คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : วุ่นนัก...หลงรักคุณหนู ตอน 5 นายเบสท์เดินหน้า ผู้พิทักษ์หนุกหนาน
สารถีที่เมื่อบ่ายหน้ามุ่ยกลับบ้านอย่างอารมณ์ไม่ดี ตอนนี้กลับมาเริงร่าท่องราตรีกับเพื่อนฝูงเหมือนเช่นทุกวัน หน้าตาดี ๆ อย่างนายเบสท์ซะอย่าง หญิงมาติดตรึมไม่เว้นแม้แต่นางแบบหน้าใหม่ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ เจนนี่ สาวลูกครึ่งที่มางานเลี้ยงขอบคุณของห้องเสื้อที่เธอไปเดินแบบให้ก็ยังหลงเสน่ห์ของเขา
“ใครวะ เอ๊กซ์เชียว” เบสท์หันไปถามเพื่อนซี้ที่นั่งติดกันและชี้ไปทางวงปาร์ตี้ที่อยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน
“ตาถึงนี่หว่า คนนั้นน่ะ เจนนี่ นางแบบหน้าใหม่ที่โคตรฮอตอยู่เลยนะเว้ย ถ้านายสนก็จีบสิ ท่าทางเขาก็สนนายอยู่เหมือนกันเห็นเหลือบ ๆ มาหลายรอบแล้วนี่หว่า”
เมื่อมีแอลกอฮอลล์ผสมอยู่ในเส้นเลือด ความเจ้าชู้ก็ยิ่งออกลายมากขึ้น เบสท์เรียกบริกรที่เดินผ่านมาสั่งเครื่องดื่มพร้อมกระดาษเขียนแนะนำตัวไปให้นางแบบสาวที่เพียรส่งยิ้มมาให้ เมื่อเธอรับแก้วไปแล้วอ่านข้อความเธอก็หันมาส่งจูบให้เขาพร้อมรอยยิ้มยั่วยวนอันที่เป็นรู้กัน เขาไม่รอช้าลุกขึ้นร่ำลาเพื่อนฝูงที่โห่ฮากันใหญ่ในความโชคดีของเพื่อนรัก นายเบสท์เข้าไปแจมวงปาร์ตี้กับเจนนี่ได้ซักพัก ทั้งคู่ก็ขอตัวแยกออกไป ซึ่งทุกคนก็รู้กันโดยความนัยว่าหายไปไหนโดยไม่มีใครต้องพูดออกมา
“พี่เบสท์ ไปไหนมา” เบลล์รีบซักฟอกพี่ชายตัวดี หลังจากทานมื้อเช้าพร้อมกันเรียบร้อยและพ่อแม่ก็ออกไปทำงานแล้วด้วย
“ใช่ เมื่อคืนไม่กลับบ้าน ไปไหนมา” เบนซ์ทวนประโยคเดียวกัน
“ยัยแฝด เราสองคนเป็นแม่พี่หรือไง ถึงต้องมาซักกันแบบนี้ เมื่อก่อนก็ไม่เคยยุ่งกับพี่นี่หว่า นี่เพี้ยนอะไรขึ้นมาล่ะ” เบสท์ยังไม่ยอมตอบง่าย ๆ
“ก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก แต่เมื่อวานเห็นตั้งใจจะเดินหน้าจีบน้องไวน์ไม่ใช่เหรอ แล้วไหงถึงออกไปเที่ยวอีกแล้วล่ะ” เบนซ์อธิบายก่อนที่เบลล์จะเสริมต่อท้าย
“ใช่ เมื่อวานยังบอกอยู่เลยว่าน้องไวน์น่ะเอาจริง แต่ยังไม่ข้ามวันพี่เบสท์ก็ไปเที่ยวอีกแล้ว เราสองคนคิดผิดรึเปล่าที่ช่วยพี่น่ะ”
“คิดมากน่ายัยแฝด พี่บอกแล้วไงเรื่องหนูไวน์น่ะพี่เอาจริง แต่ตอนนี้มันยังไม่ลงตัวนี่นา เราสองคนจะให้พี่เฉาตายหรือไง”
“อ้อ นี่กะว่าจะจีบดะไปทั่วก่อนที่น้องไวน์จะโอเคว่างั้นเหอะ” เบลล์ประชดพี่ชายซึ่งเจ้าตัวกลับไม่เดือดร้อน ยอมรับหน้าตาย
“ฉลาดนี่ พี่ว่าเราสองคนไปทำงานเหอะ อย่ามัวแต่มาซักพี่เลย เสียเวลาเปล่า”
“เออ ระวังอย่าให้รถไฟชนกันล่ะ โดยเฉพาะน้องไวน์น่ะ ถ้าพี่เบสท์ทำน้องเขาเสียใจเมื่อไหร่ รับรองพี่เจอดีแน่ เชื่อขนมกินได้เลย” เบนซ์สาปแช่งพี่ชาย ก่อนจะสะบัดหน้าใส่แล้วเดินตามคู่แฝดไปทำงาน
เบสท์หัวเราะขำท่าทางของน้องสาวก่อนที่จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปตามจีบอีกหนึ่งสาวที่ถูกพาดพิงถึงเมื่อซักครู่ ก็เขายังไม่รู้เลยว่าหนูไวน์ตัวน้อยเนี่ยเรียนวันไหนเวลาไหนบ้าง มันก็ต้องไปนั่งเฝ้ากันซะหน่อย จะได้ทำคะแนนความเพียรพยายาม
เสียงฮือฮาของสาว ๆ เมื่อลงมาใต้ตึก ทำให้คนที่กำลังลงบันไดต้องสงสัยไปตาม ๆ กันว่ามีอะไรอยู่ที่ใต้ตึกกัน เพราะปกติถึงจะมีเสียงเอะอะบ้างแต่ก็ไม่ขนาดนี้
“เดี๋ยวฮันนี่วิ่งไปดูให้เองจ้า” มีสาวอาสาโดยไม่ต้องขอร้องก็ดีอย่างนี้แหละ เพื่อนในกลุ่มได้แต่ขำท่าทีกระตือรือร้นของเพื่อนสาวที่รีบวิ่งฝ่าผู้คน ซอกแซกลงไปก่อน แล้วก็วิ่งหน้าตื่นกลับมายืนหอบแฮก ๆ รายงานผล
“ใจเย็นฮันนี่ ไม่ต้องรีบเล่าก็ได้” แป้งสาวหวานช่วยลูบหลังให้เพราะเพื่อนท่าทางจะเหนื่อยจริง
“ไม่เย็นแล้วจ้ะ รู้ไหมว่าข้างล่างเขากรี๊ดกร๊าดอะไรกัน”
“จะไปรู้ได้ไง แกลงไปดูมาก็บอกมาสิ” ฝ้ายดักคอแบบไม่รักษาน้ำใจ แต่ฮันนี่ไม่ถือสาเพียงแค่ค้อนน้อย ๆ ไปให้เท่านั้น ก่อนจะหันไปจ้องไวน์โดยไม่พูดอะไร
“จ้องไวน์ทำไม หรือว่าพี่เบียร์มาจ๊ะ” ไวน์เดาสุ่ม เพราะตอนที่พี่ชายเคยมาหาก็มีเสียงอย่างนี้เหมือนกัน จำได้ว่าวันรุ่งขึ้นมีเพื่อนแวะเวียนมาถามเรื่องพี่ชายซะตอบไม่ทันเลย
“ไม่ใช่พี่เบียร์ แต่เป็นพี่เบสท์สุดหล่อต่างหากล่ะ” ฮันนี่บอกเสียงเคลิ้มฝัน จนแชมเปญร้องกรี๊ดออกมาด้วยอีกคน
“ต๊าย จริงเหรอเนี่ย งั้นฉันรีบไปหาพี่เบสท์ดีกว่า” พูดแค่นั้นแชมเปญก็ชิงวิ่งไปก่อน ตามด้วยฮันนี่โวยวายลั่นก่อนจะรีบตามไป ปล่อยให้อีกห้าสาวมองหน้ากันอย่างแปลกใจ มีเพียงสาวน้อยคนเดียวที่แก้มขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อ แถมใจยังเต้นแรงอีกด้วย เดินก้มหน้าก้มตาตามเพื่อนรักลงบันไดไป
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนยิ้มประจบเมื่อเห็นสาวน้อยที่หมายตาเดินตรงมาที่โต๊ะที่เขานั่งอยู่ โดยมีสายตาขุ่นคลักของสาวห้าวส่งมาขนาบ แต่อย่างไรมารยาทอันดีงามที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี ก็ทำให้ทั้งห้าสาวยกมือขึ้นไหว้เขาตามลำดับอาวุโส
“พี่เบสท์มาทำไมคะ” คำถามแสนตรงที่ไม่มีการเกริ่นนำของสาวห้าวเล่นเอาเขาตั้งหลักแทบไม่ทัน อีกทั้งเพื่อน ๆ ก็อ้าปากหวอมองคนถามอย่างตกใจ แต่เมื่อตั้งสติได้เบสท์ก็ตอบแบบตรงไปตรงมาที่สุด ก็ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดฉากกีดกันมาชัดอย่างนี้ ทางเดียวที่จะชนะใจสาวน้อยและเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายได้ก็คงต้องใช้ความจริงใจเท่านั้นแหละไม่งั้นก็อย่าหวังฝ่าด่านไปได้เลย
“มารับสาว ๆ ไปทานข้าวครับ”
“ขอบคุณนะคะ แต่พวกเราไปหาอะไรทานกันเองได้” ฝ้ายตอบปฏิเสธอย่างไม่ปรึกษาใคร เรียกเสียงโวยวายจากสองสาวเทียมแต่ไม่ได้จริงจังนัก
“ไปเถอะฝ้าย มีเจ้ามือเลี้ยงก็ดีออกไม่เปลืองตังค์ดีด้วย ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่มีเรียนแล้วนี่” แซนด์สาวเปรี้ยวกลับตอบรับขัดแย้งกับเพื่อน ที่ตอนนี้หันมาจ้องหน้าเอาเรื่องกับสาวสวย แต่อีกสองสาวกลับทำท่าดีอกดีใจสนับสนุนเต็มที่
“นั่นสิฝ้าย ไปเถอะ นะ นะ” ฮันนี่ทำเสียงออดอ้อนได้น่าอัดมากกว่าน่ารัก ฝ้ายทำท่าจะค้านแต่พอมองหน้าแซนด์อีกครั้ง เธอก็ได้เห็นข้อความบางอย่างที่ส่งมาทำให้หันไปถามชายหนุ่มหนึ่งเดียวโดยคำถามเป็นเหมือนการตอบรับว่าจะไปด้วยแต่โดยดี
“แล้วพี่เบสท์จะพาไปทานที่ไหนคะ”
“ห้างของพี่ดีไหมครับ มีให้เลือกหลายร้าน” เบสท์รีบตอบทันทีเพราะกลัวเพื่อนตัวดีของสาวน้อยจะเปลี่ยนใจ เขาก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เธอยอมเปลี่ยนใจ แต่ตอนนี้ก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้ก่อน
“หมายความว่าร้านไหนก็ได้ใช่ไหมคะ” แซนด์ย้อนถาม
“ครับ แล้วแต่น้อง ๆ จะเลือกเลย พี่ทานได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“ก็ได้ค่ะ อย่างนั้นไปเจอกันที่ห้างนะคะ” ฝ้ายตกลงโดยไม่ถามคนอื่นเหมือนเดิมก่อนที่ฉุดข้อมือลากสาวน้อย ให้ไปรถตัวเองแถมพ่วงด้วยสองสาวหวาน ส่วนอีกสองสาวเทียมก็ไปรถของแซนด์ ทิ้งให้ชายหนุ่มที่อาสาเป็นเจ้ามือต้องขับรถไปคนเดียว ก่อนที่จะแยกย้ายไปขึ้นรถ ฝ้ายกับแซนด์ก็มองตากันเหมือนจะสื่อความนัยบางอย่างโดยไม่ได้พูดออกมา แต่ทั้งคู่ก็เข้าใจกันดี ไม่ใช่เรื่องยากเลยในเมื่อ พวกเธอต่างมีหน้าที่ดูแลสาวน้อยเหมือนกันทุกคน ดังนั้นในรถของสี่สาวจึงไม่มีหัวข้ออะไรแปลกประหลาด ผิดกับรถอีกคันที่มีสองอยากสาวนั่งอยู่ด้วย คันนั้นน่ะเริ่มเตรียมแผนการพิสูจน์ชายหนุ่มกันอย่างสนุก วันนี้ขอแกล้งแค่เบาะ ๆ ก็พอ ถ้ายังกล้ามาอีกค่อยหากระบวนยุทธกันใหม่
มื้อเที่ยงในร้านอาหารชื่อดัง ดูสนุกสนานสำหรับสาว ๆ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกเบื่อ ๆ ในเมื่อเขาไม่ค่อยได้มีโอกาสได้คุยกับสาวน้อยบ้างเลย เหมือนเมื่อวานไม่มีผิดที่ได้ยินเสียงใส ๆ แค่ไม่กี่คำ แต่ก็เอาเถอะ เรื่องอย่างนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปรีบร้อนไม่ได้ ดีเท่าไหร่แล้วที่แม่สาว ๆ จะไม่ค่อยแผลงฤทธิ์อย่างที่เขากลัว แต่เท่าที่ดูรายการอาหารที่แม่เจ้าประคุณทั้งหลายสั่งแล้ว เขาก็ออกอาการอึ้งไม่น้อย สั่งมาก็เยอะ แต่ละเมนูนี่เล่นเหมาแต่ของแพงทั้งนั้น เรื่องราคาน่ะไม่ว่ากันหรอก แต่เจตนานี่สิดูก็รู้ว่าคิดอยากจะแกล้งถล่มเขาเป็นการเตือนแน่ ๆ
เอาเป็นว่ามื้อนี้ไม่เสียเที่ยวเท่าไหร่เพราะอย่างน้อยเขาคงได้คะแนนพอดู หลังจากที่เล่าว่ามารอสาว ๆ ตั้งแต่ที่ทุกคนเข้าเรียนวิชาแรกไปไม่เท่าไหร่ นั่นก็หมายความว่าชายหนุ่มต้องนั่งแกร่วอยู่เกือบสามชั่วโมงกว่าจะได้เจอทุกคน หนูไวน์ของเขาถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็มีรอยยิ้มอ่อน ๆ เมื่อแชมเปญสรรเสริญความอดทนของเขา
เมื่อสาว ๆ ยืนยันว่าไม่ต้องไปส่ง เขาก็เลยเปลี่ยนทิศทางไปหาน้องสาวที่คิดว่าป่านนี้คงเข้าอ๊อฟฟิศมาทำงานแล้ว กะว่าจะรายงานพฤติกรรมซะหน่อย แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่ก็เจอเข้ากับเจนนี่ นางแบบที่เขาเจอเมื่อคืนเสียก่อน เธอบอกมาเดินซื้อของแก้เซ็งและขอให้เขาเดินเป็นเพื่อน แน่นอนสุภาพบุรุษอย่างเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร การควงนางแบบก็เป็นสีสันอย่างหนึ่งในประวัติเพลย์บอยของเขาเหมือนกัน
หลายวันมาแล้วที่ตึกคณะนี้มีชายหนุ่มแสนจะหน้าตาดีมานั่งรอสาวกลุ่มใหญ่ทุกวัน บางวันก็หิ้วขนมมาฝากมากมาย บางวันก็มีช่อดอกไม้มาให้สาวน้อยคนสวยอีกด้วย ถึงแม้จะโดนค่อนขอดว่าลำเอียง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะท่าทีที่แสดงออกก็ชัดเจนเหลือเกินว่าเขามาที่นี่ก็เพื่อมาพบใคร แน่นอนว่าเมื่อเฝ้ากันมาเป็นอาทิตย์ก็ทำให้เบสท์รู้ตารางเรียนของสาวได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงไม่ต้องมานั่งแกร่วเป็นชั่วโมงอีก แค่กะเวลาให้พอดีก็พอ
หมดกำหนดเที่ยวเตร่ที่บิดาให้กับเขาแล้ว แต่หนูไวน์ยังไม่ใจอ่อนยอมคบกับเขาเสียที ทุกวันนี้นอกจากโผล่หน้าไปทำคะแนนทุกวัน เขาก็หาความสุขเล็ก ๆ น้อยโดยการออกไปเที่ยวกับนางแบบสาวตอนกลางคืน หรือว่าวันหยุดที่สาวน้อยไม่มีเรียนเลยไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัย ขนาดไปทุกวันยังฝ่าด่านเพื่อนทั้งหลายไม่ได้ซักที แล้วนี่ถ้าไม่ได้ไปเขาจะสานสัมพันธ์ต่อได้อย่างไร เมื่อคิดดีแล้วนายเบสท์ลองเสี่ยงกับบิดาดูซักครั้ง ขอยืดเวลาการเข้าไปทำงานออกไปก่อนโดยให้เหตุผลว่าเขากำลังหาของขวัญสุดพิเศษที่พ่อกับแม่ต้องดีใจมาให้ คุณเหนือพอจะรู้มาบ้างว่าตอนนี้ลูกชายตัวดีกำลังทำอะไรอยู่ จากการที่ทำตัวได้สม่ำเสมอขนาดนี้แสดงว่าเจ้าตัวคงเอาจริง เขาเลยอยากลองให้โอกาสดูแต่จะยอมซะทีเดียวก็คงไม่ได้เพราะเขาต้องการให้ชายหนุ่มได้เรียนรู้งาน ดังนั้นนายเบสท์จะต้องเข้าบริษัทอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมงเพื่อไปเรียนงานแต่เวลาที่เหลืออยากไปทำอะไรก็ได้ โดยเขาไม่กำหนดด้วยซ้ำว่าต้องเข้ามาเวลาไหน
“พี่เบสท์คะ ไม่มีการมีงานต้องทำเหรอคะ มาได้ทุกวันเชียว” ถามอย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนถาม ชายหนุ่มต้องอดทนกับเพื่อนคนนี้ของหนูไวน์อย่างมาก ทุกวันที่มาจะต้องโดนฝ้ายแกล้งสารพัด บางวันก็ให้ไปช่วยถือหนังสือมาจากห้องสมุด บางวันก็ใช้ให้เขาวิ่งไปซื้ออะไรมาให้พวกเธอทานตั้งหลายรอบ บางวันก็แกล้งสั่งส้มตำสูตรพิเศษมาให้เขาทานจนลิ้นแทบลุกเป็นไฟ และที่ชอบที่สุดก็คือการถามอะไรที่ไม่ค่อยเข้าหูเขานั่นแหละ
“แกไปถามพี่เบสท์สุดหล่ออย่างนั้นได้ยังไง” ฮันนี่ออกโรงปกป้องสุดฤทธิ์
“ใช่ เสียมารยาทที่สุด” แชมเปญค้อนเพื่อนรักน้อย ๆ แทนชายหนุ่มอีกต่างหาก ตอนนี้สองสาวเทียมเริ่มใจอ่อนลงแล้วหลังจากเห็นความพยายามของเขาแต่ก็ยังร่วมมือกับฝ้ายอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะเขาพอจะหาแนวร่วมได้บ้างก็ดีใจจะแย่
“มีครับ ช่วงนี้พี่กำลังเรียนงานอยู่ครับ แต่ว่าไม่ต้องเข้าไปทั้งวัน ช่วงที่น้อง ๆ เรียนพี่ก็ไปทำงาน พอน้อง ๆ ว่างพี่ก็เลิกงานพอดีไงครับ” เบสท์ตอบอย่างใจเย็นทั้งที่ตอนนี้กำลังเดือดปุดที่น้องฝ้ายตัวดีไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาซักที
“พี่เบสท์ก็ต้องเรียนงานเหมือนกันไม่น่าต้องเหนื่อยมาที่นี่เลยนะคะ” หนูไวน์บอกด้วยเสียงอ่อนโยน เกรงใจที่ชายหนุ่มมาที่นี่ทุกวัน ถึงแม้จะปลื้มไม่น้อยที่เขายอมเหนื่อยมาหาเธอแต่มันก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนี้ แม้ว่าจะยังขัดเขินอยู่บ้างเวลาพูดกับเขา แต่ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะความเพียรของชายหนุ่มที่ยอมมาเฝ้าทุกวัน เธอเลยเริ่มเคยชินที่จะได้คุยกับเขาบ้างถึงแม้จะไม่มากก็ตาม
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ แค่เห็นหน้าหนูไวน์ก็หายแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่นะครับ” ชายหนุ่มยิ้มหน้าบานเมื่อได้รับความห่วงใยจากสาวที่หมายปอง แววตาเขาสื่อชัดถึงความรู้สึกยินดีจ้องมองหนูไวน์จนเธอเสไปมองทางอื่นด้วยความเขินพร้อมกับรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มเมื่อรู้ว่าเขายังไม่เลิกมองเธอด้วยสายตาหวานซึ้ง แล้วมารผจญก็ทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม เมื่อฝ้ายร้องเรียกขัดจังหวะ
“ไวน์ ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนฝ้ายหน่อยสิ” ไม่รอแม้คำตอบเธอดึงมือสาวน้อยไปต่อหน้าต่อตา ทิ้งให้นายเบสท์นั่งหน้าจ๋อยในวงล้อมสาว ๆ ที่เหลือ ซึ่งมองอย่างช่วยอะไรไม่ได้
เบสท์ยังไม่รู้ความจริงอีกข้อที่ถ้าเขารู้คงดีใจแน่ ก็ถึงแม้เขาจะถูกกีดกันจากฝ้ายอย่างออกนอกหน้าแต่เธอก็ยังไม่โทร.ไปรายงานเรื่องเขากับพี่เบียร์พี่ชายจอมหวงน้องสาวเลยซักครั้ง เพราะถ้าพี่เบียร์รู้ก็รับรองได้เลยว่าเขาคงไม่ได้มานั่งเฝ้าสาวน้อยทุกวันอย่างนี้แน่ แค่นี้ก็เป็นสัญญาณได้อย่างหนึ่งแล้วว่าเขาอาจมีสิทธิ์ที่จะผ่านด่านผู้พิทักษ์ไปได้ พวกเธอเคยแอบคุยกันโดยที่สาวน้อยไม่รู้เรื่อง ประเด็นก็คือนายเบสท์ ซึ่งตอนนั้นถึงแม้ฝ้ายจะยังไม่ยอมรับผู้ชายคนนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากขัดเพื่อน ๆ เพราะเห็นว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มมีความประพฤติพอใช้ในสายตาเธอ ถ้าเขาสามารถทำตัวเข้าท่าได้ถึงเทอมหน้า เธอก็อาจลองเปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดสาวน้อยได้มากกว่านี้ คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าช่วงเวลาจากวันนี้จนกระทั่งช่วงปิดเทอมเขาจะสามารถทำให้พวกเธอเปิดทางได้ไหม
ความคิดเห็น