ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The land of new world

    ลำดับตอนที่ #1 : นำเรื่อง

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 48


              พระจันทร์เสี้ยวในคืนข้างแรมส่องสว่างอยู่บนปลายฟ้า  มีดวงดาวอีกเป็นล้านดวงที่คอยเปล่งแสงแข่งกับดวงจันทร์  ให้แสงสว่างแก่สัตว์หากินกลางคืน  และ..บุคคลกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปยังถ้ำต้องห้าม!

    _______________________________________________________________

              “เอี๊ยด..ด..ด”  เสียงล้อรถบดขยี้พื้นถนนอย่างแผ่วเบา  รถสีทองคันมหึมา  ยี่ห้อที่น้อยคนในโลกไม่รู้จัก  ราคาเหยียบสิบล้านจอดเทียบตรงหน้าเด็กชายท่าทางเรียนดีคนหนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ

        

                   “คุณหนูครับ  วันนี้ผลสอบออกใช่ไหมครับ”  การสนทนาเริ่มขึ้น

        “อื้อ”

        “ได้คะแนนเต็มอีกแล้วใช่มั้ยครับ”

        “ไม่ละ  ขาดไปคะแนนเดียวเอง”  พีเซียเปลี่ยนอิริยาบถโดยหันออกไปนอกหน้าต่าง  เขากำลังเครียด  เพราะทุกครั้งเขาคะแนนเต็มมาตลอด

        “โธ่  คุณหนูครับ  แค่นี้คุณพ่อของคุณหนูก็ดีใจแล้วละครับ”  อีกฝ่ายพยายามปลอบใจ

        “เฮ้อ  ช่างเถอะ”  พีเซียถอนหายใจยาว  พิงหัวลงกับเบาะอันอ่อนนุ่มในรถคันนั้น

        

    ถึงบ้านแล้ว  คนขับรถเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้พีเซีย  พีเซียก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋านักเรียนหนังแท้ราคาแพงในมือ  ก้าวเดินมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์พื้นที่สี่ไร่กว่าๆ  ราคาที่คนทั่วไปซื้อไม่ได้

    เข้าเอื้อมมืออันอ่อนนุ่มเนื่องจากไม่ค่อยได้สัมผัสงานอะไรเลยผลักประตูบานใหญ่อย่างแผ่วเบา  สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตสีเหลือสดใสแปะอยู่ข้างประตู



    พ่อติดประชุมนะลูก  หิวก็สั่งแม่ครัวแล้วกัน  คนใช้เรามีอยู่เต็มบ้าน  อยากได้อะไรก็บอกพวกเขาแล้วกัน  พ่อจะกลับถึงก็ประมาณสี่ทุ่มนะลูก



    “อย่างนี้ทุกทีเล้ย..พ่อ”  พีเซียรำพึงเบาๆ

    เขาชินซะแล้ว  ครอบครัวของเขามักจะสื่อสารผ่านกระดาษโน้ตแบบนี้  เนื่องจากพ่อและแม่ของเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่  รายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่าสิบล้าน  เขาไม่ค่อยได้เห็นพ่อแม่เขาเต็มที่หรอก  เสาร์-อาทิตย์พ่อแม่ก็ประชุม  บางทีไปถึงต่างประเทศ  ส่วนใหญ่เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนี้ตามลำพังกับคนใช้  และไม่แปลกที่เขาจะชอบโรงเรียนมากกว่าบ้าน



               “มาเรีย  อาหารเสร็จแล้วเอามาที่โต๊ะได้เลยนะ”  พีเซียตะโกนบอกแม่ครัว

               “ได้ค่า  คุณหนู” เสียงแหบพร่าของมาเรีย  แม่ครัวเก่าแก่ของตระกูลรับคำ



        อาหารเย็นถูกจัดการจนเกลี้ยงแล้ว  พีเซียจึงเข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยความสดชื่น  

        ในห้องของพีเซีย  เขากำลังอ่านหนังสือที่เขาเพิ่งยืมมาจากห้องสมุดวันนี้  แสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟหัวเตียงทำให้พอมองเห็นได้ถนัด  หนังสือวิทยาศาสตร์ที่แสนจะน่าเบื่อในความคิดของคนส่วนใหญ่  แต่สำหรับพีเซีย  เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษ  อย่างเล่มนี้  เรื่องลี้ลับในจักรวาล  เขาเชื่อเสมอว่า  ในจักรวาลนี้มีหลายโลก  หรือพูดง่ายๆว่ายังมีอีกหลายมิติที่คนบนโลกนี้ไม่รู้จัก  และยังไม่สามารถหาวิธีไปยังมิตินั้นๆได้

    ><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

    (ความรู้เพิ่มเติมนะครับ  คือว่า ผมได้ข้อมูลที่ผมคิดว่าเกี่ยวกับการทะลุมิติอยู่ 3เรื่องน่ะครับ  ถ้าผู้อ่านรู้อยู่แล้วก็ไม่เป็นไรนะครับ  ถ้าไม่รู้ก็รู้ซะ  

        เรื่องแรกคือ  เมื่อตอนที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัสเซีย และสหรัฐอเมริกาต่างก็ส่งเรือรบและเรือลาดตระเวนมา  ได้มีเรือรบของรัสเซียลำหนึ่งมาเจอกับเรือลาดตระเวนของอเมริกาเข้า  ปรากฏว่าเรือของรัสเซียถูกโจมตีและเป็นฝ่ายแพ้  แต่เรื่องที่จะพูดคือ  เรือลาดตระเวณของอเมริกาลำนั้น  ได้หายไป  โดยไม่รู้ว่าอยู่ไหนจนทุกวันนี้  คือแล่นอยู่ดีๆก็หายไปเลย

        เรื่องที่สอง  ทุกคนคงรู้จักสามเหลี่ยมเบอร์มิลด้านะครับ  ใครๆก็รู้ว่า  เครื่องบินและเรือกี่ลำต่อกี่ลำ  แล่นผ่านบริเวณนี้ต่างก็หายไปอย่างปริศนาทุกลำ  แต่ตอนนี้มีนักบินคนหนึ่งผ่านมาได้แล้ว  เขาเล่าว่าเมื่อเขาแล่นเข้าไป  อากาศที่เป็นปกติอยู่ก็เกิดมีกลุ่มเมฆเข้าปกคลุมเต็มพื้นที่  เขามองไม่เห็นทางเขาจึงบินสูงขึ้นไป  เขามองเห็นอุโมงค์อะไรก็ไม่รู้อยู่ในหมู่เมฆ  เขาตัดสินใจบินเข้าไป  ข้างในมืดมาก  จนในที่สุดเขาออกมาจากอุโมงค์นั้น  และพบว่าเขาผ่านสามเหลี่ยมนั้นมาไกลมากแล้วโดยใช้เวลาเร็วมาก  เขายังเล่าอีกว่า  ตอนที่อยู่ในอุโมงค์นั้น  เขารู้สึกว่าปีเครื่องบินได้กระทบกับอะไรซักอย่างซึ่งคิดว่าเป็นผนังอุโมค์นั้น  เรื่องนี้ผมคิดว่า  คนที่ไม่สามารถผ่านสามเหลี่ยมนี้มาได้คงไม่เข้าอุโมงค์นั้น  กลุ่มเมฆข้างล่างคือประตูมิติที่ไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้  หรือไม่คนที่ไม่สามารถผ่านมาได้ก็อาจจะเข้าอุโมงค์นั้น  แต่อุโมงค์นั้นเป็นประตูมิติที่ไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้  แต่ไอ้คนที่ผ่านมาได้นั้นโชคดี  มาโผล่บนโลกปกติเอง

        เรื่องที่สาม  อาจจะละเอียดหน่อย  ได้มีเรือลำหนึ่งแล่นเรือไปในทะเล  แล้วได้พบกับกำแพงอะไรซักอย่างกลางทะเล  เมื่อเรือแล่นเข้าไปในนั้น  ก็เหมือนเปลี่ยนไปอีกโลกหนึ่ง  ชายคนที่อยู่ในเรือได้แล่นไปเรื่อยๆ  จนเจอเกาะร้างเล็กๆเกาะหนึ่ง  เขาลงไปดู  เจอชายแก่คนหนึ่ง  เมื่อสอบถามก็พบว่า  ชายแก่คนนั้นก็คือเขาเอง เขาจะแล่นเรือมาติดเกาะแห่งนี้  ชายหนุ่มจึงแล่นเรือกลับมายังโลกปัจจุบันแล้วทำลายเรือลำนั้นทิ้งไป  เพราะเขาได้ไปโลกอนาคตมาแล้ว  ถ้ามีคนรู้แล้วนำเรือลำนี้ไปยังโลกอดีตหรืออนาคตจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้

        ที่ผมทราบมาก็เพียงเท่านี้  ถึงเวลาเข้าเรื่องของเราต่อดีกว่า  เปลืองเนื้อที่)

    ><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

        แสงจากห้องนอนของพีเซียดับไปแล้ว  แสงสว่างจากไฟหน้ารถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเมื่อเวลาสี่ทุ่มครึ่ง  พ่อกลับมาแล้ว  แต่อีกหนึ่งอาทิตย์แม่จะกลับจากดูงานที่เยอรมัน...

        พีเซียนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียง  เขาทราบถึงการมาของพ่อแล้ว  เขายังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย  เขาเองก็เพิ่งเข้านอนเมื่อไม่นานมานี้  

        ไฟนอกห้องดับ  พ่อเข้านอนแล้ว  พีเซียค่อยๆลงจากเตียง  เปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา  เดินอย่างเงียบๆออกมาที่สวนหลังบ้าน  เขานั่งลงที่ระเบียง  ต้นไม้ใจสวนทำให้เขาใจเย็นลงบ้าง  แสงไฟจาโคมไฟริมสวนริบหรี่  พีเซียถอนหายใจยาว  แหงนหน้าขึ้นมองจันทร์เสี้ยวในคืนข้างแรมที่แขวนอยู่บนฟ้า  ส่องแสงสว่างสุกใสดูนวลตา  ดวงดาวกลาดเกลื่อนฟ้าในคืนนี้  พีเซียมองเห็นดาวดวงหนึ่งส่องแสงแข่งกับดวงจันทร์กำลังพุ่งลงมา  

        ‘ฮ้า  ดาวตกเหรอนี่  อธิษฐานอะไรก็ได้นี่นา’  เขาคิด  พลางหลับตาลงช้าๆ

        “ขอให้เทอมหน้าขอให้ได้คะแนนเต็มด้วยเถิด”  เขาอธิษฐานด้วยเสียงเบาๆเขาค่อยๆลืมตาขึ้น  รู้สึกถึงบางสิ่งตรงหน้า...

        “เฮ้ย!!”   เขาอุทานเสียงดัง  รีบยกขาขึ้นจากพื้นด้วยความรวดเร็ว

        “ตุ้บ”  เสียงวัตถุบางอย่างกระทบพื้นอย่างแรง

        เมื่อตอนที่พีเซียลืมตาขึ้น  สิ่งที่พีเซียคิดว่าเป็นดาวตกมันก็พุ่งลงมาตรงหน้าพีเซียอย่างแรง





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×