คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Nightmare & Beautiful Dream
Le
Ciel Bleu 4
Nightmare & Beautiful Dream
Can be a nightmare or a beautiful dream
นิ้วมือเรียวสวยหยิบผ้าเช็ดตั
แสงไฟจากโคมไฟตรงหัวเตียงเพี
ก้าวขายาวๆ
พาเรือนร่างที่ไร้ไขมันของเขา มาชิดที่ขอบหน้าต่างบานกว้าง
แหงนเสี้ยวหน้าคมเข้มขึ้
“Uncle
Joe, I have my new project to discuss with u, I’ll call u tmr. ”
(ลุงโจ ผมมีโปรเจคตัวใหม่จะปรึกษากับลุงครับ
ผมจะโทรหาพรุ่งนี้นะ)
ค่อยๆ
วางแท็บเล็ตสีดำไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม หากแต่สมาร์ทโฟนบางเฉียบที่วางไว้บนเตียงก็ส่งเสียงเตือนว่ามีสายเรียกเข้า
แอบยิ้มละมุนที่มุมปากเล็กๆตามนิสัยของเจ้าตัว ก่อนจะเดินไปกดรับและพูดคุยกับปลายทาง
“ลุงโจ
ผมไม่ได้อยากกวนตอนนี้เลยนะ แต่ขอบคุณครับที่โทรมา” ยิ้มกว้างแสดงความดีใจที่ผู้อาวุโสที่เขาเคารพโทรกลับมาหาเขาด้วยความรวดเร็ว
“ก็มีโปรเจคให้คนแก่ทำทั้งที
ดีใจจะแย่” เสียงผู้ชายวัยกลางคนตอบกลับอย่างอ่อนโยนด้วยสำเนียงชาวอังกฤษแท้
“แล้วคราวนี้เป็นอะไร
พอบอกคร่าวๆได้ไหม”
ขายาวเรียวก้าวยาวๆ
มาทางที่หน้าต่างอีกครั้ง เพื่อมองดูฟ้าที่มืดสนิท แต่ตอนนี้เขากลับได้ยินเสียงท้องฟ้าเริ่มคำราม
“เป็นแมนชั่นริมหน้าผาริมหาดครับ
อืม.... ที่แถวๆนีซ อาจต้องถมที่และมีงานเจาะหน้าดินบริเวณหน้าผา เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดทั้งหมดไปให้ทางเมล์นะครับ”
“นีซ
เฟรนซ์ ริเวียร่า..... แถวนั้นมีหน้าผาริมหาดไว้ให้สร้างบ้านอีกเหรอ” ปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัย
“พื้นที่ริมหน้าผาด้านล่างของปราสาท
เลอ ซิ-เอล เบลอ น่ะครับ อ่านยังงี้รึเปล่าผมไม่แน่ใจ” เสียงแหบต่ำตอบกลับด้วยความไม่แน่ใจสำหรับชื่อของปราสาทในภาษาฝรั่งเศส
“หา....
จริงเหรอ ที่นั่น .... อืม..”
ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ
ต้นสายก็พูดขัดขึ้นด้วยความอยากรู้
“ลุงโจรู้จักเหรอครับ”
ปลายสายนิ่งเงียบไป...
เหมือนกับครุ่นคิดถึงคำตอบที่จะมอบให้กับผู้ถาม
“เคยไปช่วยเจ้าของคนเก่าซ่อมแซมตัวปราสาทมา”
“เจ้าของคนเก่า..ใครเหรอครับ
ปราสาทถูกเปลี่ยนมืองั้นเหรอครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้น...คือ
เจ้าของคนเก่าพอเสียไป ก็รู้สึกจะเขียนพินัยกรรมยกที่นั่นให้หลานชายนะ ถ้าลุงจำไม่ผิด
ก็ยังเป็นของคนในตระกูล เดอ ฟลอเร่ เหมือนเดิม”
"เดอ ฟลอเร่ งั้นเหรอครับ... อืม..." เขางุนงงกับชื่อตระกูลของเจ้าของปราสาทที่เพิ่งได้ยิน และกำลังประมวลผลความคิด
เปรี้ยงงงงงงงงงง
!
เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
พร้อมทั้งเสียงฟ้าร้องที่ดังเข้ามาใกล้ๆ อาจเป็นเพราะปราสาทหลังนี้อยู่สูงจนแทบจะเอื้อมแตะท้องฟ้าได้
ไม่นานเม็ดฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก หน้าต่างบานกว้างถูกหยาดน้ำไหลเกาะอย่างพรั่งพรูไม่ขาดสาย
“ฝนหลงฤดู” เขาคิดในใจ พลางแหงนหน้ามองฟ้าอีกครั้ง ทันเห็นแสงสีเงินแลบที่ตรงขอบฟ้าอยู่ไกลๆ
ก่อนที่เขาจะกล่าวถามอะไรต่อ
สมาร์ทโฟนเครื่องงามก็สั่นขึ้น แสดงหน้าจอว่ามีอีกสายโทรซ้อนเข้ามา
“ลุงโจครับ ไม่รบกวนดีกว่าเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไป แล้วจะโทรหาลุงพรุ่งนี้อีกทีนะครับ กู้ดไนท์ครับ” ปลายสายบอกกู้ดไนท์เขากลับมา ก่อนที่จะจบบทสนทนา
หน้าจอมือถือแสดงชื่อ
Yoo Youngjae เป็นสายที่โทรซ้อนเข้ามา
เขากดรับ
“ยองแจกลับมาแล้วรึยัง
มีอะไรเอ่ย” โทนเสียงต่ำแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนทักทายน้องชายของเขา
“ครับโทรมาจะบอกพี่ยงกุกว่า
คืนนี้ผมจะนอนที่ชาโตว์ข้างล่างที่อ่าวนะครับ เพราะจู่ๆฝนก็ตกหนักเลย
คุณอังเดรก็คงนอนที่นี่เหมือนกัน แล้วยังไงเจอกันตอนเช้าที่ข้างเลยนะครับ
เพราะพี่ฮิมชานจะลงมารับก่อนเข้าปารีสไปด้วยกันทีเดียว”
“โอเค
ได้สิ แล้วเจอกัน”
“เอ่อ
พี่ยงกุกเดี๋ยวครับ คือ.... มีเรื่องจะรบกวนหน่อยครับ.... คือ.....”
น้ำเสียงดั่งแก้วใสฟังดูร้อนรน
“ถ้าจะไม่เป็นการรบกวน
อยากให้ช่วยไปดูพี่ฮิมชานหน่อยน่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขาจะหลับแล้วรึยัง
แต่ปกติเวลาตอนกลางคืนถ้าฟ้าร้องเสียงดังแถมฝนตกหนักขนาดนี้
พวกเรา...ไม่ค่อยอยากปล่อยให้พี่เขาอยู่คนเดียวน่ะครับ”
“ยองแจหมายถึง
พี่ฮิมชานกลัวฟ้าร้องงั้นเหรอ” เขาลอบยิ้มที่มุมปาก นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มตาคมหน้านิ่งเหมือนรูปปั้นคนนั้นจะกลัวเสียงฟ้าร้องเหมือนเด็กๆ
“พี่ฮิมชานไม่ได้กลัวเสียงฟ้าร้องครับ แต่เพราะเสียงฟ้าร้องหรือเวลาที่ฝนตกหนักทุ้กครั้ง พี่เขา...อาจจะฝันร้าย”
น้ำเสียงหวานพูดตอบอย่างแผ่วเบา หากผู้ฟังจับได้ถึงความเศร้าแกมกังวลปนอยู่ในน้ำเสียงนั้น
เขาตบปากรับคำกับน้องชายก่อนจะวางสายไป
ก้มลงมองดูเนื้อตัวที่แทบจะเปลือยเปล่า ท่อนล่างที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เพียงผืนเดียว
โดยตอนแรกกะว่าจะเข้านอนเลยหลังจากอาบน้ำเสร็จ ซึ่งนิสัยติดตัวของเขามาแทบทั้งชีวิตคือไม่ชอบมีเสื้อผ้าติดกายเวลานอน
ถอนหายใจหนักๆ
ก่อนจะหันไปมองกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ถูกตระเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยเพื่อการเดินทางในวันพรุ่งนี้
แต่ด้วยความขี้เกียจและเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทำให้เขาไม่อยากเปิดกระเป๋าเพื่อรื้อข้าวของออกมาและต้องเก็บใหม่
หากจะต้องหาชุดใส่เพื่อไปดูเจ้าของบ้านในเวลานี้ พลางนึกขึ้นได้ถึงชุดคลุมสีขาวที่แขวนเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำหรู
เขาจึงรีบเดินก้าวยาวๆ คว้าเสื้อคลุมสีขาวนิ่มๆ มาสวมใส่และผูกสายรัดให้เรียบร้อยเพื่อความรัดกุม
ยืนสำรวจตัวเองอีกครั้งหน้ากระจกยาวบานใหญ่
เขาหวังว่าคงไม่มีอะไรจะโผล่ออกมาดูน่าเกลียด จนทำให้เจ้าของบ้านจะคิดว่าเขาจะเข้าไปทำมิดีมิร้าย
จนโดนไล่ตะเพิดออกมาเสียก่อนละกันนะ รอยยิ้มเบาๆที่มุมปาก และแววตาที่ดูแพรวพราวคู่นั้นของคนที่ส่องอยู่ตรงหน้าสะท้อนออกมาทางกระจกอย่างปิดไม่มิด
_________________________________________________________________________________________________________
ทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟบนฝาผนังส่องพอให้เห็นทาง
เขาพอจำทางเดินไปห้องเจ้าของบ้านได้ จากในระหว่างที่เดินกลับห้องนอนของแต่ละคนหลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารเย็นวันแรก
นึกทบทวนจากการที่ยองแจหยุดพูดคุยกับเขาที่หน้าประตูห้องนอน
ก่อนที่คนที่เดินตามมาเงียบๆ จะเดินตรงขึ้นไปอีก
และเหลียวหายไปทางมุมทางโค้งของทางเดิน เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปตามทางเดินนั้น หลังจากเหลียวโค้งตรงมุมทางเดิน
ประตูไม้สีเข้มสองบานที่ถูกปิดเข้าหากันปรากฏอยู่ตรงหน้า ไฟสลัวตรงทางเดินที่หน้าห้อง
ทำให้เห็นว่าต้องก้าวขึ้นบันไดเล็กๆ ไปอีกสามขั้นเพื่อจะเปิดประตูห้องนั้น
เขายืนลังเลอยู่หน้าห้องว่าควรจะต้องทำยังไงต่อไป สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะเคาะประตูเบาๆ
“คุณฮิมชาน....”
แอ๊ด !
เสียงประตูไม้บานหนึ่งที่ไม่ได้ถูกปิดล็อคให้สนิทค่อยๆ
เปิดออกตามแรงเคาะ เขาดึงสายรัดชุดคลุมให้กระชับเข้ากับลำตัวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
ก่อนค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้อง
ห้องนอนดูโอ่โถงเพราะด้วยขนาดที่ใหญ่โตและเพดานทรงสูง
ตรงกลางเพดานห้องมีโคมไฟคริสตัลช่อใหญ่ที่มีสายระโยงระยางไปมาทำจากผลึกแก้วใส
ดูสวยงามส่องประกายระยิบระยับในห้องที่เกือบจะมืดสนิท หากไม่มีแสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟทรงสูงตั้งพื้นตรงมุมห้อง
เขาเดินผ่านชุดโซฟาหนังสีน้ำตาลเรียบที่จัดวางไว้ด้านหน้าของชุดโฮมเธียเตอร์ขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งอย่างสวยงามให้แนบสนิทไปกับชั้นวางหนังสือขนาดยักษ์ที่ด้านล่างมีเตาผิงให้เข้ากับลักษณะของชั้น
ดูปราดเดียวคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง
ก็รู้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่ถูกตกแต่งขึ้นมาใหม่ อาจตามรสนิยมของผู้ใช้
แลดูทันสมัยแต่ก็มีความคลาสสิกที่เข้ากันได้อย่างลงตัว รวมไปถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ตรงหน้า
ชุดเครื่องนอนสีขาวที่ด้านบนเป็นผ้าห่มบุด้านในด้วยเนื้อผ้าชั้นดีดูหนานุ่มและให้ความอบอุ่นแก่เจ้าของเตียง
เขายืนอยู่ตรงปลายเตียง
และยื่นหน้าเข้าไปมองร่างสูงเพรียวที่ตอนนี้กำลังนอนหงาย และหน้าอกกำลังขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะหายใจที่สม่ำเสมอ
ดูเหมือนจะหลับสนิทดี
เสียงฝนยังตกลงมาอยู่ไม่ขาดสาย
ฟ้าร้องคำรามเป็นระยะ เม็ดฝนสาดใส่ประตูสองบานที่ตกแต่งด้วยไม้สีขาวทำเป็นตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรื่อยไปทั้งกรอบ
ตามช่องว่างของสี่เหลี่ยมคือกระจกใสที่สามารถมองเห็นระเบียงกว้างด้านนอกได้
คนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติดี จึงจะเดินกลับออกไป
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียง คนพูดพึมพำแว่วมา เสี้ยวหน้าคมสันจึงหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงกว้างอีกครั้ง
สังเกตเห็นว่าผมสีน้ำตาลเส้นเล็กสวยสะบัดเบาๆ
ตามแรงเหวี่ยงของศีรษะเจ้าของที่เคลื่อนไหวอย่างกระสับกระส่ายไปมา ขายาวๆของเขาก้าวอย่างช้าๆ ค่อยๆเดินไปข้างเตียงกว้าง
ก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้หนังที่วางไว้ไม่ไกลจากบริเวณนั้นเข้ามาชิดใกล้กับข้างเตียงด้านที่ติดกับเจ้าของเตียงนุ่มมากที่สุด ค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงไป และเฝ้ามองคนตรงหน้าที่เริ่มแสดงอาการแปลกๆ อย่างห่วงใยและเป็นกังวล
เหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากใบหน้าขาวนวลที่ตอนนี้ออกสีส้มๆ
ตามแสงไฟที่ส่องให้เห็นสลัวๆ เส้นผมดูยุ่งเหยิงปรกลงมาที่หน้าผากเพราะการเหวี่ยงของศีรษะไปมาเริ่มถี่ขึ้น
มือที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวกำเข้ากับผ้าห่มไว้แน่น
เสียงบ่นพึมพำค่อยๆ รอดออกจากปากหยักสวยได้รูป
“พ่อ....แม่.....”
“พ่อ....แม่.......
หายไปไหน”
คนที่นั่งมองร่างบนเตียง
ได้ยินเสียงทุ้มค่อยๆพูดออกมา
“อือ....
ฮึก.... อื้ออ.... ไม่ ๆ พ่อ ... แม่...”
เหมือนจะได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นและคร่ำครวญจากคนบนเตียงมากขึ้น เขาได้แต่เฝ้ามองด้วยความตกใจและทำอะไรไม่ถูก
เขาควรจะปลุกให้คนตรงหน้าตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนี้ไหม หรือว่าเขาควรจะทำยังไง
ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น
ศีรษะของอีกฝ่ายก็ส่ายไปมาบนหมอนนุ่ม เหมือนต้องการจะหนีจากอะไรสักอย่าง
เหงื่อซึมออกมาตามใบหน้า และลำคอระหง ริมฝีปากแดงถูกเม้มกัดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
“พ่อ.....แม่
ไม่อยู่จริงๆ ไม่ๆ ไม่จริง .....” เสียงที่เปล่งออกมาช้าๆ ฟังดูเลื่อยลอยและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อ้างว้างเดี่ยวดาย
“ฮึก...ฮือๆ
.. “ เสียงสูดอากาศฟึดฟัด หายใจดูติดขัดเป็นช่วงๆ
เขาค่อยๆ
ขยับตัวเข้าไปใกล้กับขอบเตียงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มองเห็นร่างเพรียวบนเตียงให้ได้อย่างชัดเจน
เหมือนเขาแทบจะไม่ได้ยินเสียงฝนที่ยังตกลงมาไม่ขาดสายในตอนนี้
เพราะสมองของเขาเปิดประสาทรับรู้ให้ได้ยินแค่เพียงเสียงสะอื้นไห้ของคนตรงหน้า นี่เป็นเพียงฝันร้ายจริงๆงั้นเหรอ แต่ทำไมใบหน้าที่ปกติจะเรียบเฉยเหมือนดั่งรูปปั้นถึงบิดเบี้ยวไปมา
คิ้วบางได้รูปถูกขมวดเข้าหากันจนทำให้หน้าผากย่น ใบหน้าที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าอันงดงาม
ตอนนี้กลับแสดงความรู้สึกโศกเศร้าออกมาอย่างชัดเจน
น้ำใสๆ
จากหางตาเรียว ค่อยๆไหลออกมาช้าๆ เลอะเปียกบนหมอนนุ่ม
ราวกับจะแข่งกับสายฝนที่ยังตกอยู่ข้างนอก
นิ้วมือเรียวสวยค่อยๆแตะซับน้ำตาบนผิวแก้มนวลของอีกฝ่ายเบาๆ
ทั้งสองด้านอย่างอ่อนโยน ปัดผมยุ่งเหยิงที่หล่นมาปรกใบหน้าเพื่อให้หน้าผากถูกเปิดออก
ก่อนที่จะวางฝ่ามือบนศีรษะได้รูปอย่างเบามือ และค่อยๆ ลูบน้อยๆ
มืออีกข้างที่ว่าง
ยื่นมาดึงมือนิ่มๆ ที่กำผ้าห่มไว้แน่นให้ค่อยๆ คลายออก เขาจับมือของอีกฝ่ายไว้แน่น
ราวกับจะส่งผ่านความห่วงใยจากใจของเขาเพื่อไปปลอบประโลมให้อีกฝ่ายได้หายเศร้า
สายตาของเขาที่ทอดมองคนตรงหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและปรารถนาดี
มือสวยก็ค่อยๆลูบหัวของอีกฝ่ายอย่างเบามือไปเรื่อยๆ รู้สึกถึงผมเส้นเล็กนิ่มมือนั้น
ยิ่งทำให้เวลานี้คนตรงหน้าดูเปราะบางราวกับจะแตกได้ง่ายๆ
จู่ๆ
เสียงเพลง Träumerei ที่บรรเลงโดยคนที่กำลังนอนฝันร้ายตรงหน้าก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
ทำให้เขาคิดถึงภาพของคุณแม่ที่คอยปลอบและอยู่ข้างๆเขาแบบนี้เช่นกัน หากเมื่อใดก็ตามที่เขาฝันร้ายเมื่อยามเป็นเด็ก
หวังว่าจะช่วยได้นะ
คิ้วบางน้อยๆ
จากที่ผูกเป็นปม ค่อยๆคลายออก รวมไปถึงใบหน้าที่งดงามนั้นก็ดูหลับพริ้ม คำบ่นอย่างล่องลอยและเสียงสะอื้นหายไป
ปากหยักสวยได้รูปเหมือนพ่นลมออกมาเบาๆ ในบางที อย่างคนหลับสนิท คนที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนยิ้มออกมาได้จนตาหยี
เพราะรู้สึกดีใจที่ทำให้คนตรงหน้าหลุดจากฝันร้าย เม็ดฝนที่ตกลงมาด้านนอกเริ่มบางลง
หากแต่..... มือกลมที่มีนิ้วยาวๆ ที่เขาจับเอาไว้กลับไม่ยอมคลายออก แต่กลับยึดมือเรียวสวยของเขาไว้แน่นราวกับจะไม่ยอมให้หายไปไหน กระแสความอบอุ่นจากร่างกายของทั้งสองฝ่ายเริ่มแผ่ออกมา ผ่านมือที่กอบกุมกันเอาไว้
ทำยังไงดี....ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าที่ผ่านมาทั้งวันเริ่มเข้ามาครอบคลุม
จนทำให้สมองของคนที่นั่งอยู่ไม่สั่งการ เปลือกตาหนักๆ เริ่มค่อยๆ
ปิดตัวลงเข้าหากัน หัวสวยได้รูปจึงวางเบาๆ ไปบนที่นอนนุ่มๆ
และต่างฝ่ายต่างก็เข้าสู่ภวังค์ของแต่ละคน
________________________________________________________________________________________________________
พยายามจะให้ตรงนี้ฮิมชานดูน่าสงสารค่ะ แต่สงสารฮิมชานกันไหมอ่ะคะ ><
พยายามเต็มที่เลยค่ะ ฮี่ๆ
ความคิดเห็น