ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of honorland

    ลำดับตอนที่ #2 : สู่การเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 48


    บนทางเดินลาดตรงที่มีคนสองคนกำลังเดินไปท่ามกลางแสงแดดสีนวลยามเช้า



        “เฮ้อ..พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางไปไฮเฮอร์โรแล้วสินะ” เสียงหญิงสาวบ่นอุบกับองครักษ์หนุ่ม  หวังได้รับคำปลอบใจ



        ผิดคาด  ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเลย  เซเน่เหลือบตาไปมองเขา  เห็นเพียงสีหน้าเหม่อลอยอันผิดปกติของคิวลัส



        “คิวลัส” เจ้าของชื่อยังไม่รู้สึกตัว



        “คิวลัสสส” รอบที่สองแล้วนะ



        “!!คิวลัส!!” ครั้งนี้ได้ผลเกินคาด  ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยแบบรักษาท่าที  สักพักจึงชักสีหน้าอันเป็นปกติกลับมาอีกครั้ง



        “องค์หญิงพูดกับกระหม่อมหรือ?”



        “ไม่มีอะไรหรอก” คนอยากได้รับคำปลอบใจหมดอารมณ์รับไมตรี



        “ไปหาท่านพี่ซาโน่กันดีกว่า” เซเน่เปลี่ยนเรื่องทันที





        ทหารยามหน้าห้องก้มศรีษะแสดงความมเคารพก่อนเปิดประตูให้บุคคลทั้งสองได้เดินเข้าไปข้างในห้องนอนของซาโน่  บรรยากาศภายในนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิม  ทุกซอกทุกมุมต่างอบอวลไปด้วยกลิ่นยานานาชนิด  หน้าต่างกระจกลายวิจิตรทุกบานถูกปิดไว้ตลอดแบบที่อากาศบริสุทธิ์ภายนอกไม่สามารถเข้ามาได้เลย  ผ้าม่านผืนหนาทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดจากภายนอกได้เป็นอย่างดี



        คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นมีสีหน้าซีดเซียวจากอาการของโรคประจำตระกูลที่ได้รับพันธุกรรมจากมบรรพบุรุษ  เป็นโรคที่ไม่มีทางหายขาดได้เลยเนื่องจากมีเม็ดเลือดแดงที่ไม่สมบูรณ์  แววตาส่อถึงความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาผู้นั้น  สายตาของผู้สังเกตการณ์มีแววอ่อนโยนลง  คลี่ยิ้มบางๆ ให้กับผู้ที่นอนอยู่บนเตียง  แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย



        “น้องจะมาลาพี่หรือ?” ซาโน่ถามด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย



        “ท่านพี่ทราบแล้วหรือ?”



        “พี่ทำให้น้องต้องลำบากอีกแล้วหรือนี่” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายตนเองยิ่งนัก



        “ไม่เลยท่านพี่  น้องเต็มใจไปเอง” เซเน่หวังให้ซาโน่สบายใจ



        “อีกอย่าง  น้องก็จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”



        “พระองค์อย่าทรงกังวลพระทัยไปเลย  กระหม่อมจะดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดี”  คิวลัสพูดเสริมให้ซาโน่สบายใจมากขึ้น



        “ข้าขอฝากน้องสาวของข้าด้วยละกันนะ”  รอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นบนในหน้าที่เคยเศร้าหมองอีกครั้ง



        “กระหม่อม” คิวลัสโค้งตัวลงน้อมรับคำจากซาโน่



        “น้องจะรีบกลับมาหาท่านพี่ทันที เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น  น้องสัญญา”  เซเน่ให้คำมั่นกับพี่ชาย





        เมื่อหนึ่งวันใกล้จะสิ้นสุด  เซเน่เดินกลับไปที่ห้องของตน  คิวลัสเตรียมกล่าวคำลาเหมือนดังเคย



        “เจ้าเข้ามาในห้องข้าก่อน” หญิงสาวเดินนำหน้าเข้าไป  



        “กระหม่อม”



        หญิงสาวเดินนำหน้าเข้าไป  ชายหนุ่มเดินตามเข้าไปอย่างเคยชิน  ภาพที่คุ้นตายังเหมือนเดิมเป็นห้องรับแขกส่วนตัว  หญิงสาวเดินต่อไปจนถึงทางเข้าสู่ห้องนอน



        “เข้ามาสิ ข้าจะให้เจ้าช่วยอะไรหน่อย” หญิงสาวออกปากเชิญชวน



        องครักษ์หนุ่มสีหน้าขึ้นเรื่อยังคงเก็บความรู้สึกได้เป็นอย่างดี  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้าไปข้างในนั้นเลย  แต่ความรู้สึกในตอนนั้นมันต่างกันมาก  ครั้งแรกเขาไปตอนเด็กๆ  ครั้งที่สองเข้าไปเยี่ยมอาการป่วยของเซเน่  แต่ครั้งนี้ถูกเชิญเข้าไปโดยไม่ทราบสาเหตุ  ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวกับความในใจของเขาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมันเลย  แม้แต่เธอผู้เป็นต้นเหตุ  



        “เข้ามาเถอะ” คิวลัสยึกยักเล็กน้อย  ก่อนเดินตามเข้าไป



        ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน  เตียงสี่เสาที่ด้านข้างมีหน้าต่าง  ผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตา  โต๊ะเครื่องแป้งที่มุมห้อง  เห็นจะเปลี่ยนก็แต่กลิ่นหอมละมุนของสาวแรกรุ่นที่โชยอยู่ทั่วห้อง  เซเน่เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง  นั่งลงที่เก้าอี้  มือเอื้อมไปหยิบกรรไกรที่อยู่ในกล่องกำมะหยี่สีดำออกมา



        “ตัดผมให้ข้า” เซเน่พูดพร้อมหลับตาลง



        คิวลัสเดินเข้าไปใกล้แต่ยังคงรักษาระยะห่างไว้พอควร  โค้งศรีษะเล็กน้อยก่อนยื่นมือไปรับกรรไกรจากเซเน่  เลือนกายเข้าใกล้มากขึ้น  มือใหญ่ไล้เบาๆ ที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มราวเส้นไหมชั้นดีตั้งแต่โคนผมจรดปลายสุดที่อยู่กลางหลัง  เผลอสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผม  มันทำให้เขารู้สึกอ่อนไหวมากขึ้น  กลิ่นหอมละมุน  เส้นผมที่นุ่มมือ



        “รีบตัดเถอะ  ข้าทำใจแล้ว”  เสียงของหญิงสาวปลุกเขาจากอารมณ์หวั่นไหว



        เขาจับเส้นผมทั้งหมดรวบขึ้นเป็นหางม้า  ใช้กรรไกรในมือตัดฉับ  หางม้ายาวที่ถูกตัดนั้นอยู่ในมือ  เซเน่ขยับเปลือกตาขึ้นช้าๆ  รับหางม้ายาวจากคิวลัส  จ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงา  ดูไม่ต่างอะไรจากพี่ชายผู้เป็นแฝดเลยเมื่อประกอบกับชุดที่สวมใส่  ผมที่เคยยาวจรดกลางหลังกลับระเพียงต้นที่คอเชิดระหง  ด้วยลักษณะท่าทางทำให้เหมือนบุรุษเพศ



        “ต่อไปนี้เจ้าจงเรียกข้าว่า ‘ซาโน่’ ”



        ภารกิจที่ไม่รู้ระยะเวลาที่แน่นอน  ไม่รู้แม้กระทั่งชะตาชีวิตในภายภายหน้าของตนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  แล้วชีวิตที่บอบบางนี้เล่าจะเหลือรอดกลับมาได้หรือไม่ก็ยังไม่มีผู้ใดอาจทราบได้  พวกเขารู้เพียงว่าตอนนี้เวลาของพวกเขานั้นมีค่ามากยิ่งนักที่จะรักษามันไว้

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×