ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มายาอธิษฐาน

    ลำดับตอนที่ #5 : - ตอนที่ 4 - ( r e w r i t e )

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      1
      7 มิ.ย. 57

    ? Supercell







    4
     

                    “เกิดอะไรขึ้น!?”
                    สิ้นเสียงคุณหญิงผกาวดี เงียบไปได้ครู่หนึ่งเพราะความอึ้ง เสียงตะโกนวี้ดว้ายกระตู้วู้สร้างบรรยากาศป่ารกทึบให้เหมือนแพรก็ดังขึ้นจากสองสาวคู่อริที่พลีชีพกระโดดลงน้ำตามเพื่อให้คิดว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ คิดแล้วก็อยากจะด่ากลับแต่ก็ทำไม่ได้เพราะน้ำในสระกำลังทำเธอสำลัก
                    “คุณแม่ขา! ช่วยพวกหนูด้วยค่ะ! นังหัวตกถังสีนั่นมันผลักพวกหนูตกลงสระค่ะ!” หวางซินเยี่ยนเป็นมนุษย์ที่ระริกรี้ที่สุดเท่าที่เหมือนแพรเคยเจอ มิหนำซ้ำหล่อนยังพูดเป็นภาษาอังกฤษกะให้คนทั้งงานตราหน้าเธอ แสบนัก!
                    ให้ตายเถอะ! แขกในงานพากันเข้าข้างยัยข้อสั้นนี่เพียงเพราะเป็นเซเลบริตี้ที่มีผลงานภาพยนตร์ซึ่งแมรีเช่ามาดูเมื่อคืนก่อน!
                    “มันทำกับพวกหนูขนาดนี้ คุณแม่กับคุณหญิงต้องเอาเรื่องมันนะคะ!” ตามด้วยหวางลี่เจินที่วี้ดว้ายเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับใช้มือตีน้ำด้วยความไม่พอใจพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษมายังสาวไทยผู้ซึ่งพยายามจะเดินเข้าหาขอบสระโดยที่พยายามให้แค่ช่วงลำคออยู่เหนือน้ำ เพราะตอนนี้ซิปที่หลังของเธอหลุดลงมาและเมื่อขึ้นจากน้ำ ตัวชุดอาจจะร่วงลงมาเปิดให้เห็นทรวดทรงองค์เอวจนหมด ถึงจะโดนเพื่อนแซวๆว่าแบนเป็นไม้กระดานแต่ถ้าถูกเปิดเผยในที่ธารกำนัลเช่นนี้ล่ะก็ชีวิตพังแน่ ใบหน้าของเธอที่พยายามจะเรียบนิ่ง ไม่สะทกสะท้านต่อผู้คนที่ยืนมองดูจะเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ อีกทั้งอากาศที่หนาวเย็นและน้ำที่เย็นชืด ทำให้สั่นไปทั่วสรรพางค์กาย ซานฟรานซิสโกจะหนาวที่สุดตั้งแต่เธอมาเหยียบที่นี่ก็วันนี้เอง
                    เหมือนแพรรีบยันตัวเองขึ้นมาจากสระ ไม่สนใจว่าท่าของตนจะทุเรศในสายตาคนอื่นขนาดไหน อย่างน้อยๆเธอก็ยังมีเพื่อนสาวทั้งสามคนคอยช่วยเธอจนเธอสามารถลุกขึ้นยืน ก่อนที่บริกรสาวผิวสีน้ำผึ้งเพื่อนของเธอจะวางเสื้อสูทสีดำหลงบนบ่าเพื่อกันหนาวและปกคลุมเนื้อหนังของเหมือนแพรไม่ให้เป็นจุดสนใจของคนในงานไปมากกว่านี้ ไม่เว้นแม้แต่นายแพทย์ศตายุซึ่งมองทุกอิริยาบถของเหมือนแพรแทบไม่ละสายตา แต่ก็ต้องขมวดคิ้วดกเข้มได้รูปเข้าหากันเมื่อเห็นเสื้อสูทสีดำลงมาคลุม ไม่ใช่ว่าดูผิวพรรณและแผ่นหลังที่ขาวเนียนของเธอไม่เต็มอิ่ม...จริงๆแล้วนั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ๆก็คือ...
                    “ขอบคุณพวกแกมากนะ ว่าแต่นี่เสื้อใคร?” เหมือนแพรแทบลืมความเสียใจและอับอายเมื่อได้รับน้ำใจในยามคับขันจากเพื่อนสนิททั้งสาม และใครสักคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของเสื้อ เป็นผู้พันแซนเดอร์รึเปล่านะ?
                    “นู่นๆ เดินมานู่นแล้ว” สายไหมเพยิดหน้าไปทางชายหนุ่มตาตี่ที่เธอพึ่งจะรู้จักเมื่อครู่นี้ แต่สำหรับเหมือนแพร เธอรู้จักแล้ว เดินมาด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด
                    “นายเกาหลี...?”
                    เขาไม่รู้หรอกว่าเธอเอ่ยอะไรออกมา แต่เมื่อเขาเห็นเธอ ก็รีบถามด้วยภาษาอังกฤษแปลกๆที่เธอเริ่มจะชินแม้จะรู้จักกันแค่เพียงวันเดียว “คุณเจ็บตรงไหนมั๊ยครับ?”
                    ไม่ทันที่จะได้ตอบกลับไป ร่างกายของเหมือนแพรก็พลันแข็งทื่อ ไม่ใช่เพราะอากาศที่หนาวเย็นลง แต่เป็นเสียงเรียกของคุณผู้หญิงที่ฟังแล้วถึงกับต้องหยุดเดินและหันกลับไปเจอใบหน้าไม่พอใจของท่าน
                    “คุณเหมือนแพร เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

                    แม้จะไม่ได้รับเชิญมาด้วย แต่สามสาวเพื่อนซี้ก็เดินก้าวฉับๆตามเหมือนแพรมาในห้องรับแขก ณ ชั้นหนึ่งของตัวอาคารราวกับเป็นคู่กรณีเสียเอง โดยปล่อยให้ผู้คนในงานสนุกสนานกันต่อกับพ่อหนุ่มแซ็กโซโฟนซึ่งวางเครื่องดนตรีหาเลี้ยงชีพครู่หนึ่ง หยิบไมค์ขึ้นมาก่อนจะส่งสัญญาณสมาชิกที่เหลือในวงแจ๊สที่มาวันนี้ให้บรรเลงต่อ เมื่อเขามองเห็นสีหน้าจะเอาเรื่องให้ได้ของลมหนาว นักเปียโนสาวคนสนิทเดินเข้าบ้านไป ซึ่งแปลเป็นไทยได้ใจความดังนี้
                    “พี่ป้าน้าอาหัวใจวัยรุ่นคนใดใคร่จะเต้น ขอเชิญกลางฟลอร์เลยนะครัชแหม่!”
                    เสียงเพลงที่บรรเลงโดยวงแจ๊สจากบาร์ที่หรูที่สุดในเมืองกำลังค่อยๆกลืนภาพเหตุการณ์สาวน้อยตกน้ำเมื่อครู่ไป แต่บรรยากาศภายในบ้านนี่สิ ชักจะมาคุขึ้นทุกขณะ เหมือนแพรเห็นยัยสาวดอกไม้สองคนนั้นกำลังนั่งเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่คนรับใช้ของบ้านเตรียมมาให้อย่างกับตกบ่อเกรอะก็ทำเอาเธอละเหี่ยใจจนต้องเหลือกตามองเบื้องบน
                    “เล่าทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษซิ ลี่เจิน ซินเยี่ยน” ก่อนที่สองคนนั้นจะดิ้นพล่านไปมากกว่านี้ คุณหญิงผกาวดีก็ปรามด้วยคำสั่งที่ทำให้สาวจอมจุ้นทั้งสองคนนั่งนิ่ง
                    “ยังจะต้องฟังอะไรอีกล่ะ? ยัยหัวเรืองแสงนี่มันผลักลูกสาวของฉันนะวดี” คนเป็นแม่ที่เห็นลูกเป็นเทวดานางฟ้าจากสวรรค์เบื้องบนกลับสนับสนุนให้ลูกของตนเองทำผิดๆ ทำเอาลมหนาวต้องออกปากทั้งที่รู้ว่าจะต้องโดนด่ากลับมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ
                    “แต่ที่ฉันมองลงมาจากเวทีเนี่ย ลูกสาวคุณกระโดดลงน้ำเองนะคะ”
                    “แกยุ่งอะไรด้วยยะ? อ๋อ! เพื่อนกันล่ะสิ คุณผู้หญิงอย่าไปฟังมันนะคะ! เป็นเพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว มันกำลังสร้างเรื่องลี่เจินพูดพลางโยนผ้าเช็ดหัวไว้ที่ผนักโซฟา เห็นว่าพูดภาษาไทยก็เลยคิดว่าสาวชุดดำซึ่งส่งสายตาคาดโทษมายังเธอไม่น่าจะทำอย่างอื่นนอกจากประจบ
                    “ฉันไม่ได้เข้าข้างเพื่อนฉัน ฉันเข้าข้างความถูกต้องย่ะลมหนาวตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะหันไปพูดภาษาไทยกับคุณผู้หญิง “เชื่อฉันนะคะคุณผู้หญิง ถึงฉันจะเล่นเปียโนแต่สายตาของฉันก็ไม่ได้มองแต่แป้นนะคะ ยิ่งมองลงมาจากเวทีเนี่ย ชัดแจ๋วเลยค่ะ!
                    “โถ่คุณ...อย่าเข้าข้างเพื่อนคุณหน่อยเลยน่า เพื่อนคุณทำผิดก็ยอมรับเถอะ ทำแบบนี้ไม่คูลเลยนะ” จู่ๆเสียงของศตายุซึ่งยืนเงียบอยู่นานหลังจากช่วยคุณท่านเดินมายังโซฟานุ่มก็ดังขึ้น “ไม่ได้ทำแต่มาช่วยเอาใบบัวมาปิดแบบนี้ เดี๋ยวคุณจะพลอยเสียชื่อเสียการเสียงานไปด้วยเปล่าๆ” มิหนำซ้ำเขายังหัวเราะเยาะราวกับว่าการที่ลมหนาวเริ่มออกรบเป็นการเถียงข้างๆคูๆ และคำพูดของเขาก็บาดเข้าไปในใจของเหมือนแพรจนเธอต้องเกร็งกำปั้นเก็บความโกรธ เหมือนแพรเกือบจะลุกขึ้นมาตอบโต้อยู่แล้ว แต่โดนลมหนาวห้ามไว้
                    “เดี๋ยวไอ้บ้านี่ฉันจัดการเอง เก็บแรงไว้ไฝว้กับนังเอเลี่ยนกับนังถังแก๊สเถอะ” นักเปียโนสาวก้มหัวลงมากระซิบ ก่อนจะเดินกอดอกเข้าหาศตายุพร้อมกับเชิดคางของเธอขึ้นสูง
                    “อ้าว...ทำไมเป็นหมอแล้วพูดหมาๆอย่างนี้ล่ะจ๊ะ?!”
                    “เฮ้ยๆ ไอ้ลมแกใจเย็นๆ” ประโยคคำถามของลมหนาวที่เอ่ยแบบชวนหาเรื่องทำเอาต้นน้ำต้องรีบวิ่งตามไปปรามลมหนาว สายไหมซึ่งยืนอยู่ข้างๆเหมือนแพรเห็นแล้วก็ถึงกับกุมขมับไปตามๆกันเพราะคนที่เดินเข้าถ้ำเสือก็แรง คนที่เดินเข้าไปจะห้ามก็แรงไม่แพ้กัน หวังว่าแค่ว่าวันนี้ป้าต้นน้ำจะไม่มีรอบเดือนหรืออารมณ์เสียจากใครมาก่อนหน้านี้ไม่อย่างนั้นล่ะก็ไม่มีใครรั้งอยู่แน่
                    “แล้วคุณล่ะ? จะเล่นหมาหมู่เหรอ?” ศตายุได้ยินคำพูดชวนทะเลาะของสาวตรงหน้าที่เขาเคยเรียกว่าแม่คนไข้ สงสัยว่าจะความประทับใจที่มีอยู่น้อยนิดจะแตกหักก็ค่ำคืนนี้ “ก็หมาเหมือนกันแหละครับ”
                    “ฉันรู้ว่าคุณเห็นว่าเพื่อนฉันน่ะมันโดนผลัก ส่วนยัยเอเลี่ยนกับยัยถังแก๊สนั่น โดดลงไปเอง โดยเฉพาะยัยถังแก๊ส นี่กะเอาออสการ์เหรอจ๊ะ?” ลมหนาวจงใจพูดเป็นภาษาอังกฤษให้สองคู่กรณีนั้นรู้ จนพวกหล่อนดิ้นพล่านยอมรับความจริงไม่ได้
                    “นี่มันจะมากไปแล้วนะคุณ!” คุณหญิงซึ่งนั่งฟังยัยนักเปียโนปากดีคนนี้มานานเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนชี้ไปยังประตูบานใหญ่อย่างเกรี้ยวกราด “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าให้ดี ออกจากงานวันเกิดของฉันไปเลยด้วย! ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งกันหัวโด่ยังจะมาปากเสียข้ามหัวกันไปมาอีก ออกไป!”
                    ดูเหมือนลมหนาวจะไม่ยอม แต่กลับกลายเป็นว่าเพื่อนของเธอต้องลากเธอออกไปเอง สายไหมเดินเข้ามาดึงแขนนักเปียโนสาวช่วยต้นน้ำผู้กระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยจะดีอีกแรง
                    “รูดซิปปากแกก่อนเถอะลมหนาว มีอะไรอยากด่าค่อยลงที่ทวิตเตอร์นะ นะๆ ถือว่าผู้อาวุโสอย่างฉันขอแล้วกัน” ว่าแล้วต้นน้ำก็ช่วยพูดปลอบเพื่อนสาวที่มีสีหน้าเอาเรื่องก่อนจะพาตัวของเธอที่พยายามจะยืนแข็งทำให้ลากยากขึ้นออกไปตามคำสั่งของเจ้าของบ้าน
                    สุดท้ายก็ลากออกมาจนได้ แต่ที่แย่ก็คือคุณหญิงผกาวดีได้สั่งศตายุให้เดินไปล็อคประตูเพื่อไม่ให้สองบริกรเพื่อนของเหมือนแพรกลับมาเข้ามาได้ เพราะดูท่าแล้วเพื่อนของหล่อนทุกคนมีสีหน้าเอาเรื่องกันทั้งสิ้น
                    “เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย!?” หันมาอีกที สายไหมพยายามใช้แรงแขนจากการเล่นแบดมินตันเป็นงานอดิเรกมาตั้งแต่ยังเล็กดึงประตูเมื่อบิดกลอนไม่ได้ พร้อมกับส่งเสียงพูดกัดฟันด้วยความไม่ได้ดั่งใจ ฟังแล้วโหวกเหวกดังไปถึงด้านในแน่นอน แต่คนภายในก็ไม่สนใจ ยิ่งต้นน้ำซึ่งเห็นว่าเหตุการณ์นั้นแย่ลงเรื่อยๆก็รีบปรามสายไหมที่พยายามจะเปิดประตูอยู่ที่เดิมโดยลากตัวเธอลงมายืนอยู่กับลมหนาวที่ยืนฟึดฟัดอยู่คนเดียวกับพื้นกระเบื้องกลางบ้านภายใต้แชนเดอเลียร์ตัวใหญ่ที่ส่องแสงระยิบระยับ
                    “หยุดเลยนะ! ทั้งสองคนเลย!” ต้นน้ำยืนตรงหน้าเพื่อนสาวทั้งสองพร้อมกับยกนิ้วขึ้นชี้หน้า
                    “โห่ป้า!” ได้ยินแบบนั้นจากปากทั้งสองพร้อมกันเธอก็ส่ายหัวด้วยความหน่ายใจ ที่ตนเองมีเพื่อนซึ่งไม่ต่างกับลูกสาวจอมเอาแต่ใจเลยแม้แต่นิด
                    “พวกแกนี่อะไร? ฟัดกับหมามารึไงห๊ะ?!”
                    “โห่ป้า! นี่มันเล่นล็อคประตูแบบนี้ จะปิดห้องตบเพื่อนเรารึเปล่าก็ไม่รู้!” สาวใต้ยกมือขึ้นเท้าสะเอวพร้อมกับตั้งข้อสงสัยที่อาจจะเป็นจริง
                    “นี่แกดูละครมากไปรึเปล่ายะไอ้หมี!?”
                    “ไม่หรอกป้าต้นน้ำสวนกลับ ทว่าลมหนาวยกมือขึ้นกอดอกอีกครั้งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆแต่ขัดแย้งกับต้นน้ำ “ข่าวก็มีให้เห็นกันเยอะแยะ แล้วยิ่งล็อคห้องแบบเนี้ยะ ไม่ถึงกับต้องตบหรอก แต่ยัยแพรโดนรุมด่าแบบไม่มีทางสู้แน่ โถ่เว้ย! ใครกันแน่ที่หมาหมู่?
                    ต้นน้ำหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกกับสองสาวหัวใจนักเลงตรงหน้า แล้วออกปากเตือนเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเสียงที่แผ่วเบา “แล้วนี่พวกแก...จะลดตัวไปฟัดกับหมามันทำไม? แล้วอีกอย่างนะ ถ้าพวกแกสองคนอยากอยู่บ้านของฉันต่อ อย่าไปมีเรื่องกับคุณหญิงท่านเด็ดขาด เขาเป็นเพื่อนซี้กับพ่อแม่ของฉันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แล้ววันดีคืนดีเนี่ยนะ เขาอาจจะสั่งให้พวกแกออกนอกอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถสั่งสามีเขาให้ระงับวีซ่าพวกแกได้เลย ทีนี้พวกแกเลิกคิดว่าจะไปสู้กับเขาได้รึยัง!?”
                    “เออๆ ก็ได้” คำพูดที่ออกมาจากปากของสาวใต้ดูเหมือนเป็นเพียงลมไร้ค่า เพราะสีหน้าของเธอยังเอาเรื่องอยู่ ส่วนลมหนาวนั้นไม่พูดอะไรแต่ฟึดฟัดทำท่าไม่พอใจคล้ายเด็กไม่ได้ของเล่น เมื่อต้นน้ำเห็นทั้งคู่อารมณ์เย็นลงแล้วก็พาเดินออกไปจากตัวบ้านโดยที่เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของท่านทูตและผู้พันแซนเดอร์ของเหมือนแพรซึ่งเป็นชายรับใช้ผู้ติดตามทั้งสิ้น ท่านทูตเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความละเหี่ยใจ ก่อนจะเคาะประตูห้องรับแขกให้เปิดออก
                    “นี่เมียฉันไม่ชอบใครอีกแล้วล่ะเนี่ย?”
                    บรรยากาศภายในห้องที่ท่านทูตเหยียบเข้ามาทำเอาเหมือนแพรเย็นยะเยียบ แต่ก็ต้องขอขอบคุณแววที่มุทะลุดุดันมายังภรรยาของท่าน ที่ทำให้พวกชะนีลิงค่างบางตัวเลิกส่งเสียงโหยหวนชวนเธอปวดหัว หลังจากที่คุณหญิงหันมาถามความจริงจากเธอ แต่ก็ดูเหมือนคำบอกเล่าของเธอจะเป็นเพียงเรื่องโกหกสำหรับท่าน
                    “เหตุการณ์เป็นไปตามที่เพื่อนของฉันพูดทั้งหมดค่ะ หลังจากที่ฉันลงน้ำไปแล้วเกิดเสียง ก็เกิดเสียงแบบเดียวกันดังขึ้นสองครั้งติดกัน คนที่ลงน้ำไปก่อนอย่างดิฉันไม่มีแรงพอจะดึงสองคนนี้ลงมาได้ ตามที่พวกเธอว่าไว้เมื่อกี้หรอกค่ะ”
                    ยิ่งเพราะมีศตายุคอยเป่าหูว่าเรื่องที่เธอพูดเป็นเรื่องไม่จริงอยู่ข้างๆ ทั้งยังยกมือขึ้นปกป้องปากและกระซิบข้างหูท่านแบบไม่เกรงใจ ยิ่งทำให้เหมือนแพรเดือดดาล
                    “ขอผมนั่งฟังด้วยคนสิที่รัก ว่าตรงกับที่อดัมเล่าให้ฟังรึเปล่า?” ท่านทูตหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้โซฟาฝั่งตรงข้ามกับภรรยาของตนอย่างสุขุมเยือกเย็น รอฟังความจากทั้งสองฝ่าย
                    “ไม่ต้องฟังอะไรทั้งนั้น! ฉันเบื่อที่จะอารมณ์เสียในงานวันเกิดของตัวเองเต็มทีแล้ว!” แต่คุณหญิงนั้นเอาแต่ใจกว่าที่สามีคิด “ไปคุยธุระที่นัดกันไว้เถอะ ไว้หลังงานจบฉันจะจัดการกับแม่นี่ให้เธอเองนะอี้เฟย”
                    “ไม่ค่ะ! หนูจะไม่ยอมให้คุณป้าจ้างนังนี่มาเป็นล่ามเด็ดขาด ไว้วันหลังหาคนใหม่แล้วค่อยคุยกันเรื่องที่ก็แล้วกันนะคะ” ลี่เจินแทรกขึ้นและลุกพรวดออกจากโซฟาไปตามด้วยคนน้อง ก่อนจะสมทบด้วยคนเป็นแม่
                    “ขนาดเรื่องนี้ยังเถียงข้างๆคูๆเลย คุยเรื่องธุรกิจสำคัญๆก็คงสร้างเรื่องแปลให้เข้าใจผิดกันไปอีก ไว้โอกาสหน้ากับล่ามคนใหม่ก็แล้วกันนะคะเพื่อน”
                    คนจีนทั้งสามเดินออกไปจากห้องรับแขกจนหมดแล้ว ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่ท่านทูต คุณหญิงผกาวดี นายแพทย์ศตายุและเหมือนแพรเท่านั้น แต่เหมือนแพรกลับรู้สึกว่าในห้องเหลือเพียงเธอคนเดียว
                    “เธอจะรับผิดชอบงานนี้อย่างไร?” คุณหญิงหันมาถามเธอด้วยสีหน้าจะเอาเรื่อง “ทั้งความเสียหายรายได้ธุรกิจ แล้วบรรดาเครื่องจานชามที่ทางสถาบันจัดมาให้...”
                    “ดิฉันขอโทษ แต่เรื่องทั้งหมดที่ดิฉันและเพื่อนของดิฉันพูดนั้นเป็นเรื่องจริงนะคะ”
                    “นี่ยังจะมาเถียงฉันอีกเหรอ!? ใครๆเขาก็เห็นว่าเอเป็นคนเริ่มก่อน!” ว่าแล้วท่านก็เอ่ยประโยคเด็ดขาดออกมา “มันเป็นสิทธิ์ของฉันที่จะไม่ให้ค่าจ้างกับเธอ และมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันอีกอย่างหนึ่งที่จะให้เธอจ่ายค่าเครื่องจานชามใช้ทางสถาบันเอง”
                    “ไม่นะคะ!”
                    “พรุ่งนี้ฉันจะให้ทางสถาบันแจ้งค่าเสียหายมา เตรียมตัวรับกรรมก็แล้วกัน” และแล้วก็ได้เวลาที่คุณผู้หญิงเดินเชิดหน้าออกไปกู้หน้าตาและชื่อเสียงของตนกลับมากับงานที่เกือบจะพังไม่เป็นท่า เหมือนแพรยังได้ยินเสียงกล่าวชื่นชมศตายุที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ซึ่งเดินตามออกไปด้วย ยิ่งเห็นเขาหันมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากเชิงเยาะเย้ย ก็ยิ่งเศร้าใจว่าไม่มีใครเชื่อเธอเลยสักคนทั้งที่พวกนั้นทำตัวเอง เธอจึงรีบรุดออกจากห้องรับแขกนั้นมาโดยที่มีสายตาหน่ายใจของท่านทูตต่อภรรยาตามหลังไป

     

     

     

                    บรรยากาศภายในงานนั้นแลดูจะกลับเป็นปกติสุขดีแล้ว ผู้คนกำลังรื่นเริงกับเสียงดนตรีและของมึนเมาที่ถูกชงจนเกิดสีสันสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศของแสงไฟสีนวลเหมือนนำดาวจากฟ้ามาประดับตกแต่งไว้ทั่วงาน ยิ่งเจ้าของวันเกิดได้ขึ้นเวทีไปกล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆก็ยิ่งเพิ่มระดับความสุขของงาน
                    “แหม...ถึงจะเกิดเรื่องวุ่นวายบ้าง แต่ทุกท่านที่มาก็สนุกสนานดีใช่หรือไม่คะ?” คำถามภาษาไทยตรงกับแขกผู้มีเกียรติคนไทยเกือบทุกคนในงานเรียกเสียงโห่ร้องและปรบมือด้วยความยินดีจนดังกึกก้องไปทั่วงานหลังจากคุณผู้หญิงได้ไมโครโฟนจากนักดนตรีแซ็กโซโฟนหนุ่มเท่ซึ่งหยุดเล่นเพราะเป็นเวลาของเจ้าของงานมาไว้ในมือ
                    “ที่ทุกอย่างดูดี ทุกคนสนุกสนานได้ขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่หลายๆคนก็มาอุตส่าห์บินมาจากต่างรัฐ ต่างเมือง บางคนก็บินตรงมาจากไทยที่มาร่วมสนุกกัน และที่ขาดไม่ได้เลย ออร์แกไนเซอร์คนเก่งของดิฉันที่จัดงานนี้ขึ้นมา ลูกสาวของดิฉันเองค่ะ หนูเอิงเอย กชกรวลัญช์ของดิฉันเองค่ะ!
                    สิ้นประโยคขอบคุณลูกสาวแบบปนอวย เสียงปรบมือและโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งเพราะที่เชิญมาก็มีแขกที่เป็นเพื่อนกับลูกสาวคนนี้ด้วย แต่ศตายุไม่ใช่เพื่อน แม้จะอายุเท่ากันทว่ามีความสุขุมมากกว่าจึงยืนปรบมืออยู่ข้างๆระหว่างที่มองใบหน้ายิ้มรับขอบคุณผู้คนทั้งงานของเอิงเอยที่ยืนโบกมืออยู่หน้าเวที โดยที่เอิงเอยเองไม่ลืมที่จะน้อมหัวลงน้อยๆเป็นเชิงขอบคุณกับนายแพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันเพราะพึ่งได้คุยกันอย่างออกรสเมื่อครู่นี้
                    “ไหนๆก็ฉลองวันเกิดของดิฉันแล้ว ฉันคิดว่า...นี่ก็เป็นเวลาที่ดีที่จะฉลองกับข่าวดีของลูกสาวฉันด้วยค่ะ” จู่ๆแววตาเลศนัยก็บังเกิดขึ้นบนใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มสีสันของคุณหญิงผกาวดี เมื่อเห็นแขกเหลื่อทุกคนในงานกำลังรอฟังข่าวดีที่ว่านั้นอยู่ “ลูกสาวของดิฉัน...”
                    จะเว้นก็แต่ลีฮันคังช่างภาพชาวเกาหลีที่ทำงานของตนเองอย่างเต็มกำลัง ยกกล้องตัวใหญ่คู่ใจขึ้นถ่ายภาพรัวๆ เพราะไม่รู้ว่าคนบนเวทีพูดอะไร อีกทั้งเขายังชะเง้อชะแง้มองสาวไทยผมส้มคนนั้นที่เขาให้เสื้อสูทตัวนอกไปคลุม เพราะอุณหภูมิที่ลดลงตามเวลาที่ดำเนินไปทำให้เขาเริ่มหนาว แต่ก็ไม่วายที่จะอยากรู้ว่าเธอคนนั้นไปไหน? เธอจะรู้บ้างมั๊ยนะว่าทำเขาเป็นห่วง?
                    และเหมือนแพร อดีตล่ามสาวที่ปลีกตัวหาที่เงียบๆอยู่สงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้ร้องไห้ผิดหวังในโชคชะตา เธอจึงยืนคุดคู้และใช้แขนเท้าคางด้วยสีหน้าที่แสนเซ็ง ไม่มีอะไรที่ควรจะเป็นเลยสักอย่าง ณ ระเบียงกว้างและโล่งที่ด้านหลังของคฤหาสน์หลังโตนี้ ซึ่งสามารถจัดงานเลี้ยงระดับหรูหราอีกงานได้อย่างสบายๆ เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่ได้ยินอะไรจากงานบริเวณด้านหน้า และรู้สึกดีที่ได้ยืนอยู่เฉยๆ พักเท้าของเธอที่เริ่มเจ็บเพราะไม่ชินกับส้นสูงและกระดูกที่มีปัญหา แต่ระหว่างพร่ำบ่นความผิดของตนเองอยู่นั้นก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเสื้อที่ให้ความอบอุ่นกับเธออยู่คือเสื้อของฮันคัง จึงรีบก้าวเท้ากลับไปยังบริเวณหน้างาน แม้มันจะยากก็ตามเพราะเท้าของเธอที่มีปัญหา ยิ่งมาใส่ส้นสูงปรี๊ดขนาดนี้แล้วนั้น มันเจ็บเหลือเกิน
                    “ลูกสาวของดิฉันกำลังจะหมั้นกับนายแพทย์ศตายุ แพทย์ศัลยกรรมกระดูกที่ดังและเก่งที่สุดในซานฟรานค่ะ! ปรบมือค่ะ!”
                    ดูจะมีเพียงว่าที่แม่สะใภ้และแขกเหลื่อในงานที่แสดงความยินดีอย่างสุดหัวใจ ส่วนตัวคู่หมั้นทั้งสองได้แต่ยืนมองหน้ากันนิ่งงันด้วยความอึ้ง แม้ศตายุจะไม่เชื่อในสิ่งที่เอิงเอยพูดออกมาหลังจากการประกาศแบบสายฟ้าแลบนั่นก็ตาม
                    ฉ...ฉันไม่รู้เรื่องเลยนะคะพี่หมอ”
                    “อาร์ยูชัวร์อะเบ้าท์แดท? (Are you sure about that? = เธอแน่ใจเหรอ?)”
                    เอิงเอยไม่สามารถใช้มือซึ่งสร้างผลงานหนังสือท่องเที่ยวมากมายรั้งเขาไว้ได้ ร่างสูงในชุดสูทสง่าเดินหายไปในหมู่ผู้คนอย่างกระฟัดกระเฟียด เธอดูปราดเดียวก็รับรู้ได้ว่าเขารู้สึกไม่พอใจมากแน่ที่คนไข้ผู้มีพระคุณต่อเขาเล่นวิธีคลุมถุงชนเอาง่ายๆแบบนี้ สีหน้ารู้สึกผิดจึงถูกแสดงออกมาบนใบหน้าของนักเขียนสาวชื่อดังที่คงจะพึ่งสำนึกว่าเธออ่านนิยายมากเกินไปและคิดว่าวิธีนี้มันง่ายกับผู้ชายประเภทศตายุ
                    คนอย่างศตายุไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!
                    เหมือนแพรซึ่งกำลังจะเดินก้าวเข้างาน เมื่อเข้าใกล้ต้นเสียงและการประกาศดั่งสายป้าแลบเช่นนั้น เธอก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตาถึงได้ไหลออกมาจนเธอต้องรีบยกมือขึ้นปาดด้วย?
                    “แกนี่มันแพ้ทางหมอจริงๆเลยนะแพร...”

     

     

     

     









     

    PS. มาอัพต่อแล้วน้า~ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมเยียนนิยายเรื่องนี้ค่ะ :) ถึงแม้จะดองบ้างอะไรบ้าง 55555
    * มาเพราะทีเซอร์บีสท์จริงๆข่ะ 55555555555 *

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×