คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เกิดเรื่อง
แค่คอมเม้นต์ของพี่ขุนเขาคนเดียวเล่นเอาโชติกาเข่าแถบทรุด และมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงปีนี้ จนกระทั่งพี่ขุนเขามีแฟน มันก็ยังมีอาการแบบนี้อยู่อีก และดูคนมากดไลค์ดีใจที่พี่ขุนเขามาคอมเม้นต์กับภาพของทั้งสองคนสิ ภาพนี้มีคอนเม้นต์เป็นพันกดไลค์เป็นหมื่น แต่พากันดีใจที่ทั้งสองจะคบกัน แต่ความเป็นจริงก็คือ...
"ถ้าพี่ขุนเขากลับมา แกจะทำยังไงเบล แกยังไม่ลืมเขาแกจะทำยังไง แล้วไอโนเพื่อนฉันละแกจะเอายังไง"
โชติกานั่งเหม่อมองสระว่ายน้ำ ที่มีคำถามของไพลินยังคงอยู่ในหัวและสลัดออกยังไม่ได้ ตั้งแต่เข้าเรียนและออกจากห้องเรียนสภาพคือยังไม่ฟื้นสติและหลุดกับคำถามนั้นไม่ได้ สายตาที่ทอดยาวมองออกไป นักกีฬาว่ายน้ำที่เตรียมตัวอวดหุ่น ผู้คนที่กำลังฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ผู้ชายที่ฉันรู้จักดีอีกคนเป็นเพื่อนสนิทของฉันและมันก็บอกรักฉัน แล้วฉันควรจะทำยังไงต่อไปดี คำถามของไพลินมันยังดังก้องในหู เพราะตัวฉันก็ไม่รู้ต้องทำยังไงเหมือนกัน
"คิดอะไรอยู่?"
ขวดน้ำชาเขียวผสมน้ำผึ้งมะนาวที่ยื่นมาจ่อตรงแก้มที่ทำให้สัมผัสกับความเย็นเข้ามาในร่างกาย สายตาของเธอหันไปมองก็คือนวินที่มาซ้อมกีฬากับชญานนและชนะพลด้วยกันและไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องมาถึงที่นี่ด้วย สระว่ายน้ำก็ไกลไม่ใช่อยู่ใกล้กับสนามกีฬา....สักหน่อย
“เปล่า”
ผมมองหน้าของเพื่อนผู้หญิงที่ปากแข็งที่สุดในกลุ่มที่กำลังปฏิเสธใจตัวเองว่าไม่เป็นไรแต่ความจริงแล้วมันจุกจนไปไม่ถูก แถมมันพอดีกับไอโนมาบอกรักกับไอเบล อะไรมันจะพอดีขนาดนั้น
ถ้าให้พูดย้อนกลับไปละก็ หลังจากที่ไอโนมันบอกพวกเราว่ามันบอกรักไอเบล หลังจากนั้นไอเบลมันก็เงียบตลอดแต่มันก็พูดปกตินะ ไม่ได้หลบหน้าอะไรเลย แต่พอออกจากห้องเลิกเรียน อยู่ๆไอเบลมันก็วิ่งหายไปไหนไม่รู้กับไพลิน พวกเราเลยแยกกันตรงนั้น ไอโนมันเลยมีโอกาสที่จะปรึกษาผมกับไอพลแต่ก็นะ ความรักไม่ได้ทำให้เราสุขเสมอไป ดูไอโนมันรักไอเบลดิ ก็เห็นมันเหมือนจะมีความสุขนะแต่ทุกครั้งที่ไอเบลพูดถึงพี่ขุนเขา ไอโนมันก็เงียบตลอด
"แล้วมึงไปบอกรักไอเบลเมื่อไรว่ะ"
สายตาของโนมันเหมือนผิดหวังที่ไม่น่าให้อีกฝ่ายรู้เลยด้วยซ้ำ แต่ผมมองว่าการที่ไอเบลมันไม่ปฏิเสธและก็ไม่ได้ตกลงมันก็มีโอกาสป่ะวะที่ไอโนมันจะได้รับความรักในครั้งนี้
"เมื่อวาน"
"แล้วไปทำอีท่าไหนว่ะ ถึงไปบอกรักไอเบลมัน"
หน้าของโนมันก็ดูอมยิ้มขึ้นทันทีไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเถอะ ว่าเมื่อวานมันต้องมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่ ถ้าไอเบลปฏิเสธมัน ไอโนมันก็ต้องเศร้าแต่มันไม่ได้เศร้านะ ไอโนมันแค่เศร้าตอนที่ไอเบลพูดถึงพี่ขุนเขา แล้วมันมีใครบ้างว่ะ ที่อยากฟังคนที่ชอบพูดถึงคนอื่น ไม่มีหรอก คนบ้าเท่านั้นแหละ
"ก็เห็นมันพูดถึงพี่ขุนเขา กูก็เลยบอกชอบมัน แค่นั้นแหละ"
เพื่อนผมมันบ้าไปแล้ว มันบ้ากว่าคนอื่นอีก ถ้าเป็นคนอื่นนะ ฟังคนที่ชอบพูดถึงผู้ชายคนอื่นนะ หงอยเป็นหมาแล้ว ตัดภาพมาที่โนเพื่อนผมดิ ที่สุดครับคนนี้ ไม่ได้เศร้าเลยบอกรักแม่งจบข่าวเลย
"แล้วเบลมันพูดอะไรไหม"
เสียงของพลที่มันหันมามองหน้าไอโนที่เหมือนสมองมันกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง อันนี้ผมก็สงสัยว่าถ้าไอเบลมันได้ยินมึงบอกรักขนาดนั้น แล้วตัวมันรู้สึกยังไง ก็คนมันสนิทกันมากก็นานแล้วอยู่มาบอกชอบมันก็ต้องช็อกบ้าง แต่ถึงยังไงผมก็อยู่ข้างไอโนมันนั้นแหละ ถ้ามันอกหักผมนี้แหละจะพามันไปเจอผู้หญิงคนอื่น คนที่ดีกว่าไอเบลเลยด้วยซ้ำ
"พูด...พูดว่ารักมันตรงไหน ทนมันได้ไง ไม่เบื่อนิสัยมันเหรอ แล้วมันก็ถามว่าถ้าเราเป็นเพื่อนกันแล้วเราตกลงเป็นแฟน ถ้าวันหนึ่งเราเลิกกัน เรายังจะกลับเป็นเพื่อนได้อีกไหม"
"ไอที่เบลพูดมันก็น่าคิดนะ เพื่อนกูส่วนใหญ่ที่เลิกๆกันก็มาจากการเป็นเพื่อนแล้วสุดท้ายก็เลิกเป็นเพื่อนกัน เหมือนมองหน้าไม่ติดไม่รู้จะต้องพูดยังไง สรรพนามแบบไหน แล้วตัวมึงตอบกลับไอเบลว่าไง"
สายตาของเพื่อนผมคนนี้คือที่สุด ถึงหน้ามันตอนนี้จะเรียบนิ่งก็เถอะ แต่แววตาของมันถ้าใครมองก็รู้สึกต้องตกหลุมรัก มันเป็นสายตาที่รักเขามาก ที่ผมรู้สึกได้ มันเป็นแบบนั้น
"ก็ตอบเบลมันไปตามตรง ว่าถ้าวันหนึ่งเราได้เป็นแฟนแล้วต้องเลิกกันจริงๆ ยังไงก็เป็นเพื่อนกัน"
"เพราะ?"
"เพราะตั้งแต่วันแรกที่กูเจอเบล กูไม่เคยคิดกับมันแค่เพื่อน"
ผมเชื่อแล้วแหละว่ามันรักไอเบล มันไม่ใช่แค่ชอบแต่มันรักเลย ผมเคยคิดนะว่าคนอย่างไอโนถ้ามันมีแฟนจะหน้าตาจะเป็นยังไงแต่ถ้าเป็นไอเบลจริงๆล่ะก็ ก็ตรงกับมันทุกอย่าง จะพูดว่าไงดี ไอโนนะมันมีผู้หญิงในอุดมการณ์ความคิดของมันนะ แต่มันตรงข้ามจากพวกผมแหละ มันชอบผู้หญิงที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ร้องขออะไร เรียนเก่ง และยิ่งพึ่งพาตัวเองได้มากอะนะ มันก็ยิ่งอยากดูแลผู้หญิงคนนั้น มันไม่ได้ชอบผู้หญิงที่สวย แต่ชอบผู้หญิงที่รักตัวเอง ดูแลตัวเอง ดูเหมือนสิ่งที่ไอโนมันคิด จะเป็นไอเบลทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ
ถ้าสิ่งที่ไอโนมันคิดจะเป็นจริงขึ้นมาก ถ้าทั้งสองคนคบกันแต่ต้องเข้าใจด้วยนะว่า เราเปลี่ยนสถานะจากการเป็นเพื่อนมาเป็นแฟนมันเป็นอะไรที่ต่างกันมาก ถ้าเป็นเพื่อนกันก็เปรียบเหมือนกับก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่อยู่ข้างกันในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็คอยอยู่ข้างและซัปพอร์ต แต่ถ้าเป็นแฟนกัน มันก็เหมือนกับแก้วใบหนึ่ง ที่เราต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ได้นานที่สุด ต้องถนุถนอม ไม่ให้มันแตกและร้าว มันต่างกันมากก็จริง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนสองคนว่าจะรักษามันได้ไหมหรือเปล่า แต่ผมเชื่อนะไอโนมันถ้าได้รัก มันรักสุดหัวใจ
“เมื่อไรแกจะหยุดปากแข็งสักทีวะ….”
“ไม่ได้ปากแข็งสักหน่อย”
ไอเบลก็อีกคน ผมว่าในใจลึกๆของมันนะ ก็ต้องแอบมีหวั่นไหวบ้างแหละ มันคงต้องมีสักช่วยหนึ่งที่มันมองไอโนไม่ใช่แค่เพื่อน แต่มองในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่ดูแลผู้หญิงที่รักคนหนึ่งอย่างแน่นอน แต่อย่างที่รู้ผู้หญิงนะกลัวว่าต้องเลิกกัน กลัวความสัมพันธ์ คิดมากไปต่าง ๆนานา กลัวเขาเปลี่ยนไป กลัวทุกอย่าง ผมว่าตอนนี้ผมพอจะเข้าใจกับมันสองคนแล้วแหละ มันทั้งคู่ต้องลองคุยกัน มันคงเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นทางออกที่ดีแล้วแหละ
“ถ้าแกบอกว่าไม่ได้ปากแข็งและบอกว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไร งั้นแกกล้าไหมเปิดใจหันมามองไอโนมันหน่อย เปิดใจให้คนที่รักและแคร์แกมาก มากกว่าตัวมัน แกกล้าหรือเปล่าละ กล้าที่จะเสี่ยงกับความรักครั้งนี้ไหม? บางทีมันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้นะ”
นวินที่พูดในเสียงที่เรียบนิ่งแต่กับรู้สึกถึงพลังมืดที่แฝงอยู่ในตัว มันเป็นความรู้สึกว่าสิ่งที่นวินพูดมันพูดถูกทุกอย่าง จนบางทีเราก็ควรจะลองดูสักครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โชติกาคบกับเพื่อนคนนี้มาก็มีครั้งนี้แหละที่เห็นคนอย่างนวินจริงจังกับชีวิตสักที เพราะนวินที่รู้จักเป็นคนที่นิ่งเงียบ ไม่มีความสัมพันธ์กับใคร ไม่ผูกพันกับผู้หญิงที่เขามา แต่กลับรู้สึกว่านวินเข้าใจกับเรื่องความรักเป็นอย่างดี ดีเสียจนคิดว่าคนอย่างนวินต้องเคยมีความรักมาแล้ว
"ช่างเถอะ….ไอโนมันฝากมา~~~"
สายตาของโชติกาที่ยังคงเศร้าหมองภายในใจ มันมีความสับสนภายในหัวใจที่ตอนนี้ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ แต่ก็มีกำลังใจจากพวกเพื่อนนี้แหละที่เข้าใจที่สุด เธอรับน้ำจากวินที่ยื่นมาให้แต่สายตาก็กลับไปเศร้าลงไปเช่นเดิม คำพูดของนวินกำลังมีผลกระทบต่อความคิดเพราะน้ำเสียงและถ้อยคำกำลังแทรกเข้ามาแทนที่ของไพลินที่ถามว่าเธอจะทำยังไงถ้าฉันเจอพี่ขุนเขา กลับกันตอนนี้ไม่เหลือคำถามเหล่านั้นเหลือเพียงกล้าเปิดใจอีกครั้งเพื่อใครหรือเปล่า มันรู้สึกดีนะที่มีใครสักคนมารักเรา แต่เพราะในใจฉันตอนนี้มันสับสนกับสิ่งที่โนได้พูดเมื่อวาน ความรู้สึกเหล่านั้นมันมาแทนที่ความรู้สึกที่ฉันกำลังจะต้องมาเจอพี่ขุนเขาอีกครั้ง
"มีอีกอย่างหนึ่งที่มันฝากมาให้"
กุญแจที่ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้า ดอกที่ปั๊มขึ้นมาใหม่ทั้งของฉันและของโน แต่มีความพิเศษยิ่งกว่าคือมีพวงกุญแจที่ห้อยอยู่เป็นต้นกระบองเพชรต้นเล็กที่ติดไว้กับกุญแจ ผ้าสีเขียวที่ถูกเย็บขึ้นมาด้วยความเนี้ยบเศษผ้าที่ต่อกันจนกลายเป็นต้นกระบองเพชรมันสวยจนนึกว่าที่ไหนกันนะที่ทำของขายน่ารักแบบนี้
"ซื้อมาเหรอ?"
สายตาของโชติกาหันไปถามนวินที่ทรุดลงนั่งอยู่ข้างตัวเธอและมองออกไปไกลและหันกลับมาสบตากับโชติกาที่กำลังสงสัยในพวงกุญแจดอกนี้ เพราะมันสวยจนอยากจะหาซื้อมาเก็บไว้ด้วยซ้ำ แต่สีหน้าของนวินกลับอมยิ้มและมองลงไปด้านล่างที่มีผู้ชายเดินอยู่ข้างๆกับสระว่ายน้ำและหันมองมาที่เราสองคน
"คิดว่าคนอย่างไอโนมันจะซื้อไหม? เราว่าแกน่าจะรู้จักมันดีกว่าเรานะ "
พวงกุญแจของฉันที่ฝากให้ไปปั๊มและอีกพวงหนึ่งเป็นของที่โนฝากเอาไว้ดูแลเจ้าแซลมอนแทนเวลาตัวของเขาไม่อยู่ และของฉันที่อยู่กับตัวเขาด้วยเช่นกันในช่วงที่ฉันไม่อยู่ก็จะเป็นโนที่จะดูแลบราวนี่ให้
"ว่าแต่แกรู้ได้ไงวิน? ว่าโนเป็นคนทำ"
"เบลแกน่าจะรู้จักนิสัยของโนมันดี ถ้าโนมันอยากจะทำอะไรเพื่อใครสักคน มันทำให้ได้ทุกอย่างถึงแม้ว่าจะต้องสละเวลาของมันก็ตาม เราบอกแกแล้วไงว่าให้ลองเปิดใจมองใครดูบ้าง คนที่ดีกับแกและแกเองก็ดีใจที่มีมันเหมือนกัน"
คำพูดที่มีความหมายแฝงอยู่ในนั้น ถึงแม้ว่าตัวฉันจะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไรและตัวของฉันเองที่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะภาพเก่าที่ยังมีลมหายใจมันยังวนเวียนไม่เคยหายไปจากใจ และไม่อาจที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ เพราะตัวฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนทีใครเพื่อลืมใครสักคนเช่นกัน
"ฝากขอบคุณโนด้วยละกัน แล้วก็ถ้าโนกลับบ้านก่อนช่วยดูแลบราวนี่แทนด้วยพอดีมีนัดซ้อมวิ่งอาจจะเลิกช้าแล้วก็ไปดื่มต่อกับพวกเพื่อนและน้องในทีม ฝากด้วยนะวิน"
มือเล็กๆที่ตบลงบนบ่าของนวิน โดยมีสายตาของคนที่มองจากไกลๆด้านล่างของอีกฝั่งของสระที่กำลังมองเพื่อนผู้หญิงที่รีบวิ่งเหมือนกำลังจะไปซ้อมและมีสายตาของนวินมองกลับมาเป็นเชิงยิ้มให้เจ้าตัวที่อยู่ด้านล่างรู้ว่าอีกฝ่ายไปแล้ว คนที่กำลังมองพฤติกรรมทุกอย่างนั้นก็คือชญานน
"ไม่คิดจะบอกไอเบลให้รู้เหรอว่ะ เรื่องพวงกุญแจกระบองเพชรมึงอะ"
ชนะพลที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำมองหน้าเพื่อนตัวเองที่ยังอยู่บนบกและกำลังมองอีกฝ่ายเดินจากไปเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งต่อไปอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้ ผมจะทำให้เบลเปลี่ยนใจตัวเองให้ได้
"ไม่จำเป็น..."
"มือเป็นแผลขนาดนั้นยังไม่คิดจะบอกอีก กูละกลุ้มใจกับเพื่อนตัวเอง"
ชญานนมองดูมือตัวเองที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการเย็บต้นกระบองเพชรน้อยที่มอบเป็นตัวแทนของเขาในวันที่ตัวของเขาอาจจะไปไกลและหวังว่าเธอคงจะ…รู้สึกมันด้วยใจ และรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันมาจากใจ ใจของคนหนึ่งที่รักอีีกคนหนึ่งมากๆ
ลู่ทางวิ่งที่อยู่ไกลแสนไกล ชีวิตก็เหมือนการวิ่งตามบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหาย โดยที่ไม่รู้ว่าจุดหมายมันอยู่ไหนเหมือนกัน ร่างกายของโชติกาที่บุกซ้อมตั้งแต่มาถึงจนเวลาตอนนี้ก็ทุ่มกว่า เหงื่อที่ทั่วตัวในเสื้อสีเทากับกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบคู่ใจที่เปื้อนฝุ่นดิน ลายรองเท้าที่เป็นงานแฮนด์เมดเป็นลวดลายที่มีคนวาดให้ หน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นโดยคนที่อยู่ข้างๆก็ดารินเพื่อนสาวอีกคนที่อยู่อีกคณะแต่เป็นนักกีฬาเหมือนกัน เราสองคนสนิทกันได้ก็เพราะที่นี่แหละ
"มาถึงก็บุกจังเลยนะ เหนื่อยพอยัง?"
เสียงใสๆของดารินที่ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอที่นั่งหอบมองหน้าเพื่อน แสงไฟที่ส่องสว่างไปทั่วสนาน มีทั่งคนที่เล่นฟุตบอลในสนามยังวิ่งซ้อมกันต่าง ๆ เชียร์ลีดเดอร์ก็มีด้วยของต่างละคณะ วันนี้คณะของเบลก็มาซ้อม พอใกล้วันงานกีฬาประจำปีก็สนุกคึกคักแบบนี้ทุกปี
"เออพอแหละ เหนื่อยเป็นบ้าเลย"
"ก็ไม่แปลกตั้งแต่แกมายังไม่หยุดวิ่งเลย เกือบสิบรอบแล้วแหละมั้งไม่แปลกถ้าแกจะเหนื่อยแบบนี้"
โชติกาที่เหนื่อยจนถอดหายใจมองรุ่นน้องที่ยังคงซ้อมยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อ ต่างกับตัวของเธอที่หมดสภาพเหมือนหมา...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ตั้งแต่ขี่รถออกมากจากสระว่ายน้ำของมหาลัย ในใจมันก็สับสนวุ่นวายอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากจะลืมเรื่องทุกอย่างไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ทั้งเรื่องพี่ขุนเขาที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเจอตอนไหน และเรื่องโน ไม่รู้จะเอาไงดีมันก็เพื่อนและก็ไม่อยากเสียเพื่อนด้วย
"แล้วยังไง พอตั้งแต่เจอคอมเม้นต์ของพี่ขุนเขาสภาพก็เป็นงี้ว่างั้น แล้วโนของเราจะเป็นยังบ้างเนี่ยใจคงเจ็บเหมือนกันแหละ ฉันดูออก"
"ดูออกกับผีดิ โนก็ใช้ชีวิตปกติดีมีแต่พวกแกเนี่ยผิดปกติ ทั้งแก ทั้งไอวินมาพูดจาอะไรแปลกๆแล้วก็ไม่ต้องชง!!!!"
ฉันเดินหนีดารินที่ยังพูดชื่อสองคนนั้นให้มาหลอกหลอน คิดว่าจะลืมแล้วแท้ๆ และเพื่อนของตัวดีของฉันก็ไม่ยอมให้ตัวของฉันหนีไปง่ายๆพร้อมวิ่งเป่าหูมาแต่ไกล ตั้งแต่อยู่ที่สนามจนมาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยังไม่ยอมหยุด แต่ทำไงได้พอยิ่งได้ฟังมากขึ้นกลับรู้สึกว่าใจตัวเองตอนนี้มันคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูด
"แล้วพวกน้องๆอะไปร้านกันแล้วเหรอ?"
โชติกาที่สวมถุงมือสีดำพร้อมขี่รถคู่ใจบิ๊กไบค์ไปร้านลานเบียร์ ที่ไม่ได้มีเบียร์แค่อย่างเดียวแต่เหล้าก็ไม่เข้าใจร้านเหมือนกัน เป็นลานกว้างๆที่สีแสงไฟที่โอเคบรรยากาศสายลมคือสุดๆ ร้านที่ตั้งอยู่ใจกลางส่วนรอบข้างก็จะเป็นที่นั่งเป็นกลุ่มโต๊ะ ส่วนร้านที่อยู่ใจกลางก็จะมีสองชั้น ชั้นบนจะเป็นเหมือนโซนพวกVIP มีนักดนตรีแสดงข้างบน
"พวกน้องเขาไปรอที่ร้านแล้ว ส่วนพี่ปูเป้กับพี่ต้นสองคนนี้ของบายนะจ๊ะ เห็นว่าวันนี้เป็นวันครบรอบเป็นแฟนกันสองปี เราสองคนก็ต้องเป็นคนดูแลพวกน้องเขาแทน"
รถบิ๊กไบค์ที่ขับออกจากสนามกีฬาของมหาลัยไปยังลานเบียร์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไร ที่นั้นจะมีพวกนักศึกษาไปกันประจำและเป็นร้านประจำที่นัดของนักวิ่งอย่างพวกเรา
"พี่เบล พี่ดาทางนี้ค่ะ!!!"
เสียงน้องตะวันที่ตะโกนเรียกเราสองคน เอาอีกแล้วสายตาทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่มองมาทางเราและก็คงต้องแปลกใจที่ไม่มีโนมาด้วยถึงเราทั้งสองจะตัวติดกันมากแค่ไหนมันก็ต้องมีเวลาส่วนตัวของกันแหละกัน แต่พอมีข่าวออกมาเมื่อวานและวันนี้ที่โดนอาจารย์เรียกเข้าไปคุยเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสม ฉันกับน้องเดียร์เราเลยบอกว่ามันเป็นแค่มุมกล้องในการถ่ายเลยทำให้เข้าใจผิด เราก็ต้องมีหลักฐานภาพมายืนยันว่ากิจกรรมที่ทำมันเป็นแบบไหน แต่คนพวกนี้กลับคิดว่าเราทั้งสองคบกันแล้วและอาจจะมีปัญญาทะเลาะกัน เพราะไม่เห็นโน
"ว้าว~~~พี่เบลไม่มีคนคุมวะ!!!"
เสียงรุ่นน้องในทีมที่มาถึงก็ส่งเสียงตอนรับกันซะดีเหลือเกินและยิ่งพิเศษกว่านั้นคือกลุ่มเราถ้ามาแล้วไม่เมาก็คือไม่กลับ แก้วแล้วแก้วเหล่าที่ผ่านมือและชนกัน เสียงเพลงที่เริ่มสนุกหัวแต่ละคนที่จุ่มลงกับโต๊ะไปคนละทาง น้องบางคนก็ปรับทุกข์ใจ อีกคนก็เดินไปทั่วทุกโต๊ะและก็ต้องมีเพื่อนลากตาม เวลาก็ผ่านมาจนดึกตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ....เวลาแบบนี้ฉันควรจะจัดการกับความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในได้ไง จะจัดการให้มันหายไปได้ไหม แล้วเมื่อไรจะหยุดนึกถึงเรื่องพวกนี้สักที
"เบล..."
เสียงที่คุ้นหูจนทำให้หัวที่หนักเหมือนหินอย่างเบลต้องหันกลับไปมอง ผู้ชายที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำและผมที่จัดทรงมาอย่างดีมองด้วยสายตาที่ห่วงใยและทำให้คนอย่างฉันน้ำตาแตกได้...ไม่ใช่ความรู้สึกครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ และไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรที่เจอเขาแล้วทำหน้าไม่ถูก หรือเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าที่ทำให้ความรู้สึกมันชาไปทั้งตัว
"ไอโนแกอยู่ไหน?"
เสียงปลายสายของดารินที่ฟังดูออกว่ามีอาการมึนๆอยู่นิดหน่อยแต่เสียงเพลงที่นั้นมันดังจนทำให้หูผมแทบจะดับทั้งสองข้าง เสียงปลายสายและของฝั่งเดียวกันกับผมที่มันดังไม่ต่างกันเพราะมารับเพื่อนตัวดีทั้งสามคนไอพลและวินมันเมาเละจนต้องมาลากมันกลับแต่ไม่คิดว่าไพลินมันจะมาเมาด้วยกับพวกมันเลยต้องแบกกลับเพิ่ม
"มีอะไรหรือเปล่าดา?"
"เกิดเรื่องที่ลานเบียร์มาด่วน!!!"
ความคิดเห็น