ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic B.A.P] Le Ciel Bleu (The Blue Sky) - BangChan

    ลำดับตอนที่ #4 : Nightmare & Beautiful Dream

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 73
      0
      5 มิ.ย. 58

                                                             

       Le Ciel Bleu 4 

     Nightmare & Beautiful Dream


     

     

     

     Can be a nightmare or a beautiful dream











     

    นิ้วมือเรียวสวยหยิบผ้าเช็ดตัวสองขนาดจากชั้นวางหินอ่อนในห้องน้ำที่ถูกม้วนพับเตรียมไว้เป็นอย่างดี สะบัดผมที่เปียกชื้นของเขาไปมา ก่อนนำผ้านุ่มสีขาวขนาดกลางวางไว้บนศีรษะ และพันผ้าผืนใหญ่ให้เข้ากับลำตัวท่อนล่าง เขารู้สึกสบายตัวขึ้นเมื่อได้อาบน้ำอุ่นร้อนๆ

     

    แสงไฟจากโคมไฟตรงหัวเตียงเพียงสองดวง กระทบเข้ากับผิวสีสวยออกเหลืองนวลมากกว่าจะเป็นขาวจัด หยดน้ำยังเกาะอยู่ตามแผงอกแกร่ง บางส่วนไหลเรื่อยมาตรงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ดูสมบูรณ์แบบ ไหล่หนาและกล้ามแขนที่กำยำขยับเคลื่อนไหวจากการที่เขาขยี้ผ้าสีขาวลงบนหัวเพื่อเช็ดผมที่ยังเปียกชื้น



    ก้าวขายาวๆ พาเรือนร่างที่ไร้ไขมันของเขา มาชิดที่ขอบหน้าต่างบานกว้าง แหงนเสี้ยวหน้าคมเข้มขึ้นมองดูท้องฟ้าที่มืดสนิท ไร้แม้แต่แสงดาว ก่อนเดินเรื่อยไปยังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากไม้อย่างประณีตตั้งอยู่ชิดผนังตรงข้ามกับเตียงนอนหรูหรา นิ้วเรียวหยิบแท็บเล็ตขนาดกะทัดรัดขึ้นมา เพื่อพิมพ์ส่งข้อความ....

     

                                                      Uncle Joe, I have my new project to discuss with u, I’ll call u tmr.

                                                              (ลุงโจ ผมมีโปรเจคตัวใหม่จะปรึกษากับลุงครับ ผมจะโทรหาพรุ่งนี้นะ)               

     

    ค่อยๆ วางแท็บเล็ตสีดำไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม หากแต่สมาร์ทโฟนบางเฉียบที่วางไว้บนเตียงก็ส่งเสียงเตือนว่ามีสายเรียกเข้า แอบยิ้มละมุนที่มุมปากเล็กๆตามนิสัยของเจ้าตัว ก่อนจะเดินไปกดรับและพูดคุยกับปลายทาง

     

    “ลุงโจ ผมไม่ได้อยากกวนตอนนี้เลยนะ แต่ขอบคุณครับที่โทรมา”  ยิ้มกว้างแสดงความดีใจที่ผู้อาวุโสที่เขาเคารพโทรกลับมาหาเขาด้วยความรวดเร็ว


    “ก็มีโปรเจคให้คนแก่ทำทั้งที ดีใจจะแย่” เสียงผู้ชายวัยกลางคนตอบกลับอย่างอ่อนโยนด้วยสำเนียงชาวอังกฤษแท้


    “แล้วคราวนี้เป็นอะไร พอบอกคร่าวๆได้ไหม”


    ขายาวเรียวก้าวยาวๆ มาทางที่หน้าต่างอีกครั้ง เพื่อมองดูฟ้าที่มืดสนิท แต่ตอนนี้เขากลับได้ยินเสียงท้องฟ้าเริ่มคำราม


    “เป็นแมนชั่นริมหน้าผาริมหาดครับ อืม.... ที่แถวๆนีซ อาจต้องถมที่และมีงานเจาะหน้าดินบริเวณหน้าผา เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดทั้งหมดไปให้ทางเมล์นะครับ


    “นีซ เฟรนซ์ ริเวียร่า..... แถวนั้นมีหน้าผาริมหาดไว้ให้สร้างบ้านอีกเหรอ” ปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัย


    “พื้นที่ริมหน้าผาด้านล่างของปราสาท เลอ ซิ-เอล เบลอ น่ะครับ อ่านยังงี้รึเปล่าผมไม่แน่ใจ” เสียงแหบต่ำตอบกลับด้วยความไม่แน่ใจสำหรับชื่อของปราสาทในภาษาฝรั่งเศส


    “หา.... จริงเหรอ ที่นั่น .... อืม..”


    ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ต้นสายก็พูดขัดขึ้นด้วยความอยากรู้


    “ลุงโจรู้จักเหรอครับ”


    ปลายสายนิ่งเงียบไป... เหมือนกับครุ่นคิดถึงคำตอบที่จะมอบให้กับผู้ถาม


    “เคยไปช่วยเจ้าของคนเก่าซ่อมแซมตัวปราสาทมา”


    “เจ้าของคนเก่า..ใครเหรอครับ ปราสาทถูกเปลี่ยนมืองั้นเหรอครับ”


    “ไม่ใช่แบบนั้น...คือ เจ้าของคนเก่าพอเสียไป ก็รู้สึกจะเขียนพินัยกรรมยกที่นั่นให้หลานชายนะ ถ้าลุงจำไม่ผิด ก็ยังเป็นของคนในตระกูล เดอ ฟลอเร่ เหมือนเดิม”

     

    "เดอ ฟลอเร่ งั้นเหรอครับ... อืม..."  เขางุนงงกับชื่อตระกูลของเจ้าของปราสาทที่เพิ่งได้ยิน และกำลังประมวลผลความคิด




    เปรี้ยงงงงงงงงงง !  

     



    เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมทั้งเสียงฟ้าร้องที่ดังเข้ามาใกล้ๆ อาจเป็นเพราะปราสาทหลังนี้อยู่สูงจนแทบจะเอื้อมแตะท้องฟ้าได้ ไม่นานเม็ดฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก หน้าต่างบานกว้างถูกหยาดน้ำไหลเกาะอย่างพรั่งพรูไม่ขาดสาย “ฝนหลงฤดู” เขาคิดในใจ พลางแหงนหน้ามองฟ้าอีกครั้ง ทันเห็นแสงสีเงินแลบที่ตรงขอบฟ้าอยู่ไกลๆ


     

    ก่อนที่เขาจะกล่าวถามอะไรต่อ สมาร์ทโฟนเครื่องงามก็สั่นขึ้น แสดงหน้าจอว่ามีอีกสายโทรซ้อนเข้ามา



    “ลุงโจครับ ไม่รบกวนดีกว่าเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไป แล้วจะโทรหาลุงพรุ่งนี้อีกทีนะครับ กู้ดไนท์ครับ”  ปลายสายบอกกู้ดไนท์เขากลับมา ก่อนที่จะจบบทสนทนา 

     

     

    หน้าจอมือถือแสดงชื่อ Yoo Youngjae เป็นสายที่โทรซ้อนเข้ามา เขากดรับ


     

    “ยองแจกลับมาแล้วรึยัง มีอะไรเอ่ย” โทนเสียงต่ำแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนทักทายน้องชายของเขา



    “ครับโทรมาจะบอกพี่ยงกุกว่า คืนนี้ผมจะนอนที่ชาโตว์ข้างล่างที่อ่าวนะครับ เพราะจู่ๆฝนก็ตกหนักเลย คุณอังเดรก็คงนอนที่นี่เหมือนกัน แล้วยังไงเจอกันตอนเช้าที่ข้างเลยนะครับ เพราะพี่ฮิมชานจะลงมารับก่อนเข้าปารีสไปด้วยกันทีเดียว”



    “โอเค ได้สิ แล้วเจอกัน”



    “เอ่อ พี่ยงกุกเดี๋ยวครับ คือ.... มีเรื่องจะรบกวนหน่อยครับ.... คือ.....” น้ำเสียงดั่งแก้วใสฟังดูร้อนรน



    “ถ้าจะไม่เป็นการรบกวน อยากให้ช่วยไปดูพี่ฮิมชานหน่อยน่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขาจะหลับแล้วรึยัง แต่ปกติเวลาตอนกลางคืนถ้าฟ้าร้องเสียงดังแถมฝนตกหนักขนาดนี้ พวกเรา...ไม่ค่อยอยากปล่อยให้พี่เขาอยู่คนเดียวน่ะครับ”



    “ยองแจหมายถึง พี่ฮิมชานกลัวฟ้าร้องงั้นเหรอ” เขาลอบยิ้มที่มุมปาก นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มตาคมหน้านิ่งเหมือนรูปปั้นคนนั้นจะกลัวเสียงฟ้าร้องเหมือนเด็กๆ         



    “พี่ฮิมชานไม่ได้กลัวเสียงฟ้าร้องครับ แต่เพราะเสียงฟ้าร้องหรือเวลาที่ฝนตกหนักทุ้กครั้ง พี่เขา...อาจจะฝันร้าย” 


    น้ำเสียงหวานพูดตอบอย่างแผ่วเบา หากผู้ฟังจับได้ถึงความเศร้าแกมกังวลปนอยู่ในน้ำเสียงนั้น


     

    เขาตบปากรับคำกับน้องชายก่อนจะวางสายไป ก้มลงมองดูเนื้อตัวที่แทบจะเปลือยเปล่า ท่อนล่างที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เพียงผืนเดียว โดยตอนแรกกะว่าจะเข้านอนเลยหลังจากอาบน้ำเสร็จ ซึ่งนิสัยติดตัวของเขามาแทบทั้งชีวิตคือไม่ชอบมีเสื้อผ้าติดกายเวลานอน

     


    ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะหันไปมองกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ถูกตระเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยเพื่อการเดินทางในวันพรุ่งนี้ แต่ด้วยความขี้เกียจและเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทำให้เขาไม่อยากเปิดกระเป๋าเพื่อรื้อข้าวของออกมาและต้องเก็บใหม่ หากจะต้องหาชุดใส่เพื่อไปดูเจ้าของบ้านในเวลานี้ พลางนึกขึ้นได้ถึงชุดคลุมสีขาวที่แขวนเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำหรู เขาจึงรีบเดินก้าวยาวๆ คว้าเสื้อคลุมสีขาวนิ่มๆ มาสวมใส่และผูกสายรัดให้เรียบร้อยเพื่อความรัดกุม


     

    ยืนสำรวจตัวเองอีกครั้งหน้ากระจกยาวบานใหญ่ เขาหวังว่าคงไม่มีอะไรจะโผล่ออกมาดูน่าเกลียด จนทำให้เจ้าของบ้านจะคิดว่าเขาจะเข้าไปทำมิดีมิร้าย จนโดนไล่ตะเพิดออกมาเสียก่อนละกันนะ รอยยิ้มเบาๆที่มุมปาก และแววตาที่ดูแพรวพราวคู่นั้นของคนที่ส่องอยู่ตรงหน้าสะท้อนออกมาทางกระจกอย่างปิดไม่มิด

     


    _________________________________________________________________________________________________________




    ทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟบนฝาผนังส่องพอให้เห็นทาง เขาพอจำทางเดินไปห้องเจ้าของบ้านได้ จากในระหว่างที่เดินกลับห้องนอนของแต่ละคนหลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารเย็นวันแรก นึกทบทวนจากการที่ยองแจหยุดพูดคุยกับเขาที่หน้าประตูห้องนอน ก่อนที่คนที่เดินตามมาเงียบๆ จะเดินตรงขึ้นไปอีก และเหลียวหายไปทางมุมทางโค้งของทางเดิน เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปตามทางเดินนั้น หลังจากเหลียวโค้งตรงมุมทางเดิน ประตูไม้สีเข้มสองบานที่ถูกปิดเข้าหากันปรากฏอยู่ตรงหน้า ไฟสลัวตรงทางเดินที่หน้าห้อง ทำให้เห็นว่าต้องก้าวขึ้นบันไดเล็กๆ ไปอีกสามขั้นเพื่อจะเปิดประตูห้องนั้น

     

     

     

    เขายืนลังเลอยู่หน้าห้องว่าควรจะต้องทำยังไงต่อไป สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะเคาะประตูเบาๆ 




    “คุณฮิมชาน....”

     


    แอ๊ด



    เสียงประตูไม้บานหนึ่งที่ไม่ได้ถูกปิดล็อคให้สนิทค่อยๆ เปิดออกตามแรงเคาะ เขาดึงสายรัดชุดคลุมให้กระชับเข้ากับลำตัวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก่อนค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้อง


     

    ห้องนอนดูโอ่โถงเพราะด้วยขนาดที่ใหญ่โตและเพดานทรงสูง ตรงกลางเพดานห้องมีโคมไฟคริสตัลช่อใหญ่ที่มีสายระโยงระยางไปมาทำจากผลึกแก้วใส ดูสวยงามส่องประกายระยิบระยับในห้องที่เกือบจะมืดสนิท หากไม่มีแสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟทรงสูงตั้งพื้นตรงมุมห้อง

     

    เขาเดินผ่านชุดโซฟาหนังสีน้ำตาลเรียบที่จัดวางไว้ด้านหน้าของชุดโฮมเธียเตอร์ขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งอย่างสวยงามให้แนบสนิทไปกับชั้นวางหนังสือขนาดยักษ์ที่ด้านล่างมีเตาผิงให้เข้ากับลักษณะของชั้น


     

    ดูปราดเดียวคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง ก็รู้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่ถูกตกแต่งขึ้นมาใหม่ อาจตามรสนิยมของผู้ใช้ แลดูทันสมัยแต่ก็มีความคลาสสิกที่เข้ากันได้อย่างลงตัว รวมไปถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ตรงหน้า ชุดเครื่องนอนสีขาวที่ด้านบนเป็นผ้าห่มบุด้านในด้วยเนื้อผ้าชั้นดีดูหนานุ่มและให้ความอบอุ่นแก่เจ้าของเตียง

     

    เขายืนอยู่ตรงปลายเตียง และยื่นหน้าเข้าไปมองร่างสูงเพรียวที่ตอนนี้กำลังนอนหงาย และหน้าอกกำลังขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะหายใจที่สม่ำเสมอ ดูเหมือนจะหลับสนิทดี

     

    เสียงฝนยังตกลงมาอยู่ไม่ขาดสาย ฟ้าร้องคำรามเป็นระยะ เม็ดฝนสาดใส่ประตูสองบานที่ตกแต่งด้วยไม้สีขาวทำเป็นตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรื่อยไปทั้งกรอบ ตามช่องว่างของสี่เหลี่ยมคือกระจกใสที่สามารถมองเห็นระเบียงกว้างด้านนอกได้

     

    คนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติดี จึงจะเดินกลับออกไป


    แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียง   คนพูดพึมพำแว่วมา เสี้ยวหน้าคมสันจึงหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงกว้างอีกครั้ง


     

    สังเกตเห็นว่าผมสีน้ำตาลเส้นเล็กสวยสะบัดเบาๆ ตามแรงเหวี่ยงของศีรษะเจ้าของที่เคลื่อนไหวอย่างกระสับกระส่ายไปมา  ขายาวๆของเขาก้าวอย่างช้าๆ ค่อยๆเดินไปข้างเตียงกว้าง ก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้หนังที่วางไว้ไม่ไกลจากบริเวณนั้นเข้ามาชิดใกล้กับข้างเตียงด้านที่ติดกับเจ้าของเตียงนุ่มมากที่สุด ค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงไป และเฝ้ามองคนตรงหน้าที่เริ่มแสดงอาการแปลกๆ อย่างห่วงใยและเป็นกังวล


     

    เหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากใบหน้าขาวนวลที่ตอนนี้ออกสีส้มๆ ตามแสงไฟที่ส่องให้เห็นสลัวๆ เส้นผมดูยุ่งเหยิงปรกลงมาที่หน้าผากเพราะการเหวี่ยงของศีรษะไปมาเริ่มถี่ขึ้น มือที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวกำเข้ากับผ้าห่มไว้แน่น


    เสียงบ่นพึมพำค่อยๆ รอดออกจากปากหยักสวยได้รูป


    “พ่อ....แม่.....”


     

    “พ่อ....แม่....... หายไปไหน”


     

    คนที่นั่งมองร่างบนเตียง ได้ยินเสียงทุ้มค่อยๆพูดออกมา


     

    “อือ.... ฮึก.... อื้ออ.... ไม่ ๆ พ่อ ... แม่...”


     

    เหมือนจะได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นและคร่ำครวญจากคนบนเตียงมากขึ้น เขาได้แต่เฝ้ามองด้วยความตกใจและทำอะไรไม่ถูก 



    เขาควรจะปลุกให้คนตรงหน้าตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนี้ไหม หรือว่าเขาควรจะทำยังไง


     

    ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น ศีรษะของอีกฝ่ายก็ส่ายไปมาบนหมอนนุ่ม เหมือนต้องการจะหนีจากอะไรสักอย่าง เหงื่อซึมออกมาตามใบหน้า และลำคอระหง ริมฝีปากแดงถูกเม้มกัดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว


     

    “พ่อ.....แม่ ไม่อยู่จริงๆ ไม่ๆ ไม่จริง .....” เสียงที่เปล่งออกมาช้าๆ ฟังดูเลื่อยลอยและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อ้างว้างเดี่ยวดาย  

     

     

    “ฮึก...ฮือๆ .. “ เสียงสูดอากาศฟึดฟัด หายใจดูติดขัดเป็นช่วงๆ  


     

    เขาค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้กับขอบเตียงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มองเห็นร่างเพรียวบนเตียงให้ได้อย่างชัดเจน

     

     

    เหมือนเขาแทบจะไม่ได้ยินเสียงฝนที่ยังตกลงมาไม่ขาดสายในตอนนี้  เพราะสมองของเขาเปิดประสาทรับรู้ให้ได้ยินแค่เพียงเสียงสะอื้นไห้ของคนตรงหน้า  นี่เป็นเพียงฝันร้ายจริงๆงั้นเหรอ  แต่ทำไมใบหน้าที่ปกติจะเรียบเฉยเหมือนดั่งรูปปั้นถึงบิดเบี้ยวไปมา คิ้วบางได้รูปถูกขมวดเข้าหากันจนทำให้หน้าผากย่น ใบหน้าที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าอันงดงาม ตอนนี้กลับแสดงความรู้สึกโศกเศร้าออกมาอย่างชัดเจน  

     

     

    น้ำใสๆ จากหางตาเรียว ค่อยๆไหลออกมาช้าๆ เลอะเปียกบนหมอนนุ่ม ราวกับจะแข่งกับสายฝนที่ยังตกอยู่ข้างนอก

     

     

    นิ้วมือเรียวสวยค่อยๆแตะซับน้ำตาบนผิวแก้มนวลของอีกฝ่ายเบาๆ ทั้งสองด้านอย่างอ่อนโยน ปัดผมยุ่งเหยิงที่หล่นมาปรกใบหน้าเพื่อให้หน้าผากถูกเปิดออก ก่อนที่จะวางฝ่ามือบนศีรษะได้รูปอย่างเบามือ และค่อยๆ ลูบน้อยๆ

     

     

    มืออีกข้างที่ว่าง ยื่นมาดึงมือนิ่มๆ ที่กำผ้าห่มไว้แน่นให้ค่อยๆ คลายออก เขาจับมือของอีกฝ่ายไว้แน่น ราวกับจะส่งผ่านความห่วงใยจากใจของเขาเพื่อไปปลอบประโลมให้อีกฝ่ายได้หายเศร้า

     

    สายตาของเขาที่ทอดมองคนตรงหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและปรารถนาดี มือสวยก็ค่อยๆลูบหัวของอีกฝ่ายอย่างเบามือไปเรื่อยๆ รู้สึกถึงผมเส้นเล็กนิ่มมือนั้น ยิ่งทำให้เวลานี้คนตรงหน้าดูเปราะบางราวกับจะแตกได้ง่ายๆ

     

    จู่ๆ เสียงเพลง Träumerei  ที่บรรเลงโดยคนที่กำลังนอนฝันร้ายตรงหน้าก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เขาคิดถึงภาพของคุณแม่ที่คอยปลอบและอยู่ข้างๆเขาแบบนี้เช่นกัน หากเมื่อใดก็ตามที่เขาฝันร้ายเมื่อยามเป็นเด็ก หวังว่าจะช่วยได้นะ

     

    คิ้วบางน้อยๆ จากที่ผูกเป็นปม ค่อยๆคลายออก รวมไปถึงใบหน้าที่งดงามนั้นก็ดูหลับพริ้ม คำบ่นอย่างล่องลอยและเสียงสะอื้นหายไป ปากหยักสวยได้รูปเหมือนพ่นลมออกมาเบาๆ ในบางที อย่างคนหลับสนิท คนที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนยิ้มออกมาได้จนตาหยี เพราะรู้สึกดีใจที่ทำให้คนตรงหน้าหลุดจากฝันร้าย เม็ดฝนที่ตกลงมาด้านนอกเริ่มบางลง

     

    หากแต่..... มือกลมที่มีนิ้วยาวๆ ที่เขาจับเอาไว้กลับไม่ยอมคลายออก แต่กลับยึดมือเรียวสวยของเขาไว้แน่นราวกับจะไม่ยอมให้หายไปไหน กระแสความอบอุ่นจากร่างกายของทั้งสองฝ่ายเริ่มแผ่ออกมา ผ่านมือที่กอบกุมกันเอาไว้


     

    ทำยังไงดี....ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าที่ผ่านมาทั้งวันเริ่มเข้ามาครอบคลุม จนทำให้สมองของคนที่นั่งอยู่ไม่สั่งการ เปลือกตาหนักๆ เริ่มค่อยๆ ปิดตัวลงเข้าหากัน หัวสวยได้รูปจึงวางเบาๆ ไปบนที่นอนนุ่มๆ และต่างฝ่ายต่างก็เข้าสู่ภวังค์ของแต่ละคน

     

    ________________________________________________________________________________________________________

     

     

     





    พยายามจะให้ตรงนี้ฮิมชานดูน่าสงสารค่ะ แต่สงสารฮิมชานกันไหมอ่ะคะ >< 


    พยายามเต็มที่เลยค่ะ  ฮี่ๆ 

     

     

     

     

     

     

     CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×