ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อเกิดตำนาน
เธอ
ผู้งดงามเยี่ยงนางพญา
เธอ ผู้ทรงอาชาเยี่ยงนักรบ
เธอ ผู้ไม่ยอมสยบอยู่ใต้สัญชาติแห่งใด
เธอ ซาวาดิคาโน เซเนริน่า เดอะ ปรินเซส ออฟ ออนเนอร์แลนด์ แห่งฮิวเมอร์แวเรียส
    ในยุคที่ยังมีการแบ่งกันออกเป็นไตรภาค  โดยมีการใช้เวทย์เป็นตัวแบ่งแยกระหว่างกัน  การดำรงชีวิตอยู่นั้นเป็นไปตามความสงบสุขตามแนววิถีชีวิตที่สืบทอดกันมา    แต่ความสงบสุขนั้นมีแนวทางที่ขัดแย้งกันเสมอ  แห่งหนึ่งรวมความวิจิตรงดงาม  แห่งหนึ่งคงความเป็นกลางของสองแห่งไว้  อีกแห่งไซร้รวมไว้แต่ความโสมม  ดังตามตำนานปรัมปราที่จารึกเอาไว้นับ 1000 ปี
   
เซคริเซจ  ดินแดนแห่งผู้ศักดิ์สิทธิ์  เพื่อดำรงซึ่งเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์
      ดินแดนอันก่อเกิดปาฏิหารย์นานับประการ
      ดินแดนรวมความงดงามไว้ทุกหยาดหยดแห่งการดำเนินชีวิต
      ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์  เซคริเซจ
ฮิวเมอร์แวเรียส      ดินแดนแห่งมนุษย์ผู้หลากหลาย
                  ดินแดนแห่งศักดิ์ศรี  วีรบุรุษ  แห่งความซื่อสัตย์  ความสงบสุข  แห่งผู้ช่างจำนรรจา
        ดินแดนแห่งความหลากหลายตามเส้นทางแห่งจิตใจและสำนึก
        ดินแดนแห่งสรรพอารมณ์  ฮิวเมอร์แวเรียส
ดาร์ควิล  ดินแดนแห่งความมืดมิดชั่วกัลปวสาน
      ดินแดนอันรวมซึ่งสาปสางแห่งความอำมหิต
      ดินแดนอันปรากฏแต่อมนุษย์ผู้สิ้นอารยธรรม
      ดินแดนแห่งสรรพสัตย์ผู้ไร้ซึ่งสามัญสำนึก  ดาร์ควิล
    แต่บัดนี้  ความสงบสุขอันเคยปรากฏตามแนวทางแห่งตนในไตรภาคได้มลายหายสิ้นไป  สิ่งที่คงอยู่ตอนนี้หรือ ดินแดนตอนล่างทั้งสองต่างคละคลุ้งไปด้วยสาปสางแห่งความอำมหิต  เกลือกกลั้วกลิ่นโลหิตทั้งสองสี  มหาสงครามแห่งศักดิ์ศรีทั้งปวงของมหาบุรุษแห่งฮิวเมอร์แวเรียส  มนุษย์ผู้อาจหาญกำแหงละเมิดบัญญัติหนึ่งในสามประการที่ว่า -สมาชิกแห่งใดในไตรภาคต้องมิอาจละเมิดในศักดิ์ศรีแห่งกัน-  มิใช่ว่าไตรภาคแห่งนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรมของศาลสูง  แต่กระนั้นแล แม้ศาลสูงแห่งเซคริเซจจะตัดสินลงทัณฑ์เหล่ามนุษย์ผู้ถือตนแห่งฮิวเมอร์แวเรียส  หรือจะเทียบเท่าความโกรธแค้นชิงชังของผู้โดนบั่นทอนซึ่งศักดิ์ศรีของตน  ประกอบด้วยความทะเยอทะยานอยากได้ของผู้บั่นทอนศักดิ์ศรีที่คิดว่าเผ่าพันธุ์ตนเองนั้นสูงส่ง  ด้วยเหตุนี้มหาสงครามที่ไม่มีผู้ใดในไตรภาคคาดถึงก็บังเกิดขึ้นแล้ว
ชัยชนะนั้นไม่ได้อยู่ที่การใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียว  มันยังต้องอาศัยความทะเยอทะยานอันเป็นสิ่งโสมมที่เกิดขึ้นในจิตใจด้วย  ชัยชนะในครั้งนี้เป็นของมนุษย์ผู้ใฝ่สูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียส  เป็นชัยชนะแห่งการประกาศศักดิ์ศรีอันเกรียงไกรของเผ่าพันธุ์  แต่ก็เป็นความอัปยศอดสูของอีกเผ่าพันธุ์เช่นกัน  พวกมนุษย์คิดว่านี่แหละคือบทสรุปของปัญหาทั้งปวง  นี่แหละคือชัยชนะอันเป็นนิรันดร  พวกเขาคิดผิดไปถนัด  เพราะว่าในเมื่อมีผู้ชนะแล้ว  ผู้แพ้นั้นหรือจะยอมให้พวกเขาเป็นผู้ชนะในครั้งต่อไป  ดังคำกล่าวติดปากที่ว่าเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป
              -----------------------------------------------------------------------------
    “ท่านพี่ซาโน่  ข้ามั่นใจ ท่านพี่ต้องหายจากโรคนี้  ท่านพี่ต้องแข็งแรงแน่นอน” เสียงให้กำลังใจแก่พี่ผู้เป็นฝาแฝดชายด้วยสายตาที่อ่อนโยน  ผู้พี่ยิ้มรับบางๆ ให้แก่น้องสาว
    หญิงร่างอรชรแต่แฝงไปด้วยคาวมงามสง่าเดินกรีดกรายออกจากห้องนอนของพี่ชายอย่างรักษาท่าทีพร้อมด้วยแววตาอันเศร้าหมอง  แต่แววตานั้นก็ไม่ได้แสดงออกให้ผู้ใดได้เห็นเลย  เซเนริน่าองค์หญิงแห่งออนเนอร์แลนด์เดินออกไปจากนอกตัววังอย่าสงบเสงี่ยม
    ทุ่งดอกไม้ด้านหน้าพลิ้วไหวลู่ใบไปตามสายลมที่โชยมาอ่อนๆ  เซเน่เดินออกไปล้มตัวลงนั่งกับทุ่งดอกไม้ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย  เรือนผมสีน้ำตาลเข้มราวเส้นไหมชั้นดีที่คลอเคลียแผ่นหลังนั้นปลิวสยายดวงตาสีครามดุจน้ำทะเลเคล้าคลอด้วยหยดหยาดน้ำตา  ผิวขาวนวลละเอียดขึ้นสีแดงเรื่อ  เรียวปากสีแดงได้รูปเม้มแน่นด้วยอาการเก็บกั้นอารมณ์  น้ำตาขององค์หญิงผู้งามสง่าที่ไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นนอกจากเขาผู้นี้ที่กำลังเฝ้ายืนดูอยู่ห่างๆ  สายตาอ่อนโยนที่แสดงออกถึงความห่วงใยเฝ้ามองอยู่จากที่ที่ไม่ไกล  เขาเดินเข้าไปหานั่งคุกเข่าลงข้างๆ  พร้อมนำมือไปสัมผัสที่ไหล่บางๆ เพื่อปลอบใจ  เซเน่หันหน้ามาสบตาเขาผู้นั้นแล้วโผเข้าซบที่อกของเขา  เขารับเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
    “คิวลัส  เมื่อไรท่านพี่ของข้าจะหายจากโรคเสียที” เซเน่ถามด้วยน้ำเสียงอันเหน็ดเหนื่อยใจ
    “อีกไม่นานหรอกองค์หญิงแห่งข้า  ท่านจงเข้มแข็งเอาไว้”
    องครักษ์หนุ่มมีผมสีน้ำตาลอ่อนพูดปลอบโยน  พลางกระชับอ้อมกอดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย  ถึงแม้จะรู้แก่ใจดีว่าโรคที่ซาโน่เป็นอยู่นั้นไม่มีทางหายขาดเลย  ในตอนนี้เซเน่กำลังหลับตาพริ้มในอ้อมอกองครักษ์หนุ่มผู้มีอายุไร่เรี่ยกัน  ถึงแม้ร่องรอยแห่งความโศกเศร้ายังคงปรากฏอยู่  แต่ริมฝีปากบางก็ยังคงมีรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นใจที่เกิดขึ้น
    10 ปีก่อน
    “คิวลัส  นี่เจ้ากำลังจะเดินไปไหน” เสียงเอ็ดเบาๆ ของผู้เป็นแม่ดังขึ้นเมื่อเด็กชายที่เธอพามาในวังกำลังเดินชมความงดงามภายในวังหลวงอย่างลืมตัว
    เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันหน้ามาตามเสียงเรียก  พร้อมกับถามผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าอันฉงนว่า..  “ท่านแม่พาข้าเข้ามาในวังหลวงทำไมกัน”
    “คิวลัสลูกแม่  นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแม่จะนำเจ้ามาอยู่ที่ในวังหลวง  เจ้าจงปกป้องดูแลองค์หญิงให้ดีๆ นะ  แม่รักลูกจ้ะ”  ผู้เป็นแม่เดินจากไป  เด็กชายไม่ได้สนใจอะไร  เพราะคิดว่าคงได้พบกันอีก
    เด็กชายเดินสำรวจภายในวัง  เขาเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงทางออกด้านหลังของวัง  เขาเดินออกไป  สิ่งที่เห็นก็คือทุ่งดอกไม้นานาชนิดอันกว้างขวางและร่มรื่นเป็นที่สุด  สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังเพลิดเพลินกับผีเสื้อหลากสีสัน  เธอมีเรือนผมสีน้ำตามเข้มราวไหมชั้นดี  คิวลัสจ้องมองเธออย่างสนอกสนใจ  พอดีกับที่เด็กหญิงหันใบหน้ามาเจอพอดี  เด็กหญิงตกใจเล็กน้อย  คิวลัสรีบหลบสายตาที่เอียงอายอย่างรวดเร็ว  เด็กหญิงเดินเข้ามาหาคิวลัส
    “ข้าชื่อเซเน่  เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ” เด็กหญิงว่าพลางยื่นมือออกมาชูนิ้วก้อยขึ้น
    “ ข..ข้าชื่อคิวลัส..”  เด็กชายยื่นมือออกมาเกี่ยวก้อยกับเด็กหญิงอย่างเก้เก้กังกัง
    องครักษ์หนุ่มยืนกอดอกใบหน้าฉายแววครุ่นคิดท่ามกลางแสงสีนวลของดวงจันทร์อยู่บนระเบียงที่ยื่นออกมาข้างนอกจากตัววัง  สายตามองทอดออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย  ในใจก็เฝ้าครุ่นคิดถึงองค์หญิงอันเป็นที่รักของตน  ที่ต้องคอยรับหน้าที่อันหนักเกินไปสำหรับหญิงสาวอายุ 17 ปี  เซเน่ต้องแบกรับภาระแทนซาโน่ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดที่นอนป่วยอยู่  ความอ่อนแอที่ไม่เคยปรากฏในสายตาผู้ใดของเซเน่นั้นยิ่งทำให้องครักษ์หนุ่มเห็นใจองค์หญิงของตนมากขึ้น  อย่างไรก็แล้วแต่องครักษ์หนุ่มผู้นี้ได้ตั้งปณิธานกับตนเองไว้ว่าจะคอยอยู่เคียงข้างองค์หญิงอันเป็นที่รักของเขาตลอดไป  จนกว่า ชีวิตนี้ จะสูญสิ้นไป..
   
    แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ด้านตรงข้ามกับเตียงนอนสี่เสาเคลือบด้วยทองคำเปล่งประกายวาวอร่าม  ที่นอนสีขาวสะอาดตาปรากฏร่างหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง  เสียงการเข้ามาของหญิงรับใช้ทำให้เซเน่ได้รู้สึกตัว      ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาชำระล้างร่างกาย  แต่งองทรงเครื่องเตรียมตัวออกไปทำหน้าที่ของตน  เสื้อผ้าที่เซเน่สวมใส่ไม้ได้เป็นชุดกระโปรงที่องค์หญิงใส่กัน  เซเน่ใส่เพียงเสื้อแขนยาวสีขาวคอตั้งมีระบาย  คลุมด้วยเสื้อนอกสีน้ำตาลเข้มเข้ากับกางเกง  เข็มขัดหนังสีดำพร้อมด้วยรองเท้าบูทยาวถึงเข่า  ผมที่ยาวปรกแผ่นหลังถูกรัดเอาไว้ด้วยริ้บบิ้นสีน้ำตาล  ดูรับกับใบหน้าท่าทางที่สง่างามตามแบบขุนนางในวัง  เซเน่เดินไปที่กระจกเงาตรวจดูความเรียบร้อย  ก่อนจะเดินออกไป
    ด้านหน้าประตู  ใบหน้าอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นเป็นเรื่องปกติ  ทหารองครักษ์หนุ่มผู้เป็นเสมือนเพื่อนยืนรอด้วยท่าทางสง่าสมชายชาตรีเผยยิ้มรับบางๆ ที่ไม่ปรากฏบ่อยนักให้แก่ผู้อยู่เบื้องหน้า  ก้มศรีษะเล็กน้อยแทนคำทักทาย
    “ข้าบอกแล้ว ว่าไม่ต้องก้มหัวให้ข้า”
    “กระหม่อม ..” องครักษ์หนุ่มยังพูดไม่จบ
    “เจ้าเป็นเพื่อนของข้านะ” เซเน่เปลี่ยนเรื่องสนทนา
    “ ” 
    องครักษ์หนุ่มรู้ดีถึงไมตรีที่เซเน่มีให้  แต่หากเขาคิดว่าเธอผู้อยู่ด้านหน้านั้นเป็นเพื่อน  จิตใจของเขาก็ชักจะหวั่นไหวไปกับความรู้สึกของตนมากยิ่งขึ้น  จึงต้องเตือนใจของตังเองอยู่เสมอว่าหญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขานี้เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ 
              “วันนี้ไปตรวจการฝึกทหารก่อนละกัน”
              ภาพที่ทุกคนต่างเห็นกันชินสายตาคือ  องค์หญิงเซเน่ผู้มีสิริโฉมอันสง่างามเดินเคียงคู่ไปกับคิวลัสทหารองครักษ์หนุ่มมาดขรึม  ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปตรวจโรงฝึกทหารที่อยู่ทางด้านตะวันออกของวัง
              ทหารในโรงฝึกต่างพูดคุยกับเซเน่อย่างคุ้นเคย  ท่าทางที่แสดงออกต่อเซเน่นั้นต่างเคารพนับถือทั้งในด้านฝีมือการใช้อาวุธต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว  แม้แต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า  อีกทั้งท่าทางสง่างามน่ายกย่องอย่างที่ไม่มีบุรุษผู้ใดบังอาจมาดูถูก
    “ทูลกระหม่อม  พระบิดาแห่งท่านมีรับสั่งให้เข้าประชุมที่ท้องพระโรงโดยด่วนกระหม่อม”เซเน่พยักหน้าให้แก่ทหารผู้นำเรื่องแทนคำตอบ
   
                ‘เฮ้อ  เรื่องอะไรอีกล่ะทีนี้‘ เสียงบ่นเหนื่อยหน่ายดังขึ้นในใจ  แต่ใบหน้านั้นเรียบเฉย  เตรียมพร้อมไปรับคำสั่งจากผู้เป็นบิดา
    ประตูบานใหญ่ลายวิจิตรด้านหน้ามีทหารประจำประตูอยู่  เซเน่สำรวจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชุดเดิมให้ดูพิถีพิถันมากยิ่งขึ้นพื่อเตรียมพร้อมเข้าประชุม  ทหารหน้าประตูโค้งให้อย่างนอบน้อมก่อนเปิดประตูบานใหญ่เพื่อให้ทั้งสองได้เดินเข้าไป  ภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่นั่งเรียงรายกันตามบรรดาศักดิ์  เซเน่เดินตรงไปที่เก้าอี้ที่อยู่ด้านขวาของกษัตริย์โซรอยด์ผู้เป็นบิดา  คิวลัสเขยื้อนเก้าอี้เล็กน้อยก่อนให้เซเน่นั่ง
    ท้องพระโรงแห่งนี้มีความงดงามยิ่งนัก  ฝาผนังที่อยู่ด้านข้างนั้นเรียงรายไปด้วยรูปหล่อของอัศวินคนสำคัญในยุคต่างๆ  เพดานนั้นเป็นรูปโดมประดับประดาด้วยโคมไฟคริสตัลขนาดใหญ่ระย้า  ผนังด้านหลังที่ประทับของกษัตริย์โซรอยด์นั้นเป็นรูปแกะสลักหินอ่อนของบรรพบุรุษแห่งกษัตริย์ในชุดเต็มยศในแต่ละยุคสมัย  โต๊ะมีลักษณะเป็นหินอ่อนสีนิล  พร้อมเก้าอี้เข้าชุดบุนวมหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มนับสิบตัว  บนโต๊ะมีเพียงแก้วน้ำชาของผู้ร่วมประชุมเนื่องจากเลยเวลาอาหารเช้ามาได้ไม่นานนัก
    “ท่านพ่อมีกิจสำคัญอันใด จึงเรียกลูกมาร่วมเข้าประชุมโดยด่วนเช่นนี้”
    กษัตริย์โซรอยด์มองเซเน่แสดงสีหน้าครุ่นคิด  ถอนหายใจเล็กน้อย  คนในที่ประชุมทั้งหลายต่างเงียบกริบเพื่อรอฟังคำตอบของกษัตริย์  แต่ก็ไม่ได้มีคำพูดใดจากผู้เป็นกษัตริย์เลย  ดาโนส ขุนนางฝ่ายการเมืองกจึงเริ่มกล่าวเกริ่นการประชุม
    “จากการประชุมครั้งล่าสุด  ทุกท่านได้ทราบกับดีแล้วว่าทางสภาสูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียสได้ส่งข่าวมาว่าตอนนี้ ดาร์ควิล ดินแดนตอนใต้ได้มีการเคลื่อนไหวเพื่อกระทำการบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นเจตนาที่ดีต่อดินแดนแห่งเรา  ทางสภาสูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียสจึงได้มีการจัดประชุมอีกครั้งเพื่อหาทางป้องกันและส่งสาสน์ด่วนมายังออนเนอร์แลนด์  มีเนื้อความดังนี้”
   
‘สภาสูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียสได้ทราบความลับบางอย่างเกี่ยวกับการเตรียมทำสงครามของดาร์ควิล  เพื่อทำการเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  ทางสภาสูงจึงมีกำหนดให้แต่ละเมืองแห่งดินแดนฮิวเมอร์แวเรียสส่งรัชทายาทผู้มีฝีมือมาร่วมประชุมเตรียมการรบที่เมืองไฮเฮอร์โรโดยไม่มีกำหนด’
                เมื่ออ่านสาสน์จบขุนนางทั้งหลายต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด  มีเสียงหารือกันเงียบๆ ด้วยความเกรงใจผู้เป็นกษัตริย์ 
    “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมเบาๆ ของกษัตริย์โซรอยด์  ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
    “ดังที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า  ซาโน่บุตรแห่งเรานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอ  ซึ่งเรื่องนี้ทางเมืองเราก็มิอาจเปิดเผยให้เมืองอื่นๆ ทราบได้  เราจึงได้มีการตัดสินใจแล้วว่า...”
    กษัตริย์โซรอยด์ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง  บรรยากาศภายในห้องประชุมนั้นเงียบกริบถึงขนาดสามารถได้ยินเสียงหายใจได้
   
                “ ว่าเราจะส่งเซเนริน่าบุตรีแห่งเราไปร่วมประชุมแทน”
    เจ้าของชื่อผู้มีใบหน้าราบเรียบเสมอบัดนี้กระตุกกับคำประกาศของกษัตริย์ผู้เป็นบิดาเล็กน้อย  ตอนนี้โลกของเซเน่นั้นเหมือนจะหยุดหมุนลงไปทันที  คิวลัสก็เช่นกัน  แต่ใบหน้าทั้งสองก็ไม่แสดงออกใดๆ  บรรยากาศในห้องประชุมนั้นเต็มไปด้วยเสียงคำถามต่างๆ นานาของขุนนางผู้ร่วมประชุม
    “เอ่อ..ทูลกระหม่อมเรื่องที่พระองค์ทรงกล่าวมานั้นจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อ ”
    “เราจะให้เซเนริน่าปลอมตัวเป็นซาโน่” กษัตริย์โซรอยด์ชิงตอบคำถามของแอลวาขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายการเวทย์ดังรู้คำถามแล้วเป็นอย่างดี 
                เซเน่และคิวลัสที่ได้ฟังคำตอบจากกษัตริย์โซรอยด์นั้นไม่ได้ลดความกังวลลงไปเลย
    “ทูลกระหม่อม  แล้วเรื่องที่องค์หญิงต้องไปประชุมเตรียมการรบอย่างไม่มีกำหนดนั้นทรงเห็นว่าอย่างไรกระหม่อม” ลาดัส ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายการรบถามอย่างกังวล
    “ลาดัส..ท่านไม่เชื่อใจในฝีมือบุตรีแห่งเราหรือ?”
    คำตอบที่ใจเย็นนี้  เป็นตัวปิดการประชุม
    ลาดัสนั้นรู้ดีว่าฝีมือของเซเน่นั้นเก่งเพียงใด  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สบายใจนัก  เพราะสิ่งที่คาใจเขานั้น  คือ เซเน่เป็นผู้หญิง  ซ้ำแล้วยังเป็นถึงองค์หญิงอีกด้วย
    สีหน้ากลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัดของคิวลัสขณะกำลังรีบร้อนไปที่ห้องของเซเน่  เนื่องจากอยากสนทนาเกี่ยวกับเรื่องการประชุม  นางหน้าห้องของเซเน่ก้มศรีษะแสดงความเคารพ  คิวลัสผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจ  ภายในนั้นมีโต๊ะเก้าอี้เข้าชุดขนาดห้าที่นั่งวางอยู่กลางห้อง  พื้นถูกปูลาดด้วยพรมผืนใหญ่สีแดงเข้ม มีตู้โชว์ไม้แกะสลักอย่างปราณีตและเตาผิงที่ไม่ได้ก่อไฟเนื่องจากเป็นฤดูร้อนอยู่ที่ผนังของทั้งสองข้าง  ส่วนผนังด้านในสุดนั้นเป็นทางเข้าไปสู่ห้องนอนที่ปิดบังด้วยผ้าม่านซีทรูสีทองสามชั้นเรียงกัน
    “ข้านึกไว้แล้วว่าเจ้าต้องมาหาข้า” เซเน่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยิ้มเจ้าเล่ห์มองหน้าคิวลัสอย่างรู้ทัน 
    “องค์หญิง  เรื่องที่ท่านต้องไปประชุมเตรียมการรบนั้นเป็นอย่างไรกัน” คิวลัสเอ่ยถามอย่างไม่รีรอก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม
    “เจ้าคิดว่าจะอย่างไรเล่า” คำตอบยั่วโมโหของเซเน่ใช้ได้ผลทีเดียว
    “องค์หญิง” คำพูดที่บอกว่าความร้อนใจนั้นลดลงไปบ้าง
    “ข้าต้องออกเดินทางไปที่ไฮเฮอร์โรอีกสองวัน”  น้ำเสียงเซเน่จริงจังมากขึ้น   
    “แล้วท่านจะทำอย่างไรในเมื่อ..”
    “ก็อย่างที่ท่านพ่อพูดในที่ประชุมนั่นไง  ปลอมตัวเป็นท่านพี่”
    “แต่ว่า ”
    “เอาน่าคิวลัส  ยังไงก็เป็นหน้าที่  อีกอย่างข้าก็มีเจ้าไปเป็นเพื่อนทั้งคน” เซเน่ตอบอย่างสบายใจ  แต่คิวลัสนั้นตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง  คิวลัสไม่พูดอะไร  เรียกว่าพูดอะไรไม่ได้ดีกว่า  ก็จริงอย่างที่เซเน่ว่า  แต่ก็ยังดีที่ได้ติดตามไปด้วย
    “งั้นกระหม่อมทูลลา” คิวลัสรีบบอกลา  ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่คุยกับเซเน่  แต่องครักษ์จะอยู่ในห้องกับองค์หญิงนานนักก็ไม่เป็นการดีแน่
    “ก็ดี  ข้าก็อยากนอนแล้ว” สีหน้าที่แสดงออกว่าอยากนอนจริงๆ
    องครักษ์หนุ่มลุกจากเก้าอี้โค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป  ลอบถอนหายใจเบาๆ  เซเน่มองไล่หลังคิวลัสพร้อมกับยิ้มอย่างสบายใจก่อนเดินเข้าห้องนอน
เธอ ผู้ทรงอาชาเยี่ยงนักรบ
เธอ ผู้ไม่ยอมสยบอยู่ใต้สัญชาติแห่งใด
เธอ ซาวาดิคาโน เซเนริน่า เดอะ ปรินเซส ออฟ ออนเนอร์แลนด์ แห่งฮิวเมอร์แวเรียส
    ในยุคที่ยังมีการแบ่งกันออกเป็นไตรภาค  โดยมีการใช้เวทย์เป็นตัวแบ่งแยกระหว่างกัน  การดำรงชีวิตอยู่นั้นเป็นไปตามความสงบสุขตามแนววิถีชีวิตที่สืบทอดกันมา    แต่ความสงบสุขนั้นมีแนวทางที่ขัดแย้งกันเสมอ  แห่งหนึ่งรวมความวิจิตรงดงาม  แห่งหนึ่งคงความเป็นกลางของสองแห่งไว้  อีกแห่งไซร้รวมไว้แต่ความโสมม  ดังตามตำนานปรัมปราที่จารึกเอาไว้นับ 1000 ปี
   
เซคริเซจ  ดินแดนแห่งผู้ศักดิ์สิทธิ์  เพื่อดำรงซึ่งเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์
      ดินแดนอันก่อเกิดปาฏิหารย์นานับประการ
      ดินแดนรวมความงดงามไว้ทุกหยาดหยดแห่งการดำเนินชีวิต
      ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์  เซคริเซจ
ฮิวเมอร์แวเรียส      ดินแดนแห่งมนุษย์ผู้หลากหลาย
                  ดินแดนแห่งศักดิ์ศรี  วีรบุรุษ  แห่งความซื่อสัตย์  ความสงบสุข  แห่งผู้ช่างจำนรรจา
        ดินแดนแห่งความหลากหลายตามเส้นทางแห่งจิตใจและสำนึก
        ดินแดนแห่งสรรพอารมณ์  ฮิวเมอร์แวเรียส
ดาร์ควิล  ดินแดนแห่งความมืดมิดชั่วกัลปวสาน
      ดินแดนอันรวมซึ่งสาปสางแห่งความอำมหิต
      ดินแดนอันปรากฏแต่อมนุษย์ผู้สิ้นอารยธรรม
      ดินแดนแห่งสรรพสัตย์ผู้ไร้ซึ่งสามัญสำนึก  ดาร์ควิล
    แต่บัดนี้  ความสงบสุขอันเคยปรากฏตามแนวทางแห่งตนในไตรภาคได้มลายหายสิ้นไป  สิ่งที่คงอยู่ตอนนี้หรือ ดินแดนตอนล่างทั้งสองต่างคละคลุ้งไปด้วยสาปสางแห่งความอำมหิต  เกลือกกลั้วกลิ่นโลหิตทั้งสองสี  มหาสงครามแห่งศักดิ์ศรีทั้งปวงของมหาบุรุษแห่งฮิวเมอร์แวเรียส  มนุษย์ผู้อาจหาญกำแหงละเมิดบัญญัติหนึ่งในสามประการที่ว่า -สมาชิกแห่งใดในไตรภาคต้องมิอาจละเมิดในศักดิ์ศรีแห่งกัน-  มิใช่ว่าไตรภาคแห่งนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรมของศาลสูง  แต่กระนั้นแล แม้ศาลสูงแห่งเซคริเซจจะตัดสินลงทัณฑ์เหล่ามนุษย์ผู้ถือตนแห่งฮิวเมอร์แวเรียส  หรือจะเทียบเท่าความโกรธแค้นชิงชังของผู้โดนบั่นทอนซึ่งศักดิ์ศรีของตน  ประกอบด้วยความทะเยอทะยานอยากได้ของผู้บั่นทอนศักดิ์ศรีที่คิดว่าเผ่าพันธุ์ตนเองนั้นสูงส่ง  ด้วยเหตุนี้มหาสงครามที่ไม่มีผู้ใดในไตรภาคคาดถึงก็บังเกิดขึ้นแล้ว
ชัยชนะนั้นไม่ได้อยู่ที่การใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียว  มันยังต้องอาศัยความทะเยอทะยานอันเป็นสิ่งโสมมที่เกิดขึ้นในจิตใจด้วย  ชัยชนะในครั้งนี้เป็นของมนุษย์ผู้ใฝ่สูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียส  เป็นชัยชนะแห่งการประกาศศักดิ์ศรีอันเกรียงไกรของเผ่าพันธุ์  แต่ก็เป็นความอัปยศอดสูของอีกเผ่าพันธุ์เช่นกัน  พวกมนุษย์คิดว่านี่แหละคือบทสรุปของปัญหาทั้งปวง  นี่แหละคือชัยชนะอันเป็นนิรันดร  พวกเขาคิดผิดไปถนัด  เพราะว่าในเมื่อมีผู้ชนะแล้ว  ผู้แพ้นั้นหรือจะยอมให้พวกเขาเป็นผู้ชนะในครั้งต่อไป  ดังคำกล่าวติดปากที่ว่าเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป
              -----------------------------------------------------------------------------
    “ท่านพี่ซาโน่  ข้ามั่นใจ ท่านพี่ต้องหายจากโรคนี้  ท่านพี่ต้องแข็งแรงแน่นอน” เสียงให้กำลังใจแก่พี่ผู้เป็นฝาแฝดชายด้วยสายตาที่อ่อนโยน  ผู้พี่ยิ้มรับบางๆ ให้แก่น้องสาว
    หญิงร่างอรชรแต่แฝงไปด้วยคาวมงามสง่าเดินกรีดกรายออกจากห้องนอนของพี่ชายอย่างรักษาท่าทีพร้อมด้วยแววตาอันเศร้าหมอง  แต่แววตานั้นก็ไม่ได้แสดงออกให้ผู้ใดได้เห็นเลย  เซเนริน่าองค์หญิงแห่งออนเนอร์แลนด์เดินออกไปจากนอกตัววังอย่าสงบเสงี่ยม
    ทุ่งดอกไม้ด้านหน้าพลิ้วไหวลู่ใบไปตามสายลมที่โชยมาอ่อนๆ  เซเน่เดินออกไปล้มตัวลงนั่งกับทุ่งดอกไม้ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย  เรือนผมสีน้ำตาลเข้มราวเส้นไหมชั้นดีที่คลอเคลียแผ่นหลังนั้นปลิวสยายดวงตาสีครามดุจน้ำทะเลเคล้าคลอด้วยหยดหยาดน้ำตา  ผิวขาวนวลละเอียดขึ้นสีแดงเรื่อ  เรียวปากสีแดงได้รูปเม้มแน่นด้วยอาการเก็บกั้นอารมณ์  น้ำตาขององค์หญิงผู้งามสง่าที่ไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นนอกจากเขาผู้นี้ที่กำลังเฝ้ายืนดูอยู่ห่างๆ  สายตาอ่อนโยนที่แสดงออกถึงความห่วงใยเฝ้ามองอยู่จากที่ที่ไม่ไกล  เขาเดินเข้าไปหานั่งคุกเข่าลงข้างๆ  พร้อมนำมือไปสัมผัสที่ไหล่บางๆ เพื่อปลอบใจ  เซเน่หันหน้ามาสบตาเขาผู้นั้นแล้วโผเข้าซบที่อกของเขา  เขารับเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
    “คิวลัส  เมื่อไรท่านพี่ของข้าจะหายจากโรคเสียที” เซเน่ถามด้วยน้ำเสียงอันเหน็ดเหนื่อยใจ
    “อีกไม่นานหรอกองค์หญิงแห่งข้า  ท่านจงเข้มแข็งเอาไว้”
    องครักษ์หนุ่มมีผมสีน้ำตาลอ่อนพูดปลอบโยน  พลางกระชับอ้อมกอดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย  ถึงแม้จะรู้แก่ใจดีว่าโรคที่ซาโน่เป็นอยู่นั้นไม่มีทางหายขาดเลย  ในตอนนี้เซเน่กำลังหลับตาพริ้มในอ้อมอกองครักษ์หนุ่มผู้มีอายุไร่เรี่ยกัน  ถึงแม้ร่องรอยแห่งความโศกเศร้ายังคงปรากฏอยู่  แต่ริมฝีปากบางก็ยังคงมีรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นใจที่เกิดขึ้น
    10 ปีก่อน
    “คิวลัส  นี่เจ้ากำลังจะเดินไปไหน” เสียงเอ็ดเบาๆ ของผู้เป็นแม่ดังขึ้นเมื่อเด็กชายที่เธอพามาในวังกำลังเดินชมความงดงามภายในวังหลวงอย่างลืมตัว
    เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันหน้ามาตามเสียงเรียก  พร้อมกับถามผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าอันฉงนว่า..  “ท่านแม่พาข้าเข้ามาในวังหลวงทำไมกัน”
    “คิวลัสลูกแม่  นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแม่จะนำเจ้ามาอยู่ที่ในวังหลวง  เจ้าจงปกป้องดูแลองค์หญิงให้ดีๆ นะ  แม่รักลูกจ้ะ”  ผู้เป็นแม่เดินจากไป  เด็กชายไม่ได้สนใจอะไร  เพราะคิดว่าคงได้พบกันอีก
    เด็กชายเดินสำรวจภายในวัง  เขาเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงทางออกด้านหลังของวัง  เขาเดินออกไป  สิ่งที่เห็นก็คือทุ่งดอกไม้นานาชนิดอันกว้างขวางและร่มรื่นเป็นที่สุด  สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังเพลิดเพลินกับผีเสื้อหลากสีสัน  เธอมีเรือนผมสีน้ำตามเข้มราวไหมชั้นดี  คิวลัสจ้องมองเธออย่างสนอกสนใจ  พอดีกับที่เด็กหญิงหันใบหน้ามาเจอพอดี  เด็กหญิงตกใจเล็กน้อย  คิวลัสรีบหลบสายตาที่เอียงอายอย่างรวดเร็ว  เด็กหญิงเดินเข้ามาหาคิวลัส
    “ข้าชื่อเซเน่  เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ” เด็กหญิงว่าพลางยื่นมือออกมาชูนิ้วก้อยขึ้น
    “ ข..ข้าชื่อคิวลัส..”  เด็กชายยื่นมือออกมาเกี่ยวก้อยกับเด็กหญิงอย่างเก้เก้กังกัง
    องครักษ์หนุ่มยืนกอดอกใบหน้าฉายแววครุ่นคิดท่ามกลางแสงสีนวลของดวงจันทร์อยู่บนระเบียงที่ยื่นออกมาข้างนอกจากตัววัง  สายตามองทอดออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย  ในใจก็เฝ้าครุ่นคิดถึงองค์หญิงอันเป็นที่รักของตน  ที่ต้องคอยรับหน้าที่อันหนักเกินไปสำหรับหญิงสาวอายุ 17 ปี  เซเน่ต้องแบกรับภาระแทนซาโน่ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดที่นอนป่วยอยู่  ความอ่อนแอที่ไม่เคยปรากฏในสายตาผู้ใดของเซเน่นั้นยิ่งทำให้องครักษ์หนุ่มเห็นใจองค์หญิงของตนมากขึ้น  อย่างไรก็แล้วแต่องครักษ์หนุ่มผู้นี้ได้ตั้งปณิธานกับตนเองไว้ว่าจะคอยอยู่เคียงข้างองค์หญิงอันเป็นที่รักของเขาตลอดไป  จนกว่า ชีวิตนี้ จะสูญสิ้นไป..
   
    แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ด้านตรงข้ามกับเตียงนอนสี่เสาเคลือบด้วยทองคำเปล่งประกายวาวอร่าม  ที่นอนสีขาวสะอาดตาปรากฏร่างหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง  เสียงการเข้ามาของหญิงรับใช้ทำให้เซเน่ได้รู้สึกตัว      ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาชำระล้างร่างกาย  แต่งองทรงเครื่องเตรียมตัวออกไปทำหน้าที่ของตน  เสื้อผ้าที่เซเน่สวมใส่ไม้ได้เป็นชุดกระโปรงที่องค์หญิงใส่กัน  เซเน่ใส่เพียงเสื้อแขนยาวสีขาวคอตั้งมีระบาย  คลุมด้วยเสื้อนอกสีน้ำตาลเข้มเข้ากับกางเกง  เข็มขัดหนังสีดำพร้อมด้วยรองเท้าบูทยาวถึงเข่า  ผมที่ยาวปรกแผ่นหลังถูกรัดเอาไว้ด้วยริ้บบิ้นสีน้ำตาล  ดูรับกับใบหน้าท่าทางที่สง่างามตามแบบขุนนางในวัง  เซเน่เดินไปที่กระจกเงาตรวจดูความเรียบร้อย  ก่อนจะเดินออกไป
    ด้านหน้าประตู  ใบหน้าอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นเป็นเรื่องปกติ  ทหารองครักษ์หนุ่มผู้เป็นเสมือนเพื่อนยืนรอด้วยท่าทางสง่าสมชายชาตรีเผยยิ้มรับบางๆ ที่ไม่ปรากฏบ่อยนักให้แก่ผู้อยู่เบื้องหน้า  ก้มศรีษะเล็กน้อยแทนคำทักทาย
    “ข้าบอกแล้ว ว่าไม่ต้องก้มหัวให้ข้า”
    “กระหม่อม ..” องครักษ์หนุ่มยังพูดไม่จบ
    “เจ้าเป็นเพื่อนของข้านะ” เซเน่เปลี่ยนเรื่องสนทนา
    “ ” 
    องครักษ์หนุ่มรู้ดีถึงไมตรีที่เซเน่มีให้  แต่หากเขาคิดว่าเธอผู้อยู่ด้านหน้านั้นเป็นเพื่อน  จิตใจของเขาก็ชักจะหวั่นไหวไปกับความรู้สึกของตนมากยิ่งขึ้น  จึงต้องเตือนใจของตังเองอยู่เสมอว่าหญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขานี้เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ 
              “วันนี้ไปตรวจการฝึกทหารก่อนละกัน”
              ภาพที่ทุกคนต่างเห็นกันชินสายตาคือ  องค์หญิงเซเน่ผู้มีสิริโฉมอันสง่างามเดินเคียงคู่ไปกับคิวลัสทหารองครักษ์หนุ่มมาดขรึม  ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปตรวจโรงฝึกทหารที่อยู่ทางด้านตะวันออกของวัง
              ทหารในโรงฝึกต่างพูดคุยกับเซเน่อย่างคุ้นเคย  ท่าทางที่แสดงออกต่อเซเน่นั้นต่างเคารพนับถือทั้งในด้านฝีมือการใช้อาวุธต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว  แม้แต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า  อีกทั้งท่าทางสง่างามน่ายกย่องอย่างที่ไม่มีบุรุษผู้ใดบังอาจมาดูถูก
    “ทูลกระหม่อม  พระบิดาแห่งท่านมีรับสั่งให้เข้าประชุมที่ท้องพระโรงโดยด่วนกระหม่อม”เซเน่พยักหน้าให้แก่ทหารผู้นำเรื่องแทนคำตอบ
   
                ‘เฮ้อ  เรื่องอะไรอีกล่ะทีนี้‘ เสียงบ่นเหนื่อยหน่ายดังขึ้นในใจ  แต่ใบหน้านั้นเรียบเฉย  เตรียมพร้อมไปรับคำสั่งจากผู้เป็นบิดา
    ประตูบานใหญ่ลายวิจิตรด้านหน้ามีทหารประจำประตูอยู่  เซเน่สำรวจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชุดเดิมให้ดูพิถีพิถันมากยิ่งขึ้นพื่อเตรียมพร้อมเข้าประชุม  ทหารหน้าประตูโค้งให้อย่างนอบน้อมก่อนเปิดประตูบานใหญ่เพื่อให้ทั้งสองได้เดินเข้าไป  ภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่นั่งเรียงรายกันตามบรรดาศักดิ์  เซเน่เดินตรงไปที่เก้าอี้ที่อยู่ด้านขวาของกษัตริย์โซรอยด์ผู้เป็นบิดา  คิวลัสเขยื้อนเก้าอี้เล็กน้อยก่อนให้เซเน่นั่ง
    ท้องพระโรงแห่งนี้มีความงดงามยิ่งนัก  ฝาผนังที่อยู่ด้านข้างนั้นเรียงรายไปด้วยรูปหล่อของอัศวินคนสำคัญในยุคต่างๆ  เพดานนั้นเป็นรูปโดมประดับประดาด้วยโคมไฟคริสตัลขนาดใหญ่ระย้า  ผนังด้านหลังที่ประทับของกษัตริย์โซรอยด์นั้นเป็นรูปแกะสลักหินอ่อนของบรรพบุรุษแห่งกษัตริย์ในชุดเต็มยศในแต่ละยุคสมัย  โต๊ะมีลักษณะเป็นหินอ่อนสีนิล  พร้อมเก้าอี้เข้าชุดบุนวมหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มนับสิบตัว  บนโต๊ะมีเพียงแก้วน้ำชาของผู้ร่วมประชุมเนื่องจากเลยเวลาอาหารเช้ามาได้ไม่นานนัก
    “ท่านพ่อมีกิจสำคัญอันใด จึงเรียกลูกมาร่วมเข้าประชุมโดยด่วนเช่นนี้”
    กษัตริย์โซรอยด์มองเซเน่แสดงสีหน้าครุ่นคิด  ถอนหายใจเล็กน้อย  คนในที่ประชุมทั้งหลายต่างเงียบกริบเพื่อรอฟังคำตอบของกษัตริย์  แต่ก็ไม่ได้มีคำพูดใดจากผู้เป็นกษัตริย์เลย  ดาโนส ขุนนางฝ่ายการเมืองกจึงเริ่มกล่าวเกริ่นการประชุม
    “จากการประชุมครั้งล่าสุด  ทุกท่านได้ทราบกับดีแล้วว่าทางสภาสูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียสได้ส่งข่าวมาว่าตอนนี้ ดาร์ควิล ดินแดนตอนใต้ได้มีการเคลื่อนไหวเพื่อกระทำการบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นเจตนาที่ดีต่อดินแดนแห่งเรา  ทางสภาสูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียสจึงได้มีการจัดประชุมอีกครั้งเพื่อหาทางป้องกันและส่งสาสน์ด่วนมายังออนเนอร์แลนด์  มีเนื้อความดังนี้”
   
‘สภาสูงแห่งฮิวเมอร์แวเรียสได้ทราบความลับบางอย่างเกี่ยวกับการเตรียมทำสงครามของดาร์ควิล  เพื่อทำการเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  ทางสภาสูงจึงมีกำหนดให้แต่ละเมืองแห่งดินแดนฮิวเมอร์แวเรียสส่งรัชทายาทผู้มีฝีมือมาร่วมประชุมเตรียมการรบที่เมืองไฮเฮอร์โรโดยไม่มีกำหนด’
                เมื่ออ่านสาสน์จบขุนนางทั้งหลายต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด  มีเสียงหารือกันเงียบๆ ด้วยความเกรงใจผู้เป็นกษัตริย์ 
    “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมเบาๆ ของกษัตริย์โซรอยด์  ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
    “ดังที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า  ซาโน่บุตรแห่งเรานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอ  ซึ่งเรื่องนี้ทางเมืองเราก็มิอาจเปิดเผยให้เมืองอื่นๆ ทราบได้  เราจึงได้มีการตัดสินใจแล้วว่า...”
    กษัตริย์โซรอยด์ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง  บรรยากาศภายในห้องประชุมนั้นเงียบกริบถึงขนาดสามารถได้ยินเสียงหายใจได้
   
                “ ว่าเราจะส่งเซเนริน่าบุตรีแห่งเราไปร่วมประชุมแทน”
    เจ้าของชื่อผู้มีใบหน้าราบเรียบเสมอบัดนี้กระตุกกับคำประกาศของกษัตริย์ผู้เป็นบิดาเล็กน้อย  ตอนนี้โลกของเซเน่นั้นเหมือนจะหยุดหมุนลงไปทันที  คิวลัสก็เช่นกัน  แต่ใบหน้าทั้งสองก็ไม่แสดงออกใดๆ  บรรยากาศในห้องประชุมนั้นเต็มไปด้วยเสียงคำถามต่างๆ นานาของขุนนางผู้ร่วมประชุม
    “เอ่อ..ทูลกระหม่อมเรื่องที่พระองค์ทรงกล่าวมานั้นจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อ ”
    “เราจะให้เซเนริน่าปลอมตัวเป็นซาโน่” กษัตริย์โซรอยด์ชิงตอบคำถามของแอลวาขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายการเวทย์ดังรู้คำถามแล้วเป็นอย่างดี 
                เซเน่และคิวลัสที่ได้ฟังคำตอบจากกษัตริย์โซรอยด์นั้นไม่ได้ลดความกังวลลงไปเลย
    “ทูลกระหม่อม  แล้วเรื่องที่องค์หญิงต้องไปประชุมเตรียมการรบอย่างไม่มีกำหนดนั้นทรงเห็นว่าอย่างไรกระหม่อม” ลาดัส ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายการรบถามอย่างกังวล
    “ลาดัส..ท่านไม่เชื่อใจในฝีมือบุตรีแห่งเราหรือ?”
    คำตอบที่ใจเย็นนี้  เป็นตัวปิดการประชุม
    ลาดัสนั้นรู้ดีว่าฝีมือของเซเน่นั้นเก่งเพียงใด  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สบายใจนัก  เพราะสิ่งที่คาใจเขานั้น  คือ เซเน่เป็นผู้หญิง  ซ้ำแล้วยังเป็นถึงองค์หญิงอีกด้วย
    สีหน้ากลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัดของคิวลัสขณะกำลังรีบร้อนไปที่ห้องของเซเน่  เนื่องจากอยากสนทนาเกี่ยวกับเรื่องการประชุม  นางหน้าห้องของเซเน่ก้มศรีษะแสดงความเคารพ  คิวลัสผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจ  ภายในนั้นมีโต๊ะเก้าอี้เข้าชุดขนาดห้าที่นั่งวางอยู่กลางห้อง  พื้นถูกปูลาดด้วยพรมผืนใหญ่สีแดงเข้ม มีตู้โชว์ไม้แกะสลักอย่างปราณีตและเตาผิงที่ไม่ได้ก่อไฟเนื่องจากเป็นฤดูร้อนอยู่ที่ผนังของทั้งสองข้าง  ส่วนผนังด้านในสุดนั้นเป็นทางเข้าไปสู่ห้องนอนที่ปิดบังด้วยผ้าม่านซีทรูสีทองสามชั้นเรียงกัน
    “ข้านึกไว้แล้วว่าเจ้าต้องมาหาข้า” เซเน่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยิ้มเจ้าเล่ห์มองหน้าคิวลัสอย่างรู้ทัน 
    “องค์หญิง  เรื่องที่ท่านต้องไปประชุมเตรียมการรบนั้นเป็นอย่างไรกัน” คิวลัสเอ่ยถามอย่างไม่รีรอก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม
    “เจ้าคิดว่าจะอย่างไรเล่า” คำตอบยั่วโมโหของเซเน่ใช้ได้ผลทีเดียว
    “องค์หญิง” คำพูดที่บอกว่าความร้อนใจนั้นลดลงไปบ้าง
    “ข้าต้องออกเดินทางไปที่ไฮเฮอร์โรอีกสองวัน”  น้ำเสียงเซเน่จริงจังมากขึ้น   
    “แล้วท่านจะทำอย่างไรในเมื่อ..”
    “ก็อย่างที่ท่านพ่อพูดในที่ประชุมนั่นไง  ปลอมตัวเป็นท่านพี่”
    “แต่ว่า ”
    “เอาน่าคิวลัส  ยังไงก็เป็นหน้าที่  อีกอย่างข้าก็มีเจ้าไปเป็นเพื่อนทั้งคน” เซเน่ตอบอย่างสบายใจ  แต่คิวลัสนั้นตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง  คิวลัสไม่พูดอะไร  เรียกว่าพูดอะไรไม่ได้ดีกว่า  ก็จริงอย่างที่เซเน่ว่า  แต่ก็ยังดีที่ได้ติดตามไปด้วย
    “งั้นกระหม่อมทูลลา” คิวลัสรีบบอกลา  ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่คุยกับเซเน่  แต่องครักษ์จะอยู่ในห้องกับองค์หญิงนานนักก็ไม่เป็นการดีแน่
    “ก็ดี  ข้าก็อยากนอนแล้ว” สีหน้าที่แสดงออกว่าอยากนอนจริงๆ
    องครักษ์หนุ่มลุกจากเก้าอี้โค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป  ลอบถอนหายใจเบาๆ  เซเน่มองไล่หลังคิวลัสพร้อมกับยิ้มอย่างสบายใจก่อนเดินเข้าห้องนอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น