ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วัตถุปริศนา
    “อะไรน่ะ”  พีเซียพูดพลางจ้องมองวัตถุกลมใส  ไม่ใหญ่มากนัก  แสงสีเขียวอ่อนนวลตาที่กำลังเปล่งแสงเรืองรอง
    เขารวบรวมความกล้าก้มหยิบมันขึ้นมาพินิจอีกครั้ง
    “สวยดีนี่นา”
    เขาตัดสินใจเก็บมันมา  เอื้อมมือซ้ายอันบอบบางไปเปิดประตูอย่างแผ่วเบา  ขณะที่มือขวาถือลูกแก้วไว้อย่างทนุถนอม
    ห้องนอนของเขา  เขาเปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ออกมา  บรรจงวางลูกแก้วไว้ที่ด้านล่างของตู้เสื้อผ้านั้น
    “เฮ้อ  เก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อยดีกว่า” เขารำพึงพลางปิดประตูตู้
    เขาเข้านอนอย่างเป็นสุข  นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง...
    เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง  ชี้เวลาหกโมงเช้า  เช้าวันใหม่ที่สดใสมาเยือน  แสงอาทิตย์ลอดผ่านผ้าม่านในห้องนอนมากระทบที่เปลือกตาของพีเซีย  ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา  เข้ามาอยู่ในโลกแห่งความจริง
    พีเซียยันกายลุกขึ้น  ดันผ้าห่มให้ลงไปกองที่ปลายเท้า  เอี้ยวตัวไปกดนาฬิกาปลุกที่ทำให้เขาหนวกหู  ค่อยๆก้าวขาลงจากเตียงอันอ่อนนุ่ม  บิดขี้เกียจ2-3ครั้งก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป...
    “อาหารเช้าเสร็จแล้วนะคะ...คุณหนู” 
    “ได้  เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” 
    พีเซียแต่งเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย  เดินมาจากห้องนอน  ลงนั่งที่โต๊ะอาหาร  ลงมือกินไส้กรอกคำแรก  เขาเคี้ยวได้ครั้งสองครั้งก็ชะเง้อมองไปที่โรงรถนอกบ้าน
    ‘พ่อไปทำงานแล้วสินะ’  เขาคิด
    จัดการมื้อเช้าเสร็จแล้ว  เขาคว้ากระเป๋านักเรียนเดินไปยังรถคันงามที่หน้าบ้าน 
    “ลุง  ไปได้แล้ว” เขาตะโกนเรียกคนขับรถ
    “คร้าบ”
    เขาเปิดประตูรถและก้าวลงจากรถเมื่อรถคันหรูมาจอดเทียบประตูโรงเรียน 
    “ขอบคุณนะลุง”
    “แหม...คุณหนูครับ  มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว  ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”
    พีเซียยิ้มเล็กน้อย  ก่อนที่จะปิดประรถแล้วเดินจากไป...และแน่นอน  ตอนที่เขาจะออกจากห้องนอน  เขาไม่ลืมที่จะหยิบลูกแก้วออกมาด้วย
   
    วิชาเลขคาบแรกผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย  เข้าสู่คาบที่สอง...วิทยาศาสตร์!!!
    “มิติแห่งกาลเวลา  ยังไม่มีใครค้นพบว่ามีอยู่จริงรึเปล่า  แต่ครูว่ามีอยู่จริงนะคะ  ถ้านักเรียนไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันนะคะ  ครูเชื่อว่ามันต้องมีประตูมิติที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้  ครูว่า  ในโลกนี้มีเวลานับอนันต์  แล้วเราจะไปยังโลกเหล่านั้นได้อย่าไร  แล้วเราอยู่ในโลกใด  ไม่มีใครตอบได้นะคะ”
    (*ถ้าคุณผู้อ่านอยากรู้เรื่องเวลามากกว่านี้  ลองไปหาหนังสือที่ชื่อว่า “ความฝันของไอน์สไตน์” ได้  ซึ่งผมอ่านจบเล่มแล้ว  คำพูดข้าต้นนี้ผมก็คัดลอกมาส่วนหนึ่งครับ อิอิ  อ้อ  ขอนอกเรื่องอีกแป๊บ  คือ  ผมคิดว่า การทะลุมิติก็คือการว๊าป หรือการกระโดดข้ามเวลา หรือการที่จักรวาลหดตัวโค้งทำให้ยานอวกาศแล่นตัดมาได้เป็นทางตรง  อันนี้หาอ่านได้ที่หนังสือ”ก้าวพ้นกรอบไอน์สไตน์” ซึ่งผมกำลังอ่านอยู่ครับ)
    เสียงครูฝึกสอนสาวสวยคนนี้  ทำให้พีเซียตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก  หลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังด้วยความตั้งใจ  แต่ก็มีบางคนมองแต่ขาอ่อนที่กระโปรงสั้นของครูปิดมาไม่ถึง  แต่พีเซียดีใจที่มีคนคิดเหมือนเขา
    พักเที่ยงเขากินอาหารเสร็จแล้ว  เขารีบขึ้นมายังห้องเรียน  หยิบลูกแก้วออกมาจากกระเป๋า  พินิจมองแสงสีเขียวอ่อนนั้นด้วยความหลงใหล  ไม่มีใครอยู่ในห้องเรียนตอนนั้น  เขาเพ่งดูอีกครั้ง
    “เฮ้  พีเซีย”  เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังของพีเซีย  เขารู้สึกได้ว่ามีมือข้างหนึ่งมาประทับที่ไหล่เขา
    “กินอะไรแล้วใช่มั้ย”ชายรูปร่างกำลังดี ไม่อ้วนไม่ผอม  ผมสีน้ำตาลอ่อน  ดวงตาสีฟ้า  คิ้วเรียวหนา  ริมฝีปากเรียวบางมีรอยยิ้มนิดๆ  แสดงถึงความอ่อนโยนในตัวเขา  และในรูปพรรณสัณฐานนั้นเอง  ทำให้พีเซียจำเขาได้ทันทีที่เห็น
   
“อื้อ  แล้วนายล่ะรีเซิร์ก  ทำไมขึ้นมาเร็วจัง  คนอื่นๆยังไม่ขึ้นมาเลย”  พีเซียละสายตาจากลูกแก้วมาสบตากับคู่สนทนา
    “ชั้นกินนิดเดียวก็อิ่มแล้ว  แล้วนั่นอะไร”  ชายเจ้าของนามรีเซิร์กเอ่ยถามพีเซีย  พร้อมชี้นิ้วขาวๆไปยังลูกแก้ว
    พีเซียหันไปมองลูกแก้วอีกครั้ง
    “มันตกใส่หลังบ้านชั้นเมื่อคืนนี้  ชั้นเองยังนึกว่าเป็นดาวตกเลย”
    “สวยดีนี่นา” รีเซิร์กเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสดงความสนใจไม่ใช่น้อย
    “ใช่  สวยมาก  เอ๊ะ!  นั่นอะไรน่ะ..”  พีเซียเพ่งเข้าไปในลูกแก้ว  แล้วชี้นิ้วเรียวยาวเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของลูกแก้ว
    “ปราสาท- -เมืองโบราณ”  รีเซิร์กเอ่ยสิ่งที่เห็นออกมา
    ใช่  ทั้งสองคนมองเห็นรูปปราสาท  และเมืองๆหนึ่งในลูกแก้ว  เปล่งรัศมีสีเขียวออกมานี่เอง
    นักเรียนในห้องหนาตาขึ้นเรื่อยๆ...
    “ออดดดดดดดด”
    เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น  นักเรียนกรูเข้ามาจากไหนไม่รู้นั่งเรียบร้อยประจำที่ของตนเอง...
    เขารวบรวมความกล้าก้มหยิบมันขึ้นมาพินิจอีกครั้ง
    “สวยดีนี่นา”
    เขาตัดสินใจเก็บมันมา  เอื้อมมือซ้ายอันบอบบางไปเปิดประตูอย่างแผ่วเบา  ขณะที่มือขวาถือลูกแก้วไว้อย่างทนุถนอม
    ห้องนอนของเขา  เขาเปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ออกมา  บรรจงวางลูกแก้วไว้ที่ด้านล่างของตู้เสื้อผ้านั้น
    “เฮ้อ  เก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อยดีกว่า” เขารำพึงพลางปิดประตูตู้
    เขาเข้านอนอย่างเป็นสุข  นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง...
    เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง  ชี้เวลาหกโมงเช้า  เช้าวันใหม่ที่สดใสมาเยือน  แสงอาทิตย์ลอดผ่านผ้าม่านในห้องนอนมากระทบที่เปลือกตาของพีเซีย  ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา  เข้ามาอยู่ในโลกแห่งความจริง
    พีเซียยันกายลุกขึ้น  ดันผ้าห่มให้ลงไปกองที่ปลายเท้า  เอี้ยวตัวไปกดนาฬิกาปลุกที่ทำให้เขาหนวกหู  ค่อยๆก้าวขาลงจากเตียงอันอ่อนนุ่ม  บิดขี้เกียจ2-3ครั้งก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป...
    “อาหารเช้าเสร็จแล้วนะคะ...คุณหนู” 
    “ได้  เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” 
    พีเซียแต่งเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย  เดินมาจากห้องนอน  ลงนั่งที่โต๊ะอาหาร  ลงมือกินไส้กรอกคำแรก  เขาเคี้ยวได้ครั้งสองครั้งก็ชะเง้อมองไปที่โรงรถนอกบ้าน
    ‘พ่อไปทำงานแล้วสินะ’  เขาคิด
    จัดการมื้อเช้าเสร็จแล้ว  เขาคว้ากระเป๋านักเรียนเดินไปยังรถคันงามที่หน้าบ้าน 
    “ลุง  ไปได้แล้ว” เขาตะโกนเรียกคนขับรถ
    “คร้าบ”
    เขาเปิดประตูรถและก้าวลงจากรถเมื่อรถคันหรูมาจอดเทียบประตูโรงเรียน 
    “ขอบคุณนะลุง”
    “แหม...คุณหนูครับ  มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว  ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”
    พีเซียยิ้มเล็กน้อย  ก่อนที่จะปิดประรถแล้วเดินจากไป...และแน่นอน  ตอนที่เขาจะออกจากห้องนอน  เขาไม่ลืมที่จะหยิบลูกแก้วออกมาด้วย
   
    วิชาเลขคาบแรกผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย  เข้าสู่คาบที่สอง...วิทยาศาสตร์!!!
    “มิติแห่งกาลเวลา  ยังไม่มีใครค้นพบว่ามีอยู่จริงรึเปล่า  แต่ครูว่ามีอยู่จริงนะคะ  ถ้านักเรียนไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันนะคะ  ครูเชื่อว่ามันต้องมีประตูมิติที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้  ครูว่า  ในโลกนี้มีเวลานับอนันต์  แล้วเราจะไปยังโลกเหล่านั้นได้อย่าไร  แล้วเราอยู่ในโลกใด  ไม่มีใครตอบได้นะคะ”
    (*ถ้าคุณผู้อ่านอยากรู้เรื่องเวลามากกว่านี้  ลองไปหาหนังสือที่ชื่อว่า “ความฝันของไอน์สไตน์” ได้  ซึ่งผมอ่านจบเล่มแล้ว  คำพูดข้าต้นนี้ผมก็คัดลอกมาส่วนหนึ่งครับ อิอิ  อ้อ  ขอนอกเรื่องอีกแป๊บ  คือ  ผมคิดว่า การทะลุมิติก็คือการว๊าป หรือการกระโดดข้ามเวลา หรือการที่จักรวาลหดตัวโค้งทำให้ยานอวกาศแล่นตัดมาได้เป็นทางตรง  อันนี้หาอ่านได้ที่หนังสือ”ก้าวพ้นกรอบไอน์สไตน์” ซึ่งผมกำลังอ่านอยู่ครับ)
    เสียงครูฝึกสอนสาวสวยคนนี้  ทำให้พีเซียตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก  หลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังด้วยความตั้งใจ  แต่ก็มีบางคนมองแต่ขาอ่อนที่กระโปรงสั้นของครูปิดมาไม่ถึง  แต่พีเซียดีใจที่มีคนคิดเหมือนเขา
    พักเที่ยงเขากินอาหารเสร็จแล้ว  เขารีบขึ้นมายังห้องเรียน  หยิบลูกแก้วออกมาจากกระเป๋า  พินิจมองแสงสีเขียวอ่อนนั้นด้วยความหลงใหล  ไม่มีใครอยู่ในห้องเรียนตอนนั้น  เขาเพ่งดูอีกครั้ง
    “เฮ้  พีเซีย”  เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังของพีเซีย  เขารู้สึกได้ว่ามีมือข้างหนึ่งมาประทับที่ไหล่เขา
    “กินอะไรแล้วใช่มั้ย”ชายรูปร่างกำลังดี ไม่อ้วนไม่ผอม  ผมสีน้ำตาลอ่อน  ดวงตาสีฟ้า  คิ้วเรียวหนา  ริมฝีปากเรียวบางมีรอยยิ้มนิดๆ  แสดงถึงความอ่อนโยนในตัวเขา  และในรูปพรรณสัณฐานนั้นเอง  ทำให้พีเซียจำเขาได้ทันทีที่เห็น
   
“อื้อ  แล้วนายล่ะรีเซิร์ก  ทำไมขึ้นมาเร็วจัง  คนอื่นๆยังไม่ขึ้นมาเลย”  พีเซียละสายตาจากลูกแก้วมาสบตากับคู่สนทนา
    “ชั้นกินนิดเดียวก็อิ่มแล้ว  แล้วนั่นอะไร”  ชายเจ้าของนามรีเซิร์กเอ่ยถามพีเซีย  พร้อมชี้นิ้วขาวๆไปยังลูกแก้ว
    พีเซียหันไปมองลูกแก้วอีกครั้ง
    “มันตกใส่หลังบ้านชั้นเมื่อคืนนี้  ชั้นเองยังนึกว่าเป็นดาวตกเลย”
    “สวยดีนี่นา” รีเซิร์กเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสดงความสนใจไม่ใช่น้อย
    “ใช่  สวยมาก  เอ๊ะ!  นั่นอะไรน่ะ..”  พีเซียเพ่งเข้าไปในลูกแก้ว  แล้วชี้นิ้วเรียวยาวเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของลูกแก้ว
    “ปราสาท- -เมืองโบราณ”  รีเซิร์กเอ่ยสิ่งที่เห็นออกมา
    ใช่  ทั้งสองคนมองเห็นรูปปราสาท  และเมืองๆหนึ่งในลูกแก้ว  เปล่งรัศมีสีเขียวออกมานี่เอง
    นักเรียนในห้องหนาตาขึ้นเรื่อยๆ...
    “ออดดดดดดดด”
    เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น  นักเรียนกรูเข้ามาจากไหนไม่รู้นั่งเรียบร้อยประจำที่ของตนเอง...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น