แสงแดดจาง ๆ ส่องผ่านผ้าม่านลูกไม้สีขาวในห้องนอนสีไม้สะอาดตา หญิงสาวผิวขาวรูปร่างผอมบางตลบผ้าม่านขึ้นรับแสงสว่างยามรุ่งอรุณอย่างกระฉับกระเฉงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่บนเตียงนอนเปิดอ้าเผยให้เห็นถึงสัมภาระมากมายซึ่งจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
"เสร็จรึยังหมอกเตรียมอะไรไปมากมายจ๊ะตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ"
ประตูเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวผู้สูงวัยกว่ารูปร่างผอมสูงผิวคล้ำดูแข็งแรงสดใสแบบนักเดินทางยิ้มทักทายน้องสาวอย่างอารมณ์ดี
"กลัวลืมของน่ะพี่ม่านคิดวนไปวนมาหลายรอบแล้ว พี่ช่วยมาดูหน่อยสิว่าหมอกควรจะเตรียมอะไรไปเพิ่มมั้ย "
สายหมอกจูงมือพี่สาวมาดูสัมภาระของตนในกระเป๋าม่านฝนหัวเราะคิก
"เตรียมตู้เสื้อผ้าไงหมอกเตรียมเผื่อล้นตู้บ้านพี่ชล อ้อ! เอาโต๊ะเครื่องแป้งไปเผื่อด้วยก็ดีนะเดี๋ยวที่วางเครื่องสำอางมีไม่พอ "
หญิงสาวว่าพลางลุกขึ้นโยกหัวน้องสาว
"ลงไปได้แล้วเดี๋ยวรถจะมารับแล้วนะ "
สายหมอกโคลงศีรษะกวาดสายตามองสิ่งของทั่วห้องอย่างลังเล
"เออ...ก็เกือบหมดห้องแล้วนะคงไม่ลืมอะไรแล้วมั้ง "
“ปี้น ๆ”
เสียงแตรรถดังสนั่นจากหน้าบ้านสายหมอกรีบปิดกระเป๋า พลางยกกึ่งลากลงจากเตียงเสียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หล่นโครมลงพื้นไม้เสียงดังตามด้วยเสียงลากกระเป๋าที่ดังยาวมาจนถึงประตูบ้าน
"โอ้โห!ย้ายบ้านเหรอหมอก ไปอาทิตย์เดียวนะจ๊ะกะอยู่ตลอดชีวิตรึไง"
หนุ่มใหญ่ผิวคล้ำรูปร่างสูงใหญ่โดดลงมาช่วยยกกระเป๋าพลางล้อเลียนยิ้ม ๆหญิงสาวนิ่วหน้า
"อย่าแซวพี่...ขอร้อง ของจำเป็นทั้งนั้นนี่ถ้าลืมนะถึงขั้นต้องเสียสตางค์ซื้อใหม่เชียว"
"พอ ๆกับยายนรีเลยยายนั่นขาดแค่ห้องน้ำเท่านั้นแหละที่ไม่เอามาด้วยขนาดตู้เสื้อผ้ามันยังเอามาด้วยเลย"
ชายหนุ่มหน้าตี๋ร่างเล็กซึ่งลงมาช่วยชลยกกระเป๋าเอ่ยขึ้น สองหนุ่มหัวเราะอย่างขบขันขณะที่ผู้ถูกเอ่ยถึงเลื่อนกระจกรถออกมาจ้องตาเขียว
"อะไรยะชั้นกลัวหนาวย่ะ ที่เมืองปายช่วงเนี้ย .. ถึงขั้นยะเยือกนะยะ ดึก ๆอย่ามาขอปันผ้าห่มก็แล้วกัน คิดค่าเช่าด้วย จะบอกให้"
นรีแลบลิ้นใส่สองหนุ่มก่อนจะหันมาทักทายม่านฝนและสายหมอก
"ไง..ม่านทริปนี้เตรียมตัวมาดีป่ะ พาน้องมาด้วย เฮ้วมากไม่ได้นะแก...ไงจ๊ะน้องหมอกคนสวยไม่พาแฟนมาด้วยล่ะฮึ"
สายหมอกยิ้มและส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเลือกที่นั่งด้านหลังสุดเพียงลำพังในขณะที่ม่านฝนนั่งลงข้าง ๆ นรี
"เที่ยวนี้ไม่ได้เตรียมอะไรนอกจากเบียร์ 2 ลัง ฮ่า"
หญิงสาวว่าพลางตบหลังเพื่อนแรง ๆ 2-3 ที
"เอาไว้แก้หนาวแทนผ้าห่มไง .. ขี้เกียจเสียตังค์เช่าแก......นรี"
นรีค้อนเพื่อนสาววงเล็ก ๆ พองามชะเง้อชะแง้มองสองหนุ่มที่ช่วยกันขนของขึ้นรถก่อนที่จะได้ยินเสียงปิดท้ายรถซึ่งเป็นสัญญาณแสดงความพร้อมว่าถึงเวลาออกเดินทางได้แล้ว
ภายในรถตู้สิบสองที่นั่งดูโล่งกว้างกว่าปกติเมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารภายในรถชล บ.ก.หนุ่มใหญ่ขับรถฮัมเพลงเบา ๆ ข้าง ๆ มีภูผา ผู้ช่วยหน้าตี๋คอยเปลี่ยนแผ่นซีดีให้ พร้อมกับวิจารณ์เพลงต่าง ๆที่ชลร้องประสานขึ้นมา
"ขายไม่ออกแน่แผ่นนี้...พี่ชลร้องเป็น...เปลี่ยนดีกว่า"
ม่านฝนนอนเหยียดยาวบนเก้าอี้แถวถัดมามีนรีเพื่อนสนิทยื่นหน้ามาคุยเรื่องสัพเพเหระอย่างออกรสออกชาติ สายหมอกนั่งเงียบ ๆตามลำพังบนเก้าอี้แถวหลังสุด เหม่อมองสายตาออกไปด้านนอกตัวรถแสงแดดยามสายสะท้อนประกายน้ำทะเลสองข้างทางระยิบระยับครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกของเธอนับตั้งแต่เรียนจบและเป็นการเดินทางที่ไกลที่สุด จากหาดใหญ่ไปไกลถึงแม่ฮ่องสอนหญิงสาวทอดสายตาออกไปไกล มองดูต้นสนวิ่งแข่งกับทะเลอย่างเศร้า ๆในใจคิดถึงใครบางคนที่เธอเพิ่งจากมา
"พี่ไม่ไปจริง ๆเหรอคะ"
หญิงสาวนึกถึงน้ำเสียงอ่อนหวานที่เอยชวนชายคนรักมาร่วมเดินทางครั้งนี้ด้วยวายุตอบปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
"พี่ไม่ว่างหรอกหมอกไปเถอะเที่ยวเผื่อพี่ด้วยนะ"
เขายิ้มกับโต๊ะทำงานโบกมือลาหญิงสาวที่เดินออกจากบ้านไปอย่างหดหู่ ด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะก้มหน้าก้มตาร่างแบบบนโต๊ะทำงานอย่างใจจดใจจ่อต่อไปสายหมอกถอนใจกับความมุ่งมั่นในการทำงานของชายหนุ่มจนดูเหมือนละเลยเธอ.. .
วายุแก่กว่าเธอ 5ปีเขาเรียนจบและทำงานเป็นสถาปนิกให้กับโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในแถบชานเมืองหาดใหญ่นับตั้งแต่เขาได้ทำงานที่นี่ ความใส่ใจที่เคยมีให้กับเธอค่อย ๆ ลดน้อยลงจนปัจจุบันที่เธอแทบไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เรียกว่า " รัก " จากเขาเลยความว้าเหว่เดียวดายคลอเคลียเป็นเพื่อนบัณฑิตตกงานอย่างเธอมาเป็นเวลาร่วมปีเศษแล้ว
เสียงหัวเราะดังลั่นของม่านฝนทำให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ชั่วคราวมองดูพี่สาวคนเดียวลุกขึ้นควานหาน้ำดื่มแก้สำลักถั่วลิสงทั้งน้ำตาอย่างนึกขันพี่สาวนักเขียนวัย 28 ปี ที่มองเรื่องความรักเป็นละครน้ำเน่าที่ไร้สาระดูเข้ากันได้ดีกับนรีคู่หูนักเดินทางที่ต้องคอยหาประสบการณ์เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเขียนสารคดีท่องเที่ยวในนิตยสารชื่อดังของชล ทัวร์ครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในการทำงานของพวกเขาเพียงแต่พี่สาวทนดูสภาพเอื่อยเฉื่อยไร้ชีวิตชีวาของน้องสาวอย่างเธอไม่ได้จึงได้ชักชวนมาชมบรรยากาศเมืองหนาวด้วยกัน
“เผื่อแกจะอยากมาเป็นนักเขียนเหมือนพี่ไงสนป่ะ”
สายหมอกไม่อยากจะเป็นนักเขียนแต่เธอสนใจอยากจะมาหางานทำไกลบ้าน จึงยินยอมตามมาด้วยประกอบกับอยากจะชื่นชมธรรมชาติสวย ๆท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยียบของเมืองเหนือในฤดูหนาวซึ่งบ้านเธอไม่เคยมี
รถแล่นผ่านเข้าตัวเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในเวลาพลบค่ำสายหมอกงัวเงียลุกขึ้นจากการนอนเหยียดยาวบนเบาะหลัง หันซ้ายหันขวามองออกไปข้างนอกตัวรถ ความสับสนวุ่นวายของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลก็ปรากฏผ่านแสงไฟวอบแวมกับกับรถราบนถนนที่ตีโค้งอยู่บนท้องฟ้าราวกับสายรุ้งหลายเส้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น