ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่หูหมอผี

    ลำดับตอนที่ #2 : เดินทางสู่ เมืองต้องห้าม

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 52


                                                             
                                                                 1
                                                เดินทางสู่ เมืองต้องห้าม


    "นาย เอิ่ม.... ชื่อ เวซ่าใช่มั้ย" ฟาเรนที่เดิมตามเวซ่าหันมาทักทาย เวซ่าพยักหน้านิดๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องของเขา ไม่สิ เดิมทีเป็นของเขาทั้งหอเลยก็ว่าได้เพราะหอนี้ไม่มีใครนอกจากเขากล้านอนหรอก!!!แต่พอมีฟาเรนมาเขาก็จะไม่ได้ครองหอคนเดียวแล้ว



    "ทำไมนายถึงพูดน้อยจัง เซ็งนะเฟ้ยอยู่กับพวกหยิ่งๆเนี่ย" ฟาเรนพูดก่อนจะมองมาที่เวซ่านิดๆ



    "ฉันก็เซ็งเหมือนกันล่ะน่าอยู่กับพวกบ๊องๆไม่มีสมองเหมือนนาย" สายตาของทั้งสองจ้องกันเหมือนจะฆ่าแกงกินกัน... ฟาเรนหยิบมีดหมอขึ้นมาเวซ่ากำพลังที่ปล่อยออกมานิดหน่อยจนเหมือนมือเปล่งแสง ฟาเรนยิ้มให้เย็นๆทีหนึ่งก่อนที่จะตวัดมีดไปที่เวซ่า เวซ่าหลบมีดก่อนจะปล่อยคลื่นพลังใส่ฟาเรน ฟาเรนมองไปที่มือของเวซ่าและเบี่ยงตัวหลบ คลื่นพลัง คลื่นพลังที่ถูกปล่อย ปะทะเข้ากับเพดานหอ



    ตูมมมมมมมม



                    ............................................................................................



    "พวกเธอสร้างปัญหาตั้งแต่เจอกันวันแรกเลยงั้นรึ โอยยย" อาจารย์ใหญ่มองไปที่ทั้งสองก่อนจะกุมหัวขมับ ฟาเรนมองไปที่เวซ่าเหมือนจะบอกนัยๆว่า อาจารย์ครับอย่าโทษผม เวซ่ามันปล่อยพลังเอง ผมไม่เกี่ยว
    ส่วนเวซ่าก็มองกลับไปอย่างเอาเรื่อง แกทำให้ฉันปะทุเอง ทั้งสองมองกันจนเกิดสายไฟฟ้าระหว่างตาสู่ตา



    "หยุดๆๆๆๆ พอๆๆๆ ก่อนที่โรงเรียนฉันจะพัง ฉันจะส่งพวกเธอไปเมืองต้องห้ามไปทำภารกิจแรกของ คู่หู ให้เสร็จก่อน แล้วฉันจะให้ฆ่ากันได้เลย" อาจารย์ใหญ่มองไปที่พวกเขา



    "ครับ/ครับ" อาจารย์ใหญ่ถอนหายใจ แบบว่าโล่งอก 



    อย่างน้อยโรงเรียนก็คงอยู่ไปได้อีกนิด ถ้าไม่มีเจ้าสองตัวนี้ ถ้าไม่ส่งไปทำภารกิจโรงเรียนเราได้เจ๊งแน่ 



    "พวกแกสองคนเป็นคู่หูกันแล้วเพราะฉะนั่นต้องปราบวิญญาณร้ายให้ได้เข้าใจมั้ย อ่ะลืม...นี้คือแผนที่ของเมืองต้องห้าม มันเป็นเมืองที่เจ้าหน้าที่ใหญ่ๆไปทำงาน แต่ที่กลับมาได้ก็มีแต่ศพแต่ส่วนมากไม่เคยมีอะไรกลับมาเลย พวกแกทั้งสองต้องไปสืบค้นหามาให้เจอว่าที่นั่นมีอะไรอยู่ และที่นั่นก็ไม่ใช่สนามเด็กเล่นหรือการฝึกต่างๆ ที่พวกเธอเคยถูกฝึกมา ถ้าพวกมันจะฆ่าก็ฆ่าได้โดยไม่ลังเลเพราะฉะนั่นโปรดระวัง" อาจารย์ทำหน้าเครียดก่อนจะยื่นแผนที่ซับซ้อนของเมืองเล็กๆที่ถูกกั้นไว้จากภายนอกด้วยป่าหนาทึบและใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ



    "ทราบไม่ทราบ!!!" อาจารย์ใหญ่พูด



    "ทราบบบบบบ" ทั้งสองขานรับพร้อมกัน ก่อนจะมองหน้ากันและกัน และเชิดหน้าไปคนละฝั่ง



    เหอๆ...ไอ้พวกนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย เหอะๆๆ 



    "อาจารย์ครับผมขอดูภาพศพเจ้าหน้าที่หน่อยสิครับ" อาจารย์ถอดสีหน้าเหงื่อเม็ดโตผุดออกมา อาจารย์เอารูปให้ดูซึ่งไม่ใช่รูปที่น่าดูเลยทีเดียว ศพนั่นอ้าปากกว้างดวงตาเปิดใหญ่ที่มุมตามีเลือดเหมือนน้ำตาที่ออกมาเป็นเลือด ตัวนั่นซีดไร้สีเลือด คอบิด360องศาแขนที่ขาดถูกตอกไว้กับบ่า สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดแต่ที่แปลกในตัวศพคือ เขาไม่มีฟันสักซี่



    "ทำไมเขาถึงไม่มีฟัน เขากัดเนื้อแข็งเกินไปจนฟันหักหรอครับอาจารย์ ฮ่าๆๆๆ" ฟาเรนยิ้มและหัวเราะร่าเหมือนเด็กๆที่เห็นตัวตลก



    "เจ้าหน้าที่คนนี้มีนามว่าแดรส แดรสเป็นหนุ่มหล่อ ฟันครบสะอาดขาว ใครที่ถอนมันออกจะต้องไม่ใช่คนที่มีพลังน้อยๆแน่เขาใช้อะไรถอนเนี่ย รู้อย่างเดียวต้องถอนแน่ๆ" อาจารย์ว่า



    "เป็นไปได้อีกหนึ่งอย่างครับ..." อาจารย์กับฟาเรนมองไปที่เวซ่าอย่างฉงนใจ เวซ่าไม่ตอบขึ้นรถที่อาจารย์ใหญ่จัดมาให้อย่างนิ่งๆและหลับตาลงนอน



              .................................................................................................



    "ถ้าพวกมันมีสิ่งบางอย่างที่สามารถกัดกินฟันหรือกระดูกเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง เขาเรียกว่า Sacrifice of Devil เป็นการฆ่าคนอื่นแล้วเอาพลังที่ไหลเวียนในกระดูกออกมาในการใช้แมลงชนิดหนึ่งแทะฟันพวกนั่น และฆ่าแมลงตัวนั่นและเอามากิน เพราะแมลงตัวนั่นจะมีพลังของกระดูกของผู้ตายอยู่และถ้าเรากินมันเราก็จะได้พลังของผู้ตายมาด้วย ฉันรู้ว่านายอยากถามเพราะหน้านายมันบอก" เวซ่าที่เหมือนจะหลับไปแล้วบอกฟาเรนด้วยเสียงนิ่งๆ



    "แล้วทำไม เขาไม่ถอนออกมาและบดๆกินเองล่ะ"



    "เฮ้อ.... โง่จริงๆ นายลองนึกภาพดูสิ นายกำลังตำผงชูรสในที่ๆมีลมพัด สุดท้ายนายก็ไม่ได้กินอะไรเลยเพราะนายมัวแต่ตำไม่ได้เก็บผงชูรสเข้าถุงเพื่อไม่ให้มันถูกพัดออกไปพร้อมกระแสลม"



    "?? อะไรของแกวะ ฉันไม่เข้าใจ อธิบายเหอะ ไม่มีใครเข้าใจแกหรอก" ฟาเรนว่า เพราะเขาอธิบายไม่ได้เรื่องเลย



    "น่าเบื่อจริงๆ เวลาแมลงตัวนั่นกำลังแทะกระดูกอยู่มันได้เก็บพลังที่อยู่ในตัวกระดูกเข้าหาไปในกระเพราะมีนด้วย แต่ถ้าเราบดขยี้มัน จริงอยู่ที่เรากินมันได้อย่างง่ายๆ แต่พลังที่อยู่ในกระดูกไม่ได้ถูกเก็บไว้ในไหนสักแห่งก็จะสลายตัวไป"

     

    "ไม่เข้าใจอยู่ดี" ฟาเรนว่าก่อนจะมองเวซ่าด้วยหน้าตาที่งงกว่าเดิมหลายเท่าตัว

     

    เวซ่าเงียบ และไม่อธิบายต่อ ทำให้ฟาเรน คิดเรื่องนี้ไกลไปถึงดาวอังคารเลย อยู่ๆรถก็หยุดนิ่ง ข้างหน้าป้ายที่เขียนว่า หมู่บ้านต้องห้าม 



    เวซ่าเดินลงมาก่อนจะเหยียบเข้าไปในประตูหมู่บ้านป้าแก่ๆคนหนึ่งเดินเข้ามาห้ามไว้



    "หนูจ้ะ เชื่อยายเถอะ อย่าเข้าไปเลยหนูยังมีอนาคตที่ดีอยูข้างหน้าเพราะฉะนั่นหนูอย่าเข้าเลยจ้ะ ไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั่นหรอกจ้ะ" ป้าแก่ๆพูดและรีบเดินหนีไปพร้อมกับสายลมเย็นๆที่พัดเข้าไปในหมู่บ้าน



    "ฮู่ว์ ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ" ฟาเรนยิ้มเหมือนจะได้ดูหนังเรื่องใหม่ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในหมู่บ้านอย่างไม่รีรอ



    "คิกๆๆ ว้าวเหยื่อรายใหม่นี้หล่อเนอะ"



    "ช่ายๆ แต่ฉันชอบคนนู่นมากกว่าน้ะ คนที่ยังไม่ทันได้เข้ามาน่ะ"



    "ยัยป้าแก่ห้ามเขาไม่ให้เข้ามาทำไมน้า" เสียงเย็นๆเล็กของผู้หญิงที่อายุไน่จะเกินยี่สิบดังขึ้น ฟาเรนยิ้ม ทันใดนั่น!!! มีบางอย่างเหมือนมือดำๆดึงเวซ่าที่ยังไม่ก้าวเท้าเข้ามาเข้าไปในหมู่บ้าน



    "เฮือก" เวซ่าที่ตกใจเผลอร้องออกมานิดๆก่อนจะมองไปทางซ้ายมองไปทางขวา ไม่เห็นมีใครซักคนแล้วมือดำๆคืออะไร



    ที่นี้ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลย ขนาดนกสักตัวยังไม่บินเชียดที่นี้สักตัว มันต้องมีอะไรแน่ๆ



    "เวซ่าเร็วเข้าไปในหมู่บ้านกัน" ฟาเรนวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านลึกเข้าไปข้างใน



    "เดี๋ยว ที่นี้มีอะไรไม่ปกติ อย่าเพิ่งเข้าไป" เวซ่าตะโกนแจ่ก็ไม่ทันจึงต้องวิ่งตามฟาเรนเข้าไปข้างใน เมื่อฟาเรนมาหยุดอยู่หน้าต้นไม้ที่ดูเหมือนมีหนวดออกหนวดที่มีหนามและดอกไม้ที่สวยกว่าดอกไม้ที่ไหนๆ

     

    "ว้าวสวยจัง" ฟาเรนเดินเข้าไปใกล้เวซ่าคว้าข้อมือก่อนจะพูดว่า

     

    "ต้นไม้ชนิดนี้พวกเรายังไม่รู้จักดีไม่ควรทำอะไรโดยไม่คิด"

     

    "นายนั่นแหละขี้ขลาด" ฟาเรนกระชากมือตัวเองกลับแล้วเดินเข้าไปใกล้อกใกล้อีก อยู่ๆต้นไม้ที่ไม่มีใบไม้สักต้นเพื่อรับแสงแดด ก็ ใช้หนวดมันพยายามจับฟาเรน ฟาเรนกำลังจะเอามีดคู่ใจสับให้เป็นชิ้นๆ แต่หนวดนั่นกลับตวัดไปตวัดมาเหมือนหางจระเข้โจมตีเข้าใส่ฟาเรนแต่เมื่อสำพัสกับมีดเพียงนิดเดียวก็ร้องดังออกมา



    "ชัดเลย เสียงพวกนั่นออกมาจากดอกไม้" ฟาเรนว่าก่อนจะเข้าไปโจมตีมันแต่มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งห้ามไว้ก่อน



    "อย่านะคะ ปล่อยมันเถอะคะ"  หญิงสาวตัวเล็กๆใส่ชุดสีแดงเป็นเดรสยาวลงมาถึงเท้าเป็นเกาะอกที่สวยอย่าบอกใครแต่สีแดงนั่นสดมาก สดเกินไปซะด้วยซ้ำ



    ฟาเรนลดมีดกระโดดมาข้างหลัง แต่พอกระโดมาข้างหลังเกิน5เมตรต้นไม้ก็หยุดนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมา



    "คือ...นี้คือต้นซึบาเซ่ะค่ะ มันเป็นต้นสุดท้ายในโลกจะไม่มีใครล่วงรู้เรื่องต้นไม้นี้นอกจากคนในหมู่บ้านค่ะ"

     

    "ไหนคุณยายคนนั่นบอกว่าไม่มีใครแล้วไง"

     

    "ใช่ค่ะ ทุกคนหายไปหมดฉันไม่รู้เลยว่าหายไปไหน เห็นเพียงแค่ศพค่ะ" น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลริน ฟาเรนที่ทำท่าจะเข้าไปช่วยถูกเวซ่าห้ามไว้และส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม

     

    "ทุกคนในหมู่บ้านนอกจากฉันตายหมดแล้วค่ะ"

     

    "...!!!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×