ซองมินใช้นิ้วโป้งถูที่หว่างคิ้วของตัวเอง เค้าจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แต่ฉันรู้นะ ก็แค่ฉันกลับไปอยู่ไอ้โรงแรมเมื่อคืน มันก็จบแล้ว

    "อึนพยอล ฉันรู้นะว่าบ้านหลังนี้มันเป็นของนายน่ะ แต่ฉันปล่อยให้เพื่อนฉันที่เป็นผู้หญิงแบกกระเป๋าไปทั่วเมืองค้างที่นั่นที ที่โน่นทีไม่ได้น่ะ"

    ฮึก ฮึก ซองมิน นายนี่มันควรค่าแก่ความรักของผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้จริงๆ ว่าแต่ว่า ฉันเป็นได้แค่เพื่อนของนายเท่านั้นจริงๆเหรอ ขอโทษนะจ๊ะที่เพื่อนคนนี้มันคิดกับนายมากกว่านั้นน่ะ

    ฉันเหลือบมองทั้งคู่ แล้วรู้ตัวว่าต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว

    "ฉันรู้นะว่านายไม่ชอบการถูกเรียกมาคุยเรื่องอะไรแบบนี้" ซองมินยังพูดต่อ

    คิม อึนพยอล กัดหัวแม่มือของตัวเองโดยที่ยังนั่งชันเข่า และตาสวยๆของเค้าก็ยังหรี่ตามองฉันอยู่

    เฮ้ย ท่านั้น มันจะเกินไปหน่อยแล้วนะ

    "แต่ฉันคิดว่าฉันเลือกเวลาที่เหมาะที่สุดแล้ว ฉันรู้ว่านายไม่โผล่ออกมาจากห้องถ้าไม่พ้นหลังเที่ยง แล้วนายเป็นบ้าอะไรเนี่ย อยู่ในห้องทั้งคืนก็น่าจะไม่หงุดหงิดแล้วนี่"

    ทั้งคืน? บ้าอ่ะดิ เมื่อคืนฉันยังเห็นนายนี่ไปนั่งซบไหล่กับสาวสุดสวยที่ชื่อมิยอนเลย (แย่จังที่ไม่รู้อายุของผู้หญิงที่ชื่อมิยอน ซองมินก็น่าจะแนะนำหน่อยนะจะได้เรียกถูก)

    คิม อึนพยอลดูไม่ค่อยจะสบายตัวเท่าไหร่แล้ว พอซองมินพูดว่า เค้าก็อยู่ในห้องนทั้งคืน เค้าก็เริ่มกัดริมฝีปากตัวเอง

    คิม อึนพยอล โดนห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอกตอนกลางคืนรึไงนะ ดูจากท่าทางเค้าแล้ว ก็น่าจะอายุเท่าๆกับฉันนะ ไหงยังโดนห้ามออกไปอย่างกับเด็กๆเลย (แต่ก็น่าอยู่หรอก ระหว่างที่นี่ กับที่ๆฉันเจอ มันก็ไกลอยู่นะ)

    อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั๊ย ฉัน ชิม ฮยอนอา ไม่ใช่คนที่จะเอาความผิดของคนอื่นมาข่มขู่เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการนะยะ

    ฉันพยายามทำหน้าจะสื่อบอกว่า "ฉันไม่พูดหรอกย่ะ ไม่ต้องมามองหน้า"

    "นี่ ซองมินจ๊ะ ^^" ฉันขยับตัว " ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย เหมือนว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุน่ะ ฉันว่า ฉันไปหาหออยู่ข้างนอกเองจะดีกว่า"

    "ซองมิน ตอนนี้เราจ้างแม่บ้านอาทิตย์ละเท่าไหร่?" คิม อึนพยอลแทรกขึ้นมาหน้าตาเฉย

    "อืมไม่รู้สิ พ่อเป็นคนจ่าย" ซองมินตอบ

    "โทรบอกพ่อนายให้หน่อยว่า เราได้แม่บ้านคนใหม่ ไม่ต้องจ่ายให้กับบริษัทจัดหาแม่บ้านนั่นแล้ว" อึนพยอลว่า แล้วดีดตัวลุกขึ้น เดินเข้าห้องเฉยเลย

    หมะ หมายความว่าไงอ่ะ O_O

    "เฮ้ ฮยอนอา อึนพยอลให้เธออยู่ที่นี่แล้วล่ะ^^" ซองมินเอื้อมมือมากอดฉันด้วยความยินดี

    โอ พระเจ้าขอบคุณมากค่ะที่ดลใจ คิม อึนพยอล อนุญาตให้ลูกอยู่ที่นี่ (เพราะทำให้ซองมินดีใจจจนกอดฉันน่ะสิ)

    แต่กอดนี้ใช้เวลาแป๊ปเดียว แป๊ปเดียวจริงๆนะ เหมือนโอบปุ๊บ ปล่อยปั๊บ

    แต่แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ

    "เอ่อ ขอโทษนะ ตอนแรกฉันคิดว่าจะช่วยเธอไม่ได้แล้ว เลยดีใจไปหน่อยน่ะ"

    "ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันว่า ฉันไปเก็บของดีกว่านะ"

    "อืม เอาสิ ฉันจะพาไปที่ห้องนะ" ซองมินว่าแล้วลุกขึ้น

    นั่นสิ ฉันก็นึกว่าจะถูก คิม อึนพยอลตะเพิดไล่ไปแล้ว ว่าแต่ว่าทำไมอยู่ๆถึงได้ใจดีใหอยู่ล่ะ อืมม แต่ก็ใช่ว่าจะให้อยู่ฟรีนี่นา ฉันต้องกลายเป็นคุณแม่บ้าน หืม ว่าไงนะ O_O แม่บ้านงั้นเหรอ

    "ซองมิน ฉันจะต้องเป็นแม่บ้านของที่นี่ใช่มั๊ย?"

    "^^ อย่ากังวลไปเลย งานที่นี่ไม่มีอะไรหรอก อย่างมากก็แค่ทำกับข้าวน่ะ"

    นั่นแหละ เรื่องใหญ่เลยรู้ป่ะ

    ห้องของฉัน จริงๆแล้วเป็นห้องรับรองแขกของบ้านหลังนี้ ซองมินบอกว่า มันค่อนข้างจะเล็กแล้วก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพียงแต่เป็นห้องที่เห็นทะเลได้กว้างมากที่สุด แต่ฉันไม่เห็นจะคิดยังงั้นเลย แบบว่ามันก็สวยดีอ่ะ เล็กๆ แล้วก็โล่งๆดี

    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฉันก็จัดห้องเสร็จ วันนี้ช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกฉัน ฉันชักจะรู้สึกเพลียๆขึ้นมาแล้วเลยฟุบหลับไป เกือบๆ 1 ทุ่ม ซองมินก็มาเคาะประตูห้องเรียกฉัน

    "ฮยอนอา กินข้าวกันเถอะ^^"

    ฉันงัวเงียเปิดประตูออกมา แล้วเจอซองมิน ยืนยิ้มอยู่

    ฉันเกาหัวแกรกๆ นี่มันท่าประจำตัวฉันน่ะ

    "บ้านเราสั่งข้าวปิ่นโต ทุกเย็นจะมีคนขี่รถเอามาส่งให้น่ะ" ซองมินเฉลย ก่อนจะพูดประโยคสยองขวัญตามมา "แต่พรุ่งนี้เราไม่ต้องใช้บริการนี่แล้วล่ะ เพราะเราได้ตัว ชิม ฮยอนอา แม่ครัวอันดับหนึ่งมาแล้ว"

    "^^"

    อันดับหนึ่งกะผีอ่ะเด่ะ

    ฉันรู้ว่า ซองมินไม่ว่าอะไรฉันหรอก ถ้าเค้ามารู้ภายหลังว่า ฉันมันโคตรห่วยเรื่องงานบ้านเลย (พูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งคิดถึงพี่ชาย) แต่อีตาเจ้าของบ้านเนี่ยสิ เค้าจะตะเพิดฉันออกจากบ้านไปรึเปล่า

    "ฉันลืมบอกไปว่า อึนพยอล อายุเท่ากับพวกเรานะ" ซองมินพูดขณะกินข้าว

    ฉันกำลังนั่งกินด้วยท่าทางที่เรียบร้อยที่สุด ตั้งแต่เกิดมาแล้วจับช้อนเป็น อึดอัดอ่ะ อึดอัดมากๆ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ฉันนั่ง มันตรงข้ามกับ คิม อึนพยอล พอดี

    ฉันพยักหน้า แล้วพยายามจะส่งยิ้มไปให้ คิม อึนพยอล เพราะฉันก็เป็นคนใฝ่หาสันติอยู่บ้างเหมือนกัน

    แต่ดูแล้ว อีตาคิม อึนพยอล คงอยากได้ศัตรูมากกว่า

    คิม อึนพยอล มองผัดเห็ดหอม โดยไม่สนใจว่าจะมีใครส่งยิ้มให้รึเปล่า

    ทำไมนะ ฉันไม่เข้าใจเลย คนที่มีตาสีน้ำตาลสวยขนาดนี้ (อาจจะใส่เลนส์นะ แต่ก็สวยดี) ทำไมไม่รู้จักยิ้มให้คนอื่นชุ่มชื่นหัวใจซะบ้าง จากที่จำได้ คิม อึนพยอลยังไม่เคยยิ้มให้ฉันเห็นเลย ไม่ว่ากับใครก็ตาม

    ซองมิน พยายามทำลายความเงียบด้วยการคุยกับฉันเรื่องของโรงเรียน น่ารักจริงๆ ที่เค้าพยายามไม่ชวนคุยเรื่องครอบครัวฉันเลย

    พอหันมาคุยกับทางฉันเสร็จ ซองมินก็ต้องหันไปคุยกับอึนพยอล

    เหนื่อยแทนนายจริงๆเลย

    ทว่าการคุยกับอึนพยอล ก็เหมือนกับซองมิน พูดอยู่คนเดียวมากกว่า แต่เหมือนว่าซองมินจะชินกับนิสัยของญาติตัวเองแล้ว อึนพยอลจะตอบหรือไม่ตอบ ซองมินก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ทำงี้ที่บ้านฉันนะ พี่ชายฉันคงตบหัวทิ่มลงถ้วยข้าวไปแล้วล่ะ

    นึกภาพอีตาคิม อึนพยอลโดนตบหน้าทิ่มแล้วเนี่ย สะใจดีแฮะ

    แล้วมื้อเย็น มื้อแรกในบ้านตระกูล คิม ของฉันก็ผ่านพ้นไป

    "ชิม ฮยอนอา"

    เสียกเรียกนี้ทำเอาฉันสะดุ้ง

    คิม อึนพยอลเรียกชื่อฉันเป็นครั้งแรก ถึงจะดูห้วนๆแต่ก็เป็นนิมิตอันหมายอันดีนะ

    "ถ้าเธอรู้ตัวว่าจะได้มานั่งกินข้าวกับคนอื่น ช่วยทำผมของเธอให้มันยุ่งน้อยกว่านี้ได้มั๊ย"

    รู้สึกว่าจะไม่ใช่นิมิตหมายอันดีอะไรแล้วล่ะ

    แล้วหัวนายมันเรียบตายงั้นแหละ ใช่สิ ถึงนายจะหล่อ ทรงผมจะเท่ห์ แต่มันก็ไม่ได้เรียบนะยะ ฉันอยากจะพูดออกไปจริงๆ แต่อีตานี่เป็นเจ้าของบ้านอ่ะ จะพูดไงได้

    ฉันพยายามจะใช้ความเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหว ฉันเก็บจานบนโต๊ะใส่ถาดและยกไปที่อ่างล้างจาน

    อึนพยอล วางแก้วลงข้างๆ และยังคงมองฉันด้วยแววตาที่ชวนไม่สบายอารมณ์เหมือนเดิม และฉันก็ทนไม่ไหวจนได้

    "หัวฉันจะเรียบจะยุ่งยังไง มันก็คงไม่ดูดีขึ้นมามากกว่านี้หรอก ถ้านายไม่อยากเห็น ก็อย่ามอง" ฉันว่า และเปิดก๊อกน้ำ

    ไม่อยากจะสนใจแล้วเว้ยยย

    "รูปหน้าเธอสวยดีนะ ไม่น่าจะเอาผมมาปิดให้มันรกหูรกตาเลย" อึนพยอลพูดแล้วเดินจากไป

    อะ อะไรนะ เมื่อกี๊นี้ อึนพยอลชมฉันงั้นเหรอ O_O

    หรือ ฉันจะฟังผิดไป เพราะเสียงน้ำมันดัง

    อืม ฉันต้องฟังผิดแน่ๆ ฉันมองตามร่างสูงของอึนพยอล เค้าไปหยุดอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน เหมือนมองออกไปข้างนอก ฉันกลัวเค้าจะรู้ว่าฉันมองตาม เลยก้มหน้าก้มตาล้างจาน (ซองมินกำลังเช็ดโต๊ะอยู่)

    ซักพัก พอฉันหันไป อึนพยอลก็หายไปจากตรงประตูแล้ว และ ซองมินก็มายืนส่งยิ้มให้

    "ฮยอนอา ฉันย้ายทีวีในห้องมาไว้ตรงโต๊ะกินข้าวแล้วนะ ถ้าเธอไม่มีอะไรทำก็เปิดดูได้เลย" ซองมินว่า

    "ขอบใจจ้ะ ลำบากนายแย่เลย ว่าแต่ทุกทีมันอยู่ในห้องนายเหรอ"

    "ใช่ อึนพยอลไม่ชอบดูทีวีน่ะ เลยไม่รู้จะตั้งเอาไว้ทำไม ^^"

    อืม คิม อึนพยอล นายนี่มันเป็นพวกตัดขาดจากโลกภายนอกรึไงนะ ทีวีไม่ดู แล้วก็ฝังตัวเองไว้ในห้องอย่างเดียวเนี่ยนะ เป็นไรของนายเนี่ย

    "ฉันไปนอนก่อนนะ ช่วงนี้ใกล้จะแข่งแล้ว ที่ชมรมเรียกซ้อมเช้าทุกวันเลย"

    ซองมินว่า แล้วโบกมือราตรีสวัสดิ์กับฉัน

    นี่ถ้าฉันไม่ต้องระหกระเหินไร้ที่อยู่แบบนี้ คงไม่ได้มายืนส่งยิ้มราตรีสวัสดิ์ให้ซองมินสุดที่รักแน่ๆ ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดี(มากๆ) แทรกอยู่เหมือนกันนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×