คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
Prologue ll drik me, babe
จะกี่ร้อยกี่พันปี ฉันจะตามหาเธอ
"รัก" ? โง่รึเปล่า
แค่ไม่อยากติดบุญคุณและคิดว่าเธอมีค่าให้ช่วยเท่านั้นเอง
หลังจากที่ฉันเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ
จะไปตายที่ไหน เวลาไหน ก็ไปเถอะ ฉันไม่ห้ามเลย.
บทนำ
“ฉันได้กลิ่น” ผมสูดกลิ่นอันคุ้นเคยนั่นและก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อกลิ่นของฝนบ้าๆนี่กลบกลิ่นหอมนั่นไปเสียหมด ผมเดินวนไปมาอยู่ในโบสถ์อีกครั้งแล้วลองลูบไปตามเชิงเทียนแล้วลองยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“รู้ไหมว่านายเหมือนพวกสตอลกเกอร์มาก ‘ซุยอา’ ”
“อยากโดนเชิงเทียนจิ้มตาหน่อยไหมล่ะ ‘หลุยส์’ ” ผมมองขึ้นไปด้านบน หน้าต่างของโบสถ์ที่ตอนนี้ได้มีไอ้บ้าตัวหนึ่งที่ไม่ได้กลัวเวทย์มนตร์ของศาสนาไปนั่งเล่นเคาะกระจกก๊อกๆเหมือนพวกเด็กลองดี
หลุยส์ เขาเด็กกว่าผมเกือบสองร้อยปี แต่การที่เขาทำอย่างนี้ผมอดด่าไม่ได้จริงๆว่าเขาโง่มาก
“ไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่คัน”
“ลองตอนเช้าให้แสงแดดส่องซิ รับรองนายได้รับบริการตัวเกรียมฟรีแน่” หลุยส์ทำท่าขนลุกขนพองลูบตัวไปมาแล้วกระโดดลงมาจากหน้าต่างโบสถ์เมื่อนึกถึงตัวเองในอนาคตถ้าหากไม่ระวังเขาคงกลายเป็นปลาหมึกปิ้งกรอบๆ ซึ่งนั้นไม่เวิรก์อย่างรุนแรง
“ขอเปลี่ยนเป็นนอนในที่มืดๆกับผู้หญิงสวยสักคนดีกว่า”
“ออกไปหาซิ แต่ถ้าฉันเจอลิเนียฉันจะไม่บอกนาย”
“บังคับกันเลยดีกว่า” ผมหัวเราะออกมาเมื่อหลุยส์พูดทันควัน หมอนี่กับลิเนียรู้จักกัน(ตามที่แวมไพร์ละอ่อนบอกผมมา)และอยากจะทดแทนบุญคุณ ผมลูบไปตามม้านั่งแล้วรีบเอามือออกทันควันเมื่อสัมผัสกับน้ำมนตร์ที่หล่นกระจายอยู่
ไอ้บ้าที่ไหนทำแตกได้ถูกเวลาจริงๆ
“อุ๊บ ฉันลืมบอกไปว่าฉันเผลอทำขวดใสแตก” ผมส่งตาเขียวไปให้หลุยส์แล้วรีบราดเลือดขากขวดเล็กๆที่ผมพกตลอดลงใส่มือของตัวเองที่ถุงมือตอนนี้ถูกน้ำมนตร์กัดซะจนเป็นรู ผมหาที่ว่างแล้วนั่งลงอย่างอ่อนใจ
หลุยส์เปลี่ยนเรื่องกลัวผมจะด่า
“นายจำเธอได้จริงๆเหรอซุยอา”
“ถามแปลก ยังไงลิเดียก็คือลิเดีย ไม่ว่าจะร่างไหนเธอก็คือลิเดีย”
“แล้วถ้าหากผมเธอไม่ได้เป็นสีทอง ตาเธอไม่ได้เป็นสีฟ้า ผิวของเธอไม่ได้อมชมพูและไม่หัวเราะล่ะ เป็นตุ๊กตาที่ไร้ชีวิตจิตใจ” ผมขมวดคิ้วแล้วมองหลุยส์ที่มองออกไปนอกหน้าต่างโบสถ์ผมเงยหน้าขึ้นข้างบนมองเพดานสีขาวสะอาดครุ่นคิด
ถ้าเธอไม่ได้เป็น “เธอ” งั้นเหรอ
“ฉันจะโกรกผมให้เธอ ซื้อคอนแทกเลนส์ให้เธอ และบังคับให้เธอหัวเราะ บางทีอาจใช้กำลังหน่อยแต่ถ้ามันทำให้เป็น ลิเดีย ฉันก็จะทำ” หลุยส์ส่ายหน้า
“ฉันว่าลิเดียได้ร้องไห้ตายไม่ก็ตบหน้านายก่อนมากกว่า”
“ขืนทำซิ ฉันจูบกลับ”
“อาการของเธอเริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ”
“คงอีกไม่นานแล้วล่ะค่ะ” ฉันถอนหายใจเมื่อเสียงของพวกนางพยาบาลลอดออกมาจากห้องตรวจ เขาควรจะพูดให้เบากว่านี้หน่อยนะเพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคงไม่ถึงสามวันฉันคงจะตายอย่างสงบด้วยโรคร้ายที่รุมล้อม
มะเร็ง ป่วยออดๆแอดๆ เส้นเลือดเปราะ
บ้าบอหลากหลายที่ทำให้ฉันถูกกักอยู่ในโรงพยาบาลตลอดเวลา
ฉันถลกแขนเสื้อขึ้นมา ผิวขาวซีดของฉันตัดกับปานรูปไม้กางเขนกลับหัวฉันมองมันเหมือนตกอยู่ในมนตร์สะกด เหม่อมองออกไปข้างนอกที่ฝนตกหนัก
ให้ตายเถอะ มัวแต่ทำตัวเป็นยัยนางเอกเฝ้ารอวันตายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ ‘เญริน’
ฉันเดินออกจากห้องรอตรวจอย่างเงียบเชียบ ปิดประตูเมื่อถึงห้องของตัวเองเดินไปที่หน้ากระจกสะท้อนเห็นถึงผู้หญิงรูปร่างผอมเพรียว(เกือยถึงขาดสารอาหาร) นัยน์ตาและผมสีดำขลับเหมือนขนของอีกาและริมฝีปากที่แห้งซีด
เหมือนยัยซอมบี้ไร้ชีวิต
ฉันสบถออกมาแล้วนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อนบนเตียง คุดคู้เข่าเหมือนเด็กๆก่อนที่จะพึมพำคำบางคำที่ตัวฉันเองยังไม่เข้าใจ คำติดปากที่ไม่รู้ว่าติดมาจากไหนและรอยสักของฉันที่เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกลับว่ามันจะลามไปทั่วตั่วอย่างนั้นล่ะ
“ยอมตายซะดีกว่าหากต้องกลายเป็นปีศาจซะเอง”
“ยอมตายซะดีกว่าหากต้องปลิดชีวิตคนรัก”
“ยอมตาย...ด้วยรักอันลุ่มหลง” ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองจนห้อเลือด ยิ่งฉันพูดมันเท่าไหร่ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะคลั่งได้ง่ายๆ เหมือนกับร่างกายของฉันจะระเบิดเพราะเลือดข้างในมันร้อนระอุ
ฉันมองเข้าไปในกระจกอีกรอบ และสิ่งที่เห็นก็คือ ผู้ชายคนหนึ่ง ผมสีดำและนัยน์ตาสีเลือดจ้องกลับมา เข้ามองดูฉันนิ่งจนฉันหวาดกลัวและแล้ว...ร่างกายของเขาก็ฉาบไปด้วยเลือดสีสด แต่เขายังจ้องฉันเหมือนเดิม นิ้วมือของเขาเหมือนพยายามจะไขว่คว้ามาให้ถึงฉัน
ฉันกรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้า ปาแก้วใกล้ตัวปะทะกับกระจกอย่างจัง เคร้ง!
ฉันซุกตัวอยู่ในห้องนอนตัวสั่นเทา เศษกระจกที่แตกดังขึ้นเมื่อกระทบกับพื้น ฉันคงที่จะใกล้เป็นบ้าขึ้นทุกทีแล้ว
บ้า... เพราะความฝันที่ซ้ำไปซ้ำมาทุกคืน
ฉันซุกหน้ากับหมอนกรีดร้องออกมาพร้อมน้ำตาอย่างอัดอั้น โรคร้ายบ้าๆนี่น่ะ คร่าชีวิตฉันไปตอนนี้เลยก็ได้ด้วยซ้ำแต่มันก็ไม่ทำ มันค่อยๆรุมเร้าและบั่นทอนชีวิตอย่างน่ารังเกียจเหมือนพวกเห็บหมัดดูดเลือด
ฉันเกลียดมาตลอด
และถ้าถามว่าทำไมไม่ฆ่าตัวตายให้เรื่องมันจบๆ เพราะฉันอยากที่จะฝันต่อไป ฝันที่ช่างหอมหวานและน่าหลงใหลจนทนรอไม่ไหวที่จะฝันต่อในวันรุ่งขึ้นแต่มันกลับไม่เคยมี มันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเขาวงกตที่ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่อาจหาทางออกได้
ต้องหาผู้นำทางที่แสนใจดีที่ไม่มีอยู่จริง
ครั้งแรกที่ฝันฉันตกใจจนทนรอไม่ไหวที่จะออกจากความฝัน
ฉันที่ไม่ใช่ “ฉัน” มีเพียงหน้าตาเท่านั้นที่เหมือนแต่สีผมเอยสีตาเอยหรือแม้แต่ผิวก็แตกต่างหมดทุกอย่างเธอคนนั้นช่างสดใสร่าเริงและถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเหมือนนกน้อยในกรงทองไม่เคยเจ็บปวดออดแอดเหมือนฉันคนนี้
ชุดของเธอทำจากผ้าไหมชั้นดีเหมือนเจ้าหญิงในนิทานปรัมปรา
และเธอกำลังอยู่กับคนอีกสองคนที่กำลังถกเถียงกันอยู่นัยน์ตาของเธอหม่นหมองลงและหยิบกริชขึ้นมาก่อนจะพุ่งเข้าไปหาคนอีกหนึ่งคนที่อยู่นอกวงสนทนาก่อนจะปาดข้อมือของเขาจนเลือดไหลซึม
เธอเดินหนี ดูสับสนและเหนื่อยอ่อนจนสุดท้ายเธอก็สิ้นหนทาง
ยกกริชขึ้นปักมันลงหัวใจของตัวเอง
ร่างของเธออ่อนระทวยและนอนนิ่งอยู่บนพื้น ฉันสะอื้นออกมา
แต่แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ยังมีใครคนหนึ่งที่กอดฉันอยู่และคำที่กระซิบข้างหูเป็นเหมือนมนตร์สะกดที่ทั้งมีอำนาจและน่าหลงใหล
“ไม่ต้องห่วงลิเนีย ฉันจะหาเธอจนเจอ”
“ไม่ใช่ด้วยความพิศวาสหรือรัก แต่ด้วยสิ่งที่เธอผูกมัดฉันเอาไว้ ‘ชีวิต’ “
แล้วนายล่ะเป็นใครกันแน่...
โปรดบอกฉันทีก่อนที่ฉันจะนอนตายอยู่ในโรงพยาบาลโดยมีเรื่องค้างคาใจอย่างนี้
นายน่ะ เป็นเพียง "ความฝัน" ของคนบ้าๆ
หรือเป็น "ความจริง" ของผู้หญิงขี้โรคอารมณ์ร้ายอย่างฉันกันแน่นะ
ใครชอบก็เม้นได้เลยนะคะ มันเป็นกำลังใจให้เราได้ แต้งมากค่ะ :)
ความคิดเห็น