คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1. เมื่อนักปราบมารอย่างข้าถูกสาปเสียเอง ...up ll IMAGE UPDATE .
“นักปราบมารเป็นที่พึ่งของพวกชาวบ้านและพวกเขาตอบแทนเราด้วยการเคารพและเอื้อเฟื้อเรามาโดยเสมอ...”
ข้าบิดตัวไปมาเมื่อน้ำในถังที่ตั้งอยู่บนขาข้ามันทำให้ข้าเริ่มชาไปหมดคนที่นั่งข้างๆเองก็ทำแบบเดียวกับข้า ข้าแกล้งทำเป็นนิ่งเมื่อท่านอาจารย์เดินผ่านแม้ในใจข้าจะประท้วงเป็นรอบที่ล้านแล้วด้วยซ้ำไป
“แต่พวกเจ้ากลับหันหลังให้ชาวบ้านโดยการวิ่งหนี ช่างน่าละอายแก่ใจนัก!”
หากท่านอาจารย์กำลังยืนอยู่หน้าเจ้าปีศาจที่อ้าปากกว้างโชว์ฟันครบทุกซี่และน้ำลายไหลยืดข้าขอพนันได้เลยว่าท่านก็ต้องทำแบบข้าอย่างแน่นอน
ข้าคิดในใจแล้วมองหน้าท่านอาจารย์อย่างซื่อๆ ท่านอาจารย์’เหมันตร์’มองข้าไม่ต่างกันและแล้วท่านก็คว้ายันทร์หนึ่งใบออกมาและนั่นทำให้ข้าถึงกับหน้าเสีย เหล่าลูกศิษฐ์ของท่านที่นั่งอยู่ข้างๆข้าต่างแสยะยิ้มและข้ารู้ดีว่าพวกเขากำลังขอให้ท่านอาจารย์สาปข้าเป็นเจ้าแมวบื้อหมาบ้าใ ห้สมกับที่ทำให้พวกเขาต้องมารับโทษกับข้าด้วย
“ท่านอาจารย์...ข้าไม่อยากเป็นแมวบื้อหมาบ้า” ข้าพูดเสียงอ่อยและมองท่านอาจารย์ที่ควักพู่กันออกมาแล้วเริ่มละเลงเขียนสิ่งที่จะให้ข้าเป็น นี่มักจะเป็นบทลงโทษของข้าเมื่อข้าทำผิดเพราะฉะนั้นข้าจึงมีภูมิคุ้มกันในการโดนสาปสูงกว่าคนทั่วไป
“งั้นเจ้าอยากเป็นอะไรล่ะศิษฐ์รัก?” ศิษฐ์รัก...ท่านพูดออกมาได้อย่างไรนะในเมื่อท่านกำลังยิ้มสนุกสนานขณะที่กำลังลงโทษ ‘ศิษฐ์รัก’ ของตัวเองอยู่
“ข้าอยากเป็นกระต่ายขนปุกปุย”
“ในสิ่งที่เจ้าทำอย่างดีสุดข้าคงจะสาปให้เจ้าเป็นหนูบ้าน” มันช่างเจ็บปวดยิ่งนักข้าได้แต่ยิ้มแห้งๆส่งไปให้แล้วขยี้หัวของตัวเองว่าทำไมกันหนาเมื่อไหร่กันที่ท่านอาจารย์จะสาปข้าให้เป็นสัตว์จำพวกขนปุยน่ารักซะทีทั้งที่ผมของข้าก็ช่างอ่อนนุ่มไม่แพ้สัตว์ตัวไหนก็ตามที
ข้าถอนหายใจและก็ต้องสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงมือเย็นๆของอาจารย์ที่แปะกระดาษไว้ที่หน้าผากของข้า ข้าร้องออกมาอย่างตกใจแล้วคลานหนีถังน้ำที่ถูกตั้งบนตักของข้าหล่นบนพื้นไม้จนท่วมไปทั่ว ชายกางเกงขอข้าเปียกชื้นแต่ข้าก็ยังคลานหนีและใช้มือพยายามดึงยันทร์ออกแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทำไปมันก็ไร้ประโยชน์
เหล่านักปราบมารฝึกหัดต่างเขยิบหนีข้ากลัวว่าข้าจะใช้ปัดป่ายโดนตัวทำให้การทรงตัวของถังน้ำมนผิดแผกและร่วงหล่นทำให้กางเกงหรือเสื้อของพวกเขาเปียกชื้นแต่เมื่อเทียบกับข้ามันช่างดูเป็นเรื่องกะจ้อยร้อย
ข้ากำลังจะถูกสาปเชียวนะ
ข้าคลานหนีท่านอาจารย์ที่เริ่มท่องบทสวด ข้าเริ่มลานหนีออกจากวัดปากก็ร้องว้ากๆ สายลมโดนหัวของข้าและมันช่างเย็นสบาย แต่นี่ไม่ใช่เวลามาบรรยายความบริสุทธิ์ของบรรยากาศหรืออะไรทั้งนั้น ข้าไม่อยากกลายเป็นปลาทองหรืออะไรก็แล้วแต่อีกต่อไป
ท่านรู้ไหมว่ามันลำบากขนาดไหนที่ต้องกระดึ๊บตัวเองให้ลงไปในบ่อน้ำอย่างสุดแสนจะทรมานโดยที่เหล่านักปราบมารฝึกหัดเมตตาข้าด้วยการใช้เท้าเขี่ยข้าลงบ่อน้ำ !
ร่างกายของข้าหนักขึ้นเรื่อยๆและตัวของข้าก็ร้อนวูบวาบ มันเป็นปฎิกริยาที่บอกได้ว่ามนตร์กำลังสำแดงฤทธิ์ ข้าใช้มือเอื้อมจับไปที่ขั้นบันไดชั้นบนสุดหวังว่าจะย้ายร่างลงสู่ลานกว้างของวัดเผื่อจะหนีมนตร์อาจารย์ได้
แต่เมื่อเพียงแค่ข้าไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่บันไดชั้นบนสุดข้าก็ได้ยินเสียงอาจารย์ท่องมนตร์และต่อด้วยการที่ข้าถูกล้อมรอบไปด้วยควันสีขาวที่ฟุ้งไปทั่วและมันทำให้ข้าสำลัก
“ขอเหล่าสรรพสัตว์จงดูดกลืนความเกียจคร้านนี้!!” ข้าว่าอาจารย์ไม่ได้ท่องมนตร์หรอกแต่ท่านกำลังบอกข้าทางอ้อมว่าหากข้าเลิกเกียจคร้านในการเป็นนักปราบมารท่านจะเลิกสาปข้า
ข้าไอค่อกแค่กเป็นพิธีแล้วมองรอบด้านที่มืดสนิท ข้าถอนหายใจและทางออกจากเสื้อผ้าของตัวเองแสดงว่าตอนนี้ข้าต้องตัวเล็กกว่าตอนปกติเยอะแยะข้าลูบร่างกายของตัวเองที่เหนียวๆและเมื่อเห็นว่าตัวของข้ามีสีเขียวข้าก็เริ่มเอะใจ
ตัวเหนียวๆสีเขียวและตัวเล็กๆ
จะตั๊กแตนก็ไม่เวิรค์จะหนอนก็ไม่ใช่
ข้าใช้มือที่เป็นพังพืดปัดป่ายและหาทางออกจากเสื้อผ้าได้สำเร็จ อ้าปากกว้างรับอากาศบริสุทธิ์และข้าก็รู้สึกว่าข้าได้รับอากาศได้เยอะกว่าปกติ ข้าสัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนจากการเดินของพวกมนุษย์(พูดเหมือนข้าไม่ใช่)และแล้วข้าก็เห็นรองเท้าของท่านอาจารย์
ข้าเงยหน้าขึ้นไปมองท่าน ท่านขยับยิ้มอ่อนโยนมาให้และนั่นทำให้ข้าอยากจะร้องป่วนวัดทั้งวัดว่าท่านพึ่งสาปข้าเสร็จแต่ท่านกลับแสร้งมาเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ ท่านอาจารย์ใช้มือประคองตัวข้าขึ้นมาแล้วเดินดุ่มๆไปทางด้านซ้ายของลานวัดซึ่งเป็นแม่น้ำ
“ดีใจด้วยนะเซริว คราวนี้เจ้าได้เป็นกบ” อย่ามายินดีเลยท่านอาจารย์ เพราะมันคือกบที่เหนียวเหนอะหนะและร้องอ๊บๆตอนฟ้าสางจนข้าเคยทนไม่ไหวตื่นขึ้นมาแล้วปารองเท้าของตัวเองใส่มัน !
ข้าดิ้นเร้าอยู่ในฝ่ามือของท่านอาจารย์คร่ำครวญว่าเหตุใดท่านจึงทำกับข้าได้เพราะข้านั้นเกลียดเจ้ากบนี่เสียจริงจรัง ท่านอาจารย์หัวเราะกับท่าทางอาการของข้าก่อนจะนั่งยองๆตรงริมแม่น้ำสีใสก่อนจะค่อยๆหย่อนข้าลงไปในแม่น้ำ
น้ำทำให้ข้ารู้สึกชุ่มชื้นและเย็นสบายซะจนข้าแหวกว่ายอยู่พักใหญ่เป็นนักกีฬาโอลิปิกข้าเงยหน้าขึ้นสูดอากาศอีกรอบและก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อท่านอาจารย์เดินกลับเข้าวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านจะไม่บอกลาลูกศิษฐ์ของท่านที่เป็นกบหน่อยหรืออย่างไร
! ข้าลองใช้มือจับไปที่ก้อนหินที่กักไม่ให้น้ำในแม่น้ำนี่ท่วมไปที่ลานกว้างและก็ต้องใจหายเมื่อมือของข้าลื่นหลุดจาก้อนหินได้อย่างง่ายดาย และข้าก็รู้ดีอยู่เต็มอกแล้วตอนนี้
ว่าท่านอาจารย์ได้ปล่อยเกาะข้าแล้ว!!
ข้าดิ้นเร่าอยู่ในแม่น้ำจนปลงตก ข้าเริ่มเหนื่อยอ่อนและมองไปรอบด้านที่ดูไม่มีอะไรให้มองสักเท่าไหร่นักเพราะข้าเห็นมันมาตั้งแต่จำความได้แล้วน่ะซิ ข้าถอนหายใจแล้วปล่อยให้กระแสน้ำพาข้าไป ตัวของข้าลอยหวือไปตามกระแสน้ำที่จริงมันก็สบายดีนะเพราะไม่มีใครมาล้อเลียนหรือเอาไม้มาจิ้มแหย่บอกข้าว่า ‘เจ้ากลายเป็นศพขึ้นอืดแล้วหรือไงเซริว’
ที่จริงอาจจะมีก็ได้แต่บังเอิญว่าเจ้าพวกนั้นยังอยู่ในวัดใหญ่อยู่
ข้าถอนหายใจแล้วใช้มือของสองข้างของตัวเองวักน้ำเล่น ตัวของข้าแกว่งไปมาเหมือนใบไม้ไร้การควบคุมและนั่นทำให้ข้าเวียนหัว ข้าใช้เท้ายันพื้นที่เป็นพวกก้อนกรวดและจับไปที่หัวของตัวเองที่ลื่นและโล้น
“อ๊บ อ๊บ อ๊บ” ข้าตะครุบปากตัวเอง สาบานได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงข้า!
และแล้วข้าก็ได้เจอเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ มันกำลังจ้องหน้าข้าในระยะประชิดและนั่นทำให้ข้าขนลุกจนต้องถอยหนีไปสักสามเก้าและมันไล่ตามข้ามาซะด้วย ปากมันพองขึ้นลงและตามมาด้วยเสียงที่ก้องไปทั่ว อ๊บ อ๊บ อ๊บ
ข้าเกลียดกบเพราะความน่ารำคาญ(สยองนิดหน่อย)นี่ล่ะ!!
ข้าคว้าก้อนกรวดที่เป็นพื้นของแม่น้ำขึ้นมาและปาใส่หัวของมัน มันหลับตาปี๊และเชื่อไหม...มันกระโจนแบบใช้เท้าทั้งหมดกระโดดมาหาข้าเหมือนจะทับข้าให้ตาย! ข้าอ้าปากหวอแล้วทำในสิ่งที่ข้าถนัด ‘ชิ่ง’
ข้าชิ่งโดยการทั้งกระโดดและใช้กระแสน้ำช่วยไปใสตัวจนในที่สุดข้าก็ไม่เห็นเจ้ากบกวนประสาทนั่นอยู่ในสายตาอีกต่อไป ข้าถอนหายใจ เป็นกบนี่เหนื่อยขนาดนี้เลยหรือนี้! ข้านอนแผ่ผุงอยู่ในสายน้ำอย่างเหนื่อยอ่อนตาของข้าพริ้มปิดสนิท มันคงถึงฤดูจำศีลแล้วซินะมิน่าล่ะตาของข้าถึงเป็นใจให้ข้าหลับขนาดนี้
อา...ข้าเหนื่อยหลังจากใช้พลังไปกับการวิ่งไปตั้งเยอะ ท่านอาจารย์คงไม่โกรธข้าหรอกถ้าข้างีบไม่เป็นเวลาเพราะอย่างไรตอนนี้ข้าก็ไม่ใช่นักปราบมารฝึกหัดซักหน่อยตอนนี้ข้าเป็นเพียงแค่กบน้อยที่ตัวเหนียวๆมีพังพืดตรงแขนต่างหาก
ข้าหายใจเข้าสม่ำเสมอและเตรียมตัวจะเข้าสู่นิทราถ้าไม่ใช่ว่า
“ข้าคือโอคาซ แมนต้า ผู้มีสายเลือดเดียวกับแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าแม่ทัพตนไหน เกียรติ์ของข้าคือการสู้รบ อาวุธของข้าคือความทะเยอทะยาน !!” จะมีเจ้าบ้าบางตัวมาตะโกนป่าวประกาศความมีชาติตระกูลอยู่กลางป่าอย่างนี้
ข้าเปิดตาอย่างอารมณ์เสียและเคลื่อนย้ายตัวเองมาเกาะติดกับหินเจ้ากรรมที่ยังลื่นไม่เปลี่ยนแปลงแต่ข้าก็ยังเห็นอยู่ว่ากำลังมีชายคนหนึ่งที่กำลังพูดอย่างฉะฉานเหมือนกำลังซ้อมเพื่อพิธีการอันยิ่งใหญ่อยู่ เจ้าหมอนั่นใส่ชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มและรองเท้าบู๊ตคู่ใหญ่พร้อมกับดาบที่สะพายอยู่ตรงเอวซึ่งมันใหญ่ซะจนถ้ามันหล่นทับข้าในร่างกบข้าคงจะตายคาที่ไม่ต้องคืนร่างมนุษย์เลยทีเดียว
เจ้าคนแบกดาบใหญ่หันหน้าเข้าหาแม่น้ำและข้าก็เห็นหน้าของชายที่ตะโกนลั่นป่ารบกวนข้า ผมสีเทาและตาสีเขียวนั่นกำลังทอประกายกล้าและยืนจังก้าแต่เพียงแวบเดียวที่ข้ากระพริบตาเจ้าหมอนั่นก็นั่งยองๆแล้วกุมหัวตัวเองเหมือนจะแตกปากก็บ่นพึมพำไปมาเสียแล้ว
“ข้าทำไม่ได้หรอก ข้ามันเจ้าไก่ออนแถมข้ายังต้องกินพวกไก่และปลาที่เป็นของเหล่ากำนัลอีก ช่างน่าสงสารนักเหล่าสัตว์น้อย ...ช่างน่าสงสาร” ข้าอ้าปากค้างกับการกระทำที่เปลี่ยนไปทันควันและน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากตาสีเขียวประกายพรึกนั่น สองมือของเจ้าขี้แหยนั่นปาดมันกลัวคนอื่นจะเห็นและเดินตรงมาทางข้า!
เดี๊ยวมาต่อค่ะ
สามารถเม้นเป็นกำลังไว้ก่อนได้นะคะ 5555555
ขอบคุณที่อ่านนะคะ :)
มาดูอิมเมจกันก่อนดีกว่าค่ะ !!
เซริว มิกเนย์
สังกัด วัดพงไพร .
นักปราบมารฝึกหัดไม่เอาอ่าว คราวซวยไปจูบปากชายตระกูลดัง
ลาภหล่นอีก(?)ได้ไปเป็นเจ้าสาวราชาปีศาจ
เตรียมตัวเป็นภรรยาที่ดีโดยการหานมแล้วยัดป้อน (!?)
โอคาซ แมนต้า
สังกัด นักรบปีศาจ
น้องชายของนายพลโลกปีศาจ แต่เจ้าตัวกลับเป็นพวกรักสัตว์เกลียดการต่อสู้
แต่กลับมีพรสวรรค์เตะเป็นเตะต่อยเป็นต่อย จนได้ฉายา 'นักรบแต่กำเนิด' .
วิซซัวร์ โซลลีเวียน
สังกัด ปีศาจพืชพันธุ์
คลังเสบียงที่ดีของเซริว หนึ่งในพี่เลี้ยงเด็กที่แสนจะอ่อนโยนและมีประโยชน์
รักต้นไม้ใบหญ้าหากลองเข้าไปที่ตำหนักของเขาเชื่อได้ว่าคุณจะเจอต้นไม้ร้อยแปด
และเนื่องจากทั้งชีวิตอุทิศให้พืชพันธุ์ก็คงไม่พ้นสถานะ
"โสดจนชิน"
อินดาส ษูเบียน
สังกัด . ปีศาจโคลน
นักปรุงยาแห่งราชอาณาจักรปีศาจ เก่งด้านการวางแผนและทำหลุมพราง
เชื่อว่าเขาสามารถแยกร่างได้เป็นจำนวนไม่ถ้วน
มีพี่น้องโคลนอยู่ที่ชั้นใต้ดินทางระบายน้ำแห่งราชอาณาจักร(!?)
ฟีเทียซ ลาบิรินทร์
สังกัด . จ้าวปีศาจ
เด็กน้อยยามสายัณทร์และจ้าวปีศาจในตอนกลางคืน
พลังอำนาจล้นเหลือ งานอดิเรกคือแบกหาม ของที่ชอบแบกที่สุดคือเซริว (?)
ร่างยามโตมีเสน่ห์ล้นเหลือ ร้ายกาจและมีเสน่ห์ซะจนไม่ต้องใช้พลังคนอื่นก็ยอมทวีกายทำตาม !!
ชื่อ (ยังไม่ได้คิด)
สังกัด . ปีศาจวัว
ชายหนุ่มเนื้อหอมที่มักจะมีกระพรวนติดคอไปด้วยทุกที่เหมือนวัวป่าฝูงใหญ่ที่เขาเลี้ยงเลี้ยงอยู่
บางทีก็เป็นหนุ่มเจ้าสำราญแต่บางทีก็เป็นคนจริงจรัง
ควบด้วยตำแหน่ง การแข่งวิ่งชนเขาวัวอันดับหนึ่งอย่างสวยงาม
จึงไม่แปลกที่บ้านจะมีเกียรติบัตรมากมายที่เจ้าตัวบอกว่าเหล่าวัวชอบกินเพราะทำมาจากกระดาษชั้นเลิศ !
ความคิดเห็น