ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่หูหมอผี

    ลำดับตอนที่ #3 : 5ปีก่อน

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 52


                                                                  3
                                                             ห้าปีก่อน


    "เกิดอะไรขึ้นล่ะครับ" ฟาเรนถาม



    "เอ่อ.. คือว่า " โอเลี้ยงเงียบไปทันทีที่เวซ่าจ้องเธอ โอเลี้ยงหันหลังแล้วเดินออกไป โดยปล่อยให้สองคนนี้งงกันใหญ่ แต่ก่อนที่จะได้ตามออกไป เสียงเด็กเล็กๆคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงที่แหลมและแหบ



    "พวกพี่ๆ อย่าไปยุ่งกับพี่โอเลี้ยงดีกว่า ไม่งั้นหนูไม่รับประกันความปลอดภัยแน่!!!!" เด็กหญิงเจ้าของเสียงตาสีแดงผมสีดำลอยอยู่บนฟ้า ตัวเธอไม่สูงไปกว่าเอวแน่ เธอยิ้มเย็นๆให้ก่อนจะเดินหนีไปพร้อมกับสายลม ลมกับใบไม้เป่าเข้าตาเวซ่า ฟาเรน ทำให้หลับตา พอลืมตาอีกที เธอหายไปแล้ว



    ...โอเลี้ยงงั้นหรอ ทำไมถึงชื่อโอเลี้ยงได้นะ แล้วโอเลี้ยงไปเกี่ยวอะไรกับเด็กนั่น....



    เวซ่าวิ่งตามโอเลี้ยงที่ก้าวขาฉับๆอย่างเร็วเหมือนสายลมกำลังพยุงตัวเธอขึ้นจากผืนดินให้ไปข้างหน้า เขาคว้าต้นแขนของเธอ สายตาของเขาจ้องที่แขนของเธอ แขนที่มีรอยไหม้ รอยช้ำ รอยต่างๆในการถูกทำร้าย พร้อใกบ ปานอันเล็กๆที่ดูเหมือนหัวมังกรขาด ทันที ที่โอเลี้ยงสติกลับคืน เธอดึงมือกลับ แต่ดึงไม่ออก เพราะมือเวซ่าเหนียวอย่าบอกใคร



    "คุณ...ปล่อยมือฉันเถอะค่ะ" โอเลี้ยงบอกสั่นๆ เวซ่าลดมือและหันหลังเดินหนีไป



    ...เราจำได้... ปานนั่นมีความหมาย... ใช่!!!ความหมายคือ ความหายนะของบ้านเมือง การล้มสลาย... หรือว่าโอเลี้ยงจะถูกหาว่าเป็นตัวซวยจึงถูกตบตีเป็นประจำ



    เวซ่านึกก่อนจะเดินไปหาฟาเรนที่ยืนเอ๋อไม่รู้เรื่องราว ในหัวของเวซ่าแม้แต่น้อย ฟาเรนเอื้อมมือไปวางไว้บนบ่าของเวซ่า เวซ่าสะดุ้ง ก่อนจะปัดมือออก ฟาเรนยิ้มให้เวซ่าทีหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่มือ สิ่งที่เขาบังเอิญได้มาจากลมที่พัดเข้าตาพวกเขา มันคือใบไม้!!! ใบไม้ที่มีสีแดงเขียนไว้อยู่ มันเขียนว่า ทำไมต้องเป็นชั้นที่มีไอ้นั่นทำไมไม่เป็นคนอื่นทำไม ทำไม สิ่งที่เขียนบนใบไม้มีเวทย์อ่อนๆอยู่ เวทย์ที่บอกความรู้สึกแก่คนอ่าน 



    "แฮ่ๆ ใบไม้หลายใบก็มีเขียน แฮ่ๆ" ฟาเรนว่าก่อนจะก้มลงหยิบอีกใบ ใบนี้เขียนว่า-เลวร้ายที่สุด ฉันผิดหรอที่เกิดมาในเวลานั่น ถ้าฉันสามารถแก้ไขมันได้ฉันแก้ไปนานแล้ว- มันเป็นคำที่เขียนด้วยของเหลวสีขาวเหมือนยาง แต่กลิ่นหอม



    ...ฟุดฟิดๆ... หืมมมกลิ่นคุ้นๆ อายพลังเวทย์ก็คุ้นๆนะ...ใช่ ต้นไม้กินคนนั่น กลิ่นต้นนั่น ใบไม้ก็ของต้นนั่น แต่คนที่เขียนข้อความไม่ถูกกินงั้นหรอ



    "เวซ่านายรู้หรือเปล่าเขาใช้อะไรเขียน" ฟาเรนพูดก่อนจะมองหน้าเวซ่า



    "ใช่ นี้คือกลิ่นดอกไม้ของต้นประหลาดนั่น ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคนที่เขียนทำไมไม่โดนกิน แฟนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮึ่ม เครียดๆ"ฟาเรนร้องก่อนจะเดินไปเดินมาที่เดียว



    "หนูบอกพี่แล้วใช่มั้ยอย่ามายุ่งกับพี่โอเลี้ยงไม่งั้นเจ็บตัวแน่ แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ่" เด็กตัวเล็กคนเดิมตะโกนก่อนร่างกายจะเปลี่ยนไป ดวงตากลมแป๋วที่มีแววเคียดแค้นนั่นบัดนี้ไม่มีดวงตาสีขาวแล้ว ผมที่สยายอยู่บนอากาศเปลี่ยนเป็นมือเป็นสิบๆ ลมที่พัดเบาๆกำลังสบาย พัดหนักขึ้นเรื่อยๆ

    "เราไม่ได้ยุ่งด้วยแล้ว" ฟาเรนบอกปัดๆอย่างไม่สนใจ



    "ไม่ใช่แก แต่เป็นไอ้หน้าโง่ที่ยืนอยู่ข้างๆแกนั่นแหละ แกทำให้มันตื่น ทุกอย่างจะถึงจุดจบ ทุกอย่างที่ครอบครัว ซาคางะสร้างจะพัง ทุกอย่างจะพัง!!!!!!!!" เด็กตาแดง กรีดร้องลั่นเมืองที่เงียบสงบ น้ำตาสีแดงค่อยๆไหลอาบแก้มเด็ก



    "ถึงตาพวกนายแล้ว ถ้าอยากอยู่ต่อก็เอาชนะมันให้ได้ล่ะ หึหึ" เด็กน้อยยิ้มให้เย็นๆ



    "เดี๋ยว" เวซ่าหยุดเด็กไว้ก่อนที่จะหายไป



    "อะไร" เด็กถามด้วยสายตาอาฆาต



    "ฉันอยากรู้เรื่องของที่นี้"



    "ได้... เรื่องมันมีอยู่ว่าสมัยเด็กทุกคนต่างหวงของตัวเองสร้างความตื่นเต้นในการแย่งชิงของกันของเด็กๆ ผู้ใหญ่เห็นเป็นเรื่องสนุกจึงให้เด็กทุกคนนั่งแย่งของกัน เหมือนเลี้ยงไก่แจ้ แต่พอเด็กแพ้เหมือนฉัน เราจะถูกฝังทั้งเป็นทำให้มีเด็กนับร้อยนอนรอคอยวันที่จะกลับมาแก้แค้นจนเกิดพลังความแค้นก้อนโต แต่ทว่า พลังถูกฝังไว้ใต้ดินไม่สามารถออกมาได้.... วันหนึ่งเด็กกลุ่มที่มาเที่ยวเล่นผีถ้วยแก้ว ทุกคนก็ล้มตายด้วยโรคฝีดาษ ไม่มีใครรูเรื่องนี้ว่าทำไม ฉันเองก็ไม่รู้ แต่เครื่องรางอย่างเดียวของที่นี้คือแฝดของโอเลี้ยง!!"



    "โอเลี้ยงน่ะหรอ แฝด"



    "โอเลี้ยงได้ขึ้นชื่อว่าตัวซวย ส่วนแฝดเธอนั่นชื่อชาเย็นเป็นตัวนำโชคและเครื่องรางไล่ผี ทุกคนเลี้ยงชาเย็นด้วยความยินดีแต่เลี้ยงโอเลี้ยงไว้อย่างน่าอนาถ แต่พอชาเย็นตาย ทุกอย่างก็ล้มตายไปตามๆกัน ฉันเองก็ไม่รู้หรอกน้ะว่าฝีมือใคร แต่ทางที่ดี รีบจัดการเถอะ ไม่งั้นพวกนายได้เป็นส่วนหนึ่งของฉันแน่"



    "ส่วนหนึ่ง" ก่อนที่ฟาเรนและเวซ่าจะได้ถามต่อจากเจ้าเด็กผีมันก็หายไปกับอากาศอีกครั้ง ตอนนี้เวลาหกโมงเย็นทำให้มองไม่ค่อยชัดกับทาง ทั้งๆที่เมื่อกี้สี่โมงอยู่เลย พวกเขาเดินอ้อมไปยังกระท่อมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ข้างในนั่นไม่มีอะไรปูรองพื้นมีแต่ดิน ที่น่าแปลกคือ มันไม่มีหญ้าสักต้น!!! 



    ถ้าทุกคนตายจริงๆแล้วทำไมโอเลี้ยงไม่ออกจากเมือง... ฟาเรนนึก ก่อนจะเดินออกไปจากกระท่อม เดินไปที่ทางเขาของหมู่บาน



    ปะ...เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเข้า? ทะทำไม ทางออกก็ไม่มี



    "ฟาเรน รู้มั้ยนี้หมายความว่าไง" เวซ่าที่เดินมาจากไหนไม่รู้ถาม ฟาเรนพยักหน้านิดๆก่อนจะตอบคำตอบที่ทั้งคู่ไม่ค่อยอยากได้ยิน



    "เราติดอยู่กับที่นี้ แต่ยังไง" ฟาเรนถามเวซ่า



    "ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งบางอย่างในเมืองมีพลังมากพอที่จะดึงเราข้ามมาอีกมิติ มีสิ่งบางอย่างไม่กี่ชนิดหรอกนะ ที่รู้วิธีดึงคนเข้ามาในมิติที่มันสร้าง แต่มันยังไม่มีพลังมากพอที่จะดึงคนที่ไกลมากๆจากเมืองเข้าไปในมิติที่มันสร้าง มิตินี้เชื่อมกับมิติคนตาย"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×