คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ข่าวดัง
สายตาของทั้งคู่ที่มองหน้ากันมันมีคำพูดมากมาย คำถามที่สงสัยแต่ไม่เคยถาม สายตาที่กำลังสื่อผ่าน มันทำให้เห็นถึงความจริงใจกันและกันของทั้งคู่ที่ดูแลด้วยกันมา ชญานนยิ้มให้กับโชติกาพร้อมกับพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธและแยกย้ายกลับเข้าห้องของตัวเอง
สายตาของโชติกาที่กำลังจับจ้องภาพถ่ายที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเธอเองที่เป็นรูปถ่ายหมู่กับกลุ่มแก๊งเพื่อนที่มีชญานนและพวกไพลิน นวินกับชนะพลรวมไปถึงดารินที่เรียนอยู่อีกคณะหนึ่ง ภาพถ่ายตอนอยู่ปีสองที่สนิท ในสมองที่มีภาพเหตุการณ์มากมายเข้ามาภายในใจให้นึกถึงตามเหตุการณ์นั้นๆ จนอดคิดไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าถ้าไม่มีพวกนี้ ชีวิตจะเป็นยังไงกันนะ มือถือที่มีข้อความมากมายที่แจ้งเตือนเสียงดังจนเกือบจะปิดเครื่องซะให้รู้แล้วรู้รอด
'เห็นข้อความยัง?'
'ภาพแกที่ชมรมอ่ะ'
'เห็นข้อความแล้วช่วยตอบเพื่อนหน่อย'
‘โนพูดอะไรกับแกป่ะ’
‘หรือไม่ได้คุยกัน’
ข้อความของไพลินที่ทักมาก็ทำให้โชติการู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรและนั้นก็ทำให้เธอไม่อยากจะกดอ่านเข้าไป ความสับสนภายในใจที่ไม่อาจจะกลั่นเป็นคำพูดได้ เรื่องมันก็เกิดตั้งแต่ห้องชมรมไม่อยากจะพูดเลยด้วยซ้ำ แต่มันสับสนในใจ ไม่แน่ใจกับหัวใจดวงนี้เลยด้วยซ้ำ ว่าตกลงแล้วจริงฉันคิดอะไรกับโนกันแน่ เพราะตั้งแต่เปิดตาทุกคนก็ทำสีหน้าดีใจแต่ฉันนี้สิ พอหันไปด้านข้างมันเป็นโนจริง แปลว่าเมื่อกี้มันต้องโดนปากของเพื่อนสนิทอย่างโน แต่เจ้าตัวกลับทำไม่รู้เรื่องไม่พูดอะไรเลย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นอะไรที่โคตรจะน่าหงุดหงิด
'เรื่องแกกับโนดังไปทั่วแล้วรู้ไหม'
ส่วนอีกคนอย่างดารินที่ทักมาอีกด้วย ทำไมข่าวไวขนาดนั้นทั้งทีอยู่คนละคณะ คนละชมรม กันแท้ๆแต่ก็รู้แล้ว ตอนนี้ภาพคงไปทั่วทั้งมหาลัยแล้วมั้ง พรุ่งนี้ชมรมก็อาจจะมีปัญหา มีภาพที่ไม่เหมาะสมออกไปแบบนั้น ฉันก็คงจะโดนอาจารย์เข้าไปคุย ไม่อยากนึกภาพเลย ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง
'ข่าวแซ่บพี่โนกับพี่เบลอาจจะเลื่อนสถานะจากคู่จิ้นเป็นคู่จริงแล้วก็ได้ เพราะทั้งคู่จูบกันแล้วจ้า'
เสียงแจ้งเตือนของเฟสบุ๊กที่ตัวของเธอไปกดถูกใจเอาไว้โดนใช้อีกเฟสในการกดติดตามเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเธอเป็นใครและดูความเคลื่อนไหวในเพจนั้น เพจนั้นเป็นกลุ่มลับที่จะเข้าได้กันเฉพาะคนใน โชคดีที่ไพลินกับดารินคอยส่องดูให้ตลอด แต่ก็อดที่อยากจะเห็นกับตาเองไม่ได้เลยใช้อีกบัญชีเข้ามาดู แต่กลับเต็มไปด้วยคนที่ยินดีอยากให้เราสองคนคบกัน แต่ถามว่ามีส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยไหม ก็มีแต่มันน้อยมาก น้อยจนไม่มีใครสนใจส่วนใหญ่มีแต่คนยินดี แต่ฉันไม่ได้สนใจในตรงนั้น ที่ฉันสนใจก็คงจะมีแต่...
ตัวโชติกาที่ถอดหายใจและโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ด้านข้าง เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมค่ำคืนนี้ถึงแปลกใจกับเธอมากเช่นนี้ สายตาของเธอดันไปโฟกัสภาพด้านหลังของภาพแก๊งกลุ่ม เป็นภาพที่ยังคงตรึงในใจมาถึงทุกวันนี้ ภาพถ่ายกับรุ่นพี่ที่แอบชอบในสมัยยังเป็นเด็กปีหนึ่งใสๆแต่ก็นะ สมัยนั้นถ่ายกับพวกรุ่นพี่ปีสาม เลยเป็นภาพกลุ่มแต่ในภาพได้ยืนข้างกันเลยเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืม ถึงแม้วันเวลาจะผ่านมาพอที่จะทำใจได้แล้วก็เถอะนะ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเรื่องราวมันพึ่งเกิดขึ้นไปไม่นาน
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูที่มีไม่กี่คนที่จะมาเคาะแบบนี้และเวลานี้ที่เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ใครกันมันมาเคาะเนี่ย สายตาของโชติกาที่หันไปมองประตูที่ยังถูกเคาะอยู่ บวกกับสายฝนที่โปรยปรายในวันเหงาๆแบบนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าเปิดประตูออกไปจะเป็นชญานนมายืนอยู่หน้าหอ ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่มาพร้อมรอยยิ้มพร้อมถือถุงของโปรดของฉันมาด้วยแบบนี้
"มาทำไม?"
โชติกาที่สบตาของชญานนที่ยืนอยู่ในชุดสบายๆ ที่มีผมเปียกเล็กน้อย มือที่ถือถุงกล่องของปลาเเซลมอน ถูกยื่นมาตรงหน้า
"ซื้อมาฝาก..."
"ขอบใจแกมากนะ"
ผมมองหน้าของเธอที่ดูไม่สบอารมณ์สักเท่าไร ใบหน้าที่เหมือนจะครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง คงยังไม่เลิกคิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับชมรมจะพูดว่าไงดีคือถ้าไม่ได้คิดมากมันเป็นแค่อุบัติเหตุ มันก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าเราแคร์ความรู้สึกใครสักคนมากๆเราจะเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เหมือนกำลังหาข้ออ้างหรือไม่ก็ข้อที่จะมาแก้ต่าง แววตาที่สั่นคลอของเธอมันทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเธอไม่โอเคเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าผมพูดตอนนี้กลัวเบลมันจะคิดมากกว่าเดิม มือเธอที่รับถุงที่ผมซื้อให้ไปกำไว้แน่น อาการแบบนี้มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น...ที่จะเป็นได้และไม่คิดเหมือนกันว่าเธอจะกลับมาเป็นอีก คิดว่าเธอจะเลิกชอบผู้ชายคนนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ
"มันกลับมาอีกแล้วใช่ไหม? ความรู้สึกแบบนั้นนะ"
โชติกาเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่พูดประโยคนั้น เหมือนกับรู้ว่าภายในใจของฉันคิดอะไรอยู่ และรู้ว่าฉันเป็นอะไร สายตาของเขาที่เข้าใจทุกอย่างโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเขาก็รู้ว่าเรื่องอะไรที่มันอยู่ภายในใจของฉันตลอดเวลา ถึงแม้แววตาดวงนั้นของโนมันจะแอบเศร้าอยู่บ้างแต่โนก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ราวกับไม่อยากให้ฉันต้องคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"อืม...เรารู้สึกเหมือนเขากำลังจะกลับมาอีกครั้ง…มันบอกไม่ถูกวะ มันแบบรู้สึกได้อะ เข้าใจเปล่าวะ"
เสียงของโชติกาที่ตอบอย่างแผ่วเบาแววตาที่มันยังเจ็บปวดในห้วงลึกของหัวใจ มีคนๆหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าฤดูฝนมันทำให้เรานึกถึงใครบางคนในวันที่ไม่มีเขาและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ กลิ่นฝนที่มีความทรงจำฝังอยู่ในนั้น ความเย็นที่ไม่มีใครให้โอบกอดเหมือนเดิม เสียงฟ้าที่คำรามภายในใจที่มันเจ็บจนทนไม่ไหว และสายน้ำที่ตกลงมาคือน้ำตาที่ไหลออกมาจากหัวใจ
“เข้าใจ เราเข้าใจแกดี เห็นแกพูดแบบนี้ทุกที เขาก็กลับมาตลอด”
ผมตอบรับกับสิ่งที่เธอพูดมา แล้วจะให้ผมพูดอะไรอะ ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้เธอรู้สึกดี แต่ทุกครั้งที่เธอรู้สึกแบบนี้พี่คนนั้นของเบลก็กลับมาทุกครั้ง กลับมาตอกย้ำความรู้สึกที่มันเจ็บอยู่แล้วให้เจ็บกว่าเดิม แผลนั้นมันควรจะต้องหายแต่ก็ไม่หายสักที เพราะอย่างนี้ไงเบลมันถึง....เลิกรักพี่เขาไม่ได้
"เราเชื่อว่าแกทำได้ แกเก่งที่สุดนะสำหรับเรา เข้มแข็งไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ขอแค่แกเชื่อในตัวเองเราจะผ่านมันไปด้วยกัน"
"แกก็รู้ว่าฉันนะ พยายามเข้มแข็งมาสามปีแล้วนะโน สามปีที่ผ่านมาฉัน...ฉันก็ยังเห็นทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แล้วยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่ฝนตกเรามักจะนึกถึงเรื่องราวครั้งนั้นตลอด แกเข้าใจฉันไหม!!"
ชญานนมองหน้าอีกฝ่ายที่กลับมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว ถึงแม้ภายนอกของโชติกาเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหน ใจเด็ดเดี่ยว เสี่ยงกับทุกอย่างมาทุกเรื่อง แต่ภายในใจเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เธอซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น และน้อยคนหนักที่จะรู้....และบางเรื่องผมก็เชื่อว่าไม่เคยรู้เรื่องนั้นเลย
"แต่สามปีที่ผ่านมาแกก็ผ่านมาได้ด้วยดีไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้มันก็จะผ่านไปเหมือนกัน"
น้ำเสียงของชญานนอ่อนโยนลงให้อีกฝ่ายสบายใจ เพราะรู้ดีว่าพูดอะไรออกไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรที่พูดแบบนี้เธอแค่อยากระบายความในใจที่มันอัดอยู่เต็มหัวใจไปหมด และผมก็พร้อมรับฟังปัญหาของเธอทุกอย่าง
"ก็เพราะมีแกไง ฉันเลยผ่านมาได้..."
โชติกาที่เงยหน้ามาสบตากับชญานนที่ทำหน้าเข้าใจความรู้สึกเธอทุกอย่าง อยู่ข้างกันในวันที่เจ็บปวด สนุกกันในวันที่สุขใจ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เศร้าใจ
“แกกล้าลองอะไรไหม”
“หมายความว่าไง?”
แววตาของโนมันสื่ออะไรบ้างอย่าง ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ มันมีแต่ความเสียใจมากมายที่เข้ามาภายในใจ มันเจ็บไปหมด ตอนนี้อยากหนีกับความจริงที่สุด ถ้าหนีได้คงหนีไปให้ไกลที่สุดแล้ว
“เราทำให้แกลืมความเศร้าในช่วงหน้าฝนได้นะ”
“หมายถึง...”
“หลังจากนี้ในทุกวันที่ฝนตกแกจะไม่มีทางเศร้าอีกแล้ว”
ผมว่ามันถึงเวลาแล้วแหละ ที่วันนี้ผมควรจะกล้าทำในสิ่งที่ต่าง ถ้าผมกล้าผมก็จะชนะตัวเองสักที ถ้าผลรับนี้มันดี ผมก็มีความสุข แต่ถ้าผลรับนี้ออกมาแล้วมันจบไม่สวย ผมก็ควรจะดีใจที่ครั้งหนึ่งผมได้พยายาม
“อะไรไหนพูดมาสิ”
“ฉันรักแก”
เสียงฝนที่ตกดังขึ้นพอๆกับเสียงของเพื่อนสนิทที่พูด ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ สมองของฉันที่มันเหมือนจอดับลง อะไรทำไม ไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าโนจะพูดแบบนี้เป็นด้วย หัวใจตอนนี้มันเต้นผิดจังหวะไปหมดแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำจะต้องทำยังไงกับเรื่องแบบนี้ ฉันไม่รู้อะไรเลย คือฉันต้องตอบยังไงก่อน สายตาที่ฉันมองแกตอนนี้ ฉันไม่แน่ใจเลยว่ะว่ามันเป็นสายตาที่ฉันรักแกเหมือนกันหรือเปล่า หรือมันเป็นสายตาที่รักแกในฐานะเพื่อนกันแน่
"เออ...แกอยากกอดไหม...? เรายอมแค่แก วันนี้เห็นแกเศร้าเลยยอมหรอกนะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะ"
น้ำเสียงของผมตอนนี้ต้องพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่น เพราะดูก็รู้ว่าเธอกำลังนิ่งเงียบ ไม่มีการตอบกลับกับคำพูดผมเลย คงต้องให้เวลาตัวเธออีกสักพัก
“ไม่ใช่แกยอมมาตลอดหรอกเหรอ”
เสียงของเธอตอนนี้มันดูสั่นจนผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะตัดความเป็นเพื่อนกับผมรู้เปล่า แต่เธอก็เลือกที่ไม่สนใจกับคำพูดบอกรักผม เพื่อให้เราทั้งสองยังคงพูดคุยกันต่อได้ แล้วนี้ผมต้องรู้สึกยังไง...โดนปฏิเสธเหรอ
“หายเองเลยปากดีนัก”
ฉันมองหน้าฝ่ายเพื่อนสนิทที่พูดขึ้น น้ำตาก็ไหลออกมาพร้อมกับสายฝนที่ตกลงมาเสียงดัง ฟ้าที่ร้องลั่นเหมือนกับเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวด มือของอีกฝ่ายดึงร่างของหญิงสาวเข้าไปกอดโดยมีฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก สัมผัสไออุ่นของร่างกายของเขาจะเป็นยังไงนะ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันแต่ก็ไม่เคยกอดกันด้วยความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่อาจจะทำให้เราลืมเรื่องราวบางอย่าง สองมือของฉันเข้าสวมกอดเขาทันที ความเจ็บปวดที่เหมือนมียาอะไรบางอย่างบรรเทาจิตใจให้รู้สึกดีขึ้น กลิ่นหอมของสบู่ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมันก็ดีขึ้นจริง
จริงๆแล้วฉันรู้มาสักพักแล้วแหละว่าแกชอบฉันโน แต่เพราะคำว่าเพื่อนแหละ มันเลยทำให้ฉันต้องขีดเส้นกับตัว ฉันกลัวเสียเพื่อนและแกก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน กลัวจะเสียมึงไปตลอด เลยพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้แบบนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่ฉันอยู่ใกล้แก ใจฉันถึงเต้นแรง มันรู้สึกดีมั้งที่มีคนคอยเป็นห่วงเรา ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าไอความรู้สึกนี้ฉันรักแกหรือเปล่า แล้วทุกครั้งที่ฝนตกต่อจากนี้ฉันคงไม่เศร้าอีกต่อไปแล้วแหละ ก็ในเมื่อมันมีเรื่องพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วงฝนตก....นั้นคือแกบอกรักฉัน
"ดีขึ้นไหม? หายแล้วหรือยัง"
เพราะแกเป็นแบบนี้ไงโน ฉันเลยไม่อยากเสียแกไปเลย บางทีให้เรื่องของเราสองคนเป็นแบบนี้น่าจะดีเสียอีก ไม่มีคำบอกรัก แค่ให้เรารู้กันสองคน มันน่าจะดีมากกว่า ทุกวันนี้เราก็อยู่ด้วยกันตลอด มันน่าจะดีกว่าการเป็นแฟนกัน เพราะถ้าวันหนึ่งฉันกับแกต้องเลิกกันจริงๆ ฉันกลัวจะเสียแกไปไม่กลับมา
"อืม...ขอบคุณนะแต่แค่นิดเดียว "
"นิดเดียวเองเหรอ กอดไปตั้งนานรู้สึกดีแค่นิดเดียวจริงๆอ่ะ"
เสียงของโชติกาที่ตอบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา มือทั้งสองข้างที่ยังไม่คลายออกจากชญานน อ้อมกอดของเขามันเป็นอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ที่อบอุ่นไปทั้งหัวใจ มือของเขาที่ลูบหลังอย่างปลอบใจ
ผมที่มองดูสองคนที่กำลังยืนกอดกันอยู่หน้าประตูห้องก็คือน้องสาวตัวเองกับไอหน้าหล่อที่มายืนเสนอหน้า ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมืนกันว่าคิดคำด่าที่มันเจ็บๆไม่ออกแล้วเหรอ ทำไมต้องเรียกมันหน้าหล่อ แต่มันก็หล่อจริงๆแหละ นิสัยดีเป็นมิตร เฉพาะคนที่สนิทไหมก็รู้จัก แต่เจ้าโนมันเป็นคนดีมาก เพราะถ้าไม่งั้นก็คงทนนิสัยของไอเบลไม่ได้หรอก แต่ผมดูก็รู้มันนะรักน้องสาวผมแล้วดูเหมือนจะรักมาตั้งนานแล้วด้วย ผมยังจำได้ตอนปีสองมันพึ่งจะย้ายเข้ามาอยู่หอเดียวกับเบล สายตามันในวันนั้นมองเบลด้วยสายตาของคนที่รักใครสักคนเลย
ตอนแรกผมคิดว่าจะเข้าไปขัดซะหน่อยแต่พอเห็นเบลน้องสาวคนเดียวของผมร้องไห้...มันก็ทำให้ผมต้องถอยออกมาแอบมองตรงนี้ ครั้งแรกที่เห็นเบลร้องไห้หนักแบบนี้ แต่สายตาของโนกลับดูชินกับเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีตกใจ มันเรื่องอะไรกันทำไมน้องสาวผมถึงเป็นแบบนี้ หรือมีเรื่องที่ผมยังไม่เคยรู้มาก่อน
"ไม่อร่อยเหรอ?"
ชญานนที่นั่งมองดูหน้าของโชติกาที่กินแซลมอนทีละคำ ถ้าเป็นแต่ก่อนเหมือนจะยัดเข้าไปทุกอย่าง แต่วันนี้กลับเหมือนไม่มีวิญญาณอยู่ในร่าง
"อร่อยแต่ไม่อยากกิน...."
มือของโชติกาที่วางตะเกียบลงพร้อมนั่งกอดเข่าตัวเองอย่างเหนื่อยใจ วันฝนตกแบบนี้ตัวฉันไม่ชอบเอาสักเลยมันทั้งเปียกและลำบากยิ่งไปกว่านั้นคือคนในความทรงจำที่แฝงอยู่ในเม็ดฝน จนทำให้อยู่คนเดียวไม่ได้เลยต้องลากชญานนมาอยู่ในห้องในทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนก่อนเพราะเอาจริงๆฉันรู้สึกว่าความทรงมันค่อยๆได้หายไปแต่เป็นความรู้สึกดีๆเข้ามาแทน ทุกๆครั้งที่เพื่อนสนิทคนนี้มามันก็ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนี้ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งอื่น คงจะจริงอย่างที่มันว่านั้นแหละ ทุกๆวันที่ฝนตกความเศร้าที่แกเคยเป็นจะหายไปมันจะจริงขึ้นมา และยิ่งไปกว่านั้นก็คือพาแซลมอนมาเล่นกับบราวนี่ในห้องด้วย มันเลยสนุกไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันควรจะอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับคนตรงหน้า อยู่กับสิ่งที่มีความสุข
"ถึงไม่อร่อยก็ต้องกินให้หมดเข้าใจไหม วันนี้แกยังไม่กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ"
น้ำเสียงของชญานนที่เหมือนแฝงอะไรบางอย่างไว้ในนั้น โชติกาที่สบตาและมองมือของอีกฝ่ายที่คีบแซลมอนมาจ่อที่ปากโดยไม่ทันเอ่ยก็ต้องกินแซลมอนเข้าไปเหมือนบังคับ
"โน...ถามจริงๆนะแกรักฉันงั้นเหรอ แล้วไม่เบื่อนิสัยฉันหรือไง ฉันทั้งด่าแกว่าแก ไม่แคร์ความรู้สึกแกด้วย แกรักฉันตรงไหนเหอะ"
ชญานนที่วางตะเกียบและอุ้มแมวแซลมอนให้มานั่งบนตักของตัวเอง และกำลังมองเข้าไปในแววตาของโชติกาที่สงสัยในสิ่งที่เธอกำลังคิด ไม่คิดว่าเธอจะเข้าประเด็นที่ผมพูดไปในตอนแรก คิดว่าเธอจะไม่สนใจแล้วด้วยซ้ำ
"ไม่รู้สิ...แต่ก็ไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาทำตัวแย่ๆใส่เราถูกไหม แต่สำหรับแก เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ ทั้งที่แกก็ชอบเอาแต่ใจตัวเอง ลืมนึกถึงคนที่อยู่ข้างๆแต่กลับช่วยเหลือคนอื่นสุดกำลังและไม่เคยดูแลตัวเองเลยด้วยซ้ำ มันอาจจะเป็นเหตุผลนี้ด้วยมั้งที่ทำให้เราอยู่ข้างแกในวันนี้ "
"แล้วสรุปแกรักฉันตรงไหน มันไม่มีตรงไหนเลยที่แกจะชอบคนอย่างฉัน"
มือของชญานนเอื้อมไปจับไหล่ของโชติกาเหมือนอย่างที่เคยทำ เขารู้ว่าภายในใจอีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงและตัวของเขาเองที่กำลังรู้สึกมากขึ้นกับเรื่องราวที่ผ่านมา มันไม่มีใครไหนเลยที่รักเธอน้อยลงสักวัน
“แถมที่สำคัญฉันกลัว กลัวว่าวันนี้แกยังรักฉัน แล้ววันหนึ่งถ้าฉันคบกับแกแล้ววันนั้นเราเลิกกัน กลัวว่าความเป็นเพื่อนของเราจะหายไปด้วย แกไม่กลัวเหรอ”
ผมเข้าใจเบลดี เธอกลัวความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนเราจะจบลง มันก็มีให้เห็นเยอะเพื่อนในห้อง รุ่นพี่ที่ชมรม รุ่นน้องที่มาปรึกษาเราเพราะคบกับเพื่อนแล้วพอเลิกกัน ก็กลับไปมองหน้ากันไม่ติด ทำตัวกันไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยยังไง ผมรู้ดีเบลมันกลัวในตรงนี้ และอีกอย่างหนึ่งเพราะคนที่เบลมันชอบยังวนเวียนอยู่ใกล้ตัว จนตัวของมันเองก็ไม่แน่ใจ ไม่อยากลากใครให้ไปเป็นตัวแทนใครอีกคน คำพูดที่มันชอบบอกเสมอ เพราะไอพวกพลกับไอวิน ไพลินก็บอกให้มันลองเปิดใจ แต่มันไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บกับมันด้วย
“แกเชื่อใจฉันไหม ถ้าแกเชื่อแกไม่ต้องกลัวเลย ถ้าวันหนึ่งเราต้องเลิกขึ้นมาจริงๆ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันได้ เชื่อฉัน แต่มันไม่มีวันนั้นหรอกที่ฉันจะเลิกกับแก”
ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าคนเป็นเพื่อนแล้วเปลี่ยนมาเป็นแฟนสุดท้ายเลิกกัน มันจะเป็นเพื่อนกันได้จริงๆงั้นเหรอ มันไม่มีทางหรอก ถ้าฉันตกลงเป็นแฟนกับแก ฉันกลัวจะเสียแก เสียความเป็นเพื่อน อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
“แต่ที่ฉันเห็นมาคนส่วนใหญ่พูดแบบนี้นะแล้วก็คบกับเพื่อนสุดท้ายก็เลิกเป็นเพื่อนกันอยู่ดี”
“ตั้งแต่วันแรก ฉันไม่เคยคิดกับแกแค่เพื่อนเลยนะ”
ใช่ตั้งแต่วันแรกผมไม่ได้คิดกับเบลแค่เพื่อน ตั้งแต่วันที่เบลตัดสินใจทักผมในวันเรียนคาบแรกตอนเดินไปตึก ผมกลับรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่เธอทักกับผมในวันนั้น เพราะมันทำให้ผมรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ถ้าถามว่าผมรู้สึกยังไงเวลาเธอพูดถึงคนที่เธอชอบ ผมบอกเลยว่าถ้าไม่มีใครเศร้าก็บ้าแล้ว มันเศร้านะ เศร้าจนเราต้องแอบไปร้องไห้คนเดียว ผมก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น มันเสียใจอะ แต่พอเราเห็นเขาต้องผิดหวังกับความรัก มันทำให้ผมรู้สึกอยากทำอะไรก็ได้ให้เขาหายจากเศร้า ไม่อยากเห็นน้ำตาของเขา เพราะสำหรับผมน้ำตาของเธอมันมีค่ามากไม่ควรจะต้องมาเสียใจร้องเพราะคนอื่น แต่ผมก็ทำได้แค่อยู่ข้างๆ กอดคอปลอบใจก็เท่านั้น แต่ถ้าวันนี้เธอเปิดโอกาสให้ผม ผมก็จะทำให้เต็มที่เหมือนที่เคยทำและจะไม่ทำให้เธอเสียใจ
“หมายความว่าแกชอบฉันตั้งแต่แรกเหรอ”
“ใช่”
“แล้วทนได้ไงเวลาฉันพูดถึงพี่ขุนเขา ปกติคนที่ชอบจะทนฟังไม่ได้นิ เวลาคนที่เราแอบชอบไปชอบคนอื่นไม่ใช่เหรอ”
ฉันมองหน้าของเขาแต่กลับพบรอยยิ้มบนใบหน้า ไม่มีความเศร้าอะไรเลย มีแต่รอยยิ้มแววตาที่มีความสุขส่งมอบมาให้ มันทำให้ฉันนึกถึงเวลาที่ฉันเศร้าเรื่องของคนที่ฉันแอบชอบ แล้วมีใบหน้าของโนมองมาแบบนี้ในวันที่เศร้า ทำให้ฉันยิ้มได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“มันก็ใช่ แต่เห็นแกมีความสุขเวลาพูดถึงเขา ฉันก็มีความสุขตามแก แต่ตอนไหนที่แกทุกข์ใจตอนนั้นแหละโคตรจะเจ็บ เพราะฉันปกป้องแกไม่ได้ เพราะฉันไม่มีสิทธิ์ แกลองดูหน่อยไหม เปิดใจให้ฉันสักหน่อย แค่ลองดูไม่ต้องรีบชอบฉัน ฉันจะทำให้แกเชื่อว่าฉันรักแกและอยากดูแลแกจริงๆนะ แล้ว...”
มือที่เลื่อนมาสัมผัสเบาๆที่หัวอย่างให้เชื่อใจ แววตาของชญานนที่รอบนี้สื่อถึงความรักและฉันก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดถึงอย่างแบบไม่มีข้อแม้ มันเหมือนทั้งความจริงใจ เชื่อใจ และจงมั่นใจในตัวของเขา ว่าไม่มีทางเลิกรักฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะทำตัวโง่งี่เง่าแค่ไหนโนก็รับฟังทุกอย่าง ถึงแม้จะพูดถึงคนอื่น โนก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ ถึงจะทำร้ายจิตใจมันมากแค่ไหน แต่มันเป็นอีกคนที่ทนฉันได้เสมอ
"ทำอะไรกันอ่ะ!!!!"
เสียงของพี่เกมที่วิ่งเข้ามาในห้องของโชติกาโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของห้องอะไรเลย ทั้งทีห้องก็ถูกล็อคเรียบร้อยแต่พี่เกมกลับเข้ามาในห้องอย่างง่ายดายเหมือนกับมีกุญแจมาเปิด
"เข้ามาได้ไง?"
เสียงของโชติกาที่ถามกลับมา แต่ผมกลับไม่มองไปยังน้องสาว แต่โฟกัสกับภาพที่อยู่ตรงหน้ากำลังนั่งจู่จี้อยู่กับไอชญานน ตอนแรกก็เห็นว่าเศร้าเลยไม่อยากทำร้ายจิตใจน้องสาวสุดที่รักแต่ทำไมภาพที่อยู่ตรงหน้าถึงเป็นแบบนี้ ทำไมไอหน้าหล่อถึงมีสิทธิ์ดูแลเบลถึงขนาดนั้น
แต่ก็นะผมได้ยินทุกอย่างหมดแล้วแหละ ไอโนนะมันก็เหมือนน้องชายผม ผมรู้ว่าน้องชายคนนี้มันคิดยังไงกับน้องสาวของผม และผมก็รู้สึกนะว่ามันถึงเวลาแล้วแหละที่เราจะบอกรักใครสักคน แต่ผมนับถือจิตใจมันนะ ทนไอเบลได้คือระดับหนึ่งเลย เพราะเบลมันทั้งดื้อด้าน เถียงทุกอย่าง ไม่ค่อยฟังใคร แต่น่าสงสารมันตรงที่ว่า ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเบลถึงเป็นคนแบบนั้น ที่เบลมันทำแบบนั้นเพราะแค่อยากให้คนสนใจ เอาใจ เพราะเบลมันผิดหวังกับความรักมาเยอะ หมายถึงพวกมิตรภาพเพื่อน ครอบครัว สิ่งที่เบลมันควรจะได้รับแต่ไม่เต็มที่ ร่างกายมันเลยตั้งรับโดยแบบนั้นแหละ ปกป้องตัวเองจากสิ่งที่อาจจะมีผลกระทบต่อหัวใจ
ชญานนที่มือยังคงค้างตั้งอยู่บนหัวของโชติกา โดยที่ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มแดงขึ้นมาพอเจอประโยคบอกรักของฝ่ายชายก็ทำตัวไม่ถูกเลยงานนี้ และก็อยู่ท่านั้นอีกนานเพราะพี่เกมเข้ามาทำลายบรรยากาศไปหมด
"เข้ามาได้ไงไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือแกสองคนทำอะไรกัน!!!!! แยกออกจากกันเลยเดี๋ยวนี้เลยนะ แยกๆๆ"
มือของพี่เกมที่ชี้มายังสองเรา สายตาของโชติกาที่กำลังมองเข้าไปในแววตาของชญานน ก่อนจะรีบผลักออกจากกัน ตรงที่ว่างเราสองคนนั่งใกล้เกินไป มันใกล้จนจะ .....
"เอ่อ….เบลงั้นเรากลับห้องก่อน ฝันดี~~~"
ชญานนบอกลาโชติกาแล้วเดินพาเจ้าแซลมอนกลับห้องด้วยกัน แต่สายตาพี่เกมที่มองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไม ทำไมเหมือนกลายเป็นตัวของเขาไม่มีตัวตนไปซะงั้น ทั้งในสายตาของน้องสาวและไอหน้าหล่อ ตกลงผมควรจะยืนตรงไหนเพื่ออยู่ในสายตา ผมควรจะต้องเรียกร้องความสนใจป่ะ
สุดท้ายผมบอกลาเบลและพาเจ้าแซลมอนกลับมาห้อง แต่พึ่งมารู้ทีหลังว่าลืมลาพี่เกมไปซะสนิท แต่วันนี้กลับรู้สึกดีจนลืมว่าที่จริงเราก็ต้องเผื่อใจไว้บ้างด้วยซ้ำ
"รู้ไหมทำไมฉันถึงตั้งชื่อแซลมอน"
เหมียว~~~~
แมวน้อยที่มองหน้าเจ้าของที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อแต่กลับมีรอยยิ้มที่ส่งให้ตลอด
"เพราะ...แซลมอนคือของโปรดของคนที่ฉันรัก "
สายตาของโชติกาที่หลังจากแยกกับชญานนที่ขอกลับห้องไปก่อนด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ เหมือนตัวเขามีอะไรจะพูดกับฉันต่อแต่ก็ไม่ได้พูดเพราะพี่เกมคนเดียว แมวน้อยที่เดินเข้ามาอ้อนอีกฝ่ายจนเจ้าของให้สนใจ เธอหันไปสบตากับสีฟ้าสวยเป็นประกายที่ยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึง...ใครบางคนที่แฝงอยู่
"รู้ไหมทำไมถึงตั้งชื่อว่าบราวนี่....."
เหมียว~~~~
"เพราะมันเป็นของโปรดคนสำคัญของแม่"
สายตาของทุกคนที่กำลังมองมาทางแก๊งพวกเรา เช้าวันใหม่ที่ต้องเริ่มกิจกรรมอีกแล้ว งานกีฬาประจำปีที่ใกล้เข้ามา เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก่อนที่พวกเราจะออกฝึกงานในชีวิตช่วงปีสาม ผู้คนที่เริ่มเข้าฝึกซ้อมงานกีฬาประจำปีนี้ ส่วนโชติกากับชญานนทั้งสองคนก็ต้องแยกกันทำหน้าที่ตัวเอง ถึงแม้ทั้งคู่อยากจะลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้นก็ตาม
"เห็นข่าวยัง?"
ชนะพลที่มองหน้าของโชติกากับชญานนที่ยังคงนั่งทำหน้ามึนงงกับเหตุการณ์เมื่อวานที่ชญานนบอกรักโชติกาแล้ว เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่โนมาห้องแล้วมีพี่เกมมาขัดตอนนั้น ก็เกิดเรื่องวุ่นวายภายในห้องมั่วไปหมด ยิ่งพี่เกมยิ่งแล้วใหญ่ มานอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงที่หนักไปเรื่อย แล้วเหมือนพี่เกมจะได้ยินเราคุยกันด้วย เลยพยายามขัดขวาง
"ตกลงยังไงกันเนี่ย พวกมึงสองคนดูมีความลับปิดบังพวกกูหรือว่าพวกมึงคบกันแล้ว"
นวินที่นั่งอยู่ข้างชนะพลและเห็นดีเห็นงามกันซะทุกเรื่อง ยกเว้นอย่างเดียวที่นวินไม่เห็นด้วยคือ เรื่องเรียน เพราะคนอย่างนวินไม่เอาไหนแต่มีงานส่งตลอดนะครับคนนี้
"ไม่มี!!"
“กูบอกรักแล้ววะ”
เสียงของเบลที่รีบตอบเพื่อนๆของเธอที่กำลังจ้องจับผิดแต่มันก็ช่วงเวลาเดียวกนที่โนตอบพวกเพื่อน ไม่เข้าใจเลยจริงๆทำไมโนถึงพูดแบบนั้น
ผมหันไปมองหน้าของเบลที่ส่งสายตาไม่พอใจที่ผมบอกความจริง ก็บอกแล้วถ้าผมจะทำให้ใครสักคนชอบผมอะนะ ผมต้องทำให้เธอเห็นว่าผมรักเธอแค่คนเดียว ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
มือที่ทุบโต๊ะเสียงดังกลางลานอาคารศิลปกรรมศาสตร์ ที่มีผู้คนมากมายนั่งจับกลุ่มคุยกัน และกลุ่มนั้นก็เป็นกลุ่มที่ทุกคนกำลังจับตา จนพวกรุ่นน้องรุ่นพี่ที่นี้กำลังพูดถึงเรื่องของคนสองคนอย่างชญานนกับโชติกากำลังสนุกกันเลยว่าได้...ทั้งคู่ตกลงคบกันแล้วหรือยังอันนี้คือประเด็น แต่พวกผมบอกเลยคือช็อก ไม่คิดว่าไอโนมันจะบอกรักไอเบล ดูหน้าไอวินกับไพลินดิ คือค้างไปแล้ว อะไรดลใจเพื่อนผมถึงกล้าพูดออกไปแบบนั้น แต่ก็ดีแล้ว โอกาสแบบนี้เราควรจะทำอะไรสักอย่าง แล้วถ้าเรารักใครสักคนนะ เราควรจะบอกความรู้สึกเขา ไม่ควรแบบชอบอยู่อย่างนั้น เพราะบางทีเราอาจจะเสียโอกาสไม่ได้บอกเขาไปอีกนาน
“เมื่อไรวะไอโน”
"อยากรู้จริงๆเหรอ? แต่เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่า มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นอีก"
โชติกาที่สบตากับพวกเพื่อนโดยมีสายตาของชญานนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เพราะตัวของเขาอยากให้เบลเป็นคนเล่าให้พวกเพื่อนได้ฟังด้วยตัวของเธอเอง ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บ.…ที่ผมต้องทนฟังเรื่องของผู้ชายคนนั้นอีกครั้งก็ตาม
"อะไรนะ...เดี๋ยวนะเบล....มึงกำลังจะบอกว่า?? พี่ขุนเขาจะมาที่นี่เหรอ"
ภาพที่ห้องชมรมเอาลงทำให้ต่างพากันดีใจ ถึงแม้มันจะไม่ได้ตั้งใจ แต่คนก็พากันแห่ดีใจกันไปต่างๆนานาและที่สำคัญคือ พวกเราในตอนนั้นโดนทำโทษ ฉันเองแหละที่เผลอทำกระดาษยับ ก็เลยต้องโดนทำโทษ และบทลงโทษของพวกเขาก็ให้ไปเก็บบรรยากาศก่อนเริ่มงานแข่งขันกีฬาประจำปีและมีอีกภาพที่มันกลับตอกย้ำในความคิดของทุกคนคิดว่าเราสองคนอย่างภาพของฉันกับโนที่กอดกันในภาพ จนเกิดเป็นกระแสและมีคนถล่มกันคอมเม้นต์มากมายเกือบทุกคณะและรุ่นพี่ที่จบอีกเพียบและหนึ่งในนั้นคือ...พี่ขุนเขา คนที่ไม่มีวันลืม...
'คิดถึงความหลังสมัยนั้นเลย'
แค่คอมเม้นของพี่ขุนเขาคนเดียวเล่นเอาโชติกาเข่าแถบทรุด และมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงปีนี้ จนกระทั่งพี่ขุนเขามีแฟน มันก็ยังมีอาการแบบนี้อยู่อีก และดูคนมากดไลค์ดีใจที่พี่ขุนเขามาเม้นต์กับภาพของทั้งสองคนสิ ภาพนี้มีคนเม้นต์เป็นพันกดไลค์เป็นหมื่น แต่พากันดีใจที่ทั้งสองจะคบกัน แต่ความเป็นจริงก็คือ...
"ถ้าพี่ขุนเขากลับมา แกจะทำยังไงเบล แกยังไม่ลืมเขาแกจะทำยังไง แล้วไอโนเพื่อนฉันละแกจะเอายังไง"
ความคิดเห็น