ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่จิ้นหรือคู่จริง

    ลำดับตอนที่ #1 : แซลมอนกับบราวนี่

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 65


    ผมเคยคิดว่าในชีวิตนี้ของผม คงไม่เจออะไรที่ทำให้ผมมีความสุขแล้วด้วยซ้ำ แต่เหมือนผมโชคดีที่ผมได้เจอสิ่งที่ผมค้นหามาตลอด นั้นคือการรักเธอ มันเป็นความสุขของผม

    ชญานนที่นั่งมองเข็มนาฬิกาที่แขวนอยู่หน้าห้อง ณ เวลานี้เข้าเรียนมากว่าสิบนาทีแล้วด้วยซ้ำ แต่คนที่เขารอยังไม่มาสักทีนี้สิ ไม่รู้เธอไปอยู่ไหน 

    “โน แล้วเบลไม่มาเรียนเหรอ”

    ชนะพลที่มองหน้าของชญานนที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องเหมือนกันว่า โชติกาเพื่อนผู้หญิงคนสนิทอยู่ที่ไหน ทั้งที่สองคนนี้ตัวติดอย่างกับตังเมด้วยซ้ำ ไม่เคยแยกออกจากกัน อยู่หอที่เดียวกัน หอตรงข้ามกัน ไปมหาลัยพร้อมกัน ไม่มีเวลาไหนแยกออกจากกันเลย ทำงานคู่ นอกจากทำกิจกรรมเท่านั้นที่ทั้งสองคนแยกจากกัน 

    “นายชญานนแล้วนางสาวโชติกาไม่มาเหรอ”

    อาจารย์รัตนาที่หยุดมองโปรเจคเตอร์ละสายตามามองหน้าชญานนที่เป็นคู่จิ้นกับโชติกาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยก็ว่าได้ เรื่องราวของทั้งสองคนเป็นเรื่องราวที่เป็นตำนานเลยก็ได้ ไม่มีใครไม่รู้จักโนเบล ไม่ว่านางสาวโชติกาอยู่ที่ไหนก็จะมีนายชญานนอยู่ที่นั้น แต่วันนี้เจ้าตัวอย่างชญานนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนผู้หญิงคนสนิทของเขาไปไหน อยู่ที่ใด เพราะทั้งส่งข้อความโทรหาก็ไม่รับไม่อ่าน

    “เออ.....”

    เสียงข้อความที่แจ้งเตือนดังทำให้ชญานนตกใจกับข้อความที่ส่งมา แสงหน้าจอที่สาดเข้าตาของเขามันทำให้ตาของเขาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มเล็กๆมุมปาก ก่อนจะสายหัวเมื่อเจอข้อความที่ถูกส่งมาให้กับเขา แววตาของเขาตอนนี้สับสนและมึนงงอย่างปวดหัวเพราะเพื่อนผู้หญิงอย่างโชติกาดันไปก่อเรื่องนี้สิ น่าตลกสิ้นดี ก่อเรื่องไม่เว้นวันจริงๆเลย

    “อาจารย์ครับผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำครับ”

    ฝีเท้าทั้งสองข้างของชญานนที่รีบวิ่งออกจากห้องเรียน โดยมีสายตาของคนมากมายที่จับจ้องมองมาที่ตัวเขา เพราะถ้าเขาปรากฎตัวที่ไหนมักจะมีโชติกาอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ใจมันร้อนล้นจนต้องรีบพุ่งตรงไปแถวสนามบอล เพราะข้อความที่แจ้งเตือนดังมาในแชทกลุ่มทำให้ตัวของเขาไม่เป็นสุข ก็อยู่ดีๆโชติกาเดินยังไงไม่รู้เห็นว่าตกคูน้ำ ไม่รู้ว่าตาสองข้างมั่วมองอะไรคงจะมองหนุ่มในสนามบอลจนตกคูแหละ ทำให้ไพลินต้องส่งข้อความมาขอช่วยเหลือมาหาผม เพราะเบลเป็นคนหัวดื้อและไม่ยอมให้คนช่วยเธอง่ายๆนอกจากผมนี้ คนเดียวเท่านั้นที่เบลยอม

    “ไพลิน!!!”

    ชญานนตะโกนเรียกไพลินที่พยายามช่วยโชติกาที่เดินยังไงให้ตกคูน้ำได้ละเนี่ย ผู้คนทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ที่หันมามองดูด้วยความสนใจของโชติกา ที่ถอดรองเท้าตัวเองโยนขึ้นมาด้านบน โดยไม่แคร์สายตาของใครเลยด้วยซ้ำ ถ้างั้นก็สมองคงปกติดี ตกคูน้ำไปไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอะไรทั้งนั้น แล้วตัวของเธอละ ตัวเธอหายไปไหนมีแต่รองเท้าเปียกน้ำ

    “โน แกรีบบอกคู่แกให้ขึ้นมาได้แล้วนะ แกดูสิคนมองกันใหญ่แล้ว พรุ่งนี้แกจะได้เห็นคู่แกขึ้นหน้าบอร์ดมหาลัยแน่”

    ผมที่สบตากับไพลินอย่างไม่เข้าใจว่าทำไหมทำไม เบลถึงไม่ยอมขึ้นมาสักที ทั้งทีคูน้ำมันมีทั้งกลิ่นและสิ่งสกปรกแต่ตัวเธอยังไม่ยอมขึ้นมาเหมือนก็มองหาอะไรบ้างอย่าง

    “เบล มึงขึ้นมาได้แล้ว”

    “อ้าวโน มาได้ไงอ่ะ”

    ผู้หญิงที่จะเรียกว่าตัวเล็กก็ไม่ใช่ จะตัวใหญ่ก็ไม่เชิง สูงพอๆกับผมนั้นแหละ ผมชินแล้วกับการกระทำแบบนี้ของเบล จะให้พูดไงคือถ้าทนไม่ได้ก็คงไม่คบเป็นเพื่อนกับมันมาสามปีหรอก สีหน้าแววตาของเบลที่มองโนอย่างดีใจ ทั้งที่หน้าตาก็เปื้อนน้ำสกปรกทั้งเสื้อผ้าและผมของเบลแต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเธอรังเกียจตัวเองเลยสักนิด มันเป็นสิ่งหนึ่งนะที่มันเป็นเสน่ห์ต่อตัวเบล เพราะผมรู้ว่าผู้หญิงในสายตาผมเห็นทนอะไรแบบนี้ไม่ได้นานหรอก เบลเป็นคนหนึ่งที่ลุยพอๆกับผู้ชายเลยด้วยซ้ำ ไปไหนไปกัน ห้าวเกินหญิงจนบ้างทีปากมันไม่ดีไปท้าผู้ชายต่อยคิดดู แต่โชคดีที่เบลยังมีผม มีเพื่อนในแก๊งที่เป็นผู้ชาย ไม่งั้นก็คงไปนอนโรงพยาบาลแล้ว

    “ขึ้นมาได้แล้ว มั่วทำอะไรของแกอยู่”

    เบลที่สบตาของโนที่มองหน้าของเธออย่างไม่พอใจ แล้วจะให้ทำยังไง ก็ขึ้นชื่อว่าเบลไม่ยอมขึ้นไปง่ายๆอย่างแน่นอนถ้าไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย เพราะการที่จะทำอะไรสักอย่างมันก็ต้องมีผลตอบแทนบ้าง และฉันก็กำลังได้ผลตอบแทนอย่างแน่นอน

    “ไม่ได้ยินเสียงแมวเหรอ แมวมันตกลงมาในนี้”

    ผมมองไอเจ้าเบลอย่างถอดใจ ในความดื้อด้านของเธอ ทั้งทีไปตามคนอื่นมาก็จบ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ชญานนรีบถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่ใส่ทิ้งลงกับพื้น พร้อมถอดรองเท้าตัวเองไว้ข้างกับรองเท้าเพื่อนสนิทที่ก้มมองหาแมวในท่อคูน้ำ แล้วผมจะปล่อยให้เบลหาคนเดียวมันก็คงจะไม่ได้ คำว่าเพื่อนไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว

    “โน!!! ฉันให้แกมาลากพาไอเบลขึ้นไม่ใช่ให้แกลงตามไปด้วยกันสักหน่อย”

    ไพลินเพื่อนผู้หญิงในแก๊งที่มองทั้งสองคนจากข้างบนอย่างเหนื่อยใจ สายตาของคนมากมายที่มองมาไม่ใช่แค่มองนะทั้งถ่ายรูป เสียงกรี๊ดกร๊าด เสียงเชียร์ ภาพตรงหน้าคือทั้งคู่พยายามช่วยกันหาแมวสุดฤทธิ์และมันก็เป็นภาพที่ประทำใจของคนหลายคน ส่วนไพลินเธอทนมองเราสองคนไม่ไหวจึงรีบไปตามคนให้มาช่วย

    เหมียว~~~

    เสียงแมวสองตัวที่เปียกไปทั้งตัวและผอมแห้ง สองมือของชญานนและโชติกาอุ้มทั้งสองตัวอย่างทะนุถนอม แมวตัวแรกที่ขึ้นมาเป็นสีส้มที่ถูกอุ้มขึ้นมองดูโลกที่สดใสด้วยมือของชญานนพาขึ้นไป แววตาของลูกแมวที่มองโลกใบใหม่ที่มีแสงสว่างตาเป็นประกาย

    “ส่งมือมาเร็ว”

    มือของโนที่ยืนมาหยุดข้างหน้า ฉันมองหน้าของโนที่สภาพไม่ต่างจากตัวฉันสักเท่าไร มันทำขำกับสภาพของเราสองคน ทั้งในความหมดหล่อของชญานนที่มอมแมมเหมือนกับเด็กไม่ต่างจากเธอ ชญานนเป็นถึงดาวมหาลัย ความหล่อของโนคือที่สุดในมอ.แต่ถามว่ามีคนจีบมันไหม ตอบเลยว่ามี และมีเยอะมาก แต่เพราะอย่างที่รู้กันกระแสโนเบลมันดังจนทุกคนอยากให้เป็นคู่กันจริงๆ และเชียร์เราสองคน

    “ยังจะหัวเราะอีก รีบขึ้นมาเร็ว”

    มือของโนที่ยื่นมาจับมือของเบลนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โนยื่นมือมาช่วยเหลือฉัน และมันก็ไม่เคยเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้ารอยยิ้มของโนยังเป็นเหมือนที่เคยเป็น เพราะทุกครั้งที่ฉันมีปัญหาก็ได้โนนี้แหละมาช่วย ไม่ว่าจะเป็นสายตา น้ำเสียง คำพูด มันเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกอุ่นใจตลอดเพราะเป็นโนด้วยแหละมั้ง เลยเป็นความสบายใจ

    “อะไรกันเนี่ย!!!!!”

    เสียงของอาจารย์รัตนาที่วิ่งมายังที่เกิดเหตุพร้อมมองสองคนอย่างเหนื่อยใจ เพราะชญานนกับโชติกามีวีรกรรมของที่เด็ดทุกปีตั้งแต่ปีหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ปีสามแต่ยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต แถมสภาพของทั้งคู่คือดูไม่ได้เลย เสื้อผ้าที่แนบเนื้อถึงแม้จะเป็นคราบสีน้ำตาลอมเกือบดำแต่มันก็ยังแนบเนื้อเกินไป

    “นายชญานนไหนเธอบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วทำไมมาโผล่อยู่ข้างนางสาวโชติกาที่นี้!!!”

    ไพลินที่ทำหน้าอ้อนวอนเพราะตัวเธอเองที่เป็นคนไปตามอาจารย์ผู้สอนมาช่วย แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่อง เพราะตลอดสามปีที่ผ่านมาเวลาที่เกิดเรื่องก็มักจะเกิดในคาบของอาจารย์รัตนาเสมอ ปีหนึ่งก็ทำก๊อกน้ำของมหาลัยพังแถมสปริงเกลอร์ก็เสียด้วยวันนั้น ปีสองทำวิจัยของอาจารย์รัตนาเปียกจนต้องให้สองคนนี้ช่วยพิมพ์ขึ้นมาใหม่ และปีนี้ ปีสามกระโดดลงไปในคูน้ำเพื่อช่วยแมวสองตัว

    “เออ...”

    “ไม่ต้องพูดเลยชญานนหรือห้องน้ำเธอมีท่อแล้วมาโผล่ที่นี้!!!”

    อาจารย์รัตนาที่ทำท่าคลายจะเป็นลมกับพวกเราทั้งสองคน ไม่ใช่เพราะเหนื่อยใจนะแต่ว่ากลิ่นนี้สิ มันทั้งเหม็นและสภาพเราสองคนเหมือนตกบ่อหรือไหมก็ขยะ ชนะพลกับนวินที่วิ่งตามมาแต่ก็อดหัวเราะกับสภาพพวกเราสองคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แถมพวกรุ่นน้องที่เดินผ่านไปมาก็มองมาที่เราสองคนซะด้วย พรุ่งนี้คงได้ลงหน้าเว็บมหาลัยอย่างแน่นอน คงจะมีคำพูดจาแปลกๆในนั้นเต็มไปหมด

    “อาจารย์คะ อย่าไปว่าโนเลยนะคะ คือหนูผิดเองที่ลงไปช่วยแมว”

    ผมมองหน้าของเธอที่พยายามทำหน้าอ้อนวอนอาจารย์ให้เห็นใจและก็เห็นผล อาจารย์รัตนาดูใจอ่อนกับเราสองคนทันที คงจะเหนื่อยกับเรามามากแล้วแหละ แต่ก็นะเบลนะเป็นลูกรักของอาจารย์รัตนาเลยก็ว่าได้

    “เอาละ ถือว่าแล้วไปละกัน เดี๋ยวไปล้างเนื้อล้างตัวให้เรียบร้อยซะนะ แล้วก็วันนี้ไม่ต้องเข้าเรียน แต่ต้องทำงานย้อนหลังมาส่งเข้าใจไหม ออแล้วก็เดี๋ยวอาจารย์จะแจ้ง ไปยังไพวรรณเด็กคณะสัตวแพทย์ให้ละกัน”

    อาจารย์รัตนาที่เดินกุมขมับแล้วกลับเข้าไปยังตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ของเรา เธอกับเขาที่หันหน้าสบตากันและหัวเราะพร้อมกัน เพราะมันเหมือนอาจารย์เหนื่อยกับเรามาตลอด จนทำให้ไพลินกับนวินและชนะพลมองหน้าเพื่อนสองคนที่เหมือนจะเสียสติเพราะกลิ่นคูน้ำไปแล้ว แต่ทั้งสายตาของมันสองคนเหมือนมีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป

    เหมียว~~~~

    แมวสองตัวที่อยู่ในอ้อมกอดของเบลและโน ทำให้เธอทั้งสองต้องรีบพาไปคลินิกของมหาลัยคณะสัตวแพทย์ด้วยสภาพของน้องแมวที่จะหมดแรงลงไปทุกที แต่ด้วยสภาพที่ยังมอมแมม ทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจจะไปกับรถคันไหนกันระหว่างของเบลหรือของโน

    “โนแกจะเอารถคันไหนไป บิ๊กไบค์ฉันหรือรถยนต์แก”

    ชญานนกับโชติกาเป็นคู่จิ้นที่ดังที่สุดในคณะศิลปกรรมศาตร์และเป็นที่จับตามองของคนหลายๆคน ไม่ว่าทั้งสองคนจะไปไหนหรือแยกกันไป มักจะโดนถ่ายรูปและโพสต์ลงกลุ่มโนเบล หรือเบลโนก็ว่าได้ แม้กระทั่งอาจารย์ยังเชียร์และถามว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ตลอดสามปีที่ผ่านมาเรายังตอบว่าเพื่อน...

    “เอารถยนต์เราแล้วกัน สภาพแกขับรถบิ๊กไบค์เราว่าไม่ไหววะ ดูเสื้อแกก่อนเถอะเปื้อนน้ำคูแบบนี้แถมดูสายตาพวกผู้ชายแถวนี้มองดิ เอารถเราดีกว่า”

    โชติกามองหน้าชญานนที่เอาเสื้อแจ็คเก็ตมาคลุมชุดนักศึกษาของเธอ ไม่ให้สายตาคนอื่นจับจ้องและมองมาที่ฉัน

    “แต่ถ้าขึ้นรถแก แกก็ต้องเอารถไปล้างเลยนะมันมีทั้งกลิ่นและสกปรกเราไม่อยากทำให้รถแกเปื้อนเพิ่มด้วย แต่ถ้าบิ๊กไบค์เราเอาน้ำสาดแป๊บเดียวสะอาด”

    ผมที่ไม่สนใจที่จะฟังคำพูดของเบลเลยด้วยซ้ำ แถมรีบลากตัวเธอพาขึ้นรถยนต์ทันที เพราะความหมายของผมคือไม่อยากให้ใครจับจ้องและมองดูเธอ ไม่ใช่ทำไมนะ เธอไม่มีความอายหรืออะไรเลยไม่แคร์สายตาใครว่าง่ายๆ

    มือทั้งสองข้างของชญานนที่กำลังขับรถไปยังคลินิกที่อยู่อีกซีกโลกของมหาลัยแห่งนี้ แต่สายตาของโชติกาก็ยังไม่เลิกจ้องมองหน้าของชญานน เพราะตัวของเธอยังสงสัยว่าทำไม ทำไมกันชญานนถึงไม่ฟังในสิ่งที่ตัวเธอจะพูด และสุดท้ายก็กลายเป็นต้องนั่งเปิดกระจกระบายอากาศให้ออก ไม่ต่างอะไรจากขี่มอเตอร์ไซค์ แถมเบาะที่นั่งทั้งเปียกและสกปรกด้วยซ้ำ

    “เมื่อไรจะเลิกมองหน้าสักที”

    “เห็นเหรอ?”

    ฉันที่มองหน้าชญานนไม่ยอมหยุดจนอีกฝ่ายต้องหันมามองหน้าระหว่างขับรถ สีหน้าของเธอที่มีคราบดินสีดำเปื้อนหน้าอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอดูสกปรกเลยสักนิด ดูธรรมชาติดี แถมกลิ่นตอนนี้ก็เหมือนจางหายอาจจะเป็นเพราะลมช่วยพัดกลิ่น ไม่ได้ทำให้เธอดูแย่ลงหรือสกปรกเลยด้วยซ้ำกลับทำให้เธอดูน่ารักดีในสายตาของผม

    “ถ้าไม่เห็นก็ตาบอดแล้วแหละ แล้วมองขนาดนี้มีอะไรก็ว่ามา”

    “ก็บอกแกไปแล้วอะ ว่าถ้าขึ้นรถยนต์แกต้องเอาไปล้างที่ร้านเลยนะ ทั้งลำบากและเปลืองเงินด้วย”

    ชญานนที่เบรกรถเกือบไม่ทัน พอฟังประโยคของเจ้าตัวดีที่ก่อเรื่องจบ มือทั้งสองข้างของโชติกาที่อุ้มลูกแมวทั้งสองตัวเอาไว้อย่างดีเพราะดูเหมือนจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สายตาของชญานนทำให้เธอรู้สึกกลัวเพราะนานๆจะเห็นสีหน้าของชญานนที่แสดงอาการไม่พอใจแบบนี้ แววตาที่มองไม่ชอบใจกับคำพูดของฉัน ไม่พอใจทั้งที่ความจริงแล้วเขาเป็นคนใจเย็นอย่างมาก ไม่เคยแสดงอาการแบบนี้เลยเวลาอยู่กับฉันถึงแม้จะเอาแต่ใจไปบ้าง ก็คงจะไม่พอใจแหละถึงได้แสดงอาการแบบนี้ออกมา

    “เรายอมลำบากดีกว่าแกลำบาก”

    คำพูดของชญานนที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และมันก็กำลังทำให้ใจของโชติกาเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ทั้งแววตารอยยิ้มใบหน้านั้น

    “เพราะถ้าเธอลำบาก สุดท้ายคนที่ล้างรถบิ๊กไบค์แกก็คือเราไง!!!!”

    ชญานนนะชญานน นายก็เป็นแบบนี้ตลอดไม่แปลกใจเลยทำไมผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาจีบก็วิ่งหนี แล้วกรรมก็มาตกที่ฉันไม่มีใครมาจีบเพราะคิดว่าเป็นแฟนกับนายไง นายมักจะตัดทุกสิ่งทุกอย่างแบบไร้เยื่อใยที่สุด คำพูดของนายกำลังดีอยู่แล้ว....อีกนิดฉันอาจจะตกหลุมรักเธอก็ได้ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ก็ดีช่างมัน

    “โอเคงั้นลืมที่พูดไปให้หมดเลยนะ ลืมมันไปให้หมดเลยเข้าใจไหมโน!!!!!”

    “ไม่ต้องห่วง แป๊บเดียวเราก็ลืมแล้ว”

    ฉันหันหน้าหนีเขาทันที ที่มักจะชอบเป็นแบบนี้ เเล้วที่บอกให้ลืมเอาจริงๆ ไม่ต้องบอกคนอย่างชญานนก็ลืมเชื่อเถอะ พรุ่งนี้ถ้าถามว่าฉันพูดเกี่ยวกับอะไร เขาก็จะตอบไม่ได้แหละ ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว

    รถที่หยุดจอดลงที่หน้าลานคลินิกของคณะสัตวแพทย์ เด็กนักศึกษาที่เข้าออกกันอยู่บ่อย และสภาพของคนที่เข้าออกคือดูดีนะ ตัดภาพมาที่เราสองคนสิเหมือนไปตกคูน้ำแถวไหน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมดูไม่ได้เลย แต่โชคดีที่เบลเป็นผู้หญิงที่ผมยาวแค่เทียบบ่าไม่ยาวกว่านั้น มันก็เข้ากับใบหน้าของเบลดี

    “จะลงไปด้วยกันไหม?”

    ผมที่หันมาถามเธอที่ยังนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ไม่ใช่ทำไมนะเธอไม่ยากลงไปในสภาพนี้สักเท่าไร ผมรู้ดี รู้จักทั้งนิสัยความคิดว่าตอนนี้คิดอะไร ก็ดูเอาเถอะ พึ่งจะรู้จักอายเป็น ทีเมื่อกี้นะคนอยู่ตั้งเยอะเห็นทั้งสนามไม่อาย

    “ลง...แต่ว่า...”

    ชญานนที่มองสภาพของโชติกาก็เข้าใจ ตัวของเขาเดินลงจากรถพร้อมเปิดประตูด้านหลังที่มีเสื้อกีฬาของเขาแขวนอยู่ในรถกับเสื้อยืดสีดำ ถูกโยนใส่ให้อีกฝ่ายที่ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยด้วยซ้ำพร้อมกับกางเกงวอร์มสีดำที่โยนตามไป

    “เอาไปใส่ ห้องน้ำอยู่ด้านหลังคลินิก ส่วนรองเท้าก็มีผ้าใบแกอยู่ในรถ มาเอากลับไปใส่ไปด้วย ตั้งไว้ในรถฉันอีกนิดจะเอาไปขายแหละ”

    เสื้อสีดำที่ถูกโยนมาให้โชติกา เธอยังไม่ละสายตาจากชญานนที่การใส่ใจของเขามันทำให้เธอหัวใจเต้นแรงขึ้นทุกครั้ง แต่ใครมันจะไปคิดว่าเขาจะยืนถอดเสื้ออยู่นอกรถ กระดุกที่ถูกถอดทุกเม็ดและโยนเสื้อกลับเข้ามาในรถพร้อมใส่เสื้อตัวใหม่ที่มีกลิ่นหอมพอจะดับกลิ่นน้ำคูได้บ้างสวมใส่ และเดินมาเปิดประตูรถฝั่งของฉันพร้อมอุ้มน้องแมวสองตัวเข้าไปในคลินิกและทิ้งให้ฉันนั่งงงอยู่ในสภาพนั้น

    “ล็อครถด้วยละ กุญแจอยู่ที่สตาร์ทรถ เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วรีบตามมาละ รีบด้วยละมีงานรับน้องที่ชมรมอีกไม่ใช่เหรอ เป็นถึงประธานไปสายอายแย่เลยนะ”

    เสียงของชญานนที่ตะโกนมาทำให้นักศึกษาแถวนั้นหันมามองและเริ่มปฏิบัติการจิ้นฉันกับนายโนทันที แขนที่ยาวยื่นไปคว้ากุญแจรถออกมาและรีบลงจากรถทันทีพร้อมล็อครถอย่างที่ชญานนเพื่อนซี้บอก ฝีเท้าก้าวอย่างเร็วไม่ให้ใครถ่ายฉันที่ลงจากรถของเขาทัน นั้นสิวันนี้เป็นวันที่รับน้องที่ชมรมถ่ายรูป ถ้าฉันไปสายก็เสียชื่อประธานแถมจะต้องส่งต่อให้กับรุ่นน้องแล้วด้วย เพราะหลังจากนี้ก็ต้องออกฝึกงาน

    “พี่ไพวรรณสวัสดีค่ะ”

    โชติกาสวัสดีทักทายรุ่นพี่อย่างไพวรรณที่เป็นพี่สาวของไพลินเพื่อนผู้หญิงในแก๊งเดียวกับโชติกาและชญานน

    “มาแล้วเหรอ คิดว่าจะมีแต่โนมาคนเดียวแล้วเบลไม่มา จะแปลกใจมากเลยนะ”

    ชญานนที่นั่งมองหน้าโชติกาตั้งแต่เดินเข้ามา ไม่ว่าสภาพของเธอจะเป็นแบบไหน ผมก็มองเธอด้วยสายตาแบบเดิม นั้นคือสายตาของความเป็นห่วงเป็นใย ชุดนี้ก็เข้ากับเธอดี คงแอบไปสระผมมาแหละดูสภาพมาหัวเปียกขนาดนั้น

    “พี่ไพวรรณมีผ้าขนหนูไหมครับ”

    เสียงที่ทุ้มเดินเข้าไปใกล้พี่ไพวรรณ โดยมีสายตาของเบลที่มองดูอยู่ห่าง แต่เจ้าตัวดันหันมาสบตากับฉันเกือบหลบสายตานั้นไม่ทัน อะไรกันสายตาแบบนั้น มันอันตรายมากเลยนะเวลาเจอสายตาแบบที่ว่าสายตาพิฆาต มันเหมือนฆ่าเราเลย มันแบบใจละลายที่ได้เห็นอะ ถึงฉันจะเป็นเพื่อนกับโนมาก็นานแล้วนะ เจอสายตาแบบนี้นับครั้งได้

    “เอาไปทำไมเหรอ”

    “พอดีมีแมวตกน้ำมาหัวเปียกนะครับกลัวจะเป็นหวัด ไม่รู้ว่าใช่แม่ของเจ้าแมวตัวน้อยสองตัวหรือเปล่า”

    น้ำเสียงที่ดูแซวสนุกจนทำให้พี่ไพวรรณหลุดขำหันมามองทางฉันที่ตอนนี้คือน้ำหยดลงพื้นไม่หยุดแล้วตอนนี้ คิดดูนะไปงานรับน้องที่ชมรมสภาพคือเหมือนโดนรับน้องมากกว่า เป็นถึงประธานมันก็จะต้องมีลุคหน่อย ลุคเท่ๆที่ไม่ใช่เป็ฯลูกแมวตกน้ำเมื่อกี้

    “พี่ไพวรรณ ทีหลังพี่อย่าพูดแบบนี้เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันหมดหรอก เราสองคนเพื่อนกัน”

    “พี่ว่าพี่เข้าใจถูกนะ ใช่ไหมโน?”

    ชญานนที่หันไปมองทางอื่นไม่ตอบคำถามที่พี่ไพวรรณถามและมันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม ที่ฉันต้องเป็นคนปฏิเสธว่าเพื่อนกันตลอด

    “พี่ไพวรรณ กลับเข้าเรื่องสักทีเถอะออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว แล้วก็ขอผ้าขนนหนูด้วย สรุปตกลงแมวเป็นไงบ้างครับ”

    พี่ไพวรรณที่พยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องหยิบผ้าขนหนูสีขาวมายื่นให้เจ้าตัวที่รับและรีบเช็ดผมตัวเอง พี่ไพวรรณหรือหมอวรรณก็ว่าได้ ตอนนี้อยู่ปีสี่เป็นผู้ช่วยดูแลที่นี่กับพวกรุ่นพี่อีกหลายคน และเป็นคนที่โชติกาและชญานนรู้จักดีเพราะ โชติกามักจะไปเมากับรุ่นพี่บ่อยและเมาทุกครั้งชญานนก็จะต้องเป็นคนไปลากกลับมาทุกรอบตั้งแต่ปีหนึ่งยันตอนนี้ ไม่แปลกใจที่ทำไมพี่ไพวรรณถึงคิด 

    “โอเคค่ะ เพื่อน้องโนของพี่ก็จะกลับเข้าเรื่อง คิดว่าจะได้เอาไปเม้ากันในกลุ่มโนเบลแล้วสิ”

    “พี่ไพวรรณ!!!!”

    เสียงของเขาที่เริ่มหนักแน่นและนั้นก็กำลังหมายถึงว่า ชญานนเริ่มไม่พอใจขึ้นมาแล้วสิ ฉันหันไปสบตากับพี่ไพวรรณที่กำลังดูอาการน้องทั้งสองตัว

    “แค่มีบาดแผลเล็กน้อย ขาก็ไม่หักแต่คงมีแค่หวาดกลัวอยู่แหละ และก็อยู่ในน้ำนานไปหน่อย ช่วงนี้ก็ต้องให้อาหารเหลวไปก่อน เออ..แล้วจะเอาไงต่อกับลูกแมวสองตัวจะเลี้ยงเองหรือว่าไง?”

    “เลี้ยงเอง!!!!”

    คำพูดของทั้งสองคนอย่างโชติกาและชญานนที่ตอบพร้อมกันทำให้พี่ไพวรรณแอบอมยิ้มให้กับทั้งสองคนไม่ได้เลย ฉันเห็นสองคนนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ไพลินน้องสาวพามาให้รู้จัก ก็รู้สึกว่าสองคนนี้มันมีอะไรในก่อไผ่ เพราะสายตาของโนวันนั้นมันเป็นสายตาของการชอบใครสักคน และวันนี้สายตานั้นก็มองเบลเหมือนเดิมแถมอาจจะมากขึ้นเป็นรักเลยก็ได้ เพราะทุกครั้งที่พวกเราคุยกัน โนมักจะคอยหันไปมองคนด้านข้างอย่างเบลตลอดมา

    “แล้วจะตั้งชื่อว่าอะไร???”

    “แซลมอน!!!”

    “บราวนี่!!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×